น่าจะตรงกับหัวข้อกระทู้นะครับ
คุณจักรภพ ออกมาเคลื่อนไหวอีกแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'จักรภพ'ร่วมแถลงฟื้น'พีทีวี'ออนแอร์7ก.ค. 'หมัก'มองเรื่องปกติ หนุนใช้หักล้างพันธมิตร วันที่ 05 กรกฎาคม 2551
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=39463&catid=1'จักรภพ 'แถลงฟื้น'พีทีวี' 'จุตพร'ลั่นทำได้ไม่ผิดกม. นายกฯเมินคำเตือนฝ่ายค้าน บอกเปิดพีทีวี ใช้ข้อเท็จจริงหักล้างพันธมิตรฯ
มองเรื่องปกติ
'จักรภพ' นำทีมลงขันปลุกสู้'เอเอสทีวี' พปช.' ชี้ไม่รอความตายเหมือน'แม้ว'ยันไม่ได้เผชิญหน้าแค่จะนำเสนอ
ข้อมูลครบทุกมิติ
'จักรภพ'แถลงฟื้น'พีทีวี' อ้างไม่ให้พันธมิตรฯยึดเมืองนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกรรมการบริษัทสถานีโทรทัศน์ พีทีวี
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช.)
ร่วมกันแถลงฟื้นสถานีโทรทัศน์พีทีวี
นายวีระ กล่าวว่า เป็นการเช่าเวลาของสถานีเอ็มวีทีวี 5 เพื่อจัดรายการเสนอข่าวสารเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องวิตกกังวลว่า
จะเกิดการปะทะของประชาชน ทั้งนี้ เห็นว่าหากแนวคิดการเมืองใหม่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกไป
เชื่อว่าจะเป็นอันตราย โดยจะไม่ยอมให้กลุ่มพันธมิตรฯทำอะไรตามใจชอบอีกต่อไป
ขณะที่
นายจักรภพ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องฟื้นพีทีวี เพราะไม่ยอมให้พันธมิตรฯยึดเมือง โดยจะจัดรายการ 5 ชั่วโมงต่อวัน
ซึ่งเริ่มตอนแรกในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.) โดยในเวลา 07.30 - 09.30 น. จะเป็นรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ และ
11.00 - 12.00 น. รายการมหาประชาชน 18.30 - 20.30 น. เป็นรายการเพื่อนพ้องน้องพี่
ด้านนายจุตพร กล่าวว่า การจัดรายการไม่ผิดกฎหมาย แม้ว่าตนและนายณัฐวุฒิจะมีตำแหน่งทางการเมือง
ดังนั้น หากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ ก็ขอท้าให้ท่านทำได้เลย
นอกจากนี้ การฟื้นพีทีวีอีกครั้ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะนายสมัครได้พูดผ่านรายการสนทนาประสาสมัคร ว่าสามารถทำได้
'หมัก'มองฟื้น'พีทีวี'ปกติ หนุนใช้หักล้างพันธมิตรฯนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการสนทนาประสาสมัคร
เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ถึงการเปิดตัวของสถานีโทรทัศน์พีทีวี ที่ฝ่ายค้านเกรงว่า จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเหมือน
ก่อนการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา หากมีการนำมาตอบโต้กันทางการเมืองว่า
เป็นการแสดงข้อเท็จจริงเพื่อหักล้างกัน ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้ง 2 ด้าน
ไม่ใช่ฟังแต่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปราศรัยโจมตีรัฐบาล เพียงฝ่ายเดียว
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการลงพื้นที่ตรวจราชการ
ที่ จ.กระบี่ นั้น นายกฯ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยคิดแบ่งแยกคนกรุงเทพฯ กับคนใต้ และยินดีต้อนรับหากคนใต้จะเดินทางเข้ากทม.
ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือ ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ เพราะถือว่า ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน
'พปช.'ชี้ไม่รอความตายเหมือน'แม้ว'ที่ทำการพรรคพลังประชาชน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน แถลงเมื่อวันที่ 5 กกรฎาคมว่า
วันที่ 6 กรกฎาคมนี้ อดีตผู้บริหารพีทีวี 4 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และตนเอง จะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อประกาศฟื้นพีทีวีภาคพิเศษ ตลอดจนรายละเอียดต่างๆ ของการฟื้น
สถานีโทรทัศน์พีทีวีอีกครั้ง เวลา 11.00 น. ที่ชั้น 6 อาคารอิมพีเรียลลาดพร้าว จากนั้นจะออกอากาศในวันจันทร์ 7 กรกฎาคม
ในช่องเอ็มวี 5 ซึ่งถ่ายทอดผ่านสันญาณดาวเทียมไทยคม
ยันไม่ได้เผชิญหน้าแค่เสนอข้อมูลครบทุกมิติ'พวกเราหมดความอดทนกับเอเอสทีวี ที่มีการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว แม้จะไม่ใช่ความจริง แต่เป็นการโกหกซ้ำๆ
จะพัฒนาความเชื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความอดทน แต่พวกผม
จะไม่ทนเพื่อนอนรอความตาย และพวกผมก็ไม่ได้มีความอดทนเท่ากับพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ หากพวกผมเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ
จะเปิดเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เพื่อบอกเล่าว่า 2 ปีที่ผ่านมาถูกย่ำยีเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างไรบ้าง
และจะออกมาตอบโต้ทุกกรณี แต่การเปิดพีทีวีครั้งใหม่นี้ ไม่ใช่การเผชิญหน้า เราเพียงแค่อยากให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลทั้ง 2 ด้าน
จึงลุกขึ้นมาเสนอข้อมูลให้ครบทุกมิติ หากช้ากว่านี้ จะสายเกินแก้ และครั้งนี้ถือเป็นการเดิมพันกันด้วยชีวิต เพื่อไม่ให้พวกเขา
ย่ำยีระบอบประชาธิปไตย และขอยืนยันว่า เงินทุนในการเปิดพีทีวีครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการระดมทุนจาก
ผู้สนับสนุนเพื่อต่อสู้กับเอเอสทีวี โดยจะแถลงรายละเอียดในวันพรุ่งนี้' นายจตุพรก ล่าว
เมื่อถามว่า จะแยกบทบาทระหว่างการเป็นส.ส. รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกจากแกนนำพีทีวี อย่างไร
นายจตุพร กล่าวว่า เรามีจุดยืนที่ชัดเจน การทำหน้าที่ทางการเมืองก็ดำเนินการในฐานะผู้แทน แต่การดำเนินการ
ในส่วนพีทีวีถือเป็นเอกสิทธิส่วนตัว ซึ่งยังไม่ได้รายงานให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีรับทราบ แต่หากมีโอกาส
ก็จะเข้าไปกราบเรียน
ปชป.เตือนพชป.ดูข้อกม.ก่อนออนแอร์นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า จะแถลงข่าวเปิดตัว 'สถานีโทนทัศน์พีทีวีภาคพิเศษ'
ขึ้นมาอีกครั้ง ในวันที่ 6 ก.ค. ว่า ต้องดูข้อกฎหมายว่า เปิดโอกาสให้ทำได้หรือไม่ แต่สื่อที่มีต้นกำเนิดมาจากพรรคการเมือง
ส่วนมากเป็นสื่อที่ไม่เป็นกลางในการนำเสนอข่าว หรือวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ สื่อพีทีวีภาคพิเศษนี้พอจะมองออกว่า
เป็นสื่อที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือของกลุ่มหรือของพรรคการเมือง ตนขอให้ประชาชนใช้วิจารณญานในการดูข่าวสาร
ที่นำเสนอโดยพีทีวี ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐจะอนุญาติให้เปิดพีทีวีได้หรือไม่ก็ต้องดูข้อกฎหมาย ให้ดี เดี๋ยวจะโดนขึ้น
ศาลปกครองหรือถูกดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการออกอากาศเช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี จะกลายเป็นการชิงพื้นที่ข่าวตอบโต้กันไปมาหรือไม่
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องตอบโต้กันอยู่แล้วถ้าเป็นสื่อที่เกิดขึ้นตามแนวทางดังกล่าว สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ
ประชาชนผู้บริโภคข่าวหรือรับทราบข้อมูลข่าวสารจากสื่อ ขอให้ใช้วิจารณญาณ และขออย่าให้ใช้พีทีวีที่จะเกิดขึ้นมาเป็น
เครื่องมือทางการเมือง
ดักทางหาก'สมัคร'ไฟเขียวจะเพิ่มดีกรีความร้อนผู้สื่อข่าวถามว่า นายจตุพรระบุว่า จะขอให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไฟเขียวออกอากาศได้ นายถาวร กล่าวว่า
ถ้าใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่พิจารณาอนุญาติก็ต้องระมัดระวัง คดีของนายสมัครที่ติดตัวมีเยอะอยู่แล้ว ถ้าหากเป็น
คำสั่งทางปกครองเป็นการอนุญาติที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง หรือทางหนึ่งทางใดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อ
และขอเตือนไว้ด้วยว่าสิ่งที่คิดจะทำอะไรก็ต้องส่อ ถ้าไม่ส่อก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้หากนายสมัครอนุญาติจะยิ่งกลายเป็นการเพิ่มดีกรี
ทางการเมืองให้ร้อน ขึ้นอย่างแน่นอน และจะทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกขึ้นอีก
'ถาวร'ชี้พันธมิตรจี้ใจดำรบ.จึงโยนบาปให้ปชป.ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจตุพรระบุว่า กลุ่มพันธมิตรฯเป็นกบฏ มีการผุดการเมืองยุคใหม่ พร้อมถามพรรคประชาธิปัตย์จะเอาด้วย
กับพันธมิตรฯหรือไม่ ตรงจุดนี้ถูกมองว่าเป็นการเหมารวมหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า แน่นอนตั้งแต่เกิดเหตการณ์ที่จ.กระบี่แล้ว
โยนมาให้พรรค ซึ่งพันธมิตรฯได้เคลื่อนไหวจี้ใจดำเอาความไม่ดีของรัฐบาลออกมาเปิดเผยให้ ประชาชนทราบ รัฐบาลก็ไม่รู้ว่า
จะโยนสิ่งเหล่านี้ให้ใครก็โยนมาให้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่ง เป็นคู่แข่ง ความจริงแล้วเราจะคบกับพันธมิตรฯ พรรคจะดีหรือไม่ดีกับพันธมิตร
เป็นเรื่งที่ห้ามกันไม่ได้ แต่ความถูกต้องต่างหากที่จะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็น เช่น ถ้าพันธมิตรฯทำไม่ถูกก็รัฐบาลก็ดำเนินการไป
แต้ถ้านำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ ประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภคข่าวจะตัดสินเองว่าจะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อ
รัฐบาลก็เหมือนกันจะชี้แจงเช้า-สาน-บ่าย-เย็น แถมวันอาทิตย์ยังชี้แจงอีก 1 ชั่วโมง ก็ไม่เห็นจะเป็นบวกอะไรกับรัฐบาลเลย
จะเพิ่มอีก 10 ช่องก็ไม่เป็นประโยชน์ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการทุจริต มีผลประโยชน์ทับซ้อน ปกป้องและยังเป็นนอมินีให้คนบางคน
อัด'เหลิม'ไม่เอากระจกส่องดูตัวเองผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เกิดขึ้นที่ภาคอื่นซึ่งไม่ใช่ภาคใต้
คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะโดนมองว่าอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 'แน่นอนก็ต้องเหมารวมทั้งนั้น
เพราะในหลายเรื่องไม่ว่าเหตุเกิดที่ไหนที่พันธมิตรเคลื่อนไหว ก็ต้องโยนว่าพรรคเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ไม่รู้จะโทษใคร คนมันไม่เอา
กระจกมาส่องดูตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้น จ.กระบี่นั้น ตนก็ไม่เห็นด้วย ความจริงพันธมิตรฯประท้วงได้ แต่ต้องเปิดโอกาส
ให้รัฐบาลประชุมเพื่อทำงาน'
ปชป.ชี้โหร'แม้ว'แม่นถูกห้ามออกเตร็ดเตร่นอกประเทศผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ก่อนหน้านี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยระบุว่า สถานการณ์การเมืองหลังวันที่ 2 ก.ค.
จะดีขึ้น คิดว่าขณะนี้ดีขึ้นหรือยัง นายถาวร กล่าวว่า เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นคือ ศาลสั่งห้ามเศรษฐีบางคนไม่ให้ออกไป
เที่ยวเตร่นอกประเทศ ทั้งนี้ตนไม่เชื่อคำทำนายของพ.ต.ท.ทักษิณ ในเมื่อนักการเมืองบางคนยังมีอำนาจครองเมืองอยู่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูวันที่ 8 ก.ค.นี้ ซึ่งศาลจะนัดตัดสินคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
หลังจากนั้นวันที่ 31 ก.ค.ก็เป็นคดีของนายบรรพต ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หลังจากนั้นก็ต้องดูการพิจารณา
ของอัยการที่รับคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการ กระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) เอาไว้ ว่าจะพิจารณา
ไปในทิศทางใด เป็นประโยชน์กับประเทศชาติหรือไม่