ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 17:42
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==หม่อมอุ๋ยเขียนบทความจับโกหก รมต.นพดล หลอกทหารให้ยอมเขมร== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
==หม่อมอุ๋ยเขียนบทความจับโกหก รมต.นพดล หลอกทหารให้ยอมเขมร==  (อ่าน 2063 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 25-06-2008, 03:24 »

จากที่อภิปรายฯ วันแรก คุณนพดลก็หนีกลับก่อน
ไปดูที่มติชน เจอบทความหม่อมอุ๋ยจับโกหกอีก
เรื่องข้ออ้างต้องรีบเซ็นเพราะกลัวเสียดินแดน
มาเป็นชุดแบบนี้ผมว่าคุณนพดลไปก่อนแน่นอน 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'หม่อมอุ๋ย'เขียนเรื่อง'เขาพระวิหาร'แฉ'บิ๊ก' กองทัพหวั่นเสียดินแดนจำใจทำตาม'นพดล'
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=37636&catid=1
วันที่ 24 มิถุนายน 2551

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จับปากกาเขียนบทความเรื่อง "เขาทำอะไรกันที่เขาพระวิหาร" ผมได้ยิน
ผู้ใหญ่ในรัฐบาลและบิ๊กทหารจำใจรับข้อเสนอบัวแก้ว ดีกว่าปล่อยยืนเดี่ยวลุยยูเนสโก้ ดินแดนทับซ้อน
จะยิ่งลุกลาม เปิดโปงเขมรไม่มีทางขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวได้ ถ้าไทยไม่รับรอง

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หนึ่งในผู้ร่วมลงนาม
ในจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการมรดกโลก ได้เขียนบทความเรื่อง "เขาทำอะไรกันที่เขาพระวิหาร"
มีสาระสำคัญ คือ

จากการอ่านแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรี สก อาน ของกัมพุชา และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศ
ของไทย พบว่าแม้แผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชาจัดทำขึ้นใหม่เพื่อประกอบการยื่นขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็น
มรดกโลก จะไม่ครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนทางทิศตะวันตกและทิศเหนือของตัวปราสาท ที่ไทยถือว่า อยู่ใน
เขตแดนของไทย ก็ตาม

แต่ข้อตกลงของที่ประชุมบางข้ออาจเปิดช่องให้ฝ่ายกัมพูชาใช้ประโยชน์ในการ เรียกร้องดินแดนส่วนนี้
จากเราได้ง่ายขึ้นในอนาคต แม้ว่ากัมพูชาอาจจะไม่ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นก็ตาม
 
ก่อนเรื่องเขาพระ วิหารขึ้นศาลโลก กัมพูชาถือว่า เส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทย คือเส้นประ (รูปที่ 1)
ส่วนไทยถือว่า เส้นเขตแดนคือเส้นทึบ

หลังจากศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร (แต่ไม่ได้ตัดสินเรื่องเส้นเขตแดน
รัฐบาลไทย มีมติครม.ปี 2505 ปรับเส้นเขตแดนใหม่ (เส้นไข่ปลา) แต่พื้นที่ทับซ้อนด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือ
(พื้นที่ JZ) นั้น รัฐบาลไทยยังถือว่าอยู่เขตแดนของไทยอยู่ต่อไป ซึ่งเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมากัมพูชายื่นขอขึ้นทะเบียน
ปราสาทเขาพระวิหาร โดยระบุเส้นเขตแดนตามเส้นประครอบคลุมพื้นที่ ที่ไทยถือว่า อยู่ในเขตแดนไทยด้วย
ประเทศไทยจึงทักท้วง โดยเสนอทางออกขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน แต่กัมพูชาไม่ยอมตามข้อเสนอนี้

ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ที่เมืองไครส์เชิร์ช จึงได้ขอให้ทั้งสองฝ่ายกลับมา
ตกลงกันให้ได้เสียก่อนทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศของไทยพยายามเจรจากับกัมพูชาให้ยื่นขอ
จดทะเบียนร่วมกันมาโดยตลอด

แต่เมื่อไม่นานมานี้ รัฐมนตรี นพดล ปัทมะได้ เข้ามาเป็นผู้นำการเจรจาด้วยตนเอง และได้เปลี่ยนแนวทางจาก
ความพยายามที่จะขอยื่นจดทะเบียนร่วมกัน เป็นการยินยอมให้กัมพูชายื่นขอเพียงฝ่ายเดียว โดยจะต้องกำหนด
เขตของปราสาทพระวิหารที่จะยื่นขอไม่ให้ครอบคลุมพื้นที่ JZ  ที่เราถือว่า อยู่ในเขตแดนไทย

ผลการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายปรากฏว่า กัมพูชายินยอมกำหนดเขตที่จะยื่นขอขึ้นใหม่ตามแผนที่ในรูปที่ 2  จึงรู้สึก
เหมือนกับว่า กัมพูชาได้ปรับเขตพื้นที่ด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือของปราสาท ให้เป็นของไทยโดยสิ้นเชิง 
เสมือนว่าผู้เจรจาสามารถทำให้เกิดความแจ่มชัดว่า กัมพูชายอมรับว่าพื้นที่ทับซ้อนส่วนนี้เป็นของไทย

แต่เมื่ออ่านคำแถลงการณ์ร่วมอย่างละเอียดแล้วพบว่า กัมพูชาเรียกเส้นที่กำหนดขึ้นใหม่เพื่อประกอบการ
ยื่นขอขึ้นทะเบียนนี้ว่า เส้นขอบเขตของปราสาท ไม่ได้เรียกว่าเส้นเขตแดน  กัมพูชายังคงถือเส้นประในรูปที่ 1
เป็นเส้นเขตแดนตามเดิมและพื้นที่ JZ ในรูปที่ 1 ก็ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งจะต้องเจรจากันต่อไประหว่าง 2 ประเทศ
 
และเมื่ออ่านแถลงการณ์ร่วมอย่างละเอียดแล้วพบว่าในข้อ 4 ได้ระบุให้ทั้งสองประเทศต้องร่วมกันจัดทำแผนบริหาร
จัดการฉบับสุดท้ายสำหรับ ตัวปราสาทพระวิหารทางทิศตะวันตกและทิศเหนือ (พื้นที่ JZ ในรูปที่ 1) และให้บรรจุ
แผนการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวไว้ ที่จะต้องเสนอต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553

แถลงการณ์ข้อนี้ ชี้ชัดว่า คณะกรรมการมรดกโลกต้องการแผนบริหารจัดการของพื้นที่ทับซ้อนด้านทิศตะวันตก
และทิศเหนือของตัวปราสาทจึงจะพิจารณาอนุมัติการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้ ไม่ใช่การขึ้นทะเบียนเฉพาะ
ตัวปราสาทพระวิหารแต่เป็นการขึ้นทะเบียนตัวปราสาท และพื้นที่รอบตัวปราสาท ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำให้
มีสถานะเป็นมรดกโลกที่สมบูรณ์แบบรวมกันไปด้วย
 
หาก ปล่อยให้ดำเนินการไปเช่นนี้จนได้รับอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในที่ สุด ก็เท่ากับว่ากัมพูชา
เป็นผู้ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียง ผู้เดียว และเป็นผู้นำเสนอแผนบริหารจัดการ
พื้นที่รอบตัวปราสาทพระวิหาร โดยมีฝ่ายไทยช่วยจัดทำแผนบริหารจัดการดังกล่าว แต่ไม่ได้ร่วมขอ
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกชิ้นนี้ด้วย
 
ข้อเท็จจริงที่ว่า การอนุมัติให้ปราสาทพระวิหารและพื้นที่รอบปราสาท เป็นมรดกโลก มิได้หมายความว่า
พื้นที่ดังกล่าวตกเป็นของกัมพูชา  แต่จะเป็นหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาเพียงฝ่ายเดียวเป็นผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียน
ปราสาทและพื้นที่รอบปราสาทต่อคณะกรรมการมรดกโลก โดยประเทศไทยไม่ได้แสดงตนในความเป็น
เจ้าของพื้นที่ทับซ้อนด้านทิศตะวันตกและ ทิศเหนือไว้เป็นหลักฐานเลย  เป็นพื้นฐานที่ดีที่กัมพูชาอาจใช้
ในการเรียกร้องสิทธิเหนือดินแดนในพื้นที่ ดังกล่าวได้ในอนาคต  และมีข้อเท็จจริงเช่นกันว่า ขณะนี้ในพื้นที่
ทับซ้อนบนเขาพระวิหารนั้น  มีชาวเขมรไปตั้งบ้านเรือนจนเป็นชุมชนและมีร้านค้าขายของเป็นตลาดสำหรับ
นักท่องเที่ยวอยู่แล้ว  โดยไม่มีคนไทยเข้าไปอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนนี้เลย

กัมพูชายังถือว่า เส้นประในรูปที่ 1 เป็นเส้นเขตแดน และถือว่า พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมดอยู่ในเขตแดนของเขา

หลังจากได้รับอนุมัติให้ปราสาทและพื้นที่โดยรอบเป็นมรดกโลกแล้ว  เขาคงจะทิ้งช่วงเวลาไว้อีกระยะหนึ่ง
จนถึงจุดที่อ้างได้ว่า ในทางปฏิบัติเขาได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทับซ้อนส่วนนี้มานานแล้ว ทั้งในด้าน
ครอบครองเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขมร และในด้านที่เป็นส่วนประกอบของมรดกโลกที่เขาเป็นผู้เสนอ
แต่ฝ่ายเดียว   เมื่อถึงเวลานั้นคนกลางที่ตัดสินอาจจะไม่สามารถปฏิเสธการเรียกร้องสิทธิดัง กล่าวได้
 
ผมได้ยินมาว่า ผู้ใหญ่ในรัฐบาลหลายท่านและนายทหารใหญ่ที่มีอำนาจ จำใจต้องยินยอมตามข้อเสนอ
ของกระทรวงต่างประเทศ  เพราะได้รับทราบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศว่า หากประเทศไทย
ไม่สนับสนุนกัมพูชาก็จะดำเนินการขอขึ้นทะเบียนแต่เพียงลำพัง โดยใช้แผนที่ที่มีเส้นประในรูปที่ 1
เป็นเส้นกำหนดเขตของปราสาทที่ขอขึ้นทะเบียน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนที่ทับซ้อนไปทั้งหมด 

ข้ออ้างนี้ไม่น่าจะเป็นจริง เพราะข้อบังคับของคณะกรรมการมรดกโลกข้อที่ 132.1 เรื่องการพิสูจน์สถานที่
ระบุว่า
"ในกรณีที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งมีเขตแดนที่ไม่ชัดเจน ประเทศข้างเคียงจะต้องลงนามให้ความยินยอม
คณะกรรมการมรดกโลกจึงจะรับพิจารณา"

นอกจากนี้ยังมีข้อบังคับข้อที่ 135  ซึ่งระบุว่า " หากเป็นไปได้ ประเทศที่มีมรดกโลกร่วมกันตามแนวชายแดน
ควรเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกัน เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการและพัฒนาพื้นที่ร่วมกันของ
ทั้งสองประเทศ"
   และในอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยสองประเทศ
ทำร่วมกันหลายชิ้นแล้ว

ท่านนายกฯ ครับ เรื่องนี้ยังไม่สายเกินแก้   ผมเชื่อในความรักชาติของท่านนายกฯ  และผมเชื่อว่าท่าน
จะสามารถหาหนทางแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2008, 03:26 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #1 เมื่อ: 25-06-2008, 04:04 »

จากที่อภิปรายฯ วันแรก คุณนพดลก็หนีกลับก่อน
ไปดูที่มติชน เจอบทความหม่อมอุ๋ยจับโกหกอีก
เรื่องข้ออ้างต้องรีบเซ็นเพราะกลัวเสียดินแดน
มาเป็นชุดแบบนี้ผมว่าคุณนพดลไปก่อนแน่นอน 


  เห็นด๊วยว่า พี่เหล่ ต้องรีบเผ่นได้แล้วฮะ ! 

บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #2 เมื่อ: 25-06-2008, 06:15 »

ผมว่าเราไม่ควรมองข้ามศักยภาพของบุคคลกลุ่มนี้นะครับ เพราะอย่างน้อยพวกนี้ก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งของศักยภาพตรงนี้ได้เป็นอย่างดี




มันคือความด้านอย่างหาตัวจับยาก
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
BeastGuy
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210


« ตอบ #3 เมื่อ: 25-06-2008, 09:32 »

ผมว่าคนมันหน้าหนาอ่ะนะ
ทำไงก็ไม่ไปหรอก
ดูจากเมื่อคืนก็พอจะรู้แล้วว่า สำนึกผิดหรือไม่
บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #4 เมื่อ: 25-06-2008, 09:35 »

รู้สึกเที่ยวนี้หม่อมอุ๋ยจะเวิร์คน่าดูแฮะ

เหมือนจะพยายามกอบกู้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลไว้

ไม่ให้พังพินาศไปกับพฤติกรรมของลูกชายแสนฉลาด
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #5 เมื่อ: 25-06-2008, 09:42 »

ยังไง ก็ยังไปไม่ได้ครับ....

ภารกิจ ที่ต้องพา นายหนีคุก ยังไม่สำเร็จลุงล่วง.....

จะต้องบอบช้ำแค่ไหน..ก็ต้องอดทน.....ถ้ายังไม่ถึงตาย....

แต่ถ้าต้องตาย...บางที ปล่อยให้นายติดคุก ดีกว่า....

 
บันทึกการเข้า
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #6 เมื่อ: 25-06-2008, 09:55 »

จากที่อภิปรายฯ วันแรก คุณนพดลก็หนีกลับก่อน
ไปดูที่มติชน เจอบทความหม่อมอุ๋ยจับโกหกอีก
เรื่องข้ออ้างต้องรีบเซ็นเพราะกลัวเสียดินแดน
มาเป็นชุดแบบนี้ผมว่าคุณนพดลไปก่อนแน่นอน 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'หม่อมอุ๋ย'เขียนเรื่อง'เขาพระวิหาร'แฉ'บิ๊ก' กองทัพหวั่นเสียดินแดนจำใจทำตาม'นพดล'
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=37636&catid=1
วันที่ 24 มิถุนายน 2551

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จับปากกาเขียนบทความเรื่อง "เขาทำอะไรกันที่เขาพระวิหาร" ผมได้ยิน
ผู้ใหญ่ในรัฐบาลและบิ๊กทหารจำใจรับข้อเสนอบัวแก้ว ดีกว่าปล่อยยืนเดี่ยวลุยยูเนสโก้ ดินแดนทับซ้อน
จะยิ่งลุกลาม เปิดโปงเขมรไม่มีทางขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวได้ ถ้าไทยไม่รับรอง

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หนึ่งในผู้ร่วมลงนาม
ในจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการมรดกโลก ได้เขียนบทความเรื่อง "เขาทำอะไรกันที่เขาพระวิหาร"
มีสาระสำคัญ คือ

จากการอ่านแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรี สก อาน ของกัมพุชา และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศ
ของไทย พบว่าแม้แผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชาจัดทำขึ้นใหม่เพื่อประกอบการยื่นขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็น
มรดกโลก จะไม่ครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนทางทิศตะวันตกและทิศเหนือของตัวปราสาท ที่ไทยถือว่า อยู่ใน
เขตแดนของไทย ก็ตาม

แต่ข้อตกลงของที่ประชุมบางข้ออาจเปิดช่องให้ฝ่ายกัมพูชาใช้ประโยชน์ในการ เรียกร้องดินแดนส่วนนี้
จากเราได้ง่ายขึ้นในอนาคต แม้ว่ากัมพูชาอาจจะไม่ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นก็ตาม
 
ก่อนเรื่องเขาพระ วิหารขึ้นศาลโลก กัมพูชาถือว่า เส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทย คือเส้นประ (รูปที่ 1)
ส่วนไทยถือว่า เส้นเขตแดนคือเส้นทึบ

หลังจากศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร (แต่ไม่ได้ตัดสินเรื่องเส้นเขตแดน
รัฐบาลไทย มีมติครม.ปี 2505 ปรับเส้นเขตแดนใหม่ (เส้นไข่ปลา) แต่พื้นที่ทับซ้อนด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือ
(พื้นที่ JZ) นั้น รัฐบาลไทยยังถือว่าอยู่เขตแดนของไทยอยู่ต่อไป ซึ่งเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมากัมพูชายื่นขอขึ้นทะเบียน
ปราสาทเขาพระวิหาร โดยระบุเส้นเขตแดนตามเส้นประครอบคลุมพื้นที่ ที่ไทยถือว่า อยู่ในเขตแดนไทยด้วย
ประเทศไทยจึงทักท้วง โดยเสนอทางออกขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน แต่กัมพูชาไม่ยอมตามข้อเสนอนี้

ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ที่เมืองไครส์เชิร์ช จึงได้ขอให้ทั้งสองฝ่ายกลับมา
ตกลงกันให้ได้เสียก่อนทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศของไทยพยายามเจรจากับกัมพูชาให้ยื่นขอ
จดทะเบียนร่วมกันมาโดยตลอด

แต่เมื่อไม่นานมานี้ รัฐมนตรี นพดล ปัทมะได้ เข้ามาเป็นผู้นำการเจรจาด้วยตนเอง และได้เปลี่ยนแนวทางจาก
ความพยายามที่จะขอยื่นจดทะเบียนร่วมกัน เป็นการยินยอมให้กัมพูชายื่นขอเพียงฝ่ายเดียว โดยจะต้องกำหนด
เขตของปราสาทพระวิหารที่จะยื่นขอไม่ให้ครอบคลุมพื้นที่ JZ  ที่เราถือว่า อยู่ในเขตแดนไทย

ผลการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายปรากฏว่า กัมพูชายินยอมกำหนดเขตที่จะยื่นขอขึ้นใหม่ตามแผนที่ในรูปที่ 2  จึงรู้สึก
เหมือนกับว่า กัมพูชาได้ปรับเขตพื้นที่ด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือของปราสาท ให้เป็นของไทยโดยสิ้นเชิง 
เสมือนว่าผู้เจรจาสามารถทำให้เกิดความแจ่มชัดว่า กัมพูชายอมรับว่าพื้นที่ทับซ้อนส่วนนี้เป็นของไทย

แต่เมื่ออ่านคำแถลงการณ์ร่วมอย่างละเอียดแล้วพบว่า กัมพูชาเรียกเส้นที่กำหนดขึ้นใหม่เพื่อประกอบการ
ยื่นขอขึ้นทะเบียนนี้ว่า เส้นขอบเขตของปราสาท ไม่ได้เรียกว่าเส้นเขตแดน  กัมพูชายังคงถือเส้นประในรูปที่ 1
เป็นเส้นเขตแดนตามเดิมและพื้นที่ JZ ในรูปที่ 1 ก็ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งจะต้องเจรจากันต่อไประหว่าง 2 ประเทศ
 
และเมื่ออ่านแถลงการณ์ร่วมอย่างละเอียดแล้วพบว่าในข้อ 4 ได้ระบุให้ทั้งสองประเทศต้องร่วมกันจัดทำแผนบริหาร
จัดการฉบับสุดท้ายสำหรับ ตัวปราสาทพระวิหารทางทิศตะวันตกและทิศเหนือ (พื้นที่ JZ ในรูปที่ 1) และให้บรรจุ
แผนการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวไว้ ที่จะต้องเสนอต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553

แถลงการณ์ข้อนี้ ชี้ชัดว่า คณะกรรมการมรดกโลกต้องการแผนบริหารจัดการของพื้นที่ทับซ้อนด้านทิศตะวันตก
และทิศเหนือของตัวปราสาทจึงจะพิจารณาอนุมัติการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้ ไม่ใช่การขึ้นทะเบียนเฉพาะ
ตัวปราสาทพระวิหารแต่เป็นการขึ้นทะเบียนตัวปราสาท และพื้นที่รอบตัวปราสาท ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำให้
มีสถานะเป็นมรดกโลกที่สมบูรณ์แบบรวมกันไปด้วย
 
หาก ปล่อยให้ดำเนินการไปเช่นนี้จนได้รับอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในที่ สุด ก็เท่ากับว่ากัมพูชา
เป็นผู้ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียง ผู้เดียว และเป็นผู้นำเสนอแผนบริหารจัดการ
พื้นที่รอบตัวปราสาทพระวิหาร โดยมีฝ่ายไทยช่วยจัดทำแผนบริหารจัดการดังกล่าว แต่ไม่ได้ร่วมขอ
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกชิ้นนี้ด้วย
 
ข้อเท็จจริงที่ว่า การอนุมัติให้ปราสาทพระวิหารและพื้นที่รอบปราสาท เป็นมรดกโลก มิได้หมายความว่า
พื้นที่ดังกล่าวตกเป็นของกัมพูชา  แต่จะเป็นหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาเพียงฝ่ายเดียวเป็นผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียน
ปราสาทและพื้นที่รอบปราสาทต่อคณะกรรมการมรดกโลก โดยประเทศไทยไม่ได้แสดงตนในความเป็น
เจ้าของพื้นที่ทับซ้อนด้านทิศตะวันตกและ ทิศเหนือไว้เป็นหลักฐานเลย  เป็นพื้นฐานที่ดีที่กัมพูชาอาจใช้
ในการเรียกร้องสิทธิเหนือดินแดนในพื้นที่ ดังกล่าวได้ในอนาคต  และมีข้อเท็จจริงเช่นกันว่า ขณะนี้ในพื้นที่
ทับซ้อนบนเขาพระวิหารนั้น  มีชาวเขมรไปตั้งบ้านเรือนจนเป็นชุมชนและมีร้านค้าขายของเป็นตลาดสำหรับ
นักท่องเที่ยวอยู่แล้ว  โดยไม่มีคนไทยเข้าไปอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนนี้เลย

กัมพูชายังถือว่า เส้นประในรูปที่ 1 เป็นเส้นเขตแดน และถือว่า พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมดอยู่ในเขตแดนของเขา

หลังจากได้รับอนุมัติให้ปราสาทและพื้นที่โดยรอบเป็นมรดกโลกแล้ว  เขาคงจะทิ้งช่วงเวลาไว้อีกระยะหนึ่ง
จนถึงจุดที่อ้างได้ว่า ในทางปฏิบัติเขาได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทับซ้อนส่วนนี้มานานแล้ว ทั้งในด้าน
ครอบครองเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขมร และในด้านที่เป็นส่วนประกอบของมรดกโลกที่เขาเป็นผู้เสนอ
แต่ฝ่ายเดียว   เมื่อถึงเวลานั้นคนกลางที่ตัดสินอาจจะไม่สามารถปฏิเสธการเรียกร้องสิทธิดัง กล่าวได้
 
ผมได้ยินมาว่า ผู้ใหญ่ในรัฐบาลหลายท่านและนายทหารใหญ่ที่มีอำนาจ จำใจต้องยินยอมตามข้อเสนอ
ของกระทรวงต่างประเทศ  เพราะได้รับทราบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศว่า หากประเทศไทย
ไม่สนับสนุนกัมพูชาก็จะดำเนินการขอขึ้นทะเบียนแต่เพียงลำพัง โดยใช้แผนที่ที่มีเส้นประในรูปที่ 1
เป็นเส้นกำหนดเขตของปราสาทที่ขอขึ้นทะเบียน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนที่ทับซ้อนไปทั้งหมด 

ข้ออ้างนี้ไม่น่าจะเป็นจริง เพราะข้อบังคับของคณะกรรมการมรดกโลกข้อที่ 132.1 เรื่องการพิสูจน์สถานที่
ระบุว่า
"ในกรณีที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งมีเขตแดนที่ไม่ชัดเจน ประเทศข้างเคียงจะต้องลงนามให้ความยินยอม
คณะกรรมการมรดกโลกจึงจะรับพิจารณา"

นอกจากนี้ยังมีข้อบังคับข้อที่ 135  ซึ่งระบุว่า " หากเป็นไปได้ ประเทศที่มีมรดกโลกร่วมกันตามแนวชายแดน
ควรเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกัน เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการและพัฒนาพื้นที่ร่วมกันของ
ทั้งสองประเทศ"
   และในอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยสองประเทศ
ทำร่วมกันหลายชิ้นแล้ว

ท่านนายกฯ ครับ เรื่องนี้ยังไม่สายเกินแก้   ผมเชื่อในความรักชาติของท่านนายกฯ  และผมเชื่อว่าท่าน
จะสามารถหาหนทางแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม

อ่านแล้วทั้งเคลียร์และไม่เคลียร์

เคลียร์คือเหตุการณ์มันเคลียร์

แต่ไม่เคลียร์คือ

และเมื่ออ่านแถลงการณ์ร่วมอย่างละเอียดแล้วพบว่าในข้อ 4 ได้ระบุให้ทั้งสองประเทศต้องร่วมกันจัดทำแผนบริหาร
จัดการฉบับสุดท้ายสำหรับ ตัวปราสาทพระวิหารทางทิศตะวันตกและทิศเหนือ (พื้นที่ JZ ในรูปที่ 1) และให้บรรจุ
แผนการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวไว้ ที่จะต้องเสนอต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553


แถลงการณ์บอกว่าต้องร่วมกันจัดทำแผนบริหาร แล้วแผนนี้มันสามารถระบุให้กัมพูชาอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ภายหลังได้ตรงไหนครับ
แผนอาจจะทำให้เราอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ได้ก็ได้ เพราะมันยังไม่ได้จัดทำขึ้น แต่เราก็คิดไปแล้วว่ามันจะทำให้เราเสียเปรียบ
นี่เป็นเพราะอคติเกินไปรึเปล่าครับ

เอาไว้ถ้ามีการร่างแผน แล้วแผนมันมีข้อพิรุธที่จะทำให้กัมพูชาอ้างสิทธิได้ ถึงตอนนั้นผมเองก็จะร่วมประท้วงด้วยครับ
แต่ตอนนี้ ยังไม่เห็นมีอะไร(ยกเว้นใช้อคติคิดเอา) ก็ควรปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการก่อนสิครับ
บันทึกการเข้า
บักหัวเถิก
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 438



« ตอบ #7 เมื่อ: 25-06-2008, 09:58 »

            ไม่เห็นไอ่เหล่จะเสียอะไรเลย มีแต่ได้กับได้ดินแดยก็ไม่ใช่ของตูคนเดียว แต่ตูเอาไปแลกแล้วได้เงินใครจะทำไม
บันทึกการเข้า

ผมเองครับ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 101



« ตอบ #8 เมื่อ: 25-06-2008, 10:49 »

พ่อปลื้มยังรักชาติมากกว่าลูกนะครับ
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-06-2008, 11:49 »

มีแต่รัฐบาลไทยนี่แหละที่ไปเซ็นยกให้เขาไปจัดการฝ่ายเดียว

ทั้งที่ไทยอาจเสียเปรียบในเรื่องดินแดนได้ในอนาคต

ควายจริงๆ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


Rule of Law
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #10 เมื่อ: 25-06-2008, 12:51 »


คุณไม่เอาพันธมาร

"ความกลัว" ของอาอุ๋ย  บังเอิญตรงกับของเดี๊ยนพอดี

นั่นคือ กลัวว่า สมมติเขมรได้รับจดมรดกโลกตัวปราสาท แล้ว...
มันจะมีช่องทางบางประการ  ที่"เอื้อ" ให้เขมรมากลับกลอก มั่วซั่ว อ้างสิทธิในพื้นที่โดยรอบไปด้วยในอนาคต
แล้วเดี๋ยวไทยก็จะโดนว่า  ก็เราไปลงนามยอมรับให้เขายื่นเอง

บันทึกการเข้า

Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
เบื่อไอ้เหลี่ยม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #11 เมื่อ: 25-06-2008, 13:16 »

ทำไมพ่อไม่ไปสอนเรื่องรักชาติให้ลูกบ้างครับ  ไอ้ปลื้มคนไทยใจเขมรครับบบบบบบบบบบ
บันทึกการเข้า
นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #12 เมื่อ: 25-06-2008, 13:20 »

คนศรีสะเกษที่รู้เรื่องราวดีและรักชาติบ้านเมือง เห็นบริบทของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะกรณีเขาพระวิหาร พากันนั่งส่ายหน้า พูดเป็นเสียงเดียวกันเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่พึ่งเคยเห็นรัฐบาลที่โง่บรมโง่ให้ต่างชาติหลอกจนเสียดินแดน เวรกรรมประเทศไทยจริง ๆ
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 25-06-2008, 13:21 »

บางทีคุณนพดลควรได้รับการส่งเสริมให้ไปเกิดใหม่
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
เช็คบิล
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 580



« ตอบ #14 เมื่อ: 25-06-2008, 13:22 »

  ขอย้ำจริงๆ  

ในเรื่องการพยายามที่จะเดิมตามเกมของกัมพูชา นี่คือความเสี่ยง เพราะกัมพูชากำลังอยู่ในระหว่างเลือกตั้ง และ ไทยเอง เดิมตามเกมของกัมพูชาอยู่

เรื่องต่างๆ ที่มันยื้อกันมา 46 ปี จริงอยู่ เรารู้ดีว่า ใครมันปล้นเอาไป แต่ ศาลโลก ศาลRayam ตัวนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เราทำให้ภูมิภาคนี้เดือดร้อนกันมาตลอด

ความสัมพันธ์ต่างๆ ผมเห็นด้วย แต่มันต้องคำนึงถึงเรื่องที่เสี่ยง และ หลายรัฐบาล ยื้อกันมาตลอด เพราะอะไร? มันมีเหตุและที่มาที่ไป

ถ้าเรื่องนี้จะยื้ออีก 2 ปี เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนคนไทยเรา มันจะเสียหายอะไร? และทำไมถึงต้องรีบชง?

รู้ทั้งรู้ว่า ไอ้here ฮุนเซน มันใช้เรื่องนี้มาเป็นจุดขาย แต่เราก็เล่นกับเขา

ฉลาดหรือโง่?

ในมุมมองของหลายๆ ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ได้เห็นว่า มันก็ควรจะยื่นร่วม มันก็คือ สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนี้ ไอ้ Here ฮุนเซน มันอ้าง นายกไทย ในทำนองให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

แบบนี้ รู้ตัวหรือไม่ว่า โดนมันใช้เป็นเครื่องมือในการเอาประเทศไทยเราเข้าไปติดบ่วงปัญหาเพื่อการหาเสียงของมัน งานนี้มันดูออกอยู่แล้ว

การพัฒนาร่วมกัน เห็นด้วย แต่มันต้องคิดว่า เราจะไม่เป็นเครื่องมือของใคร และเราจะต้องยืนอยู่บนหลักการของเราที่จะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ใกล้ชิด และยากที่จะยกหนี

ที่มันเดือดร้อนคือ รัฐบาลไม่พยายามสื่อสารให้ประชาชนให้เป็นที่เข้าใจ และใช้เสียงข้างมาก มันก็เลยเป็นปัญหาขึ้นมา ลำพังประวัติศาสตร์มันก็บอกไว้ว่า เราเสียให้กับใคร และใครปล้นมา แต่ระดับตรงนั้น มันลดลงมามาก จนเป็น การอนุรักษ์ร่วมกัน

แต่ที่ยอมไม่ได้คือ การให้พวกไอ้ here ฮุนเซน จะยื่นฝ่ายเดียว

แล้วเรื่องอะไร เราจะต้องเดินตามเกมของพวกเขา ถ้าอยากสร้างความสัมพันธ์จริงๆ มันต้องใช้เวลา อีกนิด และอธิบายให้คนไทยเราเข้าใจถึงเรื่องนี้ แม้จะต้องใช้เวลา และ ความอดทน ก็ต้องทำครับ

ไม่มีใครอยากทะเลาะกับเพื่อนบ้านหรอก ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ทำได้คือ การสร้างความสัมพันธ์อันดี แต่ที่มันเป็นเรื่องนี่คือ

เราถูกเข้าไปเป็นตัวช่วย ในการหาเสียงของไอ้ Here อุนเซน

แล้วเรายังจะเดินตามเกมนี้อีกต่อไปหรือ?

รู้ทั้งรู้ ว่ามันเป็นเกม แต่ก็ทำจนได้

เบื่อจริงๆ ไอ้เรื่องการตัดสินใจแบบนี้ มันเสี่ยงสุดๆ แต่จะเอาเรื่องฮีโร่อะไรแบบนี้ ฝันไปเถอะ ไม่มีหรอก มันแพ้ทุกภูมิภาคนี้ตลอด ไม่ว่า ไทย ลาว กัมพูชา เพราะไอ้หัวแดง ไอ้ here ศาลโลกนี้แหละ

พอกันทีดีไหม เราทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่า เรื่องเอาคืน ถ้าความเห็นผมคือ ไม่เอาคืนหรอก มันเรื่องปัญหามากมาย ที่พัวพันกันเหมือนวัวพันหลักที่ไอ้หัวแดง มันวางหมากเอาไว้

ถ้าการเลือกตั้งของไอ้ here ฮุนเซน มันผ่านไป เราก็เริ่มทำความเข้าใจกันไม่ดีกว่าเหรอ แม้จะใช้เวลามาก และ นานไปอีก สิบ ถึงอีก 50 ปีนับจากนี้ ก็ไม่เห็นเป็นไร

อย่าลืมน่ะว่า เวลาเปลี่ยนไป แต่ประวัติศาสตร์มันจารึกเอาไว้ ถ้าอยากก้าวข้ามตรงนั้นอย่างสวยงาม และเป็นความร่วมมือกันในภูมิภาคนี้ ก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน และทุกภาคส่วน และใช้ความอดทน

ถึงจะให้โครงการกับพวกกัมพูชาไปมาก แต่ใช่ว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องด่วน

ปล่าวเลย มันเป็นเรื่องหาเสียงล้วนๆ ที่มันเป็นปมปัญหา อย่าคิดว่า ทำให้มันจบๆ ไป รำคาญ แบบนั้นใช้ไม่ได้ อยากเห็นการจบลงอย่างสง่างามมากกว่า ดีกว่าจะมาเอาเรื่องนี้ถูกเป็นเครื่องมือของไอ้ here ฮุนเซน

ดังนั้น การรีบร้อนเพื่อที่จะทำให้เป็นผลงานหรือจะได้ดอกไม้ มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องพูดต้องทำตามกัมพูชา เพราะมึงคือคืนไทย มึงต้องรักษาและคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ แต่มึงก็ต้องคำนึงถึงคนในประเทศก่อน

ตอนนี้ไทยเราถูกนำไปอ้างในเอกสาร

แล้วทีนี้จะทำอย่างไร?

มันเป็นการดัดหลังเห็นชัดๆ ที่เราอาจไม่ยอมได้

บอกตรงๆ สันดานนักการเมืองไทย มันเลวเฉพาะบางคน มันคิดว่ามันเลือกจากประชาชนมาแล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล จะทำอะไรงุบงิบ มันถูกที่ไหน

ถ้าจริงใจจริงๆ มันต้องยื้อไว้ก่อน อย่าตกเป็นเครื่องมือของพวกกัมพูชา ถ้าในอนาคตจะพัฒนาร่วมกัน มันก็จำเป็น และยินดี แต่ตอนนี้ มันเอาเราอ้างในเอกสารนี่แหละ ที่น่าห่วงที่สุด
บันทึกการเข้า
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #15 เมื่อ: 25-06-2008, 14:20 »

คุณเช็คบิลเขียนมีเหตุผลดีครับ แต่ผมขอถามนิดนึงว่าแล้วเราควรทำอย่างไรครับ
เราอาจเห็นตรงกันว่ากัมพูชาไม่จริงใจ และเรื่องนี้เป็นเรื่องของการหาเสียงของเขา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขา ต้องการยื่นเรื่องแต่แค่ส่วนของเขาและให้ทันกรกฏานี้
แล้วท่านคิดว่าเราควรจะคัดค้าน(ด้วยการไม่เซ็นต์ข้อตกลงร่วม) แล้วค่อยแก้ปัญหาที่จะตามมา
(เช่นอาจมีการปลุกระดมว่าไทยจะเอาคืน, สั่งปิดพรมแดน, เผาสถานทูต ซึ่งเรื่องพวกนี้เราก็ทราบว่าเขาถนัดนัก  )
หรือเราควรแก้ปัญหาด้วยการเขียนข้อตกลงที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเราที่สุดดีครับ

คุณไม่เอาพันธมาร

"ความกลัว" ของอาอุ๋ย  บังเอิญตรงกับของเดี๊ยนพอดี

นั่นคือ กลัวว่า สมมติเขมรได้รับจดมรดกโลกตัวปราสาท แล้ว...
มันจะมีช่องทางบางประการ  ที่"เอื้อ" ให้เขมรมากลับกลอก มั่วซั่ว อ้างสิทธิในพื้นที่โดยรอบไปด้วยในอนาคต
แล้วเดี๋ยวไทยก็จะโดนว่า  ก็เราไปลงนามยอมรับให้เขายื่นเอง



ครับ ข้อนี้ผมก็กลัว แต่คุณช่วยยก "ช่องทางบางประการ" ที่เกิดขึ้นและมีหลักฐานให้ดูได้ไหมครับ
คือผมเข้าใจว่าคุณไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ แต่ถ้าทุกคนยึดตรรกะนี้หมด ก็ไม่มีรัฐบาลไหนในประเทศที่จะทำงานได้นะครับ
เพราะจะถูกกลุ่มคนที่ไม่ชอบพยายามคิดโยงเหตุการด้วยอคติของตัว แล้วก็สรุปว่าโครงการนี้มันต้องโกงแน่ๆ
แล้วประเทศไทยจะทำอย่างไรครับ 

ปล. ให้ผมสาบานได้เลยว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ผมก็จะให้เขาทำงานก่อน แล้วถ้าพบและพอมีหลักฐาน
ที่เขาโกงประเทศ ผมค่อยออกมาไล่ครับ ผมคงไม่แย้งในทุกประเด็นแน่ 
บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 25-06-2008, 14:41 »

ทำไมพ่อไม่ไปสอนเรื่องรักชาติให้ลูกบ้างครับ  ไอ้ปลื้มคนไทยใจเขมรครับบบบบบบบบบบ

อย่าไปว่ามันมาก เด๊วมันโมโห แล้วด่ากลับมาว่า "อุ๋ย ไม่ใช่พ่อ"  จะขำกันป่าว ๆ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
ผมเองครับ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 101



« ตอบ #17 เมื่อ: 25-06-2008, 15:20 »

ไอ้เหล่ก้เก่งนะ หลอกทหารให้เซ็นได้
บันทึกการเข้า
WINDOM
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 16


« ตอบ #18 เมื่อ: 25-06-2008, 15:20 »

 

  อุ๋ย มาแปลก แล้ว ลูกชาย จะว่ายังไง

  

 แล้วอย่างงี้ ปลื้มไม่เขียนบทความต่อ อู่ยว่า โง่เหรอ อิอิ
บันทึกการเข้า
เช็คบิล
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 580



« ตอบ #19 เมื่อ: 25-06-2008, 15:20 »

คุณเช็คบิลเขียนมีเหตุผลดีครับ แต่ผมขอถามนิดนึงว่าแล้วเราควรทำอย่างไรครับ
เราอาจเห็นตรงกันว่ากัมพูชาไม่จริงใจ และเรื่องนี้เป็นเรื่องของการหาเสียงของเขา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขา ต้องการยื่นเรื่องแต่แค่ส่วนของเขาและให้ทันกรกฏานี้
แล้วท่านคิดว่าเราควรจะคัดค้าน(ด้วยการไม่เซ็นต์ข้อตกลงร่วม) แล้วค่อยแก้ปัญหาที่จะตามมา
(เช่นอาจมีการปลุกระดมว่าไทยจะเอาคืน, สั่งปิดพรมแดน, เผาสถานทูต ซึ่งเรื่องพวกนี้เราก็ทราบว่าเขาถนัดนัก  )
หรือเราควรแก้ปัญหาด้วยการเขียนข้อตกลงที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเราที่สุดดีครับ

ครับ ข้อนี้ผมก็กลัว แต่คุณช่วยยก "ช่องทางบางประการ" ที่เกิดขึ้นและมีหลักฐานให้ดูได้ไหมครับ
คือผมเข้าใจว่าคุณไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ แต่ถ้าทุกคนยึดตรรกะนี้หมด ก็ไม่มีรัฐบาลไหนในประเทศที่จะทำงานได้นะครับ
เพราะจะถูกกลุ่มคนที่ไม่ชอบพยายามคิดโยงเหตุการด้วยอคติของตัว แล้วก็สรุปว่าโครงการนี้มันต้องโกงแน่ๆ
แล้วประเทศไทยจะทำอย่างไรครับ 

ปล. ให้ผมสาบานได้เลยว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ผมก็จะให้เขาทำงานก่อน แล้วถ้าพบและพอมีหลักฐาน
ที่เขาโกงประเทศ ผมค่อยออกมาไล่ครับ ผมคงไม่แย้งในทุกประเด็นแน่ 

ทางแก้มันเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะมีจิตสำนึกหรือไม่ แต่ที่น่าเศร้าคือ ไม่ยอมฟังคำทักท้วงต่างๆ และสืบหาข้อเท็จจริงว่า ทำไม เขาถึงยื้อมาตลอด มันเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะต้องทำความเข้าใจ ในเรื่องดังกล่าว ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจเอาเองฝ่ายเดียว

ตอนนี้เว็บเสธแดง ได้ปิดลง เนื่องจากใครไม่ทราบได้ ในขณะที่ผมพิมพ์อยู่ 15.03 pm ของวันที่ 25 มิถุนายน 2551

เอาล่ะ การยื่นฝ่ายเดียว ใครจะโง่ล่ะครับ อย่ายอมตรงนี้ ไม่มีหลักไหนหรอก ที่ว่าจะให้ยื่นฝ่ายเดียว แบบนี้กระบวนการยุติธรรม มันโกง เห็นๆ ในระดับข้อโต้แย้งเรื่องดินแดน

ขณะที่เราทำตามขั้นตอน แต่ก็หลงกลพวกไอ้here ฮุนเซน เนื่องจากอะไรก็แล้วแต่ในระบบทุนนิยม แต่บอกไว้เลยว่า ตอนนี้เกาะกง พวกมันก็แตกกันเป็น 2 ส่วน คือ เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย นี่แหละ คือปัญหา ที่ไม่คุยกันก่อน ในเรื่องนี้

มาพูดเรื่องของประเทศเราดีกว่า ไอ้here ฮุนเซน ช่างหัวมัน ตอนนี้พวกมันกำลังสองจิตสองใจอยู่ ช่างหัวมัน ไม่สำคัญอะไรกับเรา

แต่ที่แน่ๆ ถ้าอยากให้ประเทศ 2 ประเทศเข้าใจกัน และ ปรองดองกัน มันต้องยื้อออกไปอีก หลังเลือกตั้ง เพราะธงของไอ้here ฮุนเซน มันเร่งด่วนตอนนี้

แต่ให้ระวังเรื่องพวกหัวทุนนิยมในบ้านเราหน่อยน่ะว่าเดี๋ยวซ้ำรอยเผาสถานฑูตมั่งล่ะ อะไรแบบนี้ มันปัญญาอ่อนจริงๆ เท่ากับว่า เรานี่แหละ จุดไฟให้เขาคิดเผาเรา แบบนี้มันอยู่กันไม่สงบหรอก มันต้องพูดกันด้วยเหตุผล ที่มาที่ไป แล้วจะจัดการอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะเอาเรื่องนี้มาเป็นผลงาน รีบร้อน

ผลประโยชน์ของใคร ๆ ก็รัก ถ้าเราชูประเด็นนี้ เราก็เห็นด้วย แต่เราไม่เคยทำ แต่พวกกัมพูชามันกำลังทำ โดยเฉพาะไอ้Here ฮุนเซน ที่มันกำลังปลุกระดมพวกมันตอนนี้

อย่าคิดว่าเรื่องนี้ไปเลยเถิดเลยครับ บอกตรงๆ คือ นักการเมืองนั่นแหละ คือตัวปัญหา ของบ้านเราทั้งนั้น เลือกก็ต้องเลือกให้ดีๆ ดูกันถึงพ่อแม่ โครตมันเลย

ถ้าเรื่องนี้ มันถึงกับเผาสถานฑูตไทย ไม่ต้องโทษใครหรอก มันต้องโทษคนทั้งประเทศนั่นแหละ ที่เลือกมันเข้ามาทำหน้าที่ แม้ผมจะไม่ได้เลือกมัน

เรื่องชอบไม่ชอบ ไม่ต้องพูดถึง เรามาพูดถึงเรื่องประโยชน์แก่ประเทศจะดีที่สุด นั่นแหละคือทางออก

ผมเชื่อแน่ว่า ทางออกมันมี แต่อำนาจมันอยู่ที่ฝ่ายบริหาร ที่หลงตัวไปว่า เสียงส่วนใหญ่เลือกมา แต่เรื่องแบบนี้ มันน่าจะจัดความสำคัญ และมองที่มาที่ไปก่อน

เงินเข้าประเทศ ใครๆ ก็อยากได้ ยิ่งการเป็นมรดกโลก ทางขึ้นฝั่งไทย แต่ไม่ใช่ด้วยการกระทำแบบนี้ ที่จะมาอ้างว่าเพื่อเศรษฐกิจ ลำพังตรงนั้น พวกเขมรก็ลูกชิ้นปิ้ง ร้านก๋วยเตี๋ยว และอีกเล็กน้อย ไม่มากมายอะไรเลย ที่มันอ้าง

ถ้าเราทำให้ชัดเจน ระหว่าสองประเทศ มันจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ และมากกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ ก็ได้ ทั้งนี้เพราะ เราสองประเทศร่วมมือกัน โดยความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย และหลังจากนั้นสองประเทศเราก็จะอยู่ด้วยกันแบบสงบจริงๆ เกาะกง และไทยเราก็จะสานสัมพันธ์ ลาว พม่า หลายๆ ที่ และเราก็วาง Infrastructure ไว้แล้ว ถ้าจะทำ ก็ทำโดยที่เราร่วมมือกันสองประเทศ ไม่ดีกว่าเหรอ

ทำหลังเลือกตั้งของ ไอ้ here ฮุนเซนไปเลย จะอีกกี่ปี ก็ทำ ไม่เสียหาย ถ้าเราทำความเข้าใจกับคนในประเทศเราก่อน ไอ้เรื่องศาลหัว kuy ช่างหัวมัน มันก็แค่พวกที่ยุแหย่และล่าอาณานิคม และบางทีเราก็ต้องยอมรับว่า โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว แต่ประวัติศาสตร์ เราบันทึกเอาไว้ว่า พวกไหนทำ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2008, 15:48 โดย เช็คบิล » บันทึกการเข้า
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #20 เมื่อ: 25-06-2008, 18:21 »

เอ แต่เท่าที่ผมติดตามข่าว เราก็พยายามขอยื่นร่วมแล้วนี่ครับ แต่เขาไม่เอา เขาจะยื่นเฉพาะของเขาและยื่นตอนนี้
แล้วเราจะเอาเหตุผลใดไปยื้อไม่ให้เขายื่นได้ครับ ในเมื่อมันเป็นสิทธิในการจัดการของเขา
ลองใช้ตรรกะคิดดูนะครับ

ฮุนเซ็นจะหาคะแนนเสียง -> ยื่นจดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเฉพาะประเทศกัมพูชาโดยไม่ยื่นร่วม ->
แต่แผนที่ที่ยื่นตอนแรกกินอนาเขตพื้นที่ทับซ้อน ->ไทยเลยค้าน -> ฮุนเซ็นเลยส่งแผนที่ใหม่ที่ไม่เป็นปัญหาพื้นที่ทับซ้อนให้ไทยตรวจสอบ

แล้วเราจะเอาเหตุผลไหนไปยื้อเขาครับ นอกจากเหตุผลประเภท เขาพระวิหารเป็นของไทยที่พันธมิตรและประชาธิปัตย์เอามาพูดอยู่เนี่ย
บันทึกการเข้า
Rule of Law
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #21 เมื่อ: 25-06-2008, 18:27 »

เอ แต่เท่าที่ผมติดตามข่าว เราก็พยายามขอยื่นร่วมแล้วนี่ครับ แต่เขาไม่เอา เขาจะยื่นเฉพาะของเขาและยื่นตอนนี้
แล้วเราจะเอาเหตุผลใดไปยื้อไม่ให้เขายื่นได้ครับ ในเมื่อมันเป็นสิทธิในการจัดการของเขา
ลองใช้ตรรกะคิดดูนะครับ

ฮุนเซ็นจะหาคะแนนเสียง -> ยื่นจดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเฉพาะประเทศกัมพูชาโดยไม่ยื่นร่วม ->
แต่แผนที่ที่ยื่นตอนแรกกินอนาเขตพื้นที่ทับซ้อน ->ไทยเลยค้าน -> ฮุนเซ็นเลยส่งแผนที่ใหม่ที่ไม่เป็นปัญหาพื้นที่ทับซ้อนให้ไทยตรวจสอบ

แล้วเราจะเอาเหตุผลไหนไปยื้อเขาครับ นอกจากเหตุผลประเภท เขาพระวิหารเป็นของไทยที่พันธมิตรและประชาธิปัตย์เอามาพูดอยู่เนี่ย


เหตุผลที่ว่า ปราสาทพระวิหารมีคุณค่าอันโดดเด่น  ไม่สมควรเป็นมรดกโลกแต่ตัวปราสาท โดยปราศจากบันไดทางขึ้น

ประชดแบบนี้ คงเข้าใจได้นะ

ภาพรวมของอุทยานพระวิหาร ไม่ใช่ของเขมรคนเดียวที่จะเอาไปอวดอ้างหาประโยชน์

ดังนั้น ไอ้วาทะกรรมที่ว่า เป็นเรื่องของเขมรคนเดียว มันไม่ใช่
เข้าใจว่าคุณเกลียดไอ้แป๊ะลิ้ม แต่เป็นคนไทย ทำไมไม่รู้จักคิดในแง่ของไทยบ้างเล่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2008, 18:29 โดย เหลี่ยม+เหล่ เร่ขายชาติ [ `o` ] » บันทึกการเข้า

Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
เช็คบิล
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 580



« ตอบ #22 เมื่อ: 25-06-2008, 18:39 »

อย่าคิดน่ะครับว่าเขมรจะยืนแค่นั้นแล้วจะจบ มันไม่ง่ายหรอก แค่นี่มันยังเอาเราไปอ้างแล้วในเอกสาร

ถ้าเรามองเห็นความเจริญในภูมิภาคนี้ ผมเห็นด้วย และยอมรับ

แต่บางเรื่อง มันไม่ใช่

เพราะอะไร? ก็เพราะเรายืนยันและค้านตรงนั้นมาตลอดตั้งแต่มีเรื่องราวกันมา

และปมปัญหาต่างๆ มันก็อยู่ในเอกสาร ที่แย้งไว้ แล้วเรื่องอะไรเราจะต้องไปยอมพวกมันฝ่ายเดียว และในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกโลกเขาก็ค้านเอาไว้เหมือนกัน

หมากมันหลายชั้น (ผมเชื่อแบบนั้น)

บันทึกการเข้า
NA-KORN
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 221


« ตอบ #23 เมื่อ: 25-06-2008, 19:16 »


เรื่องนี้ ต้องตำหนิรัฐบาลที่ไม่โปร่งใส งุบงิบทำในลักษณะลุกลี้ลุกลน
หลายฝ่ายขอแผนที่ก็ไม่ยอมให้  อ้างนู่นอ้างนี่ ทำให้เรื่องบานปลาย
หากแก้ปัญหาอย่างบริสุทธิใจ และจริงใจ ชี้แจงถึงที่มาที่ไปเสียตั้ง
แต่แรก  ประชาชนทั่วไปอาจจะเห็นใจก็ได้  แต่นี่กับทำตรงกันข้าม
รู้ทั้งรู้ว่า ครม.ชุดนี้มีต้นกำเหนิดอย่างไร  ใครอยู่เบื้องหลัง   และข้อ
ครหาในผลประโยชน์ทับซ้อนกับบ่อกาซเขมรและเกาะกงก็ยังไม่เคลียร์

ก็รับกรรมกันไปแล้วกัน สาวกทั้งหลาย
บันทึกการเข้า
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #24 เมื่อ: 25-06-2008, 19:28 »


เหตุผลที่ว่า ปราสาทพระวิหารมีคุณค่าอันโดดเด่น  ไม่สมควรเป็นมรดกโลกแต่ตัวปราสาท โดยปราศจากบันไดทางขึ้น

ประชดแบบนี้ คงเข้าใจได้นะ

ภาพรวมของอุทยานพระวิหาร ไม่ใช่ของเขมรคนเดียวที่จะเอาไปอวดอ้างหาประโยชน์

ดังนั้น ไอ้วาทะกรรมที่ว่า เป็นเรื่องของเขมรคนเดียว มันไม่ใช่
เข้าใจว่าคุณเกลียดไอ้แป๊ะลิ้ม แต่เป็นคนไทย ทำไมไม่รู้จักคิดในแง่ของไทยบ้างเล่า


ก็เพราะคิดในแง่ของไทยไงครับ เพราะเราเป็นคนไทย ไม่ใช่กัมพูชา ดังนั้นถ้ากัมพูชาเขาจะจดคนเดียว แล้วก็เป็นพื้นที่ของเขา
เราจะไปห้ามได้อย่างไรครับ
ผมเองก็เห็นด้วยและอยากให้เป็นการจดร่วมระหว่าง 2 ประเทศ แต่กัมพูชาไม่เอา จะจดคนเดียว แล้วเราห้ามได้ไงครับ

ตามความคิดผม ซึ่งถ้ามันผิดไปจากความเป็นจริงช่วยทักท้วงนะครับ

กัมพูชา : ผมขอยื่นจดทะเบียนมรดกโลกครับ
ไทย : ผมขอค้านครับ เพราะจดแค่ปราสาทไม่ครบองค์ประกอบ ต้องจดบริเวณที่เป็นของไทยด้วย
กัมพูชา : ก็ผมจะขอยื่นแค่นี้ ไม่ยื่นส่วนประกอบอื่น ถ้ากรรมการมรดกโลกอนุมัติ ก็อนุมัติแค่ส่วนปราสาทที่เป็นของผมสิครับ
กรรมการมรดกโลก : เอ่อ กัมพูชายื่นในส่วนพื้นที่ของเขา ไม่ได้ยื่นส่วนของไทย ถึงแม้มันจะไ่ม่ครบ แต่เขาก็มีสิทธิยื่น แล้วจะอนุมัติหรือไม่
เป็นเรื่องของกรรมการจะตัดสินนะครับ

ผมคิดประมาณนี้นะครับ
บันทึกการเข้า
Rule of Law
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #25 เมื่อ: 25-06-2008, 19:35 »


หึ

ทำไม่ได้ หรือไม่ทำ  ห้ามไม่ได้ หรือไม่ห้าม.....คิดเอง

unesco จะวินิจฉัยอย่างไรก็เรื่องของเขา  เราทำเรื่องของเรา
บันทึกการเข้า

Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #26 เมื่อ: 25-06-2008, 19:45 »

เมื่อปีก่อนไทยก็คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารมาแล้ว
คงตอบคำถามได้ว่า เราคัดค้านได้หรือไม่ได้

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไทยค้านดันเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก
22 มิถุนายน 2550

เจ้า หน้าที่กระทรวงการต่างประเทศไทยกล่าวว่า จะเตรียมคัดค้านการที่ประเทศกัมพูชาเสนอต่อยูเนสโก
ให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ในการแระชุมขององค์การยูเนสโกที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยอ้างว่าปราสาท
เขาพระวิหารที่ตั้งอยู่บนยอดเขาตามแนวชายแดนของประเทศทั้ง สองนั้นไทยก็มีกรรมสิทธิ์ในเขาพระวิหารนี้
ครึ่งหนึ่งด้วย ตามที่หนังสิพิมพ์ไทยรัฐของไทยได้นำเสนอเมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่คนสำคัญๆ
ต่างๆ รวมทั้งผู้แทนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ
กระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เตรียมเดินทางเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการคุ้มครองมรดกโลกขององค์การศึกษา
วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.
– 2 ก.ค. 2550 โดยประเทศมีประเด็นสำคัญที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมในครั้งนี้ 2 เรื่อง คือ รายงานความคืบหน้า
การศึกษาและการดำเนินงานจัดทำแนวเชื่อมต่อทางนิเวศระหว่าง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และทับลาน ที่ถูกแบ่ง
โดยถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย และมีปัญหาการอพยพเคลื่อนย้ายของสัตว์ป่า ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นพันธกรณี
ภายหลังผืนป่าดงพญาเย็นได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 2 ของไทยเมื่อวันที่ 14 ก.ค.
2548 ประเด็นที่สำคัญอีกเรื่อง คือ ท่าทีของไทยต่อกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมเสนอขึ้นทะเบียนปราสาท
เขาพระวิหารเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ซึ่งมีวาระการนำเสนอในช่วงวันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ หลังจากที่เคย
มีการนำเสนอมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ยังไม่ผ่านการประเมินจากคณะกรรมการ ในเว็บไซต์ข่าวดังกล่าวยังกล่าวอีกว่า
ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก กล่าวว่า การที่รัฐบาล
กัมพูชาเสนอชื่อปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว นี้นั้นทางรัฐบาลไทยไม่เห็นชอบด้วย เพราะ
หลังจากศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาเมื่อปี 2505 เป็นต้นมานั้น ตี่เส้นเขตแดนและ
โครงสร้างทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ ปราสาทโดนตวล บรรณาลัย สถูปคู่ สระตราว และโบราณสถานอื่น ๆ ซึ่งเคยอยู่
ในพื้นที่เดียวกับเขาพระวิหารตกมาอยู่ฝั่งไทย ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ เพราะฉะนั้น
ถ้าจะทำให้เกิดความสมบูรณ์ทางวิชาการและหลักประประวัติศาสตร์ สถานที่แห่งนี้ควรประกาศเป็นพื้นที่มรดกโลก
ร่วมกัน ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายไทยเคยมีความพยายามเจรจาทางการทูตกับประเทศกัมพูชา
แต่กัมพูชาไม่ยอมหารือกับไทย เพราะฉะนั้นการเสนอเรื่องเข้าไปอีกครั้งของเขมรในครั้งนี้ฝ่ายไทยเองก็ไม่ ยอมเช่นกัน
ดร.มิเชล ตราเน ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์กัมพูชา ให้สัมภาษณ์กับรัศมีกัมพูชาเมื่อวานนี้ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการ
คัดค้านของไทย แต่ก็มีข้อสงสัยว่า การคัดค้านของไทยในครั้งนี้เป็นการคัดค้านของรัฐบาลไทย หรือ เป็นการคัดค้าน
ของชาวไทยกลุ่มหนึ่งเท่านั้น โดยระบุว่า ปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินกัมพูชา ในจังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็น
จังหวัดที่มีเขตรอยต่อติดกับจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 มิ.ย. นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะออกเดินทางจากกรุงพนมเปญเพื่อไปเข้าร่วมประชุมขององค์การยูเนสโก ที่จัดขึ้น
ในประเทศนิวซีแลนด์ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ กล่าวว่า การประชุมขององค์การยูเนสโก
ในครั้งนี้ กัมพูชาจะเสนอปราสาทเขาพระวิหารเข้าเป็นมรดกโลกด้วย แม้ว่าในเรื่องนี้จะมีการคัดค้านจากไทยก็ตาม
แต่เราก็หวังว่าปราสาทเขาพระวิหารจะได้เป็นมรดกโลก เกี่ยวกับหัวข้อการเตรียมเสนอให้ประสาทเขาพระวิหารเป็น
มรดกโลกนี้ ได้มีขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 มิถุนายน ในการประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศระว่างนายฮอ นำฮง
รองนายรัฐมนตรีและรมว. การต่างประเทศ กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กับบรรดา
เอกอัครราชทูตต่าง ๆ ในประเทศกัมพูชา ได้แก่ แคนนาดา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย และคิวบา นายลง วิซาโล กล่าวให้
สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมว่า เราเตรียมเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ในการประชุมของ
องค์การยูเนสโก ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ พร้อมทั้งระบุอีกว่า เพราะฉะนั้นเราจึ้งเชิญ
ท่านเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกของคณะกรรมการมรดก โลก แห่งองค์การยูเนสโก เพื่อเรียนให้ท่านทราบ
เกี่ยวกับจุดประสงค์ของเรา ในการเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ในการตอบคำถามแก่นักการทูตที่ต้องการ
ทราบว่าพรมแดนกัมพูชา-ไทย อยู่ตรงไหนนั้น นายลง วิซาโล กล่าวว่า เราได้บอกกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ว่าเราจะ
ไม่พูดถึงเรื่องพรมแดน เราจะพูดเฉพาะเรื่องการเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเท่านั้น ส่วนปัญหาเขตแดน
ก็มีคณะกรรมการเขตแดนดำเนินการอยู่

ที่มา :: รัศมีกัมพูชา (เรียะเซม็ยกัมปูเจีย)
แปล-เรียบเรียงโดย.. :: ศูนย์อินโดจีนศึกษา วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
หน้า: [1]
    กระโดดไป: