ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2025, 14:03
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เบื้องหลัง การบุกทำเนียบในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
เบื้องหลัง การบุกทำเนียบในวันที่ 20 มิถุนายน 2551  (อ่าน 50212 ครั้ง)
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #150 เมื่อ: 22-06-2008, 23:57 »

ต่อเลยครับ ผมเห็นจุดผิดพลาดหลายเรื่องแล้ว

เดี๋ยวจะได้มาเก็บเป็นข้อ ๆ เลย
บันทึกการเข้า
333Unit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


Don't belive what U see.But,Belive what it be.


เว็บไซต์
« ตอบ #151 เมื่อ: 23-06-2008, 00:13 »

ทำไมจึงเรียกว่า " คนละเรื่องเดียวกัน " นั่นก็เพราะว่า ทุกกลุ่มต่างมีเป้าหมายเดียวกันทั้งสิ้น (ข้อพิสูจน์..จากคำประกาศเจตนารมย์ของ 5 แกนนำพันธมิตร และพิธีกร รวมทั้งผู้ได้รับเชิญให้ปราศัยทุกคน) ต่างประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่า "..... นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการการเมืองไทยถอนรากถอนโคน" แต่ที่แปลก ไม่มีแกนนำคนไหนอธิบายให้ละเอียดแบบ ชัด ชัด เลยว่า จะเปลี่ยนแบบไปเป็นแบบไหน ลักษณะอย่างไร ? การอธิบายเป็นไปอย่างคลุมเคลือ

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คลุมเคลือนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่บ่งบอกเจตนาที่แฝงลึกว่า...ทำไมไม่กล้าบอกประชาชนไปเสียเลย ว่าคืออะไร และจะให้ทำอะไร ต่อไป...." นอกจากจะกระตุ้นให้คนมารวมกันให้มากที่สุด แม้กระทั่งอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ก็ให้จัดหน่วยขึ้นมา คำถามคือ เพื่ออะไร ?

คำตอบ คือ มวลชน เพราะสิ่งที่กลุ่มคนส่วนหนึ่งรวมถึงพันธมิตร มีหน้าที่ปลุกระดมคน ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่สนธิเรียกว่า "สงครามครั้งสุดท้าย " นั่นแหละ เพราะนี่คือการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ที่ต้องใช้พลังคนจำนวนมหาศาล จึงจะสามารถทำได้ ดังนั้นเงื่อนไขจึงถูกสร้างให้สามารถกระตุ้นคนออกมาบนถนนให้ได้มากที่สุด มันเป็นลักษณะของ " ข้อสอบรั่ว " ที่กลุ่มพันธมิตรและเหล่าสหายรวมทั้งเครือข่ายโยงใยอื่นรออยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่นายนพดลจะปล่อยเรื่องสำคัญนี้ให้รั่วจนถึงหูพันธมิตร และก็ไม่มีวันที่นายนพดล จะแถลงแบบกวนโอ๊ย ให้คนหมั่นไส้ อย่างนั้นแน่  

เขาเอามวลชนมาทำอะไร ?  ตอบ :: เอามาเพื่อเป็นข้ออ้างในความชอบธรรมที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองไทย (ซึ่งเป็นความต้องการของคนกลุ่มหนึ่ง) ให้ภาพออกมาเป็นความต้องการของคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองที่ว่านั้นคือ

การเปลี่ยนระบอบการเมืองแบบเลือกตั้งปัจจุบัน ไปสู่ ระบอบการเมืองแบบสภาปฏิวัติแห่งชาติ

นี่คือคำตอบ และเป้าหมายที่ พันธมิตรเองก็ยังไม่แน่ใจว่าหากประกาศออกไปตอนนี้ ผลที่ได้รับจะเป็นเช่นไร จึง ..ปิด ๆ เปิด ๆ และลากยาว..เพื่อประเมินสถานการณ์

และข้อความที่ได้ลงถามไว้แต่ต้นว่า ใครเป็นคนพูด(โปรดย้อนกลับขึ้นไปดูด้านบน...หน้าเดียวกันนี้แหละ) นั่นเป็นคำพูดของ จิ๋ว ซึ่งได้พูดไว้เมื่อวันที่ 4 เมษายน ๔๙

ต่อคำถามที่ว่า อ้าว...แล้วยังงี้ แม้วจะยอมเรอะ ?
อย่าเพิ่งตกใจ ที่จะบอกว่า ...." แม้วได้นำเสนอแผนงาน สภาแห่งชาติ ได้ต้วเองตั้งแต่ปี 2547 " โน่นแล้ว แต่ประชาชน(สื่อ)กลับไม่ยอมรับ และเมื่อเทียบกับกระแสที่ถูกสร้างขึ้นในปัจจุบัน เสียงของมวลชนที่ออกมาชุมนุมส่งผ่านสื่อไปทั่วโลกว่าต้องการ และยอมรับ"การเปลี่ยนแปลง "

หากแม้วไม่ฉลาด คงไม่อาจร่ำรวยได้ขนาดนี้ (ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม) แม้จะเป็นเพียงเบี้ย ก็ได้ค่าตอบแทนของตัวเองอย่างคุ้มค่าที่รอคอย

และนี่คือที่มาของหัวข้อ " คนละเรื่องเดียวกัน "

ต่อไปคือ ตอนสุดท้ายในหัวข้อ "ผู้บงการ " คือใคร ?


ตอนนี้ขอพักเพื่อเปิดโอกาศให้ท่านทั้งหลายได้เสริมข้อมูล หรือวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยเหตุและผล

ด้วยความปราถนาดีต่อทุกท่าน อย่างจริงใจ


บันทึกการเข้า

333Unit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


Don't belive what U see.But,Belive what it be.


เว็บไซต์
« ตอบ #152 เมื่อ: 23-06-2008, 00:28 »

ขออภัยพิมพ์ผิด....ในข้อความที่แล้ว

แก้ไขข้อความจาก แม้วได้นำเสนอแผนงาน สภาแห่งชาติ ได้ต้วเองตั้งแต่ปี 2547

ที่ถูกต้องเป็น " แม้วได้นำเสนอแผนงาน สภาแห่งชาติ ด้วยต้วเองตั้งแต่ปี 2547 "
บันทึกการเข้า

Familie
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369



« ตอบ #153 เมื่อ: 23-06-2008, 00:45 »

อ้าว....ขาดตอน
ปัญญาน้อยอย่างผมรออ่านอย่างเดียวครับ 
บันทึกการเข้า


บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ      ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า
เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา           หน้าที่เรา รักษา สืบไป
ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า      จะได้มี พสุธา อาศัย
อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย       มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #154 เมื่อ: 23-06-2008, 00:53 »

ขออนุญาติวิพากษ์เป็นข้อ ๆ เลยนะครับ และขอบอกว่าจะวิพากษ์ด้วยความเป็นกลาง ไม่เอนเอียงเข้าหาใครทั้งสิ้น

1. เรื่องการปราศัยของแกนนำพันธมิตรและผู้ปราศัยบนเวที

ถ้าตั้งใจฟังจริง ๆ จะพบว่าแกนนำและผู้ปราศัย จะเน้นเรื่องของการเมืองภาคประชาชน โค่นระบอบทักษิณ

โดยย้ำเรื่องการตรวจสอบโดยประชาชน ไม่หวังพึ่งนักการเมือง

อีกทั้งยั้งเน้นย้ำเสมอในเรื่องของระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เคยพูดถึงการปกครองระบอบอื่นนอกเหนือจากนี้แม้แต่ครั้งเดียว สิ่งนี้มีหลักฐานที่เป็นทั้งเสียงและภาพครับ

ฉนั้นแล้วคำว่าการเปลี่ยนแปลงของการเมืองไทยแบบถอนรากถอนโคนบนเวทีพันธมิตรนั้น มีความหมายในเรื่องของการปลดแอกจากระบอบทักษิณ ระบบเลือกตั้งแบบใช้เงินซื้อเสียง ตามที่เป็นมาโดยตลอด มาสู่ระบบที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้อย่างเข้มแข็ง เป็นการเริ่มต้นของการเมืองภาคประชาชนโดยแท้จริง

การแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน เป็นเรื่องหลักที่ถูกขับเน้นบนเวทีตลอดเวลา จนเหมือนกับ Theme ของงานนี้ไปแล้ว

ถ้ามีนัยยะอื่นแอบแฝง คงจะไม่สามารถยืนหยัดมาได้ถึงทุกวันนี้ และหลาย ๆ คนบนเวทีคงไม่ถูกซ้ายในพลังประชาชนค่อนแคะเอาทุกวันว่าเป็นพวก "ซ้ายวัง" หรอกครับ



2. เรื่องนพดลและเขาพระวิหาร

นพดลเป็นคนที่แถลงข่าวได้กวนโอ๊ยมาตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ครับ นับตั้งแต่ออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์จนมาเป็นทนายของทักษิณ เรื่องเขาพระวิหารนพดลพยายามปิดให้มิดที่สุดเพราะรุ้ว่าเรื่องนี้เป็นจุดสลบ แต่คนที่ปูดเรื่องนี้มาคนแรกจริง ๆ แล้วคือนักการเมืองเขมรครับ นพดลเองก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้มันจะไปเร็วขนาดนี้ ทั้งที่ไปแอบเจรจาไว้ตั้งแต่มกราคม ในสถานการณ์แบบนี้ พันธมิตรที่เจอเรื่องนี้มีหรือครับจะไม่ตะปบเหยื่อ เขมรเองก็รู้ว่าเรื่องนี้มันโดนปูด โดนชงจากเขมรด้วยกันเอง เพราะกำลังเข้าหน้าเลือกตั้ง คนที่ยืนตรงข้ามฮุนเซ็นต้องเอาเรื่องนี้มาเล่นแน่นอน


3. เรื่อง 66/23

จิ๋วไม่ได้คิดเองนะครับ Copy and Paste มาจากป๋าเปรมทุกกระเบียด เอา scenario มาจากน่านทั้งนั้น เรื่องนี้ก็รู้กันดีอยุ่แล้ว ผมคงไม่ต้องบรรยายซ้ำง

ส่วนเรื่องลุงแอ๊ดไปทำบุญ ก็ไปในฐานะลูกชายลุงคำตัน มิตรสหายลุงคำตันก็แก่เฒ่าอยู่ที่นั่นทั้งนั้น ก็ไปเปิดห้องสมุดให้เป้นที่ระลึกถึงคุณพ่อ อีกทั้งต้องไปเรื่องที่ดินทำกินที่รัฐบาลไทยเคยไปให้สัญญาไว้กับเค้าตอนที่โน้มน้าวให้เข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แล้วยังไม่ได้จัดการให้พวกเค้าซักที นักข่าวอยู่กันเต็ม เรื่องพวกนี้ไม่มีอะรต้องปิดบังครับ

ถ้ากองทัพไม่ไว้ใจลูกชายของสหายคำตันคนนี้แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ลุงแอ๊ดไม่พิสูจน์ความชัดเจนของตัวเองได้มาถึงวันนี้ ผมรับรองได้เลยว่าลุงเค้ามาถึงจุดนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด มิต้องอ้างถึงความไว้วางใจจากสถาบันเลย

อีกอย่างนึง ตามที่คุณอ้างว่าตัวคุณเองเคยเสนอให้ลุงแอดทำปฏิวัติ ถ้าหน่วยงานของคุณไม่เต็มร้อยกับคนคนนี้ คุณคงไม่กล้าเสนอสิ่งที่คุณอ้างแน่นอน

จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายจุดที่อยากพูดถึง คืนนี้คงพอเท่านี้ก่อนครับ รอคุณเปิดตัวไอ้โม่งก่อนว่าจะ ฮือ หรือ ฮา ดี

บันทึกการเข้า
meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #155 เมื่อ: 23-06-2008, 00:54 »

อะไรมันจะขนาดน้าน

ไอ้ที่คุณร่ายยาวมานะ มันจะเอามาเป็นหลักฐานได้ตรงไหน อย่างไร

อ่านแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น ซึ่งอันนี้ก็คงไปห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว

คุณคิดว่าการจะจับคนแต่ละกลุ่มมา แล้วสั่งให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ได้ตามใจ มันเป็นเรื่องง่ายอย่างงั้นหรอ


ผมมันเป็นพวกที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายซะด้วยสิ

ไม่รู้ว่าที่นำเรื่องนี้มาพูดนี้ต้องการให้เกิดการระแวงในหมู่พวกเดียวกันเองหรือเปล่า

เพราะรู้สึกว่าที่ส่งไอ้พวกค้านตะบี้ตะบันมามันจะทำงานไม่ได้ผล

ก็เลยเปลี่ยนแนวมาทำเนียนเป็นพวกเดียวกันซะเลย
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
Familie
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369



« ตอบ #156 เมื่อ: 23-06-2008, 01:11 »

คุณ Limmy ตอบถูกใจผมจริง ๆ นับถือ ๆ   
จะรออ่านต่อครับ
บันทึกการเข้า


บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ      ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า
เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา           หน้าที่เรา รักษา สืบไป
ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า      จะได้มี พสุธา อาศัย
อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย       มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย
May The Force Be With You
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 331


ขอพลังสถิตย์กับท่าน


« ตอบ #157 เมื่อ: 23-06-2008, 01:34 »

ผมว่าคุณคิดมากเกินไปแบบไปไกลลลมากมากเลยครับ  สงสัยจะได้แรงบรรดาลใจจากรหัสลับdavinci
บันทึกการเข้า

"เจไดที่ฉลาดมากๆ คนหนึ่งเคยบอกข้าไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เราต้องสู้"
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #158 เมื่อ: 23-06-2008, 13:17 »

ต้องขอขอบคุณ คุณ 333Unit ที่เข้ามาเติมข้อมูลเชิงลึกให้กับกระทู้นี้

และต้องขอบคุณสมาชิกทุกท่าน โดยเฉพาะคุณ Limmy เพราะเราเชื่อว่า ท่านคงจะพอมองเห็นอะไรลางๆบ้างแล้ว

ส่วนสมาชิกท่านอื่นที่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง ช่วยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยนะจ๊ะ

ด้วยความเคารพ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2008, 13:21 โดย hacksecrets » บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #159 เมื่อ: 23-06-2008, 13:24 »

ขอก๊อปปี้ข่าวชิ้นหนึ่งมาให้อ่าน เพื่อประกอบกับกระทู้นะคะ

"บิ๊กจิ๋ว"ให้สเปค"คนกลาง" ผู้นำชาติฝ่าวิกฤต    วันที่   2006-04-28
http://www.rakbankerd.com/hotnews.html?nid=6157

หมายเหตุ - พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นองค์ปาฐก เรื่องแนวทางแก้วิกฤตของประเทศชาติในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต ตามคำเชิญสภากรรมกรแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา

"การเตรียมการวันนี้กระทำมาตั้งแต่ต้นเมษายน โดยวางหลักการเพื่อการสร้างสรรค์ความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในยามวิกฤตของชาติ ซึ่งประเทศไทยได้เสียเวลาไปกว่าค่อนศตวรรษกับความทรุดโทรมและตกต่ำ แต่ฉาบหน้าไว้ด้วยภาพลวงตาของความเจริญสมัยใหม่ที่ภายในเป็นโพรง ทั้งที่ประเทศไทยควรเป็นประเทศพัฒนาเท่าเทียมกับประเทศรุ่นเดียวกันนานแล้ว ปัจจุบันคนไทยต่ำต้อยในสายตาของคนชาติอื่น ทั้งที่คนไทยมีลักษณะพิเศษประจำชาติอันสูงส่งสืบทอดมาแต่บรรพกาล

ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติขาดความสมดุล ยิ่งพัฒนายิ่งจนถึงกับต้องประกาศสงครามกับความยากจน ประชาชนส่วนใหญ่รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ชาวนาต้องทำนา และต้องกู้หนี้ยังชีพ และกลายเป็นคนจรจัดไปเป็นอันมาก อุตสาหกรรมทำลายเกษตรกรรม การประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดเล็กถูกทำลาย สังคมเกิดปัญหาร้ายแรง เมืองไทยเมืองพุทธศาสนากลายเป็นเมืองเบียดเบียน โหดร้าย ความขัดแย้งในทุกรูปแบบแผ่ซ่านไปในสังคมโดยทั่ว บ้านเมืองเกิดอาเพศภัยต่างๆ และมีช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถ่างกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว อันจะนำบ้านเมืองไปสู่มิคสัญญีกลียุค

บนความเสื่อมโทรมและตกต่ำมาเป็นระยะเวลายาวนานนี้ การเมืองการปกครองของประเทศช่วงเวลาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูเป็นวงจรแห่งความเลวร้าย หรือที่เรียกว่าวงจรอุบาทว์ในชาติ อย่าลืมว่าการเมืองการปกครองคือ มรรควิธีการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะนำพาชาติไปสู่การพัฒนาก้าวหน้า ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งในที่สุด สังเกตว่าการเมืองการปกครองเวลาดังกล่าว เริ่มจากคณะราษฎรโค่นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี 2475 คณะรัฐประหารโค่นคณะราษฎร เมื่อปี 2490 ฝ่ายหนึ่งของคณะรัฐประหารโค่นอีกฝ่ายหนึ่ง คือจอมพลสฤษดิ์ โค่นจอมพล ป. เมื่อปี 2500 คณะปฏิวัติโค่นคณะรัฐประหาร เมื่อปี 2501 พรรคการเมืองร่วมกับนักศึกษาโค่นคณะปฏิวัติเมื่อปี 2516 คณะปฏิรูปโค่นรัฐบาลพรรคการเมือง ปี 2519 คณะปฏิวัติโค่นคณะปฏิรูป ปี 2520 คณะ รสช.โค่นรัฐบาลพรรคการเมือง ปี 2535 และสถานการณ์ปัจจุบัน การโค่นล้มสลับไปมาก็ยังมีอยู่ ความซ้ำซากของวงจรแห่งความเลวร้ายในด้านการเมืองการปกครอง เป็นไปกว่าค่อนศตวรรษ ดำเนินไปมา 26 ครั้ง และมีรัฐธรรมนูญรวม 16 ฉบับ เกือบทุกครั้งที่มีปัญหา มีผู้คนกล่าวกันว่าประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย

ที่น่าสังเกตคือ ผู้มีอำนาจหรือรัฐบาลทุกยุคสมัยต่างเห็นสอดคล้องกันว่า จะต้องสร้างประชาธิปไตยให้ได้ โดยการสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย โดยไม่ได้ดูเลยว่าประเทศที่เขาเป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย เขาสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อรักษาระบอบของเขาไว้ จากตรรกะดังกล่าวที่ใฝ่ฝันถึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยว่าจะแก้ปัญหาชาติได้โดยแน่นอน แสดงว่าปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตย และเป็นที่พูดจากันโดยทั่วไปว่า ประเทศไทยปัจจุบันใช้การปกครองแบบเผด็จการ หรือที่เรียกว่าเผด็จการรัฐสภา นั่นคือการปกครองแบบเผด็จการ

จากประวัติศาสตร์ของทุกประเทศในโลก เมื่อชุมชนแบบเก่าพัฒนาขึ้นเป็นชาติ ย่อมจะเกิดปัญหาของชาติที่จะต้องแก้ไขอยู่ 2 ปัญหา คือ ปัญหาเอกราชและปัญหาประชาธิปไตย อันดับแรกของแนวทางแก้ปัญหาชาติคือ การรู้อย่างถูกต้องว่าปัญหาพื้นฐานของชาติคืออะไร เมื่อกำหนดความมุ่งหมายการแก้ปัญหาได้ถูกแล้ว ยังต้องมีแนวทางแก้ปัญหานั้นอย่างถูกต้องคือ การสร้างประชาธิปไตยไม่ใช่สร้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่เป็นความสำคัญสูงสุด แต่การสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องหลัก ถ้าจะแก้ปัญหาชาติต้องแก้ปัญหาประชาธิปไตยให้สำเร็จ ถ้าไม่สร้างประชาธิปไตยก็ไม่มีสิทธิที่จะพูดว่าแก้ปัญหาชาติแล้ว

00การเคลื่อนไหวของประชาชนครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งแท้จริงสถานการณ์นี้คือ การเคลื่อนไหวปฏิวัติประชาธิปไตย ซึ่งสมบูรณ์ทั้งแนวทางการเมืองและแนวทางการต่อสู้ คือ การต่อสู้ของประชาชน เพื่อปฏิเสธพรรคการเมืองต่อต้านการเลือกตั้ง และใช้แนวทางต่อสู้ที่ถูกต้องคือ แนวทางสันติ สถานการณ์ปัจจุบันเรียกว่า สถานการณ์ปฏิวัติ ซึ่งย่อมมีความเข้มแข็งและรุนแรงเสมอ เพราะเป็นการต่อสู้ของประชาชน ถ้าเกิดอุปสรรคขัดขวางก็จะกลายเป็นมิคสัญญีกลียุค แต่ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจและให้ความร่วมมือ โดยรัฐบาลเฉพาะกาลเข้าใจการสร้างประชาธิปไตย เปลี่ยนระบอบรัฐสภาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องแล้ว นอกจากจะส่งผลให้ผ่านวิกฤตเลวร้ายไปได้ ยังนำบ้านเมืองหลุดพ้นวงจรแห่งความชั่วร้าย เข้าสู่วิถีแห่งความเจริญก้าวหน้าอันไพบูลย์00

**ปัจจุบันสภาวะบ้านเมืองเสมือนคนเจ็บป่วย สาเหตุของการเจ็บป่วยทำให้หมดเรี่ยวแรง ซึ่งเจ็บป่วยเพราะใช้การเมืองการปกครองที่ผิดพลาด จนทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทยทุกรูปแบบ ทุกพื้นที่ ขั้นตอนแรกต้องสร้างความเข้าใจ ความสมานฉันท์ของคนในชาติให้กลับคืนมาสู่สภาวะเดิม เมื่อเสร็จแล้วจึงสร้างประชาธิปไตย ซึ่งการสร้างประชาธิปไตยในชาติคือ ปัญหาหลัก การสร้างความสมานฉันท์ในชาติคือ ปัญหานำ ซึ่งในสภาวะปัจจุบันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำให้คู่กรณีของความขัดแย้งสร้างความสมานฉันท์ได้ ดังนั้น คนกลางที่มีความรอบรู้ เข้าใจปัญหา มีประสบการณ์ เป็นที่เคารพรักเชื่อถือของคนทั่วไปและคู่กรณี ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อถือว่าจะได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม เชื่อว่าความเคียดแค้นอาฆาตของทั้ง 2 ฝ่ายจะหมดไปด้วยการดำเนินการของท่านผู้นี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่จะเป็นใครที่ไหน ผมไม่ทราบ รู้แต่เพียงว่าไม่ใช่ผม**

00คุณสมบัติคนกลางที่จะมารับผิดชอบบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ปัจจุบันมี 6 ข้อ คือ 1.ไม่มีความคิดใหญ่ คิดแบบชาวบ้านธรรมดา ถือว่าตำแหน่งและอำนาจเป็นเครื่องมือการทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาชาติเท่านั้น 2.มีหลักวิชาถูกต้อง รู้สถานการณ์ตรงตามความเป็นจริง สามารถประยุกต์หลักวิชากับสถานการณ์อย่างถูกต้อง และมีประสบการณ์แก้ไขปัญหาชาติดังกล่าวมาแล้ว 3.มีความระมัดระวังสูงสุดในการปฏิบัติทางการเมือง ไม่ทำอะไรหยาบ ง่าย โดยไม่แน่ใจว่าถูกต้องแท้จริง 4.ร่วมมือกับประชาชนและส่วนรวม 5.มีสติ ระลึกตลอดว่าอำนาจและความเป็นใหญ่มีอันตรายต่อจิตใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น 6.มีความเป็นอยู่ระดับกลาง00

ปัญหาชาติกว่า 74 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ปัญหาที่ผู้บริหารสูงสุดหรือตัวบุคคล แต่เป็นปัญหาระบอบ ซึ่งระบอบที่ดีคือ ระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ระบอบที่ไม่ดีคือระบอบเผด็จการให้โอกาสคนไม่ดี และตัดโอกาสคนดี ดังนั้น ต้องแก้ที่ระบอบไม่ใช่เรียกหาคนดีที่มีความสามารถ ซึ่งความห่วงใยขณะนี้ สังคมกำลังเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง หรือการร่างรัฐธรรมนูญ การชักชวนให้ล้มระบอบทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) หรือการทำลายล้างตัวทักษิณเอง แม้แต่การเลือกตั้งที่มาจากความคิดว่า จะคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งความจริงตั้งแต่เปลี่ยนการปกครองในปี 2475 ประชาชนยังไม่เคยได้อำนาจ เพราะคณะราษฎรยึดอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์ ถ้าจะคิดคืนอำนาจต้องคืนอำนาจให้กับพระมหากษัตริย์จึงจะถูกต้อง

หากติดขัดด้วยกฎเกณฑ์หรือรัฐธรรมนูญ ประชาชนควรจะแสดงออกถึงเจตนารมณ์ และความต้องการที่จะสรรหาคนกลางผู้เหมาะสมมาบริหารราชการในสภาวการณ์ปัจจุบัน โดยให้ผู้ที่มีอำนาจและเกี่ยวข้องถวายข้อเสนอของประชาชนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการที่เสนอนั้น เพื่อให้คนกลางมารับสนองการปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของชาติให้ลุล่วงไป อีกทั้งยังเป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระราชประสงค์ที่จะมอบอำนาจให้กับประชาชนเป็นจริงได้ด้วย และเพื่อเป็นการลดความสับสน ยุ่งยากและเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้องอาจเป็นผู้นำการปฏิบัติดังกล่าวเสียเองก็ได้ซึ่งผู้ที่ตัดสินใจดังกล่าวคือวีรบุรุษของชาติโดยแท้จริง ขอให้ทุกคนมาร่วมกันยุติความขัดแย้ง ร่วมกันสร้างวิถีทางเดินของชาติให้ถูกต้อง เพื่อเฉลิมฉลองวันอันเป็นสิริมงคลในวโรกาสเสด็จขึ้นครองราชย์ครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอีก 2 วันผมจะให้สัมภาษณ์อีกครั้ง"

แหล่งที่มา : นสพ.มติชน
บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #160 เมื่อ: 23-06-2008, 13:57 »

ว่าด้วยเรื่อง ภาพลวงตา เนี่ย ถ้าเรารู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา เราก็จะรู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา แต่ที่สำคัญก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นหรือไม่เป็น
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #161 เมื่อ: 23-06-2008, 14:12 »

ว่าด้วยเรื่อง ภาพลวงตา เนี่ย ถ้าเรารู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา เราก็จะรู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา แต่ที่สำคัญก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นหรือไม่เป็น

เป็นคำกล่าวที่น่าขบคิด และมีนัยยะที่ดีจริงๆ

แต่ขอเพิ่มนิดนึงตรงที่ว่า ในเมื่อเรารู้แน่แล้วว่านั่นคือภาพลวงตา แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนอื่นเชื่อว่ามันคือภาพลวงตา
บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #162 เมื่อ: 23-06-2008, 14:17 »

ก่อนหน้านี้ได้เกริ่นถึงเรื่องที่พันธมิตรได้บุกเข้าทำเนียบเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ไปแล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้ คตส.ไม่ได้มีการประชุมนัดพิเศษขึ้น

มาวันนี้ได้อ่านข่าวพบชิ้นหนึ่ง เลยขอก๊อปมาให้อ่านด้วยกัน

ปิดฉากคตส.1ปี9เดือน"ระทึกศาลรธน.ปลดจิ๊กซอว์คอรัปชั่นเชิงนโยบาย"
http://www.komchadluek.net/2008/06/23/x_pol_k001_208285.php?news_id=208285

คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งเข้ามารับภารกิจตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 30 เป็นระยะเวลา 1 ปี 9 เดือน กำลังจะสิ้นสุดวาระการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้

 ในโอกาสนี้ คตส.ได้ออกหนังสือที่ระลึกเพื่อเผยแพร่ผลงานการปฏิบัติหน้าที่ ขั้นตอนการตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคในการทำงาน การดำเนินการแก้ไข เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา วิเคราะห์วิจัย ปรับปรุงระบบการตรวจสอบการทุจริต คอรัปชั่น ให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

 ผลการตรวจสอบการกระทำความผิดของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่าทุจริตคอรัปชั่น จำนวน 13 โครงการ รวมทั้งสิ้น 21 กรณี มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งมีการสั่งอายัดเงินในสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งสิ้น 6.5 หมื่นล้านบาทแล้ว

 คดีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการ ได้แก่ 1.การตรวจสอบการก่อสร้างและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์บริษัทห้องปฏิบัติกลาง ตรวจสอบผลิตภัณฑ์และอาหาร จำกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยพบว่าบริษัทเอกชนที่ฮั้วประมูลได้ประโยชน์กว่า 300 ล้านบาท 2.คดีการตรวจสอบกรณีทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ทำรัฐเสียหายกว่า 1,900 ล้านบาท อยู่ระหว่างการไต่สวน และ 3.คดีตรวจสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติ กรณีซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของ คตส. ได้แก่ 1.การตรวจสอบโครงการก่อสร้างระบบจ่ายไฟฟ้า และเครือข่ายท่อร้อยสายของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีมติฟ้อง อดีต รมว.คมนาคม อดีตปลัดคมนาคม และกลุ่มบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายท่อ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท ก่อนที่จะส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องภายในสัปดาห์นี้

 2.คดีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพวก กระทำความผิดเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำรัฐเสียหาย 1,200 ล้านบาท

 3.โครงการบ้านเอื้ออาทร 3 คดี คือ กรณีกล่าวหานายวัฒนา เมืองสุข และพวก ทุจริตในโครงการร่มเกล้า-บางพลี กรณีกล่าวหานางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กับพวก ทุจริตในโครงการเมืองใหม่บางพลี และโครงการร่มเกล้า กรณีเจ้าหน้าที่การเคหะแห่งชาติ กล่าวหานายพิทยา เจริญวรรณ กับพวก ทุจริตในโครงการอรัญประเทศ

 4.กล่าวหานายเจตวัฒน์ วิชิต กับพวก ทุจริตการจัดซื้อในโครงการ กบินทร์บุรี

 5.การตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างเอกชน โดยการเคหะแห่งชาติ โครงการบ้านเอื้ออาทร คลอง 9 รวมทั้งหมด ทำรัฐเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท

 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด ได้แก่ 1.โครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร และเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยส่งฟ้องนักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจ นิติบุคคล และนักธุรกิจ รวม 26 ราย พร้อมทั้งให้ผู้กระทำผิดร่วมกันคืนทรัพย์สิน ความเสียหายประมาณ 6,937 ล้านบาท โดยส่งให้ อสส. เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2551

 2.การอนุมัติเงินกู้ของผู้บริหารธนาคารกรุงไทยให้แก่บริษัทในเครือกฤษดามหานคร โดยปล่อยเงินกู้เกินวงเงิน 3,500 ล้านบาท โดยผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก รวม 31 ราย

 3.คดีพ.ต.ท.ทักษิณ บริหารราชการแผ่นดินเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง รวม 4 กรณี

ได้แก่ 1.การออกคำสั่งแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหาย 30,667 ล้านบาท 2.การแก้ไขสัญญาลดสัดส่วนแบ่งรายได้ค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (พรีเพด) เอื้อบริษัทเอกชน ทำ ทศท.สูญรายได้ 70,872.03 ล้านบาท

3.การแก้ไขสัญญาข้อตกลงปรับเกณฑ์การตัดส่วนแบ่งรายได้ให้ทีโอที เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน อนุญาตให้บริษัท เอไอเอส ใช้เครือข่ายร่วม แต่ให้หักค่าใช้จ่ายจากรายรับ เป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยให้เอกชนเข้าร่วมงาน พ.ศ. 2535 ทำให้ ทศท.และ กสท.สูญรายได้กว่า 18,970,579,711 บาท ตลอดอายุสัมปทาน แต่เอไอเอสได้ประโยชน์กว่า 18,970,579,711 บาท เป็นเหตุให้หุ้นชินคอร์ป ที่อดีตนายกรัฐมนตรีถือหุ้นระหว่างการดำรงตำแหน่ง มีมูลค่าสูงขึ้น ก่อนที่จะมีการขายหุ้นดังกล่าว

และ 4.การละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับดาวเทียมไอพีสตาร์ พบหลักฐานเชื่อได้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรียังคงถือหุ้นบริษัทชินฯ และได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร จากการขายหุ้นให้กลุ่มทุนเทมาเส็ก รวม 6,722,880,932.05 บาท ตั้งแต่ปี 2545-2548 รวมทั้งเงินปันผลจากหุ้นดังกล่าว 76,621,603,061.05 บาท จึงเห็นควรให้ศาลสั่งทรัพย์สินจำนวน 76,621,603,061.05 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ปปช.พ.ศ. 2542 มาตรา 80

 4.คดีกล่าวหานายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง กับพวกกระทำผิดในการตอบข้อหาหรือกรณีจัดเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป

คดีอยู่ระหว่างการสรุปสำนวนคดีฟ้องเพื่อฟ้องคดีต่อศาลเอง ได้แก่ 1.คดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ให้เงินกู้แก่รัฐบาลพม่า ทำให้เสียหาย 670,436,201.25 บาท กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย 140,349,000 บาท ขณะที่บริษัทครอบครัวอดีตนายกรัฐมนตรีและพวกพ้องได้ประโยชน์ 593,492,815.96 บาท โดยสั่งฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรี

 2.โครงการจัดซื้อต้นกล้ายางพาราและปลูกยาง 90 ล้านต้น ของวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำรัฐเสียหาย 1,440 ล้านบาท ฟ้องผู้กระทำความผิด 44 ราย และให้ชดใช้เงินคืน 1,109.69 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

 อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ได้แก่ 1.กรณีหลีกเลี่ยงภาษีของภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ใกล้ชิด 3 คน ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.1149/2550 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 2.กรณีซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยอดีตนายกรัฐมนตรีกับภริยา ตกเป็นจำเลย

 3. คดีหวยบนดินหรือเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยฟ้องนักการเมือง 32 คน เจ้าหน้าที่กองสลาก 16 คน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนรอการพิจารณารับคดีของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่

 คดีที่ส่งเรื่องให้กรมสรรพากรดำเนินการ ได้แก่ 1.กรณีผู้ใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี รับหุ้นจากภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี โดยไม่ชำระภาษี 546 ล้านบาท

 2.กรณีบุตร ธิดา ของอดีตนายกรัฐมนตรี ซื้อหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) จากบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ จำกัด คนละ 164.6 ล้านหุ้น รวม 329.2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท ก่อนจะขายให้กลุ่มทุนเทมาเส็กในราคา 49.25 บาท ซึ่งต้องเสียภาษีจำนวนเงิน 11,809,294,773.42 บาท

 3.กรณีบริษัทแอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ จำกัด ประกอบกิจการในประเทศไทย ตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร รอบบัญชีปี 2546-2549 รวม 4 ปี แต่มิได้ยื่นแบบแสดงเสียภาษี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,857,829,505.17 บาท

นอกจากนี้ บริษัทต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายและนำส่งกรมสรรพากร กรณีขายหุ้นชินคอร์ป ให้แก่บุตร ธิดา ของอดีตนายกรัฐมนตรี คิดเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากกรณีซื้อขายและโอนหุ้นบริษัทชินฯ ทั้งหมดเป็นเงิน 33,279,413,075.32 บาท แต่กรมสรรพากร ยังไม่ได้ดำเนินการไต่สวน

 คตส.ได้แสดงความเป็นห่วงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เรื่องการแต่งตั้ง คตส.กับ พ.ร.บ.ต่ออายุการทำงานของ ซึ่งจะส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณชนะคดีโดยไม่ต้องออกแรงสู้ และเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท ที่ถูก คตส.อายัดย่อมจะถูกถ่ายโอนกลับคืนมา รวมทั้งคดีอื่นๆ อาทิ ทุจริตซื้อรถ-เรือ ดับเพลิงของ กทม.

 ขณะที่ คตส.มุ่งมั่นรักษาความเป็นธรรมของบ้านเมือง จะต้องถูกฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา 16 คดี รวมเรียกค่าเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท

บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #163 เมื่อ: 23-06-2008, 14:21 »

จากข่าวข้างต้น ...คตส.ได้แสดงความเป็นห่วงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เรื่องการแต่งตั้ง คตส.กับ พ.ร.บ.ต่ออายุการทำงานของ ซึ่งจะส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณชนะคดีโดยไม่ต้องออกแรงสู้ และเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท ที่ถูก คตส.อายัดย่อมจะถูกถ่ายโอนกลับคืนมา รวมทั้งคดีอื่นๆ อาทิ ทุจริตซื้อรถ-เรือ ดับเพลิงของ กทม.

 ขณะที่ คตส.มุ่งมั่นรักษาความเป็นธรรมของบ้านเมือง จะต้องถูกฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา 16 คดี รวมเรียกค่าเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท


เราจะเห็นได้ว่า คดีของ คนขายชาติอย่างนายทักษิณ นั้นหลุดทุกคดี---------และนี่ คือผลงานของ กลุ่มพันธมิตร ที่ได้กระทำในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ใช่ไหม???

เอ๊ะ!!! หรือว่าไม่ใช่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2008, 14:23 โดย hacksecrets » บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
fineday
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54


« ตอบ #164 เมื่อ: 23-06-2008, 15:01 »

จากข่าวข้างต้น ...คตส.ได้แสดงความเป็นห่วงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เรื่องการแต่งตั้ง คตส.กับ พ.ร.บ.ต่ออายุการทำงานของ ซึ่งจะส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณชนะคดีโดยไม่ต้องออกแรงสู้ และเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท ที่ถูก คตส.อายัดย่อมจะถูกถ่ายโอนกลับคืนมา รวมทั้งคดีอื่นๆ อาทิ ทุจริตซื้อรถ-เรือ ดับเพลิงของ กทม.

 ขณะที่ คตส.มุ่งมั่นรักษาความเป็นธรรมของบ้านเมือง จะต้องถูกฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา 16 คดี รวมเรียกค่าเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท


เราจะเห็นได้ว่า คดีของ คนขายชาติอย่างนายทักษิณ นั้นหลุดทุกคดี---------และนี่ คือผลงานของ กลุ่มพันธมิตร ที่ได้กระทำในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ใช่ไหม???

เอ๊ะ!!! หรือว่าไม่ใช่


เราพยายามมอง จขกท ในแง่ดีอยู่นะเนี่ย... 

การที่คดีทักษิณจะ "รอดทั้งพวง" เกี่ยวอะไรกับม๊อบย้ายที่?? หรือ คตส. งดประชุมวันที่ยี่สิบ???  มันขึ้นอยู่กับ "คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ" ไม่ใช่เหรอ??
เอ๊ะ!!! รึเราเข้าใจผิด

บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #165 เมื่อ: 23-06-2008, 20:03 »

เรียนคุณเจ้าของกระทู้ ผมยังไม่เห็นอะไรลาง ๆ ครับ เพราะหลายเรื่อง ๆ ยังไม่มีเหตุมีผลที่จะเชื่อมโยงกันได้เท่าไหร่

นั่งรอเจ้าของกระทู้กับคุณ unit333 มาเปิดเผยตัวไอ้โม่ง ผู้อยู่เบื้องหลังครับ ขอชื่อเลย แล้วผมจะมาโต้อีกทีว่าใช่หรือไม่

วันนี้ผมขออนุญาติไม่ออกเรือจับปลาแล้วนะครับ เหนื่อยและน้ำมันแพง ขอแบบเนื้อ ๆ โชะ ๆ เปิดชื่อมาเลยนะครับ


บันทึกการเข้า
333Unit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


Don't belive what U see.But,Belive what it be.


เว็บไซต์
« ตอบ #166 เมื่อ: 24-06-2008, 01:29 »

ความเห็นคุณ Limmy
เน้นย้ำเสมอในเรื่องของระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ไม่เคยพูดถึงการปกครองระบอบอื่นนอกเหนือจากนี้แม้แต่ครั้งเดียว สิ่งนี้มีหลักฐาน
ที่เป็นทั้งเสียงและภาพครับ


ฉนั้นแล้วคำว่าการเปลี่ยนแปลงของการเมืองไทยแบบถอนรากถอนโคนบนเวทีพันธมิตรนั้น
มีความหมายในเรื่องของการปลดแอกจากระบอบทักษิณ ระบบเลือกตั้งแบบใช้เงินซื้อเสียง
ตามที่เป็นมาโดยตลอด มาสู่ระบบที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้อย่างเข้มแข็ง
เป็นการเริ่มต้นของการเมืองภาคประชาชนโดยแท้จริง

การแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน เป็นเรื่องหลักที่ถูกขับเน้นบนเวทีตลอดเวลา จนเหมือนกับ Theme ของงานนี้ไปแล้ว

ถ้ามีนัยยะอื่นแอบแฝง คงจะไม่สามารถยืนหยัดมาได้ถึงทุกวันนี้ และหลาย ๆ คนบนเวทีคงไม่ถูกซ้ายในพลังประชาชน
ค่อนแคะเอาทุกวันว่าเป็นพวก "ซ้ายวัง" หรอกครับ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ตอบ คุณ Limmy::::

ตามที่คุณอ้างเอาความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นข้ออ้างนั้น กลับคล้ายเป็นคำยืนยัน
ให้ข้อมูลที่ได้นำเสนอไปนี้แน่นหนา และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น  เพราะ...ใครก็รู้ดีว่า
 
ตามทฤษฎีของลัทธิมาร์กซ์-ลัทธิเลนิน นั้น
ไม่มีกำหนดว่าให้พรรคคอมมิวนิสต์ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
และนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ทุกพรรคก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่า
ประมุขของประเทศคอมมิวนิสต์จะเป็นพระมหากษัตริย์หรือไม่ใช่พระมหากษัตริย์


เมื่อย้อนกลับไปดูอดีตใน พ.ศ.2490 นายประพันธ์ วีรศักดิ์ โฆษกของพรรคคอมมิวนิตส์แห่งประเทศไทย
ได้ให้สัมภาษณ์เป็นลายลักษณ์อักษรตีพิมพ์ในนิตยสาร 'มหาชน' ซึ่งเป็นออแกนของ พคท.
เกี่ยวกับปัญหาพระมหากษัตริย์ไว้ว่า

'พคท.เป็นพรรคที่ยึดติดมติมหาชนต้องการพระมหากษัตริย์ พคท.ก็จะปฏิบัติตามมติมหาชนนั้น'

ต่อมามีกรรมการกรมการเมืองของ พคท. คนหนึ่งกล่าวว่า
'ถ้าระบบสังคมนิยมของประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเขาจะดีใจอย่างที่สุด'

เหล่านี้แสดงว่า พรรคคอมมิวนิสต์โดยเฉพาะคือ พคท. ไม่ได้กำหนดไว้แน่นอนว่า ระบอบคอมมิวนิสต์ของเขาจะมี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศหรือไม่ !?และไม่ได้ห้ามว่าจะมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไม่ได้

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่เราเห็นเหล่าสหายนำของ พคท. เข้ามาร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตร ในขณะ
เดียวกันกับที่พันธมิตรยกเอาความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นยันต์กันปืนมาโดยตลอด

ซึ่งนอกจากจะทำให้เหล่าสหาย และ พคท.ทั้งหลายดูดี(ว่ากลับเนื้อกลับตัวได้แล้ว) ยังสามารถกลบเกลื่อนร่องรอยและเป้าประสงค์
ได้อย่างเนียนต่อประชาชนทั่วไปที่ได้รับชมจากสื่อ ASTV และจากสื่อหลายแขนง


""""""""""""""""""""""""""""""""""
ความคิดเห็นคุณ Limmy

3. เรื่อง 66/23
จิ๋วไม่ได้คิดเองนะครับ Copy and Paste มาจากป๋าเปรมทุกกระเบียด เอา scenario มาจากน่านทั้งนั้น
เรื่องนี้ก็รู้กันดีอยุ่แล้ว ผมคงไม่ต้องบรรยายซ้ำ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


ตอบ คุณLimmy ::::

ต้องขอบคุณ คุณLimmy. เป็นอย่างยิ่งที่กล่าวประเด็นCopyนี้ แต่ไม่ทราบว่าคุณเขียนตกไปหรือเปล่าว่า คนที่เป็นคนบอกบทอยู่เบื้องหลัง เปรม คือ
นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ที่ป้อนข้อมูลและเป็นผู้ร่าง 66/23 ให้ เปรม ตรวจทานเสร็จเรียบร้อย แต่เนื่องจากขณะนั้น เปรม
เป็นนายกรัฐมนตรี นำเสนอตัวเองไม่ได้ จิ๋ว จึงต้องรับหน้าที่นำเสนอ(จึงกลายเป็นHero แบบตกกระไดพลอยโจน มาจนทุกวันนี้)
และแน่นอนที่สุด อุดมการณ์ต่าง ๆ ที่นายประเสริฐ " ติวเข้ม " ให้กับเปรม จิ๋ว จำลอง ก็ถูกแพร่กระจายไปทั่วกองทัพนับแต่นั้นมา และ นับแต่นั้น ผบ.ทบ.ทุกคนล้วนมาจากสาย ทหารประชาธิปไตยทั้งสิ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือต่อมา จิ๋ว ได้จัดตั้งสภาปฏิวัติแห่งชาติ มีการจัดประชุมที่สนามม้านางเลิ้ง(จึงเรียกว่า
สภาสนามม้า) และมีลักษณะเป็นอย่างเดียวกันกับ "... ระบอบการเมือง ที่แกนนำพันธมิตร ได้ประกาศเมื่อวันที่ 19 มิย.2551.."
และเมื่อสภาปฏิวัติแห่งชาติ ได้ประกาศโอนอำนาจรัฐสภามาสู่สภาปฏิวัติแห่งชาติ สมาชิกทั้งหมดก็โดนจับกุม นายประเสริฐ
ทรัพย์สุนทร ได้รับสมอ้าง(ยอมรับผิดเพียงผู้เดียว...ต่อมาโดนวางยา=หัวใจวายเฉียบพลัน)

สำหรับเรื่อง"ผู้บงการ" คือใคร ?  ขอผลัดเป็นวันต่อไป เพราะต้องเตรียมเอกสารสำหรับวันพรุ่งนี้

จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
บันทึกการเข้า

Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #167 เมื่อ: 24-06-2008, 03:10 »

ท่านทั้งหลายคงไม่ทราบว่า ณ เวลานี้
"............มีกลุ่มบุคคลผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีบุคคลหลายระดับได้ดำเนินการนำเสนอแนวคิดและแนวทางต่อฝ่ายต่างๆ ในสังคมเพื่อก่อสงครามประชาชนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง อาศัยปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของสังคมเป็นเงื่อนไข โดยแบ่งแยกการทงานอย่างมีระบบ โดยแบ่งกำลังการเคลื่อนไหวไปอยู่กับขั้วการเมืองที่ขัดแย้งกันทั้งสองขั้ว เข้าทำแนวร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ

ซึ่งปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้ได้สะท้อนธาตุแท้ของขบวนการผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ ตามข้อตกลงลับๆ ก่อนเข้าร่วมเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตามคำสั่ง 66/2523 ในอดีต คือ

1) ชุบตัวในสถาบันวิชาการ
2) เข้าร่วมทำงานด้านเศรษฐกิจทุนนิยม
3) เข้าร่วมกับฝ่ายอำนาจรัฐ
4) ยุยงให้ฝ่ายอำนาจรัฐและนายทุนทำผิดให้มาก แล้วเข้าทำแนวร่วมกับคนชั้นสูง
เช่น หากเป็นฝ่ายรัฐบาลแล้วโดดเดี่ยวต้องฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป้าหมายคือ 'ศักดินาล้าหลัง' และ 'ทุนนิยมสามานย์' แต่ไม่โจมตีพวกเดียวกัน หรือจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน แม้ว่า จะอยู่คนละฝ่ายหรือคนละขั้วก็ตามเป็นไปในลักษณะ 'แยกกันเดินรวมกันตี' และกำหนดการต่อสู้แบบสงครามยืดเยื้อเพื่อสะสมกำลัง เพื่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในสังคม เพื่อให้มีเหตุผลข้ออ้างก่อ 'สงครามกลางเมือง' ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ในสถานการณ์นี้มีบุคคลชั้นนำหลายคนหลายฝ่ายตกเป็นเครื่องมือ และตกเป็นแนวร่วมของขบวนการบ่อนทำลายประเทศนี้อย่างไม่รู้ตัว และมีปรากฏให้เห็นเป็นลำดับความมุ่งหมาย ดังเช่นปรากฏการณ์ชุมนุมของพันธมิตร และ สหาย พคท. ที่ประกาศเจตนารมย์อย่างชัดแจ้งว่า

" ....ต้องปฏิวัติเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างถอนรากถอนโคน โดยเปลี่ยนระบอบการเมือง ทำลายล้างศักดินาทุนสามานย์..."

ทั้งนี้ทั้งนั้น...หากท่านได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ท่านจะพบว่ามีการสอดประสาน ส่งข้อมูลจากฝ่ายรัฐบาล ให้กับพันธมิตร เพื่อเปิดช่องให้โจมตี
.....ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีการกระทบกระทั่ง หรือปราบปรามอย่างเด็ดขาดจากฝ่ายรัฐบาล นั่นก็เพราะว่า บุคคลสำคัญในคณะรัฐบาล ก็เป็นสหาย พคท.ที่กุมอำนาจส่วนใหญ่ไว้ในมือ โดยเฉพาะท่อน้ำเลี้ยง ยกตัวอย่างเช่น สหายจรัส (หมอพรหมินทร์) เป็นต้น

อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ในระยะเวลาอันใกล้ เมื่อ พคท.โหมระดมปลุกประชาชนทั้งประเทศให้ลุกขึ้นมาปฏิวัติประเทศไทย เพื่อก่อตั้ง "...สภาแห่งชาติ.."

คำถามวันนี้ ::: ใครคือไอ้โม่งที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง และ สภาแห่งชาติ นี้เคยมีการตั้งในประเทศไทยมาแล้วหรือไม่ ? หากมี ใครเป็นคนตั้ง ?

ขอให้โชคดี มีชีวิตรอดทุกท่าน นะจ๊ะ
บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #168 เมื่อ: 24-06-2008, 10:48 »

รำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 กันหน่อยครับ
ใครพอจะตอบได้ว่าทำไม ปรีดี ถึงเป็นสัญลักษณ์ของ ประชาธิปไตย และ คอมมิวนิสต์ พร้อมๆ กัน




http://firelamtung.com/index.php?option=com_content&task=view&id=110&Itemid=1



ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษผู้สร้างประชาธิปไตยของไทย


ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่เป็นผู้ก่อร่างระบอบสังคมและการเมืองแบบใหม่ในประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้นำสายพลเรือนของคณะราษฎร และเป็นผู้เตรียมการทั้งหมดในด้านการบริหารระบอบใหม่ ในการปฏิวัติ ๒๔๗๕ นอกจากนี้ ยังเป็นบุคคลสำคัญ ในการวางรากฐานระบอบการคลังสมัยใหม่ เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการเจรจากับต่างประเทศให้ประเทศสยามได้เอกราชสมบูรณ์  และต่อมาเมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่นเข้ายึดประเทศไทย ปรีดี พนมยงค์ ก็ยังเป็นผู้นำขบวนการเสรีไทยในการต่อต้านญี่ปุ่นและมีส่วนทำให้ประเทศไทย พ้นจากการยึดครองโดยตรงของฝ่ายพันธมิตร แม้ว่า ปรีดี พนมยงค์ จะสร้างประโยชน์ ให้กับประเทศชาติอย่างมากเช่นนี้ แต่ในที่สุด กลับถูกใส่ร้ายป้ายสีจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ในข้อหาสำคัญ คือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกรณีปลงพระชนม์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙

ต่อมา หลังการรัฐประหาร พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งทำให้ปรีดี พนมยงค์ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ กลุ่มอนุรักษ์นิยมได้ระบายสีภาพลักษณ์ ให้ปรีดี พยมยงค์ กลายเป็นปีศาจร้ายในทางการเมืองมากขึ้น เพราะนอกเหนือจากการเป็นผู้ก่อเหตุเรื่องกรณีสวรรคตแล้ว ยังถูกโจมตีว่าเป็นหัวหน้าใหญ่คอมมิวนิสต์ ที่จะนำอิทธิพลของจีนแดงมาครอบครองประเทศไทย ภาพลักษณ์ของปรีดี ในลักษณะเช่นนี้ติดตัวจนกระทั่งท่านถึงแก่กรรมในต่างประเทศ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ ภาพลักษณ์ที่ดี จึงค่อยถูกฟื้นฟูขึ้น จนกระทั่งปัจจุบัน ปรีดี พนมยงค์ ก็กลายเป็นที่ยอมรับในฐานะที่เป็นรัฐบุรุษของประเทศไทย ในลักษณะเช่นนี้ การย้อนกลับไปพิจารณาบทบาทของท่าน จึงมีความน่าสนใจอย่างมาก

ดร.ปรีดี พนมยงค์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ ในเรือนแพ หน้าวัดพนมยงค์ อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นลูกคนที่สอง ของนายเสียง ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว มารดาชื่อนางจันทน์ สืบเชื้อสายมาจากพระนมในสมัยกรุงศรีอยุธยา ชื่อ "ประยงค์" ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดห่างจากกำแพงพระราชวังด้านตะวันตกชื่อ วัดนมยงค์ หรือ "พนมยงค์" เมื่อมีการประกาศพระราชบัญญัติขนานนามสกุล พ.ศ. ๒๔๕๖ ครอบครัวนี้จึงได้ใช้นามสกุลว่า "พนมยงค์"

ปรีดีอธิบายฐานะทางครอบ ครัวของเขาว่า เป็นชาวนา ที่ค่อนข้างมีฐานะที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งเรียกว่าเป็น "ชาวนานายทุนน้อยแห่งชนบท" สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยม ๓ ที่โรงเรียนวัดศาลาปูน อำเภอกรุงเก่า ได้เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมปลาย ณ โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร และกลับไปศึกษาที่โรงเรียนมัธยมตัวอย่างประจำมณฑลอยุธยา จนจบชั้นมัธยม ๖ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ อายุได้ ๑๔ ปี หลังจากนั้นออกมาช่วยบิดาทำนาหนึ่งปี และจึงได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐

ต่อ มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๒ ปรีดีสอบไล่วิชากฎหมาย ชั้นเนติบัณฑิตได้ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมพอใจในผลสอบ จึงให้ทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนต่อด้านกฎหมาย ที่ประเทศฝรั่งเศส ใน พ.ศ. ๒๔๖๓ โดยเข้าเรียนชั้นปริญญาตรีทางกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยก็อง (Univesite de Caen) และศึกษาพิเศษจากศาสตราจารย์เลอบอนนัวส์ (Lebonnois) จนสำเร็จการศึกษาได้ปริญญารัฐ เป็น "บาเซอลิเย" กฎหมาย (Bachelier en Droit) และ "ลิซองซิเย" กฎหมาย (Licencie en Droit) ต่อมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ สำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์ (Sciences Juridiques) และสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูงในทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง (Diplome d"Etudes Superieures Economic Politique) มหาวิทยาลัยปารีส ได้ปริญญารัฐ "ดุษฎีบัณฑิตกฎหมาย"(Docteur en Droit) ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยเสนอวิทยานิพนธ์ เรื่อง "Du Sort des Societes de Personnes en cas de Deces d"un Associe" (ศึกษากฎหมายฝรั่งเศสและกฎหมายเปรียบเทียบ) นับเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ศึกษาต่อจนจบดุษฎีบัณฑิตด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัย ปารีส
และในระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่ปารีสนี้เอง ปรีดี พนมยงค์ ได้เริ่มคิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยในระยะแรก ท่านได้สนทนากับเพื่อนสนิท คือ ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี ซึ่งเป็นอดีตนายทหารมหาดเล็กของรัชกาลที่ ๖ และเดินทางไปศึกษาวิชารัฐศาสตร์ที่ประเทศฝรั่งเศส การเริ่มคิดการน่าจะเป็นวันหนึ่งใน พ.ศ. ๒๔๖๘ ซึ่งปรีดี และ ร.ท.ประยูร ได้สนทนากันในเรื่องปัญหา ของประเทศไทย และทั้งสองคนมีความเห็นตรงกันว่า จะต้องก่อการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบ ประชาธิปไตย ดังนั้น จึงได้ชักชวนให้ ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ นักเรียนทหารปืนใหญ่เข้าร่วมด้วย ต่อมา ได้รวบรวมนักเรียนไทยในยุโรป ๗ คน เปิดประชุมครั้งแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๘ (ปฏิทินเก่า ถ้าเป็นปฏิทิน ปัจจุบันจะเป็น พ.ศ. ๒๔๖๙) ซึ่งถือเป็นการก่อตั้งคณะราษฎรอย่างเป็นทางการ

หลังจากนั้น กลุ่มนักเรียนนอกเหล่านี้ได้กลับมายังประเทศไทย และรับราชการ ปรีดี พนมยงค์ รับราชการในกรมร่างกฏหมาย กระทรวงยุติธรรม และได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ส่วน ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ ได้เลื่อนเป็น พ.ต.หลวงพิบูลสงคราม แต่การคิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยังไม่มีโอกาสในการดำเนินการ เพราะมีกำลังไม่เพียงพอ จนเมื่อ ประยูร ภมรมนตรี สามารถชักชวนทหารชั้นผู้ใหญ่มาเข้าร่วมอันได้แก่

๑. พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา(พจน์ พหลโยธิน) รองจเรทหารบก ๒. พ.อ.พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาการโรงเรียนนายร้อย ๓. พ.อ.พระยาฤทธิ์อัคเนย์ (สละ เอมะศิริ) ผู้บัญชาการทหารปืนใหญ่ที่ ๑ ๔. พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) ผู้อำนวยการแผนกโรงเรียนเสนาธิการทหารบก

ดังนั้น กลุ่มคณะราษฎรจึงลงมือดำเนินการยึดอำนาจ ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ โดย พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา รับเป็นหัวหน้าคณะ พ.อ.พระยาทรงสุรเดชเป็นรองหัวหน้าคณะและเป็นผู้วางแผนการยึดอำนาจ หลวงประดิษฐมนูธรรมรับเป็นหัวหน้าสายพลเรือน เป็นผู้รับผิดชอบ ในการร่างแถลงการณ์ ร่างรัฐธรรมนูญการปกครอง และเป็นผู้ดูแลการบริหาร ราชการหลังการปฏิวัติ และในที่สุดการปฏิวัติก็ประสบผลสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ยอมรับเงื่อนไขของคณะราษฎร ที่จะให้มีการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญ และจำกัดอำนาจการบริหารของพระมหากษัตริย์ และให้มีรัฐสภา และมีรัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุด

หลังจากการปฏิวัติ หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนชุดแรก นอกจากนี้ ยังได้รับตำแหน่งเลขาธิการรัฐสภา นอกจากนี้ ยังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการราษฎร และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญด้วย ปรากฏว่า รัฐธรรมนูญฉบับถาวรร่างเสร็จ และประกาศใช้ในวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ตามหลักการของรัฐธรรมนูญนี้ ได้กำหนดให้ฝ่ายนิติบัญญัติ มีสภาผู้แทนราษฏรเพียงสภาเดียวโดยมีสมาชิก ๒ ประเภท และมีคณะรัฐมนตรีบริหารประเทศ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ก็ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาประเภทที่ ๒ และเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลด้วย

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ (ปฏิทินเก่า ถ้าคิดเป็นปีปัจจุบัน คือ พ.ศ. ๒๔๗๖) หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้เสนอเค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อที่จะใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ แต่ปรากฏว่าเค้าโครงเศรษฐกิจนี้ได้ถูกคัดค้านอย่างหนักจากฝ่ายของพระยามโน ปกรณ์นิติธาดานายกรัฐมนตรี และเหตุการณ์ขยายตัวจากการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยโจมตีว่ามีลักษณะเป็นคอมมิวนิสต์ กรณีนี้ นำมาซึ่งการที่ รัฐบาลพระยามโนปกรณ์ฯ ออกพระราชกฤษฎีกาปิดสภาผู้แทนราษฎร และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราในวันขึ้นปีใหม่ที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำรัฐประหารครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย เพราะเปิดโอกาสให้รัฐบาลออกกฎหมายบังคับใช้โดยไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้ แทนราษฎร และทำให้อำนาจสมบูรณ์อยู่ในมือของนายกรัฐมนตรี จากนั้น ในวันต่อมา รัฐบาลก็ได้ออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ .๒๔๗๖ เพื่อที่จะใช้เล่นงานหลวงประดิษฐ์มนูธรรมว่า มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ดังนั้น รัฐบาลจึงจัดการให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรม เดินทางออกจากประเทศสยามไปยังประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน

ต่อ มา พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ร่วมด้วย พ.ท.หลวงพิบูลสงคราม และ น.ท.หลวงศุภชลาศัย (บุง ศุภชลาศัย) ก่อการรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖ เพื่อที่จะรื้อฟื้นการใช้รัฐธรรมนูญ และเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในครั้งนี้ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้เรียกหลวงประดิษฐ์มนูธรรมกลับประเทศ เพื่อรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ต่อมาหลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย ซึ่งในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง หลวงประดิษฐ์ฯก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการปกครอง ท้องถิ่นตามแบบประชาธิปไตย โดยให้มีการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ นอกจากนี้ ก็คือ การก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อเป็นตลาดวิชา ให้ความรู้ทางการเมืองแบบประชาธิปไตยแก่ประชาชน จากนั้น หลวงประดิษฐมนูธรรม ก็ได้รับตำแหน่งผู้ประศาสน์การ (อธิการบดี) คนแรกของมหาวิทยาลัยฯ

ต่อมา ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปเจรจาแกัไขสัญญาไม่เสมอภาคกับชาติมหา อำนาจ การเจรจาครั้งนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ใน พ.ศ. ๒๔๘๑ จึงทำให้ประเทศสยามมีเอกราชสมบูรณ์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่การลงนามในสัญญาบาวริง พ.ศ. ๒๓๙๘ เป็นต้นมา และเป็นมูลเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลใหม่ของ พล.ต.หลวงพิบูลสงคราม เปลี่ยนชื่อประเทศจากประเทศสยามเป็นประเทศไทย ใน พ.ศ. ๒๔๘๒

เมื่อ หลวงพิบูลสงครามรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปการคลังของประเทศ เช่น การยกเลิกเงินรัชชูปการ และอากรค่านา ซึ่งเป็นภาษีที่ตกค้างมาจากยุคศักดินา การออกประมวลรัษฎากร เพื่อจัดการภาษีให้เป็นระบบระเบียบ และการเตรียม การตั้งธนาคารแห่งชาติ เพื่อควบคุมเสถียรภาพทางการเงิน ใน พ.ศ. ๒๔๘๕ รัฐบาลได้ยกเลิกบรรดาศักดิ์ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้กลับมาใช้ชื่อเดิมว่า ปรีดี พนมยงค์ อีกครั้ง ในระหว่างนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ภาวะสงคราม จากการที่ญี่ปุ่นได้ยกกองทัพบุกประเทศไทย และต่อมา รัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงครามก็ได้เข้าร่วมสงคราม โดยประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ปรีดี พยมยงค์ ได้พ้นจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี และรับตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และได้อาศัยเงื่อนไขนี้จัดตั้งขบวนการใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นที่มาของขบวนการเสรีไทย โดยปรีดีรับตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของเสรีไทยในประเทศ ใช้นามแฝงในขบวนการว่า รูธ ในระหว่างนี้ ท่านได้มีส่วนสำคัญมากในการผลักดันให้ จอมพล ป.พิบูลสงครามต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ และสนับสนุนให้ นายควง อภัยวงศ์ รับตำแหน่งแทน จากนั้นต่อมา ปรีดี พยมยงค์ ก็ขยายบทบาทของขบวนการเสรีไทยเพื่อเตรียมการต่อต้านญี่ปุ่น แต่สงครามได้ยุติลงก่อน เพราะญี่ปุ่นยอมแพ้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ อย่างไรก็ตาม ด้วยบทบาทของเสรีไทยดังกล่าว มีส่วนทำให้ประเทศไทยพ้นจากภาวะประเทศแพ้สงคราม ในภาวะเช่นนั้น ทำให้เกียรติภูมิของนายปรีดี พนมยงค์ สูงเด่นมาก

หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง ประเทศไทยบริหารด้วยรัฐบาลพลเรือน ที่มีแนวโน้มประชาธิปไตยอย่างมาก ปรีดี พนมยงค์ ได้รับการยกย่องเป็นรัฐบุรุษ และอยู่ในฐานะผู้ที่มีบทบาททางการเมือง จนกระทั่งวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านก็ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง ในระบบรัฐสภา โดยมีพรรคการเมืองที่สนับสนุนคือ พรรคสหชีพ พรรคแนวรัฐธรรมนูญ และ พรรคอิสระ ปรากฏว่า ในระหว่างที่ปรีดี พนมยงค์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นี้เอง ได้เกิดเหตุร้ายเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน นายปรีดีและคณะรัฐมนตรี ได้ขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาว่า ผู้ที่จะขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ ควรได้แก่สมเด็จพระอนุชา เมื่อสภามีมติเห็นชอบแล้ว เจ้าฟ้าภูมิพล ก็ได้ขึ้นครองราชเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๙

เหตุการณ์นี้ ทำให้ศัตรูทางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ ซึ่งก็คือพวกอนุรักษ์นิยมเจ้า และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน สบโอกาสในการทำลายนายปรีดี ทางการเมือง โดยการกระจายข่าวไปตามหนังสือพิมพ์ ร้านกาแฟ และสถานที่ต่างๆ รวมทั้งส่งคนไปตะโกนในโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ ว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" ซึ่งเป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก กลายเป็นกระแสข่าวลือ และนำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ และ พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคแนวรัฐธรรมนูญ ก็ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน  ต่อมา เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๐ คณะรัฐประหารซึ่งประกอบ ด้วย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ พ.อ.กาจ กาจสงคราม พ.อ.เผ่า ศรียานนท์ พ.อ. สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ และพยายามจับกุม ตัวปรีดี พนมยงค์ แต่ท่านทราบข่าวก่อนเพียงไม่กี่นาที จึงหนีทัน และต่อมาได้ลี้ภัยการเมืองไปยังบริติชมลายา จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๒ ท่านได้พยายามกลับมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจคืน แต่ประสบความพ่ายแพ้ จากนั้นได้ลี้ภัยต่อไปอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วได้พำนัก อยู่ที่นั่นเป็นเวลาถึง ๒๑ ปี ก่อนจะลี้ภัยต่อไปยังประเทศฝรั่งเศส ใน พ.ศ. ๒๕๑๓

ในระหว่างที่ปรีดี พยมยงค์ ลี้ภัยต่างประเทศนี้ การใส่ร้ายป้ายสีของฝ่ายรัฐบาลเผด็จการ ร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพิ่มทวีใน ๒ ข้อหา คือ กรณีสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ และข้อหาคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะการใส่ร้ายกรณีสวรรคต ดำเนินการโดยนายตำรวจคนสำคัญ คือ พล.ต.อ.พระพินิจชนคดี (เซ่ง อินทรทูต) และในที่สุด ก็ได้นำคดีฟ้องต่อศาล ทั้งที่หลักฐานอ่อนมาก ในกรณีนี้ นำมาซึ่งการประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ ๓ คน คือ นายชิต สิงหเสนี นายบุศย์ ปัททมศรินทร์ และนายเฉลียว ปทุมรส กรณีนี้ ถือได้ว่าเป็นจุดด่างในกระบวนการยุติธรรมของไทย

กระแสการใส่ร้าย ป้ายสีในฐานะฆาตกรกรณีสวรรคต และการโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ทำให้ภาพลักษณ์ของนายปรีดี เสียหายอย่างมาก จนกระทั่ง เมื่อเกิดกรณี ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖ จึงได้เริ่มเกิดกระแสรื้อฟื้นภาพลักษณ์ ของปรีดี พนมยงค์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มขบวนการนักศึกษาฝ่ายสังคมนิยมที่มีบทบาทอย่างมากหลัง ๑๔ ตุลาคม กลุ่มนี้จะวิพากษ์ศักดินานิยมและไม่เชื่อในเรื่องการกล่าวหาว่า ปรีดี พนมยงค์ เป็นฆาตกร และยิ่งต่อมา หลังกรณี ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ การกล่าวหาเรื่องกรณีสวรรคต ก็ไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไปในวงการวิชาการ ความพยายามในการที่จะสร้างเรื่องตอก ย้ำความเป็นฆาตกรของปรีดี ไม่ประสบผล ส่วนหนึ่ง ก็มาจากการที่หลักฐานในการกล่าวหาไม่สามารถที่จะสร้างให้มีน้ำหนักได้เลย นอกจากนี้คุณงามความดีที่ทำมาในอดีตของนายปรีดี ก็มีผู้นำมาศึกษาและเผยแพร่มากขึ้น

หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ ชานกรุงปารีสมานาน ๑๓ ปี ปรีดี พนมยงค์ ก็ถึงแก่กรรมในวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ รวมอายุได้ ๘๖ ปี ชีวิตของ ปรีดี พนมยงค์ สามารถที่จะสรุปได้ดังนี้ "คือผู้อภิวัฒน์การปกครองของประเทศไทย หัวหน้าขบวนการเสรีไทย เป็นผู้มีคุณูปการแก่ชาติ อย่างมากมาย แต่กลับกลายเป็นบุคคลที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีมากที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ สุดท้ายกลายเป็น "คนดี" ที่เมืองไทยไม่ต้องการและเมื่อถึงแก่กรรมก็ได้ฟื้นเกียรติคืนมา"
 

สมพร จันทรชัย
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #169 เมื่อ: 24-06-2008, 12:37 »

เรียนคุณ unit333

เรื่องลุงประเสริฐติวเข้มบิ๊กจิ๋วรับรู้กันปรกติครับ เพราะช่วงที่บิ๊กจิ๋วแกยังหนุ่มฟ้อน่ะ้เข้าออกซอยศาสนาแทบทุกวัน แต่เรื่องที่ว่าลุงเสริฐติวให้ป๋าเปรมด้วยนี่ผมไม่แน่ใจอย่างแรง เพราะเท่าที่ทราบป๋าเคยพบลุงเสริฐอยู่แค่สองครั้ง ก่อนที่จะไปที่ท่าวังผา น่าจะเป็นการไปสอบถามเรื่องสถานการณ์ภายใน พคท. มากกว่า เพราะตอนนั้นกำลังย้วย สายนักศึกษากับสายจีนคุยกันไม่รู้เรื่องและโดนโยนข้อหา "สุ่มเสี่ยงเอียงซ้าย" เข้าให้อีก

ส่วนคนที่สายจีนฝากความหวังอันสูงสุดไว้ให้ก็คือสหายจรัส อันนี้ข้อมูลเราตรงกัน

ส่วนนึงที่ผมไม่เข้าใจว่าคนที่อกหักจากการคั่วตำแหน่งประมุขสูงสุดของ พคท. ปัจจุบันอย่างสหายเข้ม กัยสหายสุภาพ ไหงไปญาติดีกับสหายจรัสได้ เพราะหลังจากมติตึกช้างเมื่อพฤศจิกายน 48 ที่เสียงส่วนใหญ่ยกให้สหายจรัสเป็นหัว พคท. ตามแผนฟื้นฟู สองคนนั่นเคยประกาศไม่เผาผีเอาไว้แล้วนี่ครับ ได้ยินกันทั่วทั้งเขตงานอีสาน โดยเฉพาะสหายเข้มนี่ถึงกับน้ำหูน้ำตาไหล เหตุเพราะ "หวังไว้มาก"

นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่สหายเข้มต้องหอบเอาหัวใจช้ำ ๆ มาขึ้นเวทีพันธมิตร ก่อนที่จะมารู้ว่าเป้าหมายและอุดมการณ์นั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน มันไปกันไม่ได้ เนื่องจากพันธมิตรมุ่งเรื่องการเมืองภาคประชาชน ไม่ใช่การถอดรื้อโครงสร้างอำนาจเก่า สหายเข้มเลยย้ายเป้าไปที่เวที นปก. เนื่องจากมีเป้าหมายตรงกัน ถึงกับยกย่องจักรภพให้เป็นตัวแทนของ "ซ้ายใหม่" ที่เหนือกว่า "ซ้ายเก่า" จนเป็นที่โห่ฮากันสนุกปากของบรรดาสหาย เพราะรู้กันดีว่าจักรภพเป็นได้แค่ "ซ้ายสตาร์บักส์"

จะเล่าอะไรให้ฟัง เผื่อคุณยังไม่รู้

ตอนที่พันธมิตรชุมนุมที่สนามหลวงในปี 49 ผมจำได้เลยว่าวันแรก ๆ เลยไม่เกินวันที่สามของการชุมนุม สหายจรัสโทรหาพิภพ ธงไชย คุยเรื่องแยกกันเดิน รวมกันตี แต่พิภพปฎิเสธข้อเสนออย่างชัดเจน จริง ๆ แล้วเรื่องนี้มีคนรู้กันเยอะ

ดังนั้นผมจึงยังไม่ปักใจเชื่อเด็ดขาดว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดจะมีเบื้องหลังมาจากกลุ่มเดียวกันครับ

ทฤษฎีที่ผมเชื่อว่าเป็นไปได้มากที่สุด คือ พคท. หลอกใช้นายทุน เพราะนายทุนคนนี้มีพลังพอที่จะที่จะ "เปลี่ยนแปลง" โครงสร้างเดิมได้ ในทางกลับกัน นายทุนก็ต้องหวังพึ่งมวลชนจาก พคท. โดยเฉพาะเขตงานอีสาน เนื่องจากเสียงที่นี่เท่านั้นจะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง

ทั้งสองส่วนดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี แต่ในท้ายที่สุดแล้ว พคท. ก็พร้อมจะเขี่ยนายทุนทิ้งทันทีหลังจากไปถึงเป้าหมาย ในความเป็นจริงแล้วแผนการลอยแพนายทุนถูกเตรียมไว้แล้วในเดือนพฤศจิกายน 2549 แต่เิกิดเหตุ 19 กันยาขึ้นมาเสียก่อน (ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของ พคท. )

เอาเท่านี้ก่อนนะครับ ค่ำ ๆ จะกลับมาต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2008, 13:22 โดย Limmy » บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #170 เมื่อ: 24-06-2008, 12:39 »

อ้อ เกือบลืม

ผมยังไม่ได้ชื่อไอ้โม่งตัวจริงจากเจ้าของกระทู้เลยครับ
บันทึกการเข้า
นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,289



« ตอบ #171 เมื่อ: 24-06-2008, 13:03 »

เมื่อไหร่ไอ้โม่งจะออกมาเสียทีหละ

อยากดูจัง
บันทึกการเข้า
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #172 เมื่อ: 24-06-2008, 13:12 »

เข้ามาปูเสื่อรอฟังเรื่องเล่าจากคนแก่ๆ ครับ

บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
Familie
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369



« ตอบ #173 เมื่อ: 24-06-2008, 13:24 »

รอดูไอ้โม่งอยู่เหมือนกันครับ
บันทึกการเข้า


บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ      ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า
เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา           หน้าที่เรา รักษา สืบไป
ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า      จะได้มี พสุธา อาศัย
อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย       มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #174 เมื่อ: 24-06-2008, 13:26 »

เข้ามาปูเสื่อรอฟังเรื่องเล่าจากคนแก่ๆ ครับ



ยังไม่แก่จ้า  

หลาย ๆ คนรอดูไอ้โม่งเหมือนผม  อาจจะต้องรออีกนานกระมังครับ เพราะบางทีการออกไปหาปลายังทะเลลึก มันหาทางกลับฝั่งยากยิ่ง 
บันทึกการเข้า
ฟ้าเข้ม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 462


« ตอบ #175 เมื่อ: 24-06-2008, 13:27 »

อยากได้ข้อสรุป ฟังง่ายๆ ไม่ต้องลากยาวรอบโลกมากมาย ระบุมาเลยว่าใคร ง่ายกว่ากันเยอะน่ะ 
บันทึกการเข้า
here_muk
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 83


« ตอบ #176 เมื่อ: 24-06-2008, 13:36 »

ผมอ่านมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ อ่านทุก คคห. ลิ๊งค์ที่ให้มาผมก็โหลดมาอ่าน ตาเปียกตาแฉะ
ผมใหว้ล่ะครับ คนๆ นั้นคือใครครับ บอกผมทีเถิด
บันทึกการเข้า
Familie
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369



« ตอบ #177 เมื่อ: 24-06-2008, 13:41 »

ถ้าจะให้ระบุตัวตนตรงๆ ผมคิดว่าคงไม่กล้า
ได้แต่อ้อมไปเวียนมาให้คิด
ส่วนออกทะเลไปแล้ว จะหาทางกลับฝั่งได้หรือเปล่านี่ไม่ทราบ
เพราะช่วงนี้มีพายุลมแรง เดี่ยวจะเหมือนที่ฟิลิบปินส์เอานะ
บันทึกการเข้า


บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ      ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า
เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา           หน้าที่เรา รักษา สืบไป
ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า      จะได้มี พสุธา อาศัย
อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย       มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย
มารุจัง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,761


@^____^@


« ตอบ #178 เมื่อ: 24-06-2008, 13:46 »

อ่านแล้วเวียนหัวค่ะ
ทุกอย่างเหมือนพยายามเขียนอ้อมไปอ้อมมา
ทำไมไม่เจาะจงชื่อกันให้ชัดเจน (หากมั่นใจ อย่างที่พยายามบอกมา)
เจาะจงชื่อกันเลยดีกว่าค่ะ.. จะได้ชัดเจนดี
คนอ่านก็ไม่งง
 
บันทึกการเข้า


ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้ง
ปล.รูปจากเวบ ผจก.
watson
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 393


« ตอบ #179 เมื่อ: 24-06-2008, 14:22 »

ที่จริงผมไม่คิดจะเข้ามาในกระทู้นี้แล้ว แต่เห็นว่ายังไม่ตกไปซะที ทั้ง ๆ ที่ควรจะตกไปนานแล้ว ก็เลยเข้ามาดูหน่อยว่า จขกท มีประเด็นอะไรใหม่หรือไม่ ปรากฏว่าก็ไม่มีประเด็นใหม่อะไร ยังวนเวียนพายเรื่ออยู่ในอ่างเหมือนเดิม
จากพฤติกรรมของ จขกท และแนวร่วม (จะเห็นว่ามี log in ที่เป็นแนวร่วมที่มีความคิดเห็นและข้อมูลที่เหมือนกับ จขกท เปี้ยบ และเล่นอยู่ในกระทู้นี้กระทู้เดียว ซึ่งอาจเป็นคน ๆ เดียวกันก็ได้) ผมจึงอยากขอสรุปว่า
จขกท มีเจตนา ที่จะลดแนวร่วมของพันธมิตรฯ โดยเอาเรื่องการไม่ประชุมของ คตส ในวันที่ 20 มาอ้างว่าเป็นเพราะการเคลื่อนพลของพันธมิตรฯ ซึ่งสองเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวโยงกันเลย (ลองคิดดูดีก็ได้นะครับว่ามันเกี่ยวกันได้ยังไง)
ที่จริงการต่อสู้กับระบอบทักษิณ นั้นไม่ได้เริ่มต้นจากพันธมิตรฯ เกิดจากบุคคลหลายกลุ่มที่มีเหตุผลในการต่อต้านต่าง ๆ กัน พวกเราหลายคนที่ร่วมต่อต้านทักษิณและนอมินีก็มีเหตุผลหลากหลาย และไม่ใช่เป็นเพราะความนิยมชมชอบในตัวของแกนนำแต่อย่างใด หลายคนไม่ชอบหรือรู้สึกเฉย ๆ กับแกนนำด้วยซ้ำ แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นเกิดจากคนเหล่านี้ที่อาจมีความคิดเห็นต่างกัน มารวมตัวกันเพราะมีจุดหมายเดียวกันในการโค่นล้มระบอบทักษิณ
ผมไม่อยากให้พวกเราหลงประเด็นและเสียเวลาไปเปล่า ๆ กับกระทู้ในลักษณะนี้ และขอยืนยันว่าผมเชื่อว่า จขกท เป็นแนวร่วมของระบอบทักษิณ และมีเจตนาเดียวในการตั้งกระทู้นี้ คือ เพื่อลดความน่าเชื่อถือในการร่วมต้อต้านระบอบทักษิณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #180 เมื่อ: 24-06-2008, 14:31 »

นักเขียนนวนิยายหลายคน ก็ประสบปัญหานี้ครับ ขึ้นต้นแล้วลงไม่ได้ จบไม่ลง

สาเหตุก็เพราะว่าพล็อตเรื่องที่คิดและโยงเอาไว้ มันสับสน จนไม่รู้ว่าจะขมวดปมอย่างไร

4 หน้าเข้าไปแล้วยังไม่เห็นชื่อไอ้โม่งเลย โม่งจ๋า อยู่หนาย 

ก็ต้องรอดูต่อไปครับ ให้โอกาสเขาหน่อย หวังว่าคงจะเห็นชื่อไอ้โม่งภายในวันนี้นะครับ แฟน ๆ เริ่มโห่ไล่แล้ว 
บันทึกการเข้า
ฟ้าเข้ม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 462


« ตอบ #181 เมื่อ: 24-06-2008, 14:44 »

หวังว่าไอ้โม่งคงไม่ใช่ชื่อไอ้ปื้ดนะ


 
บันทึกการเข้า
wincha
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #182 เมื่อ: 24-06-2008, 15:09 »

ไหนๆก็คนละเรื่องเดียวกันแล้วครับ
จขกท. เอานี้ไปอ่านเพิ่ม

 

   
       ตั้งแต่ 19 กันยายนแล้ว ผมรู้สึกเอะใจหลายๆ เรื่อง ผมไม่กล้าพูด เพราะเห็นประชาชนมีความสุขกับรถถังที่ออกมา ผมเห็นหลายๆ คนกลายเป็นวีรบุรุษ ผมไม่ได้อิจฉาความเป็นวีรบุรุษของใคร แต่ผมกำลังมีความรู้สึก ผมมีความรู้สึกว่าพวกเรากำลังถูกหลอกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือเปล่า ผมเคยคิด ใช้ตรรกะคิด ว่าทำไมคุณถึงทำอย่างนั้น ทำไมคุณไม่ทำอย่างนี้ ผมคิดจนหัวเกือบแตกผมก็คิดไม่ออก ผมคิดไม่ออกว่าคนบางคนมียศสูงถึงขนาดนั้น คนบางคนมีตำแหน่งแห่งที่ที่ทรงเกียรติ ผมคิดไม่ออกพ่อแม่พี่น้อง คิดให้ตายก็คิดไม่ออก ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์ ได้แต่บ่น ได้แต่พูดจาอย่างชนิดที่เรียกว่าระเบิดอารมณ์ออกมา พ่อแม่พี่น้องที่ดูรายการผมก็รู้ว่าบางอาทิตย์นั้นผมแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลย เหมือนกับคนซึ่งมันท้อแท้ หรือเหมือนกับคนซึ่งมันทนไม่ได้ ผมไม่เคยเข้าใจอะไรจนกระทั่งผมนั่งเฉยๆ แล้วผมกำหนดสติผม แล้วบอกสนธิคิดใหม่ได้ไหม คิดอีกมุมหนึ่งได้ไหม
       
       สมมุติว่าเขาแอบร่วมมือกับทักษิณ ชินวัตร พอตั้งทฤษฎี ตั้งเป้าสมมติฐานแบบนั้น อ้าวฉิบหาย มันทะลุหมดเลยทุกข้อ มันทะลุข้อแรก ข้อไหน ทำไมมึงยึดอำนาจแล้วมึงไม่อายัดทรัพย์ นั่นคือข้อแรก ข้อที่ 2 ทำไมพอยึดทรัพย์ พออายัดทรัพย์ ตั้ง คตส.มาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทหารใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเลขาฯ คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ประธาน คมช. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประสานเสียงพูดคำว่าสมานฉันท์กันตลอดเวลา เราต้องการให้สังคมสมานฉันท์ พ่อแม่พี่น้องจำได้หรือเปล่า คิดให้ดีๆ กลิ่นตดยังไม่ทันจางหายเลย มันพูดคำว่าสมานฉันท์แล้ว กลิ่นเน่าที่ทักษิณทำเอาไว้ ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไม คตส.เรียกร้องให้รัฐบาลแค่ออกมติ ครม.เฉยๆ ระบุไปว่าข้าราชการคนไหนที่ คตส.เรียกมาให้การ ต้องให้ความร่วมมือด้วยตัวเองในการให้การ และต้องเอาเอกสารมาให้ด้วย มติ ครม.แค่นี้จนวันนี้มันยังไม่ออก ผมไม่เข้าใจ และผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ พจมาน ชินวัตร ถึงเข้าไปพบป๋าเปรมได้ง่ายอย่างนั้น และผมก็ไม่เข้าใจว่าการยึดอำนาจทั้งที คนอย่างนายทักษิณ ทำไมไม่เอาลูกไม่เอาเมียออกนอกประเทศไปอยู่ด้วย ใช่ไหม ยัยอ้อยังเดินช็อปปิ้งอยู่เอ็มโพเรียม ลูกชายยังไปเที่ยวผับอยู่เหมือนเดิม ลูกสาวก็ยังเที่ยวอยู่เหมือนเดิม เหมือนกับว่ามีการตกลงอะไรกันไว้ล่วงหน้า มันเจ็บมั้ยพ่อแม่พี่น้อง ผมนี่เจ็บ
       
       เมื่อเรามาไล่เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์แล้วเราจะเห็นรอยโซ่ข้อต่อที่มันต่อเนื่องกันมา พ่อแม่พี่น้องเวลาดูเรื่องราวอย่าไปดูเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกกันว่า Real Time เพราะว่าอะไรก็ตามที่เกิดตรงนี้ ตรงหน้า มันจะต้องมีที่มาที่ไป มันต้องมีเหตุถึงมาเกิดตรงนี้ได้ ใช่ ไม่ใช่ ในทางพุทธเขาเรียกว่าหลักปฏิจจสมุปบาท ก็คือมันมีเหตุปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันนี้ มันถึงก่อให้เกิดเหตุปัจจัยที่ 2 ก่อให้เกิดเหตุปัจจัยที่ 3 โพเดียมตัวนี้ไม่ใช่จู่ๆ มาเป็นโพเดียม มันต้องมาจากไม้ซุง เลื่อยออกมา เอามาประกอบ แล้วไม้ซุงมาจากไหนถ้าไม่ใช่มาจากต้นไม้ เพราะฉะนั้นเมื่อเราดูในองค์รวมทั้งหมด ดูในภาพรวม ดูป่าทั้งป่า อย่าไปดูแค่ต้นไม้ต้นเดียว
       
       ใครเคยดูรายการผม จำได้ไหม ผมเป็นคนแรกที่หลังการยึดอำนาจ 2 อาทิตย์ แล้วผมออกมาถาม คมช.ว่าคุณออกมายึดอำนาจทำไม ถ้าคุณยึดทั้งทีแล้ว คุณอ้างว่ามี 4 ข้อ ที่ทักษิณทำ เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณเข้ามายึดอำนาจ 1.ทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างมหาศาล 2. แทรกแซงองค์กรอิสระ 3. ทำให้ประชาชนแตกแยะ และ 4. จาบจ้วงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมถาม จำได้หรือเปล่า คุณไม่ได้ทำแม้แต่ข้อเดียว เมื่อไม่ได้ทำแล้วผมก็ออกมาพูด นั่นคือที่มาของการตั้ง คตส.ขึ้นมา เพราะว่าแรงกดดันจากประชาชน พ่อแม่พี่น้อง ในอเมริกาโทรศัพท์มาเข้าเอเอสทีวี ด่า คมช.กันเละเลย แล้วก็ไม่ไปด่าเขาตรงๆ ทะลึ่งด่าผ่านหูผม บางคนใส่ไปชุด สัตว์เลื้อยคลานเต็มไปหมด บอกพี่ๆๆ ผมไม่ได้ด่าคุณสนธินะ ปรากฏว่า ต่อมาภายหลังถ้าจำได้ ผมเป็นคนถามคำถามนายกฯ ผมบอกว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านไปสัญญาอะไรกับทักษิณไว้หรือเปล่า จำได้หรือเปล่า ตอนนั้นไม่มีใครพูด เงียบหมด ผมถามว่าถ้าท่านไม่สัญญา ทำไมท่านไม่ทำ 1 ไม่ทำ 2 ไม่ทำ 3 ไม่ทำ 4 รัฐมนตรีท่านใส่เกียร์ว่าง แรกๆ ก็ใส่เกียร์ว่างนะ นั่งในรถใส่เกียร์ว่าง หลังๆ จอดรถ ทิ้งรถ แล้วก็เดินไปไหนไม่รู้
       
       ผมมีข้อพิสูจน์ นายกฯ มัวแต่พูดเรื่องสมานฉันท์ สังคมไทยแตกแยก จำได้หรือเปล่าพูดว่าองคุลีมารยังกลับใจได้เลย เปิดทาง คล้ายๆ บอกว่าถ้าทักษิณกลับใจแล้วก็น่าจะให้อภัยเขา จำได้ไหมที่เขาพูดอย่างนี้ แล้วจำได้ไหมผมพูดอย่างไง ผมบอกว่า นายกฯ สุรยุทธ์ไม่ใช่พระพุทธเจ้า มีคนเดียวในจักรวาลนี้ที่สามารถอ่านจิตคนออก แล้วรู้ว่าคนๆ นี้กลับใจได้ไม่ได้ คนนั้นคือ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่อ่านจิตองคุลีมาลย์ออกว่าคนๆ นี้ถังฆ่าคนเยอะแต่สามารถกลับใจได้ นายกฯ ดันทะลึ่งไปอ้างว่า องคุลีมาลย์กลับใจได้ เพราะฉะนั้นแล้ว จุด จุด จุด จุด ถ้าทักษิณเขากลับใจเราต้องให้อภัยเขา เพราะเราต้อง ทะลึ่งเอาพรหมวิหารมาสอนพวกเราอีก จำได้หรือเปล่า ที่บอกว่า เราต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา นายกฯ ท่านคงลืมนึกไป ท่านนึกว่าท่านเป็นคนเดียวที่เคยบวช ท่านลืมไปว่า สนธิมันก็บวชมาเหมือนกัน ผมเลยต้องเอาหลักธรรมะสอนท่าน จากนั้นท่านไม่กล้าเอาธรรมะขึ้นมาพูดเลยแม้แต่นิดเดียว จากการสมานฉันท์
       
“ยามเฝ้าแผ่นดินสัญจร” ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2550
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000103028
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2008, 15:23 โดย wincha » บันทึกการเข้า

"ความดีของมนุษย์จะสิ้นสุดลงเมื่อมาเป็นนักการเมือง" อริสโตเติ้ล
wincha
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #183 เมื่อ: 24-06-2008, 15:11 »

..........
บันทึกการเข้า

"ความดีของมนุษย์จะสิ้นสุดลงเมื่อมาเป็นนักการเมือง" อริสโตเติ้ล
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #184 เมื่อ: 24-06-2008, 15:12 »

อ้อ เกือบลืม

ผมยังไม่ได้ชื่อไอ้โม่งตัวจริงจากเจ้าของกระทู้เลยครับ

ไม่จริงมั้ง เพราะว่าชื่อไอ้โม่ง นั้น คุณ Limmy ได้เปิดเผยออกมาเรียบร้อยแล้ว

เพียงแต่ว่า คุณอาจจะแกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริงๆ ก็เป็นได้

 

บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
wincha
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #185 เมื่อ: 24-06-2008, 15:17 »

คุณ Hacksecret ก็บอกไปเลยซิครับว่าหมายถึงคนที่เป็นอัลไซเมอร์อ่ะแหละ
จะได้จบ

 
บันทึกการเข้า

"ความดีของมนุษย์จะสิ้นสุดลงเมื่อมาเป็นนักการเมือง" อริสโตเติ้ล
wincha
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #186 เมื่อ: 24-06-2008, 15:26 »

ไม่ต้องหาแนวร่วมแล้วครับคุณ Hacksecret มีแนวร่วมมาใหม่แล้วครับ สงสัยจะอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน

“เอกยุทธ” ชี้พันธมิตรฯหลอกคน

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ กล่าวถึงกรณีแกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่าจำเป็นต้องมีการเมืองใหม่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และมีเป้าหมายคือจะให้มีตัวแทนทุกภาคส่วนที่เป็นจริงในสภา ซึ่งอาจใช้ระบบเลือกตั้งหรือคัดสรร โดยอาจเป็นสภาแห่ง ชาติ ว่า ก่อนหน้านี้ ตนคิดว่าแกนนำทั้ง 5 คนของกลุ่มพันธมิตรฯมีเจตนาดีที่จะออกมาต่อสู้กับความชั่วร้าย แต่เมื่อมองแนวคิดการเสนอสร้างสภาแห่งชาติของแกนนำพันธมิตรฯแล้ว น่าจะเพื่อเป็นการสร้างอำนาจต่อรองให้กับพวกตัวเอง ตนจึงเห็นว่ามวลชนบริสุทธิ์ที่ออกมาต่อสู้ เริ่ม ถูกหลอกใช้แล้วเพราะมีการเตรียมการมากไปกว่าจะให้รัฐบาลของนายสมัครลาออก การดึงมวลชนออกมาเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยไม่ยอมรับการเลือกตั้งนั้นถือว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และการยกระดับการต่อสู้เพื่อปฏิวัติโดยประชาชนถือว่าน่าอันตราย เพราะการปฏิวัติโดยประชาชน จะเกิดขึ้นได้โดยต้องมีการเสียเลือดเนื้อ ยิ่งประเทศไทยมีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย ยิ่งทำไม่ได้และไม่สมควรทำอย่างยิ่ง


นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ปูมหลังของคนในกลุ่มพันธมิตรฯหลายคน เคยเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นส.ส.สอบตก อดีตส.ว.หรือทหารที่เกษียณ ซึ่งตนอยากบอกว่าขณะนี้มีการคิดร้ายอะไรบางอย่างอยู่และขอเตือนรัฐบาลนี้ว่าการประท้วงครั้งนี้มีเจตนาแอบแฝง และนายสมัคร ควรตัดสินใจได้แล้วว่าประเทศควรเดินไปในจุดใด มิฉะนั้น ถ้าปล่อยเช่นนี้ ก็จะมีทหารออกมา อีกทั้งนายสมัครควรจัดการกับพวกที่อาศัยสภาหากินให้เด็ดขาด โดยแก้ไขกฎหมายที่กำหนดให้มีการสำแดงบัญชีการเสียภาษีให้สอดคล้องกับทรัพย์สินที่ได้มาก่อนจะลงเล่นการเมือง เพื่อเป็นการคัดน้ำดี สกัดน้ำเน่าออกไปจากแวดวงการเมือง.

http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=168028&NewsType=1&Template=1
บันทึกการเข้า

"ความดีของมนุษย์จะสิ้นสุดลงเมื่อมาเป็นนักการเมือง" อริสโตเติ้ล
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #187 เมื่อ: 24-06-2008, 20:27 »

หง่ะ ถ้าลุงคนนั้นน่ะเกรงว่าจะไม่ใช่ครับ

อัลไซเมอร์รับประทานแล้ว แข้งขาก็อ่อนแรง บ่จี๊อีกต่างหาก
บันทึกการเข้า
fineday
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54


« ตอบ #188 เมื่อ: 24-06-2008, 22:42 »


เรียนผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย..

คคห ต่อๆไปเวลาเอ่ยชื่อสหายท่าน โปรดวงเล็บชื่อสามัญไว้ด้วย จะขอบคุณมาก
เชื่อว่าผู้ติดตามกระทู้หลายคนซึ่งใช้คอมฯไฮเทค จะสับสนว่าไผเป็นไผ? เพราะไม่คุ้นกับคอมฯเก่าๆ
ต้องคลิกไปดูอ้างอิงหน้าก่อนๆ หรือกระทู้อื่นๆ
เป็นการลำบากทุลักทุเลยิ่งสำหรับคนเน็ตช้า -- อย่างข้าพเจ้า 

ด้วยความเคารพ
--------------------------

คิดเหมือนคุณ Limmy ตามข้อความต่อไปนี้...
ทฤษฎีที่ผมเชื่อว่าเป็นไปได้มากที่สุด คือ พคท. หลอกใช้นายทุน เพราะนายทุนคนนี้มีพลังพอที่จะที่จะ "เปลี่ยนแปลง" โครงสร้างเดิมได้ ในทางกลับกัน นายทุนก็ต้องหวังพึ่งมวลชนจาก พคท. โดยเฉพาะเขตงานอีสาน เนื่องจากเสียงที่นี่เท่านั้นจะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง

แต่ไม่ฉลาดเท่าคุณลิมมี่ เพราะยังคิดไปไม่ถึงตอนที่พวกนี้วางแผน "เขี่ย" นายทุน

คิดเหมือนคุณวัตสัน ตามข้อความต่อไปนี้...
ผมเชื่อว่า จขกท เป็นแนวร่วมของระบอบทักษิณ และมีเจตนาเดียวในการตั้งกระทู้นี้ คือ เพื่อลดความน่าเชื่อถือในการร่วมต้อต้านระบอบทักษิณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แต่ไม่เห็นด้วยกับคุณวัตสันอย่างแรง ในข้อความต่อไปนี้..
ผมไม่อยากให้พวกเราหลงประเด็นและเสียเวลาไปเปล่า ๆ กับกระทู้ในลักษณะนี้

ไม่เสียเวลาเปล่าหรอก... เราเกลียดพวก "ตอแหล - หน้าไหว้หลังหลอก"
อย่างน้อย ก็ทำให้ "กระจ่างชัดได้ระดับหนึ่ง" ว่าไผเป็นไผ มาด้วยเจตนาอะไร --- ดีกว่าปล่อยให้ "ค้างๆคาๆ" เหมือนคนขี้ไม่สุด
ทำทีมาชูดาบเงื้อง่าจะฟันคนโน้นบังหน้า พอเผลอก็เอาหอกกระทุ้งใส่อีกคน

ความจริงเราว่า กระทู้นี้แม้จะ "ไม่มีสาระ" แต่ก็ได้เห็น "ความพยายามแบบใหม่ๆ" ของคนบางกลุ่ม
เป็นกระทู้ที่ควรเซฟเก็บไว้ และนำไป "แกะรอย" ด้วยซ้ำ   
แกะรอยหา จขกท และแนวร่วมนะ --- ไม่ใช่แกะรอยหา "ไอ้โม่ง"

จขกทและแนวร่วม พยายามใส่ร้าย "ผู้ใหญ่คนหนึ่ง" ที่เราเคารพรัก ด้วยข้อหาฉกาจฉกรรจ์ ๓ ข้อใหญ่ๆ
๑. เป็นคอมมิวนิสต์ ระดับหัวหน้าของหัวหน้า

๒. กำลังคิดการใหญ่ ล้มล้าง.. เพื่อสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่เสียเอง

อ้างจากข้อความของคุณตองสามยูนิต ใน คคห ท้ายๆ หน้าสาม ... ที่ว่า
นี่คือความสัมพันธ์ทางอุดมการณ์ และ ตัวบุคคลบางส่วนที่เคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนี้ก็จะเคลื่อนไหว อยู่ภายในขอบเขตจำกัดที่ถูกกำหนดไว้แน่นอนตายตัวถึงบทบาทแต่ละคน เหมือนกับตาหมากรุกมี 64 ตา แต่ม้าก็เดินแบบม้า เรือก็ไปทางตรง เบี้ยเดินทะแยง นี่คือลักษณะที่เป็นไป

ส่วนผู้เดินนั้นมีเพียงสองคน เรียกว่า สองขั้วอำนาจ  อำนาจหนึ่งสู้เพื่ออยู่รอด=รักษาอำนาจเดิม   อีกขั้วหนึ่ง ต้องการแย่งชิงอำนาจ(ขออภัยบางส่วนแม้จริง ก็ต้องสงวน เพื่อความปลอดภัยของบอร์ดเอง)


๓. กำลังวางแผนเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ปชต เป็น คมน

เป็น "การโต้กลับ" ที่เราเห็นมาบ่อยๆ
แม้วโดน "กล่าวหา" ด้วยประเด็นอะไร
กองหนุนจะเล่นงาน "ฝ่ายตรงข้าม" ด้วยข้อกล่าวหาเดียวกัน
จะมีเหตุผลหนุนหลังเพียงพอหรือไม่ ไม่สน

ตราบใดที่ "ท่านผู้นี้ยังอยู่" ก็ยังเป็น "ก้างชิ้นใหญ่" ของพวกที่คิดเขมือบชาติ
มันจึงตั้งหน้าตั้งทำลายท่านกันอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย -- อย่างน่าพิศวงงงงวย!
และคงจะตั้งหน้าตั้งตาทำลายท่านไปอีกนาน

-------------------------------------------

อ่าน คคห แล้วใจเรามันเจ็บจี๊ดๆๆๆ ...
เพราะเราอ่านแล้ว "เชื่อ" ว่า ถ้าคุณตองสามฯ ไม่ใช่นายทหารชั้นผู้ใหญ่อายุเยอะ  (อาจจะเป็นแค่ "คอมฯเก่าๆ")
ในการนี้ก็ต้องมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่อายุเยอะร่วมวงด้วยอย่างแน่นอน

คุณ Limmy ช่วยยืนยันให้สบายใจหน่อยเถิด ว่า ความเห็นสองบรรทัดข้างบนของเรา -- ไม่เป็นความจริง!!! 

วังเวงประเทศไทย เหลือเกิน 
บันทึกการเข้า
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #189 เมื่อ: 27-06-2008, 10:53 »

หลายๆท่าน ได้พักผ่อนสมอง ไปฟังการปราศรัย อภิปรายไม่ไว้วางใจกัน

แต่ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่า เป็นการประชุมเพื่อดึงเกมส์หลอกประชาชนกันต่อไป

เนื่องจากฝ่ายพันธมิตรหมดมุขชั่วคราว อีกทั้งต้องให้ฝ่ายตรงข้ามแสดงบทบาทบ้าง ถึงแม้จะไร้ซึ่งสาระใดๆก็ตาม(เพราะพันธมิตรขโมยซีน เอามาแฉหมดแล้ว)

ก็เหมือนกับละคร เพราะบางครั้งเราก็ต้องดูบทที่พระเอกแสดง สลับการคนร้าย ไม่งั้น ก็คงไม่มีสีสันกันพอดี

........................................................................................................

ได้ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ แล้ว จึงขอลากข่าวมาแปะให้ได้อ่านกันสักนิดก่อนที่จะเข้าเรื่องอีกครั้ง โดยในครั้งนี้จะมีทีเด็ด โดยอาจมีรูปภาพประกอบให้ได้ชมกัน ในคราวต่อไป

........................................................................................................

“ไชยวัฒน์”ยี้ซักฟอกหลอก ปชช. จี้ “ทหาร-ตร.”ออกจากที่ตั้ง! โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2551 02:54 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000075521

“ไชยวัฒน์” ชี้ซักฟอก “รัฐบาล” แค่ละครฉากใหญ่หลอกลวงประชาชน อัดยับพรรคร่วมฯ จ่อล้มลายทั้งชีวิตเพราะจงรักภักดีแต่ปาก ก่อนยกฝ่ายค้านทำเต็มที่แล้ว พร้อมจี้สำนึก “ทหาร-ตร.” อย่าลังเล วอนออกจากที่ตั้งเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ
       
       วันนี้ (27 มิ.ย.) นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่แล้ว และเท่าที่ตนได้ติดตามดูข้อมูลแล้ว รับรองว่ารัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมถอยออกมา ดังนั้นจึงไม่ต้องไปลุ้นให้เสียเวลา เพราะสุดท้ายก็กลายเป็นละครหลอกประชาชนฉากใหญ่ แล้ววันนี้จะมีระบอบรัฐสภาไปทำไม
       
       “เรื่องเขาพระวิหารเรื่องเดียวก็ยกมือไม่ไว้วางใจได้แล้ว วันนี้ทำเป็นของเล่น บางคนบอกว่าพันธมิตรฯ ปลุกระดมมวลชน ซึ่งเราไม่ได้ปลุกระดมอะไรเลย เพียงแต่เล่าความจริงให้ฟังว่า กรณีเขาพระวิหารนั้นเราพูดกันมาว่ามีประเด็นอะไรบ้าง จนทำให้คนไทยตื่นตัว และตระหนักถึงการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ว่าจะขายชาติ ขายแผ่นดิน เพราะแม้แต่ศาลยังถูกแจกขนม 2 ล้านบาท ฉะนั้นทุกอย่างที่เราตั้งธงไว้มันเป็นเรื่องจริง”
       
       นายไชยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนได้ข้อมูลมาว่าคุณหญิงตัวดี ก็ไปที่ศาลด้วย แต่ออกมาก่อนจึงรอดคุก 6 เดือนไปอย่างอย่างหวุดหวิด วันนี้ข่าวเงินสินบน 2 ล้าน เผยแพร่ออกไปทั่วโลก ฉะนั้นที่ไปเดินสายโดยทำตัวว่ามาจากระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทั่วโลกจับได้ และถือมากว่าอดีตผู้นำอะไรไปยัดเงินในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือว่าจบสิ้นแล้วตระกูลนี้ แล้วจำได้หรือไม่กรณีการขายหุ้น 73,000 ล้าน แต่วันนี้กลับมีกรณีเงินขนมตกกลางศาล 2 ล้านบาท

       วันนี้ชัดเจนหมดแล้วเรื่องเขาพระวิหาร โดยพรุ่งนี้ชาวอุดรฯ จะเปิดเวทีที่กรุงศรีเมืองเวลา 15.00 น. โดยมีอดีตผู้ว่าฯ ขอนแก่น ซึ่งเกษียณอายุไปแล้ว แต่จะไปขึ้นเวทีที่ จ.อุดรฯ เพราะกรณีดังกล่าวนั้นกินใจพี่น้องประชาชนไปทั่วประเทศ ดังนั้นอยากจะชักชวนพ่อแม่พี่น้องให้ฟังเพลงต้นตระกูลไทย เพราะเราจำเป็นต้องทำหน้าที่ในฐานะเจ้าของแผ่นดิน และเจ้าของอำนาจอธิปไตย เพราะกรณีเขาพระวิหารมันฟ้องหลายเรื่อง โดยเฉพาะผู้นำที่เห็นแก่ตัวของประเทศไทย ที่กล้าเอาเรื่องที่บาดใจของชาวไทยกับกัมพูชาไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจของตัวเอง และที่ต้องเร่งเรื่องการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก เพราะกัมพูชาจะเอาเขาพระวิหารไปเป็นประเด็นหาเสียงในการเลือกตั้ง โดยมีอดีตผู้นำไทยต้องการที่จะได้เกาะกง และสัมปทานแหล่งน้ำมันมหาศาล โดยเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากคนเพียง 2 กลุ่มเท่านั้น..........

(รบกวนไปอ่านต่อตามลิงค์ละกันนะจ๊ะ)
บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #190 เมื่อ: 27-06-2008, 11:01 »

ข่าวข้างล่างนี้ หากอ่านดีๆแล้ว คำพูดบางประโยค คลับคล้ายคลับคลาว่า คล้ายๆกับคอมมิวนิสต์ ยังไงไม่รู้

..............................................................................................................................

คอมมิวนิสต์ ในอดีต เป้าหลายหลักคือการโค่นล้มสถาบัน...

แต่ในปัจจุบัน สังคมนิยมเปลี่ยนไปอย่างมาก ผู้คนย่อมเห็นแก่มนุษยธรรมเป็นซะส่วนใหญ่ อีกทั้งสถาบันยังเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนทั้งประเทศ หากทำการโค่นล้มอาจจะทำให้แผนการณ์ดำเนินไปอย่างลำบาก

แต่ยังมีวิธีการ ที่จะดำเนินการคู่ได้ โดยการคงสถาบันกษัตริย์ไว้......ทำอย่างไร ใครช่วยบอกที?????

..............................................................................................................................

“การเมืองใหม่” ภายใต้การต่อสู้ของพันธมิตรฯ  โดย สุริยะใส กตะศิลา

ภายหลังพันธมิตรฯ สามารถเคลื่อนขบวนหลายแสนคนฝ่าด่านกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนสามารถเข้ามายึดพื้นที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเลือดตกยางออกอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวล หลังจากนั้น พันธมิตรฯ ได้ตั้งเวทีถาวรขนาดใหญ่ที่สะพานชมัยมรุเชฐ และมีการเปิดปราศรัยปกติคล้ายๆ กับการชุมนุมยืดเยื้อที่สะพานมัฆวานรังสรรค์

ประเด็นที่ได้รับความสนใจและถามไถ่จากสื่อมวลชน กระทั่งกลายเป็นข้อถกเถียงตามมาในวงกว้างก็คือ การเปิดประเด็นของ 5 แกนนำบนเวทีปราศรัย ที่ชูธงปลุกมวลชน "ร่วมสร้างการเมืองใหม่" พร้อมๆ กับการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีการเมืองแบบระบบรัฐสภาในปัจจุบันที่ไม่สามารถเยียวยาหรือแก้ไขวิกฤตการณ์ของชาติได้อย่างเท่าทัน

การเมืองใหม่ ได้กลายเป็นวาทกรรมการเมืองที่หลายฝ่ายออกมาตีความ ขยายความ ตั้งข้อสังเกต หรือกระทั่งเคลือบแคลงว่าพันธมิตรฯ มีวาระพิเศษหรือวาระซ่อนเร้นจากการชูธงผืนใหม่ใบนี้หรือไม่

ผมในฐานะผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ซึ่งพอมีความใกล้ชิดทางความคิดกับแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ทั้งในห้องประชุมและนอกห้องประชุม

ผมเห็นว่า การชูธง "ร่วมสร้างการเมืองใหม่" ของทั้ง 5 แกนนำต่อมวลชนพันธมิตรฯ และสาธารณชนนั้น ถือเป็นการยกระดับการต่อสู้ของแกนนำ และมวลชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เป็นการยกระดับที่อาจดูเหมือนล้ำหน้า และเกินความเข้าใจของประชาชนทั่วไป แต่เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องพูด ต้องเสนอและต้องกล้าจุดประกาย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายหรือ ถ้าเปรียบประเทศเป็นปลาก็เหลือแต่ก้างไว้ให้ลูกหลานเท่านั้น

เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วถ้าเราย้อนไปดูการก่อเกิดของพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และเปิดโปงความเลวร้ายของระบอบทักษิณ โดยชูวาทกรรม "กู้ชาติ" นั้น แม้สุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยการรัฐประหาร และต่อมาระบอบทักษิณ ได้ถูกรื้อถอนไปในระดับหนึ่งก็ตาม

แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ข้อยุติ ซ้ำร้ายหลังการเลือกตั้งได้รัฐบาลนอมินี ยิ่งพบชัดเจนว่าการเมืองไทยมีทิศทางกลับไปสู่ระบอบทักษิณ และความเป็นใหญ่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งกลุ่มทุนการเมืองในนามพรรคไทยรักไทยเดิม

ด้วยเหตุดังนั้น การประกาศฟื้นพันธมิตรฯ ภาค 2 จึงเลี่ยงไม่พ้น แต่ภายใต้สถานการณ์ใหม่จึงดูเหมือนธงการต่อสู้ของพันธมิตรฯ จึงเป็นธงผืนใหม่และใบใหญ่กว่าเดิม คือธง "โค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลหุ่นเชิด" ในความหมายของ "สงครามกู้ชาติครั้งสุดท้าย"

ในขณะเดียวกันก็ประกาศสงครามครั้งใหม่ คือ การชูธง "สร้างชาติ" ภายใต้วาทกรรมการเมืองใหม่ ไปให้พ้นระบบรัฐสภาของนักเลือกตั้ง หรือประชาธิปไตยแบบ 4 วินาที หรือลัทธิเลือกตั้งเป็นใหญ่

"การเมืองใหม่" ในความหมายของพันธมิตรฯ จึงเป็นการเมืองที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ลดอำนาจหน้าที่ของตัวแทนหรือผู้แทนลง เพิ่มบทบาทและอำนาจให้กับประชาชนมากขึ้น

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ประชาธิปไตยแบบระบบรัฐสภา หรือประชาธิปไตยแบบผู้แทนได้ถูกประจานไปทั่วโลกว่ามีขีดจำกัดและไม่มีศักยภาพในการรับมือกับวิกฤตการณ์ของโลกในยุคทุนสามานย์เป็นใหญ่ กระแสการพัฒนาประชาธิปไตยในทางสากลทั่วโลกจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการปรับปรุงปฏิรูประบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเข้มข้นมากขึ้น

ในบางประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ไม่เพียงแต่ลดบทบาทและอำนาจในการตัดสินใจของผู้แทนลงเท่านั้น แต่ยังเพิ่มและถ่ายโอนเคลื่อนย้าย "อำนาจในการตัดสินใจ" ไปที่ประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยตรงมากขึ้น ในรูปแบบของการประชาพิจารณ์ (Public Hearing) และประชามติ (Referendum) มากขึ้น

การเมืองใหม่ในความหมายของประชาธิปไตยแบบใหม่ จึงไม่ใช่แค่ต้องให้ความสำคัญกับที่มาหรือกระบวนการในการตัดสินใจใช้อำนาจเท่านั้น หากแต่ต้องสร้างหลักประกันว่าประชาชนทุกสาขาอาชีพ ทุกชนชั้นจะเข้าถึงอำนาจในการตัดสินใจหรือกำหนดทิศทางในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา กรรมกรผู้ใช้แรงงาน คนจนในเมือง คนจนในชนบท ชนเผ่าชายขอบ พ่อค้าวาณิชย์ นักธุรกิจชนชั้นกลาง ผู้หญิง คนพิการ คนด้อยโอกาสทางสังคม เป็นต้น

กล่าวเช่นนี้ย่อมแน่นอนว่าไม่ใช่แค่สัดส่วนหรือที่นั่งในอำนาจนิติบัญญัติ (ส.ส.-ส.ว.)จะต้องมีองค์ประกอบและหลักประกันที่หลากหลายเท่านั้น ในขณะเดียวกันอำนาจบริหารก็ต้องมีพื้นที่ให้กับคนกลุ่มต่างๆ เหล่านั้นในระดับที่แน่นอนเช่นกัน

ข้อเสนอที่ท้าทายของแกนนำพันธมิตรฯ ที่เสนอสูตรผสมของผู้เข้าสู่อำนาจในสัดส่วน 70:30 กล่าวคือเพิ่มกระบวนการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็น ร้อยละ 70 และลดที่มาของผู้ดำรงตำแหน่งโดยวิธีการเลือกตั้งลงเหลือร้อยละ 30 จึงเป็นเพียงการนับหนึ่งหรือริเริ่มจุดประกายให้สังคมได้ขบคิดถกเถียงขยายผลในวงกว้างต่อไป

ทั้งนี้ ในรายละเอียดหรือโมเดลของ การเมืองใหม่ จึงจำเป็นที่ผู้รู้ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย และภาคส่วนต่างๆ จะนำไปขบคิดขยายผลเพื่อก้าวพ้นลัทธิเลือกตั้งที่ทุนเป็นใหญ่ ประเทศซื้อได้ และประชาชนเป็นเพียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ว่านอนสอนง่ายเท่านั้น

ที่กล่าวมาข้างต้น หลายคนอาจสงสัยว่าจะเริ่มตรงไหนอย่างไร ต้องปฏิวัติ รัฐประหาร ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ต้องตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลเฉพาะกาล อย่างนั้นหรือ ผมกลับเห็นว่าวิธีการอาจไม่สำคัญเท่ากับหลักการ หากวันนี้สังคมเห็นความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนว่าเราต้องร่วมร่วมกันสร้างชาติและสร้างการเมืองใหม่แล้ว รูปแบบวิธีการก็อาจไม่ใช่เรื่องยากและอาจง่ายเกินกว่าที่เราคิดและอาจไม่ถึงขั้นต้องรบราฆ่าฟันกันกลางเมืองอย่างที่หลายฝ่ายกังวล

วันนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขอเป็นผู้ถือธงนำ และประกาศเป็นพันธสัญญาในการต่อสู้ครั้งนี้ร่วมกับผู้รักความเป็นธรรมทั่วไป สงครามครั้งสุดท้ายโค่นล้มระบอบทักษิณจึงเป็นเพียงระยะผ่านสู่ สงครามอันศักดิ์สิทธิ์ คือการ ร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ ให้ปรากฏเป็นจริง...
บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
Hacksecrets
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253



« ตอบ #191 เมื่อ: 27-06-2008, 11:11 »

จริงๆแล้ว สิ่งที่พันธมิตรได้ทำ โดยการนำประเด็นเรื่องเขาพระวิหารมานั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด อันนี้ต้องขอชม (เราจะไม่กล่าวถึง behind the scene)

เพราะสิ่งสำคัญในวันนี้ คือ ประเทศชาติ และอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่บุคคลแค่กลุ่มเดียว

พลังมวลชนในวันนี้ ลุกฮือ เพราะเรื่องเขาประวิหาร และเป็นประเด็นสำคัญที่จะเล่นงานรัฐบาลชุดนี้

.........................................................................................

เหตุการณ์อันไหนดี เราขอชม

ส่วนเรื่อง behind the scene นั้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องถูกซักฟอก กันต่อไป 
บันทึกการเข้า

ความเคลือบแคลง สงสัย ก่อให้เกิดการค้นคว้าหาความจริง
usa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 102


« ตอบ #192 เมื่อ: 27-06-2008, 11:49 »


ผมรู้แล้วครับ คนที่เรารออยู่ คือ ไอ้จ๊อกครับ  มันเป็นคน คนเดียวกันกับ ไอ้ปื้ด  แต่พอมีคนเรียกมันมาก ๆ มันเลยเปลี่ยนชื่อใหม่ครับ
บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #193 เมื่อ: 27-06-2008, 19:40 »

เรียนคุณ fineday ครับ

มีหลายกลุ่มพยายามจะเล่นงานป๋า อาจจะเพียงเพราะว่าคนกลุ่มนั้นไม่เข้าใจและไม่พยายามทำความเข้าใจว่า "รํฐบุรุษ" เป็นตำแหน่งที่แลกมาด้วยเลือดและน้ำตา ไม่ได้จับฉลาก หรือเอาเงินยัด แบบนี้คนสมัยนี้ชอบทำกัน

การต่อสู้ของป๋า มีจุดเริ่มต้นจากการรบในแบบ จนมาถึงจุดที่ความสูญเสียมันมากเกินไป ทั้งสองฝ่ายก็คนไทย เลือดไทย ด้วยกันทั้งนั้น

การรบของป๋าจึงเปลี่ยนไปสู่การสร้างเข้าใจอย่างแท้จริงว่า พคท. คิดอย่างไร และต้องการอะไร ก้าวไปสู่การปรับความคิด ความเข้าใจของทหาร เปลี่ยนมุมมองใหม่ที่ทหารมีต่อ พคท. จนทำให้เกิดสันติวิธี สงบสุข โดยไม่ต้องเสียเลือดคนไทยทั้งสองฝ่ายอีกต่อไป

นี่คือคำว่า สมานฉันท์ ที่คนสมัยนี้พูดได้แต่ปาก แต่ทำไม่เป็น และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

ไม่ได้รู้จักป๋าเป็นการส่วนตัว แต่ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน และป๋าก็ทำให้เห็นแล้ว โดยไม่ต้องหาคนมาทำพีอาร์ เหมือนนายทุนสมัยนี้

วันที่ป๋ากราบบังคมทูลเชิญในหลวงและพระราชินี แปรพระราชฐานด่วนไปที่โคราช ในวันที่เกิดปฏิวัติวันนั้น บอกได้เลยว่า ถ้าไม่ได้คนใจเด็ดอย่างป๋า ทุกวันนี้ประเทศไทยคงไม่ได้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

คำที่ป๋าพูดต่อหน้าพระพักต์ ต่อหน้าทหาร 100 กว่าคนที่โคราชว่า 'ข้าพระพุทธเจ้าจะปกป้องพระองค์ด้วยชีวิต' ทำให้ขวัญกำลังใจของทหารโคราชแข็งแกร่งขึ้นมา จนกลับมายึดกรุงเทพได้ในที่สุด

วันที่ป๋าพอกับการเมือง ป๋าก็บอกกับทุกคน ผมพอแล้ว แล้วก็เดินลงจากเวที ง่าย ๆ แค่นั้น


เรื่องนี้ คนสมัยนี้ที่รู้แต่เรื่องกิเลศ ตัณหา ข้าต้องได้ ข้าต้องมี คงไม่มีวันเข้าใจ

คนที่ใช้เงินซื้อทุกอย่าง ไม่มีวันเข้าใจ คนที่ใช้ใจซื้อทุกอย่าง

ทหารนักกอล์ฟ ยิ่งไม่มีวันเข้าใจ ทหารนักรบ


ป๋าไม่เคยเรียกร้องความดีความชอบ ไม่เคยทวงบุญคุณใคร นี่แหละคือเหตุผลที่ป๋าเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐบุรุษ


ขอให้คุณ fineday สบายใจครับ
บันทึกการเข้า
อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #194 เมื่อ: 27-06-2008, 20:17 »


มายืนยันที่คุณ Limmy เขียนมาค่ะ  และอยากประนามคนที่มองป๋าอย่างนั้น มองคนอย่ามองแต่เปลือก ในหลวงทรงมีพระอัจริยะภาพที่จะมองคนออก
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
fineday
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54


« ตอบ #195 เมื่อ: 27-06-2008, 21:51 »


ขอบคุณ คุณ Limmy

การที่ทักษิณไม่ชอบป๋า เข้าใจได้ไม่ยาก

เรื่องใส่ร้ายว่าเป็นคอมฯ นี่ก็พอจะเข้าใจ ว่าทหารขาบู๊คงไม่ค่อยชอบใจนโยบายสมัยนั้นเท่าไหร่

ที่เจ็บใจคือ ทหารกลุ่มไหน? ที่คิดว่าป๋าเปรมคิดล้มล้าง... ???

ถ้าขนาดกล้าสั่งพลเอกสุรยุทธให้ปฏิวัติและใช้กำลังภายในดันให้นั่งตำแหน่งได้(ตามที่อ้าง) ต้องแก่พอตัว



ตอนนี้ท่าทางคงกลัวการปฏิวัติสังคมใหม่ โดยประชาชน -- ที่จะยังคงระบอบ "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" 

ถึงได้ออกมาเร่งมือใส่ไฟกันแบบนี้

ตลกตรงที่ ตัวเองก็ไม่ได้ศรัทธาอะไรในระบอบประชาธิปไตยสักเท่าไหร่ -- ไม่งั้นคงไม่ยุให้เพื่อนปฏิวัติ และคงไม่ "ผิดหวัง" ที่เพื่อนไม่เอาด้วย

แน่จริง ทำไมไม่ทำเอง??? มีกำลังภายในขนาด "ดันเพื่อน" ให้นั่งเก้าอี้สูงสุดได้  แต่ไม่สามารถพอที่จะนั่งเอง


มันน่าเจ็บใจน่ะ ที่ "ข้า"ราชการ บางคนเลี้ยงเสียข้าวสุก 

บันทึกการเข้า
333Unit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


Don't belive what U see.But,Belive what it be.


เว็บไซต์
« ตอบ #196 เมื่อ: 28-06-2008, 02:26 »

ต้องขอบคุณWincha ที่นำเอาคำพูดของ สนธิลิ้ม มาPostไว้ในความเห็นด้านบน ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่า ผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร ?

แต่เอาละ ไหน ๆ ก็สัญญากันไว้แล้วว่าจะมาเขียนต่อ ก็ต้องทำเพราะมันเป็นสัญญา...แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าเห็นตากัน ก็ต้องทำตาม
สัญญา ...แต่ไม่ใช่ ...สัญญาเมื่อสายันต์ (...ขำ ก่อน เครียด... !!!)

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สาเหตุการปฏิวัติ19 กันยายน 2549 มาจากสาเหตุหลัก ๆ 2 ประการคือ
1.การไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของแม้ว
2.การทุจริตคอรัปชั่นที่ทำกันแบบหน้าด้าน ๆ ไม่เกรงกลัวใคร

และ ณ เวลานั้น ก็ต้องยกความดีให้กับสนธิลิ้ม ที่ปลุกกระแสมวลชนได้อย่างโดนใจ เรียกว่ามาเดี่ยว ๆ ไม่มีพันธมิตรหน้าไหนทั้งสิ้น แต่
เมื่อชุมนุมได้เพียง 2 วัน ปรากฏว่า "จำลอง" ได้เข้ามาร่วมกับสนธิ พร้อมด้วยกลุ่มพันธมิตรต่าง ๆ ดังที่ปรากฏ
กระแสและอารมณ์ประชาชนไทยในขณะนั้นรุนแรง และต้องการเอาคนที่ทุจริตคอรัปชั่นมาลงโทษ เริ่มมีการสืบล้วงลึกข้อมูลหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง
และผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปโดยสภาพ แน่นอนที่สุด ย่อมสาวถึงตัว"ผู้บงการ" ดังนั้นการปฏิวัติรัฐประหารจึงเกิดขึ้นเพื่อ
ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ดังจะเห็นได้ว่า ก่อนปฏิวัติ 2 วัน แม้วได้ไปพบกับอนุพงษ์ซึ่งขณะนั้นคุมกำลัง พล.1 ไว้ก่อนล่วงหน้า จากนั้นจึงเดินทางออกไป
นอกประเทศ โดยลำพัง ??


ต่อคำถามที่ว่า ::: ทำไมแม้วจึงกลับเข้ามาเมืองไทยได้
ตอบ ::: เพราะ พจมาน ภรรยา แม้ว เข้าพบเปรม 

ซึ่งปรากฏตามข่าว(ที่ต้องการให้ขึ้นหน้าหนึ่งโดยเจตนา...ตามแผน) เช่น...
......การเดินทางพจมาน ภริยาแม้ว เข้าพบ เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อเช้าวันที่ 26 ต.ค.2550
โดยมีการประสานติดต่อผ่านทาง อู้ด เบื้องบน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่สังคมเรียกว่า "เป็นลูกป๋า" คนหนึ่ง
จากการถอดรหัสจาก อู๊ด ทำให้สามารถไล่สายสัมพันธ์ของเครือข่ายดังกล่าวได้ไม่ยากนัก เพราะ

เมื่อใครก็แล้วแต่ ที่จะไปตรวจสอบเบื้องหลัง ก็จะได้พบข้อมูลที่ ว่า 
อู้ด มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเครือชินวัตร โดยลูกชายคนโตคือ นายศรัณยู เบื้องบน ได้แต่งงานกับนางสุจิตรา ซึ่งเป็นลูกสาวของ
รศ.ท.พ.หาญณรงค์ และนางนันทพร พิทยะ ญาติของนายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเป็นผู้ใกล้ชิด
กับตระกูลชินวัตร เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2548 ซึ่งมีการจัดงานเลี้ยงสมรสพระราชทานที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี

และนายศรัณยู ทำงานอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด งานบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า
บริษัท แอ๊ดว๊านซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “เอไอเอส” ของพจมาน-แม้ว นี่เป็นส่วนสายสัมพันธ์ด้านของแม้ว

สำหรับเครือข่ายของ อู้ด เบื้องบน นอกเหนือจากจะเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรมแล้วยังเชื่อมไปถึงเพื่อนร่วมรุ่น นักเรียน ตท.6
อันเป็นรุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งเป็นที่มาของข่าว เปรม
อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ 19 กันยา2549 

และในขณะเดียวกัน อู๊ด เป็นรุ่นเดียวกัย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. ในฐานะรองประธานคมช.และพล.อ.วินัย ภัททิยะกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม
ในฐานะเลขาธิการคมช. ที่ถือว่า มีบทบาทสำคัญอย่างสูงในเวลานั้น

ที่สำคัญยิ่งคือ อู๊ด เป็น วปอ.รุ่นเดียวกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของ พจมาน ซึ่งเป็นตัวประสานงานกับ อู๊ด จัดเวลาเพื่อเข้าพบ
เปรม และในขณะเข้าพบนั้นนายบรรพจน์ ก็เดินทางไปพร้อมกับพจมานในการเข้าพบ เปรม ด้วย....."

แน่ละ คนที่รับไปเต็ม ๆ ก็คือ " อู๊ด " 

 แต่ ใครล่ะ ที่อยู่เบื้องหลังอู๊ด...? ใครคนนั้นที่ส่ง แอ๊ด กับ บัง ไปบาเรนและสิงค์โปร์ตามลำดับ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่า " อู๊ด" ไม่มีทางที่จะสั่งสองคนนี้ได้อย่างแน่นอน
"ข้อตกลงลับ" ที่ ถูกวางไว้ก่อนนั้นสำเร็จลุล่วงด้วยดี ไม่มีสมบัติใด ๆ แม้แต่ไม่จิ้มฟัน(ใช้แล้ว) ของแม้วที่จะสูญหาย ไม่มีหน้าไหนที่กล้ากระทบปลายขนของแม้ว
เพราะอะไร ?
บันทึกการเข้า

333Unit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


Don't belive what U see.But,Belive what it be.


เว็บไซต์
« ตอบ #197 เมื่อ: 28-06-2008, 02:42 »


ต่อคำถามว่า:::: เหตุใดเปรมจึงให้พจมานเข้าพบ ??
คำตอบ ::: ความจริงการประสานงานได้มีมาก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่ อู๊ด เข้ามารับหน้าที่เพื่อให้ "สื่อ" ได้เอาไปโจมตีเมื่อสาวถึงความสัมพันธ์
ส่วนตัวของอู๊ด กับตระกูลชินวัตร แต่ความเป็นจริงที่ลึกไปกว่านั้นคือ "...ใช้สื่อประโคมสร้างภาพให้สังคมรู้ว่า "แม้ว" เป็นเด็กในซุ้ม ห้ามแตะ"

ดังนั้นภาพการอารักขาอย่างแน่นหนา ฯลฯ จึงตามมา และแม้วพร้อมทั้งครอบครัวก็ใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติสุขโดยไม่มีใครกล้าแตะต้อง นอกจาก
จะเห่าหอนกันไป เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า แม้แต่การปิดล้อมรัฐสภาเป็นเรื่องที่เสี่ยงกับข้อหา "กบฏ" พันธมิตรกล้าทำ แต่ทำไมการปิดล้อมบ้าน
จันทร์ส่องหล้าของ แม้ว จึงไม่มีแม้แต่เงาของกลุ่มรักชาติหรือองค์กรไหน โผล่ไปให้เห็น ?? (เรื่องนี้ไม่แปลก..แล้วเรื่องไหนถึงจะแปลก ??)

ต่อคำถามที่ว่า :::: เหตุใดเปรมจึงเข้ามาเกี่ยวข้อง ???
เหตุปฏิวัติ 19 กันยา 2551 เพื่อตัดตอนโยงใยรายชื่อผู้ร่วมทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิ

นักแสดงหนุ่ม "หนุ่มเสก" หรือเสกสรร ชัยเจริญ ซึ่งเคยเป็นนักธุรกิจใหญ่โต เป็นเจ้าของร้าน "บ้านหนังไทย"
ซึ่งเป็นร้านอาหารกึ่งผับได้เงินลงทุนจากเปรม 200ล้าน ซึ่งได้มาจากการรับรองเงินกู้โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
ธุรกิจ "บ้านหนังไทย" เป็นธุรกิจที่ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ธุรกิจของเขานี้ต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน
แต่เวลาผ่านไปไม่กี่ปี "บ้านหนังไทย" ของหนุ่มเสกก็มีอันต้องปิดตัวเพราะเจอพิษเศรษฐกิจ ทำให้เขาสู้ต่อไปไม่ไหว
หนุ่มเสกถึงกับเครียด ถึงขนาดคิดสั้นฆ่าตัวตาย

ปัจจุบันหนุ่มเสก คือรองประธานบริษัท King Power ซึ่งได้สัมปทานสนามบินสุวรรณภูมิในสมัยรัฐบาลทักษิณ
และเป็นที่ทราบกันโดยสาธารณะว่า ผู้ที่รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังหนุ่มเสกคือใคร และนี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ เปรม ต้อง
ให้ อู๊ด นัดพจมานเข้ามาพบเพื่อเคลียให้ลงตัว เพราะขณะนั้น แม้วเริ่มออกอาการเพี้ยน และให้ "ประดาบ" ออกมาแฉโจมตี
เปรมในเวป "ไฮ-ทักษิณ"(ซึ่งได้ปิดตัวลงหลังจากแม้ว - เปรมตกลงกันได้โดยผ่านพจมาน)

:::: สรุป ::::
เมื่อมองย้อนลึกลงไป จะเห็นได้ว่า บุคคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประธาน คมช. หรือ แอ๊ด ที่กลายเป็นนายกจำเป็น ปีศาจคาบไปร์ หรือแม้แต่แกนนำของ
พันธมิตร คือ จำลอง ก็ล้วนสุมชุมนุมวางแผนงานอยู่ในซุ้มเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่ง ป๊อก ยกเว้นเพียงคนเดียวที่กลายเป็นข้าวนอกนาคือ สพรั่ง ที่
ไปทำหน้าที่คุ้ยฝอยหาตะเข็บกรณีทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วเมื่อล้วงลึกก็ต้องร้อง "..จ๊าก..!!! " และถูกเด้งจากตัวเต็ง ผบ.ทบ.ไปนั่งตบยุงเป็น ผบ.สส.

เมื่อมาถึงบรรทัดนี้ ผู้อ่านคงรู้แล้วว่า "ผู้บงการ" คือใคร ? ส่วนที่ไม่เขียนชื่อลงชัด ๆ ไม่ใช่ว่ากลัว แต่เพราะเชื่อว่า บอร์ดนี้ไม่มีภูิมิคุ้มกันพอที่จะรองรับ
ความเสี่ยง ที่สำคัญคือ เชื่อมั่นในภูมิปัญญาของสมาชิกบอร์ดเสรีไท ย่อมจะเชื่อมโยงข้อมูลได้โดยไม่สะดุด

และหากเวลาอำนวยโอกาสหน้า จะได้นำเครื่อข่ายเชื่อมโยงและสถานการณ์ อันทำให้จำลอง ต้องเข้ามาเสียบร่วมพันธมิตร เมื่อสนธิลิ้มจัดชุมนุม .."เรารักในหลวง" ครั้งแรก
ทั้ง ๆ ที่ทักษิณให้จำลองอยู่ที่บ้านพิษณุโลก อีกทั้งจำลองเพิ่งจะได้รับงบประมาณสนับสนุน4000ล้าน ไปหยก ๆ (ขณะนั้น) !!! ??

ด้วยความปราถนาดี อย่างจริงใจ

คำเตือน ::: ความรัก เคารพ และนับถือนั้นเป็นสิ่งประเสริฐ  แต่ที่เลิศกว่านั้นคือความรักชาติ รักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน ย่อมเหนืออื่นใด..."
บันทึกการเข้า

333Unit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


Don't belive what U see.But,Belive what it be.


เว็บไซต์
« ตอบ #198 เมื่อ: 28-06-2008, 04:09 »

หมัดจาก...ที่ฝากก่อนจบ
ดังที่ จขกท. ได้ตั้งหัวข้อว่า "เบื้องหลังการบุกทำเนียบในวันที่ 20 มิย.2551" ทุกอย่างลงตัว ตรงตามที่ได้รายงานให้ทราบ เพื่อให้เห็นข้อมูลชัดเจน โปรดอ่านข้อความต่อไปนี้ เพื่อความเชื่อมโยง - สัมพันธ์ของข้อมูล....

มีใครสังเกตบ้างไหม  เมื่อทางฝ่ายพันธมิตร ได้ประกาศจุดยืนว่าจะบุกทำเนียบรัฐสภาในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 เวลา 13.00 น.

การประกาศจุดยืนว่าจะบุกทำเนียบ ได้ประกาศล่วงหน้าไว้เป็นอาทิตย์ .....ทำไม??????

จากการติดตามเวทีพันธมิตรมานาน พันธมิตรยังไม่มีจุดยืน หรือสามารถหาเงื่อนไขใดๆ มาเล่นรัฐบาล
แต่กลับใช้วิธีลากเกมส์ให้ยาว มาจนกระทั่ง เกิดกรณีเขาพระวิหาร ....ทำไม??????

เวลาที่เวทีพันธมิตร เงียบเหงา เราจะเห็น ท่านนายกฯสมัคร หรือ รมต.เฉลิม คอยเชียร์แขกให้กับเวที พันธมิตร อยู่ตลอดเวลา......ทำไม??????

แล้ว ทำไม???? นพดลจึงต้องปูดข่าว สร้างเรื่องเขาพระวิหาร ภายหลังพันธมิตร ได้ประกาศว่าจะบุกทำเนียบรัฐสภา......เพื่ออะไร?????



กลยุทธ์นี้ เราเรียกว่า ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ 

เนื่องจากวันนี้ วันที่ 20 มิถุนายน 2551 เป็นวันที่จะตัดสินชะตากรรม ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ทั้งหมด 103 คดี

ซึ่งโทษความผิดถึงขั้นยึดทรัพย์  เฉพาะคดีชินแซด ก็ 70,000 กว่าล้าน ไม่ได้รวมถึงเงินที่อยู่ในบัญชี อีกเป็นแสนๆล้าน และยังมีบ้านส่องหล้าอีกด้วย

ตามจริงแล้ว วันนี้ วันที่ 20 มิถุนายน 2551 เวลา 14.00 น. เป็นเวลาที่จะตัดสินชะตากรรม

แต่เนื่องจาก พันธมิตร ได้ประกาศว่าจะบุกทำเนียบรัฐสภา เวลา 13.00 น. จึงทำให้ ทีม คตส. ไม่สามารถประชุมฯ และตัดสินคดี ได้ในวันนี้

แย่ไปกว่านั้น วันที่ 30 มิถุนายน 2551 นี้ คือวันสุดท้าย ที่ คตส.จะได้พิจารณาคดีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว

และหากผ่านพ้นวันที่ 30 ที่ใกล้จะถึงนี้ไป คดีทั้งสิ้น 103 คดีที่จะตัดสินชะตากรรม ของ พ.ต.ท. ทักษิณ และครอบครัว ก็จะไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย ชั่วนิรันดร



วันที่ 20 มิ.ย. 2551 นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
 เปิดเผยว่า คตส.ได้ยกเลิกการประชุมนัดพิเศษ ในวันที่ 20 มิ.ย. จากเดิมที่กำหนดว่าจะมีการประชุมในเวลา 16.00 น.
  เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเป็นที่ทำงานของ คตส.
ก็เป็นพื้นที่เป้าหมายที่อาจจะมีคนมาก่อความไม่สงบ เช่นการนำระเบิดมาขว้าง เพราะมีเอกสารต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม คตส.ได้ย้ายเอกสารสำคัญส่วนใหญ่ออกจาก สตง.
ไปเก็บไว้ในสถานที่ ปลอดภัยหมดแล้ว

ข้าราชการระดับสูงใน คตส. เปิดเผยว่า สาเหตุที่ คตส.ต้องยกเลิกการประชุมนัดพิเศษ เนื่องจากคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา
กรรมการคตส.และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ข่าวเชิงลึกว่าคณะกรรมการผู้มาร่วมประชุมในครั้งนี้จะไม่ปลอดภัยต่อชีวิต
โดยบุคคลที่อาศัยสถานการณ์บ้านเมืองซึ่งขณะนี้ไม่ปกติเข้ากระทำการ  คุณหญิงฯ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ สตง. ไปที่ห้องกรรมการ
คตส.แต่ละคน โดยแจ้งว่าให้ยกเลิกการประชุม คตส.ชุดใหญ่ และขอให้กรรมการกลับบ้าน พร้อมกับขอให้กรรมการ คตส.ทุกคน
อย่านอนที่บ้านในคืนวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้

นอกจากนี้คุณหญิงจารุวรรณยังได้สั่งให้ข้าราชการสตง.ทุกคนทยอยเดินทางกลับบ้านอีกด้วย
 
::::: และสิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งถูกกลืนไปกับกระแสการชุมนุมของพันธมิตร ก็คือ ในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ นี้ คือวันสุดท้าย
แห่งการสิ้นสภาพของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตามกฏหมาย นั่นหมายถึงว่า
 "...คดีทุจริตทั้งปวงของ อดีตนายกทักษิณ ชินวัต จะไม่ถูกนำขึ้นมาดำเนินการโดย คตส. ชั่วกาลปาวสานต์....." ::::

:::: และนี่คือ " ธง " และ " เป้าหมายหลัก " ในการเคลื่อนไหว สร้างสถานการณ์การเมือง ไม่ว่าจะเป็นการขอแก้รัฐธรรมนูญ
กรณีนายจักภพ เพ็ญแข และสุดท้าย คือกรณีเขาพระวิหาร ก็เพียงเพื่อเบี่ยงประเด็น "เปลี่ยนเป้าหมายหลัก" ไปสู่ 
 " เป้าหมายรอง " เช่นดังที่ จขกท.ได้ตั้งประเด็นไว้ว่า "ฝ่ามือปิดฟ้า" เพราะผู้ที่มีเอี่ยวและชื่ออยู่ในบัญชีระดับต้น ๆ
อันปรากฏอยู่ในสำนวนการทุจริต  ของอดีตนายกทักษิณ นั้นไม่ใช่ธรรมดา !!! (เราจึงจะเห็นได้ว่าเป้าหมายของพันธมิตรเปลี่ยนไป
เรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายตลอดมา...!!)

และก็ด้วยสาเหตุนี้แหละที่ต้องมีการฉุดลาก กระชากดึงเอา พันธมิตร และ สหายสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
มาร่วมแสดง ซึ่งท่านทั้งหลายก็ได้ประจักษ์แล้วบนเวทีของพันธมิตร

.... จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่นายเฉลิมฯ และ นายสมัคร ต่างขานรับและ " เรียกแขก " ให้กับพันธมิตร พร้อมกันไป
ทั้งยังเรียกตัว ผบ.เหล่าทัพ และ สตช. เข้าพบเพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันว่า มันเป็นเพียงละครบทหนึ่งของนายใหญ่



และแล้ว  แม้วก็ชนะอีกรอบ ....!!!!

ล่าสุด 27 มิถุนายน 2551

วันที่ 27 มิ.ย. 2551 นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คณะทำงานอัยการพิจารณาคดีอายัดทรัพย์สิน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวนกว่า 76,000 ล้านบาท เนื่องจากร่ำรวยผิดปกติ

ซึ่งคดีนี้อัยการมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายที่เห็นว่าควรสั่งฟ้องต่อศาลทันที เพราะจะครบ
กำหนด 30 วัน อีกส่วนเห็นว่า คตส.ไม่ได้แยกจำนวนทรัพย์สินที่พ.ต.ท.ทักษิณมีมาก่อนถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติมีเท่าไร
หลังการขายหุ้นมีเท่าไร เพราะหากยื่นอายัดทรัพย์สินทั้งหมดอาจจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด
รักษาการตำแหน่งอัยการสูงสุด เห็นด้วยกับฝ่ายที่พบข้อไม่สมบูรณ์นี้ จึงสั่งทำหนังสือถึงประธานคตส.ให้ตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ คณะทำงานอัยการยังส่งคืนสำนวนคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ให้คตส.เนื่องจากเกิดข้อไม่สมบูรณ์ที่
จำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมมากถึง 10 หน้า จึงเห็นควรให้ตั้งคณะทำงานร่วมในการสอบสวนเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

:::: คตส.โวยแหลกโดนอสส.หักหลัง :::::

ต่อมาที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
ซึ่งถือว่าเป็นนัดสุดท้ายของการทำงานในการพิจารณาคดีความต่าง ๆ เนื่องจากในวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย. ที่เป็นวันหมดวาระของคตส.
จะไม่มีวาระพิจารณาคดีความ มีเพียงการเตรียมการไปพูดในเวทีอภิปรายเรื่อง “เงินแผ่นดินนั้นคือเงินของประชาชนทั้งชาติ”

ภายหลังการประชุม นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. แถลงถึงความคืบหน้าในการส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลแพ่ง
เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ในคดีการออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องว่า
คตส.รู้สึกตกใจเพราะได้มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับวงราชการ

คือในช่วงบ่ายทางคตส.ได้รับหนังสือของอัยการสูงสุดแจ้งถึงความไม่สมบูรณ์ของข้อเสนอตั้งคณะทำงานร่วม โดยสาเหตุที่ต้องตกใจ
เพราะตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. คตส.ได้รับการประสานจากนายเสกสรร บางสมบุญ อธิบดีกรมอัยการพิเศษ ว่าให้ส่งเอกสารการไต่สวนในคดีดังกล่าว 12 ชุด
ไปให้ในวันที่ 26 มิ.ย. เพื่อใช้ยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 27 มิ.ย. แต่คตส. ทำให้ไม่ทัน พอเช้าวันที่ 27 มิ.ย. กลับประสานมาอีกว่าให้ คตส.นำเอกสารไปส่งให้
ที่ศาลฎีกาเลย จะได้ไม่เสียเวลา และมีการเปลี่ยนแปลงอีกในช่วงสายให้ไปส่งให้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งศาลเอง
 เมื่อเจ้าหน้าที่นำไปส่ง ได้รับแจ้งว่าได้เสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุดแล้ว แต่อัยการสูงสุดยังไม่สั่งการลงมา ไม่แน่ใจว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันในวันนี้หรือไม่

จนในที่สุดก็มาทราบว่าอัยการสูงสุดแจ้งถึงความไม่สมบูรณ์ของสำนวน จึงทำให้คตส.มีมติว่าไม่สามารถที่จะพิจารณาตั้งคณะทำงานร่วมได้ทัน
จึงมีมติมอบให้ป.ป.ช.รับคดีต่อไป

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการคตส. กล่าวว่า สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอัยการสูงสุด เพราะมีคนหนึ่งแจ้งมาแล้วแต่มากลับลำในภายหลัง
 ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ตรงไหน เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณร่ำรวยผิดปกติจริง
เมื่อมีข้อสงสัยอัยการสูงสุดแทบไม่ต้องทำอะไร แต่เป็นหน้าที่ของพ.ต.ท.ทักษิณที่จะต้องไปพิสูจน์กับศาลเอง 

แหล่งข่าวจากคตส. เปิดเผยว่า หนังสือแจ้งความไม่สมบูรณ์ครั้งนี้ นายชัยเกษมได้มอบหมาย นายสุทธิ ภู่เอี่ยม รองอัยการสูงสุด
นำหนังสือมาส่งที่ฝ่ายกฎหมายของสตง. โดยหลังจากเจ้าหน้าที่รับเอกสารแล้วก็นำไปรายงานให้ที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่รับทราบ
ทำให้คตส.บางคนถึงกับพูดว่า “ทำอย่างนี้หักหลังกันนี่หว่า”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคตส.ได้รับทราบหนังสือดังกล่าวทำให้คตส.หลายคนอึ้ง และได้มีการยกกฎหมายป.ป.ช.มาตรา 82 วรรค 2
มาหารือโดยมีความเห็นว่า คดีที่เกี่ยวกับการพิจารณาอายัดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินในฐานะทนายของแผ่นดินมีหน้าที่ที่จะต้องส่งฟ้องต่อศาล
เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาพิสูจน์ทรัพย์สินในชั้นศาล แต่ที่ผ่านมาคตส.ได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาพิสูจน์ทรัพย์สิน แต่ผู้ถูกล่าวหากลับเพิกเฉย
โดยทิ้งระยะเวลาเพื่อใช้ข้ออ้างพ้นกำหนดระยะ 1 ปี แต่คตส.ได้ปฎิบัติตามประกาศคปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งคำสั่งอายัดทรัพย์ไม่มีกำหนดระยะเวลา
จนกว่าจะสิ้นสุดในชั้นศาล
 
นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คณะทำงานอัยการพิจารณาคดีอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
จำนวนกว่า 76,000 ล้านบาท เนื่องจากร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งคดีนี้อัยการมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายที่เห็นว่าควรสั่งฟ้องต่อศาลทันที
เพราะจะครบกำหนด 30 วัน อีกส่วนเห็นว่า คตส.ไม่ได้แยกจำนวนทรัพย์สินที่พ.ต.ท.ทักษิณมีมาก่อนถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติมีเท่าไร
 หลังการขายหุ้นมีเท่าไร เพราะหากยื่นอายัดทรัพย์สินทั้งหมดอาจจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด
รักษาการตำแหน่งอัยการสูงสุด เห็นด้วยกับฝ่ายที่พบข้อไม่สมบูรณ์นี้ จึงสั่งทำหนังสือถึงประธานคตส.ให้ตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ คณะทำงานอัยการยังส่งคืนสำนวนคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ให้คตส.เนื่องจากเกิดข้อไม่สมบูรณ์
ที่จำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมมากถึง 10 หน้า จึงเห็นควรให้ตั้งคณะทำงานร่วมในการสอบสวนเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

"""""""""""""""""""""""""""
กรณีเงินสินบน 2 ล้าน เป็นเพียงแผน "สาริกาป้อนเหยื่อ" หลอกให้จับ เพื่อให้เห็นว่าตุลาการเป็นสถาบันที่ยุติธรรม...ก่อนถึงของจริง ที่ตามมาหลังจากนั้น
 
นี่คือความจริง ที่เกิดขึ้นจริง เป็นไปตามที่เราได้กล่าวไว้ ถึงกรณีเหตุใดพันธมิตรจึงกำหนดชุมนุมในวันดังกล่าว ? แต่ต้นนั้นทุกประการ....เราเตือนคุณแล้ว.!!!!

What's Next ??

รู้น้อยว่ารู้มาก      เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน    สระจ้อย
ห่อนรู้ทะเลไกล    กลางสมุทร
คิดว่าน้ำบ่อน้อย    เลิศล้ำลึกเหลือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2008, 04:12 โดย 333Unit » บันทึกการเข้า

Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #199 เมื่อ: 28-06-2008, 07:23 »

ประเด็นนี้ก็น่าคิดนะ อย่าทำเป็นเล่นไป เพราะตอนเกิดเรื่องปี 49 ผมก็เคยคิดอะไรทำนองนี้ แต่ไม่ได้ลากประเด็นได้ลึกล้ำขนาดนี้ เพียงแต่พยายามคิดให้มันสุดโต่งดูเท่านั้น มันมีคติในเรื่องสามก๊กอยู่อย่างหนึ่งที่เปรียบเทียบถึงความน่ากลัวของโจโฉที่เหนือกว่าผู้นำก๊กใดๆตรงที่ โจโฉเป็นคนที่ไม่กลัวเสียชื่อเสียง ซึ่งต่างกับผู้นำคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ตรงนี้แหละที่ทำให้โจโฉมีภาพลักษณ์ของความร้ายกาจอยู่มาก แต่ก็เป็นนักปกครองที่เก่งกาจมากเช่นกัน ที่นี้ลองมาดูข้อสงสัยของผม
1.เมื่อก่อนผมมองว่าแม้วเป็นคนฉลาด เป็นคนเก่ง เป็นผู้นำ แต่ทำไมพักหลัง ผมถึงเห็นไอ้นี่ทำอะไรแต่เรื่องโง่ๆ รวมทั้งสมุนด้วยที่ทำอะไรแล้วเต็มไปด้วยพิรุธ
2.ทำไมต้องเป็นลิ้ม ที่ออกมาต่อต้านไอ้แม้ว มันมีประเด็นที่ทำให้เกิดข้อพิพาษขนาดนั้นเชียวหรือ
3.อันนี้เป็นข้อสังเกตุส่วนตัวนะ ในวันที่น้าหงาไปเล่นที่ธรรมศาสตร์ แล้วพูดบนเวทีผ่านไปถึงจาตุรนต์ ว่าแก่เพิ่งกลับจากเลย ไปพบสหายหรือไรเนี่ยแหละ (ที่เลยช่วงนั้นมีใครอยู่หรือ?) แล้วน้าหงาก็พูดเหมือนหยอกประมาณว่า จาตุรนต์เมื่อไรเราจะได้กินเหล้าด้วยกันอีก ผมไม่รู้นัยยะนะ แต่มันทะแม่งๆ และตามด้วยเพลงคนกับควาย ชนชั้นกลางนั่งกันให้เพียบ ผมก็ไม่ได้คิดมากกับน้าหงาหรอกนะ แต่มันตะหงิดเท่านั้น

อ้อ.......เรื่องนี้ฝากถึงเจ้าของกระทู้ เนื่องด้วยตัวละครที่ท่านหยิบยกมามันมีจำนวนมาก และแทรกซึมอยู่เกือบทุกภาคส่วน ผมเลยค่อนข้างจะสงสัย ว่าการจัดการกับตัวละครมามายขนาดนี้จะทำได้จริงเหรอ แต่สำหรับผม ผมคิดว่าถ้าประด็นนี้เป็นจริง จะต้องมีคนถูกหลอกใช้มากมาย ส่วนตัวยังไม่เชื่อ แค่ขอคิดเล่นไปพลางๆเท่านั้น
ยังไงก็ขออภัยด้วยหากทำให้บุคคลใดเสียหาย นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2008, 07:54 โดย เมิ่งเต๋อ » บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
    กระโดดไป: