พรรณชมพู
|
|
« เมื่อ: 12-06-2008, 13:21 » |
|
เขียนได้แค่หัวข้อกระทู้ รายละเอียดเขียนไม่ได้ อายเทนตำรวจ
จบกระทู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 12-06-2008, 13:29 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 12-06-2008, 13:31 » |
|
มันต้องจับคนที่หมิ่นแม้วสิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
มารร้ายพ่ายแพ้รัก
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 12-06-2008, 13:37 » |
|
บอกได้คำเดียวว่า "อนาถ!"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sweet Chin Music
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 12-06-2008, 13:40 » |
|
คุณ เจได นั้นเค้าเรียกว่า สำเร็จความใคร่ให้แม้วนะ
ก้มไป โมก ให้แบบนั้น อย่างมากก็อนาจาร 555+
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 12-06-2008, 13:40 » |
|
^ ^ รูปนี้ดูมีสง่าราศี บุคลิกดีมักๆ น่าเอาขึ้นปกวารสารกรมราชทัณฑ เอ๊ย กรมประชาสัมพันธ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
วิหค อัสนี
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 12-06-2008, 13:51 » |
|
เป็นการ์ตูนที่สื่อใจความในบ้านเมืองยุคนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
_______ดังนี้แล __เปลวไฟจักลุกโชน ___หามีวันดับลงได้ _ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 12-06-2008, 13:53 » |
|
คุณ เจได นั้นเค้าเรียกว่า สำเร็จความใคร่ให้แม้วนะ
ก้มไป โมก ให้แบบนั้น อย่างมากก็อนาจาร 555+
แม้วเค้ามีที่ลงอยู่แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sensei
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 12-06-2008, 13:54 » |
|
^ ^ รูปนี้ดูมีสง่าราศี บุคลิกดีมักๆ น่าเอาขึ้นปกวารสารกรมราชทัณฑ เอ๊ย กรมประชาสัมพันธ์ คนคุกเห็นภาพนี้คง .....ลุกชูชัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 12-06-2008, 14:12 » |
|
รู้สึกว่า วันนี้ บ่ายสอง ท่านสุนัย จะเปิดแถลงข่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sweet Chin Music
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 12-06-2008, 14:38 » |
|
ผบช.ก.เผยจักรภพไม่ใช่ผู้ต้องหาเดินทางกลับได้ทันที ไทยรัฐ[12 มิ.ย. 51 - 12:29]
พล.ต.ท. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าววันนี้ (12 มิ.ย.) ถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่กองปราบปรามว่า เมื่อพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำ นายจักรภพ สามารถเดินทางกลับได้ทันที โดยไม่ต้องรอขั้นตอนประกันตัว หรือปล่อยตัวชั่วคราว เพราะยังไม่ใช่ผู้ต้องหา อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนสามารถเรียกนายจักรภพมาให้ปากคำเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา เมื่อถามถึงเรื่องการแปลเอกสาร ผบช.ก. กล่าวว่า ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมาพิจารณา ตำรวจไม่สามารถตีความเองได้
เกรงว่า คุณตำรวจ ต้องกลับไปอ่านตัวบทกฎหมายของ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(2) ใหม่นะครับ
"มาตรา ๒ ในประมวลกฎหมายนี้
(๒) “ผู้ต้องหา” หมายความถึงบุคคลผู้ถูกหาว่าได้กระทำความผิด แต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล"
ความหมายชัดเจนอยู่ในตัวแล้วครับว่า เมื่อจักรภพ ได้ถูกแจ้งความว่าได้กระทำความผิดทางอาญาแล้ว(ไม่ว่าจะได้กระทำผิดจริงหรือไม่ก็ตาม)
ยกตัวอย่าง ฎีกา 1341/2509 วินิจฉัยว่า เมื่อมีผู้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยย่อมตกอยุ่ในฐานะ
ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(2) แล้ว
เมื่อจักรภพยังไม่ถูกฟ้องต่อศาล แต่มีคนมาแจ้งว่าได้ทำความผิด สถานะของ จักรภพ ตอนนี้คือ "ผู้ต้องหา" ชัดเจนครับ
--------------------------------
ส่วน สถานะความเป็นผู้ต้องหาจะหมดไปก็ต่อเมื่อ ได้ถูกฟ้องต่อศาลแล้ว สถานนะของจักรภพก็จะเปลี่ยนจาก "ผู้ต้องหา" เป็น "จำเลย" ทันที
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(3)
"(๓) “จำเลย” หมายความถึงบุคคลซึ่งถูกฟ้องยังศาลแล้วโดยข้อหาว่าได้กระทำความผิด"
-------------------------------
ทั้งนี้ การที่จะปล่อยตัวจักรภพ ซึ่งมีสถานะเป็น "ผู้ต้องหา" ไปแล้วนั้น
สามารถทำได้ครับ เพราะอยู่ในข่ายอำนาจของพนักงานสอบสวน แต่ต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนและถูกต้องกว่านี้
ไม่ใช่อ้างเหตุผลเพียงแค่ว่า ไม่ใช่ผู้ต้องหา ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คนกวาดขยะ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 12-06-2008, 14:48 » |
|
เมื่อพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา แต่ยังไม่เป็นผู้ต้องหางง กันไอ้พวกตำรวจเลวนี่จริงๆ มันดิ้นได้ตลอด ดิ้นหาช่องแบบหน้าด้านๆ แจ้งข้อกล่าวหา แต่ผู้ถูกแจ้งไม่เป็นต้องผู้ต้องหา แล้วมันแจ้งทำเตี่ยไรฟ่ะ [/size]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สังคมไทยวิบัติ มาช่วยกันปฏิวัติสังคมใหม่กันเถอะ
|
|
|
บักหัวเถิก
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 12-06-2008, 17:57 » |
|
ตำรวจควายเรียนกฎหมายมาจาก ไหนนี่ พูดแบบนี้ก็บ้าดิ เดี๋ยวมันก็ไปขอความเห็นจาก ผ.บ ตร แล้วมันก็บอกความเห็นไม่ฟ้อง เชื่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ABCAB
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 12-06-2008, 18:09 » |
|
คุณสุนัยแถลงแล้วครับ จะฟ้องกลับ 2000 ล้าน (จากที่โดนฟ้องหมิ่น 1500 ล้าน)"สุนัย" ระบุ ยึดมั่นในหลักกฎหมาย ติงผู้ให้สัมภาษณ์โดยไม่รู้กฎหมายให้หยุดพฤติกรรมสร้างความสับสน ทำประเทศไม่สงบสุข ด้านทนายเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายคืน 2,000 ล้าน โต้ตำรวจปฏิบัติไม่ชอบหมายประเด็น จ้องจับเลขาธิการป.ป.ท. คาสนามบินหวังดิสเครดิต
(12มิ.ย.) นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการป.ป.ท. แถลงข่าวหลังรับทราบคำวินิจฉัยของศาลอุธรณ์ ภาค 1 ที่มีคำสั่งให้ถอนหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในคดีหมิ่นประมาทพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากการปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
นายสุนัย กล่าวว่า ตามที่ตนไม่ได้ไปรายงานตัวตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน เพราะเห็นโดยสุจริตว่าหมายเรียกดังกล่าวออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีเหตุที่จะขอออกหมายจับได้ ตนเป็นนักกฎหมายซึ่งยึดมั่นหลักกฎหมาย และปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด จึงต่อสู้กับกระบวนการการใช้อำนาจรัฐที่มิชอบ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้อำนาจรัฐจะต้องเป็นไปตามกฎหมายบัญญัติไว้ และผู้ใช้อำนาจรัฐจะใช้อำนาจกลั่นแกล้งบุคคลในทางใดทางหนึ่งมิได้
อีกทั้งศาลในฐานะองค์กรที่เป็นกลางและอิสระ ย่อมอยู่ในฐานะที่จะตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ดังนั้นการดำเนินการของตน จึงเป็นการชี้ให้สาธารณะชนทราบถึงหลักกฎหมายดังกล่าว และเพื่อเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการทั้งหลายซึ่งปฏิบัติตามกฎหมาย ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมั่นใจ ตลอดจนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ที่ใช้อำนาจรัฐทั้งหลาย ตระหนักและถือปฏิบัติเป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน จะต้องได้รับการปฏิบัติเคร่งครัดจากผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
นายสุนัย กล่าวว่า ทั้งนี้ปรากฏมีบุคคลบางกลุ่ม ได้แสดงความคิดเห็นข้อกฎหมายผ่านสื่อมวลชนโดยไม่ถูกต้อง ขอให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว การแสดงความเห็นในข้อกฎหมายโดยไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ หรือมีอคติ อาจทำให้สาธารณชนสับสนและเสียหายแก่ผู้อื่น อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติไม่สงบสุขจนทุกวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายสุนัยแถลงข่าวเสร็จก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือตอบข้อซักถามใดๆกับสื่อมวลชน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสุนัยกลับเข้าห้องทำงานและล็อกประตูไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในห้องทำงานของนายสุนัย
จากนั้นนายณฐพร โตประยูร ทนายของนายสุนัย แถลงข่าวในส่วนของรายละเอียดในการต่อสู้คดีหมิ่นประมาทของนายสุนัย ว่า เมื่อวันที่ 7-8 มี.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รองผกก.สส.สภ.วังน้อย ในฐานะพนักงานสอบสวน โทรศัพท์ประสานงานให้ นายสุนัยเข้ามอบตัวที่สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นายสุนัยจึงมอบให้ทนายความไปพบพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พร้อมทั้งมอบตัวอย่างคำพิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ได้พิพากษายกฟ้องคดีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยื่นฟ้องนายนาม ยิ้มแย้ม ในความผิดฐานประมาท เพื่อยืนยันว่าคำกล่าวหานายสุนัยไม่เป็นความผิด และจากการตรวจสอบสำนวนไม่ปรากฏว่ามีประจักษ์พยานใดยืนยันถึงคำกล่าวของนายสุนัย แต่พนักงานสอบสวนยังยืนยันที่จะเรียกตัวนายสุนัยมาแจ้งข้อกล่าวหา ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายสุนัยทำหนังสือชี้แจงไปยังพนักงานสอบสวนว่า ข้อความที่กล่าวหานายสุนัยเป็นการคัดลอกมาจากหนังสือพิมพ์ ไม่ตรงกับการให้สัมภาษณ์ แต่พนักงานสอบสวน สภ.วังน้อยยังออกหมายเรียก โดยนายสุนัยทำหนังสือชี้แจงการไม่ปฏิบัติตามหมายเรียก โดยยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา และเป็นเจ้าพนักงานแสดงความเห็นโดยสุจริต พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน เนื่องจากเป็นความผิดต่อส่วนตัว
นายณฐพร กล่าวว่า ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ร้องขอให้ศาลออกหมายจับนายสุนัยถึง 3 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุมัติหมาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. มีการร้องขอให้ศาลออกหมายจับอีกครั้ง โดยภายหลังที่ศาลอนุมัติหมายจับ พนักงานสอบสวนได้แถลงข่าวเรื่องการออกหมายจับ และแจ้งไปยังผู้สื่อข่าวว่าจะมีการจับนายสุนัยหลังกลับจากต่างประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 4 มิ.ย. แต่พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศุภ ซึ่งสนิทสนมกับนายสุนัยได้รับทราบว่าจะมีตำรวจมาจับกุมนายสุนัยที่สนามบิน จึงประสานให้ผู้เกี่ยวข้องดูแลอารักขาและนำนายสุนัยออกจากสนามบิน โดยผ่านพิธีการของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตามขั้นตอน เนื่องจากขณะนั้นตำรวจสภ.วังน้อยยังไม่ส่งสำเนาหมายจัยให้ต.ม.อย่างเป็นทางการ จึงไม่มีการกักตัวนายสุนัยไว้ จากนั้นทีมทนายได้ต่อสู้คดีกระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ
คดีนี้ทีมทนายต่อสู้ว่าตำรวจกระทำการโดยมิชอบหลายประเด็น การรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับก็รวบรวมหลักฐานเพียงบางส่วน ผมยังทราบมาด้วยว่ามีตำรวจระดับนายพลสั่งการให้ร้อยเวรไปขอหมาย ถ้าไม่ทำก็ออกไป ทั้งที่คดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ตำรวจสามารถสอบสวนและส่งสำนวนให้อัยการได้ แต่ยืนยันว่าจะจับนายสุนัยให้ได้ ทั้งที่การจับตัวไม่ได้เกิดประโยชน์ จะเป็นการนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อดิสเครดิตเท่านั้น ทั้งนี้หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิสูจน์ว่าเจ้าหน้าที่กระทำการโดยมิชอบ ทีมทนายความจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านบาท และจะนำเงินไปช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ นายญฐพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจภูธร1 ยืนยันว่าไม่เคยส่งตำรวจไปรอจับนายสุนัยที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายณฐพร กล่าวว่า แม้ไม่มีเอกสารยืนยัน แต่วิธีปฏิบัติที่มักนำมาใช้คือ ตำรวจจะใช้ช่วงที่นายสุนัยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อกักตัวนายสุนัย จากนั้นจะให้สายสืบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุมนายสุนัยที่ด่านต.ม. ซึ่งเรื่องนี้ตนยืนยันได้เพราะเป็นผู้หนึ่งที่เข้าไปรับนายสุนัยที่สนามบิน
นายณฐพร กล่าวต่อว่า หลังจากนี้นายสุนัยจะต้องระมัดระวังเรื่องการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เพราะกำลังจะกลับเข้ารับราชการที่ศาลยุติธรรม จึงมอบให้ทนายความเป็นผู้ชี้แจงแทน ส่วนคดีหมิ่นประมาทที่นายสุนัยถูกแจ้งความดำเนินคดีนั้น จะให้ต่อสู้ในศาล โดยทีมทนายเตรียมเอกสารหลักฐานสำหรับต่อสู้คดีไว้แล้ว สำหรับนายสุนัยคงไม่ไปพบพนักงานสอบสวน เพราะชี้แจงเป็นเอกสารไปครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม การต่อสู้คดีให้มีการเพิกถอนหมายจับถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งอยากให้เกิดบรรทัดฐานในสังคม ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ต่อสู้คดีตามข้อกฎหมาย
สำหรับคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับนายสุนัย ระบุว่า คดีนี้เป็นการกล่าวหาว่านายสุนัยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท อันมิใช่ความผิดร้ายแรง อีกทั้งผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เป็นข้าราชการระดับสูงและยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติที่กระทรวงยุติธรรม ที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้มีหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาและชี้แจงการไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกรวม 3 ครั้ง โดยยืนยันมาตลอดว่ายังปฏิบัติหน้าที่อยู่ พร้อมระบุที่ตั้งของสำนักงานไว้อย่างชัดเจน จึงเป็นข้อแก้ตัวอันควรถึงเหตุที่ผู้ต้องหาไม่ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก พฤติการณ์ยังไม่มีเหตุอันควรเชื่อหรือสันนิษฐานได้ว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ประกอบกับการสอบสวนผู้ต้องหานั้น พนักงานสอบสวนสามารถไปทำการสอบสวนผู้ต้องหาได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก กรณีที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจให้ออกหมายจับนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่เห็นพ้องด้วย จึงให้เพิกถอนหมายจับตามคำอุทธรณ์ของผู้ต้องหา http://www.komchadluek.net/2008/06/12/x_pol_k001_206728.php?news_id=206728
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
........................... .......................... * * W A N T E D - DEAD OR ALIVE * *
73,000 million Baht PRICED !! A "walk-like-a-man" gator Accused in swallowing his own mother land in cheap !!
|
|
|
1ktip
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 12-06-2008, 20:13 » |
|
เช็คบิลแม้วเสร็จแล้ว คงได้เวลาสังคายนาระบบยุติธรรมทั้งระบบ มันเละเทะกันเหลือเกิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ริวเซย์
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 12-06-2008, 23:57 » |
|
เช็คบิลแม้วเสร็จแล้ว คงได้เวลาสังคายนาระบบยุติธรรมทั้งระบบ มันเละเทะกันเหลือเกิน
เห็นด้วยครับ พวกตำรวจนี่มันกินกันจนเคย รับใช้นักการเมืองจนน่าเกลียด ชินและคุ้นเคยกับการรับใช้เกินไป ถ้าประชาชนมีอำนาจ ต้องล้างองค์กรตำรวจให้ราบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^
|
|
|
|