อวสานหุ่นเชิดสะพัด'แม้ว'ลอยแพสังเวยม็อบ
21 มิถุนายน 2551 กองบรรณาธิการ
พันธมิตรฯ เรือนแสนเคลื่อนทัพยึดทำเนียบฯ สำเร็จอย่างง่ายดาย ตั้งเวทีใหม่สามแยกนางเลิ้งประกาศชัยชนะยกแรก ขั้นต่อไปโค่น "รัฐบาลนอมินี-ระบอบทักษิณ" คาดสำเร็จใน 2 วัน "หมัก"
ดิ้นพล่านเรียกประชุม ผบ.เหล่าทัพ-ผบ.ตร. ถามปากสั่นมีปฏิวัติหรือเปล่า วอร์รูมรัฐบาลกระ***นกระหือรือเปิดกลอนประตูทำเนียบฯ ให้ม็อบบุก ขุดหลุมพรางงัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินเชิญทหารมาจัดการ "ตุ๊ดตู่" เสี้ยมประชาชน 76 จังหวัดลุกฮือมากระทืบพันธมิตรฯ หึ่ง! "ทักษิณ" สั่งซากศพเตรียมพร้อม
การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อเคลื่อนขบวนจากเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปยังทำเนียบรัฐบาล แสดงจุดยืนให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ลาออก และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นศาลโดยปราศจากการแทรกแซง ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 20 มิถุนายน 2551 โดยมีประชาชนทยอยรวมตัวกันในหลายจุด ทั้งเชิงสะพานมัฆวานฯ ลานพระบรมรูปทรงม้า และบางส่วนอยู่บริเวณแยกนางเลิ้งแต่จำนวนไม่มากนัก
จุดรวมตัวหลักที่เชิงสะพานมัฆวานฯ มีการซักซ้อมแนวทางการเคลื่อนขบวน โดยเน้นยึดหลักสันติ อหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สำคัญห้ามพกอาวุธโดยเด็ดขาด โดยนายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ ทีมงานโฆษกพันธมิตรฯ อ่านแถลงการณ์ระบุว่า การเคลื่อนการชุมนุมไปยังทำเนียบรัฐบาล จะไม่เข้าไปบุกรุกภายในทำเนียบรัฐบาล แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเปิดประตูให้ก็ตาม
ช่วงสายประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมาถึงจุดนัดพบต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ที่แยกนางเลิ้ง กลุ่มพันธมิตรฯ 11 จังหวัดภาคใต้ประมาณ 500 คน ปักหลักอยู่ที่นั่น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ตั้งแถวปิดกั้นไม่ให้เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล
นอกจากนี้ยังพบว่ากองทัพมูลนิธิกองทัพธรรมของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้เตรียมเรือท้องแบนไว้ 7 ลำ เพื่อเอาไว้ข้ามคลองรอบทำเนียบฯ หากการเดินเท้าไม่สามารถฝ่าด่านสะพานมัฆวานฯ เข้าไปได้
การเคลื่อนขบวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น. หลังมีผู้ชุมนุมนับหมื่นคนพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองมารวมตัวกัน พร้อมถือกล้องถ่ายรูปบันทึกเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐานหากมีการฟ้องร้องกันทางกฎหมาย โดย พล.ต.จำลองได้ขึ้นรถบรรทุกเครื่องขยายเสียงนำผู้ชุมนุมประมาณ 500 คนที่มีกองทัพธรรมเป็นทัพหน้า เดินออกจากเวทีใหญ่แยกมัฆวานฯ ไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เส้นทางด้านหน้าวัดโสมนัสวิหาร เดินมาถึงด้านหน้าซอยวัดโสมฯ ก็ใช้เวลาไม่นานในการผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ซึ่งมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เลี้ยวซ้ายเดินมาที่แยกนางเลิ้ง และหยุดขบวนตรงสี่แยกเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถบรรทุกผู้ต้องหามาปิดถนนอย่างแน่นหนา
ทั้งนี้ พล.ต.จำลองได้ประกาศว่า ไม่ว่าเดินทางไปได้ใกล้ไกลแค่ไหน หรือไปในทิศทางใด ก็ถือว่าเราได้รับชัยชนะและมีผลสำเร็จเกิดขึ้นแล้ว เพราะรัฐบาลจะต้องลาออกภายใน 1-2 วันนี้
ต่อมาก็มีกลุ่มของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ นำชุดผู้ชุมนุมอีกชุดเคลื่อนมาสมทบกับชุดของ พล.ต.จำลอง จนทำให้มีผู้ชุมนุมตรงจุดดังกล่าวนับหมื่นคน ซึ่งแกนนำได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยบนเวทีที่ตั้งหันหน้าไปทางทำเนียบรัฐบาล โดยชูประเด็นการสูญเสียดินแดนบนเขาพระวิหาร
ขณะที่แนวกั้นของตำรวจมีการเสริมกำลังประมาณ 200 นาย ชั้นนอกสุดเป็นตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191 มีโล่และกระบอง พร้อมหน้ากากกันแก๊สน้ำตา ชั้นถัดไปมีตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษถือปืนยิงแก๊สน้ำตายืนเรียงแถวอย่างน่าเกรมขาม ส่วนชั้นในสุดเป็นตำรวจหญิง
ม็อบฝ่าด่านบุกยึดทำเนียบฯ
ขณะที่ผู้ชุมนุมอีกกลุ่มโดยการนำของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายพิภพ ธงไชย เคลื่อนขบวนเลี้ยวไปทางวัดมกุฏกษัตริยาราม ก่อนวกกลับฝ่าแนวกั้นของตำรวจออกมาถึงแยกสวนมิสกวันได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงดังกล่าวจะไม่มีแกนนำอยู่ที่เวทีใหญ่ ก็ยังคงมีประชาชนกว่า 2,000 คนยังรักษาพื้นที่เอาไว้ท่ามกลางการตรึงกำลังของตำรวจ
เวลา 13.10 น. กลุ่มของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นกลุ่มแรกที่สามารถฝ่าด่านตำรวจเข้ามาถึงด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยผ่านด่านจากแยกวัดเบญจฯ มาทางถนนนครปฐม และถูกสกัดอยู่ด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. เนื่องจากตำรวจมีรถห้องขังเคลื่อนที่ 3 คันจอดขวางโดยมีตำรวจนครบาล-ตชด.ทั้งชายและหญิงตรึงขวางไม่ให้ผ่านเข้ามาที่ถนนพิษณุโลก ซึ่งผู้ชุมนุมได้ช่วยกันใช้แรงดันแผงเหล็กและราวฟุตบาทถนนจนหัก ทำให้ตำรวจและประชาชนล้มระเนระนาดบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ไปตามๆ กัน แต่มี ตชด.หญิงนายหนึ่งถึงกับแขนซ้ายหักและต้องนำส่งโรงพยาบาลทันที
แต่ในที่สุดม็อบก็ผ่านเข้ามายึดพื้นที่หน้าทำเนียบฯ ได้เป็นผลสำเร็จ เหลือเพียงรถบรรทุกเครื่องขยายเสียงของนายไชยวัฒน์เท่านั้นที่ผ่านเข้ามาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านเข้ามาได้ก็ยังต้องเจอกับการตรึงกำลังอย่างเหนียวแน่นกว่า 1,000 นาย โดยที่มีการเตรียมปืนยิงแก๊สน้ำตาเพื่อรอคำสั่งในการสลายเท่านั้น
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงได้ปล่อยให้คลื่นพันธมิตรฯ ฝ่าด่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย โดยที่ พล.ต.ท.จุมพล มั่นหมาย ที่ปรึกษา ผบ.ตร.นั่งดูนิ่งๆ อยู่หน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย ส.ต.ต.หญิงพรพิรุณ โตลำจร อายุ 20 ปี ส.ต.ต.หญิงพจนา แก้วเกศศรี อายุ 22 ปี สังกัด บก.สอ.บช.ตชด.ค่ายนเรศวร และ จ.ส.ต.คมสัน ศรีคำ อายุ 40 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.บางนา จ.ส.ต.ศราวุธ เลิศพร อายุ 40 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.ลุมพินี บาดเจ็บที่นิ้วมือข้างซ้าย ได้เดินทางเข้าตรวจอาการบาดเจ็บที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ตำรวจ
ขณะที่เชิงสะพานมัฆวานฯ ซึ่งยังเป็นศูนย์รวมหลักของกลุ่มผู้ชุมนุม ยังคงมีประชาชนทยอยเดินทางมาสมทบเรื่อยๆ แต่แนวกั้นของตำรวจยังคงปักหลักอยู่ และมีการเตรียมพร้อมสลายการชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตา หลังกลุ่มผู้พยายามใช้คีมตัดโซ่ที่คล้องแผงเหล็กไว้กับราวสะพาน สุดท้ายจุดนี้ยังต้องเผชิญหน้ากันต่อไป ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ทะลุเข้าไปเกือบถึงทำเนียบรัฐบาลแล้ว
ทั้งนี้ บรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้า เหล่าบรรดาข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ได้เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ ส่วนนายสมัครไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่กระทรวงการต่างประเทศ
ขณะที่รองนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นก็หายเงียบเช่นกัน มีเพียงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ที่เดินทางมาเกาะติดสถานการณ์ความเคลื่อนไหวปิดล้อมทำเนียบฯ ของกลุ่มพันธมิตรฯ นอกจากนี้ ยังมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้มาตั้งวอร์รูมในซีกของฝ่ายการเมือง รายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ให้กับนายกรัฐมนตรี
ในส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล นำโดย พล.ต.ท.จุมพล มั่นหมาย ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ควบคุมตำรวจสันติบาล คอยสั่งการให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 600 นาย ที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบฯ และบริเวณโดยรอบของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงร่วมด้วยประมาณ 10 นาย
"หมัก" ปิดปากเงียบ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายนายสมัครเดินทางไปตรวจไซต์งานก่อสร้างศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แต่ก็ไม่ได้แสดงความเครียดให้เห็น และไม่ได้ตอบคำถามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด
เป็นที่น่าสังเกตว่า การตรวจไซต์งานก่อสร้างในครั้งนี้ ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้าแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่มีการให้การต้อนรับคณะของนายกฯ
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง บอกว่านายกฯ มีกำหนดเดินทางมาตรวจโครงการนี้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ยกเลิกไป และแจ้งมาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนว่าจะตรวจเยี่ยมวันนี้
สำหรับนายสมัคร หลังตรวจศูนย์นี้เสร็จได้หลบผู้สื่อข่าว โดยมีกระแสข่าวว่าได้นัด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ที่สโมสรกองทัพบก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เพื่อหารือรับมือการชุมนุม โดยใช้ห้องคาราโอเกะของสโมสรเป็นที่บัญชาการ เนื่องจากสามารถเปิดดูการรายงานข่าวของทีวีช่องต่างๆ ได้
การประชุมผ่านไปครู่ใหญ่ พล.อ.อนุพงษ์ได้เดินออกจากห้องวีไอพี 2 ซึ่งเป็นห้องประชุมลับกับนายสมัครและคณะ บรรดาผู้สื่อข่าวหลายสำนักได้พยายามรุมถามถึงประเด็นหารือกับนายกฯ ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ออกอาการหงุดหงิด และชักสีหน้าท่าทางไม่ค่อยพอใจผู้สื่อข่าวที่พยายามจะขอสัมภาษณ์ โดยเฉพาะประเด็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงการใช้กำลังทหารเพื่อมาสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบ
ขณะที่ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "การประชุมวันนี้ไม่ได้มีอะไร เป็นเพียงการพูดคุยและติดตามสถานการณ์ ไม่มีอะไร และก็ไม่มีอะไร"
จากนั้นนายสมัครนั่งรถเลขทะเบียน ชพ.3399 คู่กับ ผบ.ทบ. หายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยมีสารวัตรทหารอากาศกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตาม
รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะย้ายไปทำงานที่กระทรวงกลาโหมแทนทำเนียบรัฐบาล ส่วนการประชุม ครม.จะใช้สถานที่ประชุมที่อื่นแทน
แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า นายสมัครได้ถามในที่ประชุมว่ามีข่าวปฏิวัติหรือไม่ ซึ่งทุกคนได้ตอบไปว่าไม่มี
ยังมีรายงานว่านายสมัครสั่งให้เจ้าหน้าที่ประสานงานไปยังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ให้นำรถถ่ายทอดสดไปเตรียมไว้ที่บ้านพัก ซ.นวมินทร์ 81 คาดว่าอาจมีการประกาศลาออกจากตำแหน่ง หรือไม่ก็ประกาศดำเนินการกับผู้ชุมนุม แต่สุดท้ายกลับมีคำสั่งให้ยกเลิก มีท่าทีจากคณะรัฐมนตรี โดยนายพงศกร อรรณนพพร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชนจับกลุ่มอยู่ ถ้ามีอะไรก็ต้องสแตนบายด์เอาไว้ก่อน หากนายกฯ เรียกพบในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ รัฐมนตรีทุกคนต้องพร้อมเข้าพบได้ทันที
นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะทำงานศูนย์วิเคราะห์ติดตามการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ประเมินว่าช่วงกลางคืนม็อบจะบุกเข้ายึดทำเนียบฯ หากทำเช่นนั้นขอเรียกร้องให้นายสมัครขอความเห็นจากประชาชน เพราะหากพันธมิตรฯ สามารถยึดทำเนียบฯ ได้ เกรงว่าจะมีการนองเลือด และทราบว่ารัฐบาลได้เตรียมการทุกขั้นตอนหากพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบทำลายข้าวของของ นายสมัครจะออกมาแถลงข่าวถ่ายทอดสดทางทีวีทันทีตั้งเวที "นางเลิ้ง"
ขณะที่การเคลื่อนขบวนของทัพใหญ่พันธมิตรฯ ได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลเข้าไปทุกขณะ กระทั่งเวลา 15.10 น. สามารถผ่านด่านตำรวจที่กั้นบริเวณแยกนางเลิ้งเรียบร้อยแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตำรวจยอมถอยกำลังกลับพร้อมทั้งนำรถขนผู้ต้องหาที่ตั้งขวางไว้ตั้งแต่แรกถอยออกไป เพราะตกอยู่ในวงล้อมของกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มซึ่งปักหลักถนนพิษณุโลกบริเวณแยกมิสกวัน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม 2 กลุ่มรวมตัวกันยึดถนนพิษณุโลกด้านข้างทำเนียบรัฐบาลได้ทั้งหมด
มีการตั้งเวทีปราศรัยเป็น 2 เวที โดยเวทีแรกอยู่ที่แยกนางเลิ้ง โดยมี พล.ต.จำลอง นายสนธิ เป็นแกนหลัก ขณะที่อีกเวทีหนึ่งอยู่บริเวณหน้าทำเนียบฯ มีนายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประจำอยู่
นายพิภพปราศรัยว่า การที่เราเข้ามาตรงนี้ได้ และนายสมัครก็ไม่สามารถสั่งการข้าราชการอะไรได้เลย แสดงว่าเราได้รับชัยชนะขั้นที่หนึ่ง ต่อไปภารกิจของเราคือนายสมัครต้องออกไป
ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ เชิงสะพานมัฆวานฯ ได้ปลดโซ่ที่ขึงรั้วเหล็กไว้ โดยมีการประกาศผ่านไมค์ต่อผู้ชุมนุมพร้อมที่จะเดินทางออกจากบริเวณสะพานมัฆวานฯ หลังจากทราบข่าวว่ากลุ่มพันมิตรฯ บางส่วนถึงหน้าบริเวณทำเนียบฯ เรียบร้อยแล้ว
โดยมีการรื้อเวทีเหล็กนำใส่รถ 6 ล้อเพื่อที่จะนำไปตั้งที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ประชาชนได้ทยอยเดินทางไปสมทบที่ทำเนียบฯ นอกจากนี้ตำรวจร่วมพันนายที่มารักษาการณ์ ทางผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทยอยถอนกำลังออกจากสะพานมัฆวานฯ ออกทั้งหมด
ช่วงเย็น มีการปราศรัยบนเวทีใหญ่ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ซึ่งตั้งเวทีหันหน้าไปทางตลาดนางเลิ้ง หันหลังให้สนามม้า มีผู้ชุมนุมเต็มถนนพิษณุโลก ด้านซ้ายมือล้นไปถึงโรงพยาบาลมิชชั่น ส่วนขวามือไปสุดที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนิน เท่ากับว่าถนนพิษณุโลกประมาณ 1 กิโลเมตร เต็มไปด้วยผู้คนมากที่สุดเท่าที่ชุมนุมมา คือเกิน 1.5 แสนคน
นายสนธิปราศรัยว่า บัดนี้ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงในตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว ที่ผ่านมาการต่อสู้ของตนต้องเจอทุกอย่าง ทั้งการข่มขู่และการลอบทำร้าย ชัยชนะครั้งนี้เกิดจากการจุดเทียน ที่ตอนแรกจะยากลำบากสำหรับการจุดเทียนครั้งแรก แต่เมื่อจุดติดแล้วและเทียนสว่างไสวไปทั่ว ก็ถือว่าเป็นชัยชนะ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เปิดแถลงข่าวระบุว่า ชัยชนะการยึดทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นเป้าหมายปลายทางที่เราต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ออกไป ต้องยอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนมาร่วมกับพันธมิตรฯ
ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ เท่านั้นที่ประกาศชัยชนะ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประกาศชัยชนะด้วยเช่นกัน มีการเปิดแถลงข่าวในช่วงเย็น ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.และรองโฆษก ตร. แถลงสรุปการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เบื้องต้นที่ได้ประเมินมีจำนวน 25,000 คน สามารถฝ่าแนวสกัดกั้นของตำรวจผ่านไปได้ ทั้งตำรวจและผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง อย่างเช่นกลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกนางเลิ้ง เมื่อมาถึงก็ได้นั่งลงรอดูเหตุการณ์ และเมื่อเห็นว่าตำรวจไม่ใช้ความรุนแรง กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ใช้ความรุนแรงด้วย ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ไม่ลุกลามบานปลายและผ่านไปด้วยดี
ตร.ประกาศชัยชนะของประชาชน
พล.ต.ต.สุรพลบอกว่า พล.ต.อ.พัชรวาทรู้สึกพอใจ เนื่องจากตำรวจได้ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ คือไม่ทำร้ายประชาชน ถือเป็นชัยชนะของสังคมที่จะสามารถสร้างความประนีประนอมระหว่างกันได้
"ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องแพ้เรื่องชนะ การที่เราไม่มีชื่อในประวัติศาสตร์ที่ด่างพร้อย เช่นเหตุการณ์ 6 ตุลา 14 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬ ถือเป็นเรื่องดี เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมสำหรับสังคมไทย ตำรวจเองก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ปัญหาทางการเมืองต้องแก้ด้วยวิถีทางการเมือง หากแก้ไขด้วยวิธีรุนแรงก็จะได้รับความรุนแรงกลับมา รวมถึงปัญหาอื่นๆ จะตามมาอีกมากมายด้วย การใช้กำลังแก้ปัญหา มันจะไม่จบ วันนี้เราสามารถปราบปรามการชุมนุมได้ พรุ่งนี้ผู้ชุมนุมก็กลับมาใหม่ และอาจจะมากกว่าเดิม"
รองโฆษกตำรวจกล่าวว่า จากการดูท่าทีการชุมนุม ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้การเกิดความรุนแรงในสังคม ซึ่งหากจะมีการชุมนุมยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม คงเป็นเรื่องของการอภิปรายกันไป ฝ่ายการเมืองก็ต้องแก้ไขปัญหา เชื่อว่าสังคมมีความแตกต่างเรื่องความคิดได้ แต่สังคมก็ไม่แตกแยก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างชาติมองสังคมไทยด้วยความมึนงง เหมือนกับที่เคยเป็นมา ซึ่งอาจเป็นรอยต่อสำคัญในการสมานฉันท์ของคนที่มีความคิดที่แตกต่างกันได้ เป็นการจุดประกายความหวังให้เกิดความสมานฉันท์ในสังคมไทย
ยังมีการประชุมของนายตำรวจระดับสูงที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นประธาน โดย ผบ.ตร.บอกว่า นายกฯ ไม่ได้บ่นอะไร แค่อย่าให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ ผู้ชุมนุมจะมากน้อยอย่างไร จะพูดอย่างไรว่ากันไป ปัญหาคงไม่มีตรงนั้น แต่กลัวว่าจะมีอีกกลุ่มเข้ามาปะทะกัน ซึ่งได้ป้องกันอยู่ และได้กำชับตำรวจใช้ความอดทนต่อการยั่วยุ ซึ่งตนเองพอใจที่ประชาชนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้พยายามกันกลุ่มต่อต้านและพันธมิตรฯ ไม่ให้เข้าใกล้กัน ต่างคนต่างอยู่ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพการชุมนุมรอบทำเนียบฯ จะทำให้เสียหายหรือไม่ ผบช.น.ตอบว่า ตรงไหนก็เสียหายทั้งนั้น ยกเว้นในที่ที่เป็นสวนสาธารณะจะไม่เสียหาย ถามว่าที่ราชดำเนิน ที่สะพานมัฆวานฯ ก็เสียหายทั้งนั้น เพราะองค์การสหประชาชาติ หรือโรงเรียนต่างๆ ก็อยู่ตรงนั้น ถามว่าเสียหายไหม มันก็ต้องเสียแน่นอน หากผู้ชุมนุมเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลต้องดำเนินคดีอย่างแน่นอน การปิดถนนทั้งถนนถามว่าเดือดร้อนไหม มันเดือดร้อนแน่นอน ฝากไปด้วย อะไรที่มันจะทำให้สังคมดีขึ้นได้ ก็ช่วยกันประคับประครองบ้านเมืองประเทศชาติให้มันอยู่ได้
มีรายงานว่าการประชุมครั้งนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งให้ บช.น.ปรับแผนการจัดกำลังตำรวจเพื่อดูแลผู้ชุมนุมให้อยู่ในจุดปัจจุบัน ไม่ให้มีการขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอีก โดย ผบ.ตร.ได้ยืนยันในที่ประชุมว่า นายสมัครสั่งให้อย่าใช้ความรุนแรง โดยให้ใช้การเจรจาเป็นหลัก และการดูแลผู้ชุมนุมเป็นหน้าที่ของตำรวจ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการตำหนิ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. ที่ไม่อยู่ในจุดในแนวสกัดกั้นตามแผนที่วางไว้ โดยในช่วงที่ ผบ.ตร.เข้าร่วมประชุม พล.ต.ต.วิบูลย์ก็ไม่ได้เข้ามารายงาน
วอร์รูมเสี้ยมงัด พ.ร.ก.
อีกฝ่ายที่จับตามองการชุมนุมนี้อย่างใกล้ชิดคือพรรคพลังประชาชน นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะทำงานติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ชุมนุมของพันธมิตรฯ เปิดแถลงข่าวอีกครั้ง โดยย้ำว่า วอร์รูมได้ประเมิมสถานการณ์ร่วมกับนายกฯ
แล้วว่ากลุ่มพันธมิตรฯ มาที่หน้าทำเนียบฯ ไม่มีอะไรนอกเหนือจากที่คาดหมาย เป็นฟางเส้นสุดท้าย ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ รุกล้ำบุกเข้าทำเนียบฯ ก็จะมีการดำเนินการจัดการอย่างเด็ดขาด หากพ้นมาตรการในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งลุกลามเกินมากกว่านี้ เป็นอำนาจของนายกฯ ประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้กำลังทหารเข้ามาจัดการผู้ชุมนุม นายจตุพรบอกว่า พันธมิตรฯ ต้องการให้สงครามครั้งนี้สั้น กดดันบีบให้นายกฯ ในช่องทางเดียวคือให้นายกฯ ลาออก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อไม่ให้นายกฯ ลาออก จึงต้องการให้นายกฯ ลาออกสถานเดียว ซึ่งเชื่อว่าถึงนายกฯ ลาออกก็ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น"
วันนี้ขอให้ประชาชนทั่วประเทศ 76 จังหวัดได้ลุกฮือเรียกร้องต่อต้านการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยสันติ เพื่อให้ยุติกระทำบุกยึดทำเนียบรัฐบาล เพราะได้ทำให้ประเทศเสียหาย และเชื่อว่านับจากวันนี้จะมีประชาชนทั่วประเทศทุกหัวเมืองจะลุกฮือ เพราะมีคนที่ไม่พอใจอีกมาก ซึ่งในส่วนของรัฐบาลมีความอดทน แต่ความอดทนจะสั้นลงหากเมื่อใดที่มีการบุกเข้าทำเนียบฯ ทำลายทรัพย์สินทางราชการก็จะใช้มาตรการเด็ดขาดทันที" นายจตุพรย้ำประชุมของวอร์รูม มีนายจตุพร ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม นายสุนัย จุลพงศธร นายสุทิน คลังแสง รวมทั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลรายงานต่อนายสมัครทราบเป็นระยะๆ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ทีมวอร์รูมทางการเมืองดังกล่าวมีเพียงคณะทำงานที่เคยรับผิดชอบดูแลเพียงไม่กี่คน และเป็นเพียงแกนนำที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในส่วนของ นปก. เช่น นายจตุพร นายณัฐวุฒิ ส่วนแกนนำพรรคและ ส.ส.คนอื่นไม่เข้ามาประจำการยังที่ทำการพรรคแต่อย่างใด
แหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาลเผยว่า เหตุที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนสู่ทำเนียบฯ ได้ง่ายดายนั้น เป็นแผนของนายสมัคร ที่ไม่ให้มีการปะทะจนรัฐบาลถูกโจมตี หากการชุมนุมยืดเยื้อต่อไป นายสมัครให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ต้องรอเวลาที่จะจัดการ เพราะเชื่อว่าคนจำนวนมากที่มามาจากต่างจังหวัด จึงต้องรอให้คนเหล่านี้กลับไปก่อน ให้เหลือคนชุมนุมจำนวนน้อย
แล้วจึงใช้มวลชนที่เตรียมไว้เข้าปะทะ ซึ่งมีทั้งจากกลุ่ม นปก.และกลุ่ม ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ที่สามารถระดมคนในแต่ละจังหวัดได้จำนวนมาก โดยเมื่อมีการปะทะกันแล้วก็เป็นความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ที่จะใช้กำลังเข้าไปสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ทั้งนี้ แหล่งข่าวใกล้ชิดนายสมัครเปิดเผยว่า ในส่วนตัวของนายสมัครจะไม่ถอดใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะนายสมัครไม่ใช่คนที่ถอดใจต่ออะไรง่ายๆ นายสมัครเป็นคนที่มีประสบการณ์ ไม่กระโตกกระตาก เพียงแต่รอจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น
"แม้ว"สั่งซากศพเตรียมพร้อม
มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ประสานมายังแกนนำพรรคพลังประชาชน เช่น นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรค จับตาดูสถานการณ์ โดยยังไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมสั่งให้ ส.ส.เตรียมพร้อมกรณีที่นายสมัครอาจตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งสำนักข่าวต่างประเทศได้ให้ความสนใจการชุมนุมครั้งนี้อย่างมาก มีการรายงานข่าวการอย่างครึกโครม บีบีซีรายงานว่า พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยุติการทำลายประเทศไทยได้แล้ว โดยขอร้องให้กลุ่มผู้ประท้วงหันมาใช้วิธีการต่อสู้ตามกระบวนการรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ใช่การประท้วงตามท้องถนน
ส่วนเอพีระบุว่า รายงานว่ากลุ่มผู้ประท้วงจำนวนนับแสนคนพากันเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของทำเนียบรัฐบาลของไทย เพื่อกดดันให้นายสมัครก้าวลงจากตำแหน่ง เพราะเป็นรัฐบาลที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกโค่นอำนาจจากการรัฐประหารเมื่อปี 2006 ที่ถนนพิษณุโลก ในช่วงค่ำ พบว่ามีประชาชนเพิ่มขึ้น คาดว่าเกิน 2.5 แสนคน การปราศรัยบนเวทีที่แยกนางเลิ้งเป็นไปอย่างคึกคัก แต่พบว่าที่สะพานมัฆวานฯ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสต์สำคัญนั้น มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดสะพานอีกครั้ง โดยอ้างว่าต้องรักษาความปลอดภัย เพราะเกรงการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับกลุ่ม นปก. ที่แม้ล่าถอยไปปักหลักที่สนามหลวงแล้ว แต่ก็มีแนวโน้มว่าหากรวมตัวกันได้อาจขยับมาประชิดกลุ่มพันธมิตรฯ อีกครั้งซึ่งมีแนวโน้มเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หนึ่งในแกนนำ นปก. แถลงข่าวว่า สาเหตุที่ทางกลุ่มเดินขบวนกลับมายังท้องสนามหลวง เพราะไม่พอใจรัฐบาลที่ยอมอ่อนข้อให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ สามารถเข้าไปบุกยึดทำเนียบฯ ได้สำเร็จ และทางกลุ่มทราบข่าวว่าภายในคืนนี้จะมีการสลายการชุมนุม จึงรีบนำกลุ่มคนของตัวเองกลับมายังท้องสนามหลวงโดยเร็วเพื่อความปลอดภัย
"ทางกลุ่ม นปช.ไม่ได้สร้างความยั่วยุ และยืนยันว่าจะชุมนุมอย่างสันติ
แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมบางคนในกลุ่มที่มีความไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างสูง จนกล้าเข้าไปปะทะและพร้อมเจ็บตัว ซึ่งคนกลุ่มนี้อยู่เหนือการควบคุม" นายสมยศกล่าวเป็นที่น่าสังเกตว่าเวทีปราศรัยของกลุ่ม นปช. ที่ท้องสนามหลวง ได้มีการจัดเตรียมความพร้อมและเตรียมการมาเป็นอย่างดี โดยจัดเวทีให้ขยายใหญ่กว่าทุกวันที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเข้ามาร่วมสมทบอย่างมาก
สำหรับเวทีปราศรัยกลุ่มพันธมิตรฯ มีการปราศรัยของแกนนำอย่างต่อเนื่อง ประเด็นหลักคือการที่รัฐบาลยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างรัฐบาลกัมพูชากับระบอบทักษิณ
นอกจากนี้ พล.ต.จำลองยังได้แนะนำร้านอาหารอร่อยๆ ย่านนางเลิ้งให้ผู้ชุมนุมไปหารับประทาน เพราะย่านนางเลิ้งถือเป็นตลาดเก่าแก่ที่มีอาหารอร่อยๆ หลายร้าน และช่วยกันปรบมือขอบคุณชาวนางเลิ้งที่เสียสละให้มาชุมนุม
จากนั้นมีการแสดงดนตรี มีการเปิดเพลง "หน้าเหลี่ยม" เวอร์ชั่นเก่า ซึ่งสร้างความครึกครื้นในการชุมนุมอย่างมาก.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=21/Jun/2551&news_id=160171&cat_id=501