Can ไทเมือง
|
|
« เมื่อ: 11-06-2008, 14:40 » |
|
ห้ามแทรกฝ่ายยุติธรรม บทบรรณาธิการไทยรัฐ[11 มิ.ย. 51 - 17:52] ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ที่กำลังดังอยู่ในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ออกมาท้วงติงเรื่องการใช้ เสียงข้างมาก ให้กระทบต่อกระบวนการยุติธรรม มีการโยกย้ายและออกหมายจับเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
มีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และเสียบแทนโดยคนที่แน่ใจว่าเป็นพวกพ้อง ต่อมาตำรวจได้ออกหมายจับอดีตอธิบดีกรมดีเอสไอ ที่โดนข้อหาแค่หมิ่นประมาท มีการย้ายอธิบดีในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ผู้ตรวจสอบคดีอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มีการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และย้ายพี่ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรี กลับไปใหญ่อีกครั้ง
แม้แต่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน ก็กล่าวว่า สมมติว่าฝ่ายหนึ่งบอกว่า ต้องการเอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และอย่าไปแทรกแซง แล้วอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมตอบประเด็นนี้ มันก็พูดกันต่อไปลำบาก เหมือนกับถามว่าไปไหนมา ตอบว่าสามวาสองศอก กล่าวโดยสรุปก็คือ ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ก็จะถูกต่อต้าน
คำว่าการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม คนไทยส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เป็นการแทรกแซงการพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น แต่ความจริงก็คือ ตำรวจและอัยการ ก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน การแทรกแซง กระบวนการยุติธรรม จึงรวมถึงการแทรกแซงสอบสวน หรือการทำคดีของตำรวจ และการก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนการพิจารณาของอัยการ และของศาลด้วย
แต่เนื่องจากระบอบประชาธิปไตย ของเรา ยังไม่เป็นจริงในภาคปฏิบัติ เป็นประชาธิปไตยแค่ในรัฐธรรมนูญ เป็นแค่ตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ จึงมีบางยุคบางสมัย ที่มีการกล่าวหาอย่างเซ็งแซ่ว่า ฝ่ายบริหารใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แทรกแซงแม้แต่องค์กรอิสระ และวุฒิสภาผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ จึงเท่ากับทำลายประชาธิปไตย ที่มีการ ตรวจสอบถ่วงดุลเป็นเสาหลัก
ฉะนั้น บรรดาผู้ที่ประกาศตนเป็นนักประชาธิปไตย เป็นผู้ที่รักและหวงแหนประชาธิปไตย และปกป้องประชาธิปไตย จะต้องเริ่มต้นด้วยการปกป้องกระบวนการยุติธรรม อย่าให้อำนาจใดๆเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง หรือครอบงำเป็นอันขาด มิใช่ปกป้องประชาธิปไตย แค่ด้วยการคัดค้านรัฐประหาร การปกป้องกระบวน การยุติธรรม คือการปกป้องหลักนิติธรรม อีกเสาหลักหนึ่งของประชาธิปไตย
ในประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เคยมีประธานาธิบดีบางคนถูกยื่นถอดถอนต่อรัฐสภา ในข้อหา ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง พอที่จะถอดถอนประธา-นาธิบดีได้ ประเทศไทยก็น่าจะมีกฎหมายลักษณะนี้ ถ้ายังไม่มีก็ต้องให้ถือว่าผู้แทรกแซงกระบวน การยุติธรรม เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 12-06-2008, 21:01 » |
|
ไม่มียุคสมัยใด ที่กระบวนการยุติธรรมโดนกระทำชำเราเท่ากับ สมัยรัฐบาลอ้ายเหลี่ยมอีกแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 12-06-2008, 21:06 » |
|
บทบรรณาธิการนี้ กระแทกเข้าใส พวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือ พลังประชาชนเต็ม ๆ
ไม่มีอ้อมค้อมใดๆ กันอีกแล้ว แล้วเราก็เห็นแล้วว่า พวกต้านเผด็จการทั้งหลาย หลบหายเข้ากลีบเมฆสีขาวกันหมด
แต่ก็นั่นแหละ เคยเป็นสีแดงเต็มๆ
วันดีคืนดีจะเอาสีขาวมาคลุมกาย ย้อมสีให้ตายชาวบ้านเค้าก็จับได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 12-06-2008, 21:22 » |
|
ผมได้อ่านบทความนี้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน
พอมาวันนี้ นึกขึ้นมาได้ว่า บทความนี้แหละที่เราไม่ควรปล่อยผ่านไปเฉยๆ
เพราะผมรู้สึกว่ามันคือ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายอยู่อย่างนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 12-06-2008, 21:31 » |
|
ระบอบทักษิณ กับ รัฐตำรวจ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม มิใช่แค่แทรก องค๋กรอิสระหรือ ศาล เท่านั้น
แต่แทรกแซงตั้งแต่ต้นธารของกระบวนการยุติธรรมคือ ตำรวจและอัยการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ริวเซย์
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 12-06-2008, 21:50 » |
|
แทรกซึมไปถึงตุลาการศาลบางคนด้วยสิ
ระบอบนี้มันเอาเงินฟาดหัว
คนที่ตกเป็นทาสมัน จะต้องยอมแลกต่อชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 12-06-2008, 21:53 » |
|
ปากก็บอกว่า "ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" คำนี้มันแค่หมายถึงการไปยืนอยู่หน้าบัลลังก์แน่นอน และคนส่วนใหญ่ก็คิดแค่นี้
โดยลืมไปว่า กระบวนการยุติธรรมนั้น มันมีกระบวนการมากมายหลายขั้น และต้องใช้บุคคลากรของรัฐอีกมากมาย
กว่าจะได้มาซึ่งหลักฐานพยานต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหรอกว่ามันเข้ามาแทรกแซง
กระบวนการตรงนี้ ทั้งปลดผู้ที่กำลังทำหน้าที่อยู่ โยกย้าย กลั่นแกล้ง เอาพวกของตัวเองเข้ามาจัดการ ดิสเครดิต อ้างถึงที่มา ฯลฯ
นึกไม่ถึงเลยว่า มนุษย์คนนึงมันจะเลวได้ใจได้ถึงเพียงนี้
นี่มันทำลายความมั่นคงของชาติเลยนะเนี่ย ไม่รู้ว่าไอ้พวกที่ร่วมขบวนการนี้มันคิดยังไงของมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 13-06-2008, 04:04 » |
|
สิ่งที่ต้องดำรงไว้เหนือกว่า "ระบอบการปกครอง" ก็คือ "คุณธรรม+จริยธรรม"ไม่สำคัญว่าจะปกครองด้วยระบอบอะไร จะเป็นประชาธิปไตย หรือเผด็จการ จะเป็นคณาธิปไตย หรือ อมาตยาธิปไตย หรือแม้แต่ ธนาธิปไตย ก็ตาม ..ที่สำคัญคือต้องบริหารปกครองด้วย คุณธรรม+จริยธรรม..... อำนาจตุลาการ กระบวนการยุติธรรม เป็นความหวังของทุกสังคมที่จะธำรงไว้ ซึ่ง คุณธรรม+จริยธรรม อันเป็นหลักการสูงสุดของแผ่นดินการพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการกระทำของฝ่ายการเมือง เพราะเท่ากับเป็นการ รื้อถอนทำลายรากฐานของประเทศ .. ที่สำคัญทุกฝ่ายกำลังตื่นขึ้นมาดูแล้วทุกอย่างกำลังเข้าสู่บทสรุปใกล้จบเต็มที ยิ่งดิ้นคนก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 13-06-2008, 04:20 » |
|
ทุกวันนี้กองเชียร์ทักษิณยังบ้องตื้นหลงหอเรื่องมือที่มองไม่เห็น สื่อรับใช้เผด็จการ เผด็จการศักดินา ฯลฯ
รัฐบาลพลังประชาชนก็อำนาจรัฐอยู่เต็มที่ สั่งจับสุนัยฐานหมิ่นแม้วก็ทำมาแล้ว
พวกลิ่วล้อกองเชียร์ก็เห็นสะกดจิตกันอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง อมาตยาธิปไตยมั่ง สื่อชั่วศักดินามั่ง เว้อ กลุ้มใจกะคุณภาพคนจริงๆ
อย่างน้อยผมก็ดีใจจริงๆ ที่ผมถอนมนต์สะกดเหลี่ยมจากน้องชายผมได้ หลังจากน้องชายผมโดนแม่สะกดจิตอยู่นานหลายปี
บอกน้องชายไปประโยคนึงว่า "ดูข่าว ดูหนังสือพิมพ์ วิเคราะห์เหตุการณ์เอาเองเถิด ... คนดีๆ มีหรีือจะมีเรื่องเxี้ยๆให้คนเค้าด่าเค้าสาบแช่งทุกช่อง และหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ"
น้องชายบอก เออ.. ครูที่โรงเรียนก็ด่ามัน แม่ง กวนตีนจริงทักษิณ 55
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-06-2008, 04:34 » |
|
พูดก็พูดนะ ไม่อยากแอบอ้างเบื้องสูง แต่อ่านแล้ว ฟังแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้
ยิ่งตรงที่ท่านเน้นว่า กระทำในพระปรมาภิไธย....
เจ็บจริง ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 13-06-2008, 04:43 » |
|
ไม่เคยเห็นลิ่วล้อเหลี่ยมเอาบทบรรณาธิการมาแปะซักหน ที่เห็นบ่อยๆมีแต่เห่าดง หมัดเหลี่ยม และการ์ตูนเซีย
ลิ่วล้อเหลี่ยมคงข้ามๆบทบรรณาธิการไป ไม่อ่าน
ส่วนใหญ่ลิ่วล้อเหลี่ยมอ่านได้ก็แค่ไทยรัฐฉบับเดียว น่าเห็นใจจริงๆ
แต่จะว่าไป ทุกวันนี้ผมอ่านทุกคอลัมน์นะ ยกเว้น "แม่ลูกจันทร์" ไร้สาระจริงๆ ไอ้บ้านี่
ส่วนนิติภูมิ ยังอ่านอยู่ ดูว่ามันแอบเชลียร์โดยใช้ลูกเล่นไหน หลังจากงัดอดีตผุ้นำต่างชาติที่ต้องคดีมาเพิ่มความชอบธรรมให้เหลี่ยม งัดพรรคก๊กมินตั๋งมาพูดเปรยให้พลังประชาชนดูดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 13-06-2008, 04:50 » |
|
พูดไปไม่รู้พวกเราจะเชื่อกันมั๊ย
บทบรรณาธิการไทยรัฐ เป็นคอลัมน์ที่ขาดไม่ได้ สำหรับคนทำข่าวหรือเขียนบทความในเมืองไทย
มันเหมือนเข้าโบสถ์ของนักเขียนคอลัมน์ในเมืองไทยนั่นแหละ
ถ้าใครมีเพื่อนทำข่าว ลองๆ ถามเค้าดูสิ คอลัมน์ที่ขาดไม่ได้ประจำวัน มีกี่แห่งที่ต้องอ่าน
บทบรรณาธิการไทยรัฐ เป็นหนึ่งในนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 13-06-2008, 04:54 » |
|
ทุกวันนี้กองเชียร์ทักษิณยังบ้องตื้นหลงหอเรื่องมือที่มองไม่เห็น สื่อรับใช้เผด็จการ เผด็จการศักดินา ฯลฯ
รัฐบาลพลังประชาชนก็อำนาจรัฐอยู่เต็มที่ สั่งจับสุนัยฐานหมิ่นแม้วก็ทำมาแล้ว
พวกลิ่วล้อกองเชียร์ก็เห็นสะกดจิตกันอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง อมาตยาธิปไตยมั่ง สื่อชั่วศักดินามั่ง เว้อ กลุ้มใจกะคุณภาพคนจริงๆ
อย่างน้อยผมก็ดีใจจริงๆ ที่ผมถอนมนต์สะกดเหลี่ยมจากน้องชายผมได้ หลังจากน้องชายผมโดนแม่สะกดจิตอยู่นานหลายปี
บอกน้องชายไปประโยคนึงว่า "ดูข่าว ดูหนังสือพิมพ์ วิเคราะห์เหตุการณ์เอาเองเถิด ... คนดีๆ มีหรีือจะมีเรื่องเxี้ยๆให้คนเค้าด่าเค้าสาบแช่งทุกช่อง และหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ"
น้องชายบอก เออ.. ครูที่โรงเรียนก็ด่ามัน แม่ง กวนตีนจริงทักษิณ 55
มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่กองเชียร์แม้วมักจะไม่เถียงแทน ก็คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนี่แหละครับ เรื่องอื่นยังพยายามหาเหตุผลมาอ้างแต่ไม่ใช่เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทำลายศรัทธาในหมู่กองเชียร์จริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 13-06-2008, 07:47 » |
|
เดี๋ยวมันก็เข้ามาแถครับคุณ jerasak แต่จะได้แค่ข้างๆ คูๆ แล้วก็จบด้วยคำหยาบคาย
ผมไม่อยากให้กระทู้นี้ตกไปเลย ขอเรียนฝากผู้รู้ ผู้ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ช่วยกันรวบรวมข้อมูล ที่พวกไอ้เหลี่ยมมันพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่อดีตแยะปัจจุบัน ไว้ ณ กระทู้นี้
เสมือนหนึ่งกระทู้นี้เป็นหัวข้อหลัก โพสต์หัวข้อย่อยไปแล้วย้อนกลับมารวบรวมไว้ที่นี่ด้วย
เพื่อที่ผู้ที่ด้อยปัญญา และพึ่งจะก้าวเข้ามาในโลกของเว็บบอร์ด อย่างผม จะได้รู้เท่าทันและประดับสติปัญญามากขึ้น
ขอภัย คุณ CanCan ด้วยครับ ที่ถือวิสาสะ กระทำการดังกล่าวข้างต้นไปในกระทู้ของคุณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 13-06-2008, 12:53 » |
|
บทบรรณาธิการ กรุงเทพธุรกิจ ของวันนี้ครับ เป็นไปในทิศทางเดียวกับ ไทยรัฐ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ เงินกล่องขนม2ล้านคือภัยพิบัติของชาติบทบรรณาธิการ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551 07:25:00 นาย เกรียงชัย จึงจตุรพิธ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา แสดงความเห็นกรณี "อดีตทนายความคดีหนึ่ง" นำเงินใส่กล่องขนมจำนวน 2 ล้านบาท ให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกา ว่า กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : "รู้สึกประหลาดใจว่าทำไมจึงกล้านำเงินมาฝากเจ้าหน้าที่ถึงบนศาล" และกล่าวอีกว่า "หากวันนั้นลงมาดูเอง จะไม่ปล่อยให้เอาเงินกลับไป แต่จะดำเนินคดีละเมิดศาลไว้ก่อน" ซึ่งกรณีนี้ไม่เพียงแต่สั่นสะเทือน วงการตุลาการของไทยเท่านั้น แต่ยังสั่นสะเทือนไปทั้งสังคม เพราะเท่ากับตอกย้ำค่านิยมว่าหาก "มีเงินและอำนาจ" แล้ว ย่อมอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมได้ กรณีนี้ยังเป็นปริศนาว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อหาความกระจ่าง ว่าเจตนาที่แท้จริงของเจ้าของเงิน "กล่องขนม" คืออะไรกันแน่ การที่บอกว่า "เอาไปแบ่งๆ กัน" นั้นมีเป้าหมายอะไร แต่ทันทีที่มีข่าวและศาลยุติธรรมแถลงยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น จริง ก็เกิดการคาดเดาว่าอาจเกี่ยวข้องกับ คดีของนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และยังคาดเดากันอีกว่าการกระทำเช่นนี้ต้องการ ทำลายความน่าเชื่อถือของศาล อีกทั้งอาจเป็นการ "ล่อเหยื่อ" เพื่อให้ช่วยเหลือในคดีสำคัญ อันที่จริง กรณีการวิ่งเต้นเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลถึงความพยายามในการ "วิ่งเต้น" เพื่อล้มคดี แต่ในที่สุดแล้วก็ไม่อาจ "โน้มน้าว" การวินิจฉัยได้ และการเปิดเผยของตุลาการบางคนในครั้งนั้น ทำให้เรารู้ถึงกระบวนการ "วิ่งเต้น" ว่าเขาทำกันอย่างไร และเกิดกระแส วิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งในครั้งนั้น สังคมไทยได้บทเรียนที่น่า "จดจำ" นั่นคือ เกิดกระบวนการ แทรกแซงอำนาจยุติธรรมโดยฝ่ายการเมือง ถือเป็นการกระทำที่กำลังทำลายระบบการเมืองของไทย กรณีนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่า "ประหลาดใจ" เพราะอย่างน้อยก็เคยเกิดขึ้นอย่างโจ่งแจ้งมาแล้ว แต่ที่น่า "ประหลาดใจ" มากกว่า คือ สังคมไทยปล่อยให้เกิดกระบวนการเช่นนี้ได้อย่างไร เพราะอย่าลืมว่ากระบวนการยุติธรรมถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของ ระบอบประชาธิปไตย และเป็นส่วนสำคัญให้สังคมไทยอยู่ได้อย่างสันติ เพราะคนในสังคมมีตัวบทกฎหมายที่ใช้ในการ ยึดถือร่วมกัน ซึ่งหากขบวนการ "วิ่งเต้น" เช่นนี้มีอยู่ต่อไป เราเชื่อว่าสังคมไทยไม่สามารถหาทางออกในสถานการณ์ ความขัดแย้งเช่นนี้ได้ และ "ขบวนการ" เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นต้นตอให้เกิดวิกฤติการเมืองในปัจจุบัน ดังนั้น กรณี "กล่องขนม 2 ล้านบาท" เราจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด เราจะต้องเปิดเผยผลสอบออกมา และประกาศให้สังคมรู้ว่าเกิดขบวนการเช่นนี้ขึ้น ใครเป็นผู้กระทำ และเกี่ยวข้องกับคดีที่อยู่ในขั้นศาลอย่างไร ยิ่งผู้กระทำ มีอาชีพถึงทนายความและมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็ต้องมีกระบวนการลงโทษสถานหนัก ซึ่งการเปิดเผยอย่าง "โปร่งใส" ให้สังคมได้รับรู้เท่านั้น นอกจากจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกระบวนการยุติธรรมแล้ว คนในสังคมจะมีส่วนเข้ามาช่วย ให้กระบวนการยุติธรรมของไทยรอดพ้นจาก "ขบวนการทำลายชาติ" ของคนบางกลุ่ม เราเห็นว่าขณะนี้วิกฤติการเมืองกำลัง คืบคลานเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของไทย และถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ต่อสังคมไทย กรณีนี้ไม่อาจมองว่าเป็นเรื่องการ "กลั่นแกล้งทางการเมือง" เหมือนคนในพรรคการเมืองบางพรรคกล่าวอ้าง อย่างเด็ดขาด ดังนั้นการไต่สวนและดำเนินคดีเอาผิดต้องทำอย่างเด็ดขาด และเราเชื่อว่าสังคมพร้อมจะเป็นกำลังใจ ให้การสนับสนุนมาตรการกวาดล้าง "ภัยพิบัติของชาติ" หากกรณีนี้ไม่สามารถจัดการได้ หรือปล่อยให้ "ลอยนวล" ต่อไป นอกจากกระบวนการยุติธรรมไทยจะด่างพร้อยแล้ว ประเทศชาติก็ยากจะดำรงอยู่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 13-06-2008, 13:00 » |
|
ข้อเสนอ 242 คณาจารย์ จาก 32 สถาบัน ก็มีความเห็นในทางเดียวกันคือ ห้ามแทรกฝ่ายยุติธรรม ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ข้อเสนอดับวิกฤตบ้านเมือง 242 คณาจารย์ 32 สถาบัน วันที่ 11 มิถุนายน 2551 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=35416&catid=1จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นทางออกของบ้านเมืองตามกติกาและวิถีทางการปกครอง ในระบอบ ประชาธิปไตย อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวน 242 คน จาก 32 สถาบัน จึงร่วมกันเสนอแนวทางแก้ปัญหา จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นทางออกของบ้านเมืองตามกติกาและวิถีทางการปกครอง ในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่เกิดความขัดแย้งแตกหักที่จะนำบ้านเมือง ไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายไป มากกว่านี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวน 242 คน 32 สถาบัน ดังรายนาม ข้างท้าย ขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาดังต่อไปนี้ 1.ขอให้ ทุกฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรง รัฐบาลต้องไม่ปราบปรามหรือสลายการชุมนุม ไม่ใช้กองกำลังติดอาวุธควบคุมผู้ชุมนุม และนายกรัฐมนตรีต้องไม่ใช้ท่าทีแข้งกร้าวดังเช่นในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา ในด้านของประชาชน ไม่ว่าฝ่ายใดจะต้องไม่ใช้ความรุนแรง และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง 2.ขอให้ทุกฝ่ายไม่ สร้างเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจหรือความขัดแย้งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลต้อง ไม่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งหรือล้างแค้นผู้ซึ่งเคย อยู่ตรงข้าม เพราะจะทำให้เกิดความไม่วางใจและความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น 3. เพื่อยุติปัญหาว่า อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการใช้อำนาจโดยมิชอบจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นสาเหตุ ของความขัดแย้งที่ทำให้สังคมไทยแตกแตกในขณะนี้ จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยรัฐบาล จะต้องไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ กระบวนการยุติธรรมควรจะต้องไม่ล่าช้าเกินไป และทุกฝ่าย จะต้องยอมรับผลของการตัดสินที่ออกมา4.รัฐธรรมนูญ 2550 สามารถแก้ไขได้ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้จะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งแตกหัก ดังนั้น (1) ขอให้รัฐบาลและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ประกาศชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปก่อน เพื่อให้มีการศึกษาก่อนว่า ควรจะต้อง มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ ควรจะต้องแก้ไขอะไร และแก้ไขอย่างไร (2) ขอสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐ ธรรมนูญ ของรัฐสภาขึ้นมาทำหน้าที่ศึกษา การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องรับฟังทุกฝ่ายและใช้ความรู้ในการศึกษา (3) ขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยรูปแบบจะเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญหรืออย่างไร ให้มีการศึกษาและนำเสนอต่อสาธารณะต่อไป การแก้ปัญหาความขัดแย้งใน ระบอบประชาธิปไตย จะต้องใช้วิถีทางประชาธิปไตยเท่านั้น มิเช่นนั้นบ้านเมืองจะยิ่งถอยหลัง และถลำลึกไปมากกว่านี้ ทุกฝ่ายจึงต้องยึดมั่นในวิถีทางประชาธิปไตย เคารพกติกา และรัฐบาลต้องยึดถือเอาประโยชน์ของ ประเทศชาติและส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ทั้งต้องรับฟังเสียงข้างน้อยและเสียงท้วงติงด้วย โดยแนวทางปัญหาที่ได้เสนอมานี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอให้รัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสังคมไทยทั้งสังคมได้พิจารณา เพื่อเราจะช่วยกันนำพา ประเทศชาติออกจากวิกฤตการณ์ที่ยาวนานมากว่าสองปีแล้ว ได้โดยเร็ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 13-06-2008, 13:06 » |
|
สัญญา 5 ข้อ ของ ชาติไทย/เพื่อแผ่นดิน ก็มีเรื่องเหล่านี้อยู่
แถลงการณ์ของพันธมิตร แทบทุกฉบับมีเรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การตั้ง "รัฐตำรวจ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Grimmy
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 13-06-2008, 13:09 » |
|
ขออนุญาติเอาบทความไปแปะที่ รดน. นะครับ อยากรู้ว่าชาวรดน. อ่านบทความนี้แล้วจะรู้สึกยังไงกับสื่อสุดรักของชาว รดน.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 13-06-2008, 13:20 » |
|
ชาวราชดำเนินอ่านแต่บทความอรหันต์ เช่น เห่าดง เห่าไฟ หมัดเหล็ก
นอกนั้นไม่ค่อยชอบหรอก ยิ่งบทบก. นี่ยาเบื่อของพวกไทยรักไทยครับ
ใต้ฝุ่น ( ลมเปลี่ยนทิศ ) อัด ทรท. บ่อย ๆ ล่าสุดเล่นเรื่องเช่ารถเมช์ 6,000 คัน ชัดเจน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 13-06-2008, 13:27 » |
|
ข้อเท็จจริงก็คือ ฝ่ายตุลาการเองนั่นแหล่ะที่เข้ามาแทรกแซงฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ตัวอย่างเช่น นายจลัล นายสุนัย ฯลฯ เป็นต้น ในขณะที่ฝ่ายตุลาการเองไม่มีระบบการตรวจสอบที่โปร่งใสใดๆเลยสักนิดเดียว เบื่อพวกทำตัวเป็นเทวดาจริงๆ เฮ้อ!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 14-06-2008, 13:03 » |
|
ปกป้องอำนาจตุลาการ ไทยรัฐ[14 มิ.ย. 51 - 17:38] ข่าวทนายความของนักการเมืองที่ถูกดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นำกล่องขนมไปมอบให้เจ้าหน้าที่ของศาล เพื่อให้มอบให้ผู้พิพากษาอีกต่อหนึ่ง แต่เมื่อเปิดกล่องออกดู กลายเป็นกล่องบรรจุธนบัตรเป็นเงินสดถึง 2 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ช็อกความรู้สึกของคนทั่วไป แม้แต่รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่อุกอาจมาก
ก็มีการตั้งคำถามว่า การกระทำอันอุกอาจครั้งนี้ มีความหมายว่าอย่างไร? บางฝ่ายเชื่อว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตุลาการ แต่ก็มีข้อโต้แย้งว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้ให้ สินบนก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย และบางฝ่ายเชื่อว่าเป็นความพยายามที่จะติดสินบนแก่ผู้ พิพากษาจริง โดยมอบเงิน 2 ล้านบาท เป็นการชิมลางก่อน และจะมีการจ่ายตามมาอีก
ประธานศาลฎีกาได้แต่งตั้งคณะผู้พิพากษา 3 คน ให้เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนเรื่องอื้อฉาวนี้แล้ว และเชื่อว่าจะทราบข้อ เท็จจริงหมดภายในเวลาเร็ววัน เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่สลับซับซ้อนอะไรมากนัก เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าทนายผู้นำกล่องไปให้ผู้พิพากษาคือใคร เป็นทนายของนักการเมืองคนใด และในขณะนี้ มีนักการเมืองถูกดำเนินคดีอยู่เพียง 3 คน ล้วนแต่ชื่อดังๆทั้งสิ้น
จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นจนเกินไปในการตรวจสอบให้รู้ว่า เงินที่มุ่งหมายให้เป็นสินบนแก่ผู้พิพากษา เป็นเงินของใคร? ใครเป็นผู้สั่งให้ทนายความนำเงินไปมอบให้ผู้พิพากษา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ทนายความจะควักเงินส่วนตัวถึง 2 ล้านบาท เพื่อติดสินบนแทนลูกความของตน หวังว่าการตรวจสอบเรื่องนี้จะโปร่งใส ตรงไปตรงมา และเปิดเผยผลต่อประชาชน
แต่ลำพังการสอบสวนเพื่อให้รู้ถึงต้นตอ ใครเป็นเจ้าของเงินที่พยายามติดสินบนผู้พิพากษา และผู้พิพากษาที่เป็นเป้าหมายของการติดสินบนคือใคร ยังไม่พอ แต่จะต้องดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดทุกคน เพราะการให้หรือการเสนอให้สินบนแก่ เจ้าพนักงานฝ่ายตุลาการ เพื่อจูงใจให้กระทำหรือไม่กระทำ หรือประวิงการกระทำใดอันมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นความผิดอาญา ต้องระวางโทษจำคุก 7 ปี
เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเรื่องราวของนักการเมือง ที่พยายามติดสินบนหรือวิ่งเต้นฝ่ายตุลาการ กลายเป็นข่าวบ่อยครั้งในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในยุคที่บ้านเมืองเป็นธนาธิปไตยเต็มใบ เริ่มตั้งแต่การวิ่งเต้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้น การเปิดโปงของนายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เรื่องการพยายามติดสินบนด้วยจำนวนเงินที่น่าตกใจในคดียุบพรรค และล่าสุดก็คือเรื่องนี้
ในประเทศที่ประชาธิปไตยยังไม่สมบูรณ์อย่างไทย บางยุคบางสมัย ผู้กุมอำนาจบางคนหรือบางกลุ่ม อาจจะกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร และใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงประชาชน และโกงกินประเทศชาติ ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน จึงได้แก่อำนาจตุลาการ ซึ่งจะเป็นผู้ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมกันปกป้องอำนาจตุลาการ จากการถูกแทรก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คนไทยคนหนึ่ง
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 14-06-2008, 13:34 » |
|
ตัดบางช่วงมาจาก หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์คอลัมน์ เปลวสีเงิน สินบน ๒ ล้านเรื่องขนมๆ 14 มิถุนายน 2551 http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=14/Jun/2551&news_id=159855&cat_id=200--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- นานจนเกือบลืม ขอย้อนไปถึง คดีติดสินบนตุลาการ ๓๐ ล้านบาท เมื่อปีที่แล้วคดีนี้เริ่มต้นจาก จรัญ ภักดีธนากุล อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ทราบเรื่องและนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน กระทั่งมีการให้ข้อมูลต่อสำนักประธานศาลฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า อดีตนายตำรวจ จบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น ๐๙ ( พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ อดีต ผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม) และข้าราชการระดับสูงสำนักงานศาลยุติธรรม ( นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม) พยายามวิ่งเต้น มีความพยายามติดสินบน "ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์" รองประธานศาลฎีกาคนที่ 2 (ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา) และ "สมชาย พงษธา" ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา (ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ จากนั้น "ปัญญา ถนอมรอด" ประธานศาลฎีกาขณะนั้น มีคำสั่งแต่งตั้ง "วิรัช ลิ้มวิชัย" รองประธานศาลฎีกาคนที่ ๑ ขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นประธานศาลฎีกา) เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ มี "ทองหล่อ โฉมงาม" รองประธานศาลฎีกาคนที่ ๓ ขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา) และ "ชัยยุทธ ศรีจำนงค์" ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว เป็นกรรมการ วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๐ "วิรัช" ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ได้สรุปผลสอบข้อเท็จจริงเสนอต่อประธานศาลฎีกาขณะนั้นว่า ข้อร้องเรียนมีมูลความจริง โดยการกล่าวหานั้นมีโทษทางวินัย มีข้าราชการสำนักงานศาลยุติธรรมระดับสูง และบุคคลภายนอกที่เป็นนายตำรวจ ยศ พ.ต.อ. เกี่ยวข้อง โดยข้าราชการระดับสูงศาลยุติธรรมมีพฤติการณ์เข้าพบ "สมชาย พงษธา" ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วพูดคุยในลักษณะวิ่งเต้นเกี่ยวกับการตัดสินคดียุบพรรค ต่อมาวันที่ ๘ สิงหาคม "ปัญญา ถนอมรอด" ประธานศาลฎีกา จึงมีคำสั่งแต่งตั้ง "ธีระวัฒน์ ภัทรานวัช" ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา ปัจจุบันเป็นรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัย โดยมี "สุมิตร สุภาดุลย์" ประธานศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และ "เกษม เกษมปัญญา" ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นกรรมการ วันที่ ๑๐ ตุลาคม "วิรัช ลิ้มวิชัย" ประธานศาลฎีกา ได้ลงนามคำสั่งให้พักราชการ "พินิจ สุเสารัจ" เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม อันเป็นผลจากถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งการสอบสวนกฎหมายกำหนดให้สรุปผลเสร็จสิ้นภายใน ๑๘๐ วัน จากนั้น คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ) ได้มีมติให้ "พินิจ สุเสารัจ" พ้นผิดข้อกล่าวหาคดีสินบนยุบพรรคการเมือง
มติที่ประชุมเสียงข้างมาก ๑๐ คน เห็นว่า ไม่มีความผิด ส่วน ๔ คนไม่ออกเสียง ๔ คนที่ว่า เป็นสายตุลาการทั้งสิ้น คือ "วิชิต คำแฝง" รองประธานศาลฎีกา ในฐานะประธาน ก.ศ. "อุดม วัตตะธรรม" ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ "ธงชัย ฉัตรเพิ่มพร" ผช.ผู้พิพากษาศาลอุธรณ์ภาค ๑ และ "วิทยา ทิพย์เนตร" ผู้อำนวยการสำนักงานศาลยุติธรรมประจำภาค ๕ "พินิจ สุเสารัจ" พ้นมลทิน กลับเข้ามาทำงานตามปกติจนถึงปัจจุบัน ในส่วนของศาล ท่านก็จบของท่านไป แต่คดีติดสินบนตุลาการ โดยนิติฯ มธ.รุ่น ๐๙ ยังอยู่ที่ชั้นพนักงานสอบสวน ที่มี "พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์" ผช.ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน
๑ ปีผ่านไป คดีนี้ยังอยู่ในมือตำรวจ ไม่ได้ส่งให้ชั้นอัยการแต่อย่างใดคดีสินบน ๓๐ ล้าน คงจะนำมาเปรียบเทียบกับคดีขนม ๒ ล้านนี้ไม่ได้ ในเรื่องจำนวนเงิน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นการเขย่าวงการตุลาการเหมือน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2008, 13:49 โดย คนไทยคนหนึ่ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
KILL...ER
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 14-06-2008, 14:54 » |
|
เอานี่ไปอ่านละกัน ขี้เกียจฉายซ้ำ นายสุนวย มโนมวย ที่ปัจจุบันนี้ ตาลีตาเหลือกขอกลับไปเป็นผู้พิพากษา ถ้าเรายังจำกันได้ หมอนี่ถูกดึงตัวมาเป็นอธิบดีดีเอสไอ ในยุคเผด็จการศักดินาทรราชครองเมือง ได้ดำเนินกระบวนการเช็คบิลทักษิณ อย่างเอาเป็นเอาตาย สนองงานรับใช้เผด็จการอย่างจงรักภักดี และได้โชว์ฟอร์ม ขอให้ศาลออกหมายจับ ทักษิณและภรรยา ในคดีที่ดินรัชดาฯ โดยอ้างว่า เพราะมีพฤติกรรมหนีคดี ไม่ยอมมาให้การตามหมายเรียก นี่มันโง่หรือว่าควายกันก็ไม่ทราบ เขารู้กันทั่วโลกว่า ทักษิณ ต้องหลีกลี้หนีภัยเผด็จการศักดินาทรราช ไปรอนแรมถึงต่างประเทศ จากการถูกรัฐประหาร แล้วมันมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน เลยไม่ทราบเรื่องนี้ จะกลับมา หัวหน้าคณะทหาร มันก็ไม่ให้กลับ อย่าเพิ่งกลับ กลับมาไม่รับรองความปลอดภัย อะไรต่อมิอะไรสารพัด ทำแบบนี้ จิ๊กโก๋แถวบ้าน เค้าเรียกหน้าตัวเมีย ปากคาบคัมภีร์ นึกอยากจะทำอะไรก็ได้ ไม่ได้คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม จริยธรรม คุณธรรม ไม่ทราบว่า เรียนกฏหมายสำนักไหนมา ? ในช่วงที่มันอยู่ในดีเอสไอ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดฉาวโฉ่รายวัน เกิดความขัดแย้งภายในอย่างหนัก จนหน่วยงานแตกบรรลัยเป็นเสียงๆ ตัวผู้บริหารมันก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไร รับธงเค้ามาแค่ว่า ให้เช็คบิลทักษิณ ก็ไม่สนใจอะไรหน้าไหนทั้งสิ้น ต้องสนองงานรับใช้เต็มที่ เพื่อยศฐาบรรดาศักดิ์ ที่จะหลั่งไหลพรั่งพรูตามมา เพื่อความเจริญก้าวหน้าในชีวิต มาวันนี้พอโดนหมายจับเข้าให้ถึงกับร้องเจี๊ยก โวยวายเป็นเจ้าเข้า ก็ในเมื่อมันไม่ยอมมาให้การ เขาก็ต้องออกหมายจับ จะมายิ่งใหญ่เกินกว่ากฏหมาย มันได้อย่างไร ? นี่ถึงกับรีบอุทธรณ์คำสั่งให้ออกหมายจับ จนศาลอุทธรณ์สั่งยกเลิกการออกหมายจับ ประเด็นนี้ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ว่า มันสามารถได้รับสิทธิพิเศษเหนือ อดีตนายกฯ ที่จะเป็นจะตายให้ได้ ต้องออกหมายจับเอาตัวมาขึ้นเขียง เขาให้ไปสืบสวนกันในต่างประเทศ เพราะไม่ปลอดภัย มันก็ไม่ไป ไม่ยอม อ้างว่าต้องมาด้วยตัวเอง แต่สำหรับมันนี่ ต้องให้พนักงานสอบสวนวิ่งไปหาเอง ขาใหญ่เสียอย่างทำอะไรก็ได้ ต่อไปควรต้องแก้กฏหมาย ประมวลวิธีพิจารณาความ ระบุประเด็นให้ชัดเจน เรื่องการออกหมายจับ สำหรับบุคคลบางสาขาอาชีพ ต้องได้รับการยกเว้นเอาไว้ ระบุซี ระบุตำแหน่งเอาไว้เลยให้ชัดเจน เดี๋ยวมาเฟียเจ้าพ่อมันเอาอย่าง บอกให้พนักงานสอบสวนวิ่งไปหามันเองมั่งจะยุ่งไปกันใหญ่ โฆษณาซะหน่อย killerpress.wordpress.comเพิ่มเติมอีกนิดนะจ้ะ.... อธิบดีดีเอสไอ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ ? เช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนทั่วไปใช่หรือไม่ ? ถามว่าตำรวจมีสิทธิโดนแบบนี้ได้หรือไม่ ..?? มีใช่ไหม ... แล้วมันจะมานั่งร้องแรกแหกกระเชอ หาพ่อมันหรือ ? อย่าว่าแต่อธิบดีเลย ระดับปลัดกระทรวงก็ถูกออกหมายจับได้ ถ้าศาลอนุมัติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 14-06-2008, 19:52 » |
|
กรณีหมายจับ สุนัย มโนมัยอุดม หากออกถูกต้องแล้วทำไมศาลอุทธรณ์ให้หมายจับมิชอบ แถมตำรวจที่ขอออกหมายจับโดนปปช. เล่นงาน
เรื่องหมายจับหน้าเหลี่ยม เค้าบอกจนปากฉีกว่าให้กลับมาขึ้นศาล แต่หน้าเหลี่ยมกลัวตายเองต่างหาก
หากเอา 2 คดีมาเปรียบเทียบกัน คดีหมิ่นประมาทที่ผู้ต้องหาตามหมายจับฟ้องเจ้าพนักงานหมิ่นประมาท มันคนละเรื่องเลยนะ
ทักษิณนั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรผู้โกงชาติ โกงแผ่นดิน ส่วนคุณสุนัย เป็นเจ้าพนักงานที่ทำคดีนั้น
ถ้าผู้ทำหน้าที่สืบสวนคดี ต้องถูกผู้ต้องหาฟ้องหมิ่นประมาทอันเนื่องมาจากการชี้แจงตามอำนาจหน้าที่
สงสัยตำรวจที่ทำคดีทั้งหมด คงโดนผู้ต้องหาฟ้องหมิ่นประมาทจนรับกันไม่ไหว
แล้วรู้หรือยัง ทำไมศาลอุทธรณ์ถึงให้หมายจับคุณสุนัย "ไม่มีผล" ตำรวจที่ทำคดีต้องโดนคดี ให้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
เอ้อ...แล้วหมายจับ คตส. กล้าหรือขอออกเปล่าล่ะ...ตำรวจขี้หมาเอ๊ย...
การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม มันก็แทรกแซงมาตั้งแต่ต้นธารคือตำรวจนั่นแหละ
ทำไมเค้าถึงต่อต้าน "รัฐตำรวจ" ก็เพราะ เมื่อนักการเมืองมีอำนาจให้คุณให้โทษให้ปูนบำเหน็จให้กับตำรวจได้
นั่นคือจะมีตำรวจขี้หมาจำนวนหนึ่ง กระทำการทุกอย่างตามที่นักการเมืองบงการ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2008, 20:12 โดย CanCan »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
KILL...ER
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 14-06-2008, 21:00 » |
|
กรณีหมายจับ สุนัย มโนมัยอุดม หากออกถูกต้องแล้วทำไมศาลอุทธรณ์ให้หมายจับมิชอบ ท่าทางจะอ่านคำสั่งศาลไม่เข้าใจ... เขาอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ศาลออกหมายจับไปยัง ศาลอุทธรณ์ภาค ทางนั้นก็สั่งเพิกถอนหมายจับ ก็เหมือนกับ ศาลชั้นต้นตัดสินอย่าง ศาลอุทธรณ์ไปตัดสินอีกอย่าง อย่างนี้เราจะบอกว่า ศาลชั้นต้นตัดสินโดยมิชอบ อย่างนั้นหรือ แถมตำรวจที่ขอออกหมายจับโดนปปช. เล่นงาน ถ้าโดน ปปช.เล่นงานก็ขอบอกว่าฉิบหายแล้วอย่างนี้ ถ้าเกิดพนักงานสอบสวนเขาฟ้องกลับ เรียกค่าเสียหายขึ้นมา ฝากบอกไอ้ขุนช้างปปช.ด้วยว่า ให้พวกมันเตรียมหาเงินจ่ายกันเองนะ อย่าเสือกเบิกเงินหลวงไปเสียค่าโง่ล่ะ จะกล่าวหาอะไรก็ว่ากันไป กฏหมายเขาวางระเบียบไว้อย่างนั้น ทำกันมาจะเป็นร้อยปีแล้ว ทักกี้เป็นอดีตนายกฯ อีกคนเทียบชั้นแล้วยังไม่ถึงระดับปลัดเลยด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องมาเปรียบเทียบศักดิ์ศรี แต่ในแง่พฤติกรรมการณ์ในการดำเนินคดี เปรียบเทียบกันให้เห็นแล้ว ถ้าอ่านไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ลุง Can ปกติพนักงานสอบสวน ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากผู้ต้องหา เยอะแยะมากมายมหาศาล นับคดีไม่ถ้วน ไล่เรียงมาตั้งแต่ ซ้อมผู้ต้องหา ข่มขืนผู้ต้องหา ยัดยาบ้ารีดเงิน สารพัดรูปแบบจะมี ไม่ใช่เรื่องประหลาดแปลกใหม่แต่ประการใด เรื่องของเรื่องก็คือ สุนัย มันเหิมเกริมอหังการ์เกินไป ให้สัมภาษณ์สื่อฯ แบบมันส์ปากอยากดัง มากไปหน่อย ปกติธรรมชาติของ พนักงานสอบเขามีแต่สงบปาก สงวนคำ เกรงกลัวจะเสียรูปคดี มันก็เลยโดนอย่างนี้ ส่วนเรื่องการออกหมายจับ ก็เปรียบเทียบให้เห็นแล้ว ทักกี้หนีเผด็จการทหารไปเมืองนอก เขาก็บอกแล้วว่าให้ส่งคนไปสอบปากคำที่โน่นก็ได้ มันก็บอกว่าไม่เอา ต้องมามอบตัว พอเค้าจะกลับมา ทหารก็บอกว่าอย่าเพิ่งกลับ ว่าแล้วก็ไปออกหมายจับ ให้เป็นข่าวครึกโครมสนุกกันใหญ่ จำไม่ได้แล้วหรือ ? รับหมอนี่กลับไปเป็นศาล ก็มีแต่จะเสื่อมเสียแก่วงการเสียเปล่าๆ เดี๋ยวได้ยุ่งวุ่นวายกันใหญ่ คอยดูละกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 14-06-2008, 21:07 » |
|
คำสั่งศาลอุทธรณ์ นั่นแหละ จะเอา ตำรวจที่ออกหมายจับเข้าคุก
ในฐานะให้ข้อมูลศาลที่ออกหมายไม่ครบถ้วน แถมจะโดนข้อหากลั่นแกล้งเข้าไปอีก
ศาลชั้นต้นออกหมายให้ ตัดสินไปแล้ว ออกให้แล้วก็ถือว่าชอบ แต่หากจะให้ตัดสินใหม่ เค้าเรียก ศาลอุทธรณ์
เออ...หมายจับทักษิณออกมาโทนโท่ ทำไมตำรวจขี้หมาไม่จับตอนทักษิณกลับมาล่ะ ถามอีกที
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2008, 21:10 โดย CanCan »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
KILL...ER
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 14-06-2008, 21:14 » |
|
พนักงานสอบสวน ขอให้ศาลมีคำสั่ง ออกหมายจับผู้ต้องหา กลายเป็นความผิดไปได้อย่างไร ?
ศาลจังหวัด ผู้อนุมัติออกหมายจับ ยังไม่ผิดเลย 5555555
ศาลจังหวัดไม่รู้จัก สุนัย อดีตผู้พิพากษา เนี่ยน่ะหรือ เป็นไปได้อย่างไร ?
เป็นข่าวดังรายวัน ในฐานะแก่วงปากให้สัมภาษณ์รายวัน เรื่องออกหมายจับทักกี้ เนี่ยนะ
เรื่องเบสิคพวกนี้ เป็นธรรมดาที่ศาลจะต้องรู้เอง ไม่จำเป็นที่จะต้องไปให้ข้อมูลอะไรหรอก
อันนี้ไม่ได้พูดเองนะ แต่เป็นฎีกา มาเลย
"เออ...หมายจับทักษิณออกมาโทนโท่ ทำไมตำรวจขี้หมาไม่จับตอนทักษิณกลับมาล่ะ ถามอีกที"
ท่าทางลุง Can จะเบลอเอามากๆนะ เค้ากลับมาแล้วก็เข้ามอบตัวสู้คดี และได้รับประกันตัวออกมาเป็นข่าวดังไปทั่วกาแลคซี่ ลุงไปอยู่ไหนมาหรือ ? 55555555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 14-06-2008, 21:27 » |
|
อยากดูหมายจับทักษิณมั๊ยล่ะตำรวจต้องทำยังไงกับผู้ต้องหาที่มีหมายจับยธ.ชี้'แม้ว'โผล่ปุ๊บจับปั๊บ คตส.รับส่งขึ้นศาล
'มาร์ค'เย้ยถ้าเป็นนายกฯจะใช้กม.เรียกกลับปลัด ยธ.เชื่อ'แม้ว'ยังไม่กลับไทยระบุตร.มีหมายจับปรากฏตัวที่สาธารณะจับได้ คตส.อ้าแขนรับกลับมาสู้คดีในศาล 'มาร์ค' เย้ยถ้าเป็นนายกฯจะเรียกกลับก่อนวาเลนไทน์ พิสูจน์ทั่วโลกศาลยุติธรรมไทยเชื่อถือได้ ถ้าไม่มาก็ใช้อำนาจกฎหมายแทน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=14531&catid=1
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2008, 21:36 โดย CanCan »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชัย คุรุ เทวา โอม
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 14-06-2008, 21:38 » |
|
ตำรวจต้องไปรับ และไหว้ ฆวย แม่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..." คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน (How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933 ******************************* เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ http://www.oknation.net/blog/amalit1990
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 14-06-2008, 21:51 » |
|
"เออ...หมายจับทักษิณออกมาโทนโท่ ทำไมตำรวจขี้หมาไม่จับตอนทักษิณกลับมาล่ะ ถามอีกที"
ท่าทางลุง Can จะเบลอเอามากๆนะ เค้ากลับมาแล้วก็เข้ามอบตัวสู้คดี และได้รับประกันตัวออกมาเป็นข่าวดังไปทั่วกาแลคซี่ ลุงไปอยู่ไหนมาหรือ ? 55555555
เห็นจากข่าวว่า "ตำรวจจะจับคุณสุนัยตามหมายจับ และจะนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือ" ก็เลยเกิดข้อสงสัยว่า "ตำรวจได้นำตัวทักษิณไปพิมพ์ลายนิ้วมือหรือเปล่า" หรือว่า ยุคนี้ เป็นยุค " ตำรวย หัวขวด"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 14-06-2008, 23:03 » |
|
พนักงานสอบสวน ขอให้ศาลมีคำสั่ง ออกหมายจับผู้ต้องหา กลายเป็นความผิดไปได้อย่างไร ?
ศาลจังหวัด ผู้อนุมัติออกหมายจับ ยังไม่ผิดเลย 5555555
กรณีออกหมายจับข้าราชการที่มีที่ทำงานชัดเจน ไม่มีเจตนาหลบหนีและได้ทำหนังสือไปแจ้งเจ้าพนักงานแล้ว แต่ตำรวจยังดึงดันขอออกหมายจับ
ตรงนี้แหละ ที่ ปปช. ต้องสอบสวนว่า ใช้ดุลพินิจแบบไหน ภ้าใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ก็เสร็จกันละ โดน 157 ติดคุกหัวโต
เหมือนโอ๋ สืบ 6
ก็เหมือน กรณี คตส. นั่นแหละ เค้าชี้แจงไปแล้ว
ตอนแรกทำขึงขัง จะออกหมายจับ แล้วทำไม หัวหดละครับ
ต้องไม่ลืมว่า คตส. ก็อยู่กับกฎหมายมาทั้งชีวิต คุณสุนัยก็อยู่กับกฎหมายมาทั้งชีวิต
เค้าจะไม่รู้เรื่องออกหมายเรยกแล้วขัดหมายเรียกเชียวรึ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pig.Army
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 15-06-2008, 03:45 » |
|
ถามลุงแคน หน่อยน่ะครับ ว่า ไอ้เรื่องการส่งดาว กระจุย เฮ้ย ดาวกระจาย ไปกดดัน ในที่ต่างๆ นี่ แทรกแซงหรือเปล่า....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สงสัยจะดัง เลยมีคนเอาชื่อไปแอบอ้าง ตัวจริงเสียงจริงมีคนเดียวน่ะครับ ถ้าพิมพ์แล้ว ไม่จุดเยอะๆ......ไม่ใช่ผมน่ะครับ
(ขออภัยในบางประโยค อาจจะรุนแรงและแทงใจดำไปหน่อย)
|
|
|
KILL...ER
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 15-06-2008, 09:59 » |
|
อย่าว่าแต่ การออกหมายเรียก หมายจับ ผู้ต้องหาเลย
ในชีวิตจริง แม้แต่พยานในคดี ถ้าไม่มี ทนาย ไม่ว่าเอกชนหรือทนายรัฐ(อัยการ)
เค้าออกหมายเรียก หมายจับได้ทั้งนั้น
เพื่อนผม เคยหมายเรียก แพทย์ให้มาเป็นพยาน แพทย์ก็อ้างโน่นอ้างนี้ไม่ยอมมา
ก็ขอศาลออกหมายจับ ทางศาลเค้าถามหน้าบัลลังก์ เลยว่า "เอาจริงหรือ"
แล้วศาลท่านก็จะไกล่เกลียอย่าเล่นแรงขนาดนั้น
คือหมายถึงว่า ต่อให้ผู้ขอดึงดันที่จะขอออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม
อยู่ในดุลยพินิจของศาล จะอนุมัติหรือไม่ก็เท่านั้น
เข้าใจไหมเนี่ย ?
อ่านทวนอีกรอบก็ได้นะ ลุง Can 5555555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 15-06-2008, 14:24 » |
|
ถามลุงแคน หน่อยน่ะครับ ว่า ไอ้เรื่องการส่งดาว กระจุย เฮ้ย ดาวกระจาย ไปกดดัน ในที่ต่างๆ นี่ แทรกแซงหรือเปล่า.... การแทรกแซง ต้องมีผลตามกฎหมาย กระทำหรือไม่กระทำ เร็ว/ช้า
การไปยื่นความต้องการแก่องค์กรต่างๆ ก็แค่ยื่นเสนอความต้องการ ไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด
เพราะเป็นการไปแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ไปอย่างสงบ มิได้มีอาวุธหรือ
มิได้ไปไล่ตีผู้คนเหมือนม้อบคาราวานคนจนไปไล่ตีคนเนชั่น/คมชัดลึก
ที่สำคัญ เท่ากับไปกระตุ้น ให้กำลังใจคนทำความดี ย่อมมิใช่การแทรกแซงแต่อย่างใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 15-06-2008, 14:33 » |
|
ตัดแปะหน่อยละกัน
'รัฐบาลพปช.'ตกหลุม สะดุดข้อครหา แทรกแซงขบวนการ'ตาชั่ง'
หากประเด็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมถูกจุดประกายขึ้นมาได้เท่ากับสร้างความชอบธรรมแก่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการเคลื่อนไหวอีกคำรบ
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ตามรายงานข่าวที่ว่า "เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 12.30 น. ได้มีอดีตทนายความของนักการเมืองคนหนึ่งมายื่นคำร้องและยื่นถุงขนมซึ่งภายในบรรจุเงิน 2 ล้านบาทให้แก่เจ้าหน้าที่ศาล
ได้ถูกจับผูกโยงกับประเด็นการเมืองอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
เป็นการผูกโยงกับข้อกล่าวหาเรื่องการแทรกแซงการดำเนินคดีต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
กระทั่งทำให้เกมการเมืองที่ฝ่ายสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อาจมีจุดเปลี่ยน!
อย่าลืมว่า การก่อตัวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกหลังจากถูกยึดอำนาจ
หากยังจำกันได้ ครั้งนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร ได้ใช้เหตุของการโยกย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นตัวอย่างในการรวมตัว
ป้องกันการเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
หากแต่ข้อกล่าวหาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในครั้งนั้น มิได้มีน้ำหนักมากนัก เหตุเป็นเพราะรัฐบาลผสมพรรคพลังประชาชนเพิ่งเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน จึงใช้เป็นข้ออ้างในการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล
จากคนที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่งตั้ง กลายมาเป็นคนที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช แต่งตั้ง
กระทั่งคดียุบพรรคเข้าสู่ขั้นการพิจารณาคดีก็บังเกิดความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชาชนที่ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หยิบยกเอามาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค และมาตรา 309 เรื่องการรับรองความชอบธรรมของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เมื่อมีการจุดประเด็นการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญที่ไปกระทบต่อกระบวนการพิจารณาคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงออกมาเคลื่อนไหว
ขู่ว่า เมื่อใดที่มีการยื่นญัตติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะชุมนุมประท้วง
และเมื่อมีการยื่นญัตติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 โดยรวมเอาการแก้ไขมาตรา 237 และมาตรา 309 เข้าไว้ด้วย
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงตั้งเวทีปักหลักชุมนุมประท้วง
เป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงอยู่ที่หยุดยั้งการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
จนฝ่ายการเมืองทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ที่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญยอมถอนชื่อ เป็นเหตุให้ญัตติมีอันตกไป
ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเบนเป้าการชุมนุมประท้วงไปที่การขับไล่รัฐบาล
ทำให้ความชอบธรรมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอ่อนล้าลงเรื่อยๆ
นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงออกมาตอกย้ำจุดยืนเดิม
นั่นคือ ป้องกันการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
พร้อมกันนั้น กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เปลี่ยนกลยุทธ์เป็น "ดาวกระจาย"
จัดกำลังกลุ่มละ 200 คน ตระเวนออกไปถามความคืบหน้าและให้กำลังแก่องค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ไม่ว่าจะเป็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานอัยการสูงสุด คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ฯลฯ
ทั้งหมดเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์เดิมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นั่นคือ การป้องกันการแทรกแซงการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ก็ปรากฏข่าวคราวการออกหมายจับนายสุนัย มโนมัยอุดม ในข้อหาหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อย่าลืมว่า กรณีการโยกย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นเหตุที่ทำให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวหาว่า รัฐบาลพรรคพลังประชาชน พยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ในการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ดังนั้น เมื่อปรากฏข่าวตำรวจจ้องจับนายสุนัยตามหมายจับ จึงทำให้กระแสแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมถูกโหมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
กลายเป็นกลไกรัฐจ้องกลั่นแกล้ง
และเมื่อปรากฏข่าวอดีตทนายความนักการเมืองนำถุงขนมใส่เงิน 2 ล้านบาทไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาล
ข้อครหาเกี่ยวกับการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมก็อุบัติขึ้น
อย่าลืมว่า การเปิดทางให้มีการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่มีการแทรกแซง เป็น 1 ใน 5 ของข้อพันธสัญญาที่พรรคพลังประชาชนเคยสัญญาไว้แก่พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน
เป็นข้อสัญญาที่ทำให้พรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคชาติไทย อ้างกับประชาชนทั่วไปในการเข้าร่วมรัฐบาล
ดังนั้น หากประเด็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมถูกจุดประกายขึ้นมาได้
เท่ากับสร้างความชอบธรรมแก่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการเคลื่อนไหวอีกคำรบ
ทั้งตอกย้ำข้อเรียกร้องของฝ่ายพันธมิตรที่พุ่งเป้าไปยังรัฐบาล
ที่มา หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 15 มิ.ย. 2551
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 15-06-2008, 14:45 » |
|
อย่าว่าแต่ การออกหมายเรียก หมายจับ ผู้ต้องหาเลย
ในชีวิตจริง แม้แต่พยานในคดี ถ้าไม่มี ทนาย ไม่ว่าเอกชนหรือทนายรัฐ(อัยการ)
เค้าออกหมายเรียก หมายจับได้ทั้งนั้น
เพื่อนผม เคยหมายเรียก แพทย์ให้มาเป็นพยาน แพทย์ก็อ้างโน่นอ้างนี้ไม่ยอมมา
ก็ขอศาลออกหมายจับ ทางศาลเค้าถามหน้าบัลลังก์ เลยว่า "เอาจริงหรือ"
แล้วศาลท่านก็จะไกล่เกลียอย่าเล่นแรงขนาดนั้น
คือหมายถึงว่า ต่อให้ผู้ขอดึงดันที่จะขอออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม
อยู่ในดุลยพินิจของศาล จะอนุมัติหรือไม่ก็เท่านั้น
เข้าใจไหมเนี่ย ?
อ่านทวนอีกรอบก็ได้นะ ลุง Can 5555555
กรณี ตัวอย่าง ที่พี่คิว ยกมาอันนี้ ก็น่าจะถูกต้อง...แต่ จะไปเทียบเคียงกับ กรณี คุณสุนัย ...ผมว่าไม่น่าจะใช่น๊ะครับ.. กรณี ที่ ขึ้นศาล นั้น มันเลย ไปถึงขั้น สืบคดี เพื่อชี้เป็นชี้ตายแล้วครับ...ศาลจึงสามารถใช้ดุลย์พินิจสั่งให้ พยานมา ให้การที่ศาลได้ กรณีคุณสุนัย เพียงอยู่ในชั้นสอบสวน คนละเรื่องแล้วครับ...
กรณี ของ คุณสุนัย น่าจะนำไปเทียบเคียงกับ คุณทักษิณ กรณี คตส.เรียก มาชี้แจง...... คุณทักษิณ ก็ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง...แต่ ส่งหนังสือ มาชี้แจงแทน.....คตส. ก็ถือว่า ได้ ให้โอกาสได้ชี้แจงแล้ว ก็เตรียมเรื่องส่งฟ้องศาลเลยไม่ต้องรออีก หรือ ออกหมายจับ....
กรณี คุณสุนัย ผมไม่แน่ใจว่า ได้ยินข่าวมาถูกหรือป่าว....ว่าคุณสุนัย ได้ ชี้แจงเป็นหนังสือไปแล้ว.... หาก ตำรวจ เห็นว่า ไม่อยากรอ ก็ส่งศาลฟ้องคดีหมิ่นคุณทักษิณได้เลยครับ..ไม่ต้องไปออกหมายจับ แล้วให้ คุณสุนัย ไปแก้ต่างเอง ที่ศาล....หรือ ถ้า ท่านตำรวจ จะเมตตา เดินทางไปสอบปากคำ ด้วยตัวเอง ก็ยังได้... (แหม เดินทางไปรับคุณทักษิณ ที่ สนามบิน ลำบากกว่าตั้งแยะ)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2008, 15:10 โดย 55555 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 15-06-2008, 15:08 » |
|
ท่านสุนัยร้องแย้งหมายจับ ว่าได้ส่งเอกสารไปให้แล้ว
ศาลอุทธรณ์รับขึ้นพิจารณา ก็เห็นว่าการแย้งชอบแล้ว
หมายจับที่ออกโดยศาลชั้นต้นก็แปลว่าใช้ไม่ได้
เหตุผลของสหาย Killer คงต้องนำไปใช้ในการสอบสวนของ ปปช. แล้วรอดูผลของมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลูกหินฮะ๛
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-06-2008, 16:48 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2008, 16:52 โดย ลูกหินฮะ๛ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 15-06-2008, 17:59 » |
|
บ่อยครั้งที่รัฐบาลนี้ตกหลุมรัฐธรรมนูญ
อาทิตย์ก่อนโน้น ป๋าหมักก็ตกหลุมรัฐธรรมนูญ มาตรา 69/70 แตกหัก สลายม้อบ
มาเมื่อวาน เป็ดเหลิมก็ตกหลุมรัฐธรรมนูญ จะปิดสื่อ มาตรา 45/46
เลยต้องปีนขึ้นจากหลุมรัฐธรรมนูญ คลุกฝุ่นเลอะเทอะกันทั้งคู่ อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 15-06-2008, 19:23 » |
|
ถามลุงแคน หน่อยน่ะครับ ว่า ไอ้เรื่องการส่งดาว กระจุย เฮ้ย ดาวกระจาย ไปกดดัน ในที่ต่างๆ นี่ แทรกแซงหรือเปล่า.... ถ้าฝ่ายที่ดาวกระคายไป เป็นพวกที่กำลังจะทำในบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่ากดดัน ถ้าฝ่ายที่ดาวกระคายไป เป็นพวกที่กำลังจะทำในบางสิ่งที่ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่าให้กำลังใจครับพี่ท่าน มิใช่แทรกแซง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อธิฏฐาน
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 15-06-2008, 19:37 » |
|
แบบไหนแทรกแซง แบบไหนกดดัน น้องหมูยังแยกไม่ออกหรอกค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 15-06-2008, 19:38 » |
|
แบบไหนแทรกแซง แบบไหนกดดัน น้องหมูยังแยกไม่ออกหรอกค่ะ
อ้าวเหรอ นี่ผมสีซอให้คว..ยฟังอีกแล้วเหรอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|