ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 10:22
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คุณเฉลิม กรุณาอย่าตีความกฎหมายข้างๆคูๆ เข้าข้างตัวเองสิ เสียชื่อ ดร. หมด 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
คุณเฉลิม กรุณาอย่าตีความกฎหมายข้างๆคูๆ เข้าข้างตัวเองสิ เสียชื่อ ดร. หมด  (อ่าน 1035 ครั้ง)
Sweet Chin Music
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,613



« เมื่อ: 13-06-2008, 19:11 »

               การกระทำของคุณเฉลิมที่ออกมาขู่ฟอดๆกับพันธมิตรว่า  ได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 ประกอบมาตรา 215 และ 216 นั้น ดูจะเป็นการตีความตามตัวอักษรและกฎหมายอาญาฉบับเดียวมากไป

               เพราะการตีความเช่นนั้นแล้ว จะทำให้กฎหมายใช้ไม่ได้ผล ไม่ได้รับความยุติธรรมเพียงพอ เพราะการตีความที่ดีนั้น ควรจะต้องดูไปที่เจตนารมณ์ของกฎหมายนั้นด้วย และควรที่จะดูกฎหมายฉบับอื่นๆดูประกอบด้วย เพราะถ้าเอาแต่ตีความเช่นคุณเฉลิมแล้ว มันจะเป็นการตีความแบบศรีธนชัย ที่เอาแต่ตีความเข้าข้างตัวเองเป็นหลัก

               เมื่อดูการชุมนุมของพันธมิตรแล้ว ก็เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ภายใต้เงื่อนไขหรือขอบเขตที่ว่า “การชุมนุมนั้น จะไม่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายในสังคม” (จะมาอ้างปัญหาข้าวของขายไม่ได้ หรือทำให้รถติดนั้น ไปไกลๆเถิดครับ เพราะถ้าอ้างแบบนั้นแล้ว การชุมนุมตามรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย) ก็จะทำได้ทั้งสิ้น เพราะเป็นการกระทำที่มีกฎหมายสูงสุดของประเทศคือรัฐธรรมนูญมารองรับ (ดูรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ข้างล่าง)

               คนที่ตีความหมายของคำว่าเดือดร้อนเพียงแค่ ทำให้ข้าวของขายไม่ออก หรือปัญหารถติดนั้น ผมว่ามันจะเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อย เพราะการที่ข้าวของขายไม่ออกนั้น ปัญหาเศรษฐกิจประเทศตอนนี้น่าจะเป็นปัญหาใหญ่มากกว่า จะโทษก็ต้องโทษรัฐบาลนะครับ เพราะถ้ารัฐบาลทำดีแล้ว การชุมนุมของพันธมิตรไม่มีน้ำหนักหรอก ดูจากคนที่มาร่วมชุมนุมก็น่าจะบ่งบอกได้ ...

               แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือการกระทำของคุณเฉลิมและคุณสมัคร นั่นละที่จะหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเสียเอง เพราะการตัดสัญญาณสื่อเคเบิ้ลทีวีนั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าอาศัยอำนาจอะไรตามกฎหมายที่ไปสั่งเช่นนั้น เพราะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 45 อย่างชัดเจน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทั่น มท.1 ที่จบด็อกเตอร์ทางกฎหมายมาจะได้อ่านมาตรานี้มาบ้างหรือเปล่า?

               ขอกลับไปที่ กฎหมายอาญามาตรา 85 มาตรา 215 และ 216 เสียหน่อย มาดูว่ามาตรานั้นๆบัญญัติไว้ว่าอย่างไร ซึ่งก็จะขอเน้นไปที่มาตรา 215 เป็นหลัก เพราะมาตรา 85 นั้นจะผิดได้ก็ต้องผิดตามมาตรา 215 เสียก่อน เมื่อมาดูรายละเอียดที่มาตรา 215 เขียนไว้แล้ว จะพบว่า การกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามมาตรานี้คือ การชุมนุมนั้น เป็นการชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายไม่สงบ เช่น การรวมตัวเพื่อไปทำลายทรัพย์สินของราชการหรือของเอกชน หรือการชุมนุมกันเพื่อไปปะทะกับเจ้าหน้าที่จนเกิดความวุ่นวาย (อ๋อ พันธมิตรต้องเป็นฝ่ายเริ่มกระทำต่อเจ้าหน้าที่นะครับ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน อิอิ) เป็นต้น

               ส่วนตามมาตรา 216 นั้นก็คือ เมื่อเจ้าหน้าที่คิดว่าจะมีเหตุการณ์ตามมาตรา 216 เกิดขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกการชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์ไปในทางที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว แต่การชุมนุมนั้นไม่มีท่าทีว่าจะเลิกแต่อย่างใด กรณีนี้ก็ผิดตามมาตรา 216 ไปด้วย แต่พันธมิตรก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะกระทำผิดตามมาตรา 215 ที่คุณเฉลิมว่าแต่อย่างใด  ระวังจะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบนะทั่น มท.1 กับ ทั่นนายกฯ และมาตรา 85 นั้นอ่านเองก็ชัดเจนในตัวแล้วว่ามีการประกาศเพื่อให้มีการกระทำผิดตามมาตรา 215 ผู้ที่ประกาศข้อความเช่นว่านั้นต้องรับผิดเสมือนว่าได้เป็นผู้กระทำความผิดนั้นเอง แต่ถ้าการชุมนุมพันธมิตร ณ ตอนนี้ ที่เป้นไปด้วยขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้ ก็จะไม่มีความผิดตามที่ คุณเฉลิมกล่าวอ้างแต่อย่างใดเลย

               ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฟังบทสัมภาษณ์ของ คุณเฉลิมแล้ว ยิ่งหน่ายใจกับวุฒิภาวะสำหรับรัฐมนตรีผู้นี้นะครับ เพราะเมื่อฟังแล้วก็ยิ่งเห็นเหตุผลที่ซ่อนอยู่ข้างใน เช่น การที่บอกว่าเอาแต่ด่าคนในรัฐบาลไม่ยอมชม หรือ การสัมภาษณ์ที่ไม่ยอมอ้างว่าการชุมนุมนั้นขัดรัฐธรรมนูญมาตราไหนอย่างไร เอาแต่บอกว่าผิดกฎหมายอาญา ไม่ยอมยุ่งกับรัฐธรรมนูญเท่าที่ควร แบบนี้มันก็ ศรีธนชัยเหลิม ดีๆนั้นเอง


                * หมายเหตุ ถ้าจะมาอ้างว่าจะมีการยกพลไปบุกบ้านเฉลิมนั้น คิดว่ามันก็มาจากปากเฉลิมนั่นละครับ ที่แส่หาเรื่องเอง อยู่ดีๆก็มีคนมาดูแลหน้าบ้านให้ แต่ก็ขอให้นำเอาเหตุการณ์ปิดล้อมตึกเนชั่น ฯ เป็นบทเรียนละกัน


-------------------------------------------------------------------
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

               มาตรา ๔๕  บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น

               การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน

               การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้

               การห้ามหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมด หรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง


               การให้นำข่าวหรือบทความไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจก่อนนำไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือ สื่อมวลชนอื่น จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะกระทำในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม แต่ทั้งนี้จะต้องกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้น ตามวรรคสอง

               เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย

               การให้เงินหรือทรัพย์สินอื่นเพื่ออุดหนุนกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นของเอกชนรัฐจะกระทำมิได้



               มาตรา ๖๓  บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

               การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือ ในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก



ประมวลกฎหมายอาญา
               มาตรา ๘๕  ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

               ถ้าได้มีการกระทำความผิดเพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณาหรือประกาศตามความในวรรคแรก ผู้โฆษณาหรือประกาศต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ



               มาตรา ๒๑๕  ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

               ถ้าผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดาผู้ที่กระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

               ถ้าผู้กระทำความผิด เป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ



               มาตรา ๒๑๖  เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ให้เลิกไป ผู้ใดไม่เลิก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


http://www.oknation.net/blog/liverpudlian/2008/06/13/entry-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2008, 19:16 โดย liverpudlian » บันทึกการเข้า


You'll Never Walk Alone
เข้าไปกันได้ค๊าป- - - >http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sweetchinmusic&group=1
หน้า: [1]
    กระโดดไป: