พิเภกอินเตอร์
|
|
« เมื่อ: 27-06-2008, 11:11 » |
|
นายไบรซ์ คลาเก็ต นักกฎหมายผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ
และ เคยช่วยให้กัมพูชามีชัยชนะเหนือประเทศไทย ในกรณีพิพาท เขาพระวิหารเมื่อปี 2505
คลาเก็ตมีความเชี่ยวชาญหลายด้าน รวมทั้งกฎหมายเอกชนและกฎหมายระหว่างประเทศ การอ้างสิทธิระหว่างประเทศ การรอมชอมระหว่างประเทศ เขตน่านน้ำแดนดินระหว่างประเทศ กฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกฎหมายอิสลามของบรรดาประเทศตะวันออกกลางด้วย
ในปี 2504 นายดีน อาชีสัน (Dean Archeson) อดีตรัฐมนตรีต่างประทศสหรัฐฯ ได้ขอร้องให้คลาเก็ตเป็นที่ปรึกษาของคณะ ผู้แทนรัฐบาล กัมพูชาในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก
ในกรีพิพาทกับราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับเขตแดนด้านเขาพระวิหาร รัฐบาลของเจ้าสีหนุนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้แต่งตั้งนายอาชีสันเป็นประธานคณะผู้แทน ส่วนคลาเก็ตเป็นหัวหน้าคณะในการว่าความ จนสามารถทำให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาไป
ขณะที่ชายแดนส่วนใหญ่ระหว่างสองประเทศ ยังคงเป็นกรณีพิพาทต่อมาจนทุกวันนี้
คลาเก็ตผ่านการต่อสู้อีกหลายกรณี รวมทั้งกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐกับรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เกี่ยวกับสิทธิเหนือทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งได้เป็นผู้แทนของรัฐบาลหลายประเทศในการเจรจาไกล่เกลี่ย หรือแก้ไขกรณีพิพาทต่างๆ
นายไบรซ์ คลาเก็ต เกิดในวอชังตันดีซี จบไฮสกูลจากเซนต์อัลบานส์ (St Albans) ในปี 2493
เรียนสำเร็จปริญญาตรีกฎหมายด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
มหาบัณฑิตนิติศาสตร์เกียรตินิยมสูงสุด (maxima cum laude) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ต่อมาคลาเก็ตได้รับทุนโรตารีไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัลลาฮาบัด (Allahabad) ประเทศอินเดีย
เริ่มเข้าทำงานที่สำนักทนายความคัฟเวอร์ตันแอนด์เบอร์ลิง ปี 2501 และเป็นหุ้นส่วนในอีก 11 ปี ต่อมาจนกระทั่งเกษียณเมื่อปี 2545
ชาวกัมพูชาในสหรัฐฯ จำนวนไม่น้อย ได้ไว้อาลัยให้แก่นายคลาเก็ตในฐานะมิตรแท้ของชาวเขมร ในยามที่ต้องต่อสู้กับประเทศเพื่อนบ้านที่เข้มแข็งกว่าอย่างโดดเดี่ยว
แต่บางคนก็กล่าวว่าสหรัฐฯ มุ่งหวังกอบโกยผลประโยชน์จากกัมพูชา เพียงแต่ว่ายังไม่มีโอกาส
คลาเก็ตช่วยให้กัมพูชาได้ปราสาทพระวิหารไปครอบครอง แต่เพียง 2 ปีหลังจาก
นั้นรัฐบาลของเจ้าสีหนุได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการต่างประเทศ และตีตนห่างเหินจากสหรัฐฯ
เริ่มหันไปใกล้ชิดกับคอมมิวนิสต์ปักกิ่ง สหรัฐฯ ที่เคยหนุนหลังกัมพูชาในกรณีพิพาทเขาพระวิหาร กลับถูก โดดเดี่ยว และอีกไม่กี่ปีต่อมา
ได้กลายมาเป็นมหามิตรของไทย ต่อสู้กับขบวนการคอมมิวนิสต์ ในคาบสมุทรอินโดจีน
วันนี้สหรัฐฯ เป็นประเทศหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาอย่างสุดตัว ในการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ขณะที่กรณีพิพาทชายแดนกับไทยในอาณาบริเวณนั้น ยังไม่ได้รับการแก้ไข...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
ริวเซย์
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 27-06-2008, 11:12 » |
|
ไม่ว่าจะพูดยังไง ไทยก็ต้องทวงเขาพระวิหารคืนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^
|
|
|
-3-
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 27-06-2008, 11:16 » |
|
แล้วมันยังไงต่อล่ะท่านพิเภก สรุปว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลังทั้งหมดสินะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 27-06-2008, 11:29 » |
|
ไม่ว่าจะพูดยังไง ไทยก็ต้องทวงเขาพระวิหารคืนครับ
รัฐบาลเผด็จการ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปลุกปั่นประชาชนให้เชื่อมั่นว่า เขาพระวิหารนั้นเป็นของไทย อย่างไร เขาไม่ยอมสูญเสียแผ่นดินไทยไปแม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว
กำลังทหารไทยขอปกป้องไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ครั้งศาลโลกตัดสิน เผด็จการสฤษดิ์ กลับเปลี่ยนสี
ออกวิทยุโทรทัศน์ร่ำไห้ยอมยกให้เขมรไป กลายเป็นว่าประเทศที่อยู่ติดกันกลายเป็นศัตรูกันยาวไปอีกหลายปี
กัมพูชาในสมัยเจ้านโรดมสีหนุกับสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เคยประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยมาแล้ว เพราะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของเขาผ่านทางซันง็อกทัน ที่ต่อมาหนีมาอยู่เมืองไทย
และมีส่วนอยู่ในศูนย์การค้าใหญ่แถวราชประสงค์ คู่กับเผด็จการสฤษดิ์
อยากบอกว่า เผด็จการนั้นไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน โดยเฉพาะสฤษดิ์ที่อาศัยความสามารถในการปราศรัย พูดจาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเรียกความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน
แอบอ้างตลอดเวลาว่าอยู่ข้างฝ่ายก้าวหน้า แต่หักหลังจับฝ่ายประชาชนเข้าคุกกันเป็นทิวแถวตอน 2501 ปกครองประเทศแบบเผด็จการเต็มรูปแบบ
พอรู้ตัวว่าประชาชนเริ่มรู้ทันไม่พอใจก็เอาน้ำตาและน้ำเสียง มาออดอ้อนขอความเห็นใจให้ให้อภัย พอได้ทีก็ทำอีก
คนที่มีความคิดเผด็จการนั้นอยู่ในสายเลือด การกระทำมักใช้ลมปากหลอกลวงประชาชนได้ทุกรูปแบบ
ฮิตเลอร์ก็ตาม สฤษดิ์ก็ตามมีลักษณะเช่นนั้น ตอแหลพลิกพริ้วชิวหาได้ตลอด สฤษดิ์ พูดเก่งมาก สมัยเด็ก เชื่อถือขนาดน้ำตาไหลเสียใจสุดสุด
พอ สฤษดิ์ ตาย กว่าจะรู้ดีรู้ชั่วก็อีกหลายปีต่อมาว่าโกงชาติประชาชนไปเท่าไหร่ เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะสฤษดิ์ที่งมงายอยู่กับอำนาจ
ไม่ยอมเดินตามความก้าวหน้าของโลก อย่าได้ประมาทคนประเภทนี้
เสนีย์ ปราโมช นี่ก็อีกคน ทนายคนนี้จบมาจากอังกฤษ ได้เนติบัณฑิต อังกฤษ เน้นคอมมอนลอว์แบบอังกฤษ เหมือนกลุ่มเจ้าทั้งหลายที่ไม่ส่งลูกหลานไปเรียนกฎหมายฝรั่งเศสกัน
เพราะกลัวไปเอาความคิดประชาธิปไตยกลับมา แต่เราก็ถูกความคิดชาตินิยมที่ปลุกปั่นโดยสฤษดิ์ ผลักดันให้ว่าความ จนตั้งสำนักงานเสนีย์ ปราโมช ให้เป็นปึกแผ่น
เสนีย์เป็นทนายอังกฤษ ติดกับกฎหมายจารีตประเพณี แต่ฝ่ายเขมรมีที่เชี่ยวชาญกฎหมายแบบฝรั่งเศสที่มีลายลักษณ์อักษร เขาเอาสนธิสัญญาที่ลงนามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นข้อยืนยัน
เท่าที่จำความได้เราไม่ได้ต่อสู้ในแง่มุมที่ว่าสัญญานี้เกิดขึ้น โดยคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกบีบบังคับให้ลงนาม ถือเป็นสัญญาฝ่ายเดียวขาดความสมบูรณ์
สรุปก็คือ
เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะความอ่อนด้อยในทางสากล และการจมอยู่กับการหลอกลวงว่าเผด็จการทำถูกทุกอย่าง ด้วยการเป่าหูจากสื่อมวลทั้งหลาย
ที่มอมเมาประชาชนทุกวันในยุคนั้นว่าบ้านเมืองช่างแสนดีมีสุข ทั้ง ๆ เพื่อนฝูงเจ๊งกันหมดในยุคสฤษดิ์ ยกเว้นพวกที่สนิทกับกลุ่มนายทหาร
แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่ารัฐบาลทำให้ประชาชนยากลำบาก เพราะอำนาจเผด็จการที่กดหัวเราอยู่ ลมปากมาแล้วก็ไป
จิตใจและการกระทำต่างหากที่พิสูจน์ว่าคุณเป็นนักประชาธิปไตย หรือเผด็จการในคราบนักประชาธิปไตย...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 27-06-2008, 11:31 » |
|
แล้วมันยังไงต่อล่ะท่านพิเภก สรุปว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลังทั้งหมดสินะ อเมริกาต้องการเขมรเป็นกันชน แต่กลับโดนเขมรเสียเองเป็นผู้หักหลัง...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 27-06-2008, 11:31 » |
|
หลังแพ้คดี"เขาพระวิหาร" ชาวบ้านทั่วไทยต่างก่นด่า"หม่อมเสนีย์" มีความรู้ แต่ขาดปัญญา ไร้ความสามารถ
เสนอหน้าอาสาทั้งที่ขาดปัญญา และด้อยความรู้ โง่แล้วอวดฉลาด อาสาชาติไปเสียแผ่นดิน ขึ้นศาลโลกภาษาไม่แตกฉาน ฟังอังกฤษไม่ได้ความ
ถูกฝ่ายตรงข้ามต้อนจนหัวคะมำ น่าช้ำใจ ชาวไทยรู้ข่าว พูดไม่ออกบอกไม่ถูก มาเสียรู้เพราะอวดรู้ นั้นคือปฐมเหตุแห่งการเสียดินแดน แต่ปิดบังไว้ไม่ให้ใครรู้...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 27-06-2008, 11:34 » |
|
สอบถามคนรุ่นหลังที่อายุเกิน 55 ทั่วทั้งแผ่นดินต่างพากันเดินขบวน ลูกเล็กเด็กแดงออกสตังค์ช่วยชาติ ควักกันคนละ 1 บาทให้เสนีย์
ฝ่าย"เขมร"จ้างฝรั่งว่าความ เขาช่ำชองทั้งภาษา และกฏหมาย จึงเอาชนะควายไทยนาม"เสนีย์"
ต่อจากนี้ไป ขอนำเสนอเบื้องหลัง ถึงความพลาดพลั่งของ"ศักดินา"ใหญ่ ท่าดี ทีเหลว เก่งกับคนไทย แต่ออกนอกไทยแพ้เรียบ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
-3-
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 27-06-2008, 11:47 » |
|
ท่านพิเภกกำลังจะบอกว่า เพราะระบบเผด็จการใช่มั้ย ทำให้เราเสียเปรียบ ปล อเมริกาโดนหักหลังไปแล้ว จะมาส่งเสริมกัมพูชาอีกทำไม?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
|
|
|
login not found
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 27-06-2008, 11:55 » |
|
ตอแห-ลแบบเภกๆ
หม่อมเสนีย์ ไม่ได้รับเงิน หม่อมเสนีย์ ศึกษาภาษาเชี่ยวชาญทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และคณะทนาย นั่นก็ฝรั่งเหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-06-2008, 13:18 » |
|
ตอแห-ลแบบเภกๆ
หม่อมเสนีย์ ไม่ได้รับเงิน หม่อมเสนีย์ ศึกษาภาษาเชี่ยวชาญทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และคณะทนาย นั่นก็ฝรั่งเหมือนกัน
หุหุ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
mebeam
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 27-06-2008, 13:36 » |
|
ฝรั่งเศษไม่รู้แต่ อังกฤษน่าจะดีนะ เริ่มศึกษาที่ โรงเรียนราชินี อัสสัมชัญ เทพศิรินทร์ และ สวนกุหลาบ ตามลำดับ จากนั้นได้เดินทาง ไปศึกษาต่อที่ โรงเรียนเทรนต์ (Trent College) ในเมือง นอตติงแฮมไชร์ ประเทศอังกฤษ และศึกษาต่อ ปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ ที่ วิทยาลัยวอร์สเตอร์ (Worcester College) มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ แล้วสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนระดับ เกียรตินิยมอันดับสอง
หลังจากนั้น ก็เข้าศึกษาต่อที่สำนักเนติบัณฑิตอังกฤษ ณ สำนักเกรย์อินน์ ในกรุงลอนดอน ได้คะแนนเป็นที่หนึ่ง ได้รับรางวัลเป็นเงิน 300 กีนีย์ จากสำนักกฎหมายอังกฤษ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 27-06-2008, 13:41 » |
|
นายไบรซ์ คลาเก็ต เกิดในวอชังตันดีซี จบไฮสกูลจากเซนต์อัลบานส์ (St Albans) ในปี 2493
เรียนสำเร็จปริญญาตรีกฎหมายด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
มหาบัณฑิตนิติศาสตร์เกียรตินิยมสูงสุด (maxima cum laude) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ต่อมาคลาเก็ตได้รับทุนโรตารีไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัลลาฮาบัด (Allahabad) ประเทศอินเดีย
เริ่มเข้าทำงานที่สำนักทนายความคัฟเวอร์ตันแอนด์เบอร์ลิง ปี 2501 และเป็นหุ้นส่วนในอีก 11 ปี ต่อมาจนกระทั่งเกษียณเมื่อปี 2545
นายไบรซ์ คลาเก็ต นักกฎหมายผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ
และ เคยช่วยให้กัมพูชามีชัยชนะเหนือประเทศไทย ในกรณีพิพาท เขาพระวิหารเมื่อปี 2505
คลาเก็ตมีความเชี่ยวชาญหลายด้าน รวมทั้งกฎหมายเอกชนและกฎหมายระหว่างประเทศ การอ้างสิทธิระหว่างประเทศ การรอมชอมระหว่างประเทศ เขตน่านน้ำแดนดินระหว่างประเทศ กฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกฎหมายอิสลามของบรรดาประเทศตะวันออกกลางด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
mebeam
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 27-06-2008, 13:56 » |
|
ใจเย็นเฮีย แค่ภาษาอังกฤษ น่าจะดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
fineday
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 27-06-2008, 14:05 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 27-06-2008, 16:41 » |
|
รัฐบาลเผด็จการ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปลุกปั่นประชาชนให้เชื่อมั่นว่า เขาพระวิหารนั้นเป็นของไทย อย่างไร เขาไม่ยอมสูญเสียแผ่นดินไทยไปแม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว
กำลังทหารไทยขอปกป้องไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ครั้งศาลโลกตัดสิน เผด็จการสฤษดิ์ กลับเปลี่ยนสี
ออกวิทยุโทรทัศน์ร่ำไห้ยอมยกให้เขมรไป กลายเป็นว่าประเทศที่อยู่ติดกันกลายเป็นศัตรูกันยาวไปอีกหลายปี
กัมพูชาในสมัยเจ้านโรดมสีหนุกับสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เคยประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยมาแล้ว เพราะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของเขาผ่านทางซันง็อกทัน ที่ต่อมาหนีมาอยู่เมืองไทย
และมีส่วนอยู่ในศูนย์การค้าใหญ่แถวราชประสงค์ คู่กับเผด็จการสฤษดิ์
อยากบอกว่า เผด็จการนั้นไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน โดยเฉพาะสฤษดิ์ที่อาศัยความสามารถในการปราศรัย พูดจาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเรียกความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน
แอบอ้างตลอดเวลาว่าอยู่ข้างฝ่ายก้าวหน้า แต่หักหลังจับฝ่ายประชาชนเข้าคุกกันเป็นทิวแถวตอน 2501 ปกครองประเทศแบบเผด็จการเต็มรูปแบบ
พอรู้ตัวว่าประชาชนเริ่มรู้ทันไม่พอใจก็เอาน้ำตาและน้ำเสียง มาออดอ้อนขอความเห็นใจให้ให้อภัย พอได้ทีก็ทำอีก
คนที่มีความคิดเผด็จการนั้นอยู่ในสายเลือด การกระทำมักใช้ลมปากหลอกลวงประชาชนได้ทุกรูปแบบ
ฮิตเลอร์ก็ตาม สฤษดิ์ก็ตามมีลักษณะเช่นนั้น ตอแหลพลิกพริ้วชิวหาได้ตลอด สฤษดิ์ พูดเก่งมาก สมัยเด็ก เชื่อถือขนาดน้ำตาไหลเสียใจสุดสุด
พอ สฤษดิ์ ตาย กว่าจะรู้ดีรู้ชั่วก็อีกหลายปีต่อมาว่าโกงชาติประชาชนไปเท่าไหร่ เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะสฤษดิ์ที่งมงายอยู่กับอำนาจ
ไม่ยอมเดินตามความก้าวหน้าของโลก อย่าได้ประมาทคนประเภทนี้
เสนีย์ ปราโมช นี่ก็อีกคน ทนายคนนี้จบมาจากอังกฤษ ได้เนติบัณฑิต อังกฤษ เน้นคอมมอนลอว์แบบอังกฤษ เหมือนกลุ่มเจ้าทั้งหลายที่ไม่ส่งลูกหลานไปเรียนกฎหมายฝรั่งเศสกัน
เพราะกลัวไปเอาความคิดประชาธิปไตยกลับมา แต่เราก็ถูกความคิดชาตินิยมที่ปลุกปั่นโดยสฤษดิ์ ผลักดันให้ว่าความ จนตั้งสำนักงานเสนีย์ ปราโมช ให้เป็นปึกแผ่น
เสนีย์เป็นทนายอังกฤษ ติดกับกฎหมายจารีตประเพณี แต่ฝ่ายเขมรมีที่เชี่ยวชาญกฎหมายแบบฝรั่งเศสที่มีลายลักษณ์อักษร เขาเอาสนธิสัญญาที่ลงนามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นข้อยืนยัน
เท่าที่จำความได้เราไม่ได้ต่อสู้ในแง่มุมที่ว่าสัญญานี้เกิดขึ้น โดยคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกบีบบังคับให้ลงนาม ถือเป็นสัญญาฝ่ายเดียวขาดความสมบูรณ์
สรุปก็คือ
เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะความอ่อนด้อยในทางสากล และการจมอยู่กับการหลอกลวงว่าเผด็จการทำถูกทุกอย่าง ด้วยการเป่าหูจากสื่อมวลทั้งหลาย
ที่มอมเมาประชาชนทุกวันในยุคนั้นว่าบ้านเมืองช่างแสนดีมีสุข ทั้ง ๆ เพื่อนฝูงเจ๊งกันหมดในยุคสฤษดิ์ ยกเว้นพวกที่สนิทกับกลุ่มนายทหาร
แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่ารัฐบาลทำให้ประชาชนยากลำบาก เพราะอำนาจเผด็จการที่กดหัวเราอยู่ ลมปากมาแล้วก็ไป
จิตใจและการกระทำต่างหากที่พิสูจน์ว่าคุณเป็นนักประชาธิปไตย หรือเผด็จการในคราบนักประชาธิปไตย...
ข้อมูลไม่ถูกต้องในสาระสำคัญครับ ควรไปศึกษาใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
西施无情
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 27-06-2008, 16:47 » |
|
สารเลว ไม่รักชาติบ้างหรือไง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
jnaj1
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 27-06-2008, 18:51 » |
|
เภกเอ๊ย หาว่า ทีมทนายภาษาไม่แตกฉาน ดูซะ ฝรั่งเต็มทีม ทีมทนายฝ่ายไทย * ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช: เนติบัณฑิต * อังรี โรแลง (Henry Rolin) : ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ และทนายความประจำศาลอุทธรณ์ กรุงบรัสเซลส์ * เซอร์ แฟรงก์ ซอสคีส (Sir Frank Soskice): อดีตแอททอร์นี เยเนราล ในคณะรัฐบาลอังกฤษ * เจมส์ เนวินส์ ไฮด์ (James Nevins Hyde) : เนติบัณฑิตแห่งรัฐนิวยอร์ก และทนายความประจำศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา * มาร์เซล สลูสนี (Marcel Slusny) : อาจารย์มหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ และทนายความประจำศาลอุทธรณ์ กรุงบรัสเซลส์ * เจ.จี. เลอ เคนส์ (J. G. Le Quesne) : เนติบัณฑิต ท่านเสนีย์ไม่ได้รับเงินค่าทนาย เอาใบเสร็จไปดู โหลดไปดูกันได้เลย ว่าหนึ่งบาทที่ให้ไป ใช้อะไรบ้าง เหลือเท่าไหร่ก็ส่ง ก.คลัง เท่านั้น http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2514/D/098/2551.PDF
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 27-06-2008, 20:52 » |
|
หลังแพ้คดี"เขาพระวิหาร" ชาวบ้านทั่วไทยต่างก่นด่า"หม่อมเสนีย์" มีความรู้ แต่ขาดปัญญา ไร้ความสามารถ
เสนอหน้าอาสาทั้งที่ขาดปัญญา และด้อยความรู้ โง่แล้วอวดฉลาด อาสาชาติไปเสียแผ่นดิน ขึ้นศาลโลกภาษาไม่แตกฉาน ฟังอังกฤษไม่ได้ความ
ถูกฝ่ายตรงข้ามต้อนจนหัวคะมำ น่าช้ำใจ ชาวไทยรู้ข่าว พูดไม่ออกบอกไม่ถูก มาเสียรู้เพราะอวดรู้ นั้นคือปฐมเหตุแห่งการเสียดินแดน แต่ปิดบังไว้ไม่ให้ใครรู้...
ผมว่าจะไม่แสดงความเห็นเรื่องเขาพระวิหารแล้ว
ลุงเภก นี่ ก็มั่วอีกตามเคย....
สงสัยคงเลิกไม่ได้แล้วนิสัยแบบนี้...
รัฐบาลในขณะนั้น ไปขอให้ หม่อมเสนีย์ เป็นทนายให้....
เงินก็ไม่คิด...ไปถามลุงหมักดิ....อภิสิทธิ์ พูดในสภา ลุงหมักเงียบฉี่
มีแต่ลิวล้อ โง่ ๆ ออกมา บอกเรื่องบริจาค 1 บาท....
ศาลโลก ในยุคนั้นมันเฮงซวย...ใช้กฏหมายปิดปาก ด้วยการกล่าวหาว่า
ไทยยอมรับแผนที่ทีฝรั่งเศส ทำขึ้น.....ทั้งที่ เค้าเอามาให้ดูเฉย ๆ
เราก็ยังไม่ได้บอกว่า ยอมรับ หรือ ไม่ยอมรับ....
ไปอ่านคำพิพากษา ตุลาการเสียงข้างน้อยดูมั่งเถอะ...
แล้วค่อยมาแสดงภูมิปัญญา.....เป็นคนไทยป่าว....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 27-06-2008, 21:59 » |
|
เอกสารที่นำมา ไม่มีสาระสำคัญใดแสดงถึงการต่อสู้ที่เป็นต่อ อ่านไม่ออกแต่อยากโชว์พาว เหมือนเสนีย์ ที่แพ้คดี"พระวิหาร" ส่วนสำคัญที่แพ้เขาทำไม่ไม่นำมากล่าวให้ครบกระบวนความ
เหนืออื่นใดคือเหตุผล เหนือเหตุผล คือ ความจริง ความจริงคือแพ้เขา ยังมีหน้ามาเข้าข้าง ไม่ลืมหูลืมตา เก่งจริงต้องชนะ แพ้ยังมาทำปากกล้า หาว่าไม่รักชาติไปโน่น
ไม่มีกึ๋นไร้ปัญญา แทนที่สำนึก กลับต่อว่าคนข้างหลัง ความอัปยศแห่งความพ่ายแพ้ แถอย่างไรก็ยังแพ้วันยังค่ำ ใช้หยาบคายเป็นธงนำ พอขึ้นศาลจึงแพ้เขา พวกคลั่งเจ้า มักเป็นเช่นนั้น
ท่านไม่อาย แต่ เภก อาย รู้บ้างไหม...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
พิเภกอินเตอร์
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 27-06-2008, 22:05 » |
|
ภาษาไม่กระดิก ดัดจริตนำมาอ้าง ข้อความเขาว่ามาอย่างไร ท่านรู้จริงหรือ นำมาอวดนึกว่าเท่ห์ เฮอะ น่าขัน ความรู้แค่หางอึ่ง แต่อยากโชว์พาว หน้าไม่อาย...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
|
|
|
\(^_^)/
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 27-06-2008, 22:58 » |
|
อุ๊ย??..ด่าตัวเองก็ "เป็น" ^ ^ ^ ^ ^
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เบื่อไอ้เหลี่ยม
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 28-06-2008, 16:13 » |
|
อ่านไอ้สำนวนขายชาติมาตั้งพักใหญ่ สรุปว่า ถ้าปราสาทและดินแดนเป็นของกำพูชา น่าจะเป็นสิ่งถูกต้องใช่ไหม มรึงทำไมไม่ดูว่า ไอ้เศษฝรั่งมันชนะได้ เพราะว่ามันเปลี่ยนแผนที่ จากที่เคยตกลงสันปันน้ำ มาขีดบนแผ่นดินไทยแทน แล้วก้อ้างเรื่อง เคยมีธงฝรั่งเศษเคยปักบนนี้ หรืออ้างว่าไทยเคยเห็นแต่ไม่คัดค้าน จึงยอมรับว่าที่แห่งนี้เป็นของฝรั่งเศษ มรึงไม่คิดว่ามันโกลแบบด้านๆหรือไง ไอ้เภก ขายชาติ (แม้วพ่อมรึงไง) อย่างนี้กรูถามหน่อยว่า ตอน นาซีเยอรมันเอาธงไปปักในประเทศเศษฝรั่ง แล้วทำไมไอ้เศษฝรั่งไม่ยกให้นาซีวะ ก็คนฝรั่งเศษเห็นธงนาซีแยะไป ก็เดินกันเฉยๆ ไม่เห็นทำห่าอะไรเลยจริงไหม จนกระทั่งนาซีพ่ายสงครามจึงเอาธงกลับไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|