ขอบคุณครับ
ที่ช่วยปั่นกะทู้ให้คนอื่นๆเขาได้เห็นเป็นสง่า จะได้ไม่พลาดรายการดีๆแบบนี้..
ยินดีคร้า...เติ้ลมีหน้าที่นำสิ่งดีๆต่อชีวิตให้กับพวกขี้แพ้ในเว๊บนี้ไง "คตส.สิ่งแปลกปลอมในระบบนิติรัฐ โดย คุณสายลมรัก
ที่มา เวบไซต์ thaifreenews
เกือบ ๒ ปีแล้วสินะที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ หรือ คตส.ได้ดำเนินการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน การกระทำการของบุคคลที่ก่อให้รัฐเกิดความเสียหาย หรือคดีเฉพาะที่เลือกไว้เป็นการเฉพาะ อันเกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่อง หรือเฉี่ยวเพียงเล็กน้อย กับบุคคลที่ชื่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี /หัวหน้าพรรคไทยรักไทย และพรรคพวก
ไม่มีประเด็นอะไรคืบหน้า นอกจากข้อกล่าวหาการประมูลจัดซื้อที่ดินรัชดา จากกองทุนฟื้นฟูฯ เพียงคดีเดียวเท่านั้น ที่สามารถชี้มูลความผิดให้อัยการส่งฟ้องได้
หากนึกย้อนหลังไปในต้นปี ๒๕๔๘ ถึงปลายปี ๒๕๔๙ ก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ คณะกลุ่มบุคคลขาประจำ ที่มักอ้างว่า พวกตนเป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ ได้ผนึกกำลังกันก่อวิกฤติทางการเมือง โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาลพลเรือน ของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร โดยกล่าวหา และชี้นำให้สังคมไทยเห็นว่า รัฐบาลดังกล่าว มีการทุจริตในโครงการต่าง ๆ ของรัฐอย่างมากมายมหาศาล
ถึงขนาดตั้งสมญานาม หรือมอตโต้ให้ว่า โคตรโกง หรือ โกงทั้งโคตร ปลุกกระแสสังคมไทยให้เชื่อได้ว่า อนุมานได้ว่า แมร่งโกงแน่ จนเกิดความโกลาหลเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าของสารขันธ์แลนด์ ไม่ว่าทางสังคม ทางเศรษฐกิจ หรือการเมือง หรือเรียกได้ว่า แผ่นดินแทบจะลุกเป็นไฟ ก็ว่าได้
ในที่สุด คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ก็ออกมายึดอำนาจโค่นล้มอำนาจ ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มหรือคณะบุคคลดังกล่าว และเข็นประเทศไทยเข้าสู่ ๑ ใน ๕ ของประเทศที่ปกครองโดยระบบรัฐบาลทหาร หรือรัฐบาลเผด็จการ สมใจอยากของชาวสารขันธ์แลนด์ (บางกลุ่มบางพวก)ในขณะนั้น
หากคนไทยยังไม่เป็นโรคความจำเสื่อม คงจำกันได้ว่า คณะบุคคลที่ออกมาร่วมกันโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนในขณะนั้น ต่างก็ได้ดิบได้ดี ได้รับการอวยยศ อวยชัย กันเข้าไปนั่งในองค์กร ต่าง ๆ ในตำแหน่งสำคัญ ๆ สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับบุคคล หรือองค์กร โดยอ้างว่า เพื่อทำลายล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก และประเทศไทยก็จะสดใส สะอาด ไร้ราคีคาว ประหนึ่งหญิงสาวบริสุทธิเสียที แน่นอน ๑ ในองค์กร ต่าง ๆ นั้นได้มีองค์กรตรวจสอบเฉพาะกิจภาคพิเศษ คือ คตส.เป็น ๑ ในนั้นด้วย
ผมจำได้แม่น ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๙ คุณหญิงท่านหนึ่ง ที่หน้าไม่ตึง นั่งรถติดฟิล์มดำปื๋อ เข้าไปรับใบสั่ง อุ้ย... ไม่ใช่สิร ายงานตัวกับ คมช.ที่กองทัพบก พอเสร็จกิจ ก็ออกมาลดกระจก ยกนิ้วโป้งเชิดชู คมช.ให้นักข่าวเห็น พร้อมทั้งส่งสัญญาณเป็นนัยว่า งานนี้ในสามวัน เจ็ดวัน ต้องลากคอทักษิณเข้าตะแลงแกงได้แหงแซะ เพราะที่เคยกล่าวหาให้พันธมิตร ณ ค่าย TPI ก็เป็นหลักฐานตามปากได้มากเกินพออยู่แล้ว หลักฐานเพียบว่างั้นเหอะ
แต่ครั้นจะชงเอง กินเอง พิพากษาเอง ตามที่ใจมันอคติมาแต่ต้นก็กระไรอยู่ เพราะข้ออ้างที่ คมช.เข้ามาก่อการรัฐประหาร ก็บอกว่ามิได้ต้องการอำนาจ (แต่ในใจจริง ๆ ไม่รู้นะ) เพื่อให้ประชาคมในโลกเสรีเห็นใจ หากจะทำแบบนั้น มันก็จะเข้าข่าย กลั่นแกล้ง แล้วประชาคมโลกที่จับตาดูอยู่ เขาก็มิได้บริโภคหญ้าเป็นอาหาร เหมือนคนไทยบางกลุ่มซะด้วย ดีไม่ดี จะโดนบอยคอตเอาง่าย ๆ อย่ากระนั้นเลย ตั้งองค์กรอิสระ ที่ดูเป็นกล๊างงงง เป็นกลาง อย่าง คตส.ขึ้นมาดีก่า
คณะกรรมการตรวจสอบตามใบสั่งเฉพาะกิจ เอ๋ย ไม่ใช่ครับ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ หรือ คตส.จึงบังเกิดขึ้น โดยผู้ดำรงตำแหน่งที่แต่งตั้งนั้น ต้องมีคุณสมบัติ เกลียดทักษิณ เหมือนขี้ จึงจะได้นับการพิจารณาเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังได้รับค่าตอบแทนเรือนแสนต่อคน พร้อมรถประจำตำแหน่งอีก (แหมอู้ฟู่ กันเป็นแถว) แถมอำนาจหน้าที่ก็ดูจะล้นฟ้าจากคำสั่ง คปค.ที่ชี้เป็นชี้ตาย ให้ข้าราชการประจำ ไว้เป็นน้ำอิ๊วในการไล่บี้หาหลักฐานอีกด้วย นี่ยังไม่นับมาตรา ๓๐๙ ในรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ที่รับรองความประพฤติไว้ล่วงหน้าอีกด้วย คตส.จึงไม่ต่างอะไรกับพยัคฆ์ติดปีก ในการนำพยานหลักฐานลากคอทักษิณ มาเข้าตะแลงแกงให้ได้ แต่...............
เกือบสองปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก สังคมกลับแทบไม่ได้อะไรเลย นอกจาก คตส.จะส่งฟ้อง ชี้มูลความผิดอดีตนายกฯ ทักษิณ ทางหนังสือพิมพ์อย่างเดียว (ฮา) และที่พิพากษาเด็ดขาดตามคำสั่งฟ้องของ คตส. มันก็เป็นเฉพาะแค่หนังสือพิมพ์ค่ายผู้จัดการ และของค่ายเนชั่นเท่านั้นเสียด้วย (ฮา)
นี่ถ้าผู้เขียนบ้านอยู่หลังภูเขา คงนึกว่าบ้านนี้เมืองนี้ เขาตัดสินคดีความกันทางหนังสือพิมพ์แหง ๆ คดีเดียวที่กล่าวหาแล้ว ดูเป็นมรรคเป็นผลหน่อยโดยอัยการสั่งฟ้องก็คือ ข้อกล่าวหาทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาเท่านั้น สำหรับคดีอื่น ๆ อัยการมีความเห็นสั่งสอบเพิ่ม หรือถ้าจะให้บอกกันตรง ๆ ก็คือ หลักฐานไม่พอที่จะส่งฟ้อง หรือหลักฐานโคตรหลวม (ไม่แน่นเหมือนที่ปากโวไว้) ทั้ง ๆ ที่คดีที่ดินรัชดานั้น ตามความรู้สึกที่ชาวสารขันธ์ที่ได้ติดตามในข้อกล่าวหาดังกล่าว ยัง งง ไม่หายว่า มันผิดตรงไหนว๊ะ แต่เอาเถอะ ไปว่ากันในชั้นศาล หรือจุดจบของกระบวนการยุติธรรมจะดีกว่า
-คดีทุจริตกล้ายางพารา ที่สั่งให้ดำเนินคดีแบบเหวี่ยงแห ทั้งข้าราชการประจำ รัฐมนตรี บริษัทเอกชน ชนิดที่ต้องขนผู้ต้องหา ด้วยรถเมล์แบบยืนเบียด ๆ กันไม่รู้จะหมดหรือเปล่า ก็ดี
-คดีทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่บอกไว้ว่าโกงกินกันไว้ จนอาคารอาจถล่ม รันเวย์จะต้องพังฉิบหาย CTX ราคาแพง ฯลฯ เป็นความเลวร้าย ที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุการขนส่งทางอากาศครั้งยิ่งใหญ่ในบ้านเรา จนบัดนี้ก็ยังส่งให้อัยการฟ้องไม่ได้ แถมสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ยังไม่พัง และดันทะลึ่งเป็นห้องรับแขกของประเทศไทย ในการหารายได้เข้าประเทศหน้าตาเฉยก็ดี
วิญญูชนที่จับตามองการทำงานของ คตส.มาตลอดเวลา เริ่มสะอึก และชักคิดว่าตกลงทักษิณ แมร่งโกงจริงหรือเปล่าว๊ะ ระยะเวลาในการตรวจสอบส่งดำเนินคดี มันก็เนิ่นนานอยู่มากโขแล้ว เงินเดือนค่าตอบแทนก็รับกันโครม ๆ อยู่ทุกเดือน แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเป็นมรรคเป็นผล ยิ่ง คตส.รีบเร่ง ก็จะเป็นจุดบอด จุดอับของตัวเอง จากหน่วยงานแบบประเภท ขี้ใหม่หมาหอม ต้องกลายเป็นสิ่งแปลกปลอม หรือส่วนเกินในระบบนิติรัฐ เข้าไปทุกที
ที่ดูแสบสุด ๆ ก็ตอนมาทำงานเฉพาะกิจ คล้ายกับช่วยเหลือบางพรรคการเมืองเพื่อให้เข้าสู่อำนาจ แบบน่ากังขา ในกรณีทุจริตรถเรือดับเพลิงของ กทม. ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาทันที หลังจากสมัคร สุนทรเวช รับเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ตั้งไว้รองรับ อดีต สส.ของพรรคไทยรักไทยแพแตก หลังจากการถูกสั่งยุบพรรคฯ ตามแผนบันได ๔ ขั้น ยิ่งน่าเกลียดใหญ่
กรณีดังกล่าว ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่นงานเฉพาะ อดีตผู้ว่าบางคน และเลือกจะไม่แตะผู้ว่าบางคน จนสังคมอดสงสัยไม่ได้ว่า ตกลงหน่วยงานนี้ มันตั้งในสอบเฉพาะฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียวใช่หรือไม่(ผมไม่ตอบนะ คนอ่านไปคิดกันเอาเอง) นี่ยังไม่รวมสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในการพาบุตรชาย บุตรสาวดูงาน ต่างประเทศด้วยเงินหลวง แถมจ้างบริษัทแบบลับล่อๆ รับงานของ คตส.เอง
ล่าสุดคดี หวย ๒ ตัว ๓ ตัว ที่ คตส.กระเสือกกระสนฟ้องเองต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ตามที่อัยการไม่ฟ้องให้เพราะว่าสำนานมันหลวม และสั่งให้สอบเพิ่มนั้น) ศาลฯ ได้พิเคราะห์ว่า คำสั่ง คปค.ฉบับที่ ๓๐ เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๕๐ มาตรา ๙ ยิ่งทำให้ คตส.อาจจะมีอาการถึงขั้นตรีทูตได้
การตอกหน้านิ่ม ๆ โดยส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ สถานะของ คตส.ในครั้งนี้ หวังว่า คงไม่ออกมาโทษกลุ่มอำนาจเก่าอีกนะ เพราะหลักนิติรัฐนั้น กฎหมายระบุไว้ชัดแจ้งว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ระบุไว้ตามกฏหมายจะต้อง ดำเนินการอย่างไร
คตส.ในปัจจุบัน อาจถูกมองเปรียบเทียบได้กับผ้าก๊อช ที่หมอผ่าตัดลืมไว้ในท้องคนไข้ ซึ่งนอกจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดแล้ว ยังทำให้กระบานการยุติธรรม ในประเทศที่มีหลักนิติรัฐนั้น หนักใจอีกด้วย"