ข้อมูลเพิ่มเติม... บทสัมภาษณ์ของ คตส. ทุกท่าน ก่อนหมดภาระหน้าที่อย่างเป็นทางการ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=37262&catid=1(ก๊อปปี้ไว้ที่นี่เป็นประวัติศาสตร์ครับ)
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.กล่าว ว่า เข้ามารับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ ที่ผ่านมา ไม่เคยถูกข่มขู่หรือได้รับการติดต่อเพื่อวิ่งเต้นเรื่องคดีเลย เว้นแต่ว่ามีโทรศัพท์มาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายเท่านั้น และไม่มีความกังวลว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะกลับมาดำเนินการย้อนหลัง เพราะว่าปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยไม่มีจิตใจที่จะกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใด แต่
เป็นการพิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็นว่า ปัจจุบันมีการกระทำที่ไม่ถูกครรลองคลองธรรมที่เกี่ยวกับสมบัติของแผ่นดิน เพิ่มมากขึ้น และเมื่อประชาชนทราบแล้วก็จะได้ช่วยกันสอดส่องดูแลและป้องกันไม่ให้สิ่ง เหล่านั้นเกิดขึ้นอีกนายแก้วสรร อติโพธิ กล่าวว่า การมารับหน้าที่ในครั้งนี้ก็คงเหมือนชาวบ้านบางระจันที่ออกมาช่วยบ้านเมือง ให้รอดพ้นวิกฤต พอเสร็จสิ้นก็ต่างแยกย้ายกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ผลการตรวจสอบของ คตส.จะ
เป็นครั้งแรกที่ทำให้ประชาชนได้เห็นว่า นักการเมืองที่ทำไม่ถูกต้องจะต้องถูกเปิดโปงและถูกดำเนินการตามกฎหมายตาม กระบวนการยุติธรรม ส่งผลให้ประชาชนได้เรียนรู้นักการเมือง ทำให้การเมืองไทยดีขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณในการเลือกนักการเมืองที่จะเข้ามาบริหาร ประเทศ เพราะเป็นการชี้อนาคตของประเทศชาติ
นายกล้านรงค์ จันทิก กล่าวว่า ยอมรับว่าการทำงานค่อนข้างถือกว่าหนักที่จะพิสูจน์ความผิดออกมา โดยเฉพาะ
การพิสูจน์เรื่องการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายว่า แนวความคิดนโยบายนั้นๆ ส่อไปในทางคอร์รัปชั่นอย่างไร เพราะปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยน่าจะมาจากสาเหตุเหล่านี้คือ การบริโภคนิยมและประชานิยมหรือทุนนิยม
กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง ปัจจุบันไม่รู้สึกห่วงเรื่องคดีที่ยังค้างอยู่หากวาระการทำหน้าที่ของ คตส.หมดลง เพราะมีการเตรียมความพร้อมในการที่จะรับช่วงต่อไว้แล้วไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพราะฉะนั้น จะมีความต่อเนื่องของงานไม่ติดขัด
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กล่าวว่า ประชาชนหลายๆคนเป็นห่วง และสอบถามกันเข้ามาเสมอว่า การทำหน้าที่ คตส.ได้รับการติดต่อเพื่อวิ่งเต้นเพื่อให้ช่วยเหลือด้านคดีก็ขอเรียนว่า ไม่มีหลักฐานใดที่ชัดเจน ว่ามีเจตนาจะวิ่งเต้นเพื่อให้ช่วยเหลือด้านคดี เพราะเหตุการณ์บางอย่างมันเกิดขึ้นทางโทรศัพท์ หรือบางเหตุการณ์ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเรื่องที่ตั้งใจ แต่บอกได้เลยว่า
คนทำผิด โกงชาติโกงแผ่นดินต้องได้รับโทษทัณฑ์ และเงินของแผ่นดินต้องได้กลับคืนมาให้ประชาชนคนไทยนายบรรเจิด สิงคะเนติ กล่าวว่า
ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศไทยจะแก้ไขไม่ได้เลยหากประชาธิปไตยยังคง เป็นต้นทุนทางการเมืองของกลุ่มนักการเมืองที่ไม่มีจิตสำนึกดีต่อประเทศชาติ การทุจริตคอร์รัปชั่นทางการเมืองเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่สุดของการคอร์รัปชั่น ทั้งหมด ดังนั้น สิ่งเหล่านี้สัมพันธ์กันหมดแยกกันไม่ออก ในอนาคตประชาชนจะได้เห็นว่านักการเมืองรุ่นต่อๆ ไปคงไม่กล้าที่จะทุจริตคอร์รัปชั่นด้วยเหตุที่ว่า
อำนาจที่ได้มาไม่สามารถมา ช่วยลบล้างความผิดได้นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีเรื่องการเสียภาษีให้แก่กรมสรรพกรจากการขาย หุ้นของกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ทั้งหมด สิ่งไหนถูกก็ว่าไปตามถูกหากตรวจสอบแล้วพบว่าผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด สำหรับความยากง่ายของการตรวจสอบงานด้านภาษีในคดีนี้มันยากตรงที่
บางคดีใกล้ จะหมดอายุความแล้ว ต้องรีบที่จะทำสำนวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วนางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ กล่าวว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกยุคทุกสมัยเกิดจากกิเลสของมนุษย์ คือความไม่รู้จักพอ มีความต้องการไม่จบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความต้องการอำนาจ ทรัพย์สินเงินทอง คนเหล่านี้จึงต้องทำทุกวิถีทางอย่างแยบยลเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนา
ขณะที่
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กล่าวว่า ''
ในบ้านเมืองเรามีการทุจริตคอร์รัปชั่นกันมากเกินสมควร และมีการกล่าวถึงกันมานานว่านักการเมืองคอร์รัปชั่น แต่เป็นการพูดกันในหมู่กลุ่มคนที่ข้องเกี่ยวกับนักการเมืองหรือกลุ่มคนราก แก้วทั่วๆ ไป แต่ก็ไม่เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ และ
ไม่มีองค์กรใดที่จะสามารถหยุดยั้งขบวนการนี้ได้ อยากฝากไว้ว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของแผ่นดิน หรือเสียหายต่อศีลธรรมในสังคม
ทุกคนล้วนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลอย่าปล่อยให้มีการฉกฉวยโอกาสจากช่องว่างใน สังคมหาผลประโยชน์ใส่ตัว''
นายอำนวย ธันธรา กล่าวว่า จากการตรวจสอบคดีซีทีเอ็กซ์นั้นอย่างน้อยๆ ประชาชนจะได้รับทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งเรื่องต่างๆ ที่มีปัญหาส่วนมากมักเกิดจากการอาศัยช่องว่างหรือช่องโหว่ของกฎหมาย โดยปกติกฎหมายบัญญัติไว้ดี แต่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือนำกฎหมายไปใช้มากกว่าที่มีปัญหา ถ้าทุกอย่างเดินไปได้ตามกระบวนการปกติก็จะไม่เกิดปัญหา
นายสัก กอแสงเรือง กล่าวว่า ผลงานของ คตส.เป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของ คตส.
คำวินิจฉัยพิพากษาของศาลจะเป็นคำชี้ขาดสุดท้ายในทุกสำนวนของ คตส.รอวันนั้นมาถึง ความกระจ่างชัดเจนจะบังเกิดขึ้น มั่นใจว่าสิ่งที่ คตส.ปฏิบัติหน้าที่มาทั้งหมดจะไม่อายฟ้าและไม่อายดิน เป็นการสร้างผลงานเพื่อฝากไว้ในแผ่นดิน