ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 18:56
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "กฤต" ยืนยันไม่มีแถลงการณ์ร่วมกัมพูชาขึ้นทะเบียน "เขาพระวิหาร" ไม่ได้ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"กฤต" ยืนยันไม่มีแถลงการณ์ร่วมกัมพูชาขึ้นทะเบียน "เขาพระวิหาร" ไม่ได้  (อ่าน 1932 ครั้ง)
totoro on a tree
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 112



« เมื่อ: 26-06-2008, 19:48 »

การไต่สวนนายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ใช้เวลา 5 ชั่วโมง มีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนที่โดยรอบปราสาทเขาพระวิหารที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทับซ้อน โดยศาลถามว่า หากไม่มีคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา จะส่งผลให้กัมพูชานำเรื่องนี้ไปขอขึ้นทำเบียนเป็นมรดกโลกได้หรือไม่ โดยนายกฤต กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะจะส่งผลให้กัมพูชาไม่สามารถนำปราสาทเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการมรดกโลกได้ โดยนายกฤต ได้ยกตัวอย่างว่า อนุสัญญาของยูเนสโก ข้อ 11 วรรค 3 ระบุว่า หากจะขึ้นทะเบียนอะไรเป็นมรดกโลก จะต้องได้รับคำยืนยันจากรัฐที่เกี่ยวข้องก่อน และยืนยันด้วยว่า ตนเองมีความรับผิดชอบในการรักษาชาติ รักษาอธิปไตยของดินแดน และทำเรื่องนี้ได้มีการสอบถามกับกรมแผนที่ทหารแล้ว
        นอกจากนี้ นายกฤตยืนยันด้วยว่า หากมีการระงับมติคณะรัฐมนตรี และคำแถลงการณ์จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากรัฐบาลมีการเจรจากันไว้แล้ว
        เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยื่นคัดค้านต่อศาล 3 ข้อ คือ 1. ทีมทนายความและผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีอำนาจฟ้องหรือไม่ 2. ศาลมีอำนาจในการพิจารณาไต่สวนหรือไม่ และ 3. ยืนยันว่าคำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวไม่ใช่สนธิสัญญา

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000075403


ตามข่าวเรื่องร้องเรียนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารที่ศาลปกครองอยุ่ค่ะ

ไม่รู้ว่าจะสรุปผลวันไหน

ว่าแต่ว่า ตากฤตนี่เป็นใครมากจากไหนค่ะ
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #1 เมื่อ: 26-06-2008, 20:57 »

ตามข่าวเรื่องร้องเรียนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารที่ศาลปกครองอยุ่ค่ะ

ไม่รู้ว่าจะสรุปผลวันไหน

ว่าแต่ว่า ตากฤตนี่เป็นใครมากจากไหนค่ะ

คุณกฤต ไกรจิตติ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนกว่าๆ มานี้เองครับ
หลังจากคุณนพดลโยกอธิบดีคนก่อนไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง

ตอนนั้นวิเคราะห์กันว่าเกี่ยวกับคดีเครื่อง CTX แต่ตอนนี้ต้องวิเคราะห์ใหม่แล้ว 
----------------------------------------------------------------------------------------------------
คอลัมน์มุมราชการ ของ นสพ.ไทยรัฐ
แวดวงข้าราชการ [10 พ.ค. 51 - 17:17]
http://203.151.217.76/news.php?section=education03&content=89164

แล้วก็ค่อยๆออกลายมาเรื่อยๆ เมื่อ นพดล ปัทมะ เจ้ากระทรวงบัวแก้ว โยกย้าย วีรชัย พลาศรัย
ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง แล้วให้
กฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มาเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายแทน

และ ธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ถูกหวยก่อนกำหนด ได้เป็นอธิบดีกรมเศรษฐกิจ
ระหว่างประเทศ งานนี้มีเบื้องหลังพัวพันกับเรื่อง สัญญาซีทีเอ็กซ์ ที่มีการโกงกินกันมโหฬารใน รัฐบาลทักษิณ
เลยต้องมีคนทำหน้าที่ บ่าวกตัญญู จัดการเรื่องราวให้ นายเหนือหัว
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #2 เมื่อ: 26-06-2008, 21:07 »

ลีลาให้สัมภาษณ์ตอนนั้นจากคุณนพดล ยกมาแค่บางส่วนที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร
สรุปว่าอ่านจบแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าอธิบดีคนเดิมทำผิดอะไร 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สัมภาษณ์ : "นพดล ปัทมะ"แจง2ปมร้อนเขาพระวิหาร-เด้งอธิบดีบัวแก้ว
วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
http://www.bangkokbiznews.com/2008/05/14/news_26392359.php?news_id=26392359

การโยกย้ายอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังถูก จับโยงเข้ากับการเจรจาปมปัญหาเขาพระวิหารกับทางกัมพูชา ทำนองว่าท่านอธิบดีขวางฝ่ายการเมืองที่พยายามจะให้ต่อรองแลกเปลี่ยนกับผล ประโยชน์มหาศาลในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?

ข่าวที่ลงทางหนังสือพิมพ์บางฉบับอยู่ในขณะนี้ เป็นข่าวเท็จทั้งสิ้น เรื่องเขาพระวิหารนั้น ความเดิมก็คือศาลโลกตัดสินเมื่อปี พ.ศ.2505 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ยกตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา ตัวปราสาทคือ Temple ใครเรียนกฎหมายระหว่างประเทศจะต้องเรียนคดีนี้

ตอนนั้นเราถูกกฎหมายปิดปาก ห้ามไม่ให้อ้างหรือใช้แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีน ฝรั่งเศส เผอิญเราไปยอมรับเขา เราจึงปฏิเสธตอนหลังไม่ได้ เราก็เลยถูกตัดสินว่าตัวปราสาทอยู่ในเขตของกัมพูชา และกัมพูชาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์

สำหรับปัญหาปัจจุบันคือ ทางกัมพูชาต้องการจะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการมรดกโลก สังกัดองค์การยูเนสโก ซึ่งเราก็ยินดีสนับสนุนกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนตัวปราสาท แต่เผอิญการขึ้นทะเบียนดังกล่าวจะต้องมีพื้นที่รอบตัวปราสาท เรียกว่าพื้นที่อนุรักษ์ หรือพื้นที่กันชน เข้ามาเกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ที่ประเทศไทยอ้างสิทธิทับซ้อนด้วย ประเทศไทยอ้างว่าคำตัดสินของศาลโลกตัดสินเฉพาะให้ยกตัวปราสาทให้กัมพูชา แต่ไม่ได้ยกพื้นที่ทับซ้อนให้ด้วย แต่กัมพูชาอ้างว่า คำตัดสินของศาลโลกครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อน จึงเป็นความเห็นที่แตกต่างกัน

เราก็เลยคิดว่าก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกจะ ตัดสินเรื่องขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร กัมพูชาในฐานะมิตรประเทศควรจะมาคุยกันก่อนในลักษณะว่าขอบริหารจัดการร่วมกัน ในพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตร นี่คือท่าทีและเงื่อนไขที่ประเทศไทยต้องรักษาไว้ว่าจะต้องบริหารจัดการร่วม กันในพื้นที่ทับซ้อนเสียก่อน จึงจะมีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

ส่วนเรื่องเจดีเอ (Joint Development Area) ซึ่งหนังสือพิมพ์บางฉบับนำเสนอนั้น เป็นพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย สืบเนื่องจากกัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในปี พ.ศ.2515 ส่วนประเทศไทยประกาศไหล่ทวีปเมื่อปี พ.ศ.2516 มันก็ซ้อนกัน เมื่อซ้อนกันเราจะทำอย่างไร เอากองทัพเรือไปบุกยึดหรือ...นั่นคงไม่ใช่หนทางทางการทูตแน่นอน ในที่สุดก็เลยต้องมาแบ่งพื้นที่ทับซ้อนให้ได้ประโยชน์ร่วมกันและพัฒนาร่วม กัน

เรื่องนี้ก็เจรจากันไป ไม่มีวันที่เราจะเกี๊ยะเซียะเขาพระวิหารเพื่อที่เราจะได้ประโยชน์จากสัมปทาน แก๊สและน้ำมัน...ไม่มีเด็ดขาด เรื่องนี้ประชาชนสบายใจได้ว่าไม่มีใครแอบไปทำใต้โต๊ะ หรือแอบไปทำหลังเขา สามารถตรวจสอบได้ และกระทรวงการต่างประเทศจะไม่มีวันยอมให้มีเหตุการณ์แลกแผ่นดินกับผล ประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ผลประโยชน์จะมากเพียงใดก็ไม่สามารถทำได้ ฉะนั้นขอให้สบายใจ


การปลดอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายที่เป็นหนึ่ง ในทีมเจรจาปัญหาเขาพระวิหาร และมีความเชี่ยวชาญสูงทั้งภาษาฝรั่งเศสและกฎหมายฝรั่งเศสซึ่งใช้เป็นเอกสาร หลักในการเจรจา ทำให้ถูกมองว่าเรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลัง

ผมเป็นผู้ชายที่มีแต่เบื้องหน้าครับ ไม่มีเบื้องหลัง...การเจรจาเรื่องเขาพระวิหารนั้น ขอบอกว่ากระทรวงนี้มีคนเก่งมาก มีดอกเตอร์จากฝรั่งเศสเยอะมาก ผมเป็นรัฐมนตรี ผมก็ต้องสามารถปรับทีมให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ ได้ ผมค่อนไปทางเข้มงวดและเร่งรัดในการเจรจาที่รักษาผลประโยชน์ชาติ ส่วนความในกระทรวงในเรื่องการทำงาน ไม่อยากออกมาพูดข้างนอก

อยากจะเรียนว่าการโยกย้ายเป็นไปโดยความเหมาะสม เป็นอำนาจของท่านปลัด และผมก็เป็นแค่เมสเซ็นเจอร์ (คนส่งเอกสาร) เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รับรอง กฎหมายบังคับว่ารัฐมนตรีไม่สามารถย้ายซี 10 ได้ ย้ายได้แค่ซี 11 เพราะฉะนั้นอำนาจย้ายซี 10 คืออำนาจของซี 11 ผมเหมือนซี 12 ก็เสนอผ่าน ครม. อันนี้เป็นประเด็นแรกซึ่งเป็นประเด็นทางกฎหมาย

ประเด็นที่ 2 การดำเนินการเป็นไปเพื่อความเหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพ เพื่อการประสานงาน ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรเลย ผมอยากให้สังคมได้ดู คุณภาพของคนที่จะมาแทน คือ ท่านกฤต ไกรจิตติ ท่านก็เคยเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายมาก่อน เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มา เจรจาเรื่องเขาพระวิหารมาก่อน ท่านเป็นลูกของอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ถือเป็นมือดีของกระทรวง

อย่าลืมว่าผมเป็นกัปตันทีม คนจะดูแต่ศูนย์หน้า ทั้งๆ ที่กัปตันทีมอย่างผมต้องดูกองกลาง ต้องดูประตู ต้องดูแบ็คด้วย ต้องให้การทำงานในภาพรวมของกระทรวงไปข้างหน้าได้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เสียงาน

ที่สำคัญประเด็นเรื่องกัมพูชาไม่ได้เป็นประเด็น เดียวที่กระทรวงเราดูแลอยู่ เรายังมีเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องข้อตกลงทวิภาคี เรื่องผลประโยชน์ของชาติด้านอื่นๆ เพราะฉะนั้นขอกราบเรียนด้วยความเคารพว่าผมเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ขนาดปลัดกระทรวงมาหาผมสัปดาห์แรก มาขอว่าท่านยินดีที่จะถูกย้ายไปอยู่ที่โตเกียว (ประเทศญี่ปุ่น) และให้คนอื่นมาเป็นปลัดกระทรวงแทน ผมยังไม่ย้ายท่านเลย ทั้งๆ ที่ท่านเป็นคนเสนอเอง

ท่านปลัดเป็นคนมีความสามารถ ผมก็อยากให้ท่านช่วยงานผมต่อไป และถ้าผมย้ายตอนนั้นก็จะถูกมองว่าผมมีใบสั่งหรืออะไรต่างๆ ผมค่อนข้างให้เกียรติข้าราชการประจำ แต่ผมก็คาดหมายการปฏิบัติตอบกลับในทำนองเดียวกันด้วย


รัฐมนตรีบอกว่าการย้ายอธิบดีเป็นอำนาจของปลัด แต่ทำไมพอย้ายปั๊บ ปลัดถึงไปเขียนจดหมายด้วยลายมือเชิดชูท่านวีรชัย

ความเห็นแต่ละคนก็จะมองเรื่องนี้แตกต่างกันว่า เป็นอย่างไร ผมก็ไม่อยากขยายความอะไรมาก จริงๆ ผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับจดหมายของท่าน เพราะว่าเป็นสิทธิของท่านที่จะดำเนินการอย่างไรก็ได้ในกรอบของท่าน ประชาธิปไตยมันเบ่งบานในกระทรวงการต่างประเทศ เราเป็นสังคมของคนมีความรู้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและวินัยของข้าราชการ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 26-06-2008, 21:09 »

ถ้าไทยไม่ให้การรับรอง องค์กรมรดกโลกก็ไม่สามารถให้ขึ้นทะเบียนได้

แต่ติงเหล่ ทำให้เค้าขึ้นได้แล้ว รอแต่ว่าศาลจะยับยั้งได้หรือไม่
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: