ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-11-2024, 00:31
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  v;priวันเกิดท่านนายกฯย้อนหลัง 0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
v;priวันเกิดท่านนายกฯย้อนหลัง  (อ่าน 1805 ครั้ง)
มะม่วงงอม
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 14-06-2008, 07:31 »




สุขสันต์วันเกิดท่านนายกฯครับ


ขอให้ท่านจัดการกับพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำได้หมดสิ้นไปโดยเร็ว

โดยเฉพาะสาวกมาร  ยึดถนนสาธารณะ หลอกรับประทานหากิน

ทะลายรังโจร อย่าให้เอาข้อมูลเท็จจากแหล่งโจรมาเผยแพร่ได้ 

ในไซเบอร์ก็เช่นกัน สามารถตรวจสอบได้ก็ต้องเข้ามาตรวจสอบ

อย่ารอให้ประชาชนแจ้งไป จะไม่ทันกาล
บันทึกการเข้า
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #1 เมื่อ: 14-06-2008, 10:22 »



สุขสันต์วันเกิดท่านนายกฯครับ


ขอให้ท่านจัดการกับพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำได้หมดสิ้นไปโดยเร็ว

โดยเฉพาะสาวกมาร  ยึดถนนสาธารณะ หลอกรับประทานหากิน

ทะลายรังโจร อย่าให้เอาข้อมูลเท็จจากแหล่งโจรมาเผยแพร่ได้ 

ในไซเบอร์ก็เช่นกัน สามารถตรวจสอบได้ก็ต้องเข้ามาตรวจสอบ

อย่ารอให้ประชาชนแจ้งไป จะไม่ทันกาล

ถึงเวลานับถอยหลังแล้ว รังโจรแม้วภายใต้ รบ.ร่างทรงของหมัก เมถุน
กำลังจะโดนชำแหละ คุกๆๆๆๆๆๆ กำลังเปิดรอพวกมรึงอยู่แล้วต่างหาก......เอิ้กกกกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
personal jesus
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 632



« ตอบ #2 เมื่อ: 14-06-2008, 11:16 »




ข้อมูลเท็จ ? เช่น ดอกเตอร์กำมะลอ ?
แล้วทำไมไม่ฟ้องล่ะ ? ปล่อยให้เค้าแฉอยูได้
ปกติ ทั้งเก่ง และกร่างออก ถ้าไม่ฟ้องลูกหมานะเอ๊อออ  เอิ๊กกก
บันทึกการเข้า

akp
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 23-06-2008, 16:55 »

คดีนี้มีข้อเท็จจริงอยู่ว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2447 ถึง พ.ศ. 2451 ประเทศฝรั่งเศสมีฐานะเป็นรัฐผู้อารักขากัมพูชา ได้ทำสัญญากับประเทศไทย อยู่หลายฉบับ แต่มีสัญญาอยู่ สัญญาหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ คือ สัญญา ซึ่งลงในวันที่ 13 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2447 มีความตกลงอยู่ว่า พรมแดนที่เป็นปัญหาให้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ ในการแบ่งเขตแดน และให้แต่งตั้งคณะกรรมการปักบันเขตแดน เพื่อได้ทำการสำรวจบริเวณพื้นที่แถบนั้น

กาลต่อมา ในปี พ.ศ. 2450 ทางการไทยได้ขอให้ทางฝรั่งเศส ทำแผนที่พรมแดน ฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ดังกล่าวและจัดการยื่นส่งแผนที่ฉบับนั้นแก่ฝ่ายไทย โดยที่ฝรั่งเศสลากเส้นเอาเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของประเทศไทย ไปอยู่ในฝั่งเขตแดนกัมพูชาของทางฝรั่งเศสด้วย

ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ ทางกัมพูชา โดยเจ้านโรดมสีหนุ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้อ้างเอาแผนที่ฉบับนี้เป็นเพื่อเป็นหลักฐานในการสนับสนุนคำฟ้องต่อศาลโลก ในปี พ.ศ. 2502 กัมพูชาซึ่งในขณะนั้นเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส ได้อ้างอำนาจของกัมพูชาเองอยู่เหนือเขาพระวิหาร ทางไทยทำการโต้แย้งว่า แผนที่ฉบับดังกล่าว ไม่ไช่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีผลผูกพันกับทางไทย ซึ่งตัวแผนที่เองนั้นก็เขียนอย่างผิดพลาด โดยอธิบายได้ว่า เส้นเขตแดนที่เขียนอยู่ในแผนที่ มิได้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ ในการแบ่งเขตแดนดังกล่าว และที่สำคัญคือ ทางไทยเรา ก็ไม่เคยรับรองแผนที่ฉบับนั้น

ศาลโลกได้พิจารณา แผนที่ผนวกหนี่งนี้ ซึ่งก็ไม่ได้การรับรองจากคณะกรรมการ ปักปันเขตแดน ดังนั้น จึงไม่มีผลผูกพันในขณะที่ทำแผนที่ขึ้นมา

แม้กระนั้น ทางไทย ไม่ได้คัดค้านแผนที่นั้นภายในเวลาอันสมควร ถือได้ว่าเห็นชอบด้วยกับแผนที่ฉบับนั้น ซึ่งคณะกรรมการฝ่ายไทยก็ดำเนินการใด ๆ เลย และไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงการคัดค้านว่าแผนที่ฉบับที่มีปัญหานั้นไม่ถูกต้อง ท่าน เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ตรัส ขอบใจ ราชทูตฝรั่งเศสผู้ได้รับแผนที่นั้น และทางผู้ว่าฯก็มิได้ทำการประท้วง

ต่อมา มีการประชุมคณะกรรมการที่กรุงเทพ ฯ ในปี พ.ศ. 2452 โดยใช้แผนที่ผนวก 1 นี้เป็นหลัก ก็ไม่มีผู้คัดค้าน กรมแผนที่เองได้ทำแผนที่ ใน พ.ศ. 2480 ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาพระวิหารตั้งอยู่ใหเขตกัมพูชา ในการเจรจา ณ วอชิงตัน ปี พ.ศ. 2490 รัฐบาลไทยไม่ได้ประท้วงประเด็นดังกล่าว

ในปี พ.ศ. 2473 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไป เขาพระวิหาร ประเทศไทยก็มิได้แสดงความเห็นแต่อย่างใดในประเด็นเขาพระวิหาร แสดงว่ารัฐบาลไทยในขณะนั้น ได้ยอมรับ (acquiese) ว่า ฝรั่งเศส มีอำนาจอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารเป็นเวลายาวนานถึง 50 ปีมาแล้ว ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยหลักกฎหมายปิดปาก (estoppel)

กระทั่งวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 นอกจากนั้นยังติดสินด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ให้ประเทศไทยรื้อฟื้นและปรับปรุงปราสาทเขาพระวิหารที่อาจได้รับการแก้ไข หรือบางส่วนถูกย้ายออกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยได้ยึดถือพื้นที่ดังกล่าว[1] และในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินแล้ว 20 วัน รัฐบาลไทยโดย ดร.ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือไปยัง นายอูถั่น เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อประท้วงคำพิพากษาของศาลโลก และสงวนสิทธิที่ประเทศไทยจะเรียกร้องปราสาทพระวิหารกลับคืนในอนาคต

การสูญเสียดินแดนครั้งนี้นับว่าเป็นการสูญเสียดินแดนครั้งล่าสุดของราชอาณาจักรไทย หลังจากที่สูญเสียดินแดนจำนวนมากในสมัยรัชกาลที่ 5 นักกฎหมายไทยหลายท่านได้ถือว่าการตัดสินครั้งนี้ของศาลโลกไม่ยุติธรรม ยึดติดอยู่บนแผนที่ฉบับเดียว ทั้งที่ศาลโลกก็มิได้มีการตรวจสอบสถานที่อย่างจริงจังตามข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศส นับว่าเป็นข้อผิดพลาดครั้งสำคัญของศาลโลก

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2505
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: