ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
11-05-2025, 12:58
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  Thai leader visits Cambodia for cooperation on energy เหรี้ยแม้วจะฮุบเป็นของมัน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
Thai leader visits Cambodia for cooperation on energy เหรี้ยแม้วจะฮุบเป็นของมัน  (อ่าน 3128 ครั้ง)
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« เมื่อ: 23-06-2008, 21:10 »

Thai leader visits Cambodia for cooperation on energy      
MCOT (10 August 2006)

BANGKOK, Aug 10 (TNA) - Thailand's caretaker Prime Minister Thaksin Shinawatra on Thursday led an official team to neighbouring Cambodia on a mission to resolve long-standing land and ocean boundary disputes which have hindered their joint cooperation to develop energy resources in the area.

Mr. Thaksin told reporters shortly before his trip that if the two nations overcame their differences, energy development in the Gulf of Thailand would be of great mutual benefit and help the whole region due to the price of oil having become more expensive.

The Thai leader said he wanted to rush to complete all the work that has been left undone, particularly the ongoing talks regarding demarcation of land and water boundaries.

''I hope this trip will at least bring us close to what we want if an agreement has not succeeded. It would be a good sign for our bilateral cooperation,'' he said.

Mr. Thaksin said there was a high expectation that a large gas field and some oil to be found under the sea where their territories is in question.

''I want to do it quickly, or we will lose the opportunity, since energy is more expensive. We have imported it and suffered greatly from a trade deficit," he said.

The Thai leader said he would propose a new plan on how the two nations could share benefits from the energy sources, if found, by basing it on location.

The closer the location to one country's side, the higher share it would get, he said.

''We will draw it up into three zones and we will share the benefit by half in the middle zone and less in other two zones, depending on the distance from each side,'' he said.

During their last talks, the two countries could not agree on the matter of benefits sharing as Thailand offered 90:10 per cent but Cambodia wanted 60:40 per cent.

Mr. Thaksin is also expected to touch on resolution of boundary demarcation along the Thai-Cambodian land border.

''We hold two different maps and that generates the dispute,'' he said. ''I think no one from either side should be allowed to go in and live in the land under dispute. We should wait until the problem is resolved,'' he said, referring to reports that some Cambodians have already lived in some troubled spots near Sa Kaeo, Surin, and Ubon Ratchathani provinces.

The Thai leader's visit also aimed at strengthening the two countries economic relations and helping the joint promotion of tourism development.

Cambodia was said to have asked for a soft loan from Thailand to develop roads and basic infrastructure on its side of the border to promote mutually beneficial tourism to Angkor Wat.

Mr. Thaksin said Thailand would jump at the opportunity to link roads in its northeastern region to tourism routes in Cambodia's Siemriep province, and that the Thai government would encourage hoteliers to invest on the Thai side as well.

------------------- 
http://www.thaienergy.org/index.php?option=com_content&task=view&id=1348&Itemid=44

ท่านใดที่ภาษาอังกฤษแข็งแรง  ลองแปลดู   มันแสดงชัดว่า เหรี้ยแม้ว เปลี่ยนแผนมาเป็นเอามาเป็นปีะโยชน์ส่วนตนแน่นอน

บันทึกการเข้า
ขบวนการไดโนเสาร์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


« ตอบ #1 เมื่อ: 23-06-2008, 21:18 »

MCOT (10 August 2006)
พี่ครัย ข่าวนี้ตั้งแต่วันที่10สิงหาคม2549ครับพี่ครับ ตอนแม้วเป็นนายกฯรักษาการก่อนโดนปฏิวัติครับพี่ครับ
(พี่ทำไมของขึ้นครับ)
บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #2 เมื่อ: 23-06-2008, 21:21 »

http://www.ccop.or.th/epf/thailand/thailand_petroleum.html

http://www.gregcroft.com/thailand.ivnu

แผนที่บ่อแก๊สและน้ำมันในอ่าวไทยบริเวณเขตทับซ้อนกับเขมร และมาเลเซีย ( แสดงเฉพาะในเขตไทย ไม่ได้แสดงในเขตทับซ้อนซึ่งจะต้องมีติดต่อกันอีกมาก ) http://www.gregcroft.com/thailand.ivnu
และ http://www.ccop.or.th/epf/thailand/thailand_petroleum.html

อ่านแล้วขอความเห้นและความรุ้ด้วย เพื่อว่าจะได้เข้าใจเรื่องนี้
บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #3 เมื่อ: 23-06-2008, 21:26 »

MCOT (10 August 2006)
พี่ครัย ข่าวนี้ตั้งแต่วันที่10สิงหาคม2549ครับพี่ครับ ตอนแม้วเป็นนายกฯรักษาการก่อนโดนปฏิวัติครับพี่ครับ
(พี่ทำไมของขึ้นครับ)


ไอ้น้อง พี่รู้ว่า มันข่าวเก่าก่อนโดนปฏิวัติ  ถ้าไม่โดนปฏิวัติ มันคงจัดการเรื่องนี้  ลองอ่านเนื้อข่าว ซิ
มันบอกว่า จะมีผลปรธโยชน์ร่วมกัน
แต่ตอนนี้ มันจะเอาเป็นผลประโยชน์ส่วนตนหรือเปล่า

ถ้าเข้าใจผิด  ไอ้น้อง ก้บอกมา -----------------------  มันเชื่อมโยงกับปัจจุบันได้  อยู่ ๆ มาเซ็นโดยปกปิดอะไร
มันเกี่ยวกันหรือเปล่าละ

แล้วถ้าเป็นของเขมรไปแล้ว  ผลประโยชน์จะตกอยุ่กับใคร

บันทึกการเข้า
ขบวนการไดโนเสาร์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


« ตอบ #4 เมื่อ: 23-06-2008, 21:29 »

คือมันเป็นพื้นที่ทับซ้อนครับพี่ครับไทยกับเขมร
เหมือนไทยกับมาเลย์แหละ รัฐบาลคุยกันจบก็เกิดโครงการJDAไงครับ
บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #5 เมื่อ: 23-06-2008, 21:36 »

แล้วคราวนี้ รบไทย ตกลงกับ รบ เขมร ได้หรือไม่ ล่ะ
แล้วมันไปเซ็นยกให้เพื่ออะไรล่ะ  ในความเห้นของน้อง นะ

ในเมื่อไทยก็สงวนไว้ในการอ้างสิทธิ์มาตลอด

มันไม่ได้เกี่ยวกับการยกเขาพระวิหาร

แต่เมื่อมันมีผลประโยชน์ทับซ้อน ปชช ทั้งฝ่ายก็ได้ประโยชน์ตรงนั้น

แสดงว่ามันจะกลายเป็นของเหรี้ยแม้ว  เพราะมันจะลงทุนกับเขมร ใช่หรือไม่
บันทึกการเข้า
best
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 201


« ตอบ #6 เมื่อ: 23-06-2008, 21:39 »

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

พี่ความรู้สึกช้าน้อง ของพี่เพิ่งขึ้น
บันทึกการเข้า
ขบวนการไดโนเสาร์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


« ตอบ #7 เมื่อ: 23-06-2008, 21:44 »

กรำ
บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #8 เมื่อ: 23-06-2008, 21:44 »

ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในคดีปราสาทพระวิหาร
โดย...ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง สุจริตกุล

http://www.managerradio.com/Radio/webboard/Question.asp?GID=137936&Mbrowse=1

ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ผมขอแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับข่าวสารและคำวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ ที่พาดพิงถึงคดีปราสาทพระวิหารอย่างคลุมเครือ และโดยที่ผมบังเอิญมีส่วนใกล้ชิดและอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มมีปัญหาขัดแย้งอันส่งผลไปถึงข้อพิพาทซึ่งเป็นคดีความในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

ก่อนอื่น ผมขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายพื้นฐานบางประการที่อาจอำนวยความกระจ่างแจ้งแก่ประชาชนชาวไทยเกี่ยวกับสถานภาพและผลทางกฎหมายของคำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1962 ในคดีปราสาทพระวิหาร ตลอดจนปฏิบัติการและท่าทีของไทยรวมทั้งการคัดค้านคำพิพากษาและข้อสงวนซึ่งไทยได้แถลงต่อคณะกรรมการที่ 6 (กฎหมาย) ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญที่ 17 ในปีเดียวกัน

1. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศต่างกับศาลภายในในข้อที่ศาลระหว่างประเทศไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีความใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะได้รับความยินยอมจากรัฐคู่กรณี ในคดีปราสาทพระวิหาร ไทยได้คัดค้านอำนาจศาลแล้วแต่แรกเริ่ม แต่ศาลได้มีคำพิพากษาเบื้องต้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ.1961 ยืนยันอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทั้งๆ ที่ได้เคยมีการกล่าวอ้างในศาลในคดีอื่นก่อนหน้านั้นว่าคำรับอำนาจศาลถาวรของไทยฉบับแรกมิได้โอนย้ายมาใช้ในศาลยุติธรรมปัจจุบันซึ่งรับช่วงปฏิญญารับอำนาจศาลจากศาลถาวรภายใต้องค์การสันนิบาตชาติตามความในข้อ 36 วรรค 5 แห่งธรรมนูญศาลปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื่องจากไทยมิได้เป็นสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งสหประชาชาติมาแต่แรกเริ่มเมื่อ ค.ศ.1945

2.คำฟ้องของกัมพูชาระบุเฉพาะอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ มิอาจขยายให้กว้างออกไปนอกพื้นที่จนครอบคลุมเขาพระวิหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาดงรัก ฉะนั้น การกล่าวถึงข้อพิพาทในคดีว่าเป็น ‘คดีเขาพระวิหาร’ หรือ ‘คดีปราสาทเขาพระวิหาร’ จึงคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ที่ถูกต้องคือ ‘คดีปราสาทพระวิหาร’ โดยจำกัดพื้นที่เฉพาะบริเวณที่ตั้งของปราสาท

3.คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจึงจำกัดเฉพาะภายในกรอบคำร้องที่กัมพูชายื่นฟ้องโดยไม่อาจขยายพื้นที่นอกเหนือจากบริเวณที่ตั้งของปราสาท

4.ข้อ 59 แห่งธรรมนูญศาลกำหนดไว้ว่า คำพิพากษาของศาลไม่มีผลผูกมัดผู้หนึ่งผู้ใดยกเว้นคู่กรณี ได้แก่ไทยและกัมพูชา และเฉพาะส่วนที่เป็นประเด็นในข้อพิพาทเท่านั้น

ฉะนั้น คำพิพากษาจึงไม่อาจขยายไปถึงคำขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และไม่ผูกพันองค์การยูเนสโกหรือทบวงการชำนัญพิเศษอื่นๆ รวมทั้งศาลซึ่งเป็นองค์กรของสหประชาชาติและศาลระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ ศาลกฎหมายทะเล

5.คำพิพากษาของศาลไม่มีกลไกบังคับคดี ในทางปฏิบัติจึงไม่อาจนำมาบังคับคดีได้ แต่ไทยก็ได้ปฏิบัติตามโดยไม่ขัดขืนหรือละเมิดคำพิพากษา ไทยได้ถอนบุคคลากรไทยผู้ทำหน้าที่ดูแลรักษาปราสาทพระวิหาร ย้ายเสาธงชาติไทยออกมานอกพื้นที่ปราสาทพระวิหารและสร้างรั้วล้อมตัวปราสาทไว้ เป็นการถอนการครอบครองปราสาทพระวิหารตามคำพิพากษา

6.เนื่องจากไทยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา จึงไม่ยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและยื่นประท้วงคัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวและตั้งข้อสงวนไว้ โดยไทยถือว่าปราสาทพระวิหารยังอยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และจะกลับไปครอบครองปราสาทพระวิหารอีกเมื่อคำพิพากษาได้รับการพิจารณาทบทวนแก้ไขอีกครั้ง

7.ด้วยเหตุผลดังกล่าว ไทยจึงไม่สมควรเปลี่ยนท่าทีหรือยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบในระดับรัฐบาลและประชามติ

6.หากพิจารณาตามความเป็นจริงทางภูมิศาสตร์ กัมพูชาไม่อาจเข้ามาครอบครองปราสาทพระวิหารได้โดยง่าย เพราะทางขึ้นเป็นหน้าผาสูงชัน การเดินทางไปปราสาทพระวิหารของชาวกัมพูชาจึงจำเป็นต้องใช้เส้นทางที่ผ่านประเทศไทย

อย่างไรตาม ปัจจุบันปรากฏว่าไทยได้ปล่อยปละละเลยและไม่เข้มงวดในการสงวนเส้นทางซึ่งเป็นของไทย และปล่อยให้ชาวกัมพูชาผ่านไปมาได้โดยเสรี ไม่มีการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือเก็บค่าผ่านทางแต่ประการใด ฉะนั้น จึงสมควรที่จะนำมาตรการที่ถูกต้องและเหมาะสมในการเข้าออกประเทศมาใช้อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการเข้าใจผิดและถือสิทธิ์อันมิชอบ ทั้งนี้ โดยยึดหลักการปักปันเขตแดนดั้งเดิมตามเส้นสันปันน้ำซึ่งไม่มีการทับซ้อนโดยเด็ดขาด

7.คำพิพากษาของศาลในคดีนี้มิได้เป็นคำพิพากษาเอกฉันท์ เนื่องจากมีเสียงข้างมากเพียง 9 ต่อ 3 และ 7 ต่อ 5 ในบางประเด็น จึงถือได้ว่าเกือบครึ่งหนึ่งของศาลยังมีความเห็นว่าไทยสมควรมีอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร ทั้งนี้ โดยที่กฎหมายระหว่างประเทศมีการพัฒนาก้าวหน้าต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ที่ความเห็นจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ซึ่งหมายถึงคำพิพากษาแย้งที่มีเหตุผลอาจเป็นที่ยอมรับนับถือและปฏิบัติตาม

8.หากพิจารณาในภาพรวมจะเห็นได้ว่าศาลเชื่อในหลักการว่าเส้นสันปันน้ำยังคงเป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในบริเวณเทือกเขาดงรัก เส้นสันปันน้ำที่เขาพระวิหารอยู่ที่ขอบหน้าผา ฉะนั้น ถ้าจะมีการสำรวจใหม่ เส้นแบ่งเขตน่าจะเป็นเช่นเดิมโดยใช้สันปันน้ำเป็นหลัก ปราสาทพระวิหารจึงยังอยู่ในเขตแดนไทย

9.เพื่อความเข้าใจในคำพิพากษาอย่างแจ่มแจ้ง จำเป็นต้องศึกษาโดยอ่านอย่างละเอียดเริ่มแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย ในกรณีพิพาทคดีปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่หน้า 1 ถึงหน้า 146 เป็นคำพิพากษาโดยรวม ประกอบด้วยคำพิพากษาของศาล คำพิพากษาแย้งและคำพิพากษาเอกเทศ จึงจำเป็นต้องอ่านโดยตลอดจึงจะเห็นภาพรวมที่สมบูรณ์

ผมได้ตั้งข้อสังเกตข้างต้นเพื่อให้ประชาชนชาวไทยเข้าใจภูมิหลัง จุดยืนและข้อเท็จจริงตลอดจนหลักกฎหมายที่ถูกต้องในส่วนของไทย ก่อนที่จะชี้แจงหรือโต้แย้งกับฝ่ายกัมพูชาซึ่งต้องดำเนินตามข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่าปราสาทพระวิหารเป็นของไทยและอยู่ในเขตอำนาจอธิปไตยของไทย โดยที่กัมพูชาเป็นสมาชิกใหม่ของสมาคมอาเซียน จึงควรที่จะเปิดการเจรจาอย่างสันติวิธีและเที่ยงธรรมโดยอาศัยกฎหมายและข้อเท็จจริงเป็นหลัก

อนึ่ง ผมขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นคดี ‘ปราสาทพระวิหาร’ ทั้งในภาษาไทย อังกฤษและฝรั่งเศส หาใช่คดี ‘เขาพระวิหาร’ หรือ ‘ปราสาทเขาพระวิหาร’ ไม่
บันทึกการเข้า
ขบวนการไดโนเสาร์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


« ตอบ #9 เมื่อ: 23-06-2008, 21:49 »

หะแรกออกทะเล
ตอนนี้วกขึ้นเขาแร๊ะ....
บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #10 เมื่อ: 23-06-2008, 21:53 »

55555555555555555555555
โธ่  ไอ้น้อง ก้อ  แซวกันได้   

บันทึกการเข้า
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #11 เมื่อ: 24-06-2008, 08:07 »

ประเทศเพื่อนบ้านของไทย คงจะนิยมชมชอบใน "ระบอบทักษิณ" ไม่แพ้คนรากหญ้าของไทย
เพราะอยู่ดีดี ก็มีของดีไปประเคนให้ถึงที่

ตานฉ่วย แห่งพม่าคงจะงงไม่น้อยที่ทักษิณบินไปหาถึงที่พร้อมข้อเสนอให้เงินกู้ 4000 ล้านบาทโดยมี
กระทรวงการคลังของฝ่ายไทยเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้  แถมกระทรวงการคลังของไทยยังช่วยออกตังค์ค่า
ดอกเบี้ยให้บางส่วน

ลีเซียนลุง แห่งสิงคโปร์ คงจะงงไม่น้อยที่ทักษิณบินไปหาถึงที่พร้อมข้อเสนอขายดาวเทียมไทยคมพร้อม
คลื่นความถี่และวงโคจรอันเป็นสาธารณสมบัติของชาติให้

ฮุนเซ็น แห่งกัมพูชา คงจะงงไม่น้อยที่ทักษิณบินไปหาถึงที่ชวนเล่นกอล์ฟ แล้วต่อมาไอ้หมัก นายกนอมินี
ก็ยกปราสาทเขาวิหารให้ฟรีๆทั้งที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่บอกว่า "ปราสาทเชาพระวิหารเป็นของกัมพูชา"

       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2008, 08:10 โดย สมชายสายชม » บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #12 เมื่อ: 24-06-2008, 13:21 »

ยังเพิ่งพูดกับเพื่อนเลยว่า  มันทำลายครบทุกภาคเลย  ใต้ก็ขายชาติให้เทมาเสก  ตากใบเกรือเซะก็กลายเป็นสนามรบ
แต่คนใต้นี่ ไม่เอาพรรคปล้นชาติแน่นอน

ภาคเหนือ ก็ปล่อยเงินกู้ให้พม่า แต่เงินเข้าชินครอป์  ขนาดนี้ชาวเหนือยังไปยอมสยบให้ สส เหนือ

ภาคอีสาน ก็ทุบพนมรุ้ง คราวนี้ก็ขายพระวิหารให้เขมร  ชาวอีสานคราวนี้จะเจ็บใจจนตัดขาดพวก สส  พรรคปล้นชาติหรือไม่

เห็นเมื่อเช้า ได้ยิน  คุณอัญชลี  พูดว่า  สส อีสานในพรรคปล้นชาติยื่นข้อเสนอ

งานนี้จะได้รู้ว่า คนอีสานจะยอมสยบหรือไม่

มีข่าวเนวินทำไสบศาสตร์เอาน้ำล้างเท้าให้แม้วกับเมียกิน  ถ้าจริงก็อาจตายเพราะโรคเท้าเปื่อย หรือโรคเท้าเช้าที่สองผัวเมียกินเข้าไป



บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #13 เมื่อ: 24-06-2008, 13:24 »

แล้วคราวนี้ รบไทย ตกลงกับ รบ เขมร ได้หรือไม่ ล่ะ
แล้วมันไปเซ็นยกให้เพื่ออะไรล่ะ  ในความเห้นของน้อง นะ

ในเมื่อไทยก็สงวนไว้ในการอ้างสิทธิ์มาตลอด

มันไม่ได้เกี่ยวกับการยกเขาพระวิหาร

แต่เมื่อมันมีผลประโยชน์ทับซ้อน ปชช ทั้งฝ่ายก็ได้ประโยชน์ตรงนั้น

แสดงว่ามันจะกลายเป็นของเหรี้ยแม้ว  เพราะมันจะลงทุนกับเขมร ใช่หรือไม่



ปลุกกระแส อารมณ์คลั่งชาติอย่างไร้เหตุผล กรณี 'เขาพระวิหาร' ประวัติศาสตร์จักจารึกนามท่านว่า...


โดย คุณ ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
ที่มา เวบไซต์ ประชาไท
23 มิถุนายน 2551

การไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรอบใหม่ กว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นับได้ว่า มาถึงจุดที่เลอะเทอะ และสะท้อนการอับจนปัญญาของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะการเอาเรื่องเขาพระวิหารมาเล่น อันเป็นประเด็นเกี่ยวกับเขตแดนหรือ ‘ชาติ’ โดยตรง

เรื่องเขาพระวิหาร เด็กรุ่นใหม่ๆ ต่างรับรู้เป็นอย่างดีว่า “ปราสาทเป็นของกัมพูชา ทางขึ้นเป็นของไทย” และรู้กระทั่งว่า ไทยเสียเขาพระวิหาร อันเนื่องมาจากการพิพาท และการยอมยุติข้อพิพาทด้วยเวทีศาลโลก ด้วยหลักฐาน การอ้างอิง และการชั่งตวงวัดน้ำหนักต่างๆ ซึ่งหมายความว่า โลกทั้งใบนี้ รับรู้ข้อยุติตามนั้น

เอาเป็นว่า เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชานั้นเป็น ‘ข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยุติ’ ที่ยากจะเถียง ส่วนพื้นที่ทับซ้อน ก็คือพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งหมายความว่า จะต้องเจรจาตกลงกันต่อไประหว่างไทยกับกัมพูชา

จริงเรื่องเขตแดนนั้น ต้องถือว่า กองทัพไทยเป็นเจ้าของประเด็นนี้โดยตรง การขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ออกมานั่งแถลงเองว่า เป็นแต่เพื่ยงเฉพาะตัวปราสาท (ตัวปราสาทซึ่งเราเองก็รับแล้วว่าเป็นของเขา คนไทยส่วนใหญ่ก็รับรู้เรื่องนี้)ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน แล้วกลุ่มพันธมิตรฯ กำลังเล่นอะไรกันอยู่

ต่อให้ใช้ประเด็นนี้ไล่รัฐบาลได้สำเร็จ เราก็หนี ‘ข้อเท็จจริง’ ไปไม่ได้ ประเด็นนี้ จึงเป็นประเด็นเพื่อปลุกกระแส และอารมณ์คลั่งชาติอย่างไร้เหตุผลที่สุด สะเทือนความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างที่สุด เพราะจินตนาการไปทางไหน ก็ไม่มีทางได้เขาพระวิหารมาเป็นของไทยได้

เมื่อข้อเท็จจริงว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา พื้นที่ทับซ้อนก็ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน อะไรที่มันเคยเป็น ก็เป็นอยู่อย่างนั้น แล้วจะมีประเด็นเรื่อง ใครจะไปแลกประโยชน์ด้วยการอ้างจากเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะกัมพูชาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะเขาขอปราสาทของเขาเอง เป็นมรดกโลกไม่ใช่ปราสาทของเรา

อันที่จริง จินตนาการไปทางไหน กัมพูชาก็ต้องเป็นเพื่อนบ้านของเรา จินตนาการตรงไหน เขาพระวิหารก็ต้องอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครยกไปไหนได้ การไม่ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ก็ทำให้ใช้ประโยชน์จากเขาพระวิหารได้ทั้งสองฝ่าย (โดยที่เราไม่ต้องดูแลรักษา)

พูดง่ายๆ ไม่ใช่ของเรา แต่เราใช้ประโยชน์ได้ ตรงกันข้าม ยิ่งหยิบเรื่องนี้มาเล่น ต่อให้ไล่รัฐบาลได้ เราเองก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ไป แม้กระทั่งเหยียบบันไดขั้นแรกของตัวปราสาทเขาพระวิหารด้วยซ้ำ แล้วจะเป็นของเราได้อย่างไร พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้คิดว่าเป็นของเรา เราก็อาจจะใช้ประโยชน์ไม่ได้

การหยิบประเด็นอันไร้เหตุผลนี้มา จึงสะท้อนว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เอง อับจนปัญญาอย่างที่สุด ที่จะหาจุดอ่อนของรัฐบาลมาเป็นจุดขาย (ทั้งๆ ที่มีจุดอ่อนมากมาย ที่แม้จะ ‘ขาย’ ไม่ได้แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชน) จึงเลือกที่จะเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน และการลงเอยของอารมณ์ความรู้สึก มันก็อาจจะจบลง เหมือนที่นักการเมืองในกัมพูชาเคยเอาประเด็นดาราไทยไปบิด เพื่อปลุกกระแสคลั่งชาติ จนกระทั่งบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชามาแล้ว

น่าสงสัยว่า ธงของกลุ่มพันธมิตรฯ คืออะไร หลังจากที่ประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกกัน และมีสัญญาณห้ามอย่างชัดเจนจากทุกฝ่ายมาแล้ว มาบัดนี้ มาเปิดประเด็นว่าด้วยเรื่อง ‘ชาติ’ อย่างไร้เหตุผล และจงใจปั่นที่อารมณ์ความรู้สึก ใช่หรือไม่ ที่ยังคงเป้าหมายไว้ที่การจลาจล และใช้ประชาชนที่นิยมตนเป็นเหยื่อ

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ใช่หรือไม่ ที่ความขลาดเขลาของคนไม่กี่คน เกิดขึ้นจากการไม่ชอบหน้านักการเมือง ไม่เชื่อมั่นนักการเมือง และไม่เชื่อมั่นในรัฐธรรมนูญ กฎกติกา กลไก และการตรวจสอบใดๆ อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวเองมีส่วนสร้างมากับมือ

ใช่หรือไม่ว่า ความขลาดเขลาของคนไม่กี่คน เกิดขึ้นจากความกลัวว่า ‘เขา’ จะเอาคืน จนหลงลืมว่า ตนเคยเป็นคนมีเหตุมีผลอย่างไร กระทั่งทำให้ต้องเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด โดยเอาชีวิตประชาชนมาเดิมพัน

มนุษย์ต้องมีจินตนาการ และผมยังฝัน ฝันว่า คนบางคนในกลุ่มพันธมิตรฯ จะเรียกร้องความกล้าครั้งสุดท้ายในชีวิตเพื่อให้คนได้จดจำความกล้าของเขา ด้วยการเดินลงจากหลังเสือ

ไม่เช่นนั้น หากเหตุการณ์ในวันข้างหน้าบานปลาย กลายเป็นการจลาจล เกิดความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายไหน ไม่ว่าใครจะกระทำ ไม่ว่าใครจะผิด นอกจากรัฐบาลที่ผิด และต้องรับผิดชอบแล้ว คนที่ ‘ปั่น’ เหล่านี้ ก็หนีความรับผิดชอบ และการถูกตราหน้าว่า ‘มือเปื้อนเลือด’ ไปไม่พ้นจนชั่วลูกชั่วหลาน
บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #14 เมื่อ: 24-06-2008, 14:03 »

 การเมือง

บันทึกหน้า 4...เพลิงทัศน์

24 มิถุนายน 2551    กองบรรณาธิการ

ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา

      แม้จะเป็นมือใหม่ในรัฐสภา  แต่ยิงหมัดฮุกเข้าใส่ สมัคร สุนทรเวช จนต้องกระ***นกระหือรือ ลุกขึ้นชี้แจงทันที 
โดยเฉพาะ 2 คำถามว่าด้วยเรื่อง "เขาพระวิหาร"   หนึ่ง   คณะรัฐมนตรีชุดนี้สละสิทธิ์ที่จะรื้อฟื้นคดีพิพาทปราสาทพระวิหาร  อันเป็นสิทธิที่ประเทศไทยได้ยื่นร้องต่อศาลโลก   เมื่อปี   2505   หลังคำพิพากษาใช่หรือไม่ใช่   

คำถามที่สอง คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของท่าน   รับรองแผนที่และรับรองการขึ้นทะเบียนมรดกโลก
ถือเป็นการสละสิทธิ์ที่เราได้สงวนสิทธิ์ดังกล่าวเอาไว้เมื่อปี   2505   ใช่หรือไม่ใช่   "คำนูณ"   ทิ้งท้ายว่า  "ท่านกรุณาตอบให้ได้นะครับในประเด็นนี้ เรื่องอื่นไม่ต้องตอบผมก็ได้"...๐ 

มาดูคำตอบของนายสมัคร   "เขาพระวิหารพยายามจะตีความกัน   ก็ศาลโลกเขาตัดสินว่าเป็นของกัมพูชา ก็ข้อเท็จริงปรากฏอยู่   บนตัวปราสาทก็ธงของกัมพูชาที่เขาปักอยู่   การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปลงนามก็กัมพูชาเขาจะขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท   ไม่เกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบ แต่มีการไปปลุกระดมกันให้รัฐบาลถูกเกลียดชัง"   นี่แหละลีลาของนักการเมืองรุ่นลายครามอย่างนายสมัคร 
พลิ้วลื่นไหลไปได้แบบน้ำขุ่นๆ  เขาถามช้างดันตอบม้าไปซะงั้น...๐ 

หากใช้ตรรกะเดียวกันกับคำตอบของนายสมัครชี้แจงในกรณีปัญหาดังกล่าว ก็ต้องย้อนถามกลับไปว่าตั้งแต่ปี  2505
หลังคำพิพากษาให้ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร เป็นเวลา 46 ปีแล้วนั้น มีรัฐบาลชุดไหนบ้างสละสิทธิ์ที่จะรื้อฟื้นคดีพิพาทปราสาทพระวิหาร แล้วรองรับแผนที่ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้ตกเป็นของเขมร ถ้าไม่ใช่  "รัฐบาลสมัคร"  กระ***นกระหือรือผ่านบทบาทของ  นพดล  ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ   อดีตทนายครอบครัว  พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร 
ผู้ซึ่งสนิทสนมกับ  "สมเด็จฮุน เซน" นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา...๐ 

จะด้วยเหตุบังเอิญหรือตั้งใจก็หาทราบได้  แต่การเซ็นรับรองของนายนพดลเมื่อวันที่  18 มิถุนายน ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของเขมรนั้น ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ภายในประเทศกัมพูชา  ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้  ว่ากันว่ารัฐบาลสมเด็จฮุน  เซน  จะนำเรื่องดังกล่าวแปลงสภาพเป็นผลงานชิ้นโบแดงใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง  เพราะ  "เลือดรักชาติ" ของคนเขมรก็มีไม่น้อยกว่าคนไทย   ดังนั้นผลประโยชน์เฉพาะหน้าจะตกเป็นของผู้นำเขมร   ผู้ซึ่งสนิมสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ  ส่วนประเทศไทยล่ะจะได้อะไรกับการเซ็นรับรองดังกล่าว ยังมองไม่เห็นประโยชน์สักข้อเดียว   จะเห็นก็แต่พฤติกรรมกระ***นกระหือรือของใครบางคน ซึ่งส่อเจตนาเฮงซวย จนสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนไปทั่วทุกหัวระแหง...๐ 

น่าสนใจว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารนี้ จะทำให้สังคมกระจ่างชัดต่อผลที่เกิดขึ้น และเจตนาของรัฐบาลและนายนพดลที่เซ็นรับรองปราสาทพระวิหารให้ตกเป็นของเขมรได้อย่างไร  และที่น่าสนใจมากกว่าก็คือ  5   พรรคร่วมรัฐบาล   ชาติไทย,  เพื่อแผ่นดิน,  รวมใจไทยชาติพัฒนา,  มัชฌิมาธิปไตย,  ประชาราช   จะมีปฏิกิริยาออกมาอย่างไรหลังเสร็จสิ้นการอภิปราย...๐   

ส่งท้ายด้วย   "ลูกพ่อขุน" โดยเฉพาะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่าง   "แจ๊ค"   วัชระ   เพชรทอง   กับ   "ตู่"   จตุพร พรหมพันธุ์   วันก่อน   "แจ๊ค"   ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ   แล้วแจกเบอร์โทร.  "ตู่"  ให้กับผู้ร่วมชุมนุม   วิธีการแบบนี้ต้องบอกว่าเป็นการต่อสู้ที่ไม่   "แฟร์"  กับฝ่ายตรงข้าม 
"จตุพร"  บอกว่า "วันนี้มันเลยเถิดก็คือว่า   ได้มีการข่มขู่เล่นงานลูกสาวของผม   ที่ยังเป็นเด็กกำลังเรียนหนังสืออยู่   เตือนให้ระวังลูกสาวว่าจะเกิดอันตราย   ผมมีเบอร์โทรศัพท์หมดแล้วจะไปร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   เพราะถือว่าคุกคาม  และไม่ได้ใช้วิธีของคนที่ผมเรียกว่าหน้าตัวผู้เขาทำกัน   คือถ้าไม่ชอบผมก็ต่อสู้ใช้วิธีการวิจารณ์มา ผมก็วิจารณ์ไป เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย"...๐ 

อย่างไรก็ตาม   "ตู่   จตุพร"   ก็ต้องกลับมาถามตัวเองในฐานะที่เคยต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภา'35   วันนี้ได้ใช้วิธีการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม  อย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  ด้วยเหตุด้วยผลภายใต้ระบอบประชาธิปไตยหรือไม่   หรือใช้วิธีเสมือนเสี้ยมรายวัน  ให้ผู้มีอำนาจออกคำสั่งสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ แบบนี้นอกจากจะไม่ "แฟร์" แล้วยัง "สามานย์" ยิ่งนัก...๐

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=24/Jun/2551&news_id=160227&cat_id=500

ถ้ามองว่าเป็นการปลุกระดมด้วยกระแสคลั่งชาติ ก็ต้องเรียกว่า  จิตใจตกต่ำมาก

ทำไมต้องเสียผลประโยชน์ชาติให้กับกลุ่มคนกลุ่มเดิม คือ พรรคปล้้นชาติหรือเหรี้ยแม้ว
เหมือนกับคำถามว่า  ทำไมต้องเสียดาวเทียมให้เทมาเส็ก
ทำไมต้องเอาเงินงบประมาณของชาติไปให้พม่ากู้
 ทำไมเราต้องเสียอะไรไปตั้งมากมาย เพื่อให้คนกลุ่มหนึ่งร่ำรวยขึ้นมากอบโกยผลประโยชน์จากเพื่อนร่วมชาติ

ถ้าคนไทยรักชาติ แล้วรักษาผลประโยชน์ขงอชาติไว่ได้แล้วล่ะก็     รักเธอประเทศไทย
สู้มัน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  พี่น้องชาวไทย

ข่าวบทเวที พธม  ถอนวาระ  เขาพระวิหาร  อ้างกลัวเขมรฮุบ

ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา    คนอีสาน ขอให้คลั่งชาติมาก ๆๆๆๆ  เพื่อรักษาเขาพระวิหาร
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: