ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 12:50
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ร้อยรักษ์กวีวรรณ  |  มีใครแต่งไฮกุแถวนี้มั่งมั้ยคะ =) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
มีใครแต่งไฮกุแถวนี้มั่งมั้ยคะ =)  (อ่าน 8779 ครั้ง)
La Estrella Brillante
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 176



« เมื่อ: 02-06-2006, 14:29 »

พอดีว่าได้มีโอกาสแต่งตอนปีที่แล้ว
เพราะว่าลงวิชา Reading in Art อ่ะค่ะ
แล้วรู้สึกว่าชอบมากกกกกกกกกกกกก..
เพราะว่ามันแต่งง่ายดี


แต่ว่าที่ตัวเองแต่งก็เป็นไฮกุกลายพันแล้วอ่ะค่ะ
คือคงไม่ได้ยึดตามแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น
คือเขียน freestyle มากกว่า
แต่แค่ยึดฉันทลักษณ์แค่นั้นเอง


ยังงัย..
ถ้าใครแต่งก้ออย่าลืมเอามาแชร์กันนะคะ =)


อันนี้ที่แต่งไว้นะคะ
แอบ dedicate ให้ mi principe ^^


Shine brightly by night
Oh my twinkle stars
I love the way you are


=)
บันทึกการเข้า

can you see my little light tonight?
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #1 เมื่อ: 02-06-2006, 14:31 »



ได้ทั้งไฮกุ และซินเควนค่ะ

 Very Happy
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
เลิศภพจบพสุธา
Moderator
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171



« ตอบ #2 เมื่อ: 04-06-2006, 12:21 »

 Surprised

เอ...ไฮกุ  นี่มีฉันทลักษณ์ด้วยหรือครับ
คุณ La Estrella Brillante ลองมาลงรายละเอียดไว้ให้ศึกษาสักนิดครับ

ให้ดีเปรียบเทียบ ไฮกุ แคนโต้ ซินเควน ( อันนี้ผมพึ่งได้ยิน ) กับ วรรณกรรมสามบรรทัด
ให้เป็นกรณีศึกษาหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #3 เมื่อ: 04-06-2006, 12:28 »

ไม่รู้ อะไร แต่เขียนไว้ วันนึง

Catching the wind
blanketing the stars
down pour earth rain
came from both eyes

like one did
this heart of mine
 :mozilla_cry
:

บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
Ziggy Stardust
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 321


สมาชิกขบวนการหมายเลข 354


« ตอบ #4 เมื่อ: 04-06-2006, 12:35 »

ไฮกุ แบบว่าจะมีวรรคละ 5,7,5 ตามลำดับอ่ะครับ จะไม่มีสัมผัสระหว่างวรรค

รอผู้รู้มาเฉลยดีกว่า
บันทึกการเข้า

A tiger can smile
A snake will say it loves you
Lies make us evil
Ziggy Stardust
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 321


สมาชิกขบวนการหมายเลข 354


« ตอบ #5 เมื่อ: 04-06-2006, 12:41 »

ร้อนใจในคืนมืด

อ้อนวอนจันทร์อย่าเพิ่งทอแสง

เพียงข้าฯได้ยลดาว



อันนี้เคยลองแต่งให้ mi linda ครับ   Cool (เขาว่าไฮกุนี่คือการสังเกตธรรมชาตรอบตัวผู้แต่งแล้วนำมาบรรยาย)

บันทึกการเข้า

A tiger can smile
A snake will say it loves you
Lies make us evil
Ziggy Stardust
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 321


สมาชิกขบวนการหมายเลข 354


« ตอบ #6 เมื่อ: 04-06-2006, 12:46 »


ไฮขุ (โคลง)


สระน้ำ อันเ่ก่าแก่
เจ้ากบตัวหนึ่งกระโดดลง
เสียงน้ำพลันดังจ๋อม

บะโช มะทสึโอะ (ฺBashoo Matsuo)

......นี่คือ โคลง ไฮขุ ที่มีชื่อเสียงที่สุึดยบทหนึ่งของญี่ปุ่น จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่าไฮขุ เป็นโคลงที่มีขนาดสั้นมากโดยมีเพียง 17 พยางค์ ประกอบด้วย 3 วรรค คือ วรรคละ 5, 7 และ 5 พยางค์ตามลำดับ

......บทกวีที่เรียกว่า ไฮไค-เร็งงะ (haikai-renga) เป็นที่แพร่หลายตอนปลายสมัยมุโระมะฉิ ( Muromachi ค.ศ.1338-1570 ) ช่วงต้นศตวรรษที่ 15 - 16 ส่วนแรกคือ 17 พยางค์ของ ไฮไค-เร็งงะ เรียกกันว่า ไฮไค ( haikai) ในสมัยเอะโดะ( ค.ศ. 1603 - 1868) บะโช มะทสึโอะ ( ค.ศ.1644 - 1694) เป็นผู้สร้างขึ้นมาในวงวรรณทัศน์ในรูป แบบบทกวี โดยมีท่วงทำนองศิลปะที่ขัดเกลาประณีตที่พรรณนาถึงความสอดคล้องประสานในฉากแห่งธรรมชาติและชีวิตมนุษย์

......ในสมัยเมจิ ( ค.ศ.1868 - 1912) ชิคิ มะซะโอะคะ ( Shiki Masaoka)ตั้งชื่อรูปแบบกวีนิพนธ์นี้ว่า ไฮขุ และมีการใช้ชื่่อนี้นับตั้งแต่นั้นมา ใครๆ ก็สามารถแต่งโคลงไฮขุ ได้ค่อนข้างง่ายเนื่องจากรูปแบบคำประพันธ์สั้นๆ ใช้เพียง 17 พยางค์ซึ่งประกอบด้วยวรรคที่มี 7 พยางค์กับ 5 พยางค์ จังหวะ 5, 7 พยางค์ ฟังไพเราะให้ความรู้สึกที่ดีกับคนญี่ปุ่น ในปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นที่นิยมแต่ง ไฮขุ ถึง 10 ล้านคนและชาวต่างประเทศที่รักการแต่ง ไฮขุ ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

-------------------------------------
เพื่อนเคยส่งมาให้ครับ
__________________
บันทึกการเข้า

A tiger can smile
A snake will say it loves you
Lies make us evil
เลิศภพจบพสุธา
Moderator
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171



« ตอบ #7 เมื่อ: 04-06-2006, 12:47 »


ที่จริงการเขียนไฮกุ  หรือ แคนโต้ ผมมองว่าใช้ภาษาไทยก็งดงามไม่แพ้ภาษาภาคอื่น
หลายคนมองว่ารวบรัดในคำของเรามีไม่พอ

ร้อยกรองไทยที่น่าส่งเสริม อย่างเช่น

โคลงสองสุภาพ  จับต้องอารมณ์ได้ชัดกว่า เพราะกว่า (เดี๋ยวผมจะหาตัวอย่างมา)
ที่ผมว่าเพราะ  เพราะมีฉันทลักษณ์เชื่อมวิถีความรู้สึกของอักษร
เสียดายที่ขาดการเสริมส่งอย่างจริงจัง

หรือน้อยที่สุด กลอนเอกบท
กลอนแปดบทเดียวรู้เรื่องของไทยนี่แหละครับ
งามแท้นัก

ผมเขียนแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าผมปฏิเสธศิลปะผิวสองสีนะครับ


ลองตรองดูความงามที่ถอดจากตะวันตกสู่ตะวันออกครับ

Lonely,roving time
Can wear away a melecholy heart;
As life is just a trampled flower,
Nothing but withered and being torn apart.



กาลเวลาว้าเหว่และเร่ร่อน
จักกักกร่อนดวงใจให้โศกร่ำ
ชีวิตเหมือนมาลีที่ถูกกระทำ
ให้บอบช้ำอับเฉาเศร้าโรยรา



ถอดความโดยไพวรินทร์ ขาวงาม

โศกเป็นโศกไหมครับ



 Surprised
บันทึกการเข้า
เลิศภพจบพสุธา
Moderator
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171



« ตอบ #8 เมื่อ: 08-06-2006, 18:43 »





ถามที่มาที่ไป
ดอกไม้บานสามฤดูล่วง
กลับยังไร้วี่แวว
บันทึกการเข้า
La Estrella Brillante
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 176



« ตอบ #9 เมื่อ: 08-06-2006, 20:49 »

nice haiku ka p'lert =)


actually, i tried to write one in thai
but i couldn't.. =(


will come back for more na ka ^^
บันทึกการเข้า

can you see my little light tonight?
พริกขี้หนู
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 93


« ตอบ #10 เมื่อ: 09-06-2006, 07:25 »

ชอบอ่านค่ะ
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #11 เมื่อ: 14-06-2006, 22:02 »


เข้ามาอ่านครับ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #12 เมื่อ: 14-06-2006, 22:28 »


เข้ามาอ่านครับ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




คุณปุถุชน ถ้าเพิ่ม ฮ่า อีกตัวนึง เป็นไฮกุเลยนะครับ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #13 เมื่อ: 29-06-2006, 16:52 »




โปรดอย่าฆ่าแมลงวัน
จงมองดูมันถูมือ
สลัดแข้ง สลัดขา ......... (อิสซา)




จำได้บท นึงเรียบๆ ธรรมดา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2006, 16:54 โดย โอสถ » บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #14 เมื่อ: 29-06-2006, 16:56 »




หากฉันเด็ดเจ้าออก
มือนี้จะทำให้เกิดราคี
มิสู้ปล่อยเจ้าไว้เหมือนดังที่อยู่ในท้องทุ่ง
และจักถวายดอกไม้เหล่านี้ แด่พระพุทธเจ้า
ที่มีมาแล้วในอดีต ในปัจจุบัน
และที่จะมาตรัสรู้ต่อไปในอนาคต


รูปแบบของกวีนิพนธ์ ได้วิวัฒนาการขึ้นสู่จุดสุดยอดของการสร้างสรรค์ เมื่อกวีนิพนธ์เหล่านั้นได้พัฒนามาตามพื้นฐาน ปรัชญาของนิกายเซน ซึ่งแน่นอนย่อมมีปรัชญาเต๋าเป็นพื้นฐานอยู่ด้วยเสมอ( ดังเช่นศิลปะการวาดภาพแบบ ซูมิเย และการสร้างสรรค์อย่างไร้เดียงสา) เมื่อเซน ข้ามจากจีนไปเจริญรุ่งเรืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เซนได้นำศิลปะต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ในกระแส วัฒนธรรมของเซนติดไปด่วย เมื่อเซนได้รวมเข้ากับจิตใจของคนญี่ปุ่น จึงได้สร้างสรรค์ วัฒนธรรมทางจืตวิญญาณที่ลึกซึ้งต่อไปอีก ทำให้เกิดศิลปแบบ ซูมิเย ขี้น รูปแบบของบทกวี แบบจีนได้ เปลี่ยนไปตามหลัก " เรียบง่ายและดั้งเดิม " ทำให้เกิดบทกวี "วากะ" และ "ไฮกุ" ขึ้น

ไฮกุเป็นสุดยอดของบทกวีทั้งหลาย บทกวีอื่น ๆ แต่เดิมมีความยาวมากน้อยต่างชนิดกัน และ มีบังคับสัมผัสตามหลักฉันทลักษณ์ บทกวีดังกล่าวย่อมไม่เหมาะที่จะใช้แสดงประสบการณ์ทาง ศาสนาออกมา มีกวีน้อยคนที่ประสบความสำเร็จในการใช้รูปแบบของบทกวีแบบดั้งเดิม เพื่อ บรรยายปรีชาญาณอันลึกซึ้งของตนออกมา เพราะบทกวีเหล่านั้นติดอยู่กับรูปแบบมีขอบเขต อันจำกัด และ ขาดความคล่องตัว แต่บทกวีไฮกุได้ตัดทอนลงให้เหลือสั้นที่สุด ด้วยอักษร 3 วรรค 5-7-5 รวมเป็นอักษรเพียง 17 ตัว เท่านั้น ไฮกุมีพื้นฐานอยู่บนหลัก " เรียบง่ายและดั้งเดิม " ไฮกุจึงไม่ติดอยู่กับแบบแผน การใช้ถ้อยคำ ไม่มีขอบเขตจำกัด ไหลเรื่อยดังธรรมชาติ สั้นที่สุด ตรงที่สุด และเป็นไปอย่างฉับพลัน เมื่อสุนทรียารมณ์ของกวีได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุด การสร้างสรรค์งานทางศิลปะ ย่อมสำเร็จลงในเวลาพริบตาเดียว การสร้างสรรค์นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเลย ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดหรือปรุงแต่ง หากปรากฏขึ้นตามสภาวะสัจจะล้วน ๆ เรียบง่าย และตรงตามความรู้สึก ความรู้สึกของกวีที่ปรากฎออกมาในไฮกุ ตรงออกมาจากใจโดยปราศ จากอุปสรรคทางภาษามาขวางกั้น ความงามปรากฎออกมาเป็นความงาม ความเศร้าปรากฎ ขึ้นเป็นความเศร้า ความปีติดำรงอยู่ในสภาพเดิมเก่าแก่แต่ปางบรรพ์เปลือยเปล่าอยุ่ในแสง แดดอุ่น ในวินาทีแห่งการสร้างสรรค์อันมหัศจรรย์ที่ ไฮกุ ได้กำเหนิดขึ้น
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #15 เมื่อ: 29-06-2006, 16:59 »

ไฮกุ (俳句, haiku) เป็นบทกวีญี่ปุ่น มีบทบาทมากในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ไฮกุเป็นบทกวีอื่นมีความยาวมากน้อยต่างกันและมีบังคับสัมผัสตามหลักฉันทลักษณ์ ทำให้บทกวีดังกล่าวไม่เหมาะกับการแสดงออกถึงปรากฏการณ์ทางจิต-วิญญาณและความลึกซึ้งออกมาได้ เนื่องจากบทกวีได้ถูกบังคับยึดติดกับรูปแบบและข้อจำกัดตายตัว แต่บทกวีไฮกุได้ตัดทอนลงให้เหลือเพียงตัวอักษร 3 วรรค ยาว 5-7-5 รวมเป็นตัวอักษรเพียง 17 ตัวเท่านั้น ไฮกุ มีพื้นฐานคือ เรียบง่าย และ ดั้งเดิม จึงไม่ยึดติดกับแบบแผน ไม่มีข้อจำกัด ไหลเรื่อยตามธรรมชาติ สั้นกระชับที่สุด ตรงที่สุด และเป็นไปอย่างฉับพลัน ตามสภาวะสัจจะล้วนๆ เรียบง่ายและตรงความรู้สึก ออกมาจากใจของกวี โดยปราศจากอุปสรรคขวางกั้น แสดงความงาม ความเศร้า ความสงบ ความปิติ ความเก่าแก่ เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น ในวินาทีแห่งการสร้างสรรค์สิ่งอัศจรรย์ที่ไฮกุได้ถือกำเนิดขึ้น

อา เจ้าดอกซากา

ถังน้ำถูกเถาของเจ้าพัวพัน

ฉันวอนขอน้ำน้อยหนึ่งได้ไหม

--ชิโย



ในครั้งกระนั้นกวีหญิงชิโยมาตักน้ำในบ่อน้ำเธอได้พบว่าที่ตักน้ำได้ถูกเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยเถาของดอกซากา(มอร์นิงกลอรี เธอได้ตะลึงงันด้วยความงามของมันจนลืมนึกถึงงานที่จะต้องทำ เมื่อมีสติ จึงนึกถึงภาระที่ต้องทำขึ้นมาได้ แต่เธอก็ไม่อยากจะไปรบกวนดอกไม้นั้น เธอจึงไปตักน้ำที่บ่อของเพื่อนบ้านแทน

เริงรำจากใบหญ้าใบนี้

สู่ใบโน้น

ไข่มุกหยาดน้ำค้าง

--รานเชตสุ


 บทกวีรานเชตสุแสดงออกถึงความปิติรื่นเริงเบิกบานอย่างแท้จริง เมื่อชีวิตได้รับการหล่อเลี้ยงจากความงาม ย่อมเต็มเปี่ยมด้วยปิติสุข น้ำค้างเป็นตัวแทนของความปิตินี้ ไหลหยดย้อยด้วยลีลาของธรรมชาติ ดั่งการร่ายรำของหยาดน้ำค้าง จากใบหญ้าใบนี้สู่ใบโน้น น้ำค้างที่บริสุทธิสะอาดและประกายแวววับดุจไข่มุกเมื่อต้องแสงอาทิตย์
จิตวิญญาณของกวีไฮกุ ได้ถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมาและมีความเกี่ยวข้องกับลัทธิเต๋าและนิกายเซนอย่างที่สุด
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #16 เมื่อ: 29-06-2006, 17:00 »

'ไฮกุ' คำประพันธ์ของญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง หลายคนอาจเคยผ่านสายตามาบ้าง ส่วนใหญ่ก็มักจะสะดุดตาและสะดุดใจที่ 'ไฮกุ' เป็นคำประพันธ์ที่ใช้คำง่ายๆ น้อยๆ มีเพียง 3 บรรทัด รวม 17 พยางค์เท่านั้น แต่มีผลให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์มากทีเดียว



สายการบินแจแปนแอร์ไลน์ (เจเอแอล) ร่วมกับเจแปนฟาวเดชั่น กรุงเทพฯ จัดโครงการประกวดบทกลอนไฮกุสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4 - ป.6) ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 15 ปี และเคยจัดครั้งแรกที่อเมริกาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว กระทั่งเผยแพร่โครงการไปทั่วยุโรป

การจัดประกวดบทกลอนไฮกุสำหรับเด็กไทยในปีนี้ (2548) มีผลงานส่งเข้ามาบ้างแล้ว หัวข้อเกี่ยวกับเรื่อง 'บ้าน' ความหมายครอบคลุมไปถึงคนและสัตว์เลี้ยงในบ้าน ทั้งวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างบ้าน และบ้านในจินตนาการ โดยให้เด็กๆ เขียนเป็นกลอนไฮกุ 1 บท พร้อมวาดภาพประกอบ

ทางโรงเรียนได้ชักชวนเด็กๆ ให้เขียนเข้ามา จากนั้นคุณครูคัดเลือกบทกลอนไฮกุที่ดีที่สุดจำนวน 10 บทกลอน (คนละ 1 บทกลอน) แล้วส่งเข้ามายัง แจแปนแอร์ไลน์ ภายในวันที่ 9 มกราคม 2549 เพื่อให้คณะกรรมการตัดสินคัดเลือกบทกลอนที่ดีที่สุดเพื่อรับเงินรางวัล
สำหรับเด็กๆ ที่กำลังจะเขียนกลอนไฮกุ ม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กรรมการในการพิจารณาครั้งนี้ มีข้อแนะนำในการเขียนกลอนไฮกุ อาจจะส่งเข้ามาประกวดในครั้งนี้ หรือหัดเขียนเพื่อบันทึกเรื่องราวของตัวเอง เพราะไฮกุ ไม่ได้เป็นคำประพันธ์ที่ต้องการสัมผัสหรือมีฉันทลักษณ์ที่รัดกุม แต่ไฮกุเริ่มต้นเขียนง่ายๆ มีเพียงกติกาเรื่องจำนวนคำเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

ไฮกุ เป็นคำประพันธ์ของญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง เป็นบทกลอนขนาดสั้นในหนึ่งบทประกอบด้วยถ้อยคำรวม 17 พยางค์เท่านั้น เขียนแบ่งเป็น 3 บรรทัด เริ่มจาก 5 พยางค์ 7 พยางค์ และ 5 พยางค์ ตามลำดับ ไม่ได้บังคับฉันทลักษณ์แต่ประการใด แต่ในบรรทัดสุดท้ายให้มีการจบแบบหักมุม เป็นจุดที่จะทำให้ผู้อ่านได้คิดหรือเกิดความประทับใจ

ส่วนใหญ่กลอนไฮกุ มักเขียนขึ้นจากความประทับใจที่มีต่อธรรมชาติและมนุษย์ มีเพียง 3 วรรค แม้จะเป็นคำประพันธ์ที่ไม่มีสัมผัสสระหรือพยัญชนะ สิ่งที่พิเศษนอกจากวรรคสุดท้ายที่ผู้เขียนต้องหักมุมจบแล้ว การเลือกใช้คำง่ายๆ สื่อความหมายตรงๆ ก็เป็นอีกประเด็นของความโดดเด่นไฮกุ

"แต่ละคำก็ให้ความหมาย เด็กๆ จะแต่งได้ง่าย ไม่ต้องห่วงสัมผัส เด็กๆ ชั้นประถมก็แต่งได้ และเขียนได้ดีมาก เด็กๆ จะแสดงความประทับใจจากสิ่งที่เขามองเห็นออกมา บางทีเขาก็มองได้ลึกมาก ผู้ใหญ่ก็คิดไม่ถึง เด็กที่เขียนไฮกุจะแสดงความรู้สึกออกมาซื่อๆ ไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองโดยการใช้ศัพท์หรูหรา เป็นคำพูดแบบเด็กๆ" ม.ร.ว.อรฉัตร พูดถึงความพิเศษของไฮกุ บทกลอนที่เรียบง่าย

ตลอด 15 ปีที่มีการจัดการประกวด มีบทกลอนน่ารักๆ ของเด็กๆ ที่ยังอยู่ในความประทับใจของผู้จัดและคณะกรรมการ อย่างการประกวดเมื่อปี 2533 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ก็ทรงเข้าร่วมประกวดด้วย และผลงานก็ได้รับการคัดเลือกให้ชนะการประกวดในปีนั้นด้วย ในหัวข้อ 'ความเขียวขจีของพืชพรรณ ต้นไม้ ใบไม้ ฯลฯ' มีพระนิพนธ์ไว้ว่า

"ฝนโปรยลงมาแล้ว ดอกไม้บานรับแสงอาทิตย์ ต้นไม้ผลิใบเขียว"

อย่างสำนวนของ ด.ญ.สุวิดา สงวนพันธุ์ จากโรงเรียนวัดบางน้ำชน กรุงเทพฯ เขียนในหัวข้อ 'มุมหนึ่งของชีวิต' เมื่อปี 2543 ว่า "ฉันขึ้นรถไฟฟ้า ตึกสูงต่ำสวยงามแปลกตา กลับบ้านใต้สะพาน"

"วรรคแรกจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่จำกัด ปล่อยตามจินตนาการ ขณะที่แต่งออกมาให้อ่าน เพื่อจะได้รู้ว่า การพูดออกมาเป็นช่วงๆ มันจะไปได้ราบรื่นแค่ไหน และให้ความไพเราะแค่ไหน หูจะได้ฟังแล้วจินตนาการตามไป เขาถึงบอกว่ากลอนไฮกุเขียนด้วยหัวใจ ใส่ความรู้สึกนึกคิดของผู้เขียนเข้าไปในนั้นเลย" ม.ร.ว.อรฉัตร บอกเทคนิคการเขียนไฮกุ

การหักมุมในวรรคสุดท้ายนั้นสำคัญ เป็นความงดงามของไฮกุ ในวรรคแรกอาจพูดถึงเรื่องราวต่างๆ ถัดมาวรรคที่สองอาจเป็นข้อความที่เสริมกัน ความประทับใจอยู่ที่วรรคสุดท้าย อย่างผลงานของ ด.ญ.ขจีวรรณ ตาเอื้อย อายุ 12 ปี ชั้นป.6 โรงเรียนสวนลุมพินี กรุงเทพฯ แต่งไฮกุออกมาได้ดีมาก เธอเขียนในหัวข้อ 'ฤดูกาลบ้านเรา' เมื่อปี 2546 บอกว่า

"ลมหนาวใบไม้ร่วง เช้าตรู่พ่อปลุกใส่บาตร แม่จะได้ไม่หิว"

ไฮกุใช้คำง่ายๆ แต่ส่งผลสะเทือนอารมณ์มาก

"เพราะเด็กใส่ความรู้สึกและจินตนาการเข้าไป ความรู้สึกของเด็กๆ จะสอดแทรกอยู่ในแต่ละคำ ในแต่ละความหมาย จะเป็นความรู้สึกตรงๆ แบบเด็กๆ" กรรมการคนสำคัญ กล่าว

นอกจากไฮกุของไทยแล้ว ในต่างประเทศก็มีไฮกุเช่นกัน ม.ร.ว.อรฉัตร ถอดความบทกลอนไฮกุของเด็กจากสโลวาเนียมาให้ได้อ่านว่า

"เศษเสี้ยวของดวงดาว คือส่วนหนึ่งของสรวงสวรรค์ สัมผัสในความมืด"

ส่วนอีกบทกลอนหนึ่งคือ

"ปลายคลื่นคือฟองขาว สายน้ำสัมผัสบนทรายชื้น ปราสาททรายถล่ม"

นอกจากผู้เขียนได้หัดใช้คำแทนความรู้สึกสื่อสารออกมาแล้ว เด็กๆ ยังได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการเขียนไฮกุอีกด้วย

"เด็กๆ ก็ได้เรียนรู้เรื่องกติกา เขาต้องเขียนให้ครบ 5 คำหรือ 7 คำ และที่สำคัญคือเขามีโอกาสที่จะเขียนได้มากกว่า เพราะเราไม่จำกัดเรื่องสระหรือพยัญชนะ จะเขียนอะไรก็ได้ มีเงื่อนไขนิดเดียวเอง ให้เขียนออกมาจากหัวใจง่ายๆ"

ม.ร.ว.อรฉัตร ทิ้งท้าย ว่า คนที่มีอารมณ์กวี ย่อมอยากเขียนอยู่แล้ว แต่ถ้าเริ่มต้นยากเกินไป อาจท้อ ไม่อยากจะทำ

เด็กๆ พอได้ทราบเทคนิคการเขียนกลอนไฮกุแล้ว คันไม้คันมืออยากจะเขียนก็ลองเขียนดูเล่นๆ หรือจะส่งประกวดกันขณะนี้ก็ยังมีเวลาจนถึงวันที่ 9 มกราคม 2549

หลักการเขียนกลอนไฮกุ

1. ควรกล่าวถึงสิ่งใกล้ตัวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาขณะใดขณะหนึ่ง ไม่ควรกล่าวถึงช่วงเวลายาวนาน
2.ต้องเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แล้วนำมาแต่งเป็น ไฮกุ เลือกใช้คำที่กระชับได้ใจความ ไม่ใช้คำเยิ่นเย้อ หรือคำขยายความ
3.ไฮกุ ไม่ใช่การพูดถึงเหตุผล หรือปรัชญาทางความคิด แต่เป็นการถ่ายทอดสิ่งที่เห็นออกมาตามธรรมชาติ ดังนั้นต้องพยายามหลีกเลี่ยงถ้อยคำเปรียบเทียบหรือคำอุปมาอุปไมย
4.บรรทัดสุดท้ายของกลอนไฮกุ มักใส่ความแปลกลงในบทกลอน โดยมักจะมีถ้อยคำที่แสดงความรู้สึกนึกคิดชั่วขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือจินตนาการของผู้ประพันธ์ก็ตาม
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #17 เมื่อ: 29-06-2006, 17:02 »

หนังสือ -ขลุ่ยไผ่- เป็นหนังสือความเรียง
บันทึกความคิดและอารมณ์ความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ
ในรูปแบบการเขียนของ พจนา จันทรสันติ
เขาขึ้นต้นบทตอนแต่ละตอนด้วยบทกวีสั้นๆ
คล้ายเกริ่นและย่อเนื้อความที่เขียนถึงต่อท้าย
เช่น ...

บุหรี่มวนตอง
ของกระท่อมคนยาก
ช่างมีรสหวานหอม


บทกวีชิ้นข้างบนนี้ เขียนบรรยายถึงการเดินทาง
เข้าไปเยี่ยมหมู่บ้านชาวกระเหรี่ยง
มีความเรียงให้อ่านเสริมบทกวีชิ้นนี้ในหน้า 132-134


Green moss
I sit alone
Serenety.

ตะไคร่เขียว
ฉันนั่งอยู่คนเดียว
สงบงัน.


บทกวีเกริ่นรำพันถึงความเรียง
ที่เขียนเล่าถึงการนั่งคุยอยู่ลำพังข้างในตัวเอง
และฟังเสียงสีเขียวของตะไคร่ - น่ารักมาก


The hard mother stone
Give birth to
A new life.

แม่หินที่แข็งกระด้าง
ให้กำเนิดแก่
ชีวิตใหม่.


เมื่อก้อนหินได้ให้กำเนิดแก่สิ่งมีชีวิต
หัวใจเราจะสัมผัสถึงสิ่งใดบ้าง
เมื่อได้แลเห็นว่า บนก้อนหินก้อนหนึ่ง
ซึ่งทั้งแข็งกระด้าง ทั้งปราศจากชีวิต
ได้มีต้นไม้สีเขียวต้นเล็กๆ ขึ้นเกาะติดอยู่
เมื่อชีวิตใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น
จากก้อนศิลาอันแข็งแกร่ง...

แม้แต่ก้อนหินยังอบอุ่นอ่อนโยน
สาอะไรกับหัวใจมนุษย์
จะมิยิ่งอบอุ่นอ่อนโยน
มากกว่าก้อนหินสักเพียงใด
-----------------------------------------------
คัดมาบางส่วนจากหน้า 39-40


The hard mother stone
Give birth to
A new life.

แม่หินที่แข็งกระด้าง
ให้กำเนิดแก่
ชีวิตใหม่.


เมื่อก้อนหินได้ให้กำเนิดแก่สิ่งมีชีวิต
หัวใจเราจะสัมผัสถึงสิ่งใดบ้าง
เมื่อได้แลเห็นว่า บนก้อนหินก้อนหนึ่ง
ซึ่งทั้งแข็งกระด้าง ทั้งปราศจากชีวิต
ได้มีต้นไม้สีเขียวต้นเล็กๆ ขึ้นเกาะติดอยู่
เมื่อชีวิตใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น
จากก้อนศิลาอันแข็งแกร่ง...

แม้แต่ก้อนหินยังอบอุ่นอ่อนโยน
สาอะไรกับหัวใจมนุษย์
จะมิยิ่งอบอุ่นอ่อนโยน
มากกว่าก้อนหินสักเพียงใด
-----------------------------------------------
คัดมาบางส่วนจากหน้า 39-40
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #18 เมื่อ: 29-06-2006, 17:25 »


.......ฉันทลักษณ์ไม่ได้คลอดมาจากมดลูกของใครคนใดคนหนึ่ง......(อังคาร กัลยาณพงศ์ )

รูปแบบ มนุษย์สร้างขึ้นแล้วแต่ จะชอบนะครับ เคนโต้ ไฮกุ กาพย์ ฉันทร์ โคลง ร่าย
ตามใจ เปลี่ยน รสชาติกันบ้าง ไม่ต้องซับซ้อน เอา ง่ายๆ เขียนกันตรงๆ โต้งๆ ไปเลย
คิดอะไร ณ ตอนนั้นว่าไปเลย ผมก็พึ่งหัดเขียน ครับ พอดีมีข้อมูลเลยเอามาแบ่งปัน

บางครั้งและบ่อยๆ ผมชอบ ร้อยยิ้มทารก แววตาคนบ้านนอก
น้ำเปล่า นั่งเฉยๆ ดูต้นไม้ ใบหญ้า ฟังความเงียบ
ไม่ต้องคิดอะไร มากมายซับซ้อน ความไร้เดียงสาของถ้อยคำ

หิวใหมหิว กินใหมกิน ง่วงใหมง่วง หิวกินง่วงนอนร้อนอาบน้ำ  จบ

ตัวอย่าง บทเรียน ไฮกุ ในเว็บต่างๆ พอเป็นแนววววว นักเรียนไฮกุ



ไฮกุบ้านธรรมดา
http://www.thummada.com/cgi-bin/iB3/ikonboard.cgi?s=41dd921271e1ffff;act=ST;f=14;t=1432;st=0


ไฮกุไทยตุลา
http://www.thaioctober.com/yabbse/index.php?board=27;action=display;threadid=96;start=300

ไฮกุ เว้บ พี่ทิดโส ไม้ระเบิด
http://www.tidso.com/board_1/view.php?id=1213


บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #19 เมื่อ: 29-06-2006, 17:28 »

มีตัวอย่าง ไฮกุ เก่า ๆ เอามาแบ่งปัน

อา เจ้าดอกอาซากา
ถึงน้ำถูกเถาเจ้าพัวพัน
ฉันวอนขอน้ำ น้อยหนึ่งได้ใหม
...................กวีหญิงชิโย

สำหรับดวงใจ
ปราศจากความสงสัย
ดอกเหมยขาว ...... (โมกุ)

ใบไม้ร่วง
ร่วงหล่นล่องลอยมาจากที่ใด
ฤดูใบไม้ร่วงได้สิ้นสุดลงแล้ว ....... (ชีกิ)

ตัวหมัดที่น่าสงสาร
ฉันจะวางเธอไว้บนผลทับทิม
ซึ่งมีรสดังเลือดเนื้อของฉัน ....... (อิสซา)

โปรดอย่าฆ่าแมลงวัน
จงมองดูมันถูมือ
สลัดแข้ง สลัดขา ......... (อิสซา)

หากตีแมลงวัน
ก็เท่ากับตีโดน
ดอกผกาด้วย............ (อิสซา)

นกอูกุยสุ
ล้างตีนเปื้อนโคลนของมัน
ในหมู่ดอกเหมย........ (อิสซา)

เด็กน้อยสะอึกสะอื้น
" ขอหนู
จันทร์ผ่องเต็มดวง ดวงนั้น........ (อิสซา)

ดวงจันทร์ของใครกันหนอ
เด็กน้อย
ดวงจันทร์สีแดงดวงนี้ ดวงจันทร์สีแดง...... (อิสซา)

จากไม้ดอกต้นใด
ฉันมิรู้
อา กลิ่นหอมละมุน ...... (บาโช)

" อา " ฉันอุทาน " อา "
นี่คือถ้อยคำทั้งหมดที่อาจพูด
ดอกซากุระแห่งขุนเขาโยชิโน........ (ไตชิตสุ)

งอกยอดอ่อนออก
ขึ้นไปบรรจบกับฟากฟ้า
ปลดปล่อยออก เพื่อให้พบกับเสรีภาพ ...... (เรียวกัน)

ไผ่สูงสล้าง
งอกขึ้นไปถึงฟากฟ้า
และยอดโน้มลงต่ำ
สีเขียวมรกต
ในลีลาจังหวะไหว แผ่ว ๆ
สั่นสะท้าน........... (เรียวกัน)

ใบไม้ร่วง
ร่วงหล่น ล่องลอย มาจากที่ใด
ฤดูใบไม้ร่วง ได้สิ้นสุดลงแล้ว............. (ชีกิ)

จะหวนกลับมาอีก
ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
มวลดอกซากุระ
ที่ล่วงหล่นกระจัดกระจาย
จากต้น........... (ซาราชิน)

ความเต็มของดวงจันทร์
และความสงบสำรวมของสายน้ำ
ล้วนปรากฎอยู่ในตัวข้าพเจ้า........ (ซูตงเปอ)
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #20 เมื่อ: 29-06-2006, 17:30 »

ไฮกุแบบสี่ฤดู

หิมะบนหลังคากระท่อม
เยิ้มละลาย
อย่างแช่มช้า ......... (อิสซา)

หากเห็นแก่ฉัน
ขออย่างเพิ่งจุดตะเกียงในตอนนี้
ยามเย็นแห่งฤดูใบไม้ผลิ................ (เกียวใด)

ลมและสายฝนก็เช่นกัน
พร่ำเพรียกเรียกหา
ดอกซากุระแห่งฤดูใบไม้ผลิ................ (โสเซตสุ)

อย่างสงบลึกล้ำ
กบเหม่อมอง
ขุนเขา.............. (อิสซา)

ด้วยเสียงสำเนียงนั้น
พวกเราจงมาเริงรำ
ตามเสียงกบร้อง......... (อิสซา)

มดเหล่านี้
เดินเป็นเส้นสายยาวเยียด
มาจากหมู่เมฆ..................... (อิสซา)

ลมพายุในฤดูร้อน
กระดาษขาวบนโต๊ะ
ปลิวว่อน........... (ชีกิ)

บ้านเกิดของฉัน
ถูกโอบรัดอยู่ด้วยต้นไผ่
ในสายฝนแห่งฤดูร้อน ............ (อิสซา)

สายฝนในฤดูร้อน
ปูคลานออกมา
จากซอกมุมของตุ่มหิน ............. (ซับปุ)

สายฟ้าแลบ
เสียงหยาดน้ำค้าง
หยดหยาดลงจากกิ่งไผ่ .............. (บูสัน)

ในสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วง
ใบหญ้าโดดเดี่ยว
สั่นสะท้าน ......... (แซบโป)

เปิดปากอ้ากว้าง
ลูกนกเฝ้ารอพ่อแม่
ในสายฝน แห่งฤดูใบไม้ร่วง ............. (อิสซา)

พระจันทร์เต็มดวง
กระท่อมโกโรโกโสของฉัน
ก็เป็นดังที่เธอแลเห็น ................... (อิสซา)

หลังจากเฝ้าชมจันทร์
เงาร่างก็เดินกลับบ้าน
พร้อมกันกับฉัน .................. (โซโด)

ลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงโชยพัดมา
ในร้านสุรา คนหาปลาและคนตัดฟืน
ขับร้องบทกวี ........... (บูสัน)

ฝนแรกแห่งฤดูหนาว
ตกแต่งประดับประดา
กิ่งต้นบ๊วย ............. (กิโต)

หิมะแรกแห่งฤดูกาล
ส่งเสียงแว่ว
ดวงจันทรืเหนือกิ่งไผ่ ........... (บูสัน)

ลมพายุหนาวเหน็บ
พัดกระหน่ำฝูงเป็ด
จนติดชิดกำแพง.......... (นิรนาม)
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #21 เมื่อ: 29-06-2006, 17:37 »



ไฮกุที่เจอๆ มามี 2 แบบ


1.ดั้งเดิม แบบไร้ลักษณ์ กี่อักษร กี่บรรทัดตามใจ ต้นเค้ามาจากบทกวีจีนโบราณมีกลิ่นของ เต๋า เซน
2.แบบ 5 7 5 สากล รู้จักกันทั่วโลก

ตัวอย่าง เอามาแบ่งปัน ไฮกุแบบไร้ลักษณ์ 20 บท ของ ท่าน อาจารย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชุด เหลี่ยมที่ไม่มีมุม

1.
ทุ่งดอกไม้บาน

ลมตะวันตกพัดไกล

ฤดูกาลหายไป


2.นั่งบนชานเรือน

ดอกหญ้าเริงระลอก

เป็นเพื่อนยามเย็น

ไม่โดดเดี่ยว


3.พวงชมนาดขาว

พวงอุณากรรณขาว

พุ่มช่อเข็มขาว

ดาวดอกพิกุลขาว

ทั้งหมดเป็นดอกไม้สีขาว


4.นกปรอทเล่นน้ำ

ร้องเพลงเล่นน้ำ

มีนกปรอท สองตัว

เล่นน้ำ ร้องเพลง

และบินไปด้วยกัน


5.งูแสงอาทิตย์เลื้อยไป

เงียบ..........

จ๋อมเสียงเขียดโดดน้ำ

หนีงูแสงอาทิตย์


6.ลมตะวันตกพัด

ใบไผ่ม้วนเกลียว

แล้วสะบัดดังซู่

จ้องมองเกลียวใผ่

....เห็นลมตะวันตก


7.น้ำเจิ่งเต็มทุ่งร้าง

เงากระถิน ลึกลงในน้ำ

และสั่นไหว รู้ได้ว่า

ในน้ำที่โคนกระถิน

มีปลาว่าย..วนเวียนอยู่


8.เงาในน้ำ เขียว เหลือง

ฟ้า น้ำตาล ๙ล๙

เงาบนฟ้า สีเดียวกัน


9.กิ่งโสนโยกเยก

เห็นปลาในน้ำ

ใกล้กิ่งโสน นกกินปลา

เกาะกิ่งโสน โยกเยกไปมา


10.กลางลานโรงสีข้าว

นกเขาจับคู่ ขันคู

คนงานขน ข้าวขวักไขว่

นั่นแหละ
! ลานสีข้าว


11.เคลื่อนไหวไปตามยอดหญ้า

คือลมเหนือ

หอมกลิ่นดอกหญ้า

หนาวหมอกรุ่งสาง

ชีวิตไม่เงียบเหงา

เพียง.....โดดเดี่ยว


12.หมั่นศึกษา...หวังเพื่อรู้

ว่ารู้...ไม่รู้

ระทดท้อ..ว้าเหว่


13.ลูกหว้าหล่นกระทบกลางชานเรือน

สีม่วงแตกกระจาย

เป็นลายดาวสีม่วง

บนพื้นชานเรือน


14.ฝนตกพรำทั้งคืน

หอมดอกขจรริมหน้าต่าง

ฝนตกทั้งวัน

หอมดอกโมกริมชานเรือน


15.ห่านสีขาวในบึงบัว

น้ำใสเห็นก้านบัวในน้ำ

แม่ปลาช่อน...พาลูกวกวน

เล่นก้านบัว


16.ผักสันตะวา

สีเขียวอ่อนปนน้ำตาล

กรอบอร่อย


17.ดอกปีบหล่นเกลื่อนลาน

หอมกระจายเต็มบ้าน

น่าเสียดายที่นั่งอยู่เดียวดาย


18.คิดจะท่องเที่ยวไปในเงาของป่าในน้ำ

จะเหมือนเงาของของป่าบนดินหรือเปล่า

คงลึกลับและเย็นเยือก

คงสงัดและสงบนิ่ง

แต่....ต้องไม่มีปลาหรือเงาของนก


19.กึง..กึง..สังกะสีถูกลม

ฟัง..อย่างกับสนุก...แน่ะ

กึง..กึง..สังกะสีถูกลม


20.ขนห่านสีขาว

ลอยในบึง

ใบบัวสีเขียว

ขนห่านเหมือนดอกบัวสีขาว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2006, 13:07 โดย โอสถ » บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #22 เมื่อ: 29-06-2006, 17:43 »




เรียวกัน (Ryokan) อาจารย์เซน ชาวญี่ปุ่น มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. ๑๗๕๘-๑๘๓๑



"คนขี้คร้าน" : เรียวกัน

.........

ขี้คร้านเกินกว่าจะทะยานอยาก
ปล่อยให้โลกดูแลตัวมันเองดีกว่า
ฉันมีข้าวสารยังชีพไปสิบวัน
ทั้งยังมีมัดฟืนก่อไฟอุ่นอีกด้วย
ใยต้องมาถกกันให้เสียเวลา
ว่าอะไรคือ รู้ลวง อะไรคือ รู้แจ้ง

ฟังซิ..
เสียงน้ำฝนกลางดึกกระทบหลังคาบ้าน
ฉันนั่งเหยียดเท้าทั้งสองออกไป
แสนสบาย

............

"คนขี้คร้าน" ของ เรียวกัน
สมพร พึ่งอุดม แปล
๒๔ พ.ย.๔๕
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #23 เมื่อ: 29-06-2006, 17:53 »




นั่งรอดูพลุ
สี่แยกอลหม่าน
บนรองเท้าแตะคู่เก่า

น้ำแข็งเริ่มละลาย
ในถุงน้ำตาลสด
พลุยังไม่จุด

ดูดน้ำไป
หาวไป
ถุงน้ำหมดหวาน

ล่าสุด แถวๆ เทเวศ รอ ดูพลุ ที่ นางเลิ้ง



บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #24 เมื่อ: 29-06-2006, 17:55 »




เจ้านกกระจอกตัวเล็ก
กระโดดจิกเศษข้าว
ริมถนน

นกน้อยเคลื่อนไหว
เศษข้าวกระจัดกระจาย
รถเมล์วิ่งผ่าน

ตอนรอรถเมล์ พอดี เห็นนกกระจอก จิกกินข้าว คนทำตกไว้


ลงข้อมูลไปเพียบเลย อย่าเพิ่ง ลายตานะค่อยๆอ่านไป
ใครเอาไฮกุไป สอนเด็ก ประถมบ้าง อนุบาลก็ได้
ลองสอน บทกวี ไฮกุ เด็กสิ เด็ก 50 คนแต่ง นะ
แล้ว คุณจะขนลุก 50 ข้อความไฮกุของเด็ก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2006, 18:11 โดย โอสถ » บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
เลิศภพจบพสุธา
Moderator
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171



« ตอบ #25 เมื่อ: 30-06-2006, 08:26 »

ขอบคุณที่นำข้อมูลมาฝากกันครับ Surprised
บันทึกการเข้า
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #26 เมื่อ: 17-08-2006, 13:21 »




ปลาทองว่ายนิ่ง
ธารน้ำ กระจ่างใส
เงาสะท้อน ผืนทราย

ปลาทองตัวน้อย
เงา ใหญ่ น้อย ตามดวงตะวัน
ส่องทาบ ธารใส

น้ำเย็น ปลาว่าย
แอบหลบเงาไม้ ยามบ่าย
น้ำใส เงาในทราย

นั่งมองดูปลา
ไร้เสียง สำเนียง ใด ใด
ลำธาร สงบเย็น

บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #27 เมื่อ: 17-08-2006, 13:30 »


ดอกหญ้า เอนไหว
ท้องฟ้า กว้างใหญ่

เมฆดำเคลื่อนผ่าน
พายุ มา

หัวใจ ไหวเอน
ความสงบ จากไกล
บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #28 เมื่อ: 17-08-2006, 13:46 »

.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2007, 14:12 โดย ThailandReport » บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
softly gun
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 204


« ตอบ #29 เมื่อ: 17-08-2006, 14:01 »

Oh sweetheart pie,
ah my orchid.
With love what dove,
he love you did.

โอ้ เจ้าช่อมะกอก
โอ เจ้าดอกกล้วยไม้
เจ้าเห็นเขางาม
เจ้าตามเขาไป.......ฯลฯ
 

 ขอจองที่ไว้บ้าง
ขาดอารมญ์อันสุนทรีย์ไปนิด ยุ่งๆอยู่
ขอเวลาคืนเดียวอารมญ์คงได้กลับคืนมา
"ไฮกุ" นะจ้ะ ไม่แฝงอารมญ์อื่น (เมา).

ปืนอ่อนแล้ว.
บันทึกการเข้า
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #30 เมื่อ: 17-08-2006, 14:06 »

Oh sweetheart pie,
ah my orchid.
With love what dove,
he love you did.

โอ้ เจ้าช่อมะกอก
โอ เจ้าดอกกล้วยไม้
เจ้าเห็นเขางาม
เจ้าตามเขาไป.......ฯลฯ
 

 ขอจองที่ไว้บ้าง
ขาดอารมญ์อันสุนทรีย์ไปนิด ยุ่งๆอยู่
ขอเวลาคืนเดียวอารมญ์คงได้กลับคืนมา
"ไฮกุ" นะจ้ะ ไม่แฝงอารมญ์อื่น (เมา).

ปืนอ่อนแล้ว.



ตกลงเอา ไฮกุไหนครับ แฮะๆ ไหงไม่ 5-7-5 ละครับ มา 4 บรรทัดได้ไง
ปืนอ่อน นับด้วยไหมเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #31 เมื่อ: 18-08-2006, 09:40 »

บทกวี ไฮกุของ ท่าน เรียวกัน

โลกใบนี้ผลันแปรไม่แน่นอน
เปรียบได้ดั่งก้อนเมฆบนท้องฟ้า
ห้าสิบปีในชีวิตที่ผ่านมาหาใช่อะไร
หากแต่คือความฝันอันยาวนาน
ค่ำคืนนี้ละอองฝนโปรยมาแผ่วบาง
ภายในกระท่อมอันเดียวดาย
ฉันกระชับเสื้อคุมแนบกาย
พิงหน้าต่างที่ว่างเปล่าอยู่คนเดียวเงียบๆ


หนทางแคบสายหนึ่งแวดล้อมด้วยป่าทึบ
สองข้างทางคือขุนเขายืนตั้งตระหง่านในความมืด
ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน
ใบไม้เหลืองลิ่วหล่นตามสายลม
แม้ไร้ฝนแต่โขดหินข้างทางยังเขียวครึ้มด้วยตะไคร่น้ำ
ฉันเดินกลับกระท่อม
ไปตามเส้นทางที่คนเพียงไม่กี่คนรู้จัก
ในมือถือตระกร้าเห็ดสดใหม่
และถึงน้ำใสจากบ่าในอาราม

ฝนหยุดแล้ว หมู่เมฆพลันลอยล่องลม
ท้องฟ้าแจ่มกระจ่างอีกครา
ถ้าหัวใจของท่านผ่องใส
สรรพสิ่งภายในในโลกของท่านย่อมพลอยสดใส
ลืมโลกที่สับสน ลืมตัวท่านเอง
แล้วดวงดาวและดอกไม้
จะจูงท่านไปตาม "ทาง"

ฉันนั่งฟังเสียงใบไม้ล่วงอย่างเงียบๆ เพียงลำพัง
กระท่อมที่โดดเดี่ยวหลังหนึ่ง
กับชีวิตอนาคาริก
อดีตเลือนลับไปแล้ว
สิ่งต่างๆ ไม่เหลืออยู่ในความทรงจำ
ชายเสื้อคลุมฉันเปียกชุ่มด้วยน้ำตา

ขั้นบันไดหิน ตะไคร่น้ำเขียวขจี
สายลมหอบโชยกลิ่นต้นซีด้าร์ และต้นสน
เมื่อฝนซา ท้องฟ้าก็เริ่มแจ่มกระจ่าง
ฉันตะโกนเรียกเด็กๆ
ขณะเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหาเหล้าสาเก
หลังจากดื่มจนเคลิ้มเมา
ฉันก็หยิบภู่กันขึ้นมาปาดป้ายเป็นบทกวีนี้ด้วยใจที่เปี่ยมสุข

หลังจากฝนตกหนักเมื่อคืน
สายน้ำก็หลากล้นท่วมหนทางเข้าหมู่บ้าน
เช้าวันนี้ในดงหญ้าข้างกระท่อมของฉัน
เย็นเยียบด้วยละอองฝน
ที่หน้าต่าง ขุนเข้ามองเห็นรางเลือน
ดังหยกสีน้ำเงินแกมเขียว
ข้างนอกกระท่อม ธารน้ำไหลรินดังสายไหมระยิบระยับ
ใต้หุบผาไกล้กระท่อม ฉันล้างหูที่เจ็บด้วยน้ำพุใสสะอาด
บนต้นไม้ จักจั่นตางขับขานบทกวีแห่งฤดูใบไม้ร่วง
ฉันเตรียมเสื้อคลุมและไม้เท้าจะออกไปเดินเล่น
หากแต่ความงามของธรรมชาติ
สะกดฉันไว้ ณ ที่ตรงนั้นเอง

หลังจากเที่ยวบิณฑบาต
ฉันเดินกลับกระท่อมพร้อมบาตรที่เต็มด้วยข้าว
เวลานี้มีเพียงแสงทองอ่อนละมุน
ของดวงตะวันยามเช้า
ตัวฉันขณะนี้แวดล้อมด้วยขุนเขา
และใบไม้แห้งที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดิน
กา ฤดูหนาวตัวหนึ่งบินถลาอยู่ในป่า
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #32 เมื่อ: 18-08-2006, 09:42 »

ลิบตาข้างหน้าและสุดสายตาข้างหลัง
คือขุนเขาเขียวตั้งตระหง่าน
จากฟากฟ้าตะวันออกจรดฟากฟ้าตะวันตก
คือปุยเมฆสีขาวล่องลม
แม้นยามนี้ฉันได้พบกับเพื่อนผู้สัญจรมาเยือน
ฉันก็คงไม่มีข่าวสารใดจะเอื้อนเอ่ย

เดียวดาย ฤดูใบไม่ผลิผ่านพ้นไปแล้ว
เงียบงัน ฉันปิดประตูกระท่อม
ความมืดโรยตัวช้าๆ ลงมาจากฟากฟ้า
ซุ้มวิสทีเรียค่อยค่อย ลับหายไปในความมืดนั้น
วัชพืชปกคลุมบันไดกระท่อม
ถุงข้าวยังคงแขวนอยู่ที่รั้ว
ที่นี่เงียบสงัดสันโดษ ห่างไกลจากโลกภายนอก
มีเพียงเสียงนกดุเหว่าขับขานเป็นเพื่อนยามราตรี

ปีหนึ่งกำลังจะผ่านไป
แลัวสวรรค์ก็ประทานหิมะที่หนาวเหน็บทรมาณมาให้
ใบไม้แห้งร่วงหล่นลงเต็มขุนเขาน้อยใหญ่
ถนนหนทางไร้ผ้คนสัญจรไปมา
คืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน
ใบไม้แห้งถูกเผาไปอย่างช้าๆ ในเตาไฟ
มีเสียงสายฝนหิมะสาดซ่ามาเป็นครั้งคราว
ใจฉันสับสน ครุ่นกังวล
พยายามย้อนรำลึกไปถึงความหลังเก่าเก่า
แต่ไม่มีภาพในอดีตใดใด หลงเหลือในห้วงความคำนึง
นอกจากความคิดฝันที่ล่องลอย

หลับไปเสียนานตามประสาคนชรา
งัวเงียสะลึมสะลือ ความฝันยามเย็น
แล้วฉันก็ตื่นนอนมาอีกครั้ง
แสงไฟในเตายังส่องประกายวอมแวม
สายฝนกระหน่ำพัดอยู่ตลอดคืน
ฝนนั้นสาดอาบต้นกล้วย
เวลาที่ฉันต้องการใครซักคนสำหรับบอกเล่าความรู้สึก
แต่ก็หาได้มีใครแวะเวียนมาแถวนี้

ค่ำคืนนี้อากาศสดชื่นเย้นสบาย
ฉันถือไม้เท้า เดินผ่านประตูกระท่อมออกมา
เถาวิสทีเรียและไอวีงอกแซมกันและกัน
ตลอดหนทางที่คดเคี้ยวขึ้นสู่ภูเขา
ฝูงนกส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ในรัง
ใกล้ๆ กันนั้น ชะนีตัวหนึ่งกำลังส่งเสียงโหยหวน
เมื่อฉันขึ้นมาถึงยอดเขาสูง
ภาพของหมู่บ้านก็มองเห็นเลือนรางอยุ่ข้างล่าง
สนโบราณทั้งหลายล้วนแต่เต็มไปด้วยบทกวี
ฉันขอดื่มน้ำพุธรรมชาติที่ใสสะอาด
สายลมอ่อนโชยพัด ขณะที่เดือนกลมโตลอยเด่นอยู่บนหัว
ฉันยืนอยู่ไกล้ๆ สิ่งปลูกสร้างที่ถูกทิ้งให้รกร้าง
จิตใจเคลิ้มฝันอยากเป็นนกกระเรียน
ที่กำลังพริ้วบินอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #33 เมื่อ: 18-08-2006, 10:00 »



ตัวอย่างกวีท่านเรียวกัน พระเซน คือบทกวีไฮกุโบราณ

บทกวีไฮกุแต่ดั้งเดิมเลย เป็นงานเขียนแบบ กลอนปล่อย ไร้ฉันลักษณ์ แบบธรรมชาติครับ
นึกแบบใหน เขียนไปแบบนั้น ไม่ตั้งกังวล บรรทัด สัมผัส ระเบียบ แบบแผน บางคนอาจชอบ
เพราะ ดู มันกว้างใหญ่ไหลลื่นดี แบบ สายน้ำ สายลม หมู่เมฆ คลื่น เสียงลม อากาศ ความว่าง
มัน ไร้กระบวน ไร้ลักษณ์ เข้าไกล้ นิรรูป พุทธธรรม

ต่อมาคนรุ่นหลังๆ ก็ บัญญัติรูปลักษณ์ ขึ้นมาอาจเพื่อให้เขียนง่าย จำง่าย

บรรทัดแรก 5 คำ
บรรทัดที่สอง 7 คำ
บรรทัดที่สาม 5 คำ

เช่น

กระต่ายน้อยคอยจันทร์
ใบไม้ผลิร่วงเปลี่ยนฤดูกาล
ใจผูกพันธ์จันทร์เดิม

อุ่นอิงไอเตาผิง
ดนตรีน้ำเดือดร่วมบรรเลง
เพลินฟังหลับสบาย

ดนตรีประสานเสียง
หญิงสูงชายต่ำคล้องจองกัน
โลกล้วนภาษาเดียว

ยุงบินตอมหวู่หวี่
อยากเป็นหมาหนังหนาขนยาว
จ้างก็กัดไม่เจ็บ

ลมหนาวโชยเหน็บทรวง
นกน้อยคงเหนื่อยล้าวิญญา
ส่งแรงใจให้นกน้อย

บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #34 เมื่อ: 18-08-2006, 10:10 »


สุดท้ายแล้วที่เฝ้าสังเกตุมา การแต่งจะมีสองแบบ แล้วแต่จะชอบ

1.แบบ 5-7-5
2.แบบไร้ลักษณ์ กี่บรรทัด กี่คำ สัมผัสไม่ สัมผัสไม่สน ไหลคำ ไปตามใจ

มีเสน่ห์ทั้งสองแบบ ลองดูนั่งอยู่บ้าน ไปเที่ยว ไปวัด เดินเล่น สรรพสิ่งรอบๆ ตัว
เข้ากระทบ จะเล็ก จะใหญ่ เหตุการณ์ใด ภาพใหน อาจเกิดเป็นคำขึ้นมา
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
softly gun
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 204


« ตอบ #35 เมื่อ: 18-08-2006, 10:26 »

"บทกวีไฮกุแต่ดั้งเดิมเลย เป็นงานเขียนแบบ กลอนปล่อย ไร้ฉันลักษณ์ แบบธรรมชาติครับ
นึกแบบใหน เขียนไปแบบนั้น ไม่ตั้งกังวล บรรทัด สัมผัส ระเบียบ แบบแผน บางคนอาจชอบ
เพราะ ดู มันกว้างใหญ่ไหลลื่นดี แบบ สายน้ำ สายลม หมู่เมฆ คลื่น เสียงลม อากาศ ความว่าง
มัน ไร้กระบวน ไร้ลักษณ์ เข้าไกล้ นิรรูป พุทธธรรม"
 ขอบคุณ หกท # 30 ท้วง
 และ หกท # 33 ตอบ

ขอบคุณ คุณ โอสถ อีกครั้ง ทำให้ผมไม่ต้องตอบอธิบายใดๆอีก
ปืนอ่อนใจ
บันทึกการเข้า
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #36 เมื่อ: 18-08-2006, 10:27 »



หินเรียงเป็นสองกอง
กองหนึ่งวางเป็นชั้น หวาดเสียว
กองหนึ่งดูนิ่งเงียบ

กองขวากลัวจะล้ม
รากฐานวางไว้ ไม่มั่นคง
ก้อนกลมไร้ปัญหา

ก้อนกลมดูเดียวดาย
ห้าก้อนขวาดู มันง่อนแง่น
โยกคลอนไกล้จะล้ม

จะลองแต่งตามรูปที่ผมลงก็ได้ครับ สวัสดีครับคุณปืนอ่อนใจ
มีอะไรก็เขียนมาได้ครับ ผมเพิ่งหัดเขียน ก็ได้องค์ความรู้จาก
ไดอาล๊อก การสนทนา ของ หลายๆ ท่าน แหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2006, 13:16 โดย โอสถ » บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #37 เมื่อ: 18-08-2006, 10:34 »

 Shocked

เพิ่งหัดเขียน ... Question
 Wink
บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #38 เมื่อ: 18-08-2006, 15:04 »



กบเกาะใบไม้เขียว
อ้าใบรองรับ กบนิ่งเงียบ
ข้างข้างลำไผ่ใหญ่


เจ้ากบตากลมกลม
มันกำลังพัก บนใบไม้
ท่ามกลางป่าไผ่เขียว

บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #39 เมื่อ: 31-08-2006, 12:58 »




กาแฟกลิ่นหอมกรุ่น
ตื่นมา ยามดึก พบหมู่ดาว
พระจันทร์ดูครึ่งเสี้ยว

เล่นเกม แต่งไฮกุ ตามภาพกัน ผมเริ่มก่อน 1 บท ใครตามเชิญ
เอาภาพ นี้ก่อนนะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 13:01 โดย โอสถ » บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #40 เมื่อ: 31-08-2006, 13:00 »

.   .    .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 13:02 โดย โอสถ » บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
หน้า: [1]
    กระโดดไป: