ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 03:26
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ขอแสดงความเห็น ศิลปขอมโบราณ ไม่จำเป็นต้องเป็นของเขมรกำพูชาปัจจุบัน ไม่เกี่ยวกัน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ขอแสดงความเห็น ศิลปขอมโบราณ ไม่จำเป็นต้องเป็นของเขมรกำพูชาปัจจุบัน ไม่เกี่ยวกัน  (อ่าน 3285 ครั้ง)
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« เมื่อ: 26-06-2008, 15:47 »

เรื่องศิลปขอมโบราณ ที่ คนเขมร หรือ คนไทยใจเขมร อ้างว่าเป็นของเขมร เช่น ปราสาทพระวิหาร  หรือ สิ่งอื่นๆ ที่ประกอบกันเป็นชุดปราสาทเขาพระวิหาร ก็เป็นของเขมร  บทความนี้ ขอส่งไปถึงเขมรที่คิดเอาแต่ได้ที่อ่านภาษาไทยออก กรุณานำไปแปลด้วยนะครับ
เนื่องจากปราสาทเขาพระวิหาร ได้มีการค้นคว้าว่า เกิดจากพระเจ้าชัยวรมัน ขอมโบราณ เมื่อกว่า1พันปีที่แล้วเป็นผู้สร้าง ซึ่งอาจจริงหรือไม่ ผมไม่ทราบเพราะคนสร้างก็ตายไปแล้ว  และถึงจะใช่ พระเจ้าชัยวรมันผู้นี้ ก็ไม่ใช่เจ้าผู้ครองประเทศเขมรปัจจุบัน  และปราสาทนี้ก็ได้กลายเป็นปราสาทร้าง  เหมือนบ้านที่มีเจ้าของบ้านละทิ้งร้างเป็นเวลานานกว่า 1พันปี  ดังนั้นสิทธิครอบครองจึงหมดไป ตามกฎหมายปัจจุบันของไทย เมื่ออสังหาริมทรัพย์ถูกครอบครองปรปักษ์เกิน10 ปี และครอบครองโดยเปิดเผย ผู้ครอบครองย่อมเป็นเจ้าของ  แต่กรณีปราสาทนี้ ทิ้งร้างกว่า1พันปี และไทยได้เข้าครอบครองอยู่ในราชอาณาจักรของไทย เป็นเวลากว่า 100ปี โดยการขยายราชอาณาจักร ครอบครองทั้งประเทศกำพูชาในปัจจุบัน  ต่อมาฝรั่งเศษ หรือเศษของพวกฝรั่ง ได้อาศัยการรุกราน และแบ่งแย่งดินแดนไป โดยการเขียนแผนที่กั้นอาณาเขต ซึ่งฝรั่งเศษ หรือเศษของพวกฝรั่ง ก็ยังอาศัย ยอดของเทือกเขาที่สูงสุด(สันปันน้ำ) เป็นแนวเขตแดน ในแผนที่ที่ส่งให้ไทย
ดังนั้น เมื่อ ปราสาทนี้ อยู่บนเขา ฝั่งลาดเอียงมายังไทย จึงต้องเป็นของไทย การจะอ้างศิลปขอมต้องเป็นของเขมรจึงไม่ถูกอย่างยิ่ง  เช่นในเขตแดนไทยอีกหลายแห่ง ยังมีศิลป ขอมโบราณอีกหลายแห่ง  และยังมีศิลปของพวกมอญ และศิลปจีนสมัยก่อน  ศิลปอินเดียโบราณ นอกจากนั้น ในประเทศอื่นๆ
ก็ยังมีศิลปของไทยเช่นในประเทศจีนตอนใต้ ยังมีชนเผ่าที่พูดไทยโบราณ และมีศิลปวัฒนธรรมแบบไทย  การอ้างแบบที่เขมรอ้าง หรือคนไทยใจเขมรอ้าง กรรมสิทธิ์เหนือดินแดน ที่มีศิลป วัฒนธรรม ที่ยังหลงเหลืออยู่ในที่แห่งนั้น  ต้องเป็นของประเทศที่มีชนชาตินั้นๆส่วนใหญ่อาศัยอยู่ จึงผิดโดยสิ้นเชิง
ถ้าอ้างได้เช่นนี้ ไทยเราก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนประเทศจีน ประเทศลาว  ประเทศเวียดนาม ประเทศกำพูชาได้เช่นกัน เพราะว่ามีศิลป วัฒนธรรมของไทยยังหลงเหลืออยูในประเทศเหล่านี้เช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 15:54 โดย เบื่อไอ้เหลี่ยม » บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 26-06-2008, 16:07 »

ขอม เป็นชนเผ่าโบราณเผ่าหนึ่ง ซึ่งจะสืบทอดเกี่ยวพันกัน เขมร ในปัจจุบัญหรือไม่ ก็ต้องไปสอบสวนทวนความไล่เผ่าพันธ์กัน

เช่นเดียวกับคำกล่าวที่ว่า คนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไต  หากเป็นจริงคงไม่ใช่คนไทยทุกคนอย่างแน่นอน เพราะคนไทยที่อยู่ที่นี่มาก่อน และคนไทยที่อพยพมาจากที่อื่น ก็มีเช่นกัน

ศิลปะขอม ไม่อาจนำมาอ้างเพื่อกรรมสิทธิ์ใดๆของเขมรได้แน่นอนค่ะ รวมไปถึงศิลปะของชนชาติใดก้ตาม ไม่อาจนำมาอ้างเพื่อครอบครองศิลปะวัตถุนั้น หรือผืนดินที่ตั้งศิลปะวัตถุนั้นๆอยู่ได้

คนละเรื่องกันแน่นอน
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #2 เมื่อ: 26-06-2008, 16:11 »

ปราสาท พนมรุ้ง ปราสาทพิมาย ก็เป็น ศิลปขอมโบราณ

ขอมก็เคยปกครอง ภาคอีสานของไทย เขมรก็เคยตกเป็นประเทศราชของไทย

เรื่อง ปราสาทพระวิหาร ถ้าต้องการให้เกิดประโยชน์ทั้งฝ่ายไทยและเขมร ควรจะจดทะเบียนร่วม

ถ้ายังจะถือทิฐิก็จะทำให้เกิดข้อพิพาทชายแดน ซึ่งก็เสียด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้เลย

จดช้าไปสองปี ยังจะดีกว่าเป็นปัญหาชายแดนยืดเยื้อ ไม่รู้จะจบเมื่อไร เรื่องอดีตก็ให้มันเป็นอดีต

มองไปข้างหน้า คุยกันเรื่องอนาคตของสองประเทศที่จะร่วมมือกันดีกว่า แทนที่จะเกิดพื้นที่ทับซ้อน

ซึ่งจะเถียงกันไม่จบ ก็จะกลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วม win win ทั้งสองฝ่าย ถึงตอนนั้นเส้นเขตพรมแดนจะอยู่ตรงไหน

ก็ไม่มีความแตกต่างแล้ว ร่วมกันทำมาหากิน หาเงินเข้าทั้งสองประเทศ ดีกว่าจะตั้งหน้าตั้งตารบกัน

ซึ่งก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาทั้งสองฝ่าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 16:24 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #3 เมื่อ: 26-06-2008, 16:24 »

ผมกลับไม่เห็นด้วยกับ#2 ครับ  การแบ่งเขตแดน ควรได้รับการตัดสินใหม่ในศาลโลก เราไม่ต้องใช้ทหารไปยิงกันครับ  สมัยก่อนเราพิพาทเขมรก็ไม่ได้ยิงกัน เราไปขึ้นศาลโลกครับ  แต่ไอ้เศษฝรั่ง มันเสือกขีดแผนที่มั่ว และใช้อิทธิพลมหาอำนาจครับ
ปัจจุบัน ไอ้เศษฝรั่งมันหมดศักดิ์ศรีไปแยะแล้วครับ เราไม่ต้องเกรงมันแล้ว และเราก็อ้างว่ามีหลักฐานใหม่ครับ
ถ้าเรายอมมันตามที่#2 ว่ามา อาณาเขตที่ควรเป็นของเรา ก็จะเป็นของเขมรไปด้วย ไม่ยุติธรรมครับ
ไม่มีอาณาเขตทับซ้อนหรอกครับ
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #4 เมื่อ: 26-06-2008, 16:31 »

ผมก็ไม่เคยบอกว่าเราจะยอมเสียดินแดนให้เขมรนี่ครับ

เรื่องอย่างนี้ต้องเอาไปขึ้นโต๊ะเจรจา ชี้ให้เห็นว่าเค้าจะได้ประโยชน์แค่ไหน

แล้วเราก้เอาปืนวางบนโต๊ะเจรจา ไม่งั้นเราจะมีกองทัพไว้ทำอะไรละครับ

เสียงบประมาณปีละเป็นแสนล้าน เรายื่นข้อเสนอที่เค้าปฎิเสธไม่ได้ตะหากครับ

และเราก็ไม่ได้เรียกร้องมากมายจนเค้ารับไม่ได้ ให้เค้าเลือกครับว่าจะเอาเงิน หรือลูกปืน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 16:37 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #5 เมื่อ: 26-06-2008, 16:40 »

ครับ การที่คุณบอกว่า win-win หมายถึงเราได้เขาก้ได้ ซึ่งมันไม่ใช่ตามที่ผมพูดครับ
ให้ศาลโลกตัดสินเรื่องเขตแดนใหม่ แล้วจะมีแค่ win ตัวเดียว  ไม่มี 2 win ครับ
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #6 เมื่อ: 26-06-2008, 16:43 »

ถ้า UNESCO ไม่อนุมัติ หรือเลื่อนการพิจารณาเืพื่ออนุมัติให้ปราสาท ฯ เป็นมรดกโลก
แล้วการปรากฏว่าเขมรได้กระทำการ "รุก" ต่อในเรื่องพื้นทีหรือส่วนอื่นอันเกี่ยวเนื่องกับตัวปราสาท
ไม่ว่าจะเป้นภายใน 10 ปีหรือไม่
นายนพดล ปัทมะ ( และอีกหลา่ยคน ทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมือง ) จะต้องตกเป็นผู้ต้องหาทันที
เพราะการ "อ้างเอาซึุ่งหนังสือข้อตกลง ฯ" โดยฝ่ายกัมพูชา
จะเทียบได้กับการไป "ลงนาม - ทำสัตยาบัน" ซึ่งคำพิพากษาศาลโลกที่ฝ่ายไทยไม่เห็นชอบด้วย

ศาลโลกไม่มีอำนาจตัดสินว่าพื้นที่ใดเป็นของประเทศไหนนะครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อหลักฐานทางภูมิศาสตร์ ( ความแน่ชัดทางข้อเท็จจริง ) ได้ปรากฎแล้วว่าไม่สามารถตกเป็นของประเทศอื่นที่อ้างกรรมสิทธิลอย ๆ ทางศิลปวัฒนธรรม
หรือแม้แต่การตกให้เป็นเพราะ "ครั้งหนึ่งประเทศนักล่าอาณานิคมได้ใช้ชั้นเชิง - ความได้เปรียบ กระทำการฉ้อฉลเพื่อให้ได้มา"

ศึกษาดี ๆ นะครับ
ว่าการ "ลงนามรับรอง" ของนพดล  ปัทมะในครั้งนี้
แม้เจ้าตัวจะอ้างว่า "ปกป้องพื้นที่ - แผ่นดินไทย"
แต่ในขณะเดียวกันกลับมีลักษณะอันไม่ต่างจากการ
"ให้สัตยาบันในเอกสารใด ๆ ในอดีตที่ฝ่ายไทยไม่เคยให้การยอมรับ  ด้วยเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม  อันเกิดจากการกระทำอย่างฉ้อฉลกลุ่มบุคคลต่างประเทศผู้เป็นคู่กรณีในอดีต"
ใช่หรือไม่ ?
บันทึกการเข้า

Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #7 เมื่อ: 26-06-2008, 16:59 »

พระปรางค์สามยอดที่ลพบุรีนั่นก็ขอม
บันทึกการเข้า
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #8 เมื่อ: 26-06-2008, 17:53 »

ถ้าอีตาดร.ชาญวิทย์ เกษตรกะปิแกจะเอาปราสาทขอมโบราณไปเป็นของเขมรให้ได้ละก็
ชิบหายอย่างเดียวครับ

เพราะตามที่เคยเรียนมา เค้าบอกว่ามีถนนตัดตรงในยุคขอมจากนครธม (หรือนครวัดก็ลืมๆไปแล้ว) ตรงดิ่งตัดภาคกลางประเทศไทยปัจจุบัน
ไปทางตะวันตกและมีการสร้างปราสาทต่างๆตามเส้นทางเป็นระยะๆ อย่างใหญ่ๆก็คือปราสาทหินพิมาย
จนไปจบที่ปราสาทเมืองสิงห์ที่อยู่ที่กาญจน์นู่นแน่ะ

เอ้า! ยกดินแดนให้เขมรไปเลยแล้วกันนะ 'จารย์ กรุงท่งกรุงเทพจะได้ไม่เหลือ
ดินแดนเขมรจะได้ตัดผ่ากลางประเทศไทย สะใจอาจารย์แล้วกระมัง

ว่าแต่คนเขมรโบราณน่ะ โดนเจ้าสามพระยากวาดมาอยู่ในกรุงศรีตั้งแต่ตีนครวัดแตก กลายเป็นคนกรุงศรี
จะเหลือหนีไปตั้งเมืองใหม่กี่พันคนกันเชียวครับ แล้วคนกรุงศรีก็โดนพม่าตี กวาดไปอยู่ย่างกุ้งซะ
ในยุคพระมหาธรรมราชา เหลือไว้เฝ้าเมืองแค่หมื่นกว่าคน จนเขมรใหม่ พระยาละแวกเข้ามาแหย่ได้ถึงชานกรุง

พระนเรศวรยกไปตีพระยาละแวก กวาดคนเขมรใหม่มาเข้าเมืองอีก วู้! กลายเป็นคนกรุงศรีอีกที
ถึงยุคกรุงแตกครั้งที่สอง โดนกวาดไปพม่าอีกแทบหมดเมือง  อ้าว?? 

สรุปว่าคนขอมยุคที่สร้างนครวัด กลายเป็นคนพม่าปัจจุบันครับ ท่านผู้โชม...   

งั้นก็คงต้องเอานครวัดไปยกให้พม่าซะละมั้งเนี่ย... 
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #9 เมื่อ: 26-06-2008, 18:31 »

ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ที่เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปาก แล้วตัวเองพยายามที่จะบิดเบือน

1 ศาลโลกไม่เคยมีคำตัดสินเรื่อง เส้นพรมแดนระหว่าง ไทย กับ เขมร เลย

2. ศาลโลกมีคำตัดสินให้เขมรมีสิทธิเหนือ ปราสาทพระวิหาร เท่านั้น

3. ฝรั่งเศสกับไทยมีสนธิสัญญาปักบันเขตแดน โดยใช้แนวสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรักเป็นแนวเขตแดน

สันปันน้ำคือแนวสันเขาตามธรรมชาติ เมื่อฝนตก ถ้าน้ำไหลไปด้านใดก็ให้ถือว่าเป็นดินแดนของฝ่ายนั้น

บริเวณนั้นยังไม่เคยมีการปักเขตเป็นที่แน่ชัด เพราะเขมรรู้ดีว่าตัวปราสาทตั้งอยู่ในเขตแดนของไทย

เส้นที่รํฐบาลสมัยปี 2505ขีดไว้ไม่ใช่แนวเขตแดน

สรุปตัวปราสาทเท่านั้นที่เป็นของเขมร ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย

โดยไม่ได้ไปละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเลย ถ้าทำอย่างงั้นจะได้อะไรขึ้นมา

เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปากได้ แต่สั่งศาลปกครองไม่ได้ แล้วเรารอไปพิสูจน์ความจริงกันในศาลดีกว่า

อีกอย่างถ้า ไทยไม่ยอมให้เขมรจด เขมรก็จดไม่ได้ อันนี้เหล่บิดเบือนหลอกทหารเห็นๆ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 18:43 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #10 เมื่อ: 26-06-2008, 18:46 »

ถ้าอีตาดร.ชาญวิทย์ เกษตรกะปิแกจะเอาปราสาทขอมโบราณไปเป็นของเขมรให้ได้ละก็
ชิบหายอย่างเดียวครับ

เพราะตามที่เคยเรียนมา เค้าบอกว่ามีถนนตัดตรงในยุคขอมจากนครธม (หรือนครวัดก็ลืมๆไปแล้ว) ตรงดิ่งตัดภาคกลางประเทศไทยปัจจุบัน
ไปทางตะวันตกและมีการสร้างปราสาทต่างๆตามเส้นทางเป็นระยะๆ อย่างใหญ่ๆก็คือปราสาทหินพิมาย
จนไปจบที่ปราสาทเมืองสิงห์ที่อยู่ที่กาญจน์นู่นแน่ะ

เอ้า! ยกดินแดนให้เขมรไปเลยแล้วกันนะ 'จารย์ กรุงท่งกรุงเทพจะได้ไม่เหลือ
ดินแดนเขมรจะได้ตัดผ่ากลางประเทศไทย สะใจอาจารย์แล้วกระมัง

ว่าแต่คนเขมรโบราณน่ะ โดนเจ้าสามพระยากวาดมาอยู่ในกรุงศรีตั้งแต่ตีนครวัดแตก กลายเป็นคนกรุงศรี
จะเหลือหนีไปตั้งเมืองใหม่กี่พันคนกันเชียวครับ แล้วคนกรุงศรีก็โดนพม่าตี กวาดไปอยู่ย่างกุ้งซะ
ในยุคพระมหาธรรมราชา เหลือไว้เฝ้าเมืองแค่หมื่นกว่าคน จนเขมรใหม่ พระยาละแวกเข้ามาแหย่ได้ถึงชานกรุง

พระนเรศวรยกไปตีพระยาละแวก กวาดคนเขมรใหม่มาเข้าเมืองอีก วู้! กลายเป็นคนกรุงศรีอีกที
ถึงยุคกรุงแตกครั้งที่สอง โดนกวาดไปพม่าอีกแทบหมดเมือง  อ้าว?? 

สรุปว่าคนขอมยุคที่สร้างนครวัด กลายเป็นคนพม่าปัจจุบันครับ ท่านผู้โชม...   

งั้นก็คงต้องเอานครวัดไปยกให้พม่าซะละมั้งเนี่ย... 


เป็นความเห็นที่น่าสนใจครับ การเทครัว (อพยพคนหมดทั้งพื้นที่)
เป็นสิ่งหนึ่งที่แต่ละฝ่ายในสมัยโบราณจะทำเสมอในช่วงสงคราม

เป็นที่มาของตำแหน่ง "พระยาเทครัว" ที่รับผิดชอบในการอพยพ
แต่ปัจจุบันลดความหมายเหลือเพียง เหมาเอาเป็นภรรยาทั้งบ้าน

ตัวอย่างเช่นคนอีสานปัจจุบัน ก็ถูกเทครัวมาจากฝั่งลาวตั้งแต่สมัย
รัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นเหตุให้ลาวมีประชากรน้อยมาถึงปัจจุบัน
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #11 เมื่อ: 26-06-2008, 18:48 »

ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ที่เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปาก แล้วตัวเองพยายามที่จะบิดเบือน

1 ศาลโลกไม่เคยมีคำตัดสินเรื่อง เส้นพรมแดนระหว่าง ไทย กับ เขมร เลย

2. ศาลโลกมีคำตัดสินให้เขมรมีสิทธิเหนือ ปราสาทพระวิหาร เท่านั้น

3. ฝรั่งเศสกับไทยมีสนธิสัญญาปักบันเขตแดน โดยใช้แนวสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรักเป็นแนวเขตแดน

สันปันน้ำคือแนวสันเขาตามธรรมชาติ เมื่อฝนตก ถ้าน้ำไหลไปด้านใดก็ให้ถือว่าเป็นดินแดนของฝ่ายนั้น

บริเวณนั้นยังไม่เคยมีการปักเขตเป็นที่แน่ชัด เพราะเขมรรู้ดีว่าตัวปราสาทตั้งอยู่ในเขตแดนของไทย

เส้นที่รํฐบาลสมัยปี 2505ขีดไว้ไม่ใช่แนวเขตแดน

สรุปตัวปราสาทเท่านั้นที่เป็นของเขมร ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย

โดยไม่ได้ไปละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเลย ถ้าทำอย่างงั้นจะได้อะไรขึ้นมา

เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปากได้ แต่สั่งศาลปกครองไม่ได้ แล้วเรารอไปพิสูจน์ความจริงกันในศาลดีกว่า

อีกอย่างถ้า ไทยไม่ยอมให้เขมรจด เขมรก็จดไม่ได้ อันนี้เหล่บิดเบือนหลอกทหารเห็นๆ

สรุปได้รัดกุมดีมาก ขออนุญาตนำไปประกอบการทำเอกสารเผยแพร่ได้ไหมครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 26-06-2008, 18:52 »

ถ้าจะคุยเรื่องขอม มันยาวครับ ต้องไปเริ่มมาจาก อาณาจักรฟูนัน

มาจนถึงเรื่อง เจนละบก เจนละน้ำ

ยาวครับ


โดยสรุป ขอมโบรมณ ก็คือบรรพบุรุษของผู้คนในอุษาคเนย์ ทั้งหมดครับ มิใช่แค่เขมรในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า

คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #13 เมื่อ: 26-06-2008, 19:18 »

ถ้าคุณ jerasak เห็นว่าผมสรุปได้ดี จะนำไปประกอบเอกสาร ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ

เมื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดแล้ว จะเห็นว่าถ้าไทยยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก

ไม่ใช่เรื่องลำบากเลยในการเจรจาเรืองปราสาทพระวิหาร ส่วนเรื่องที่จะwinคนเดียว

เราต้องอยู่กับเขมรไปอีกนานครับ ย้ายหนีก็ไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้อย่าทะเลาะกันเลยครับ

ถ้าใครเคยมีเรื่องทะเลาะกับบ้านข้างๆจะเข้าใจดี ต้องเหลือทางให้เค้าด้วยครับ
บันทึกการเข้า
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #14 เมื่อ: 26-06-2008, 22:35 »

ถึงคุณคนไทยคนหนึ่ง
ผมแนะนำว่า ไทยต้องอุธรณ์ว่าคำพิพากษาไม่ถูกต้อง โดยต้องอ้างว่า แนวเขตของเรา ใช้ตามสนธิสัญญาฝรั่งเศษ  คือสันเขาที่สูงที่สุด ที่แบ่งสันปันน้ำ  คือแนวขอบหน้าผา เขาพระวิหาร เป็นเส้นแบ่งเขตแดน
เมื่อศาลพิพากษาว่าเขาพระวิหารเป็นของเราหมด เราก็ต้องแย้งเรื่อง สิ่งก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่ของเรา จะเป็นของเขมรได้อย่างไร เขมรมาสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่  และไทยเราอนุญาติหรือไม่  ถ้าเขมรอ้างเรื่องศิลปขอมโบราณ ต้องเป็นของเขมร ก็เข้าเรื่องของเราที่ผมพูดมาตั้งแต่ต้นทันทีครับ
ส่วนเรื่องที่ฝรั่งเศษบอกว่า ข้าราชการผู้ใหญ่ของไทยเคยไปถ่ายรูป บนเขาและมีธงฝรั่งเศษแต่ไม่ได้โต้แย้ง  เรื่องนี้ ผมเห็นว่า ต้องยกตัวอย่าง สมัยนาซี มายกธงในฝรั่งเศษ โดยมีชาวฝรั่งเศษอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้ทักท้วง เพราะว่าโดนรุกรานอยู่  แต่ประเทศฝรั่งเศษก็ไม่ได้เป็นของนาซีแต่อย่างใด แล้วเหตุใด ฝรั่งเศษจึงมาอ้างเรื่องธงได้เล่า
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #15 เมื่อ: 26-06-2008, 23:48 »

ครับ ผมเคารพในความคิดเห้นของทุกคนครับ

เพียงแต่ที่ผมเสนอมาก็เป็นเพียงความคิดของผมคนเดียว

เพื่อที่จะได้อยู่กับเพื่อนบ้านอย่างสงบสุข

ตัวปราสาทเป็นของเขมร พื้นที่เป็นของไทย แล้วก็มาเจรจากัน

ว่าจะแบ่งผลประโยชน์กันอย่างไรกับมรดกโลกชิ้นนี้

อีกอย่างเรื่องแนวเขตแดน เราไม่ต้องอุธรณ์ครับ เพราะศาลโลกไม่ได้มีคำตัดสินเรื่องแนวเขตแดน

เพียงทำการปักปันเขตแดนกับเขมรตามสนธิสัญญาที่ทำไว้กับฝรั่งเศส คือแนวสันปันน้ำครับ

ถ้าเราจะอุธรณ์ต่อศาลโลก ก้ต้องอุธรณ์เรื่องสิทธิบนปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะทำร้ายจิตใจคนเขมรจนเกินไปครับ

ปล. แต่อย่างที่บอกแต่แรกแล้วครับ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องเลือกใช้กำลังทหารเป้นวิธีสุดท้าย นั่นก็คือจะเลือกที่ไม่คบกับเพื่อนบ้านแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2008, 04:09 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
คิคิ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 271



« ตอบ #16 เมื่อ: 27-06-2008, 04:05 »

^
^
^

แหม..ไอ้เขมร มันก็ทำร้ายจิตใจคนไทยออกบ่อยไป
บันทึกการเข้า
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #17 เมื่อ: 27-06-2008, 10:48 »

ตอบคุณคนไทยคนหนึ่ง
เรากลัวว่า ถ้าอ้างสิทธิ์ ปราสาท ที่อยู่บนแผ่นดินเรา เกรงว่าจะเกิดสงคราม 
ผมถามว่า แล้วเขมรมันกลัวสงครามกับเราไหม ที่มันอ้างว่าปราสาทเป็นของมัน  สมัยก่อนมันอิงไอ้เศษฝรั่งครับ ถึงได้ผยอง  หลังจากมันกัดกันเองจนย่อยยับ ไอ้เศษฝรั่งก็ไม่สนใจใยดีอีก
ถ้าเรายอม มันก้ได้คืบ เอาศอก  แล้วจะให้เราถอยให้มัน ขณะที่เรามีพลังทางอาวุธและเศรษกิจดีกว่ามันอย่างนั้นหรือครับ
ถามหน่อยว่า เราเอาเงินซื้ออาวุธ ปีละเป็นแสนล้าน  จ่ายค่าจ้างให้ทหาร ปีละเท่าไหร่  แล้วเราจะจ่ายสิ่งเหล่านี้เพื่อะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินครับ
ถ้าทหารยังเงียบ ผมถือว่า ทหารกลัวเขมร  สมควรลาออก
แล้วให้คนที่กล้าและรักชาติ ไปสมัครเป็นทหาร แทนทหารที่กินเงินภาษีประชาชนขณะนี้อยู่ครับ
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #18 เมื่อ: 27-06-2008, 11:12 »

ครับ ผมเคารพในความคิดเห้นของทุกคนครับ

เพียงแต่ที่ผมเสนอมาก็เป็นเพียงความคิดของผมคนเดียว

เพื่อที่จะได้อยู่กับเพื่อนบ้านอย่างสงบสุข

ตัวปราสาทเป็นของเขมร พื้นที่เป็นของไทย แล้วก็มาเจรจากัน

ว่าจะแบ่งผลประโยชน์กันอย่างไรกับมรดกโลกชิ้นนี้

อีกอย่างเรื่องแนวเขตแดน เราไม่ต้องอุธรณ์ครับ เพราะศาลโลกไม่ได้มีคำตัดสินเรื่องแนวเขตแดน

เพียงทำการปักปันเขตแดนกับเขมรตามสนธิสัญญาที่ทำไว้กับฝรั่งเศส คือแนวสันปันน้ำครับ

ถ้าเราจะอุธรณ์ต่อศาลโลก ก้ต้องอุธรณ์เรื่องสิทธิบนปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะทำร้ายจิตใจคนเขมรจนเกินไปครับ

ปล. แต่อย่างที่บอกแต่แรกแล้วครับ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องเลือกใช้กำลังทหารเป้นวิธีสุดท้าย นั่นก็คือจะเลือกที่ไม่คบกับเพื่อนบ้านแล้ว





อ่านแล้วตลกดีนี่นา เขาพระวิหารเป็นของเขมร

ส่วนพื้นที่ใต้ประสาทฯ เป็นของประเทศไทย ศาลโลกมันดูสัญญาเช่าที่

บ้างปล่าวครับเนี่ย.......



บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #19 เมื่อ: 27-06-2008, 12:05 »

คนไทยสมัยนั้นถึงได้รู้สึกเจ็บแค้นมาก เพราะมีความรู้สึกว่าถูกโกงเอาปราสาทพระวิหารไป

ขนาดที่ศาลโลกยังมีความกระดากใจที่จะมีคำตัดสินในเรื่องเขตแดนบริเวณนั้น จึงเว้นไว้ไม่ได้ให้คำตัดสินในหัวข้อนี้ครับ

จริงๆแล้วอยู่ที่การตีความคำตัดสินครับ ว่าจะรวมพื้นดินใต้ปราสาทด้วยหรือเปล่า แล้วผมก็ไม่ได้เห็นสำเนาต้นฉบับคำตัดสินด้วย

ได้อ่านแต่ฉบับภาษาไทย แล้วแต่จะตีความครับ การแปลอาจจะมีการตีความเข้าข้างไทยบ้างแต่สาระสำคัญคงไม่แตกต่างกันเท่าไรครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2008, 13:29 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #20 เมื่อ: 27-06-2008, 14:43 »

เทห์จริงๆ

"ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย"

 
บันทึกการเข้า
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #21 เมื่อ: 27-06-2008, 15:07 »

ถ้าเขมรมีปัญหามากจริงๆ ผมว่า ให้มันรื้อซากตึกออกไปจากบ้านเราจะดีกว่าครับ
ดีกว่าให้มันเข้าบ้านมัน แต่ไม่แยแสว่า ผืนดินที่มันเหยียบเข้ามาเป็นผืนดินของไทยนะ คุณ mebeam
ถามหน่อยว่า ถ้าที่ดินของคุณ ถูกผมปลูกสร้างบ้านรุกเข้าไป  แล้วผมจะเข้าๆออกๆบ้านผม เหมือนไม่สนใจสิทธิ์ของคุณบนที่ดิน
 คุณจะทำอย่างไรและศาลบอกว่าบ้านเป็นของผม ที่ดินเป็นของคุณน่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2008, 15:11 โดย เบื่อไอ้เหลี่ยม » บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #22 เมื่อ: 29-06-2008, 03:27 »

ไปเจอบทความนี้เข้า ประเด็นเข้ากับกระทู้นี้ได้ แต่เนื้อหาไม่เหมือนกัน
คือนำเสนอแนวคิดว่า "ขอม" เป็นชื่อ "อารยธรรม" ไม่ใช่ชื่อ "ชนชาติ"

คล้ายกับ "สยาม" ที่มีชนชาติต่างๆ ร่วมอยู่จำนวนมากนอกจาก "ไทย"

เมื่อเวลาผ่านไปมีแต่ "เขมร" เป็นตัวแทนสืบทอด "อารยธรรมขอม"
ก็เลยทำให้เกิดการเหมารวมว่าทุกอย่างของ "ขอม" เป็นของ "เขมร"
ทั้งที่ความจริง "เขมร" เป็นเพียงชนชาติหนึ่งที่อยู่ใน "อารยธรรมขอม" 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอา “กระบือ” ออกจากหัวใจ
โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ    26 มิถุนายน 2551 17:27 น.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000075340

วันนี้ผมคงต้องกล่าวถึงบทความของ ใจ อึ๊งภากรณ์ เรื่อง “เขาพระวิหารเป็นของเขมร”
ซึ่งขึ้นต้นย่อหน้าแรกบทความของเขาว่า การยกเรื่องเขาพระวิหารมาเป็นประเด็น
เพื่อพยายามปลุกระดมคนให้สนับสนุน พันธมิตรฯ เป็นการกระทำที่น่าสมเพช
       
       แม้ว่า หลายคนจะติงว่า บทความนี้ไม่มีคุณค่าพอจะกล่าวถึง เพราะเต็มไปด้วย ความมั่ว อคติ
และสะเพร่าทางวิชาการ เพื่อปลุกระดมคนให้เกลียดชังพันธมิตรฯ อันเป็นการกระทำที่น่าสมเพช
ของนักวิชาการเพื่อมาร์กซิสต์หลงยุคที่มาอาศัย แผ่นดินไทยทำมาหากิน
       
       บทความชิ้นนี้ลงตีพิมพ์ในเว็บไซต์ “ประชาไท” ซึ่งเงินส่วนใหญ่มาจากภาษีของประชาชน
และถ้ายอมรับความจริงจะพบว่า ปัจจุบันกลายเป็นที่รวมของพวกบูชาระบอบทักษิณ และชิงชัง
สถาบันพระมหากษัตริย์
       
       เว็บประชาไท ซึ่งดำเนินงานโดย จอน อึ๊งภากรณ์ มีเงินสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมสุขภาพ
(สสส.) จำนวน 2,979,000 บาท และจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) เป็นจำนวน
1,896,000 บาท และการสนับสนุนจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์อีก 200,000 บาท จาก Open
Society Institue (OSI) จำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,000,000 บาท
(ข้อมูลนี้เคยตีพิมพ์ในเว็บประชาไท และปัจจุบันถูกลบออกไปแล้ว?)
       
       กลับมาที่บทความของ “ใจ” เขาบอกว่า “เขาพระวิหารเป็นของเขมร เพราะบนยอดเขานั้น
มีปราสาทหินจากยุคอาณาจักรเขมร สมัยอาณาจักรเขมร “ชนเผ่าไท” ยังด้อยพัฒนาอยู่มาก
เป็นคนป่า ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรไม่ดีหรอก แต่ต้องยอมรับความจริง เขมรเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่า
อาณาจักรใดที่มีในไทยภายหลัง แถมนักประวัติศาสตร์ยังมองว่ากษัตริย์สุโขทัยเป็นคนเขมรอีกด้วย
วัฒนธรรมและศิลปะจำนวนมากที่อ้างกันว่าเป็นแบบ “ไทยๆ” ก็ลอกมาจากเขมรทั้งสิ้น ซึ่งเห็น
ได้ชัดเมื่อเราไปดูนครวัด”
       
       “กรณีเขาพระวิหาร มันอยู่บนยอดเขาตรงเส้นพรมแดน ที่กรุงเทพฯ กับปารีส เคยขีดเอาไว้
ไม่มีหมู่บ้านประชาชนอยู่ตรงนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเถียงอะไรบ้าๆ บอๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
       
       “แล้วพวกปัญญาอ่อนที่ทำเป็นโกรธเคืองเรื่องเขาพระวิหาร เขาทำไปเพื่ออะไร? ก็เพื่อ
ปั้นน้ำเป็นตัวปลุกกระแสชาตินิยมไร้เหตุผล” ใจ ว่า
       
       บทความที่คนเขียนเชื่อว่า มากไปด้วยภูมิปัญญา แต่สะท้อนความปัญญาอ่อนชิ้นนี้ ลงท้าย
ไว้ด้วยว่า ใจ อึ๊งภากรณ์ (ผมไม่ใช่ “คนไทย” ภูมิใจเป็นจีนปนอังกฤษ)
       
       ทั้งนี้เพราะข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ปราสาทพระวิหารไม่ใช่ปราสาทของอาณาจักรเขมร
แต่ “เขาพระวิหารเป็นของขอม” ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวสถานของฮินดู
       
       แล้ว “ขอม” หมายถึงอะไร (อ้างจาก วิกิพีเดีย)
       
       ขอม เป็นชื่อทางวัฒนธรรม ไม่ใช่ชื่อชนชาติ หมายถึงคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา
นับถือฮินดูหรือพุทธมหายาน ทางใต้ของแคว้นสุโขทัย อาจจะหมายถึงพวกละโว้ (หรือลพบุรี)
เอกสารทางล้านนา เช่น จารึกและตำนานต่างๆ ล้วนระบุสอดคล้องกันว่าขอมคือพวกที่อยู่ทางใต้
ของล้านนา เนื่องจากคำว่า ขอม สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “เขมร”+ “กรอม” (ที่แปลว่า ใต้)
พูดเร็วๆ กลายเป็น “ขอม” พวกนี้ตัดผมเกรียน และนุ่งโจงกระเบน กินข้าวเจ้า ฯลฯ แคว้นละโว้
มีชื่อในตำนาน และพงศาวดารว่า กัมโพช เลียนอย่างชื่อ กัมพูชา ของเขมร นับถือทั้งฮินดูและ
พุทธมหายาน อาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเขียนอธิบายไว้ว่า ขอมเป็นพวกนับถือฮินดู
หรือพุทธมหายาน ใครเข้ารีตเป็นฮินดู หรือพุทธมหายาน เป็นได้ชื่อว่า ขอม ทั้งหมด ขอมไม่ใช่
ชื่อชนชาติ เพราะไม่มีชนชาติขอม แต่เป็นชื่อทางวัฒนธรรม เช่นเดียวกับ สยาม
       
       เดิม ขอม ไม่ได้หมายถึงเขมรกลุ่มเดียว เพราะเขมรนั้นเป็นคำไทย ซึ่งหมายถึง ขะแมร์
ชาวเขมร ไม่ได้เรียกตัวเองว่า ขอม และไม่รู้จัก ขอม ต่อมาสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใหม่ เมื่อ
พ.ศ. 1893 แล้วชื่อ ขอม มีความหมายเปลี่ยนไปเป็นพวกเขมรเท่านั้น สืบมาจนถึงทุกวันนี้
ทำไมชื่อขอม เปลี่ยนความหมายไปเป็นเขมร ? ยังหาคำอธิบายให้เหมาะใจไม่ได้ แต่พอจะ
จับเค้าว่าเพราะบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานับถือพุทธนิกายเถรวาทหมด แล้ว รวมทั้งละโว้
แต่ทางเขมรยังมีพวกนับถือฮินดูกับพุทธมหายาน คือขอมอยู่บ้าง (สุจิตต์ วงษ์เทศ)
       
       ขอม จึงไม่ใช่ เขมร แล้วเราไม่ได้ถกเถียงกันด้วยว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของอาณาจักรเขมร
หรืออาณาจักรสยาม ไม่เช่นนั้น เราคงต้องถกเถียงกันเรื่องปราสาทหินทุกแห่ง และถ้าใช้ตรรกะแบบนี้
โลกทั้งโลกคงต้องรบรากันเพี่อขีดเส้นพรมแดนกันใหม่
       
       แต่โดยข้อเท็จจริงปัญหาของปราสาทพระวิหารที่เรากำลังถกเถียงกันเกิด ขึ้นใน
ยุคล่าอาณานิคม และฝรั่งเศสพยายามเอาเปรียบประเทศที่ไม่ได้เป็นอาณานิคมด้วยการเขียนแผนที่
และเขียนประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นมาใหม่
       
       มาดูข้อเท็จจริงบนเวทีพันธมิตรฯ
       
       สนธิ ลิ้มทองกุล พูดถึงพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยที่ ปตท.สผ. สำรวจแล้วว่า มีผลประโยชน์ด้าน
พลังงานมหาศาล และทักษิณต้องการเข้าหาผลประโยชน์ในการลงทุน ด้านธุรกิจพลังงานมาตั้งแต่
ปี 2549 โดยระบุว่า ไทยอาจจะเสียดินแดน หากยอมรับเส้นเขตแดนของกัมพูชา
       
       จนกระทั่งรัฐมนตรีพาณิชย์ของประเทศกัมพูชา ออกมายอมรับเองว่า ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายที่พยายาม
โยงกรณีพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารเข้ากับผล ประโยชน์ทางทะเลในอ่าวไทยระหว่างการเจรจา
กับฝ่ายกัมพูชา
       
       ใช่หรือไม่ว่า นี่คือใบเสร็จที่มัดว่า ทำไมรัฐไทยจึงมีความพยายามเร่งรีบลงนามยอมรับเงื่อนไข
ของรัฐกัมพูชาในทุกข้อ
       
       แล้วสังคมไทย หรือคนที่ได้ชื่อว่า เป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเก่าแก่
ของไทยไม่รู้เลยหรือว่า ใครที่อยู่เบื้องหลังพรรคพลังประชาชน ทำไมนายนพดล ปัทมะ ถึงได้เป็นรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำไมเขาถึงเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ซึ่งขัดขวางการลงนามกับ
กัมพูชา ทำไมรัฐบาลนี้ถึงเปลี่ยนตัวเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วต่อมาทั้งสมัคร สุนทรเวช
และนพดล นำมาอ้างว่า การลงนามถูกต้องเพราะเลขาธิการสภาความมั่นคง และอธิบดีกรมสนธิสัญญาไม่คัดค้าน
       
       ใจ อึ๊งภากรณ์ ไม่ได้ยินข่าวในมุมเปิดเลยหรือว่า ทักษิณจะไปลงทุนที่เกาะกงในฝั่งกัมพูชา เพื่อลงทุน
ด้านธุรกิจพลังงานก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน ซึ่งได้รับการสำรวจแล้วยืนยันว่า มีมูลค่ามหาศาลในพื้นที่ทับซ้อน
ทางทะเลไทย-กัมพูชา
       
       พฤติกรรมดังกล่าว เป็นความชั่วร้ายของ “ระบอบทักษิณ” ที่คนไทยจะต้องลุกขึ้นมาต่อต้านหรือไม่
(ไม่ว่าจะชอบพันธมิตรฯ หรือไม่ชอบพันธมิตรฯ หรือไม่ก็ตาม)
       
       สิ่งที่พวกเราโต้แย้งก็คือ การลงนามในข้อผูกพันแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique)นั้น เท่ากับว่า
ไทยสละสิทธิในการโต้แย้งในปราสาทพระวิหาร การยกดินแดนรอบปราสาทพระวิหารให้กับกัมพูชาเป็นการ
ถาวรแล้ว และเท่ากับว่า ไทยยอมรับแผนที่เส้นเขตแดนของกัมพูชา โดยไม่ได้พิจารณาถึงการใช้มาตราส่วน
ที่แตกต่างกัน
       
       การลงนามในแถลงการณ์ร่วมนั้น เท่ากับเป็นการผูกมัดให้ไทยยอมรับข้อพิพาทด้านดินแดนอื่นที่ยังมี
ปัญหา เช่น พื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยตามแผนที่ของกัมพูชาไปด้วย
       
       ถ้า นักวิชาการที่พยายามกล่าวหาพันธมิตรฯ ช่วยเอากระบือออกจากหัวใจ ก็จะเห็นว่า พันธมิตรฯ
ปลุกกระแสชาตินิยมอย่างไร้เหตุผล หรือเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณกันแน่
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #23 เมื่อ: 29-06-2008, 03:43 »

^
^
แต่โดยประวัติศาสตร์รัฐชาติแล้ว
กัมพูชา คงไม่ยอมให้เชื่อเช่นนั้นหรอกครับ
เพราะประเทศเขา ก็สร้างประวัติศาสตร์โดยสถาปนา "อารยธรรมขอม" เป็นต้นแบบผู้สร้างเผ่าชนแขมร์
จดลิขสิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว
 

ก็เหมือนอย่างของไทย ที่ยอมตัดอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อย่างเชียงแสน ละโว้ และทวาราวดี ออกจากสารบบ "ประวัติศาสตร์ไทย" ห้ามเรียน ห้ามรู้
เพื่อจะสถาปนา อาณาจักรเล็ก ๆ อย่างสุโขทัย ขึ้นมาเป็น รัฐไทย No.1

เรื่องมันถึงยุ่ง มาถึงทุกวันนี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2008, 03:51 โดย cameronDZ (อวตารเป็นครั้งคราว) » บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 29-06-2008, 05:18 »

ชนชาติ บริเวณลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำมูล มีหลากหลาย

แม้แต่กองทัพ "สยาม" หรือ "เสียมก๊ก" ที่ปรากฎที่นครวัด ก็ยังถกกันอยูว่า กองทัพนั้นมิใช่กองทัพสุโขทัย

จิตร ภูมิศักดิ์ เขียนเรื่องความเป็นมาของชาวสยาม ลองค้นดู

รู้สึกจิตรจะยกให้ ชาวสยามที่ปรากฎในนครวัด เป็น "สยาม" ที่ลุ่มแม่น้ำกก

อีกเล่มที่บอกละเอียด ก็คือ "ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยสยาม" ที่อาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม และ สุจิตต์ วงษ์เทศ ร่วมกันเขียน

บอกว่า เสียม หรือ สยาม มีศูนย์กลางอยู่เวียงจันทร์

ในแถบชายแดนอีสานใต้ น่าจะมีเชื้อสายของชนชาติที่มีวัฒนธรรม / ภาษา ของตนเองกว่า 20 กลุ่มมั๊ง

( พระบาง ที่เป็นที่สักการะของเมืองหลวงพระบาง ก็มาจาก เมืองพระนครนะ อิ อิ  ในลาวก็มีศิลปะขอมเยอะแยะ )

ฝั่งนักวิชาการจึงเสนอให้ขึ้นทะเบียนให้เป็นของสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศใช้ประโยชน์ร่วมกัน


ที่น่าสังเกตคือ กองทัพสยามนุ่งโสร่ง ไม่ได้นุ่งโจงกระเบน

มองเผินๆ จะเหมือนการนุ่งผ้าของเหล่านางอัปสร ตามปราสาทต่าง ๆ ด้วยซ้ำ
บันทึกการเข้า

h_e_a_t
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 313


น้ำข้าว อร่อยกว่า ไวน์ เยอะเลยย


« ตอบ #25 เมื่อ: 29-06-2008, 08:23 »

อยากให้มองย้อนลงไปอีก ทุกคนมันก็มาจากรากเหง้าเดียวกัน ทั้งนั้น

การกำหนดว่าเผ่าพันธ์ใด สืบมาจากใคร อย่างไร และไปบวกกับศิลปโบราณ รังแต่จะทำให้เกิดการแบ่งแยกที่ตามมา


ผมมีความเห็นว่า เราควรแยกแยะระหว่าง ศิลปกรรม ศิลปวัตถุโบราณ ออกจากเชื้อชาติ และเผ่าพันธ์ในอดีตกาล

จะถูกสร้างโดยใคร เผ่าพันธ์ใด ไม่สำคัญเท่ากับ การที่เราได้ศึกษาและชม อารยธรรมในอดีต มองไปถึงวิวัฒนาการทางการปกครองของคนในอดีต 

มันจะตั้งอยู่ที่ใด ก็ไม่ต้องไปโยงกับเผ่าพันธ์ทั้งในอดีตและปัจจุบันเข้าหากัน

แต่ในเรื่องพรมแดนนั้น เป็นเรื่องของอธิปไตยในดินแดนแต่ละประเทศ เป็นคนละเรื่องกันกับ ศิลปโบราณ


ตัวปราสาทเป็นของเขมร พื้นดินโดยรอบทางฝั่งไทยก็เป็นของไทย  หากเขมรรับได้ก็จบ  รับไม่ได้ จะทำไง เขมรจะเอาไงล่ะ  ได้คืบก็จะเอาศอกแบบนี้ ไม่เป็นเพื่อนบ้านกันจะดีกว่ากระมัง


เขมรน่ะมีเรื่องปลุกระดมก่อนเลือกตั้งเสมอแหละครับ นักการเมืองเขาชั่วพอๆกับไทยเรานั่นแหละ
บันทึกการเข้า

โลกนี้ ไม่มีใครสูงกว่าใคร  แต่ที่เรามองเห็นคนอื่นสูงกว่า ก็เพราะเราไปคุกเข่าให้เขาเอง
Onerukna
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #26 เมื่อ: 29-06-2008, 08:33 »



"ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย"

ถ้าไม่ยอมจดร่วมก็ให้เอาปราสาทกลับไปเลยได้เปล่าครับ แล้วเดี่ยวสร้างใหม่เอาสวยๆ เลย
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #27 เมื่อ: 29-06-2008, 10:34 »


"ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย"

ถ้าไม่ยอมจดร่วมก็ให้เอาปราสาทกลับไปเลยได้เปล่าครับ แล้วเดี่ยวสร้างใหม่เอาสวยๆ เลย

ตอบได้เลยครับ ที่จะให้รื้อไป "จ้างให้มันก็ไม่ทำ"
และมันก็จะอ้างเป็นประเด็นการเมืองไปเรื่อยๆ
แอบตอดแอบบดูดแบบนี้แหละ
บันทึกการเข้า
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #28 เมื่อ: 29-06-2008, 10:38 »


"ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย"

ถ้าไม่ยอมจดร่วมก็ให้เอาปราสาทกลับไปเลยได้เปล่าครับ แล้วเดี่ยวสร้างใหม่เอาสวยๆ เลย

ผมว่าง่ายกว่านั้นนะหากจะดำเนินนโยบายแข็งกร่าว ไม่ว่ายังไงการรื้อถอนเขาพระวิหารคงทำไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากอาจทำให้เกิดการชำรุดของโบราณสถาน ดังนั้นเราควรเสนอทำสัญญาเช่าที่ดินบริเวณปราสาท โดยจัดเก็บเป็นรายได้ เอาเข้ามาบวกกับงบประมาณแผ่นดินซะ ก็จะ Win Win  
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #29 เมื่อ: 29-06-2008, 11:07 »

"สั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย"

มันเป็นประโยคที่ใช้ บรั๊ฟบนโต๊ะเจรจาครับ ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องก็จะล้มโต๊ะเจรจา

จริงๆควรจะปักปันเขตแดนให้จบก่อนค่อยเจรจาเรื่องปราสาทพระวิหาร

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: