ร่างระเบียบคุ้มครองตัวเองทำไมหรือพี่หนา ณ กกต.?

หลังจากที่ศาลยุติธรรมมีมติว่า “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดนี้หมดความชอบธรรมที่จะทำงานต่อไปแล้ว” ไม่น่าเชื่อครับว่า กกต.จะสดคำว่า “ผิดชอบชั่วดีไม่ออก”
ยังคงตะแบงว่า “ขอสะสางคดีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งก่อน” นอกจากนี้พี่หนายังคงตะแบงไม่เลิกว่า “กกต.ชุดนี้ทำหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ”
ไม่ทราบว่า ทุกวันนี้พี่หนายังคงนอนหลับปกติสุขดีทั้งๆที่ผ่านมา พี่หนาปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางใจท่านเหลี่ยมตลอดเวลา หลายฝ่ายจะออกมาวิพากษ์แค่ไหนอย่างไรก็ไม่สนใจคอยแต่เอาหน้าหนาๆออกหน้ารับแทนท่านเหลี่ยมทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
ไม่น่าเชื่อครับว่า ช่วงที่บ้านเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อ กกต.กลับคิดจะออกร่างคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของตนเองเหมือนกับมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าครับ
ร่างระเบียบเต็มๆมีดังนี้ครับ (ข้อมูลจากมติชนรายวัน 2 มิถุนายน 2549 หน้า 15)

ร่างระเบียบ กกต.คุ้มครองผู้ถูกดำเนินคดีหลังพ้นตำแหน่ง

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก และค่าพาหนะของอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด อดีตกรรมการหรืออนุกรรมการอื่น อดีตพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและบุคคลผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง พ.ศ.........
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง และค่าเช่าที่พักของบุคคลผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง พ.ศ.2546 ให้ครอบคลุมถึงอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด อดีตกรรมการหรืออนุกรรมการอื่น อดีตพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมทั้งบุคคลภายนอกผู้มิใช่พนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ได้สนับสนุนการเลือกตั้ง ซึ่งถูกกล่าวหาหรือถูกฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และต้องเดินทางไปให้การในฐานะพยานหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยไม่ว่าในขั้นตอนใดของกระบวนการยุติธรรม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 และมาตรา 27(5) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 ประกอบมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ ......./......เมื่อวันที่.......... คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก และค่าพาหนะของอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอดีตกรรมการหรืออนุกรรมการอื่น อดีตพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและบุคคลผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง พ.ศ. ..."
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง และค่าเช่าที่พักของบุคคลผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง พ.ศ.2546
ข้อ 4 ในระเบียบนี้
"อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง" หมายความว่า ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการเลือกตั้งหรือกรรมการการเลือกตั้ง
"อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด" หมายความว่า ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการเลือกตั้ง
"อดีตพนักงานหรือลูกจ้าง" หมายความว่า ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
"บุคคลผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง" หมายความว่า
(1) บุคคลอื่นที่มิใช่พนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งหรือสั่ง หรือมอบหมายให้ปฏิบัติเพื่อการต่อไปนี้
ก. ให้ถ้อยคำ หรือชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือการดำเนินคดี
ข. เป็นพยานตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือเป็นพยานที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้ไปเป็นพยานศาลให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยที่ผู้นั้นไม่ใช่พยานตามหมายเรียกของศาล
(2) บุคคลอื่นที่ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ข้อ 5 อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอดีตกรรมการหรืออนุกรรมการอื่น หรืออดีตพนักงานหรือลูกจ้าง หรือบุคคลผู้สนับสนุนการเลือกตั้งผู้ใดประสงค์จะขอเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก หรือค่าพาหนะ ให้ทำคำขอตามแบบที่กำหนดไว้ท้ายระเบียบนี้
ข้อ 6 ในกรณีอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด อดีตกรรมการหรืออนุกรรมการอื่น หรืออดีตพนักงานหรือลูกจ้างตามข้อ 4 ซึ่งถูกกล่าวหาหรือถูกฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และต้องเดินทางไปให้การในฐานะพยานหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยไม่ว่าในขั้นตอนใดของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งรวมทั้งการเดินทางไปทบทวนเตรียมคดีตามนัดหมายของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ ให้มีสิทธิเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก และค่าพาหนะในอัตราเท่ากับที่เคยดำรงตำแหน่งสุดท้ายในการปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประธานกรรมการและกรรมการ หรือระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานแล้วแต่กรณี
ข้อ 7 บุคคลผู้สนับสนุนการเลือกตั้งตามข้อ 4(2) จะได้รับค่าใช้จ่ายตามอัตรา ดังนี้
(1) ค่าเบี้ยเลี้ยง ไม่เกินวันละ 200 บาทต่อคน
(2) ค่าที่พักในลักษณะเหมาจ่าย 500 บาทต่อวัน หรือเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อวัน
(3) ค่าพาหนะเท่าที่จ่ายจริง แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกินอัตราค่าโดยสารรถยนต์ประจำทางปรับอากาศ หรือค่าโดยสารรถไฟ ชั้น 2 หรือกรณีที่นำรถยนต์ส่วนตัวเดินทางให้ได้รับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตรากิโลเมตรละ 3 บาท
ในกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้จัดยานพาหนะ อาหาร และที่พักให้แล้วให้งดเบิกค่าใช้จ่ายตาม (1)-(3) หรือกรณีที่ได้รับจากที่อื่นแล้วให้งดเบิก
ข้อ 8 ให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้

ประกาศ ณ วันที่ .....เดือน.......พ.ศ. ....
พลตำรวจเอก
(วาสนา เพิ่มลาภ)
ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรครับ ผมนึกไม่ถึงว่า พี่หนาของเรานอกจากจะหนาแล้วยังด้านไม่แพ้ท่านเหลี่ยมจัดไม่มีผิดเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในช่วงคับขันร่างระเบียบขึ้นมาเพื่อกินเบี้ยเลี้ยงรายวันไม่เกิน 200 บาทต่อคน ค่าที่พักในลักษณะเหมาจ่าย 500 บาทต่อวัน หรือเทาที่จ่ายแต่ไม่เกิน 1000 บาทต่อวันรวมทั้งค่าพาหนะอีก
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากร่างระเบียบนี้ไปเต็มๆก็คือ อดีต กกต.ตาม (ข้อ 1) แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ (ข้อ 2) ระบุชัดเจนว่ามีผลบังคับใช้ในวันถัดไปหลังจากวันประกาศเป็นต้นไป และตามข้อ (5)
ไม่ทราบว่า กกต.โดยเฉพาะพี่หนาคิดอะไรอยู่ครับกำลังคิดจะหาเบี้ยเลี้ยงให้ตัวเองและพวกพ้องยามตกงานหรือครับ ไม่ต้องห่วงหรอกครับยังไงพี่หนาก็ได้รับความดีความชอบจากพรรคไทยลักไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วกรุณาไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยลักไทยอย่างเต็มตัวดีกว่าครับ อย่าทำตัวเป็นอีแอบอาศัยตำแหน่งในองค์กรอิสระช่วยเหลือรัฐบาลแบบหน้าด้านอีกเลยครับ
และก่อนที่จะลาออกหรือกลายเป็นอดีต กกต.กรุณาจ่าย 2.2 พันล้านบาทคืนประชาชนด้วย อย่าลืมโจทย์ข้อยใหญ่ที่พี่หนาจะลืมไม่ได้ครับ อย่าลืมไปให้การกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินในกรณีเบิกจ่ายงบประมาณมิชอบช่วงเลือกตั้งด้วยล่ะครับ
หากพี่หนาและคณะตอบไม่ได้กรุณาลาออกจะดีกว่าครับอยู่ไปก็เสียเกียรติเปล่าๆ