สำหรับไอ้ emporor ผมจะไม่พูดด้วย เพราะ มรึงไม่ใช่คนไทย มรึงเป็นกบฏ
You're totally non sense and funny. "ปลุกกระแส อารมณ์คลั่งชาติอย่างไร้เหตุผล กรณี 'เขาพระวิหาร' ประวัติศาสตร์จักจารึกนามท่านว่า... โดย คุณ ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
ที่มา เวบไซต์ ประชาไท
23 มิถุนายน 2551
การไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรอบใหม่ กว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นับได้ว่า มาถึงจุดที่เลอะเทอะ และสะท้อนการอับจนปัญญาของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะการเอาเรื่องเขาพระวิหารมาเล่น อันเป็นประเด็นเกี่ยวกับเขตแดนหรือ ชาติ โดยตรง
เรื่องเขาพระวิหาร เด็กรุ่นใหม่ๆ ต่างรับรู้เป็นอย่างดีว่า ปราสาทเป็นของกัมพูชา ทางขึ้นเป็นของไทย และรู้กระทั่งว่า ไทยเสียเขาพระวิหาร อันเนื่องมาจากการพิพาท และการยอมยุติข้อพิพาทด้วยเวทีศาลโลก ด้วยหลักฐาน การอ้างอิง และการชั่งตวงวัดน้ำหนักต่างๆ ซึ่งหมายความว่า โลกทั้งใบนี้ รับรู้ข้อยุติตามนั้น
เอาเป็นว่า เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชานั้นเป็น ข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยุติ ที่ยากจะเถียง ส่วนพื้นที่ทับซ้อน ก็คือพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งหมายความว่า จะต้องเจรจาตกลงกันต่อไประหว่างไทยกับกัมพูชา
จริงเรื่องเขตแดนนั้น ต้องถือว่า กองทัพไทยเป็นเจ้าของประเด็นนี้โดยตรง การขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ออกมานั่งแถลงเองว่า เป็นแต่เพื่ยงเฉพาะตัวปราสาท (ตัวปราสาทซึ่งเราเองก็รับแล้วว่าเป็นของเขา คนไทยส่วนใหญ่ก็รับรู้เรื่องนี้)ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน แล้วกลุ่มพันธมิตรฯ กำลังเล่นอะไรกันอยู่
ต่อให้ใช้ประเด็นนี้ไล่รัฐบาลได้สำเร็จ เราก็หนี ข้อเท็จจริง ไปไม่ได้ ประเด็นนี้ จึงเป็นประเด็นเพื่อปลุกกระแส และอารมณ์คลั่งชาติอย่างไร้เหตุผลที่สุด สะเทือนความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างที่สุด เพราะจินตนาการไปทางไหน ก็ไม่มีทางได้เขาพระวิหารมาเป็นของไทยได้
เมื่อข้อเท็จจริงว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา พื้นที่ทับซ้อนก็ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน อะไรที่มันเคยเป็น ก็เป็นอยู่อย่างนั้น แล้วจะมีประเด็นเรื่อง ใครจะไปแลกประโยชน์ด้วยการอ้างจากเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะกัมพูชาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะเขาขอปราสาทของเขาเอง เป็นมรดกโลกไม่ใช่ปราสาทของเรา
อันที่จริง จินตนาการไปทางไหน กัมพูชาก็ต้องเป็นเพื่อนบ้านของเรา จินตนาการตรงไหน เขาพระวิหารก็ต้องอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครยกไปไหนได้ การไม่ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ก็ทำให้ใช้ประโยชน์จากเขาพระวิหารได้ทั้งสองฝ่าย (โดยที่เราไม่ต้องดูแลรักษา)
พูดง่ายๆ ไม่ใช่ของเรา แต่เราใช้ประโยชน์ได้ ตรงกันข้าม ยิ่งหยิบเรื่องนี้มาเล่น ต่อให้ไล่รัฐบาลได้ เราเองก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ไป แม้กระทั่งเหยียบบันไดขั้นแรกของตัวปราสาทเขาพระวิหารด้วยซ้ำ แล้วจะเป็นของเราได้อย่างไร พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้คิดว่าเป็นของเรา เราก็อาจจะใช้ประโยชน์ไม่ได้
การหยิบประเด็นอันไร้เหตุผลนี้มา จึงสะท้อนว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เอง อับจนปัญญาอย่างที่สุด ที่จะหาจุดอ่อนของรัฐบาลมาเป็นจุดขาย (ทั้งๆ ที่มีจุดอ่อนมากมาย ที่แม้จะ ขาย ไม่ได้แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชน) จึงเลือกที่จะเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน และการลงเอยของอารมณ์ความรู้สึก มันก็อาจจะจบลง เหมือนที่นักการเมืองในกัมพูชาเคยเอาประเด็นดาราไทยไปบิด เพื่อปลุกกระแสคลั่งชาติ จนกระทั่งบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชามาแล้ว
น่าสงสัยว่า ธงของกลุ่มพันธมิตรฯ คืออะไร หลังจากที่ประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกกัน และมีสัญญาณห้ามอย่างชัดเจนจากทุกฝ่ายมาแล้ว มาบัดนี้ มาเปิดประเด็นว่าด้วยเรื่อง ชาติ อย่างไร้เหตุผล และจงใจปั่นที่อารมณ์ความรู้สึก ใช่หรือไม่ ที่ยังคงเป้าหมายไว้ที่การจลาจล และใช้ประชาชนที่นิยมตนเป็นเหยื่อ
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ใช่หรือไม่ ที่ความขลาดเขลาของคนไม่กี่คน เกิดขึ้นจากการไม่ชอบหน้านักการเมือง ไม่เชื่อมั่นนักการเมือง และไม่เชื่อมั่นในรัฐธรรมนูญ กฎกติกา กลไก และการตรวจสอบใดๆ อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวเองมีส่วนสร้างมากับมือ
ใช่หรือไม่ว่า ความขลาดเขลาของคนไม่กี่คน เกิดขึ้นจากความกลัวว่า เขา จะเอาคืน จนหลงลืมว่า ตนเคยเป็นคนมีเหตุมีผลอย่างไร กระทั่งทำให้ต้องเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด โดยเอาชีวิตประชาชนมาเดิมพัน
มนุษย์ต้องมีจินตนาการ และผมยังฝัน ฝันว่า คนบางคนในกลุ่มพันธมิตรฯ จะเรียกร้องความกล้าครั้งสุดท้ายในชีวิตเพื่อให้คนได้จดจำความกล้าของเขา ด้วยการเดินลงจากหลังเสือ
ไม่เช่นนั้น หากเหตุการณ์ในวันข้างหน้าบานปลาย กลายเป็นการจลาจล เกิดความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายไหน ไม่ว่าใครจะกระทำ ไม่ว่าใครจะผิด นอกจากรัฐบาลที่ผิด และต้องรับผิดชอบแล้ว คนที่ ปั่น เหล่านี้ ก็หนีความรับผิดชอบ และการถูกตราหน้าว่า มือเปื้อนเลือด ไปไม่พ้นจนชั่วลูกชั่วหลาน"