ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
09-07-2025, 12:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  วุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ) ต่ำของผู้นำที่เป็นเหตุวิกฤติบ้านเมือง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
วุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ) ต่ำของผู้นำที่เป็นเหตุวิกฤติบ้านเมือง  (อ่าน 3155 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 14-06-2008, 12:27 »

ทัศนะวิจารณ์ กาแฟดำ

14 มิถุนายน พ.ศ. 2551 05:00:00
วุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ) ต่ำของผู้นำที่เป็นเหตุวิกฤติบ้านเมือง

ผมไม่ทราบว่าระดับ "ไอคิว" หรือ IQ หรือ "กึ๋น" ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทยเราอยู่ชั้นไหน แต่ผมสงสัยว่าระดับ EQ หรือ Emotional Intelligence Quotient นั้นมีปัญหาแน่นอน

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : "ไอคิว" นั้นเขาวัดว่าสมองมีความฉลาดหลักแหลมเพียงใด แต่ "อีคิว" นั้นเขาวัด "วุฒิภาวะทางด้านอารมณ์" ซึ่งมีความสำคัญสำหรับผู้อาสาเป็นผู้นำประเทศไม่น้อยกว่าไอคิวเลย

เผลอๆ "อีคิว" จะสำคัญกว่า "ไอคิว" ด้วยซ้ำไป

เพราะไม่ว่าสมองจะปราดเปรื่องเพียงใด หากจิตใจอยู่ในสภาวะที่หวั่นไหว เคียดแค้น ขุ่นเคืองตลอดเวลา ก็ย่อมจะมีผลกระทบกับการตัดสินใจ การทำความเข้าใจประชาชนและการทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของบ้านเมืองนี้

สีหน้า อารมณ์ และการแสดงออกภาพทางทีวี และหนังสือพิมพ์ของ คุณสมัคร สุนทรเวช เมื่อเช้าวันพุธ เล่าถึงเหตุการณ์วันอังคารที่นายกรัฐมนตรีออกจากลิฟต์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และเจอนักข่าวกลุ่มหนึ่งนั้น น่าเป็นห่วงเอามากๆ สำหรับคนไทยที่อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของคนที่มีอาการเช่นนี้

คำว่า Emotional Intelligence Quotient หรือ EQ ในหลักจิตวิทยาของตะวันตกนั้น เขานิยามว่าเป็นการวัด "ความสามารถและทักษะในการประเมินและบริหารอารมณ์ของตนเองและของคนอื่นและของกลุ่มคน..."

ใครที่บริหารอารมณ์ตนเอง หรือประเมินไม่ถูกว่าคนอื่นเขามีอารมณ์ต่อตนเองอย่างไร ถ้าหากตนแสดงออกด้วยอารมณ์ของตนนั้น ย่อมมี EQ ต่ำ และถ้าหากอยู่ในระดับที่ "สอบตก" ก็จะเป็นอันตรายต่อทั้งตัวเองและต่อสังคม

การแสดงอารมณ์โกรธขึ้งของนายกฯ คนนี้ต่อใครต่อใครในที่สาธารณะนั้น เป็นที่รับรู้กันอยู่เป็นประจำ...ซึ่งก็อาจจะพอเข้าใจหรือให้อภัยได้หากมีเหตุผลเพียงพอ หรือมีใครจงใจไปกระตุ้นหรือยั่วยุให้เกิดการระเบิดของความรู้สึกนั้นๆ

แต่เท่าที่ผมสังเกตแล้ว เกือบทุกกรณีที่เราเห็นผู้นำแสดงอารมณ์ดุดันและโกรธแค้นนั้น มักจะมาจากปฏิกิริยาของตัวเองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งคนอื่นเห็นเป็นปกติ

เช่นเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องคาดการณ์ว่าจะต้องถูกนักข่าว และคนทั่วไปตั้งคำถามถึงเรื่องต่างๆ ที่ผู้นำประเทศควรจะต้องรู้และจะต้องตอบ ไม่ว่าคำถามนั้นจะเป็นที่สบอารมณ์ของผู้เป็นนายกฯ หรือไม่ก็ตาม

และหากผู้นำมี EQ ในระดับปกติอย่างเราๆ ท่านๆ แล้วไซร้ เมื่อเจอคำถามที่อาจจะสร้างความกระอักกระอ่วนใจหรือเป็นคำถามยากเกินว่าสติปัญญาของตนที่จะตอบได้ ก็มักจะปฏิเสธที่จะตอบก็ได้ หรืออ้างว่าอาจจะไม่เหมาะสมที่จะตอบในที่สาธารณะหรือแม้จะบอกว่า "คำถามนี้ผมไม่พร้อมจะตอบ" ก็ยังได้

แต่เมื่อผู้นำตะคอกใส่คนถามหรืออาละวาดด้วยถ้อยคำที่สังคมถือว่าไม่สุภาพ (เช่น "คุณไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?" หรือ "คุณใช้หัวแม่เท้าคิดหรืออย่างไร?" หรือ "เมื่อคืนคุณไปเสพเมถุนกับใครหรือเปล่า?") ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่อยู่ และปล่อยให้คำพูดเป็นนายของตัวเอง

หากเกิดขึ้นในบางครั้ง บางจังหวะ ก็ยังอาจจะพอเข้าใจได้ว่านายกฯ ก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเช่นเราๆ ท่านๆ

แต่เมื่อเกิดขึ้นบ่อย และกลายเป็นลักษณะนิสัยประจำตัว นี่ย่อมเป็นปัญหาความไม่ปกติทางจิตใจหรือมีปัญหา EQ อย่างร้ายแรง ที่จำเป็นต้องขอคำปรึกษาทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเป็นแน่แท้

เหตุการณ์หน้าลิฟต์ที่นายกฯ ทำสีหน้าขมึงทึงอย่างโกรธขึ้ง เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อนักข่าว ที่เพียงแค่ไปยืนรอขอทำข่าวการพบปะระหว่างนายกฯ กับแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลในที่สาธารณะนั้น เป็นอีกกรณีที่สะท้อนว่าผู้นำประเทศมีปัญหากับ EQ อย่างยิ่ง 

เพราะนักข่าวไม่ได้ทำอะไรที่ยั่วยุ หรือกระตุ้นให้ต่อมอารมณ์ของนายกฯ ต้องระเบิดเลยแม้แต่น้อย...เพียงแค่ไปยืนรอเพื่อทำข่าว หรือขอสัมภาษณ์ผู้นำทางการเมืองที่เป็นผู้บริหารประเทศนี้อยู่

คุณสมัคร ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนักข่าวเลยแม้แต่คำเดียวก็ได้...แต่ดูจากสีหน้าจ้องนักข่าวยาวนานเป็นนาทีเหมือนมีความโกรธความแค้นกันมาตั้งแต่ชาติก่อนเช่นนี้ ย่อมสะท้อนถึงความผิดปกติแห่ง EQ ของผู้นำประเทศอย่างยิ่ง

ความเครียดของผู้นำที่ไม่มีเหตุมีผล ย่อมจะทำให้คนทั้งประเทศต้องพลอยเครียดอย่างไม่รู้สาเหตุ...และหากคนไทยจะมีปัญหาสภาพจิตผิดปกติ เพราะความตึงเครียดทางการเมืองที่หนักหน่วงทุกวันนี้ คนที่รับผิดชอบคนแรกก็คือนายกรัฐมนตรีที่มีปัญหาด้านการบริหารอารมณ์ของตนเอง

เพราะเมื่อสื่อมวลชนรายงานสีหน้าและอารมณ์ของนายกรัฐมนตรี มากกว่าเนื้อหาสาระแห่งการบริหารประเทศของผู้นำประเทศ นั่นย่อมแปลว่าคนทั้งชาติกำลังอยู่ในสภาวะ "จิตบกพร่อง" ไปหมดแล้ว

  นี่คือวิกฤติระดับชาติที่มีสาเหตุมาจากผู้นำ EQ ต่ำเกินเกณฑ์...และเพราะวงการจิตแพทย์ทั้งประเทศยังไม่แสดงความกล้าหาญเพียงพอ ที่จะออกมาแสดงจุดยืนทางวิชาชีพของตนเองต่อปัญหาร้ายแรงเช่นนี้

ไปดูหนัง "บ้าก็บ้าวะ" (One that Flew Over the Cuckoo's Nest) ใหม่อีกรอบ จะรู้ว่าผมกำลังจิตวิปลาสเพราะใคร

(เข้ามาเกาะติดความเห็นต่อสถานการณ์ร้อนๆ ทั่วโลกได้ที่ www.suthichaiyoon.com ตลอด 24 ชั่วโมง)

http://www.bangkokbiznews.com/


เหตุการณ์หน้าลิฟต์ที่นายกฯ ทำสีหน้าขมึงทึงอย่างโกรธขึ้ง เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อนักข่าว ที่เพียงแค่ไปยืนรอขอทำข่าวการพบปะระหว่างนายกฯ กับแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลในที่สาธารณะนั้น เป็นอีกกรณีที่สะท้อนว่าผู้นำประเทศมีปัญหากับ EQ อย่างยิ่ง.......


คุณสมัคร ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนักข่าวเลยแม้แต่คำเดียวก็ได้...แต่ดูจากสีหน้าจ้องนักข่าวยาวนานเป็นนาทีเหมือนมีความโกรธความแค้นกันมาตั้งแต่ชาติก่อนเช่นนี้ ย่อมสะท้อนถึงความผิดปกติแห่ง EQ ของผู้นำประเทศอย่างยิ่ง

นายกรัฐมนตรีไทยที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ จิตใจให้ปกติ ให้สงบนิ่งได้
เป็นอันตรายต่อสังคม และ ประเทศไทยอย่างยิ่ง

พฤติกรรมนี้ ยังจะมีคน'สอพลอ'ว่า 'นายกฯเป็นคนพูดตรงไปตรงมา' อีก Question

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 14-06-2008, 13:13 »

จะโหลยโท่ยไปถึงไหน
 
โสภณ องค์การณ์

สถานการณ์พลิกผันไปมาตามอารมณ์และลิ้นของนักการเมือง โดยเฉพาะพ่อครัวใหญ่ หัวหน้ารัฐบาล ซึ่งถูกมองว่ากำลังดิ้นรนสุดขีดเพื่อเอาตัวรอด อยู่ในตำแหน่งให้นานที่สุด ใครจะประณามก่นด่าว่าอย่างไร ก็ไม่สนใจ ไล่ก็ไม่ออก


   “ข้าจะนั่งเก้าอี้นายกฯ อย่างนี้แหละ ใครจะทำอะไรข้าได้” ฮ่า!

 เมื่อเป็นเช่นนี้กลุ่มคนในพรรคพลังประชาชน ซึ่งกำลังจะพังพาบเพราะดันทุรังล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยเหลือนายใหญ่ ต้องหายุทธศาสตร์ใหม่ แซะพ่อครัวนอมินีให้ก้นเด้งจากเก้าอี้ให้ได้ ไม่ต้องคำนึงว่าสามานย์หรืออารยะ

 แผนง่ายที่สุดคือ “การยืมดาบฆ่าคน” มาถึงจุดนี้จะเห็นได้ว่าพ่อครัวนอมินีไม่มีคนในพรรคช่วยปกป้องเต็มคราบเหมือนก่อน ถ้าจะช่วยพูดแก้ต่าง ก็เหมือนยุส่ง ดันหลังให้ตกเหว ให้ตัวแทนนายใหญ่ยึดตำแหน่งหัวหน้าแทนที่

 การแก่งแย่งอำนาจวาสนาบารมีเพื่อเป็นใหญ่ เราจึงมีนักการเมือง “เส็งเคร็ง เฮงซวย ซังกะบ๊วย โหลยโท่ย ห่วยแตก แหกตาชาวบ้าน ปลิ้นปล้อนกะล่อนทอง” ปอกลอกกินเงินเดือนจากภาษีชาวบ้านแบบไร้ยางอาย

 จากนี้ไปเราจะเห็นเพียง 2 นักการเมืองคู่หู คูฮา นั่นคือพ่อครัวใหญ่ ซึ่งอยู่แบบไร้สภาพ ยิ่งกว่าเป็ดง่อย อาศัยลูกเล่นเพื่อยื้ออยู่ต่อไป

 อีกรายคือ “สิงห์เหลิม แอ็กอาร์ต” รับหน้าที่เป็นองครักษ์พ่อครัวใหญ่ ในฐานะเป็นคนไร้ราก แรงสนับสนุนจากพวกในพรรค ต้องเกาะกันให้รอด เหมือนว่ายน้ำอยู่ในดงฉลามร้าย จนกว่าฝ่ายใดจะเห็นว่าอีกคนเป็นตัวถ่วง

 ใครจะเป็นคนตีชิ่งจากไป ไม่ต้องเดา ถ้านายใหญ่ส่งซิกว่า “ถ้าเอ็งมาอยู่กับข้า ยังมีโอกาสรุ่ง” เมื่อนั้นแหละพ่อครัวใหญ่จะอยู่ในสภาพน่าสงสาร เมื่อเหลือตัวคนเดียวแสนโดดเดี่ยว ใครก็ไม่เอาด้วย เหลือแต่อำนาจนายกฯ

 นั่นก็เกินพอ! ถ้าพ่อครัวใหญ่ฮึดสู้เพื่อกอบกู้เกียรติภูมิและชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ต้องสำนึกได้แล้วว่าถึงเวลาเลิกอิงอำนาจการเมือง มุ่งทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ขอไว้ลายชาติเสือชราเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการทำความดี

 โละทิ้งรัฐมนตรีงี่เง่า เอาคนที่สังคมยอมรับมาเป็นเสนาบดี มีคำมั่นพันธกิจแน่นอน อย่ากะล่อนพลิกลิ้น แม้กระนั้นคนดีจะยอมหรือไม่ ก็ยังน่ากังขา

 ประกาศโครมไปเลย ไม่ต้องเกรงใจใคร บอกว่าขอทำงานเพื่อชาติ!

 ให้มันรู้ไปว่าลูกพรรค นักการเมืองเส็งเคร็งจะเอาเป็นเอาตายปลดออกจากหัวหน้าพรรค! แม้กระนั้นก็ไม่ต้องแคร์ ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครนับถืออยู่แล้วนี่

 อย่างมากก็แค่ยุบสภา ถ้าดิ้นต่อไปไม่ไหว ยื้อเวลาเต็มที่เพื่อรักษาการ นั่งหัวเราะ ปล่อยให้ ส.ส.ตกงานซมซานหาเงินไปซื้อเสียง เสี่ยงกับการโดนแจกใบแดง เมื่อได้รัฐบาลใหม่ก็ออกไปเลี้ยงหลานคนใหม่ กับแมวที่บ้าน

 สบายกว่ากันตั้งเยอะ ไหนๆ ก็ได้ชื่อว่าเป็นนายกฯ สมอยากแล้วนี่!

 แล้วชาวบ้านจะทำอย่างไรกันดี มีชีวิตอยู่อย่างนี้กับค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน คงต้องเริ่มอาชีพปั้นน้ำเป็นตัวขายในตลกคาเฟ่ ซะล่ะมั้งนิ!       อิอิอิ!!!


http://forum.serithai.net/index.php?action=post;topic=27633.0;num_replies=0



ไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำเติม
ให้เสียอารมณ์วันหยุด.....

ปล่อยให้คนรักบ้าน(แม๊ว)รัก'กาฝาก' แถแทนดีกว่า....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #2 เมื่อ: 14-06-2008, 13:55 »

คำจำกัดความ
โรคจิต เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางด้านความคิด ผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการดังต่อไปนี้
มีความคิดผิดปกติ มีอาการหลงผิด กลัวหวาดระแวง บางคนจะมีอาการหูแว่ว
ประสาทหลอน ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ตัวอย่างของโรคจิต เช่น โรคจิตเภท Schizophrenia
"โรคจิต ไม่ใช่โรคเครียด หรือ หรือโรคประสาท อย่างที่เราเข้าใจกัน"

สาเหตุ
โรคจิต มีสาเหตุมาจากปัจจัยร่วมระหว่าง ทางด้านร่างกาย และ ความเครียดจากการปรับตัว
- ทางร่างกาย พบว่า เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ป่วยโรคจิต จะมีระดับสารเคมีในสมอง
พวกโดพามีน ( Dopamine ) สูงกว่าปรกติ
- ทางจิตใจ สาเหตุสำคัญคือ ความเครียดที่เกิดจากกิจวัตรประจำวัน นอกจากนี้ ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ยัง
ให้ความสำคัญของการเลี้ยงดูในวัยเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 1 ปี แรกของชีวิต

ความสำคัญของโรคจิต
ความสำคัญคือ อาจจะทำให้เกิดอันตราย ไม่เฉพาะกับตัวผู้ป่วยเอง ผู้ป่วยที่มี
อาการหวาดระแวง ยังอาจทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยที่เขาไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคจิต จะไม่สามารถ
ทำงานได้ ทำให้เป็นภาระแก่ครอบครัว ผู้ป่วยหลายคน ไม่ยอมรับความเจ็บป่วย
ทำให้การรักษาเป็นไปด้วย ยาก

การรักษา
1. การรักษาโดยการใช้ยา ยามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษา โดยเฉพาะระยะเฉียบพลัน
ซึ่งถ้าไม่ใช้ยา อาจจะควบคุมอาการไม่ได้ผล ปัจจุบัน การสังเคราะห์ยาต้านโรคจิตใหม่ ๆ
เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และมีผลข้างเคียงต่ำ การใช้ยาจึงมีความจำเป็นในการรักษา
2. การรักษาโดยใช้จิตบำบัด โดยเน้นการรักษาแบบจิตบำบัดแบบประคับประคอง
เพื่อทำให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัว ชีวิตประจำวันได้ ไม่สนับสนุนให้ผู้ป่วย นั่งสมาธิ หรือ
ทำการรักษาแบบจิตวิเคราะห์ เพราะว่าจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการมากยิ่งขึ้น
3. การรักษาด้วยไฟฟ้า เป็นการรักษาที่ได้ผลดี และมีประสิทธิภาพ ดี มีผลข้างเคียงต่ำ
โดยแพทย์จะเลือกใช้ในกรณีที่ มีอาการก้าวร้าวอย่างรุนแรง หรือรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
4. การปรึกษากับครอบครัว ครอบครัวมีส่วนสำคัญ ในการช่วยกันการเจ็บป่วยซ้ำ ครอบครัว
ที่เข้าใจผู้ป่วย ให้กำลังใจ ย่อมทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ ในการรักษา



*  เอ่อ .... ว่าแต่  ลุงหมัก  แกเข้าข่ายอาการทางจิตหรือยังอ่ะคะ  ( ออกอาการซ่ะขนาดนั้น )
    คือว่าเป็นห่วง ( แบบไม่จริงใจ )  กลัวว่าแกจะโดดงับคนรอบข้างซะก่อน !!
 
บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #3 เมื่อ: 14-06-2008, 15:02 »

เหอ เหอ.. ไอ้สื่อขี้ครอกสองตัวนี่ทำตัวใหญ่คับบ้านคับเมือง เป็นอภิสิทธิ์ชนเทียบเท่าเจ้านายไปเสียแล้วหรือ ?

สื่อหัวล้าน ได้รางวัลศรีบูรพาได้ไงมิทราบ วันก่อนเห็นออกรายการเจาะควาย มีอ้ายและอีสองตัว (ก็ลูกน้องมันนั่นแหละ) มานั่งสอพลอ เลียกันไปเลียกันมา สนุกสนาน ราวกับมันเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ว่าแล้วก็เปิดฉากด่านักการเมือง เลวอย่างโน้นอย่างนี้ ดัดจริตตอแหล

ไม่เคยเลยที่จะได้ยิน สื่อเหียกๆอย่างมัน แตะต้องชนชั้นไฮโซศักดินา ที่เกาะแดก ล้างผลาญทรัพยากร เอาเปรียบสังคมไทยมาโดยตลอด พวกมันรู้ดีว่า เล่นแล้วเจ็บตัว อาจถึงกับอยู่ประเทศนี้ไม่ได้ ทางที่ดี เล่นนักการเมืองดีกว่า ได้เป็นฮีโร่ ในสายตาพวกวัวพวกควาย
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #4 เมื่อ: 14-06-2008, 15:04 »

เหอ เหอ.. ไอ้สื่อขี้ครอกสองตัวนี่ทำตัวใหญ่คับบ้านคับเมือง เป็นอภิสิทธิ์ชนเทียบเท่าเจ้านายไปเสียแล้วหรือ ?

สื่อหัวล้าน ได้รางวัลศรีบูรพาได้ไงมิทราบ วันก่อนเห็นออกรายการเจาะควาย มีอ้ายและอีสองตัว (ก็ลูกน้องมันนั่นแหละ) มานั่งสอพลอ เลียกันไปเลียกันมา สนุกสนาน ราวกับมันเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ว่าแล้วก็เปิดฉากด่านักการเมือง เลวอย่างโน้นอย่างนี้ ดัดจริตตอแหล

ไม่เคยเลยที่จะได้ยิน สื่อเหียกๆอย่างมัน แตะต้องชนชั้นไฮโซศักดินา ที่เกาะแดก ล้างผลาญทรัพยากร เอาเปรียบสังคมไทยมาโดยตลอด พวกมันรู้ดีว่า เล่นแล้วเจ็บตัว อาจถึงกับอยู่ประเทศนี้ไม่ได้ ทางที่ดี เล่นนักการเมืองดีกว่า ได้เป็นฮีโร่ ในสายตาพวกวัวพวกควาย


บอกแล้วเล่นนักการเมืองชั่ว มันเป็นรูปธรรมกว่าเยอะ

บอกแล้วไปทำงานกับป้าดา ก็เอาความคิดบ้าบอๆมา ไม่เรียกป่วนบอร์ดเรียกอะไรครับ คุณคิลลลลลลลล
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #5 เมื่อ: 14-06-2008, 15:09 »

เหอ เหอ.. ไอ้สื่อขี้ครอกสองตัวนี่ทำตัวใหญ่คับบ้านคับเมือง เป็นอภิสิทธิ์ชนเทียบเท่าเจ้านายไปเสียแล้วหรือ ?

สื่อหัวล้าน ได้รางวัลศรีบูรพาได้ไงมิทราบ วันก่อนเห็นออกรายการเจาะควาย มีอ้ายและอีสองตัว (ก็ลูกน้องมันนั่นแหละ) มานั่งสอพลอ เลียกันไปเลียกันมา สนุกสนาน ราวกับมันเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ว่าแล้วก็เปิดฉากด่านักการเมือง เลวอย่างโน้นอย่างนี้ ดัดจริตตอแหล

ไม่เคยเลยที่จะได้ยิน สื่อเหียกๆอย่างมัน แตะต้องชนชั้นไฮโซศักดินา ที่เกาะแดก ล้างผลาญทรัพยากร เอาเปรียบสังคมไทยมาโดยตลอด พวกมันรู้ดีว่า เล่นแล้วเจ็บตัว อาจถึงกับอยู่ประเทศนี้ไม่ได้ ทางที่ดี เล่นนักการเมืองดีกว่า ได้เป็นฮีโร่ ในสายตาพวกวัวพวกควาย


*  บ่นไรงึมงัม  เนี่ยยย  !!! 

    แล้วที่บ่นมามันเกี่ยวไรกะเรื่อง  ลุงหมัก  >  ไอคิว เตี้ย  ~  ไอเดีย ต่ำ  ~   อีคิว ติดลบ  <  มิทราบ  ??
บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #6 เมื่อ: 14-06-2008, 15:12 »

ป้าดา.... ไหนไม่เกี่ยว

ผมคิดอย่างนี้มาเนิ่นนานกาเลแล้ว เรื่องดิสเครดิตนักการเมือง เพื่อยกหางตัวเองให้ดูดี เพื่อให้ดูเหมือนเป็นกลางเสียเหลือเกิน แต่ขอบอกไว้เลยว่า มันหลอกได้แต่วัวแต่ควายเท่านั้น เรื่องลึกๆลับๆ ที่สร้างความวิบัติฉิบหายให้กับบ้านเมือง มากมายมหาศาล ที่พวกมันไม่กล้าแตะต้อง ไม่กล้าเอ่ยถึง ทั้งๆที่พวกมันรู้ดีและมีข้อมูล

จะให้ชื่นชมสื่อเดรัจฉานอย่างนี้ได้อย่างไรมิทราบ
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #7 เมื่อ: 14-06-2008, 16:18 »

เหอ เหอ.. ไอ้สื่อขี้ครอกสองตัวนี่ทำตัวใหญ่คับบ้านคับเมือง เป็นอภิสิทธิ์ชนเทียบเท่าเจ้านายไปเสียแล้วหรือ ?

สื่อหัวล้าน ได้รางวัลศรีบูรพาได้ไงมิทราบ วันก่อนเห็นออกรายการเจาะควาย มีอ้ายและอีสองตัว (ก็ลูกน้องมันนั่นแหละ) มานั่งสอพลอ เลียกันไปเลียกันมา สนุกสนาน ราวกับมันเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ว่าแล้วก็เปิดฉากด่านักการเมือง เลวอย่างโน้นอย่างนี้ ดัดจริตตอแหล

ไม่เคยเลยที่จะได้ยิน สื่อเหียกๆอย่างมัน แตะต้องชนชั้นไฮโซศักดินา ที่เกาะแดก ล้างผลาญทรัพยากร เอาเปรียบสังคมไทยมาโดยตลอด พวกมันรู้ดีว่า เล่นแล้วเจ็บตัว อาจถึงกับอยู่ประเทศนี้ไม่ได้ ทางที่ดี เล่นนักการเมืองดีกว่า ได้เป็นฮีโร่ ในสายตาพวกวัวพวกควาย



'เจ้านาย' ไม่ชอบ 2 นักหนังสือพิมพ์นี้
ลิ่วล้อจะไม่ชอบตาม ไม่เห็นแปลกประหลาดอะไรหรอก....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

สติปัญญา วุฒิภาวะในการตัดสินว่านักหนังสือพิมพ์คนไหนดี คนไหนเลว
ของผู้ใช้นามแฝงKILL..er ย่อมแตกต่างกับคนที่ต่อต้านแม๊ว ขับไล่แม๊ว......

KILL..er ย่อมชอบใจการสัมภาษณ์'อีเพ็ญ'และแกนนำแนวร่วมเป็ดไก่ นรกป่วนกรุงของ NBT เป็นธรรมดา
ย่อมชอบใจในความเสียสละของผู้สื่อข่าวที่ออกค่าใช้ในการเดินทางด้วยตนเองเพื่อไปสัมภาษณ์แม๊วในต่างประเทศ

ถ้าไม่ชอบ จะแสดงให้เห็นวุฒิภาวะทางอารมณ์(EQ) ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: