ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 04:36
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==สรุปประเด็นกรณีรัฐบาลสมัครกับปราสาทพระวิหาร (เพื่อการเผยแพร่)== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 2 [3] 4
==สรุปประเด็นกรณีรัฐบาลสมัครกับปราสาทพระวิหาร (เพื่อการเผยแพร่)==  (อ่าน 16454 ครั้ง)
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #100 เมื่อ: 25-06-2008, 15:47 »

เมื่อวานลืมอ่านความเห็นนี้ ขอติงคุณจีนิดนึงนะครับ คือคุณจีใช้ข้อความฟังดูดี แต่ถ้าเขียนอย่างนี้แล้วเราจะถกกันได้อย่างไรครับ

ผิดครับ .. ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ "เราควรยอมรับคำตัดสินนั้น หรือ ไม่ยอมรับคำตัดสินนั้น"

แต่อยู่ที่ เราไม่ควรยอมรับการดำเนินการของรัฐบาลสมัครและรัฐมนตรีต่างประเทศในเรื่องนี้

ไม่ว่าคุณจีจะเขียนอย่างไร ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ไม่ยอมรับการดำเนินการของรัฐบาลสมัครนั้นเพราะไม่ยอมรับคำตัดสิน
แต่คุณจีไม่ควรลืมว่า ก็มีคนไทยแท้ๆ อีกมากมายที่เขาก็รักประเทศไทยเหมือนกัน แต่มีมุมมองที่เห็นว่าเราควรยอมรับคำตัดสิน
ดังนั้น เราควรมา "ถก" เพื่อหาหนทางที่น่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุดในทุกๆด้าน

ปล. ข้อ2 ล่าง (เขีียนตัวเลขซ้ำ ) ที่คุณจีตอบนั่นแหละครับคือประเด็น เราสงวนสิทธิ์มา 50 ปี แต่มายืนยันอีกที
แล้วมันจะมีน้ำหนักหรือครับ นี่ยังไม่นับรวมถึงประเด็นที่ข้อ 60 ไม่ได้อนุญาติให้เปลี่ยนคำตัดสินด้วย

ผมเห็นด้วยกับตรงสีน้ำเงิน เพราะถ้าเราไม่ยอมรับคำตัดสินก็เท่ากับว่าเราไม่ยอมรับกฏหมายระหว่างประเทศ อีกหน่อยคงยุ่งเหมือนกัน วันดีคืนดีไทยไม่ยอมรับกฏหมายระหว่างประเทศ แล้วจะเอาตรังกานู ไทรบุรี ไชยา ถูกอังกฤษโกงไปคืนจากมาเลเซีย เอาทวาย มะริด ตะนาวสีคืนจากพม่า  พม่าบอกว่าแม่ฮ่องสอนเชียงรายไม่ใช่ของไทยอ้างย้อนไปสมัยพระเจ้าเหา ลาวบอกว่าภาคอิสานถูกไทยใช้กำลังยึดมาขอคืน แล้วทวงพระแก้วมรกตคืนด้วย มันก็คงวุ่นพิลึก


เรื่องมันอยู่ตรงนี้จริง ๆ ว่า รัฐบาลทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศหรือของใคร ถ้าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องชี้แจงออกมาว่าประโยชน์มีอะไร แล้วต้องบอกด้วยว่าส่วนที่เสียจะมีอะไรบ้าง

ที่ผิดก็คือรัฐบาลไม่มีสิทธิ์จะทำเรื่องนี้โดยไม่ขอความเห็นจากประชาชน
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #101 เมื่อ: 25-06-2008, 16:03 »

เมื่อวานลืมอ่านความเห็นนี้ ขอติงคุณจีนิดนึงนะครับ คือคุณจีใช้ข้อความฟังดูดี แต่ถ้าเขียนอย่างนี้แล้วเราจะถกกันได้อย่างไรครับ

ผิดครับ .. ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ "เราควรยอมรับคำตัดสินนั้น หรือ ไม่ยอมรับคำตัดสินนั้น"

แต่อยู่ที่ เราไม่ควรยอมรับการดำเนินการของรัฐบาลสมัครและรัฐมนตรีต่างประเทศในเรื่องนี้

ไม่ว่าคุณจีจะเขียนอย่างไร ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ไม่ยอมรับการดำเนินการของรัฐบาลสมัครนั้นเพราะไม่ยอมรับคำตัดสิน
แต่คุณจีไม่ควรลืมว่า ก็มีคนไทยแท้ๆ อีกมากมายที่เขาก็รักประเทศไทยเหมือนกัน แต่มีมุมมองที่เห็นว่าเราควรยอมรับคำตัดสิน
ดังนั้น เราควรมา "ถก" เพื่อหาหนทางที่น่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุดในทุกๆด้าน

ปล. ข้อ2 ล่าง (เขีียนตัวเลขซ้ำ ) ที่คุณจีตอบนั่นแหละครับคือประเด็น เราสงวนสิทธิ์มา 50 ปี แต่มายืนยันอีกที
แล้วมันจะมีน้ำหนักหรือครับ นี่ยังไม่นับรวมถึงประเด็นที่ข้อ 60 ไม่ได้อนุญาติให้เปลี่ยนคำตัดสินด้วย

ประเด็นที่คุณไม่เอาพันธมารสรุปมา ถือว่าเกือบถูกแล้วครับ  

เพียงแต่คุณไม่เอาพันธมาร จำกัดมุมมองไว้เพียงระดับบุคคล
ในขณะที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนไทยบางคนยอมรับคำตัดสิน
หรือคนไทยบางคนไม่ยอมรับคำตัดสิน

..เพราะพวกเราแต่ละคนไม่มีใครเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐ..

...

ดังนั้นจุดสำคัญคือ รัฐบาลไทยซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐ
ในขณะมีคำพิพากษาได้ประท้วงคำพิพากษาศาลโลกไว้

และได้ประกาศสงวนสิทธิของประเทศไทยในการเรียกร้อง
ปราสาทพระวิหารกลับคืน นั่นเท่ากับไทยได้ประกาศสิทธิ
เหนือปราสาทพระวิหาร และสิทธิดังกล่าวได้มีการสืบทอด
ต่อมาโดยมีรัฐบาลทุกชุดมาจนถึงปัจจุบัน

รัฐบาลสมัครในฐานะผู้มีอำนาจแทนรัฐในปัจจุบันซึ่งก็คือ
ผู้รับสืบทอดหน้าที่ในการรักษาสิทธิผลประโยชน์ของชาติ
แทนที่จะปฏิบัติตามภาระหน้าที่ดังกล่าว กลับดำเนินการ
สละสิทธิของประเทศไทย ที่ได้สงวนไว้มาโดยตลอด


ทั้งหมดเป็นที่มาของข้อสรุปว่า..
เราไม่ควรยอมรับการกระทำของรัฐบาลสมัครในเรื่องนี้  

...

ปล. ขอย้ำว่าการประกาศสงวนสิทธิไม่เกี่ยวกับธรรมนูญศาลโลก
       แต่เราประกาศสงวนสิทธิทั้งหลาย รวมถึงที่จะมีในอนาคต
       การที่มาตรา 60 ไม่ให้เปลี่ยนคำตัดสิน จึงไม่เกี่ยวเลยครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #102 เมื่อ: 25-06-2008, 16:04 »

สงสัยว่ายังชัดเจนไม่พอ.. ผมก็จะอธิบายเพิ่มไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน 

...

ประเทศไทยไม่ได้สงวนสิทธิ์ที่จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย แต่ตรงข้าม-
เราปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลโลกในคดีนี้
ซึ่งมีอยู่ 3 ข้อ โดยสรุปคือ

ข้อแรก ให้ไทยยอมรับอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระวิหาร
ข้อสอง ไทยต้องถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกจากปราสาทพระวิหาร
ข้อสาม ไทยต้องคืนวัตถุตามรายการที่ระบุในคำวินิจฉัยแก่กัมพูชา


การประกาศสงวนสิทธิของไทย ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำวินิจฉัย
แต่เป็นการสงวนสิทธิที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหรตามสิทธิที่มี หรือ
จะพึงมีในอนาคต
และขณะเดียวกันเราประท้วงคำวินิจฉัยซึ่งหมายถึง
เราไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย แต่เรายอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลโลก
เพราะมีสัญญาผูกพันกับสหประชาชาติ

...

คดีปราสาทพระวิหารจึงไม่สามารถเทียบกับตัวอย่างของคุณอะไรจ๊ะ
ที่สมมุติให้ 111 กรรมการขอสงวนสิทธิ์ไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของ
ตุลาการรัฐธรรมนูญ

ในทางกลับกัน 111 กรรมการ ได้ดำเนินการเช่นเดียวกับรัฐบาลไทย
ในคดีปราสาทพระวิหาร คือ 111 กรรมการได้ประท้วงคำวินิจฉัยของ
ตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่ยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัย

และคงได้สงวนสิทธิที่จะรื้อฟื้นคดีเอาไว้ หลักฐานคือการเคลื่อนไหว
ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งถ้าทำสำเร็จจะไปลบล้างคำวินิจฉัย
ของตุลาการรัฐธรรมนูญในอดีตได้


เพียงแต่การแก้กฎหมายเพื่อฟอกผิดตัวเอง มันดูน่าเกลียดเกินไป!!!
ผมตอบถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีอะไรไม่เข้าใจอีกไหมครับ คุณอะไรจ๊ะ 


Thank you คร้า...รบกวนคุณจีฯช่วยกรุณาอธิบายมาตรา 61 ว่าด้วยเรื่องการขอยื่นคัดค้านได้ไม่เกิน10ปีหลังคำพิพากษา(กำหนดโดยศาลโลก)  กับ การสงวนสิทธิที่จะทวงคืน(กำหนดโดยรัฐบาลไทยขณะนั้น) ซิว่าสิ่งไหนใหญ่กว่ากันและมีผลทางปฏิบัติในเวทีโลกมากกว่ากัน!?!
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #103 เมื่อ: 25-06-2008, 16:38 »

ผมเห็นด้วยกับตรงสีน้ำเงิน เพราะถ้าเราไม่ยอมรับคำตัดสินก็เท่ากับว่าเราไม่ยอมรับกฏหมายระหว่างประเทศ อีกหน่อยคงยุ่งเหมือนกัน วันดีคืนดีไทยไม่ยอมรับกฏหมายระหว่างประเทศ แล้วจะเอาตรังกานู ไทรบุรี ไชยา ถูกอังกฤษโกงไปคืนจากมาเลเซีย เอาทวาย มะริด ตะนาวสีคืนจากพม่า  พม่าบอกว่าแม่ฮ่องสอนเชียงรายไม่ใช่ของไทยอ้างย้อนไปสมัยพระเจ้าเหา ลาวบอกว่าภาคอิสานถูกไทยใช้กำลังยึดมาขอคืน แล้วทวงพระแก้วมรกตคืนด้วย มันก็คงวุ่นพิลึก

เรื่องมันอยู่ตรงนี้จริง ๆ ว่า รัฐบาลทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศหรือของใคร ถ้าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องชี้แจงออกมาว่าประโยชน์มีอะไร แล้วต้องบอกด้วยว่าส่วนที่เสียจะมีอะไรบ้าง

ที่ผิดก็คือรัฐบาลไม่มีสิทธิ์จะทำเรื่องนี้โดยไม่ขอความเห็นจากประชาชน

ประเด็นคือรัฐบาลไทยในปี พ.ศ. 2505 ได้ประท้วงคำตัดสินไว้แล้วจริงๆ
โดยประกาศอย่างชัดเจนว่าคำตัดสินไม่ยุติธรรมอย่างไรบ้าง

เพียงแต่ประเทศไทยยอมทำตามคำตัดสิน เพื่อรับผิดชอบในฐานะสมาชิก
ของสหประชาชาติ

และเนื่องจากเราเห็นว่าคำตัดสินไม่ยุติธรรม เราจึงประกาศสงวนสิทธิไว้
ว่าหากต่อไปเรามีสิทธิใดๆ ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมเราจะดำเนินการ


...

การยกตัวอย่างอังกฤษคงไม่ค่อยตรงเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ผมทราบมา
อังกฤษทำสัญญากับเราแบบตรงไปตรงดีกว่าฝรั่งเศสมาก

แต่ฝรั่งเศสเล่นสกปรกตลอด ตั้งแต่เอาเรือรบเข้ามาในกรุงเทพฯ สำเร็จ
หลังจากเรียกร้องเงินจากไทยไ้ด้แล้ว ก็ไปยึดเมืองจันทบุรีไม่ยอมคืน
กระทั่งไทยต้องทำสัญญา พ.ศ. 2447 เสียดินแดนให้ฝรั่งเศสแลกกับ
เมืองจันทบุรี แต่ฝรั่งเศสเล่นไม่เลิกไปยึดเมืองตราดไว้อีก ทำใ้ห้ไทย
ต้องทำสัญญา พ.ศ. 2450 ต้องเสียดินแดนเพิ่ม แลกกับเมืองตราดอีก
ซึ่งสัญญาฉบับนี้ก็คือที่เกี่ยวพันกับเกาะกูดในปัจจุบัน

สัญญาที่ทำกันในปี พ.ศ. 2447 ระบุชัดๆ ตั้งแต่มาตราแรกว่าให้ใช้
สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน แต่ฝรั่งเศสก็ยังโกงโดยทำแผนที่ผิดๆ
ไม่ใช้แนวสันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดน แล้วในที่สุดก็เอามาใช้โกงไทย


...

ตัวอย่างที่ยกมาทั้ง ตรังกานู ไทรบุรี ไชยา ทวาย มะริด ตะนาวสี
แม่ฮ่องสอน เชียงราย ภาคอีสานฯลฯ  ไทยเราได้มาอย่างถูกต้อง
ตามโบราณราชประเพณีในการสงคราม เมื่อรบชนะก็ได้เป็นเมืองขึ้น
ไม่ใช่เป็นดินแดนที่คดโกงมาแต่อย่างใด

การอ้างสิทธิสมัยพระเจ้าเหาจึงไม่ใช่ตรรกะที่ถูกต้อง ผมเห็นด้วยว่า
ถ้าอ้างแบบนั้นคงยุ่งพิลึก และในทางปฏิบัติก็ทำไม่ได้จริงเสียด้วย


แต่การอ้างสิทธิสมัยพระเจ้าเหา กลับเป็นประเด็นที่กัมพูชานำมาใช้
โดยอ้างว่าตัวเองสืบทอดมาจากอาณาจักรขอม ทั้งที่การอ้างสิทธิ
ต้องดูที่ "พรมแดน" เป็นสำคัญ ซึ่งพื้นที่เขาพระวิหารอยู่กับไทยมา
เกือบ 600 ปีแล้ว เพราะกษัตริย์เขมรรบแพ้ไทยจนต้องเก็บข้าวของ
ย้ายเมืองหลวงหนีไปตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ทำให้อาณาจัิกรเขมร
เหลือพื้นที่เพียงครึ่งหนึ่งของประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน และในสมัย
ร.5 เขมรยังมีสถานะเป็นเมืองขึ้นของไทย กระทั่งไทยยกให้ฝรั่งเศส

แต่ถ้าอ้างอาณาจักรขอมได้ไทยต้องยกประเทศให้เขมรทั้งหมด!!!

...

ความจริงเรื่องนี้พิจารณาได้ง่ายๆ จาก "พรมแดน" ซึ่งผมก็สรุปได้ว่า

ฝรั่งเศสโกงไทย แล้วเขมรอ้างสิทธิโกงต่อ ส่วนศาลโลกก็ช่วยโกง

ทั้งหมดนั้นรัฐบาลไทยได้ประท้วง และประกาศสงวนสิทธิที่ถูกโกง
ว่าถ้าทำได้เมื่อไหร่เราจะทวงสิทธิของเรากลับคืน
แต่ล่าสุดรัฐบาลสมัครมีการกระทำที่ถือได้ว่าไทยสละสิทธิดังกล่าว   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2008, 16:44 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Onerukna
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #104 เมื่อ: 25-06-2008, 16:55 »

แน่นอนถ้าเราจดร่วมเราจะได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น

 แต่กัมพูชาปฏิเสธไม่ยอมให้ใคร มามีกรรมสิทธิ์ร่วมในทะเบียนมรดกโลกในตัวปราสาท
ถ้าศาลโลกตัดสินปราสาทเขาพระวิหารให้เรา เราจะจด เขมรมาขอร่วม เราจะยอมใหม 

แล้วเขาจดคนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งเราได้เปล่าครับ
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #105 เมื่อ: 25-06-2008, 16:58 »

กรณีปราสาทพระวิหาร อาจดูแล้วเข้าใจได้ยาก
แต่ถ้ายกตัวอย่างง่ายๆ อาจทำให้เห็นภาพชัดขึ้น

เช่น คดีที่ดินวัดสวนแก้ว แม้มีคำพิพากษาไปแล้ว
แต่วัดสวนแก้วก็ประท้วงทำอนุสาวรีย์ถุงกล้วยแขก
ขณะเดียวกันก็ย้ายข้าวของผู้คนออกจากที่ดินด้วย

ในอนาคตหากมีช่องทางใดๆ ที่จะทวงที่ดินกลับคืน
หรือสามารถเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายใดๆ

เชื่อว่าวัดสวนแก้วก็คงดำเนินการทวงคืนเรียกร้อง

...
เอากรณีที่ดินวัดสวนแก้วมาขยายก็คงเห็นภาพใหญ่  
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #106 เมื่อ: 25-06-2008, 17:00 »

ที่คุณจีบอกว่า 'และเนื่องจากเราเห็นว่าคำตัดสินไม่ยุติธรรม เราจึงประกาศสงวนสิทธิไว้ว่าหากต่อไปเรามีสิทธิใดๆ ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมเราจะดำเนินการ' เท่ากับเป็นการไม่สนใจในกฏระเบียบของศาลโลกมาตรา 61 วรรค 5 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าหากไม่มีการร้องทักท้วงอย่างเป็นทางการภายใน 10 ปีหลังจากที่ศาลพิพากษาคดีไปแล้ว...ให้ถือว่าคดีดังกล่าวยุติ

การสงวนสิทธิ์ดังกล่าวจึงไม่มีผลใดๆทางกฏหมายที่ผูกพันต่อคดีนี้...จบแล้วครับคุณจี!!
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #107 เมื่อ: 25-06-2008, 17:28 »

ที่คุณจีบอกว่า 'และเนื่องจากเราเห็นว่าคำตัดสินไม่ยุติธรรม เราจึงประกาศสงวนสิทธิไว้ว่าหากต่อไปเรามีสิทธิใดๆ ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมเราจะดำเนินการ' เท่ากับเป็นการไม่สนใจในกฏระเบียบของศาลโลกมาตรา 61 วรรค 5 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าหากไม่มีการร้องทักท้วงอย่างเป็นทางการภายใน 10 ปีหลังจากที่ศาลพิพากษาคดีไปแล้ว...ให้ถือว่าคดีดังกล่าวยุติ

การสงวนสิทธิ์ดังกล่าวจึงไม่มีผลใดๆทางกฏหมายที่ผูกพันต่อคดีนี้...จบแล้วครับคุณจี!!

เราไม่ได้จำกัดสิทธิเอาไว้ที่มาตรา 61 ของธรรมนูญศาลโลกนี่ครับ จะสรุปว่าจบได้ยังไง? 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #108 เมื่อ: 25-06-2008, 17:32 »

เราไม่ได้จำกัดสิทธิเอาไว้ที่มาตรา 61 ของธรรมนูญศาลโลกนี่ครับ จะสรุปว่าจบได้ยังไง? 


คุณจีนี่ดิ้นจัง...สิทธิของไทยที่คุณจีว่าไว้น๊ะ ศาลโลกเค้ารับรองไหมครับ? หรือจะบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องให้ใครมารับรอง...งั้นก็ต้องถามว่าแล้วคุณจีจะให้รัฐบาลไทยสมัยนั้นเค้าไปขึ้นศาลให้เมื่อยทำไมก็ในเมื่อเราบอกว่าการสงวนสิทธิของไทยเรายิ่งใหญ่กว่าคำตัดสินของศาลโลก!?!
บันทึกการเข้า
hitman
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #109 เมื่อ: 25-06-2008, 17:48 »


มิได้ครับ ผมมันคนตรง...ผิดเป็นผิด  ไม่ใช่ผิดแล้วแก้ตัวว่าถูก  เพราะหากไทยยังคลดึงดันเล่นเกมส์กับเขมรไม่เลิก เกรงว่าคนเขมรจะลุกฮือขึ้นทำร้ายคนไทยในเขวร และเผาสถานฑูตไทยได้อีก ถึงเวลาที่มีสงครามกัน...พวกรากหญ้าทั้งนั้นที่ถูกส่งไปตาย

คนที่คัดค้านเรื่องนี้...ไม่มีใครตายสักคนหรอกหากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ


ไอ้ห่าเอ๊ย   กูก็หลงนึกว่ามึงเป็นผู้ชาย  มิน่าไม่มีใครสนใจมึง

ชื่อ:  The Last Emperor
กระทู้:  5,813 (7.761 ต่อวัน)
ตำแหน่ง:  ขาประจำขั้นที่ 3
วันที่สมัครสมาชิก:  07-06-2006, 14:43
ใช้งานล่าสุด:  วันนี้ เวลา 17:34

--------------------------------------------------------------------------------
 
ICQ: 
AIM:   
MSN:   
YIM:   
อีเมล์:  ซ่อน 
เว็บไซต์:   
สถานะปัจจุบัน:   ออนไลน์ 

--------------------------------------------------------------------------------
 
เพศ:  หญิง
อายุ: 22
ที่อยู่: 
เวลาท้องถิ่น: 25-06-2008, 17:45
ภาษา: Thai
บันทึกการเข้า
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #110 เมื่อ: 25-06-2008, 17:52 »

ขอบคุณพรรคฝ่ายค้านที่เสนอญัตติเข้าสภา

เปิดโอกาสให้คนไทยได้รับฟัง ข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ครบถ้วนบริบูรณ์

ในท้ายที่สุด มาร์ค ม.7 ไปเก็บตกข้อสงสัยของ หม่อมอุ๋ย ที่เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้

เอามาอภิปรายแบบ สดๆร้อนๆ ทำให้ประเด็นนี้ ที่กระผมเองยังติดใจอยู่ ก็ได้กระจ่างแจ้งแก่ใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ใครข้องใจในประเด็นไหนอีก นี่คิดว่า คงผิดปกติเกินกว่าจะติดตามข่าวสารบ้านเมืองแล้ว

ควรหวนกลับไป วิพากย์วิจารณ์ ละครหลังข่าว ดาราแย่งผัว กันจะเหมาะสมกว่า
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #111 เมื่อ: 25-06-2008, 18:02 »


คุณจีนี่ดิ้นจัง...สิทธิของไทยที่คุณจีว่าไว้น๊ะ ศาลโลกเค้ารับรองไหมครับ? หรือจะบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องให้ใครมารับรอง...งั้นก็ต้องถามว่าแล้วคุณจีจะให้รัฐบาลไทยสมัยนั้นเค้าไปขึ้นศาลให้เมื่อยทำไมก็ในเมื่อเราบอกว่าการสงวนสิทธิของไทยเรายิ่งใหญ่กว่าคำตัดสินของศาลโลก!?!

ก็ต้องตอบเหมือนเดิมคือ เราก็ไม่ได้จำกัดสิทธิเอาไว้กับศาลโลก

การที่รัฐบาลไทยไปขึ้นศาลโลกเพื่อให้ศาลอำนวยความยุติธรรม
แต่ในเมื่อศาลไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมได้เราก็ย่อมมีสิทธิ
ที่จะประท้วงคำตัดสิน
พรรค ทรท.ก็เคยมีพฤติกรรมประท้วงตุลาการรัฐธรรมนูญนะครับ 

...

แต่เรื่องการปฏิบัติตามคำพิพากษาเราก็ต้องยอมปฏิบัติไปตามนั้น
เพราะเป็นไปตามกฎกติกาที่ตกลงกัน

เพียงแต่ถ้ามีโอกาสช่องทางใดๆ ที่สามารถอำนวยความยุติธรรม
เราก็ย่อมสามารถสงวนสิทธิที่จะใช้โอกาสช่องทางนั้นๆ
คำสงวนสิทธิของเราไม่ขึ้นกับอำนาจศาลโลกครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
西施无情
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 456


ไซซีไ้ร้ใจ


« ตอบ #112 เมื่อ: 25-06-2008, 18:05 »

คุณกรณ์ มาแล้่วว 
บันทึกการเข้า

我愛你, 陈一冰,
西施无情
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 456


ไซซีไ้ร้ใจ


« ตอบ #113 เมื่อ: 25-06-2008, 18:05 »

ขออภัย ผิดกระทู้  
บันทึกการเข้า

我愛你, 陈一冰,
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #114 เมื่อ: 25-06-2008, 18:35 »

ไอ้ห่าเอ๊ย   กูก็หลงนึกว่ามึงเป็นผู้ชาย  มิน่าไม่มีใครสนใจมึง

ชื่อ:  The Last Emperor
กระทู้:  5,813 (7.761 ต่อวัน)
ตำแหน่ง:  ขาประจำขั้นที่ 3
วันที่สมัครสมาชิก:  07-06-2006, 14:43
ใช้งานล่าสุด:  วันนี้ เวลา 17:34

--------------------------------------------------------------------------------

เพศ:  หญิง
อายุ: 22
ที่อยู่: 
เวลาท้องถิ่น: 25-06-2008, 17:45
ภาษา: Thai

คุณ hitman คงเป็นคนใหม่ถึงไม่รู้จักคุณอะไรจ๊ะ
ถ้าสนใจก็ไปศึกษาประวัติเขาได้นะครับ

=="อะไรจ๊ะ" เปลี่ยนชื่อจาก "ซูสีไทเฮา/ป้าแหล่ม/จีรศักดิ์" มาเป็น TLE(เพศหญิง)==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=24450.0
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #115 เมื่อ: 25-06-2008, 18:36 »

ขออภัย ผิดกระทู้  

ไม่เป็นไรครับ กำลังดูคุณกรณ์อยู่เหมือนกัน 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Rule of Law
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #116 เมื่อ: 25-06-2008, 18:48 »

เรียนคุณ เหลี่ยม+เหล่ เร่ขายชาติ [ `o` ] ถ้าอยากจะคุยกันด้วยเหตุผล ขอความกรุณาช่วยยกเอาเหตุผลมาคุยด้วยนะครับ
ผมอยากจะคุยกับผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างด้วยเหตุผลนะครับ

ปล. ยืนยันอีกครั้ง ผมก็เป็นคนไทยที่รักประเทศไทย เพียงแค่อาจมีความคิดเห็นแตกต่างกับคุณ ฉะนั้นควรคุยกันด้วยเหตุผลครับ

ปล.2 ขอตอบคุณ เหลี่ยม+เหล่ เร่ขายชาติ [ `o` ] ด้วยคำตอบของคุณ mebeam นะครับ

การโพสต์ทุกกระทู้มีเหตุผลอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับคนอ่านว่าจะมีสติปัญญาเข้าใจได้แค่ไหน

พยายามยกเหตุผลแทบตาย ว่า best solution ของไทยคือยื่นจดร่วม
พวกชอบแถ ก็ยังพยายามแถเรื่องว่าพระวิหารเป็นของใคร ต้องปฏิบัติตามศาลโลก อยู่นั่นเอง
อวดภูมิรู้เข้าไป ธรรมนูญศาลโลกเป็นอย่างนั้น อย่างนี้   มันไม่ได้เกี่ยวกับท่าทีของไทยเลย

mebeam ถ้าเขมรไม่ยอมให้จดร่วม  เราก็สามารถคัดค้านในที่ประชุม unesco ได้
ค้านไปเรื่อยๆ เพราะว่าจะเกิดผลประโยชน์กับเรามากกว่าปล่อยให้จดไปฝ่ายเดียว

บันทึกการเข้า

Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #117 เมื่อ: 25-06-2008, 19:08 »

การโพสต์ทุกกระทู้มีเหตุผลอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับคนอ่านว่าจะมีสติปัญญาเข้าใจได้แค่ไหน

พยายามยกเหตุผลแทบตาย ว่า best solution ของไทยคือยื่นจดร่วม
พวกชอบแถ ก็ยังพยายามแถเรื่องว่าพระวิหารเป็นของใคร ต้องปฏิบัติตามศาลโลก อยู่นั่นเอง
อวดภูมิรู้เข้าไป ธรรมนูญศาลโลกเป็นอย่างนั้น อย่างนี้   มันไม่ได้เกี่ยวกับท่าทีของไทยเลย

mebeam ถ้าเขมรไม่ยอมให้จดร่วม  เราก็สามารถคัดค้านในที่ประชุม unesco ได้
ค้านไปเรื่อยๆ เพราะว่าจะเกิดผลประโยชน์กับเรามากกว่าปล่อยให้จดไปฝ่ายเดียว



งงนะครับ ผมว่าทุกกระทู้ที่ผมคุยด้วยก็ใช้เหตุผลมาคุยนะครับ คุณ เหลี่ยม+เหล่ เร่ขายชาติ [ `o` ] ว่ามันแถตรงไหนครับ
อย่างกระทู้นี้ คุณบอกว่าเราสามารถคัดค้านในที่ประชุมได้
แต่ในมุมมองของผม(ซึ่งผมก็ยกเหตุผลประกอบนะครับ) ผมมองว่าไม่มีประโยชน์ที่เราจะค้าน เพราะ

1. เขมรจดทะเบียนเฉพาะพื้นที่ของเขา (ข้อนี้ถ้าไม่ยอมรับก็เป็นอีกประเด็นที่กำลังคุยกันอยู่ครับ) และไม่ต้องการจดร่วมกับเรา
2. ระหว่างการค้านเพื่อจะขอจดร่วม ซึ่ง ณ. วันนี้ เวลานี้ เขาไม่ยอมจดร่วมกับเรา กับการให้เขาจดส่วนของเขา
แต่ในพื้นที่ทับซ้อนต้องร่วมกันบริหาร ผมว่าวิธีหลังเรา(ประเทศไทย)น่าจะได้ประโยชน์กว่านะครับ
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #118 เมื่อ: 25-06-2008, 19:11 »

ตอนแรกเขมรตั้งใจจะยื่นฝ่ายเดียวมาตั้งแต่ต้น และมีความคิดจะเอาบันไดทางฝั่งไทยไปขึ้นทะเบียนด้วย
รวมทั้งมีความคิดจะเอาหมู่บ้านภูมิโก (ชื่อตามข่าว) ทำเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรม ที่ผมสงสัยว่าจะหมายถึง
หมู่บ้านภูมิซร็อล ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งถ้าใช่ก็จะเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในแผ่นดินไทย

ตามกระแสข่าวยังอ้างอิงบริเวณโดยรอบเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งจากขนาดพื้นที่ที่แสดงในข่าว
น่าจะรวมเอาดินแดนไทยบนเขาพระวิหารไว้ด้วย

ทำให้รัฐบาลสุรยุทธ์ไม่สามารถยอมรับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยกัมพูชา
ซึ่งต่อมาเดือนมิถุนายน 2550 รัฐบาลสุรยุทธ์ได้คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก  

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เขาพระวิหารเตรียมขึ้นทะเบียนมรดกโลก
16 ตค 49

หลังจากปราสาทนครวัดได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2535 กระบวนการทางกฎหมายต่างๆกำลังถูกปฏิบัติ
เพื่อให้องค์การUNESCO (UNITED NATION EDUCATION SCIENE AND CULTURE ORGANIZATION)
ยอมรับปราสาทเขาพระวิหารเช่นเดียวกับประสาทนครวัด ปัญหานี้ได้ถูกนำเข้ามาเป็นวาระของการประชุมกลุ่ม
ที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลอยากหารือเกี่ยวกับการอนุมัติหลักปฏิบัติ
พ.ร.บ.ว่าด้วยการบริหารแหล่งท่องเที่ยวเขาพระวิหาร และเกี่ยวกับหนังสือสำคัญเพื่อขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก
และในวันที่23ตุลาคมที่จะถึงนี้ เจ้าหน้าที่ขององค์การUNESCOคนหนึ่งจะเดินทางมากัมพูชาเพื่อทำการประเมิน
หลายปีมาแล้วที่ กัมพูชาได้เรียกร้องให้มีการยอมรับในระดับนานาชาติต่อมรดกอันล้ำค่าแห่งนี้ แต่UNESCOมองว่า
กัมพูชายังไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทุกประการ การเรียกร้องครั้งใหม่ที่ทำขึ้นโดยรัฐบาลนี้มีการตอบสนองใน
กฎกติกาที่UNESCO เรียกร้องเกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ด้วย ซึ่งบนยอดเขา 600 เมตรที่มีปราสาทตั้งอยู่จะต้อง
ได้เห็นทิวทัศน์ในมุม 60 องศา และเห็นพื้นป่าไม้ 5 กิโลเมตร ที่อยู่เบื้องล่าง ส่วนตามสันเขาได้ถูกจัดให้เป็น
พื้นที่ห้ามก่อสร้าง บริเวณทั้ง2ครอบคลุมพื้นที่ 4642.5 เฮกเตอร์ พื้นที่อนุรักษ์ (บริเวณที่1) จะครอบคลุมพื้นที่
154.7 เฮกเตอร์ ส่วนบริเวณก่อสร้างได้ (บริเวณที่ 3) มีพื้นที่ 679 เฮกเตอร์ทางทิศตะวันตก และ1149เฮกเตอร์
ทางทิศตะวันออก นอกจากนั้นยังมีการเรียกร้องอื่นๆอีกเช่น การประกาศหมู่บ้านภูมิโกเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรม
และทางเดินโบราณที่มีบันไดยาวเหยียดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งใช้งานไม่ได้ตอนนี้จะ ถูกนำกลับมาใช้งาน นายตี ยาว
คณะกรรมการร่วมบริหารเขาพระวิหารบอกว่า การขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว
เพิ่มขึ้น ที่สำคัญจะช่วยให้เขาได้เลื่อนระยะเวลาการอยู่อีกนอกเหนือจากเที่ยวชมปราสาท นครวัดเพียงแห่งเดียว

ที่มา :: รัศมีกัมพูชา
แปล-เรียบเรียงโดย.. :: ศูนย์อินโดจีนศึกษา วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Rule of Law
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #119 เมื่อ: 25-06-2008, 19:23 »

งงนะครับ ผมว่าทุกกระทู้ที่ผมคุยด้วยก็ใช้เหตุผลมาคุยนะครับ คุณ เหลี่ยม+เหล่ เร่ขายชาติ [ `o` ] ว่ามันแถตรงไหนครับ
อย่างกระทู้นี้ คุณบอกว่าเราสามารถคัดค้านในที่ประชุมได้
แต่ในมุมมองของผม(ซึ่งผมก็ยกเหตุผลประกอบนะครับ) ผมมองว่าไม่มีประโยชน์ที่เราจะค้าน เพราะ

1. เขมรจดทะเบียนเฉพาะพื้นที่ของเขา (ข้อนี้ถ้าไม่ยอมรับก็เป็นอีกประเด็นที่กำลังคุยกันอยู่ครับ) และไม่ต้องการจดร่วมกับเรา
2. ระหว่างการค้านเพื่อจะขอจดร่วม ซึ่ง ณ. วันนี้ เวลานี้ เขาไม่ยอมจดร่วมกับเรา กับการให้เขาจดส่วนของเขา
แต่ในพื้นที่ทับซ้อนต้องร่วมกันบริหาร ผมว่าวิธีหลังเรา(ประเทศไทย)น่าจะได้ประโยชน์กว่านะครับ

เอาหล่ะ พูดจนเบื่อแล้ว

1. เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเขมรคนเดียว
เหตุผลกำปั้นทุบดิน - อุทยานพระวิหารจะเป็นมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท ไม่รวมบันได้+บริเวณโดยรอบ  อย่างนี้ไทยได้ประโยชน์ตรงไหน
การตีความก็คือ  โบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีเขมรเป็นเจ้าของคนเดียว อีกส่วนหนึ่งไทยเป็นเจ้าของด้วย
แล้วมันผิดตรงไหน ถ้าไทยจะปกป้องสิทธิตรงนี้  ยืนยันว่าต้องเป็นมรดกโลกร่วม

2. อ้าว แทนที่คุณจะมองว่า ถ้าเป็นมรดกโลกร่วมกันแล้วไทยจะได้ประโยชน์สูงสุด ยืนยันตรงนั้น หาทางทำให้สำเร็จ
กลับบอกว่า ให้เขาจดให้ได้ไปก่อน  แล้วไทยก็คอยเสนอแผนบริหารมรดกโลกของเขา 
อันนี้ รักชาติแต่ไม่แสดงออกเหรอ 

พอที..... 



บันทึกการเข้า

Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #120 เมื่อ: 25-06-2008, 19:55 »

งงนะครับ ผมว่าทุกกระทู้ที่ผมคุยด้วยก็ใช้เหตุผลมาคุยนะครับ คุณ เหลี่ยม+เหล่ เร่ขายชาติ [ `o` ] ว่ามันแถตรงไหนครับ
อย่างกระทู้นี้ คุณบอกว่าเราสามารถคัดค้านในที่ประชุมได้
แต่ในมุมมองของผม(ซึ่งผมก็ยกเหตุผลประกอบนะครับ) ผมมองว่าไม่มีประโยชน์ที่เราจะค้าน เพราะ

1. เขมรจดทะเบียนเฉพาะพื้นที่ของเขา (ข้อนี้ถ้าไม่ยอมรับก็เป็นอีกประเด็นที่กำลังคุยกันอยู่ครับ) และไม่ต้องการจดร่วมกับเรา
2. ระหว่างการค้านเพื่อจะขอจดร่วม ซึ่ง ณ. วันนี้ เวลานี้ เขาไม่ยอมจดร่วมกับเรา กับการให้เขาจดส่วนของเขา
แต่ในพื้นที่ทับซ้อนต้องร่วมกันบริหาร ผมว่าวิธีหลังเรา(ประเทศไทย)น่าจะได้ประโยชน์กว่านะครับ

ทั้ง 2 ข้อก็ถูกใจเขมรทั้งนั้น แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ
เพราะเราต้องการขอจดร่วม

และเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าจะไม่มีการขึ้นทะเบียน
เขมรเสียอีกที่ต้องการเรื่องนี้มากกว่าไทย
ทำไมเราต้องเอาใจเขมร แต่เขมรไม่เอาใจเราเลย? 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
นักปฏิวัติ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #121 เมื่อ: 25-06-2008, 20:10 »

นายนพดล อ้างข้อกฏหมาย ตามที่ฝ่ายกัมพูชาใช้อ้างอิง คือ Article 61 (5) แต่รัฐบาลไทย ที่ผ่านมา เราสงวนสิทธิ์ตาม Article 60 ซึ่งไม่ได้กำหนดระยะเวลา ที่จะเสนอการโต้แย้งแต่อย่างใด
   แสดงว่า นายนพดลกำลังแสดงบทบาทและท่าที เป็นทนายให้กับกัมพูชาทั้งที่ ตัวเองมีตำแหน่ง รมต.กระทรวงการต่างประเทศของไทย

1. ข้อมูลจากบางส่วนของหนังสือ “ไทยแพ้คดี เสียดินแดนให้เขมร” เขียนโดย บุญร่วม เทียมจันทร์ ประภาส เฉลยมรรค และ ศรัญญา วิชชาธรรม
       
        ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๐๕ หลังจากศาลโลกตัดสินแล้ว ๒๐ กว่าวัน รัฐบาลไทยโดย ดร.ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือไปยัง นายอูถั่น เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อประท้วงคำพิพากษาของศาลโลก โดยอ้างว่าคำพิพากษานั้นขัดต่อกฎหมายและความยุติธรรม
        นอกจากนี้ ยังสงวนสิทธิที่ประเทศไทยจะเอาปราสาทพระวิหารกลับคนมาในอนาคตด้วย

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072311


2. ข้อเสนอต่อ UNESCO ของ กัมพูชา (ฉบับเต็ม)
http://www.pressocm.gov.kh/publishing/Preah%20Vihear_English.pdf 

3. นายนพดลอ้าง ข้อกฏหมายตรงตามข้อความในหน้าที่ 6 ของข้อเสนอดังกล่าว (ดูในข้อเสนอฉบับเต็ม หน้า 6) ซึ่งยกข้อความมาเพียงบางส่วน ที่เป็นประโยชน์ต่อกัมพูชาเท่านั้น

Article 60:
The judgment is final and without appeal
.

Article 61, paragraph 5:
No application for revision may be made after the LAPSE OF TEN YEARS from the date of the judgment.

4. อ้างอิงข้อกฏหมายของศาลโลก STATUTE OF THE INTERNATIONAL COURT OF JUSTICE (ฉบับเต็ม)
 http://www.icj-cij.org/documents/index.php?p1=4&p2=2&p3=0

5. ทุกท่าน จะเห็นว่า นายนพดล อ้างข้อกฏหมาย ตามที่ฝ่ายกัมพูชาใช้อ้างอิง คือ Article 61 (5) แต่รัฐบาลไทย ที่ผ่านมา เราสงวนสิทธิ์ตาม Article 60 ซึ่งไม่ได้กำหนดระยะเวลา ที่จะเสนอการโต้แย้งแต่อย่างใด
แสดงว่า นายนพดลกำลังแสดงบทบาทและท่าที เป็นทนายให้กับกัมพูชาทั้งที่ ตัวเองมีตำแหน่ง รมต.กระทรวงการต่างประเทศของไทย

Article 60
The judgment is final and without appeal. In the event of dispute as to the meaning or scope of the judgment, the Court shall construe it upon the request of any party.


Article 61
1. An application for revision of a judgment may be made only when it is based upon the discovery of some fact of such a nature as to be a decisive factor, which fact was, when the judgment was given, unknown to the Court and also to the party claiming revision, always provided that such ignorance was not due to negligence.
2. The proceedings for revision shall be opened by a judgment of the Court expressly recording the existence of the new fact, recognizing that it has such a character as to lay the case open to revision, and declaring the application admissible on this ground.
3. The Court may require previous compliance with the terms of the judgment before it admits proceedings in revision.
4. The application for revision must be made at latest within six months of the discovery of the new fact.
5. No application for revision may be made after the lapse of ten years from the date of the judgment.

บันทึกการเข้า

"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู

"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่
ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ
ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #122 เมื่อ: 25-06-2008, 23:57 »

เอาหล่ะ พูดจนเบื่อแล้ว

1. เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเขมรคนเดียว
เหตุผลกำปั้นทุบดิน - อุทยานพระวิหารจะเป็นมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท ไม่รวมบันได้+บริเวณโดยรอบ  อย่างนี้ไทยได้ประโยชน์ตรงไหน
การตีความก็คือ  โบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีเขมรเป็นเจ้าของคนเดียว อีกส่วนหนึ่งไทยเป็นเจ้าของด้วย
แล้วมันผิดตรงไหน ถ้าไทยจะปกป้องสิทธิตรงนี้  ยืนยันว่าต้องเป็นมรดกโลกร่วม

2. อ้าว แทนที่คุณจะมองว่า ถ้าเป็นมรดกโลกร่วมกันแล้วไทยจะได้ประโยชน์สูงสุด ยืนยันตรงนั้น หาทางทำให้สำเร็จ
กลับบอกว่า ให้เขาจดให้ได้ไปก่อน  แล้วไทยก็คอยเสนอแผนบริหารมรดกโลกของเขา 
อันนี้ รักชาติแต่ไม่แสดงออกเหรอ 

พอที..... 


อย่าพึ่งพอเลยครับ คุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้ชวนทะเลาะ อย่าพึ่งเบื่่อเลย 

โบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีเขมรเป็นเจ้าของคนเดียว อีกส่วนหนึ่งไทยเป็นเจ้าของด้วย
แล้วมันผิดตรงไหน ถ้าไทยจะปกป้องสิทธิตรงนี้  ยืนยันว่าต้องเป็นมรดกโลกร่วม


จากตรงนี้ของคุณ เหลี่ยม+เหล่ เร่ขายชาติ [ `o` ] บอกแหละครับ แต่คนที่จะบอกไม่ใช่ไทย แต่ให้กรรมการมรดกโลกเป็นคนบอก
คือผมอ่านจาก web ไม่แน่ใจว่า web ไหนนะครับ แต่ข้อสรุปคือ ถ้าเขมรยื่นไปแค่ตัวปราสาท
ก็มีโอกาสสูงที่คณะกรรมการมรดกโลกจะไม่อนุมัติ เพราะมันไม่ครบองค์ประกอบ แต่จะอนุมัติทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะบางส่วนเป็นของไทย
(ถ้าจำไม่ผิดมีข้อนึงบอกไว้ว่ามรดกโลกต้องไม่รุกล้ำอธิปไตยของชาติอื่น ประมาณนี้นะครับ จำไม่ได้จริงๆ  )
ดังนั้นถ้าเขมรอยากจดทะเบียนจริง ก็ต้องมาขอไทยให้จดร่วม เพราะยื่นแค่ตัวปราสาทก็ไม่สามารถจดทะเบียนได้
 

เห็นไหมครับ ว่าไทยเราไม่ต้องไปค้านให้เขมรหาเรื่องเล่นแง่กับไทยเลย เพราะถ้ากรรมการไม่อนุมัติ เขมรก็ไม่สามารถว่าไทยได้
เพราะไทยเซ็นต์เห็นด้วยไปแล้ว (แต่เฉพาะพื้นที่ปราสาทที่เป็นของเขมรนะ  )
ดังนั้น ถ้าเขมรอยากจดจริง คราวนี้ก็เข้าทางที่เราทุกคนต้องการเลยครับ
บันทึกการเข้า
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #123 เมื่อ: 26-06-2008, 07:55 »

ประเด็นที่คุณไม่เอาพันธมารสรุปมา ถือว่าเกือบถูกแล้วครับ  

เพียงแต่คุณไม่เอาพันธมาร จำกัดมุมมองไว้เพียงระดับบุคคล
ในขณะที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนไทยบางคนยอมรับคำตัดสิน
หรือคนไทยบางคนไม่ยอมรับคำตัดสิน

..เพราะพวกเราแต่ละคนไม่มีใครเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐ..


ตรงนี้แสดงว่าคุณจียอมรับว่าตอนนี้มีความเห็นทั้ง 2 ฝ่ายใช่ไหมครับ
และทั้ง 2 ฝ่ายก็ตัดสินไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้มีอำนาจแทนรัฐ คนที่จะตัดสินใจคือรัฐบาล(ผู้มีอำนาจแทนรัฐ)


...

ดังนั้นจุดสำคัญคือ รัฐบาลไทยซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐ
ในขณะมีคำพิพากษาได้ประท้วงคำพิพากษาศาลโลกไว้

และได้ประกาศสงวนสิทธิของประเทศไทยในการเรียกร้อง
ปราสาทพระวิหารกลับคืน นั่นเท่ากับไทยได้ประกาศสิทธิ
เหนือปราสาทพระวิหาร และสิทธิดังกล่าวได้มีการสืบทอด
ต่อมาโดยมีรัฐบาลทุกชุดมาจนถึงปัจจุบัน

รัฐบาลสมัครในฐานะผู้มีอำนาจแทนรัฐในปัจจุบันซึ่งก็คือ
ผู้รับสืบทอดหน้าที่ในการรักษาสิทธิผลประโยชน์ของชาติ
แทนที่จะปฏิบัติตามภาระหน้าที่ดังกล่าว กลับดำเนินการ
สละสิทธิของประเทศไทย ที่ได้สงวนไว้มาโดยตลอด

แล้วตรงนี้รัฐบาลสมัครซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐ ได้ตัดสินใจที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลโลกฃ
แสดงว่ารัฐบาลก็มีสิทธิ และก็มีเสียงสนับสนุนจากบุคคล(อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง  ) โดยใช้เหตุและผล
ดังที่เราได้ถกกัน ไม่ได้คิดในแง่ของผลประโยชน์ทับซ้อนของทักษิณตามที่มีข่าวลือเลย


ทั้งหมดเป็นที่มาของข้อสรุปว่า..
เราไม่ควรยอมรับการกระทำของรัฐบาลสมัครในเรื่องนีี้ี้

ทั้งหมดเป็นที่มาของข้อสรุปว่า เราควรยอมรับการกระทำของรัฐบาลสมัครในเรื่องนี้


ปล. ขอย้ำว่าการประกาศสงวนสิทธิไม่เกี่ยวกับธรรมนูญศาลโลก
       แต่เราประกาศสงวนสิทธิทั้งหลาย รวมถึงที่จะมีในอนาคต
       การที่มาตรา 60 ไม่ให้เปลี่ยนคำตัดสิน จึงไม่เกี่ยวเลยครับ



ปล. ตรงนี้ขอเห็นด้วยกับคุณจะนิดนึง เพราะ ณ ธรรมนูญปัจจะบัน การประกาศสงวนสิทธิของเราไม่สามารถ
      อ้างเป็นเหตุผลเหนือมาตรา 60 และ 61 ได้ (สรุปมาตรา 60 ไม่ให้เปลี่ยนคำตัดสินนะครับ)
      และเขมรก็สร้างเหตุผลให้เราต้องตัดสินใจในตอนนี้ ดังนั้นถ้าคุณจีเป็นรัฐบาล ซึ่งต้องคิดถึงผลกระทบในทุกๆด้าน
      คุณจีจะอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารตามที่เราสงวนสิทธิ(แต่ไม่มีผลในปัจจุบันนี้) และพร้อมมีปัญหากับเขมร
      ซึ่งตรงนี้แหละที่ผมกลัว ยิ่งใกล้ช่วงเลือกตั้งเขมร เขายิ่งชอบจุึดประเด็นเรื่องรักชาติแบบบ้าคลั่ง
      กับอีกประการคือยอมรับคำตัดสิน (เพราะปัจจุบันเราต้องยอมรับ) แต่หาทางไม่ให้เขาเอาพื้นที่ทับซ้อนไปและจะต้อง
      หาประโยชน์ร่วมกัน(อยู่ในที่คุณนพดลเซ็นไป) มันไม่ดีกว่าหรือครับ

ปล2. ผมว่าเราต้องมองไปถึงเขมรด้วยว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร อย่าลืมว่ารับบาล(ผู้แทนรัฐ) ของเขาค่อนข้างไม่สนใจ
       ประเด็นความเสียหายระหว่างประเทศนัก(ดังจะเห็นได้จากกรณีกบ สุวนันท์) ซึ่งตรงนี้ผมว่าเขาแย่กว่าเรามาก
      แต่เราไม่สามารถไปวิจารณ์หรือเสนอความเห็นได้ (ก็ไม่ใช่เขมรนี่นา  )
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #124 เมื่อ: 26-06-2008, 09:22 »

ก็ต้องตอบเหมือนเดิมคือ เราก็ไม่ได้จำกัดสิทธิเอาไว้กับศาลโลก

การที่รัฐบาลไทยไปขึ้นศาลโลกเพื่อให้ศาลอำนวยความยุติธรรม
แต่ในเมื่อศาลไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมได้เราก็ย่อมมีสิทธิ
ที่จะประท้วงคำตัดสิน
พรรค ทรท.ก็เคยมีพฤติกรรมประท้วงตุลาการรัฐธรรมนูญนะครับ 

...

แต่เรื่องการปฏิบัติตามคำพิพากษาเราก็ต้องยอมปฏิบัติไปตามนั้น
เพราะเป็นไปตามกฎกติกาที่ตกลงกัน

เพียงแต่ถ้ามีโอกาสช่องทางใดๆ ที่สามารถอำนวยความยุติธรรม
เราก็ย่อมสามารถสงวนสิทธิที่จะใช้โอกาสช่องทางนั้นๆ
คำสงวนสิทธิของเราไม่ขึ้นกับอำนาจศาลโลกครับ 


ติ๊งต่างว่าเป็นอย่างที่คุณจีฯเชื่อก็แล้วกันว่าไทยสามารถสงวนสิทธิอะไรนั่นได้...ถามว่าคุณจีจะสงวนสิทธิไปถึงเมื่อไหร่?  จะใช้สิทธิในการรื้อฟื้นคดีกับใคร? และใช้ช่องทางไหนที่ถูกกฏหมายตอนนี้? รบกวนขอข้อเท็จจริงที่ปรากฏขณะนี้ ไม่เอาคำตอบแบบว่าคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในอนาคตน๊ะ เพราะไม่งั้นplotเรื่องมันจะกลายเป็นลิเกไปในที่สุด
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #125 เมื่อ: 26-06-2008, 10:53 »

ตรงนี้แสดงว่าคุณจียอมรับว่าตอนนี้มีความเห็นทั้ง 2 ฝ่ายใช่ไหมครับ
และทั้ง 2 ฝ่ายก็ตัดสินไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้มีอำนาจแทนรัฐ
คนที่จะตัดสินใจคือรัฐบาล(ผู้มีอำนาจแทนรัฐ)

แล้วตรงนี้รัฐบาลสมัครซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐ ได้ตัดสินใจที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลโลก
แสดงว่ารัฐบาลก็มีสิทธิ และก็มีเสียงสนับสนุนจากบุคคล(อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง  )
โดยใช้เหตุและผลดังที่เราได้ถกกัน ไม่ได้คิดในแง่ของผลประโยชน์ทับซ้อนของทักษิณ
ตามที่มีข่าวลือเลย

ทั้งหมดเป็นที่มาของข้อสรุปว่า เราควรยอมรับการกระทำของรัฐบาลสมัครในเรื่องนี้

คุณไม่เอาพันธมารเข้าใจถูกต้องแล้วว่า คนที่มีอำนาจตัดสินใจคือผู้มีอำนาจแทนรัฐ

แต่คุณเข้าใจผิดว่าเป็นรัฐบาลแล้วจะมีอำนาจเด็ดขาดเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐโดยอิสระ

คุณต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า รัฐบาลเป็นเพียงหนึ่งในสาม ของกลไกการใช้อำนาจรัฐ
พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจรัฐแทนประชาชนชาวไทยผ่านกลไกทั้ง 3 ซึ่งประกอบ
ไปด้วย คณะรัฐมนตรี(รัฐบาล) รัฐสภา(สภาผู้แทน+วุฒิสภา) และศาล

พึงระลึกด้วยว่าอำนาจดังกล่าวมีข้อจำกัีดตามกฎเกณฑ์ต่างๆ เช่น รัฐธรรมนูญไทย
กฎหมายระหว่างประเทศ หลักธรรมมาภิบาล ไปจนถึงขนบธรรมเนียมประเพณี


..ไม่ไช่ว่าเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด..

หากรัฐบาลละเมิดข้อจำกัดตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ก็สามารถถูกทักท้วงโดยรัฐสภา
นั่นคือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสามารถถูกฟ้องร้องดำเนินคดี นั่นคือการ
ตกเป็นจำเลยของศาลในคดีทุจริตต่างๆ

...

ตัวคุณเองก็ยืนยืนด้วยว่า ไม่ได้คิดในแง่ของผลประโยชน์ทับซ้อนของทักษิณ
ทั้งที่การประเมินพฤติกรรมใดๆ ทางการเมืองของนักการเมือง เราจะละเลย
การประเมินเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้

ความจริงต้องประเมินเป็นเรื่องแรกด้วยซ้ำ และรองลงมาค่อยประเมินในเรื่อง
การด้อยความสามารถในการบริหาร

พูดง่ายๆ ไม่มีฝีมือจะบริหารยังพอให้อภัย อาจแค่ไล่ออกจากตำแหน่งเท่านั้น
แต่ทุจริตในการบริหารต้องไล่ออกและฟ้องร้องดำเนินคดีซ้ำด้วย


ในเมื่อคุณบอกว่ายังไม่ได้คิดในแง่ผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ลองเอามาคิดด้วยครับ

...

ที่คุณไม่เอาพันธมาร สรุปว่ารัฐบาลสมัครตัดสินใจที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลโลก
คุณหมายถึงรัฐบาลสมัครยอมรับ ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาโดยสมบูรณ์
และรัฐบาลสมัครได้ยกเลิกการสงวนสิทธิ ที่เคยสงวนไว้แล้วใช่ไหมครับ?

ที่คุณบอกว่า "สนับสนุนรัฐบาลสมัคร" ผมไม่แน่ใจว่าคุณสนับสนุนในเรื่องไหน
แต่เท่าที่อ่านความเห็นคุณมา น่าจะเป็นการสนับสนุนให้ไทยยกเลิกการสงวนสิทธิ
ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 และให้กัมพูชามีสิทธิในปราสาทพระวิหารโดยสมบูรณ์
ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับว่าคุณสนับสนุนแบบนี้ .. ใช่ หรือ ไม่ใช่ ครับ? 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 11:04 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #126 เมื่อ: 26-06-2008, 11:01 »


ติ๊งต่างว่าเป็นอย่างที่คุณจีฯเชื่อก็แล้วกันว่าไทยสามารถสงวนสิทธิอะไรนั่นได้...ถามว่าคุณจีจะสงวนสิทธิไปถึงเมื่อไหร่?  จะใช้สิทธิในการรื้อฟื้นคดีกับใคร? และใช้ช่องทางไหนที่ถูกกฏหมายตอนนี้? รบกวนขอข้อเท็จจริงที่ปรากฏขณะนี้ ไม่เอาคำตอบแบบว่าคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในอนาคตน๊ะ เพราะไม่งั้นplotเรื่องมันจะกลายเป็นลิเกไปในที่สุด

สงวนสิทธิไว้ ... มีสิทธิไปตลอดกาล
ไม่สงวนสิทธิ ... หมดสิทธิตลอดกาล

คุณจะไม่เอาคำตอบเกี่ยวกับอนาคตได้ยังไง...
ในเมื่อที่พูดกันทั้งหมดหมายถึงอนาคตทั้งนั้น 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #127 เมื่อ: 26-06-2008, 15:13 »

ปล. ตรงนี้ขอเห็นด้วยกับคุณจะนิดนึง เพราะ ณ ธรรมนูญปัจจะบัน การประกาศสงวนสิทธิของเราไม่สามารถ
      อ้างเป็นเหตุผลเหนือมาตรา 60 และ 61 ได้ (สรุปมาตรา 60 ไม่ให้เปลี่ยนคำตัดสินนะครับ)
      และเขมรก็สร้างเหตุผลให้เราต้องตัดสินใจในตอนนี้ ดังนั้นถ้าคุณจีเป็นรัฐบาล ซึ่งต้องคิดถึงผลกระทบในทุกๆด้าน
      คุณจีจะอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารตามที่เราสงวนสิทธิ(แต่ไม่มีผลในปัจจุบันนี้) และพร้อมมีปัญหากับเขมร
      ซึ่งตรงนี้แหละที่ผมกลัว ยิ่งใกล้ช่วงเลือกตั้งเขมร เขายิ่งชอบจุึดประเด็นเรื่องรักชาติแบบบ้าคลั่ง
      กับอีกประการคือยอมรับคำตัดสิน (เพราะปัจจุบันเราต้องยอมรับ) แต่หาทางไม่ให้เขาเอาพื้นที่ทับซ้อนไปและจะต้อง
      หาประโยชน์ร่วมกัน(อยู่ในที่คุณนพดลเซ็นไป) มันไม่ดีกว่าหรือครับ

ปล2. ผมว่าเราต้องมองไปถึงเขมรด้วยว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร อย่าลืมว่ารับบาล(ผู้แทนรัฐ) ของเขาค่อนข้างไม่สนใจ
       ประเด็นความเสียหายระหว่างประเทศนัก(ดังจะเห็นได้จากกรณีกบ สุวนันท์) ซึ่งตรงนี้ผมว่าเขาแย่กว่าเรามาก
      แต่เราไม่สามารถไปวิจารณ์หรือเสนอความเห็นได้ (ก็ไม่ใช่เขมรนี่นา  )

คุณไม่เอาพันธมาร ยังไม่กลับมาตอบคำถาม ถ้าอย่างนั้นผมเก็บประเด็นที่ค้างใน ปล. ก็แล้วกัน 

...

ต้องเข้าใจให้ถูกว่า เขมรไม่ได้สร้างเหตุผลที่เราต้องตัดสินใจ นั่นเป็น "ข้ออ้าง" ของ รมต.นพดล
ว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจไทยจะเสียอธิปไตยให้เขมร และยังอ้างเครดิตว่าสามารถปกป้องอธิปไตยไว้ได้

ความจริงแล้ว ตามข้อบังคับ คณะกรรมการมรดกโลก ข้อ 132.1 เรื่องการพิสูจน์สถานที่ระบุไว้ว่า

"ในกรณีที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งมีเขตแดนที่ไม่ชัดเจน ประเทศข้างเคียงจะต้องลงนามให้ความยินยอม
คณะกรรมการมรดกโลกจึงจะรับพิจารณา"


ดังนั้นถ้าไทยไม่ลงนามยินยอมเสียอย่างเดียว เขมรก็ไม่มีทางดำเนินการอะไรเกี่ยวกับมรดกโลกได้
และคุณนพดลยังเอาเรื่องต้องปกป้องอธิปไตยนี้ไปให้ข้อมูลผิดๆ เช่นตามที่หม่อมอุ๋ยออกมาเปิดเผย
ว่าคุณนพดลเอาเรื่องนี้ไปทำให้นายทหารผู้ใหญ่เข้าใจผิด จนตัดสินใจสนับสนุนการลงนามให้เขมร

ส่วนเรื่องมีปัญหากับเขมร ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มนะครับ แต่เริ่มมาจากฝรั่งเศสโกงไทยก่อน
แล้วเขมรก็ฉวยโอกาสโกงตาม เรื่องมันเริ่มมาแบบนั้น และในเมื่อศาลโลกไม่ได้ตัดสินเรื่องพรมแดน
ทำไมเราต้องไปยอมเขมร ที่พยายามยึดครองพื้นที่โดยรุกล้ำพรมแดนไทย?

เรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเกี่ยวข้องกับคะแนนเสียงของพรรครัฐบาลเขมร
แต่ประเทศไทยไม่ได้มีหน้าที่ช่วยรัฐบาลเขมรหาเสียงนะครับ ยิ่งเป็นการช่วยโดยนำเอา
อธิปไตยของประเทศไปถวายให้เขมร ยิ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
ถ้ากลัวเขมรโกรธแล้วต้องตามใจเขมรทุกอย่าง ถามว่าเราต้องยอมยกประเทศให้เขมรไหม? 

...

ปล. ผมยังรอ คุณไม่เอาพันธมาร กลับมาตอบคำถามอยู่นะครับว่า ใช่ หรือ ไ่ม่ใช่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 15:20 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #128 เมื่อ: 26-06-2008, 15:21 »

คุณไม่เอาพันธมารเข้าใจถูกต้องแล้วว่า คนที่มีอำนาจตัดสินใจคือผู้มีอำนาจแทนรัฐ

แต่คุณเข้าใจผิดว่าเป็นรัฐบาลแล้วจะมีอำนาจเด็ดขาดเป็นผู้มีอำนาจแทนรัฐโดยอิสระ

คุณต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า รัฐบาลเป็นเพียงหนึ่งในสาม ของกลไกการใช้อำนาจรัฐ
พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจรัฐแทนประชาชนชาวไทยผ่านกลไกทั้ง 3 ซึ่งประกอบ
ไปด้วย คณะรัฐมนตรี(รัฐบาล) รัฐสภา(สภาผู้แทน+วุฒิสภา) และศาล

พึงระลึกด้วยว่าอำนาจดังกล่าวมีข้อจำกัีดตามกฎเกณฑ์ต่างๆ เช่น รัฐธรรมนูญไทย
กฎหมายระหว่างประเทศ หลักธรรมมาภิบาล ไปจนถึงขนบธรรมเนียมประเพณี


..ไม่ไช่ว่าเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด..

หากรัฐบาลละเมิดข้อจำกัดตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ก็สามารถถูกทักท้วงโดยรัฐสภา
นั่นคือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสามารถถูกฟ้องร้องดำเนินคดี นั่นคือการ
ตกเป็นจำเลยของศาลในคดีทุจริตต่างๆ

...

ตัวคุณเองก็ยืนยืนด้วยว่า ไม่ได้คิดในแง่ของผลประโยชน์ทับซ้อนของทักษิณ
ทั้งที่การประเมินพฤติกรรมใดๆ ทางการเมืองของนักการเมือง เราจะละเลย
การประเมินเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้

ความจริงต้องประเมินเป็นเรื่องแรกด้วยซ้ำ และรองลงมาค่อยประเมินในเรื่อง
การด้อยความสามารถในการบริหาร

พูดง่ายๆ ไม่มีฝีมือจะบริหารยังพอให้อภัย อาจแค่ไล่ออกจากตำแหน่งเท่านั้น
แต่ทุจริตในการบริหารต้องไล่ออกและฟ้องร้องดำเนินคดีซ้ำด้วย


ในเมื่อคุณบอกว่ายังไม่ได้คิดในแง่ผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ลองเอามาคิดด้วยครับ

...

ที่คุณไม่เอาพันธมาร สรุปว่ารัฐบาลสมัครตัดสินใจที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลโลก
คุณหมายถึงรัฐบาลสมัครยอมรับ ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาโดยสมบูรณ์
และรัฐบาลสมัครได้ยกเลิกการสงวนสิทธิ ที่เคยสงวนไว้แล้วใช่ไหมครับ?

ที่คุณบอกว่า "สนับสนุนรัฐบาลสมัคร" ผมไม่แน่ใจว่าคุณสนับสนุนในเรื่องไหน
แต่เท่าที่อ่านความเห็นคุณมา น่าจะเป็นการสนับสนุนให้ไทยยกเลิกการสงวนสิทธิ
ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 และให้กัมพูชามีสิทธิในปราสาทพระวิหารโดยสมบูรณ์
ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับว่าคุณสนับสนุนแบบนี้ .. ใช่ หรือ ไม่ใช่ ครับ? 

เอ่อ แล้วการตัดสินในเรื่องนี้ ย้ำนะครับไม่ใช่เรื่องการเสียดินแดน ถึงแม้มันจะเป็นการเสียดินแดน (งงไหมนี่)
ผมหมายถึงการตัดสินในการยุติการสงวนสิทธิ (เอ้ะ มานึกๆ ดูในบันทึกความเข้าใจก็ไม่ได้มีข้อไหนบอกนี่นาว่าเรายกเลิการสงวนสิทธิ)
รัฐบาลมีสิทธิตัดสินใจหรือไม่ คุณจีคิดว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิ เพราะกฏหมายข้อไหนครับ
เดี๋ยวลองดูที่ศาลปกครองที่พันธมารฟ้องดูก็ได้ครับ ประเด็นนี้น่าจะจบได้

คราวนี้ถ้าประเด็นข้างบนจบว่ารัฐบาลทำได้ เราจะทำยังไงต่อครับ จะประท้วงต่อหรือไม่
ถ้าจบว่ารัฐบาลทำไม่ได้ ฝั่งคุณจีคงจบ ฝั่งผมก็ต้องจบ เพราะศาลท่านสั่ง  

ปล. คำตอบคือ ใช่ ครับ ผมสนับสนุนให้กัมพูชามีสิทธิในปราสาทโดยสมบูรณ์ตามคำสั่งศาลโลก

แต่ช้าก่อน อย่าพึ่งมารุมถล่มผมนะ เพราะมุมมองของผม รวมถึงทุกท่านที่อายุน้อยกว่า 40
มีซักกี่คนที่คิดว่าเขาพระวิหารเป็นของไทยครับ ก็ด้วยคำตัดสิน การแสดงออก ยกเว้นกระดาษแผ่นเดียวที่เอามาพูดถึงนั่น
คุณจีกรุณาดูบริบทของรัฐไทยที่ผ่านมาตั้ง 40 กว่าปีสิครับว่าแสดงอะไรที่เป็นการบอกว่าเขาพระวิหารเป็นของเราบ้างครับ
เปรียบได้กับที่คุณจีบอกว่าพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ มันพ้นสมัยไปแล้วนั่นแหละครับ

ปล2. จะมีซักกี่่คนในนี้ที่รู้ว่ามีประกาศสงวนสิทธิในเขาพระวิหารตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องนี้ครับ เรื่องนี้มันบอกอะไรเราได้บ้างหรือไม่

บันทึกการเข้า
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #129 เมื่อ: 26-06-2008, 15:40 »


ต้องเข้าใจให้ถูกว่า เขมรไม่ได้สร้างเหตุผลที่เราต้องตัดสินใจ นั่นเป็น "ข้ออ้าง" ของ รมต.นพดล
ว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจไทยจะเสียอธิปไตยให้เขมร และยังอ้างเครดิตว่าสามารถปกป้องอธิปไตยไว้ได้

ความจริงแล้ว ตามข้อบังคับ คณะกรรมการมรดกโลก ข้อ 132.1 เรื่องการพิสูจน์สถานที่ระบุไว้ว่า

"ในกรณีที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งมีเขตแดนที่ไม่ชัดเจน ประเทศข้างเคียงจะต้องลงนามให้ความยินยอม
คณะกรรมการมรดกโลกจึงจะรับพิจารณา"


ดังนั้นถ้าไทยไม่ลงนามยินยอมเสียอย่างเดียว เขมรก็ไม่มีทางดำเนินการอะไรเกี่ยวกับมรดกโลกได้
และคุณนพดลยังเอาเรื่องต้องปกป้องอธิปไตยนี้ไปให้ข้อมูลผิดๆ เช่นตามที่หม่อมอุ๋ยออกมาเปิดเผย
ว่าคุณนพดลเอาเรื่องนี้ไปทำให้นายทหารผู้ใหญ่เข้าใจผิด จนตัดสินใจสนับสนุนการลงนามให้เขมร

ส่วนเรื่องมีปัญหากับเขมร ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มนะครับ แต่เริ่มมาจากฝรั่งเศสโกงไทยก่อน
แล้วเขมรก็ฉวยโอกาสโกงตาม เรื่องมันเริ่มมาแบบนั้น และในเมื่อศาลโลกไม่ได้ตัดสินเรื่องพรมแดน
ทำไมเราต้องไปยอมเขมร ที่พยายามยึดครองพื้นที่โดยรุกล้ำพรมแดนไทย?

เรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเกี่ยวข้องกับคะแนนเสียงของพรรครัฐบาลเขมร
แต่ประเทศไทยไม่ได้มีหน้าที่ช่วยรัฐบาลเขมรหาเสียงนะครับ ยิ่งเป็นการช่วยโดยนำเอา
อธิปไตยของประเทศไปถวายให้เขมร ยิ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
ถ้ากลัวเขมรโกรธแล้วต้องตามใจเขมรทุกอย่าง ถามว่าเราต้องยอมยกประเทศให้เขมรไหม? 

...

ปล. ผมยังรอ คุณไม่เอาพันธมาร กลับมาตอบคำถามอยู่นะครับว่า ใช่ หรือ ไ่ม่ใช่

จากตรงนี้มี 2 ประเด็นนะครับ

1. คุณจีบอกว่านั่นคือ ข้ออ้าง แต่สำหรับผมนั่นคือสิ่งที่ต้องตัดสินใจ จากประโยคของคุณจีเอง

ดังนั้นถ้าไทยไม่ลงนามยินยอมเสียอย่างเดียว เขมรก็ไม่มีทางดำเนินการอะไรเกี่ยวกับมรดกโลกได้

นี่แหละครับที่รัฐบาลไทย(โดย ครม.) ต้องตัดสินใจว่าจะลงนามหรือไม่ลงนาม เพราะมันเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เพราะรัฐบาลไม่ใช่บุคคลนะครับ ที่จะปฏิเสธได้ง่ายๆ โดยไม่สนใจอะไร เพราะฉะนั้นเราต้องคิดทั้ง 2 ทางและเลือกทางที่ไทย
ได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งในความคิดผม
      ไม่รับ -> มีปัญหาระหว่างประเทศเกิดขึ้น ไม่รู้กัมพูชาจะเล่นแง่อะไร แล้วธุรกิจ,การลงทุน,การค้าขายของคนไทยทุกคนที่เกี่ยวข้อง ถ้าเกิดปัญหาจากมาตรการตอบโต้ของกัมพูชา(ยอมรับว่ากลัวเกมส์การเมืองกัมพูชาจริงๆ เพราะเขาเล่นแรง เขาไม่สนประเด็นของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบหรอก)
       รับ -> แต่ให้มีการกำหนดในบันทึกให้จัดการพื้นที่ทับซ้อนร่วมกัน ซึ่งเราพอได้ประโยชน์บ้าง
แล้วคุณจีลองว่าข้อดีข้อเสียของการ รับกับไม่รับมาบ้างสิครับ

2. ส่วนเรื่องมีปัญหากับเขมร ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มนะครับ แต่เริ่มมาจากฝรั่งเศสโกงไทยก่อน
แล้วเขมรก็ฉวยโอกาสโกงตาม เรื่องมันเริ่มมาแบบนั้น และในเมื่อศาลโลกไม่ได้ตัดสินเรื่องพรมแดน
ทำไมเราต้องไปยอมเขมร ที่พยายามยึดครองพื้นที่โดยรุกล้ำพรมแดนไทย?


เอ่อ อธิปไตยนี่มันมีพรมแดนพระกอบด้วยนะครับ แล้วประเด็นทำไมเราต้องยอม เพราะเราไม่ใช่โจรไงครับ
เห็นที่นี่ชอบพูดบ่อยๆ ว่าการที่อีกฝ่ายทำผิด ไม่ใช่เราควรทำผิดตาม เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ผมก็เห็นตรงกับคุณจีว่าฝรั่งเศสโกง
แล้วเขมรก็โกงตาม แต่เมื่อศาลโลกตัดสิน และเราไม่ใช่โจร ไม่ใช่ประเทศยิ่งใหญ่ที่จะไม่สนคำตัดสินศาลโลก
เราก็ต้องยอมตาม ถ้าบุคคลธรรมดาจะใช้เงื่อนไขว่าเพราะมันโกง เราจึงไม่ต้องยอม มันยังพอเข้าใจเพราะเป็นเรื่องบุคคล
แต่ในระดับประเทศ ถ้าประเทศใดคิดอย่างนั้น ไม่โดนประเทศอื่นประนามหรืออย่างไร
อย่าลืมนะครับว่าปัจจุบันถึงฝรั่งเศสไม่มีอำนาจมาก แต่ก็ยังพอมีอยู่ แถมยังมีคำตัดสินของศาลโลกช่วยเสริมอีก
แล้วใครจะเข้าข้างเราในเวทีโลกครับ
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #130 เมื่อ: 26-06-2008, 15:50 »

 
กลัวเขมรขนาดนั้น เค้าก็บีบคอเอาไปหมดกันพอดี

พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ก็ต้องยกให้เค้าไป เพราะเรากลัว




เรื่องโกงระหว่างประเทศกับโกงส่วนบุคคล
ถ้าไม่ยอมรับศาลโลก
อย่างมากก็เม้งๆ กันไปมา
แต่ถ้าบุคคลไม่ยอมรับอำนาจศาลยุติธรรม ก็เข้าคุกนะครับ

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #131 เมื่อ: 26-06-2008, 16:04 »

เอ่อ แล้วการตัดสินในเรื่องนี้ ย้ำนะครับไม่ใช่เรื่องการเสียดินแดน ถึงแม้มันจะเป็นการเสียดินแดน (งงไหมนี่)
ผมหมายถึงการตัดสินในการยุติการสงวนสิทธิ (เอ้ะ มานึกๆ ดูในบันทึกความเข้าใจก็ไม่ได้มีข้อไหนบอกนี่นาว่าเรายกเลิการสงวนสิทธิ)
รัฐบาลมีสิทธิตัดสินใจหรือไม่ คุณจีคิดว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิ เพราะกฏหมายข้อไหนครับ
เดี๋ยวลองดูที่ศาลปกครองที่พันธมารฟ้องดูก็ได้ครับ ประเด็นนี้น่าจะจบได้

คราวนี้ถ้าประเด็นข้างบนจบว่ารัฐบาลทำได้ เราจะทำยังไงต่อครับ จะประท้วงต่อหรือไม่
ถ้าจบว่ารัฐบาลทำไม่ได้ ฝั่งคุณจีคงจบ ฝั่งผมก็ต้องจบ เพราะศาลท่านสั่ง  

ปล. คำตอบคือ ใช่ ครับ ผมสนับสนุนให้กัมพูชามีสิทธิในปราสาทโดยสมบูรณ์ตามคำสั่งศาลโลก

แต่ช้าก่อน อย่าพึ่งมารุมถล่มผมนะ เพราะมุมมองของผม รวมถึงทุกท่านที่อายุน้อยกว่า 40
มีซักกี่คนที่คิดว่าเขาพระวิหารเป็นของไทยครับ ก็ด้วยคำตัดสิน การแสดงออก ยกเว้นกระดาษแผ่นเดียวที่เอามาพูดถึงนั่น
คุณจีกรุณาดูบริบทของรัฐไทยที่ผ่านมาตั้ง 40 กว่าปีสิครับว่าแสดงอะไรที่เป็นการบอกว่าเขาพระวิหารเป็นของเราบ้างครับ
เปรียบได้กับที่คุณจีบอกว่าพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ มันพ้นสมัยไปแล้วนั่นแหละครับ

ปล2. จะมีซักกี่่คนในนี้ที่รู้ว่ามีประกาศสงวนสิทธิในเขาพระวิหารตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องนี้ครับ เรื่องนี้มันบอกอะไรเราได้บ้างหรือไม่

ทบทวนกันก่อนคือผมถามไว้ว่า .. "คุณไม่เอาพันธมาร สนับสนุนให้ไทยยกเลิกการสงวนสิทธิ
ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 และให้กัมพูชามีสิทธิในปราสาทพระวิหารโดยสมบูรณ์ ใช่หรือไม่?"

..และคุณไม่เอาพันธมารเลือกตอบว่า "ใช่" นะครับ.. 

...

คราวนี้เราก็มาดูว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของ รัฐบาลสมัคร และรัฐมนตรีนพดล เป็นอย่างไร

สรุปง่ายๆ คือตอนแรกก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลสมัครมีมติ ครม.ออกมา
ยอมรับแผนที่ของกัมพูชา (ในเอกสารกัมพูชาเรียกว่า "map") และให้ รมต.นพดล เป็น
ตัวแทนฝ่ายไทยไปลงนามในเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก

หลังจากนั้น รมต.นพดล มีการพูดการให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ยืนยันว่าปราสาทพระวิหาร
เป็นของประเทศกัมพูชา

ฝ่ายนายกฯ สมัคร ก็เหมือน รมต.นพดล คือยืนยันว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา


สรุปว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลสมัครยืนยันหนักแน่นว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา

...

แต่หลังจากฝ่ายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลสมัครเริ่มเกิดอาการป้อแป้
เริ่มจากแก้ไขมติ ครม. เปลี่ยนคำเรียก "แผนที่" ของกัมพูชาเป็นเรียกว่า "แผนผัง"
และยังพยายามเลี่ยงการเรียกชื่อ หนังสือสัญญา ไปใช้คำอื่นๆ แทน

หลังจากนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯสมัครกลับพูดในสภา ยืนยันการสงวนสิทธิ
ของรัฐบาลไทยในอดีต
พยายามระวังถ้อยคำไม่พูดว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร

ทำนองเดียวกัน รมต.นพดล ก็ใช้วิธีเลี่ยงไม่ให้ความเห็นของตัวเองว่าปราสาทพระวิหาร
เป็นของไทยหรือของกัมพูชา
แต่ไปอ้างเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แทน ส่วนที่เคยพูดหนักแน่น
ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา กลายเป็นไม่พูดอีกแล้ว

สรุปง่ายๆ คือรัฐบาลสมัครกลับลำ 180 องศา ไม่กล้ากล่าวยืนยันยุติการสงวนสิทธิ
ที่รัฐบาลในอดีตประกาศเหนือปราสาทพระวิหาร แต่ยืนยันว่าสิทธิยังคงอยู่ทุกประการ!!!!


...

เหตุผลมาจากอะไร... ก็มาจากรัฐบาล "ไม่มีสิทธิตัดสินใจ" ในเรื่องนี้ไงล่ะครับ

คุณถามว่าไม่มีสิทธิเพราะกฏหมายข้อไหน เรื่องนี้อยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 190
ซึ่งมีข้อความยืดยาวกว้างขวางเกินหนึ่งหน้ากระดาษเสียอีก

รัฐบาลสมัครเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจ "กลับลำ" แบบกระทันหันก่อนถูกอภิปราย

...

ที่คุณไม่เอาพันธมารตอบว่า "ใช่" ตอนนี้จึงไม่ตรงกับรัฐบาลสมัครแล้วนะครับ
เพราะเขากลับไปพูดยืนยันการสงวนสิทธิของรัฐบาลไทยในอดีตเรียบร้อยแล้ว

แต่คุณอย่าได้พยายามอ้างว่าถ้าอย่างนั้นก็จบเรื่อง เพราะความผิดได้กระทำแล้ว
และหากไ่ม่มีผู้ทักท้วงกันมากมาย ก็คงเกิดความเสียหายกับประเทศจริงๆ


หลังจากฝ่ายค้านเปิดประเด็นอภิปรายเรื่องนี้ ผมคิดว่าคณะกรรมการมรดกโลก
ก็คงตัดสินใจชลอเีรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารออกไปอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งทั้งหมดมาจากผู้คัดค้านทั้งหลายที่ร่วมกันทักท้วงอย่างเข้มแข็งชัดเจน
ในขณะที่คนไทยอีกจำนวนหนึ่งสนับสนุนยกปราสาทพระวิหารให้กับเขมร
รัฐบาลสมัครก็กลับลำไปแล้ว คุณไม่เอาพันธมารจะเปลียนคำตอบไหมครับ?  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 16:16 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #132 เมื่อ: 26-06-2008, 16:08 »

แถมอีกหน่อยถ้ากลัวเขมรโกรธ อยากจะเอาใจเขมรจริงๆ
ตอนนี้เขาอยากได้ "อ่าวไทย" ด้วยน่ะครับ

เขมรอ้างแผนที่ชุดเดียวกับที่เหมาว่าไทยยอมรับแล้ว
และมาโกงปราสาทพระวิหารจากเราไปนี่เอง
คุณไม่เอาพันธมาร คิดว่าสมควรยกให้เขมรด้วยไหม? 

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #133 เมื่อ: 26-06-2008, 16:10 »

 
คุณจีฯ ผมเห็นนพดลยังเถียงอภิสิทธิ์อยู่เลยนะครับ
ว่าไอ้ที่ไปเซ็นนั่น ไม่จำเป็นต้องเข้าสภาตาม รธน.

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #134 เมื่อ: 26-06-2008, 16:39 »

ขอตอบคคห. คุณจี แต่ขอไม่ยกทั้งหมดมานะครับ คือมันยาวแล้วชักลายตา ต้องขอโทษด้วย 

เหตุผลมาจากอะไร... ก็มาจากรัฐบาล "ไม่มีสิทธิตัดสินใจ" ในเรื่องนี้ไงล่ะครับ

ผมว่าเหตุผลไม่ใช่หรอกครับ แต่มีเหตุผลอยู่ 2 ข้อ คือ

1. เพราะคำๆนี้มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มนำไปจุดประเด็น+ใส่สีตีไข่(ไม่ได้ว่าในนี้นะครับ ในนี้เราใช้เหตุผลคุยกัน  )
ดังนั้นเพื่อลดความร้อนแรงและลดประเด็นเลยเลี่ยงที่จะพูดถึง
2. รัฐบาลไม่ใช่ "ไม่มีสิทธิตัดสินใจ" แต่ "ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจ" ยิ่งตอนนี้มีกลุ่มบางกลุ่ม(โทษทีครับจำไม่ได้ว่ากลุ่มไหน)
ที่ไปยื่น unesco หรือยื่นไปศาลปกครอง ซึ่งถามคุณจีจริงๆ ลองไปถามนักกฏหมายดูก็ได้ครับ
ว่าถ้าตอบตามกฏหมายที่มีอยู่แล้วเนี่ย ไอ้การยืนยันการสงวนสิทธิที่ประกาศไว้เมื่อเกือบ 50 ปีก่อน มันจะมีผลในตอนนี้หรือไม่ครับ

ส่วนแผนที่อ่าวไทย มันไม่เกี่ยวกันนะครับ เพราะอ่าวไทยนี่ไทยยังยืนยันพิพาทอยู่
แถมนิดนึง คุณจีคิดจริงหรือครับว่าแผนที่ที่เขมรส่งมาให้ไทยตรวจสอบ เป็น
แผนที่อนาเขต "ทั้งประเทศ" ของเขมร ไม่ใช่แผนที่เฉพาะส่วนเขาพระวิหาร 
ถ้าส่งมาแค่ส่วนเขาพระวิหาร แล้วจะมั่วนิ่มเอาทั้งหมดนี่ ผมจะไปร่วมกับคุณจีขับไล่เขมรด้วยเลย (ไปด้วยได้ป่าว  )
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #135 เมื่อ: 26-06-2008, 16:42 »


คุณจีฯ ผมเห็นนพดลยังเถียงอภิสิทธิ์อยู่เลยนะครับ
ว่าไอ้ที่ไปเซ็นนั่น ไม่จำเป็นต้องเข้าสภาตาม รธน.

ก็พยายามเลี่ยงไงครับ ว่าที่เซ็นไป "ไม่ใช่หนังสือสัญญา"

คำพูดที่เคยยืนยันหนักแน่นว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร
ก็กลายเป็นเลี่ยงไม่ออกความเห็นตัวเอง แต่ยังมั่วไปต่ออีกว่า
ถ้าไม่ยอมจะเสียอธิปไตยให้เขมร ซึ่งก็ถูกจับโกหกได้ไปแล้ว

ที่สำคัญพยายามลากคนอื่นมารับรองตัวเอง ทั้งที่ความจริง
เรื่องปราสาทพระวิหารมีลักษณะเป็นการ "ตั้งธงไว้ก่อน"

โดยไม่ได้รวบรวมข้อมูลเลยว่ามีใครคัดค้านอย่างไรบ้าง
แต่กลับกันมีหลักฐานว่าคนที่คัดค้านถูกปลดจากตำแหน่ง

และพิจารณาจากพื้นฐานการเป็นทนาย ย่อมถนัดอย่างยิ่ง
ในการเลือกตั้งคำถามให้คนอื่นต้องตอบว่า "ใช่"
แล้วคุณนพดลก็เอาคำตอบว่า "ใช่" มาใช้รับรองตัวเอง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 17:48 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #136 เมื่อ: 26-06-2008, 17:27 »

ขอตอบคคห. คุณจี แต่ขอไม่ยกทั้งหมดมานะครับ คือมันยาวแล้วชักลายตา ต้องขอโทษด้วย 

เหตุผลมาจากอะไร... ก็มาจากรัฐบาล "ไม่มีสิทธิตัดสินใจ" ในเรื่องนี้ไงล่ะครับ

ผมว่าเหตุผลไม่ใช่หรอกครับ แต่มีเหตุผลอยู่ 2 ข้อ คือ

1. เพราะคำๆนี้มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มนำไปจุดประเด็น+ใส่สีตีไข่(ไม่ได้ว่าในนี้นะครับ ในนี้เราใช้เหตุผลคุยกัน  )
ดังนั้นเพื่อลดความร้อนแรงและลดประเด็นเลยเลี่ยงที่จะพูดถึง
2. รัฐบาลไม่ใช่ "ไม่มีสิทธิตัดสินใจ" แต่ "ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจ" ยิ่งตอนนี้มีกลุ่มบางกลุ่ม(โทษทีครับจำไม่ได้ว่ากลุ่มไหน)
ที่ไปยื่น unesco หรือยื่นไปศาลปกครอง ซึ่งถามคุณจีจริงๆ ลองไปถามนักกฏหมายดูก็ได้ครับ
ว่าถ้าตอบตามกฏหมายที่มีอยู่แล้วเนี่ย ไอ้การยืนยันการสงวนสิทธิที่ประกาศไว้เมื่อเกือบ 50 ปีก่อน มันจะมีผลในตอนนี้หรือไม่ครับ

ส่วนแผนที่อ่าวไทย มันไม่เกี่ยวกันนะครับ เพราะอ่าวไทยนี่ไทยยังยืนยันพิพาทอยู่
แถมนิดนึง คุณจีคิดจริงหรือครับว่าแผนที่ที่เขมรส่งมาให้ไทยตรวจสอบ เป็น
แผนที่อนาเขต "ทั้งประเทศ" ของเขมร ไม่ใช่แผนที่เฉพาะส่วนเขาพระวิหาร 
ถ้าส่งมาแค่ส่วนเขาพระวิหาร แล้วจะมั่วนิ่มเอาทั้งหมดนี่ ผมจะไปร่วมกับคุณจีขับไล่เขมรด้วยเลย (ไปด้วยได้ป่าว  )

เรื่องแผนที่ ที่ผมอ้างถึงคือแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำโกงไว้ในตอนโน้น แล้วเขมรเอามาใช้ต่อ
นำไปเป็นหลักฐานฟ้องเอาปราสาทพระวิหาร โดยอ้างว่าโกงแล้วไทยไม่ทักท้วง

แผนที่ฝรั่งเศสทำครอบคลุมมาถึงเกาะกูด ซึ่งถ้าถือตามแนวทางคดีปราสาทพระวิหาร
เราก็ต้องยกอ่าวไทยให้เขมรไปด้วยเหมือนกัน


...

ย้อนตอบสักหน่อยในประเด็นที่ตกหล่น การที่รัฐบาลไทยประกาศสงวนสิทธิไว้เมื่อ
40 กว่าปีก่อน ยังคงมีผลตราบเท่าที่ผู้มีอำนาจรัฐ ยังไม่ได้ประกาศลบล้าง

การที่คุณไม่เอาพันธมาร ไปยกเรื่องที่ผมพูดถึง พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ไ้ว้
แล้วนำมาเทียบเคียงกับการประกาศสงวนสิทธิ โดยคุณสรุปว่าพ้นสมัยเหมือนกัน

คุณจับประเด็นที่ผมบรรยายไว้ผิดนะครับ กรณีของพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ
ที่ผมเห็นว่ารื้อฟื้นไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลาว่าเป็นเรื่องเก่าแก่ถึงรื้อฟื้นไม่ได้

แต่ประเด็นอยู่ที่ไทยได้ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ โดยถูกต้องชอบธรรม
ตามโบราณราชประเพณีในการสงครามสมัยนั้น
ซึ่งใครรบแพ้ก็จะยอมเป็นเมืองขึ้น
เหมือนกับตอนไทยเสียกรุงครั้งที่ 1 กษัตริย์ไทยก็ตกลงเป็นเมืองขึ้นพม่า

และเมื่อตอนสมเด็จพระนเรศวร ทรงกอบกู้เอกราช ก็กระทำเพราะพม่าละเมิดก่อน
โดยคิดปลงพระชนม์ สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงทำพิธีหลั่งน้ำฯ สะบั้นสัมพันธไมตรี

..จะเห็นว่าทั้งหมดที่ผ่านมา มีโบราณราชประเพณี รองรับทั้งสิ้น..

ที่ผมบอกว่าเราไม่ควรรื้อฟื้นเรื่อง พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ก็เพราะไทย
ได้ตกลงทำสนธิสัญญายกดินแดนให้เขาไปโดยถูกต้อง จึงไม่มีอะไรให้่ติดใจ
และไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลาว่าเป็นเรื่องโบราณเก่าแก่

แต่เรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นการโกงไทยชัดๆ ตามที่ได้บรรยายมาตั้งแต่ต้น
จนมาถึงปัจจุบัน ก็ยังคงตั้งหน้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

แต่หนักหนากว่าในอดีตคือรัฐบาลไทยกลับทำตัวเหมือนเป็นรัฐบาลเขมร!!!

...

ผมคงไม่เถียงกับคุณเกี่ยวกับเหตุผล 2 ข้อที่คุณยกมานะครับ เพราะคงพิสูจน์ลำบาก
แต่ความจริงคือรัฐบาลสมัครกลับลำ "ยืนยันการสงวนสิทธิเหนือปราสาทพระวิหาร"
ผมจึงถามคุณไม่เอาพันธมารว่ายังยืนยันคำตอบไหม ถ้าตอนนี้ขัดกับรัฐบาลสมัครแล้ว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 17:31 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #137 เมื่อ: 26-06-2008, 18:53 »

สงวนสิทธิไว้ ... มีสิทธิไปตลอดกาล
ไม่สงวนสิทธิ ... หมดสิทธิตลอดกาล

คุณจะไม่เอาคำตอบเกี่ยวกับอนาคตได้ยังไง...
ในเมื่อที่พูดกันทั้งหมดหมายถึงอนาคตทั้งนั้น 


สรุปชัดๆก็คือ การสงวนสิทธิ์ของคุณจีฯก็คือ ยังไม่มีกฏหมายระหว่างประเทศ/ศาลโลกใดๆมารับรองการสงวนสิทธิ์ดังกล่าว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การสงวนสิทธิ์ดังกล่าวเป็นที่รับรู้กันเฉพาะบางคนในประเทศไทย หากเป็นเช่นนี้แล้วกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศที่แล้วๆมาเกือบ50ปี...จึงเป็นสิ่งที่คุณจีและพรรคพวกไม่รับทราบและรับรองผล


อนิจจา....ผลหลงโต้กับคนเถื่อนมาตั้งนาน   เวงกำ!!
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #138 เมื่อ: 26-06-2008, 19:44 »


สรุปชัดๆก็คือ การสงวนสิทธิ์ของคุณจีฯก็คือ ยังไม่มีกฏหมายระหว่างประเทศ/ศาลโลกใดๆมารับรองการสงวนสิทธิ์ดังกล่าว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การสงวนสิทธิ์ดังกล่าวเป็นที่รับรู้กันเฉพาะบางคนในประเทศไทย หากเป็นเช่นนี้แล้วกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศที่แล้วๆมาเกือบ50ปี...จึงเป็นสิ่งที่คุณจีและพรรคพวกไม่รับทราบและรับรองผล

อนิจจา....ผลหลงโต้กับคนเถื่อนมาตั้งนาน   เวงกำ!!


เหรอครับ.. 

เห็นตอนนี้รัฐบาลสมัครก็กลับลำมารับรองการสงวนสิทธิแล้วนี่ครับ
และไม่ใช่การสงวนสิทธิของผมนะครับ แต่เป็นของประเทศไทย
คุณอะไรจ๊ะก็ไปแย้งกับรัฐบาลสมัครด้วยแล้วกัน   
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #139 เมื่อ: 26-06-2008, 20:16 »

ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ที่เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปาก แล้วตัวเองพยายามที่จะบิดเบือน

1 ศาลโลกไม่เคยมีคำตัดสินเรื่อง เส้นพรมแดนระหว่าง ไทย กับ เขมร เลย

2. ศาลโลกมีคำตัดสินให้เขมรมีสิทธิเหนือ ปราสาทพระวิหาร เท่านั้น

3. ฝรั่งเศสกับไทยมีสนธิสัญญาปักบันเขตแดน โดยใช้แนวสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรักเป็นแนวเขตแดน

สันปันน้ำคือแนวสันเขาตามธรรมชาติ เมื่อฝนตก ถ้าน้ำไหลไปด้านใดก็ให้ถือว่าเป็นดินแดนของฝ่ายนั้น

บริเวณนั้นยังไม่เคยมีการปักเขตเป็นที่แน่ชัด เพราะเขมรรู้ดีว่าตัวปราสาทตั้งอยู่ในเขตแดนของไทย

เส้นที่รํฐบาลสมัยปี 2505ขีดไว้ไม่ใช่แนวเขตแดน

สรุปตัวปราสาทเท่านั้นที่เป็นของเขมร ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย

โดยไม่ได้ไปละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเลย ถ้าทำอย่างงั้นจะได้อะไรขึ้นมา

อีกอย่างถ้า ถ้าไทยไม่ยอมให้เขมรจด เขมรก็จดไม่ได้ อันนี้เหล่บิดเบือนเห็นๆ

เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปากได้ แต่สั่งศาลปกครองไม่ได้ แล้วเรารอไปพิสูจน์ความจริงกันในศาลดีกว่า


บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #140 เมื่อ: 26-06-2008, 22:04 »

ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ที่เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปาก แล้วตัวเองพยายามที่จะบิดเบือน

1 ศาลโลกไม่เคยมีคำตัดสินเรื่อง เส้นพรมแดนระหว่าง ไทย กับ เขมร เลย

2. ศาลโลกมีคำตัดสินให้เขมรมีสิทธิเหนือ ปราสาทพระวิหาร เท่านั้น

3. ฝรั่งเศสกับไทยมีสนธิสัญญาปักบันเขตแดน โดยใช้แนวสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรักเป็นแนวเขตแดน

สันปันน้ำคือแนวสันเขาตามธรรมชาติ เมื่อฝนตก ถ้าน้ำไหลไปด้านใดก็ให้ถือว่าเป็นดินแดนของฝ่ายนั้น

บริเวณนั้นยังไม่เคยมีการปักเขตเป็นที่แน่ชัด เพราะเขมรรู้ดีว่าตัวปราสาทตั้งอยู่ในเขตแดนของไทย

เส้นที่รํฐบาลสมัยปี 2505ขีดไว้ไม่ใช่แนวเขตแดน

สรุปตัวปราสาทเท่านั้นที่เป็นของเขมร ถ้าไทยมีนโยบายแข็งกร้าวก็อาจจะสั่งให้เขมรรื้อถอนตัวปราสาทออกจากเขตไทย

โดยไม่ได้ไปละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเลย ถ้าทำอย่างงั้นจะได้อะไรขึ้นมา

อีกอย่างถ้า ถ้าไทยไม่ยอมให้เขมรจด เขมรก็จดไม่ได้ อันนี้เหล่บิดเบือนเห็นๆ

เหล่สั่งให้ทุกคนหุบปากได้ แต่สั่งศาลปกครองไม่ได้ แล้วเรารอไปพิสูจน์ความจริงกันในศาลดีกว่า

ขอบคุณมากครับ ตามที่ขอไว้ ผมจะนำไปแทรกในบทความ
ตามจุดที่พอทำได้นะครับ เพื่อให้บทความสมบูรณ์มากขึ้น
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2008, 22:12 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
-3-
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,186


« ตอบ #141 เมื่อ: 27-06-2008, 08:56 »

นี่ก็เป็น เหตุผลที่เราควรให้เขมรขึ้นมรดกโลกเสีย
เพราะ วันนี้ ตอนนี้ เขมรก็ปิดทางขึ้นอยู่ครับ  เราต้องไปเจรจากับเขมรคนเดียวเลย แล้วแต่อารมณ์มันจริงๆ
แต่ถ้ามันจดเสีย มันยังมี UNESCO เข้ามาเกี่ยวด้วย  ยังไงมันต้องเกรงใจ UNESCO ด้วย เพราะอุดหนุน เงินให้เขาพระวิหาร
คราวนี้มันจะปิดเปิดตามใจได้ไม่สะดวกแล้ว  เราไม่ชอบอะไรเราก็ร้องเรียน UNESCO ให้เขากระทุ้งให้
ทั้งหมดนี่ มันความเห็นผมเองทั้งหมดนะ มันอาจไม่ตรงตามนี้ก็ได้

ฟังให้ชัดๆ นะครับ

ถ้าเขมรจดปราสาทพระวิหารฝ่ายเดียวได้ เขาก็จะบอกว่า ก็ไทยยอมรับแล้วว่าปราสาท(และอาจจะลามไปถึงรอบๆ)เป็นของกัมพูชา แล้วไทยมีสิทธิอะไรมาสั่งให้กัมพูชาเปิดประตูทางขึ้นฝั่งไทย

แล้วยิ่งกัมพูชามีโครงการตัดถนน+กระเช้าขึ้นทางฝั่งนั้นโดยไม่ง้อทางขึ้นฝั่งเรา

ไทยจะทำอะไรได้  Question
บันทึกการเข้า



ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
dragon baby
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 379



« ตอบ #142 เมื่อ: 27-06-2008, 09:08 »

ง่ายๆ

....ศาลโลก ตัดสินว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร แต่คำตัดสินศาลโลก ไม่ได้กำหนดเขตแดนว่า แค่ไหน  เป็นเรื่องที่ไทย กับเขมรต้องตกลงกัน
หลังศาลโลกตัดสิน โดยมติครม.ไทย 2505 ก็ไปขีดเส้นเพื่อถอนทหารออกมา ไม่ใช่พรมแดนที่แท้จริง
.... เขมรต้องการนำปราสาท ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยใช้แผนผังของตัวเอง และไม่ยอมให้ไทยร่วมขึ้นทะเบียนด้วย

....  มองแบบลึกๆ มันเป็นเล่ห์กลของทางเขมร เพราะ ถ้าไทยยอม  ในอนาคต เขมรสามารถนำกรณีขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นหลักฐานในการอ้างพรมแดน ซึ่งยังไม่ได้มีการปักปันกันอย่างแท้จริงได้
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #143 เมื่อ: 27-06-2008, 09:11 »

ง่ายๆ

....ศาลโลก ตัดสินว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร แต่คำตัดสินศาลโลก ไม่ได้กำหนดเขตแดนว่า แค่ไหน  เป็นเรื่องที่ไทย กับเขมรต้องตกลงกัน
หลังศาลโลกตัดสิน โดยมติครม.ไทย 2505 ก็ไปขีดเส้นเพื่อถอนทหารออกมา ไม่ใช่พรมแดนที่แท้จริง
.... เขมรต้องการนำปราสาท ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยใช้แผนผังของตัวเอง และไม่ยอมให้ไทยร่วมขึ้นทะเบียนด้วย

....  มองแบบลึกๆ มันเป็นเล่ห์กลของทางเขมร เพราะ ถ้าไทยยอม  ในอนาคต เขมรสามารถนำกรณีขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นหลักฐานในการอ้างพรมแดน ซึ่งยังไม่ได้มีการปักปันกันอย่างแท้จริงได้

ขอเสริมว่าจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายร้อยปี
เขมรไม่เคยทำตัวให้น่าไว้ใจเลย 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #144 เมื่อ: 30-06-2008, 10:34 »

เรื่องแผนที่ ที่ผมอ้างถึงคือแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำโกงไว้ในตอนโน้น แล้วเขมรเอามาใช้ต่อ
นำไปเป็นหลักฐานฟ้องเอาปราสาทพระวิหาร โดยอ้างว่าโกงแล้วไทยไม่ทักท้วง

แผนที่ฝรั่งเศสทำครอบคลุมมาถึงเกาะกูด ซึ่งถ้าถือตามแนวทางคดีปราสาทพระวิหาร
เราก็ต้องยกอ่าวไทยให้เขมรไปด้วยเหมือนกัน

ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ ยังไม่มีการฟ้องศาลครับ ถ้าฟ้องเราก็ต้องไปต่อสู้ มันไม่เหมือนกับกรณีปราสาทพระวิหารครับ
คุณจีกรุณาเข้าใจว่าที่ผมบอกว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเพราะศาลโลกตัดสิน ไม่ใช่เราอยากยกให้
ส่วนกรณีเกาะกูด ศาลยังไม่ตัดสิน คุณจีจะรีบยกให้เขาไปทำไมครับ

...

ย้อนตอบสักหน่อยในประเด็นที่ตกหล่น การที่รัฐบาลไทยประกาศสงวนสิทธิไว้เมื่อ
40 กว่าปีก่อน ยังคงมีผลตราบเท่าที่ผู้มีอำนาจรัฐ ยังไม่ได้ประกาศลบล้าง

การที่คุณไม่เอาพันธมาร ไปยกเรื่องที่ผมพูดถึง พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ไ้ว้
แล้วนำมาเทียบเคียงกับการประกาศสงวนสิทธิ โดยคุณสรุปว่าพ้นสมัยเหมือนกัน

คุณจับประเด็นที่ผมบรรยายไว้ผิดนะครับ กรณีของพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ
ที่ผมเห็นว่ารื้อฟื้นไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลาว่าเป็นเรื่องเก่าแก่ถึงรื้อฟื้นไม่ได้

แต่ประเด็นอยู่ที่ไทยได้ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ โดยถูกต้องชอบธรรม
ตามโบราณราชประเพณีในการสงครามสมัยนั้น
ซึ่งใครรบแพ้ก็จะยอมเป็นเมืองขึ้น
เหมือนกับตอนไทยเสียกรุงครั้งที่ 1 กษัตริย์ไทยก็ตกลงเป็นเมืองขึ้นพม่า

และเมื่อตอนสมเด็จพระนเรศวร ทรงกอบกู้เอกราช ก็กระทำเพราะพม่าละเมิดก่อน
โดยคิดปลงพระชนม์ สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงทำพิธีหลั่งน้ำฯ สะบั้นสัมพันธไมตรี

..จะเห็นว่าทั้งหมดที่ผ่านมา มีโบราณราชประเพณี รองรับทั้งสิ้น..

ที่ผมบอกว่าเราไม่ควรรื้อฟื้นเรื่อง พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ก็เพราะไทย
ได้ตกลงทำสนธิสัญญายกดินแดนให้เขาไปโดยถูกต้อง จึงไม่มีอะไรให้่ติดใจ
และไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลาว่าเป็นเรื่องโบราณเก่าแก่

แต่เรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นการโกงไทยชัดๆ ตามที่ได้บรรยายมาตั้งแต่ต้น
จนมาถึงปัจจุบัน ก็ยังคงตั้งหน้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

แต่หนักหนากว่าในอดีตคือรัฐบาลไทยกลับทำตัวเหมือนเป็นรัฐบาลเขมร!!!

...

ผมคงไม่เถียงกับคุณเกี่ยวกับเหตุผล 2 ข้อที่คุณยกมานะครับ เพราะคงพิสูจน์ลำบาก
แต่ความจริงคือรัฐบาลสมัครกลับลำ "ยืนยันการสงวนสิทธิเหนือปราสาทพระวิหาร"
ผมจึงถามคุณไม่เอาพันธมารว่ายังยืนยันคำตอบไหม ถ้าตอนนี้ขัดกับรัฐบาลสมัครแล้ว 

ส่วนคำถามว่ายืนยันคำตอบไหม ผมก็ยืนยันในความคิดเห็นของผมครับ ส่วนกรณีที่รัฐบาลสมัครกลับลำ
ถ้าคุึณจีไม่มองแบบเข้าข้างตัวเองก็จะทราบว่า เป็นการกลับลำเพื่อลดกระแสสังคมที่มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มจุดอยู่
ซึ่งผมก็เคารพในการตัดสินใจของรัฐบาลครับ

ปล เหตุผล 2 ข้อนี่ มันเห็นชัดเจนไม่ใช่หรือครับ ไม่เห็นจะพิสูจน์ลำบากตรงไหน ยิ่งถ้ามองเกมการเมือง
ได้(ซึ่งผมก็เชื่อว่าคุณจีมองออกอยุ่แล้ว  ) ก็เห็นชัดเจนถึงการถอยของรัฐบาล

ปล.2 อันนี้นอกเรื่อง ผมว่ารัฐบาลถอยก็ดีไปอย่าง เพราะจะได้ดูว่าพวกพันธมารจะเล่นอะไรอีก นอกจาก
ปลุกกระแส 70:30 ให้ได้ ซึ่งอันนี้ผมสนับสนุนให้มันปลุกเยอะๆ แนวร่วมจะได้หายไปเยอะๆ
แต่พูดก็พูดเถอะ เรื่องคุมสื่อนี่พันธมารเก่งจริงๆ เพราะในหนังสือพิมพ์แทบไม่ลงเป็นหัวข้อข่าวเลย
คงกลัวว่าถ้าลงตูมแล้วจะโดนคนทั้งประเทศโห่ไล่เอา
บันทึกการเข้า
Rule of Law
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #145 เมื่อ: 30-06-2008, 12:05 »


รัฐบาลกลับลำเพื่อลดกระแส

อย่างนี้ก็เท่ากับว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของ ครม ในเกมส์การเมือง
ครม จะเปลี่ยนท่าทีก็ได้ โดยไม่สนใจหลักการที่ตนเองเคยยึดถือ สนใจแต่ผลประโยชน์เท่านั้น ใช่มั้ย

หรือจะให้แปลว่า การที่ตัดสินใจยอมรับเขมรไปนั้น ก็ไม่ได้อยู่บนความถูกต้อง
นึกจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ เหรอ?

การกระทำของรัฐบาล มันไม่ยึดตามหลักการ ไม่มีความชอบธรรม กรณีนี้เห็นชัดเลย

แต่ก็อยากรู้ ว่าคุณไม่เอาพันธมาร จะบอกว่ารัฐบาลทำถูกต้องอีกหรือเปล่า

บันทึกการเข้า

Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #146 เมื่อ: 30-06-2008, 12:24 »

รัฐบาลกลับลำเพื่อลดกระแส

อย่างนี้ก็เท่ากับว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของ ครม ในเกมส์การเมือง
ครม จะเปลี่ยนท่าทีก็ได้ โดยไม่สนใจหลักการที่ตนเองเคยยึดถือ สนใจแต่ผลประโยชน์เท่านั้น ใช่มั้ย

คุณจะมัวแต่คิดเรื่องผลประโยชน์เท่านั้นไม่ได้ครับ เพราะไม่ว่าเป็นรัฐบาลไหน ถ้าตัดสินใจทำอะไรแล้ว มันได้รับการต่อต้านมาก
ก็ต้องมีการชะลอทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลของคุณเปรม
เพียงแต่ถามคุณจริงๆ เถอะ คุณไม่เห็นหรือว่าไอ้ขบวนการต่อต้านในเรื่องนี้ มันไม่สนใจที่จะ
คุยข้อมูลเหมือนที่ผมกับคุณหลายๆ คนคุย มันเอาแต่ใส่สีตีไข่ ปลุกระดม อย่างนี้มันถูกหรือไม่


หรือจะให้แปลว่า การที่ตัดสินใจยอมรับเขมรไปนั้น ก็ไม่ได้อยู่บนความถูกต้อง
นึกจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ เหรอ?

ก็ตอนนี้เรากำลังถกกันอยู่ไงครับ ถ้าคุณอ่านจริงๆโดยไม่มีอคติ มันก็สามารถมองได้ทั้ง 2 มุม เพราะมันไม่ใช่เรื่องของความถูกต้อง
แต่มันเป็นเรื่องของผลได้-ผลเสียของประเทศ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเหตุผลของใครดีกว่า
และประชาชนจะเห็นด้วยกับฝั่งไหน แต่ไม่ใช่ให้พันมารมาใส่สีตีไข่ ปลุึกระดมอย่างทุกวันนี้
ปล. ถ้าจะถามหลักฐานการใส่สีตีไข่ ไปดูที่เว็บแมนเนเจอร์ได้เลยนะครับ มีหลายข่าวเลย


การกระทำของรัฐบาล มันไม่ยึดตามหลักการ ไม่มีความชอบธรรม กรณีนี้เห็นชัดเลย

แต่ก็อยากรู้ ว่าคุณไม่เอาพันธมาร จะบอกว่ารัฐบาลทำถูกต้องอีกหรือเปล่า


ส่วนอันสุดท้าย ก็ตอบเหมือนเดิมครับว่า ในความคิดเห็นของผม(ดังที่ได้อธิบายไปหลายความเห็นแล้ว) เห็นว่าการกระทำของรัฐบาล
มีเหตุผลที่ยอมรับได้ และการที่รัฐบาลประกาศกลับลำ(โทษเถอะ ประกาศตรงไหน แค่สมัครบอกว่าทบทวนได้แค่นั้น) ผมก็ยอมรับ
การตัดสินใจของรัฐบาล

ไม่มีรัฐบาลไหนที่สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจทุกคนหรอกครับ
บันทึกการเข้า
Rule of Law
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #147 เมื่อ: 30-06-2008, 17:04 »


คุณบอกว่า ที่เรากำลังถกเถียงกันอยู่นี่ เป็นเรื่องหลักการ

การที่รัฐบาลลงนาม MOU กับเขมร คุณก็บอกว่า ยอมรับได้ตามหลักการของคุณ

แต่พอรัฐบาลเปลี่ยนท่าที ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการของท่าทีเดิม คุณก็บอกว่ายอมรับได้อีก

สรุปว่า หลักการมันอยู่อย่างไงก็อย่างงั้น

ส่วนท่าทีของรัฐบาล จะเป็นไปตามหลักการหรือไม่ คุณก็รับได้หมด 

อย่างงี้ ไม่เรียกว่า เชียร์โดยไม่ดูหลักการ แล้วจะเรียกว่าอะไร

 
http://forum.serithai.net/index.php?topic=4414.250ถ้าสมาชิกเสรีไทยเว็บบอร์ดมัวแต่คอยตอบคำถามของคนรักทักษิณจะพลาดโอกาส


บันทึกการเข้า

Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
นักปฏิวัติ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #148 เมื่อ: 01-07-2008, 00:13 »

ขอบอกตรงๆ ผมอ่านผู้นิยมรัฐบาลหุ่นเชิด เขียนมาอ้างหลักการ อะไรต่างๆนี่
อย่าเสียเวลาตอบเลยครับ ทุกท่านรู้อยู่แก่ใจว่า รัฐบาลนี้มันแค่เครื่องมือของทักษิณ เท่านั้น
ใครไม่รู้ ก็เป็นทาสเขาเท่านั้น หรือ บางคนติดใจ charisma ของทักษิณ คือหลงนั่นเอง ส่วนคนที่รู้ ก็เป็นพวกนิยมการโกงชาติ บ้านเมือง ผมว่าปล่อยไปเถอะ
ตามพระราชบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัว
"...ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ..."

ขอแถม พุทธพจน์ที่เกี่ยวกับการพูด

"ผู้ใด สรรเสริญคนควรนินทา หรือนินทาคนควรสรรเสริญ ผู้นั้นเอาปากเก็บกาลีไว้ จะไม่ได้พบสุขเพราะกาลีนั้น"

“พึงชนะคนพูดปด ด้วยคำพูดจริง “

"คนที่ก้าวล่วงสัจธรรมอันเป็นหนึ่งเดียวเสียแล้ว พูดจามีแต่คำเท็จ ไม่คำนึงถึงปรโลก ความชั่วที่เขาจะไม่ทำ เป็นไม่มี"

"คนพาล ยังไม่ถูกผูก แต่พอพูดเรื่องใด ก็ถูกมัดตัวในเรื่องนั้น"

“อย่าดูหมิ่นความชั่วว่าเล็กน้อย คงจักไม่มีผลมาถึงตัว”

“คนโง่ กล่าวคำที่ไม่ควรกล่าว ในเหตุการณ์ทุกอย่าง ในที่ทุกสถาน”

“คนพูดไม่จริง ย่อมดิ่งลงนรก”

บันทึกการเข้า

"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู

"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่
ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ
ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
ไม่เอาพันธมาร
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #149 เมื่อ: 01-07-2008, 18:01 »

คุณพูดผิดครับ ผมไม่ไ้ด้เชียร์โดย
คุณบอกว่า ที่เรากำลังถกเถียงกันอยู่นี่ เป็นเรื่องหลักการ

การที่รัฐบาลลงนาม MOU กับเขมร คุณก็บอกว่า ยอมรับได้ตามหลักการของคุณ

แต่พอรัฐบาลเปลี่ยนท่าที ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการของท่าทีเดิม คุณก็บอกว่ายอมรับได้อีก

สรุปว่า หลักการมันอยู่อย่างไงก็อย่างงั้น

ส่วนท่าทีของรัฐบาล จะเป็นไปตามหลักการหรือไม่ คุณก็รับได้หมด 

อย่างงี้ ไม่เรียกว่า เชียร์โดยไม่ดูหลักการ แล้วจะเรียกว่าอะไร

 
http://forum.serithai.net/index.php?topic=4414.250ถ้าสมาชิกเสรีไทยเว็บบอร์ดมัวแต่คอยตอบคำถามของคนรักทักษิณจะพลาดโอกาส

ไม่ใช่เชียร์โดยไม่ดูหลักการครับ แต่กำลังค้านคนที่ค้านโดยไม่ดูเหตุผล
เพราะไอ้คนค้านหลัก เช่นพวกพันธมาร มันค้านทุกเรื่อง โยงทุกเรื่องเป็นเรื่องผลประโยชน์ของทักษิณ
แล้วก็มีคนอีกหลายคนมาให้เชียร์ให้ล้มรัฐบาลตามพันธมาร อย่างนี้ประเทศก็ไม่ไปไหนกันพอดี
พอมีคนพยายามมาอธิบาย ก็หาว่าเป็นพวกรักทักษิณ ห้ามฟัง มันหลอกทุกอย่างเพราะมันคิดไม่เหมือนเรา
แล้วประเทศจะเดินไปอย่างไรหละครับถ้าไม่ฟังความเห็น เอาแต่อคติเป็นที่ตั้ง
สงสารก็แต่ประเทศไทย ที่คนในชาติ(โดยเฉพาะพวกเสียงดัง) คิดแต่แบบนี้

ดูอย่างคุณ agent เฝ้าแต่พร่ำบอกว่า รัฐบาลนี้มันแค่เครื่องมือของทักษิณ แต่ไม่เคยคิดถึงความจริงอีกด้านว่า
ไอ้พวกพันธมาร คตส. คมช. มันก็เป็นแค่อีกกลุ่มอำนาจที่อยู่ตรงข้ามทักษิณ และมันก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะมา
ปลดเปลื้องประเทศจากระบอบทักษิณ แต่มันก็เป็นมารที่หาทางก้าวเข้าสู่อำนาจ โดยดึงประชาชน
ที่ไม่ชอบทักษิณมาเป็นเครื่องมือ แค่นั้นเอง
ผมขอบอกไว้เลยนะครับว่าถ้าผ่านไปอีกสัก 10,20 หรือ จะกี่ปีก็ตาม ถ้าคุณสามารถไล่คนที่คุณคิดว่าเป็นพวกทักษิณได้
แล้วดันมีอกีกลุ่มหนึ่ง ใช้กระบวนการแบบที่ทำดึงมวลชนบางส่วนกับสื่อบางสื่อ โหมข่าวไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

แล้วคุณจะรู้สึกว่าไอ้ิสิ่งปัจจุบันที่คุณกำลังสนนับสนุนอยู่มันเป็นการทำลายประเทศไทยอย่างแท้จริง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
    กระโดดไป: