ระหัสลับดับ "ไทยไทม์ " การเมืองสั่งปิดบัญชี
> 'แกรมมี่' แปลงคลื่นข่าวเป็นคลื่นเพลง
ไขระหัสลับปกาศิตการเมืองกริ้วไทยไทม์จาบจ้วง กกต. กดดันแกรมมี่ปิดโอเพ่นเรดิโอ เลิกจ้างไทยไทม์นิวส์ รื้อเอฟเอ็ม 94 จากคลื่นข่าว เป็นคลื่นเพลงเต็มรูป กรมประชาสัมพันธ์สบช่องรับคืนคลื่นเอฟเอ็ม 88 จากแกรมมี่ แปลงเป็นคลื่นข่าวภาษาอังกฤษแทนที่เอฟเอ็ม 105
แหล่งข่าวในวงการวิทยุเปิดเผยเบื้องลึกกรณีค่ายแกรมมี่ตัดสินใจสั่งยุบโอเพ่นเรดิโอ ทางคลื่นเอฟเอ็ม 94 เมกะเฮิร์ต ไปพร้อมๆกับการเลิกจ้างสำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ของบริษัทไทยไทม์เที่ยงธรรม จำกัด โดยกล่าวว่ามีสาเหตุที่สำคัญที่สุด 2 ประการด้วยกัน คือสาเหตุทางการเมือง และสาเหตุทางธุรกิจ
"กรณีที่เป็นสาเหตุทางการเมือง เข้าใจว่าน่าจะเกิดจากกรณีที่โอเพ่นเรดิโอ มีการเสนอเรื่องราววิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน โดยมิได้เฉลียวใจว่าเบื้องหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งบางคนมีความเชื่อมโยงแนบแน่นอยู่กับบุคคลระดับสูงในคณะรัฐบาล กระทั่งมีนักการเมืองรุ่นลายครามแถมปากจัดรายหนึ่งออกมาสะท้อนทัศนะปกป้องการกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างไม่หวั่นเกรงต่อการตกเป็นจำเลยคดีละเมิดอำนาจศาล"
แหล่งข่าวคนดังกล่าว เปิดเผยต่อไปว่าหลังจากได้รับทราบสัญญาณผ่านการแสดงปฏิกิริยาของนักการเมืองปากจัดรายนั้นแล้ว ทีมงานของสำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ และโอเพ่นเรดิโอ ก็เริ่มเฉลียวใจ และลดระดับความเข้มข้นในการแสดงทัศนะวิพากษ์วิจารณ์ขุดคุ้ยพฤติกรรมของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ลงมา ทั้งที่ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลว่าด้วยการนำเอารถยนต์ของทางราชการไปใช้ทำไร่ทำสวนเป็นการส่วนตัว หรือนำเอารถยนต์ของทางราชการไปให้ภริยาบางคนใช้ส่วนตัว
สำหรับอีกสาเหตุหนึ่ง ซึ่งเป็นที่มาของการยุบโอเพ่นเรดิโอแบบสายฟ้าแลบ ได้แก่เหตุผลทางธุรกิจ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 5 เดือนของการเปิดดำเนินการโอเพ่นเรดิโอ ต้องประสบกับภาวะการขาดทุนทุกเดือน
"เหตุที่การดำเนินงานขาดทุน ก็เพราะว่าภาระการจ่ายค่าตอบแทนสัมปทานรายเดือนอยู่ในระดับสูงมาก คือสูงถึงเดือนละ 7 ล้านบาท และยังมีภาระต้องจ่ายค่าจ้างทำข่าวแก่บริษัทไทยไทม์เที่ยงธรรม เดือนละ 2 ล้านบาท สมทบกับภาระค่าจ้างผู้ดำเนินรายการ และผู้ประกาศข่าวอีกเดือนละ 10 ล้านบาท ขณะที่รายได้ที่สามารถหาได้ต่ำกว่าภาระรายจ่ายอย่างมาก"
แหล่งข่าวเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้าที่จะมีคำตอบสุดท้ายให้ยุบโอเพ่นเรดิโอตั้งแต่สิ้นเดดือนพฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป คณะผู้บริหารคลื่นได้พยายามลดภาระขาดทุนด้วยการแบ่งช่วงเวลาขายให้บุคคลภายนอกเข้าไปผลิตรายการ โดยกำหนดอัตราค่าเช่าเวลาขั้นต้นไปไว้ชั่วโมงละ 10,000 บาท แต่เริ่มลงมือดำเนินการไปได้เพียงแค่เดือนเดียว ทุกอย่างก็ต้องจบลง
"บรรยากาศก่อนที่โอเพ่นเรดิโอ จะปิดฉากลง บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในคลื่นโอเพ่นเรดิโอ ซึ่งต้องทำงานร่วมกับพนักงานบริษัทอื่นๆในเครือแกรมมี่ ถูกตั้งข้อรังเกียจและถูกพูดจาเสียดสีรุนแรงสารพัด ราวกับเป็นตัวอับโชคที่นำความตกต่ำมาสู่แกรมมี่ ซึ่งพนักงานเหล่านั้นก็ได้แต่กล้ำกลืนทนรับการพูดจาเสียดสีจากเหล่าชาวพนักงานค่ายแกรมมี่ที่ล้วนเกิดและเติบโตมาในโลกมายา และ ความบันเทิง" แม้โอเพ่นเรดิโอจะปิดฉากลงตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคมเป็นต้นไป แต่คณะผู้บริหารบริษัทไทยไทม์เที่ยงธรรม จำกัด นำโดยนายพิรุณ ฉัตรวณิชกุล ก็ยังหวังที่จะได้มีโอกาสนำคณะนักข่าว ผู้ดำเนินรายการข่าว ผู้ประกาศข่าว จำนวนรวมกันประมาณ 50 ชีวิต ย้ายไปปักหลักทำสถานีข่าวต่อไปที่คลื่นวิทยุแห่งอื่น โดยเบื้องต้นตั้งความหวังจะไปปักหลักที่เอฟเอ็ม 88 เมกะเฮิร์ต ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งค่ายแกรมมี่ได้ตัดสินใจขอคืนให้กับกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อไปเปลี่ยนแปลงคลื่นโอเพ่นเรดิโอ เอฟเอ็ม 94 เมกะเฮิร์ต จากคลื่นข่าว เป็นคลื่นเพลงตามความถนัด
แหล่งข่าวกล่าวว่าผลจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้กรมประชาสัมพันธ์สบโอกาสที่จะรับโอนคลื่นเอฟเอ็ม 88 จากค่ายแกรมมี่ แล้วมาแปลงเป็นคลื่นข่าวภาษาอังกฤษ โดยไม่ยอมปล่อยให้ไทยไทม์เข้ามาใช้เป็นสถานีข่าว ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการจะให้เอฟเอ็ม 88 เป็นคลื่นภาษาอังกฤษ แทนที่คลื่นภาษาอังกฤษเดิม คือเอฟเอ็ม 105 ที่ตอนนี้กลายพันธ์เป็นคลื่นข่าวภาษาไทยไปเรียบร้อยแล้ว
http://www.siamturakij.com/book/index.php?option=com_content&task=view&id=5793