ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-03-2024, 22:20
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ประวัติ"นายไบรซ์ คลาเก็ต" หัวหน้าคณะในการว่าความของเขมร กรณีเขาพระวิหาร... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ประวัติ"นายไบรซ์ คลาเก็ต" หัวหน้าคณะในการว่าความของเขมร กรณีเขาพระวิหาร...  (อ่าน 2545 ครั้ง)
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« เมื่อ: 27-06-2008, 11:11 »

นายไบรซ์ คลาเก็ต
นักกฎหมายผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษ
เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ

และ เคยช่วยให้กัมพูชามีชัยชนะเหนือประเทศไทย
ในกรณีพิพาท เขาพระวิหารเมื่อปี 2505

คลาเก็ตมีความเชี่ยวชาญหลายด้าน
รวมทั้งกฎหมายเอกชนและกฎหมายระหว่างประเทศ
การอ้างสิทธิระหว่างประเทศ การรอมชอมระหว่างประเทศ
เขตน่านน้ำแดนดินระหว่างประเทศ
กฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งกฎหมายอิสลามของบรรดาประเทศตะวันออกกลางด้วย

ในปี 2504 นายดีน อาชีสัน (Dean Archeson)
อดีตรัฐมนตรีต่างประทศสหรัฐฯ
ได้ขอร้องให้คลาเก็ตเป็นที่ปรึกษาของคณะ
ผู้แทนรัฐบาล กัมพูชาในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก

ในกรีพิพาทกับราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับเขตแดนด้านเขาพระวิหาร
รัฐบาลของเจ้าสีหนุนายกรัฐมนตรีขณะนั้น
ได้แต่งตั้งนายอาชีสันเป็นประธานคณะผู้แทน
ส่วนคลาเก็ตเป็นหัวหน้าคณะในการว่าความ
จนสามารถทำให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาไป

ขณะที่ชายแดนส่วนใหญ่ระหว่างสองประเทศ
ยังคงเป็นกรณีพิพาทต่อมาจนทุกวันนี้

คลาเก็ตผ่านการต่อสู้อีกหลายกรณี
รวมทั้งกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐกับรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ
เกี่ยวกับสิทธิเหนือทรัพยากรธรรมชาติ
รวมทั้งได้เป็นผู้แทนของรัฐบาลหลายประเทศในการเจรจาไกล่เกลี่ย
หรือแก้ไขกรณีพิพาทต่างๆ

นายไบรซ์ คลาเก็ต เกิดในวอชังตันดีซี
จบไฮสกูลจากเซนต์อัลบานส์ (St Albans) ในปี 2493

เรียนสำเร็จปริญญาตรีกฎหมายด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1
จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน

มหาบัณฑิตนิติศาสตร์เกียรตินิยมสูงสุด (maxima cum laude)
จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ต่อมาคลาเก็ตได้รับทุนโรตารีไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัลลาฮาบัด
(Allahabad) ประเทศอินเดีย

เริ่มเข้าทำงานที่สำนักทนายความคัฟเวอร์ตันแอนด์เบอร์ลิง ปี 2501
และเป็นหุ้นส่วนในอีก 11 ปี
ต่อมาจนกระทั่งเกษียณเมื่อปี 2545

ชาวกัมพูชาในสหรัฐฯ จำนวนไม่น้อย
ได้ไว้อาลัยให้แก่นายคลาเก็ตในฐานะมิตรแท้ของชาวเขมร
ในยามที่ต้องต่อสู้กับประเทศเพื่อนบ้านที่เข้มแข็งกว่าอย่างโดดเดี่ยว

แต่บางคนก็กล่าวว่าสหรัฐฯ มุ่งหวังกอบโกยผลประโยชน์จากกัมพูชา
เพียงแต่ว่ายังไม่มีโอกาส

คลาเก็ตช่วยให้กัมพูชาได้ปราสาทพระวิหารไปครอบครอง
แต่เพียง 2 ปีหลังจาก

นั้นรัฐบาลของเจ้าสีหนุได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการต่างประเทศ
และตีตนห่างเหินจากสหรัฐฯ

เริ่มหันไปใกล้ชิดกับคอมมิวนิสต์ปักกิ่ง
สหรัฐฯ ที่เคยหนุนหลังกัมพูชาในกรณีพิพาทเขาพระวิหาร
กลับถูก โดดเดี่ยว และอีกไม่กี่ปีต่อมา

ได้กลายมาเป็นมหามิตรของไทย ต่อสู้กับขบวนการคอมมิวนิสต์
ในคาบสมุทรอินโดจีน

วันนี้สหรัฐฯ เป็นประเทศหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาอย่างสุดตัว
ในการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
ขณะที่กรณีพิพาทชายแดนกับไทยในอาณาบริเวณนั้น
ยังไม่ได้รับการแก้ไข...

บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 27-06-2008, 11:12 »

ไม่ว่าจะพูดยังไง ไทยก็ต้องทวงเขาพระวิหารคืนครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


-3-
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,186


« ตอบ #2 เมื่อ: 27-06-2008, 11:16 »

แล้วมันยังไงต่อล่ะท่านพิเภก

สรุปว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลังทั้งหมดสินะ 
บันทึกการเข้า



ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #3 เมื่อ: 27-06-2008, 11:29 »

ไม่ว่าจะพูดยังไง ไทยก็ต้องทวงเขาพระวิหารคืนครับ

รัฐบาลเผด็จการ สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ปลุกปั่นประชาชนให้เชื่อมั่นว่า
เขาพระวิหารนั้นเป็นของไทย
อย่างไร เขาไม่ยอมสูญเสียแผ่นดินไทยไปแม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว

กำลังทหารไทยขอปกป้องไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต
ครั้งศาลโลกตัดสิน เผด็จการสฤษดิ์ กลับเปลี่ยนสี

ออกวิทยุโทรทัศน์ร่ำไห้ยอมยกให้เขมรไป
กลายเป็นว่าประเทศที่อยู่ติดกันกลายเป็นศัตรูกันยาวไปอีกหลายปี

กัมพูชาในสมัยเจ้านโรดมสีหนุกับสฤษดิ์ ธนะรัชต์
เคยประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยมาแล้ว
เพราะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของเขาผ่านทางซันง็อกทัน
ที่ต่อมาหนีมาอยู่เมืองไทย

และมีส่วนอยู่ในศูนย์การค้าใหญ่แถวราชประสงค์
คู่กับเผด็จการสฤษดิ์

อยากบอกว่า เผด็จการนั้นไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน
โดยเฉพาะสฤษดิ์ที่อาศัยความสามารถในการปราศรัย
พูดจาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเรียกความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน

แอบอ้างตลอดเวลาว่าอยู่ข้างฝ่ายก้าวหน้า
แต่หักหลังจับฝ่ายประชาชนเข้าคุกกันเป็นทิวแถวตอน
2501 ปกครองประเทศแบบเผด็จการเต็มรูปแบบ

พอรู้ตัวว่าประชาชนเริ่มรู้ทันไม่พอใจก็เอาน้ำตาและน้ำเสียง
มาออดอ้อนขอความเห็นใจให้ให้อภัย พอได้ทีก็ทำอีก

คนที่มีความคิดเผด็จการนั้นอยู่ในสายเลือด
การกระทำมักใช้ลมปากหลอกลวงประชาชนได้ทุกรูปแบบ

ฮิตเลอร์ก็ตาม สฤษดิ์ก็ตามมีลักษณะเช่นนั้น
ตอแหลพลิกพริ้วชิวหาได้ตลอด
สฤษดิ์ พูดเก่งมาก สมัยเด็ก เชื่อถือขนาดน้ำตาไหลเสียใจสุดสุด

พอ สฤษดิ์ ตาย
กว่าจะรู้ดีรู้ชั่วก็อีกหลายปีต่อมาว่าโกงชาติประชาชนไปเท่าไหร่
เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะสฤษดิ์ที่งมงายอยู่กับอำนาจ

ไม่ยอมเดินตามความก้าวหน้าของโลก
อย่าได้ประมาทคนประเภทนี้

เสนีย์ ปราโมช นี่ก็อีกคน ทนายคนนี้จบมาจากอังกฤษ
ได้เนติบัณฑิต อังกฤษ เน้นคอมมอนลอว์แบบอังกฤษ
เหมือนกลุ่มเจ้าทั้งหลายที่ไม่ส่งลูกหลานไปเรียนกฎหมายฝรั่งเศสกัน

เพราะกลัวไปเอาความคิดประชาธิปไตยกลับมา
แต่เราก็ถูกความคิดชาตินิยมที่ปลุกปั่นโดยสฤษดิ์
ผลักดันให้ว่าความ จนตั้งสำนักงานเสนีย์ ปราโมช ให้เป็นปึกแผ่น

เสนีย์เป็นทนายอังกฤษ ติดกับกฎหมายจารีตประเพณี
แต่ฝ่ายเขมรมีที่เชี่ยวชาญกฎหมายแบบฝรั่งเศสที่มีลายลักษณ์อักษร
เขาเอาสนธิสัญญาที่ลงนามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นข้อยืนยัน

เท่าที่จำความได้เราไม่ได้ต่อสู้ในแง่มุมที่ว่าสัญญานี้เกิดขึ้น
โดยคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกบีบบังคับให้ลงนาม
ถือเป็นสัญญาฝ่ายเดียวขาดความสมบูรณ์

สรุปก็คือ

เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะความอ่อนด้อยในทางสากล
และการจมอยู่กับการหลอกลวงว่าเผด็จการทำถูกทุกอย่าง
ด้วยการเป่าหูจากสื่อมวลทั้งหลาย

ที่มอมเมาประชาชนทุกวันในยุคนั้นว่าบ้านเมืองช่างแสนดีมีสุข
ทั้ง ๆ เพื่อนฝูงเจ๊งกันหมดในยุคสฤษดิ์
ยกเว้นพวกที่สนิทกับกลุ่มนายทหาร

แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่ารัฐบาลทำให้ประชาชนยากลำบาก
เพราะอำนาจเผด็จการที่กดหัวเราอยู่ ลมปากมาแล้วก็ไป

จิตใจและการกระทำต่างหากที่พิสูจน์ว่าคุณเป็นนักประชาธิปไตย
หรือเผด็จการในคราบนักประชาธิปไตย...

บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #4 เมื่อ: 27-06-2008, 11:31 »

แล้วมันยังไงต่อล่ะท่านพิเภก

สรุปว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลังทั้งหมดสินะ 

อเมริกาต้องการเขมรเป็นกันชน
แต่กลับโดนเขมรเสียเองเป็นผู้หักหลัง...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #5 เมื่อ: 27-06-2008, 11:31 »

หลังแพ้คดี"เขาพระวิหาร"
ชาวบ้านทั่วไทยต่างก่นด่า"หม่อมเสนีย์"
มีความรู้ แต่ขาดปัญญา ไร้ความสามารถ

เสนอหน้าอาสาทั้งที่ขาดปัญญา และด้อยความรู้
โง่แล้วอวดฉลาด อาสาชาติไปเสียแผ่นดิน
ขึ้นศาลโลกภาษาไม่แตกฉาน ฟังอังกฤษไม่ได้ความ

ถูกฝ่ายตรงข้ามต้อนจนหัวคะมำ น่าช้ำใจ
ชาวไทยรู้ข่าว พูดไม่ออกบอกไม่ถูก มาเสียรู้เพราะอวดรู้
นั้นคือปฐมเหตุแห่งการเสียดินแดน แต่ปิดบังไว้ไม่ให้ใครรู้...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #6 เมื่อ: 27-06-2008, 11:34 »

สอบถามคนรุ่นหลังที่อายุเกิน 55
ทั่วทั้งแผ่นดินต่างพากันเดินขบวน
ลูกเล็กเด็กแดงออกสตังค์ช่วยชาติ
ควักกันคนละ 1 บาทให้เสนีย์

ฝ่าย"เขมร"จ้างฝรั่งว่าความ
เขาช่ำชองทั้งภาษา และกฏหมาย
จึงเอาชนะควายไทยนาม"เสนีย์"

ต่อจากนี้ไป ขอนำเสนอเบื้องหลัง
ถึงความพลาดพลั่งของ"ศักดินา"ใหญ่
ท่าดี ทีเหลว เก่งกับคนไทย แต่ออกนอกไทยแพ้เรียบ...


บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
-3-
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,186


« ตอบ #7 เมื่อ: 27-06-2008, 11:47 »

ท่านพิเภกกำลังจะบอกว่า เพราะระบบเผด็จการใช่มั้ย ทำให้เราเสียเปรียบ 

ปล อเมริกาโดนหักหลังไปแล้ว จะมาส่งเสริมกัมพูชาอีกทำไม?
บันทึกการเข้า



ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #8 เมื่อ: 27-06-2008, 11:55 »

ตอแห-ลแบบเภกๆ

หม่อมเสนีย์ ไม่ได้รับเงิน
หม่อมเสนีย์ ศึกษาภาษาเชี่ยวชาญทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส
และคณะทนาย นั่นก็ฝรั่งเหมือนกัน
บันทึกการเข้า
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #9 เมื่อ: 27-06-2008, 13:18 »

ตอแห-ลแบบเภกๆ

หม่อมเสนีย์ ไม่ได้รับเงิน
หม่อมเสนีย์ ศึกษาภาษาเชี่ยวชาญทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส
และคณะทนาย นั่นก็ฝรั่งเหมือนกัน


หุหุ...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #10 เมื่อ: 27-06-2008, 13:36 »

ฝรั่งเศษไม่รู้แต่ อังกฤษน่าจะดีนะ 

เริ่มศึกษาที่ โรงเรียนราชินี อัสสัมชัญ เทพศิรินทร์ และ สวนกุหลาบ ตามลำดับ จากนั้นได้เดินทาง ไปศึกษาต่อที่ โรงเรียนเทรนต์ (Trent College) ในเมือง นอตติงแฮมไชร์ ประเทศอังกฤษ และศึกษาต่อ ปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ ที่ วิทยาลัยวอร์สเตอร์ (Worcester College) มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ แล้วสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนระดับ เกียรตินิยมอันดับสอง

หลังจากนั้น ก็เข้าศึกษาต่อที่สำนักเนติบัณฑิตอังกฤษ ณ สำนักเกรย์อินน์ ในกรุงลอนดอน ได้คะแนนเป็นที่หนึ่ง ได้รับรางวัลเป็นเงิน 300 กีนีย์ จากสำนักกฎหมายอังกฤษ


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A
บันทึกการเข้า
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #11 เมื่อ: 27-06-2008, 13:41 »

ฝรั่งเศษไม่รู้แต่ อังกฤษน่าจะดีนะ 

เริ่มศึกษาที่ โรงเรียนราชินี อัสสัมชัญ เทพศิรินทร์ และ สวนกุหลาบ ตามลำดับ จากนั้นได้เดินทาง ไปศึกษาต่อที่ โรงเรียนเทรนต์ (Trent College) ในเมือง นอตติงแฮมไชร์ ประเทศอังกฤษ และศึกษาต่อ ปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ ที่ วิทยาลัยวอร์สเตอร์ (Worcester College) มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ แล้วสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนระดับ เกียรตินิยมอันดับสอง

หลังจากนั้น ก็เข้าศึกษาต่อที่สำนักเนติบัณฑิตอังกฤษ ณ สำนักเกรย์อินน์ ในกรุงลอนดอน ได้คะแนนเป็นที่หนึ่ง ได้รับรางวัลเป็นเงิน 300 กีนีย์ จากสำนักกฎหมายอังกฤษ


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A


นายไบรซ์ คลาเก็ต เกิดในวอชังตันดีซี
จบไฮสกูลจากเซนต์อัลบานส์ (St Albans) ในปี 2493

เรียนสำเร็จปริญญาตรีกฎหมายด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1
จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน

มหาบัณฑิตนิติศาสตร์เกียรตินิยมสูงสุด (maxima cum laude)
จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ต่อมาคลาเก็ตได้รับทุนโรตารีไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัลลาฮาบัด
(Allahabad) ประเทศอินเดีย

เริ่มเข้าทำงานที่สำนักทนายความคัฟเวอร์ตันแอนด์เบอร์ลิง ปี 2501
และเป็นหุ้นส่วนในอีก 11 ปี
ต่อมาจนกระทั่งเกษียณเมื่อปี 2545

นายไบรซ์ คลาเก็ต
นักกฎหมายผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษ
เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ

และ เคยช่วยให้กัมพูชามีชัยชนะเหนือประเทศไทย
ในกรณีพิพาท เขาพระวิหารเมื่อปี 2505

คลาเก็ตมีความเชี่ยวชาญหลายด้าน
รวมทั้งกฎหมายเอกชนและกฎหมายระหว่างประเทศ
การอ้างสิทธิระหว่างประเทศ การรอมชอมระหว่างประเทศ
เขตน่านน้ำแดนดินระหว่างประเทศ
กฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งกฎหมายอิสลามของบรรดาประเทศตะวันออกกลางด้วย

บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #12 เมื่อ: 27-06-2008, 13:56 »

ใจเย็นเฮีย แค่ภาษาอังกฤษ น่าจะดี 
บันทึกการเข้า
fineday
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54


« ตอบ #13 เมื่อ: 27-06-2008, 14:05 »


 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #14 เมื่อ: 27-06-2008, 16:41 »

รัฐบาลเผด็จการ สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ปลุกปั่นประชาชนให้เชื่อมั่นว่า
เขาพระวิหารนั้นเป็นของไทย
อย่างไร เขาไม่ยอมสูญเสียแผ่นดินไทยไปแม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว

กำลังทหารไทยขอปกป้องไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต
ครั้งศาลโลกตัดสิน เผด็จการสฤษดิ์ กลับเปลี่ยนสี

ออกวิทยุโทรทัศน์ร่ำไห้ยอมยกให้เขมรไป
กลายเป็นว่าประเทศที่อยู่ติดกันกลายเป็นศัตรูกันยาวไปอีกหลายปี

กัมพูชาในสมัยเจ้านโรดมสีหนุกับสฤษดิ์ ธนะรัชต์
เคยประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยมาแล้ว
เพราะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของเขาผ่านทางซันง็อกทัน
ที่ต่อมาหนีมาอยู่เมืองไทย

และมีส่วนอยู่ในศูนย์การค้าใหญ่แถวราชประสงค์
คู่กับเผด็จการสฤษดิ์

อยากบอกว่า เผด็จการนั้นไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน
โดยเฉพาะสฤษดิ์ที่อาศัยความสามารถในการปราศรัย
พูดจาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเรียกความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน

แอบอ้างตลอดเวลาว่าอยู่ข้างฝ่ายก้าวหน้า
แต่หักหลังจับฝ่ายประชาชนเข้าคุกกันเป็นทิวแถวตอน
2501 ปกครองประเทศแบบเผด็จการเต็มรูปแบบ

พอรู้ตัวว่าประชาชนเริ่มรู้ทันไม่พอใจก็เอาน้ำตาและน้ำเสียง
มาออดอ้อนขอความเห็นใจให้ให้อภัย พอได้ทีก็ทำอีก

คนที่มีความคิดเผด็จการนั้นอยู่ในสายเลือด
การกระทำมักใช้ลมปากหลอกลวงประชาชนได้ทุกรูปแบบ

ฮิตเลอร์ก็ตาม สฤษดิ์ก็ตามมีลักษณะเช่นนั้น
ตอแหลพลิกพริ้วชิวหาได้ตลอด
สฤษดิ์ พูดเก่งมาก สมัยเด็ก เชื่อถือขนาดน้ำตาไหลเสียใจสุดสุด

พอ สฤษดิ์ ตาย
กว่าจะรู้ดีรู้ชั่วก็อีกหลายปีต่อมาว่าโกงชาติประชาชนไปเท่าไหร่
เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะสฤษดิ์ที่งมงายอยู่กับอำนาจ

ไม่ยอมเดินตามความก้าวหน้าของโลก
อย่าได้ประมาทคนประเภทนี้

เสนีย์ ปราโมช นี่ก็อีกคน ทนายคนนี้จบมาจากอังกฤษ
ได้เนติบัณฑิต อังกฤษ เน้นคอมมอนลอว์แบบอังกฤษ
เหมือนกลุ่มเจ้าทั้งหลายที่ไม่ส่งลูกหลานไปเรียนกฎหมายฝรั่งเศสกัน

เพราะกลัวไปเอาความคิดประชาธิปไตยกลับมา
แต่เราก็ถูกความคิดชาตินิยมที่ปลุกปั่นโดยสฤษดิ์
ผลักดันให้ว่าความ จนตั้งสำนักงานเสนีย์ ปราโมช ให้เป็นปึกแผ่น

เสนีย์เป็นทนายอังกฤษ ติดกับกฎหมายจารีตประเพณี
แต่ฝ่ายเขมรมีที่เชี่ยวชาญกฎหมายแบบฝรั่งเศสที่มีลายลักษณ์อักษร
เขาเอาสนธิสัญญาที่ลงนามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นข้อยืนยัน

เท่าที่จำความได้เราไม่ได้ต่อสู้ในแง่มุมที่ว่าสัญญานี้เกิดขึ้น
โดยคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกบีบบังคับให้ลงนาม
ถือเป็นสัญญาฝ่ายเดียวขาดความสมบูรณ์

สรุปก็คือ

เราเสียเขาพระวิหารไปเพราะความอ่อนด้อยในทางสากล
และการจมอยู่กับการหลอกลวงว่าเผด็จการทำถูกทุกอย่าง
ด้วยการเป่าหูจากสื่อมวลทั้งหลาย

ที่มอมเมาประชาชนทุกวันในยุคนั้นว่าบ้านเมืองช่างแสนดีมีสุข
ทั้ง ๆ เพื่อนฝูงเจ๊งกันหมดในยุคสฤษดิ์
ยกเว้นพวกที่สนิทกับกลุ่มนายทหาร

แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่ารัฐบาลทำให้ประชาชนยากลำบาก
เพราะอำนาจเผด็จการที่กดหัวเราอยู่ ลมปากมาแล้วก็ไป

จิตใจและการกระทำต่างหากที่พิสูจน์ว่าคุณเป็นนักประชาธิปไตย
หรือเผด็จการในคราบนักประชาธิปไตย...



ข้อมูลไม่ถูกต้องในสาระสำคัญครับ ควรไปศึกษาใหม่ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
西施无情
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 456


ไซซีไ้ร้ใจ


« ตอบ #15 เมื่อ: 27-06-2008, 16:47 »

สารเลว ไม่รักชาติบ้างหรือไง
บันทึกการเข้า

我愛你, 陈一冰,
\(^_^)/
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 617



« ตอบ #16 เมื่อ: 27-06-2008, 18:43 »

เอ๊ะ??..ก่อนหน้านี้ไม่นาน

มีใคร...น๊า??..ที่ป่าวประกาศไปทั่ว..ว่า..

รัฐบาล "ซ่าหมัก" จะไม่มีวันยอมให้มีการ "อภิปาย"...ไม่ไว้วางใจ "รัฐบาลเส็งเคร็ง"..

ใครน๊า...???ที่บอกว่าจะขอเอาหัว (Door) เป็นประกัน...

ได้ข่าวไอ๋ตัวนี้มันชอบ..กินปูอัดอะไรทำนองนี้..ใครน๊า...??!!



 Mr. Green
บันทึกการเข้า

 
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #17 เมื่อ: 27-06-2008, 18:51 »

เภกเอ๊ย หาว่า ทีมทนายภาษาไม่แตกฉาน    ดูซะ  ฝรั่งเต็มทีม

ทีมทนายฝ่ายไทย

    * ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช: เนติบัณฑิต
    * อังรี โรแลง (Henry Rolin) : ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ และทนายความประจำศาลอุทธรณ์ กรุงบรัสเซลส์
    * เซอร์ แฟรงก์ ซอสคีส (Sir Frank Soskice): อดีตแอททอร์นี เยเนราล ในคณะรัฐบาลอังกฤษ
    * เจมส์ เนวินส์ ไฮด์ (James Nevins Hyde) : เนติบัณฑิตแห่งรัฐนิวยอร์ก และทนายความประจำศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา
    * มาร์เซล สลูสนี (Marcel Slusny) : อาจารย์มหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ และทนายความประจำศาลอุทธรณ์ กรุงบรัสเซลส์
    * เจ.จี. เลอ เคนส์ (J. G. Le Quesne) : เนติบัณฑิต


ท่านเสนีย์ไม่ได้รับเงินค่าทนาย เอาใบเสร็จไปดู

โหลดไปดูกันได้เลย ว่าหนึ่งบาทที่ให้ไป ใช้อะไรบ้าง เหลือเท่าไหร่ก็ส่ง ก.คลัง เท่านั้น

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2514/D/098/2551.PDF

บันทึกการเข้า
\(^_^)/
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 617



« ตอบ #18 เมื่อ: 27-06-2008, 18:55 »

ข้อมูลไม่ถูกต้องในสาระสำคัญครับ ควรไปศึกษาใหม่ 


มันนั่งเทียนเขียนประวัติศาสตร์ใหม่น่ะครับ..
ย้อนยุคไปในอดีตสมัย 2500..
ตอนนั้นมันคงอยู่ใน "รังไข่" ไอ๋หมาเหลี่ยม..
ที่ไม่รู้ว่าเชื้อ "อุบาทว์" ที่ติดตัวมันมาจากรังไข่ของใครกันแน่...
ผมคาดว่าคงไม่ใช่ "รังไข่" อีคุณหญิงกระบังลม" แน่ๆ..
คงเป็นรังไข่ "พนักงานหญิงโชว์รูมรถ" ที่ไหนสักแห่ง..แน่ๆ..
ถึงมีความคิดเหรี้ยๆ..ยกอธิปไตยของชาติให้..ขะแมร์..ไปง่ายๆ..
ไอ๋...ควายขะแมร์...  



 Mr. Green Mr. Green Mr. Green
บันทึกการเข้า

 
\(^_^)/
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 617



« ตอบ #19 เมื่อ: 27-06-2008, 19:57 »

  @ สรุปย่อคำพิพากษาของศาลโลก (The case concerning the Temple of Preah Vihear (Merits) between Cambodia and Thailand) (ภาษาอังกฤษ) 

อนึ่ง..ใครก็ตามที่เป็นคนไทย(หรือเปล่า??)ก่อนที่จะวิจารณ์เรื่องนี้ขอให้ลองจินตนาการตามไปด้วยนะครับ..สมุติให้ตัวเองเกิดในสมัยเมื่อครั้งที่เราต้องเสียดินแดน..ขณะที่คนไทยทุกคน "รณรงค์" ต่อต้านเจ้าอณานิคมซึ่งในตอนนั้นคือฝรั่งเศษได้นำกองเรือรบมาปิดปากอ่าวของไทย..ถ้าหากว่าเราทำอะไรที่แข็งข้อเกินไปในสายตาคนพวกนี้..พวกมันก็จะอาศัยข้ออ้างบุกประเทศสยามในทันที..ณ.เวลานั้นเรามีกองกำลังพอที่จะต่อกรกับคนพวกนี้หรือเปล่า สาเหตุที่เราจำต้องยอมรับกฏหมาย "ปิดปาก"..ด้วยความขมขื่น..คนไทยทุกคนล้วนผูกใจเจ็บ..แต่ยังมีไอ๋พวกเหรี้ยๆที่ไร้จิตสำนึกยอมแพ้อย่างราบคาบ..ก็เพราะมีไอ๋ "หมาหน้าเหลี่ยม" บิดาพวกมัน..ดันไปผูกไมตรีกับฮุนเซ็น..แค่นั้นมันก็เป็นปลื้มว่าเขมรขะแมร์เป็นพ่อเป็นแม่ง..บังเกิดเกล้าฯของพวกมันไปด้วย..ไอ๋พวก "ริยำ"












 Sad Sad Sad Sad Sad Sad Sad Sad

บันทึกการเข้า

 
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #20 เมื่อ: 27-06-2008, 20:52 »

หลังแพ้คดี"เขาพระวิหาร"
ชาวบ้านทั่วไทยต่างก่นด่า"หม่อมเสนีย์"
มีความรู้ แต่ขาดปัญญา ไร้ความสามารถ

เสนอหน้าอาสาทั้งที่ขาดปัญญา และด้อยความรู้
โง่แล้วอวดฉลาด อาสาชาติไปเสียแผ่นดิน
ขึ้นศาลโลกภาษาไม่แตกฉาน ฟังอังกฤษไม่ได้ความ

ถูกฝ่ายตรงข้ามต้อนจนหัวคะมำ น่าช้ำใจ
ชาวไทยรู้ข่าว พูดไม่ออกบอกไม่ถูก มาเสียรู้เพราะอวดรู้
นั้นคือปฐมเหตุแห่งการเสียดินแดน แต่ปิดบังไว้ไม่ให้ใครรู้...


ผมว่าจะไม่แสดงความเห็นเรื่องเขาพระวิหารแล้ว

ลุงเภก นี่ ก็มั่วอีกตามเคย....

สงสัยคงเลิกไม่ได้แล้วนิสัยแบบนี้...

รัฐบาลในขณะนั้น ไปขอให้ หม่อมเสนีย์ เป็นทนายให้....

เงินก็ไม่คิด...ไปถามลุงหมักดิ....อภิสิทธิ์ พูดในสภา ลุงหมักเงียบฉี่

มีแต่ลิวล้อ โง่ ๆ ออกมา บอกเรื่องบริจาค 1 บาท....

ศาลโลก ในยุคนั้นมันเฮงซวย...ใช้กฏหมายปิดปาก ด้วยการกล่าวหาว่า

ไทยยอมรับแผนที่ทีฝรั่งเศส ทำขึ้น.....ทั้งที่ เค้าเอามาให้ดูเฉย ๆ

เราก็ยังไม่ได้บอกว่า ยอมรับ หรือ ไม่ยอมรับ....

ไปอ่านคำพิพากษา ตุลาการเสียงข้างน้อยดูมั่งเถอะ...

แล้วค่อยมาแสดงภูมิปัญญา.....เป็นคนไทยป่าว....
บันทึกการเข้า
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #21 เมื่อ: 27-06-2008, 21:59 »

เอกสารที่นำมา ไม่มีสาระสำคัญใดแสดงถึงการต่อสู้ที่เป็นต่อ
อ่านไม่ออกแต่อยากโชว์พาว เหมือนเสนีย์ ที่แพ้คดี"พระวิหาร"
ส่วนสำคัญที่แพ้เขาทำไม่ไม่นำมากล่าวให้ครบกระบวนความ

เหนืออื่นใดคือเหตุผล เหนือเหตุผล คือ ความจริง
ความจริงคือแพ้เขา ยังมีหน้ามาเข้าข้าง ไม่ลืมหูลืมตา
เก่งจริงต้องชนะ แพ้ยังมาทำปากกล้า หาว่าไม่รักชาติไปโน่น

ไม่มีกึ๋นไร้ปัญญา แทนที่สำนึก กลับต่อว่าคนข้างหลัง
ความอัปยศแห่งความพ่ายแพ้ แถอย่างไรก็ยังแพ้วันยังค่ำ
ใช้หยาบคายเป็นธงนำ พอขึ้นศาลจึงแพ้เขา พวกคลั่งเจ้า มักเป็นเช่นนั้น

ท่านไม่อาย แต่ เภก อาย รู้บ้างไหม...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #22 เมื่อ: 27-06-2008, 22:05 »

ภาษาไม่กระดิก ดัดจริตนำมาอ้าง
ข้อความเขาว่ามาอย่างไร ท่านรู้จริงหรือ
นำมาอวดนึกว่าเท่ห์ เฮอะ น่าขัน
ความรู้แค่หางอึ่ง แต่อยากโชว์พาว หน้าไม่อาย...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
\(^_^)/
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 617



« ตอบ #23 เมื่อ: 27-06-2008, 22:58 »

อุ๊ย??..ด่าตัวเองก็ "เป็น"
^
^
^
^
^
 


บันทึกการเข้า

 
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #24 เมื่อ: 28-06-2008, 16:13 »

อ่านไอ้สำนวนขายชาติมาตั้งพักใหญ่ สรุปว่า ถ้าปราสาทและดินแดนเป็นของกำพูชา น่าจะเป็นสิ่งถูกต้องใช่ไหม
มรึงทำไมไม่ดูว่า ไอ้เศษฝรั่งมันชนะได้ เพราะว่ามันเปลี่ยนแผนที่ จากที่เคยตกลงสันปันน้ำ มาขีดบนแผ่นดินไทยแทน
แล้วก้อ้างเรื่อง เคยมีธงฝรั่งเศษเคยปักบนนี้  หรืออ้างว่าไทยเคยเห็นแต่ไม่คัดค้าน จึงยอมรับว่าที่แห่งนี้เป็นของฝรั่งเศษ มรึงไม่คิดว่ามันโกลแบบด้านๆหรือไง
ไอ้เภก ขายชาติ (แม้วพ่อมรึงไง) อย่างนี้กรูถามหน่อยว่า ตอน นาซีเยอรมันเอาธงไปปักในประเทศเศษฝรั่ง แล้วทำไมไอ้เศษฝรั่งไม่ยกให้นาซีวะ  ก็คนฝรั่งเศษเห็นธงนาซีแยะไป ก็เดินกันเฉยๆ ไม่เห็นทำห่าอะไรเลยจริงไหม  จนกระทั่งนาซีพ่ายสงครามจึงเอาธงกลับไปด้วย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: