คือมันมีเกร็ดน่าสนใจเรื่องคดีเขาพระวิหารที่ลงในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนเมษายนนี่นะฮะ เข้าใจว่าหลายท่านน่าจะได้อ่านแล้ว
ผมเองก็อ่านเพลินๆ ก่อนที่เรื่องเขาพระวิหารจะมาเป็นเรื่องใหญ่ในตอนนี้
ศิลปะวัฒนธรรมได้นำเอาจดหมายของม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชฉบับหนึ่งมาตีพิมพ์ลง โดยจดหมายฉบับนี้ท่านเขียนขึ้นระหว่างเป็นทนายความของฝ่ายไทยไปต่อสู้คดีเขาพระวิหารที่ศาลโลก ท่านก็เล่าตั้งแต่เตรียมตัวเดินทางไป ก็ปรากฎว่าเมียของ1ในคณะลูกทีมของท่านนั้นเชื่อกันว่าเป็นลูกสาวพระเจ้าตากสินกลับชาติมาเกิด
ก่อนเดินทางไปศาลโลก ลูกสาวพระเจ้าตากก็เลยได้พากันไปกราบร่างทรงพระเจ้าตาก(เป็นเมียของพลตรีสุตสาย เจ้าพ่อกระทิงแดง)หม่อมเสนีย์เองก็ได้รับแหวนเป็นเครื่องรางของขลังจาก(ร่างทรง)พระเจ้าตาก แล้วก็ได้เชิญวิญญาณพระเจ้าตากไปช่วยคดีด้วย โดยได้ให้ลูกสาวพระเจ้าตากร่วมคณะไปด้วย
หม่อมเสนีย์เล่าในจดหมายว่า ในการต่อสู้คดีในศาลโลกนั้นท่านได้เชิญวิญญาณพระเจ้าตากเข้าไปในห้องพิจารณาคดีทุกนั
ด และมีข้อน่าประหลาดใจคือทนายความของฝ่ายเขมรนั้นมีอาการเหมือนถูกพระเจ้าตากปิดปากปิดลิ้นไว้ ทำให้พูดไม่ใคร่ถนัดในเวลาสู้คดี ทำให้หม่อมเสนีย์ก็ได้ลุ้นว่าแบบนี้ไทยชนะแหงๆ
แต่มีนิมิตดีหรือร้ายไม่แน่นัก ที่บ้านพักของคณะทนายเสนีย์ที่ได้พาลูกสาวพระเจ้าตากกลับชาติมาเกิดไปพักอยู่ด้วยนั้น วันหนึ่งก็เกิดเหตุเหมือนวิญญาณพระเจ้าตากมาแสดงอิทธิฤทธิ์ แล้วจู่ๆรูปภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่แขวนไว้ข้างฝาผนังนั้นก็หล่นโครมลงมาแตก...
อย่างไรก็ดีจดหมายฉบับนี้หม่อมเสนีย์เขียนส่งมาที่เมืองไทยก่อนที่จะรู้ผลการตัดสินคดีจากศาลโลกในชั่วเวลาเพียง2เดือนเท่านั้น ตัวหม่อมเสนีย์ก็เลยได้แต่กังขาว่า เรื่องรูปหล่นลงมาแตกนั้นเป็นนิมิตดี หรือลางร้ายกันแน่...
(ลองหาอ่านฉบับเต็มนะครับ สนุกเพลินดี)