ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 04:05
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑะกา: ทองแท้หรือทองชุบ!?! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2 3 4 5
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑะกา: ทองแท้หรือทองชุบ!?!  (อ่าน 22476 ครั้ง)
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« เมื่อ: 11-06-2008, 14:26 »

"'เอาเงินจากไหนมาสร้าง' : ความโปร่งใสที่แอบแฝงด้วยความฉ้อฉล ผสมความซื่อสัตย์ที่เต็มไปด้วยการอำพราง


ที่มา เวบไซต์ ประชาชนไทย
11 มิถุนายน 2551

แถลงการณ์กลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอรัปชั่น

10 มิถุนายน 2551

ตามที่กลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอรัปชั่น ได้แสดงหลักฐานและแถลงการณ์ เพื่อถาม ข้อเท็จจริงในพฤติกรรมของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑะกา เพื่อขอร้องให้คุณหญิง ผู้ซึ่งที่เราเคยเคารพนับถือ และชื่นชมว่า เป็นกำลังสำคัญ ที่จะทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ปราศจากการทุจริตคิดมิชอบในวงราชการ ในทุกระดับนั้น

บัดนี้คุณหญิง ได้กรุณาตอบข้อสงสัยที่เราได้ตั้งประเด็นสอบถามไป เป็นบางประเด็นแล้วนั้น เราขอขอบคุณคุณหญิงที่กรุณาสละเวลาอันมีค่า แม้ว่าในวันดังกล่าว คุณหญิงมีนัดที่จะต้องพบปะกับบุคคลจำนวนมากมาย และขอขอบคุณที่ให้เกียรติพวกเรา ที่เป็นประชาชนธรรมดา ที่เคยศรัทธาและฝากความหวังไว้กับคุณหญิง ในขณะที่คุณหญิงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมี ตำแหน่งหน้าที่ราชการใหญ่โต

แต่อย่างไรก็ตาม เราผิดหวังกับคำชี้แจงของคุณหญิงเป็นอย่างมาก คุณหญิงตอบคำถามข้อสงสัยของเรา โดยในบางคำถาม ใช้วิธีตอบข้อเท็จเพียงบางส่วน เพียงเพื่อให้ผูู้้รับฟังผ่านสื่อ ที่ไม่รู้ข้อเท็จทั้งหมด เข้าใจผิดในสาระสำคัญของเรื่อง ในบางเรื่องคุณหญิงแก้ตัว โดยอาศัยเหตุว่า คนอื่นทำได้ทำไมคุณหญิงจะทำบ้างไม่ได้ ทั้งๆ ที่คุณหญิงก็ทราบดีแล้วว่า ความดีแม้ไม่มีใครได้กระทำเลย ก็ยังคงเป็นความดี ในขณะที่ความเลว ก็ยังคงเป็นความเลว แม้ว่าคนทั้งโลกจะกระทำสิ่งนั้นตลอดเวลา และในบางเรื่องคุณหญิงก็เลือกที่จะไม่ตอบในคำถามดังกล่าวเลย ปล่อยให้คนที่รู้อดคิดไม่ได้ว่า คุณหญิง คงจนปัญญาที่จะหาเหตุผลมาแก้ตัว

เพื่อเป็นการให้คุณหญิง ได้มีโอกาสชี้แจงเพื่อแสดงความสุจริตใจแก่สังคมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของคุณหญิง เอง เราขอชี้แจงและย้ำคำถามในประเด็นเดิม ที่เราได้เคยถามมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังได้คำตอบยังไม่กระจ่างดังนี้

1. ในเรื่องที่ดิน ที่กำลังสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณหญิงนั้น เราไม่เคยติดใจ ในประเด็นเรื่องการได้มาซึ่งที่ดิน แปลงดังกล่าวของคุณหญิงเลย เราทราบดีว่า คุณหญิงได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาในปี พ.ศ.2505 แต่อย่างไรก็ตาม คุณหญิงได้ขอกู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นจำนวน 5 ล้านบาท โดยได้จดจำนองที่ดินแปลงนั้นเป็นหลักประกัน

แต่เป็นที่น่าสังเกต และน่าสงสัยว่า เหตุใดจึงเพิ่งจะมีการสร้างบ้าน และดูตามมูลค่าของคฤหาสน์หลังดังกล่าว ซึ่งประเมินโดยผู้เชื่ยวชาญว่า อย่างต่ำที่สุด เฉพาะค่าปลูกสร้าง มีมูลค่าไม่ตํ่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่ง คุณหญิงไม่ได้ตอบข้อสงสัยนี้ว่า คุณหญิงนำเงินจากไหนมาสร้าง ทั้งๆ ที่กู้เงินมาเพียง 5 ล้านบาท

2. ในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งบุตรชายของคุณหญิงเพิ่งซื้อมา ราคาปัจจุบันคงไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท บุตรชายคนนี้ของคุณหญิง เป็นบุคคลเดียวกับคนที่ทำงานเป็นเลขานุการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในปี พ.ศ. 2549 หลังจากการรัฐประหาร ซึ่งเป็นรายได้ที่น้อยมาก เมื่อคำนึงถึงราคาของทรัพย์สินที่เพิ่งจะได้มา เป็นที่น่าสงสัยทั้งแหล่งที่มา ของเงินที่มาซื้อทรัพย์ดังกล่าว และน่าสงสัย ทั้งในความเป็นไปได้ ที่บุตรชายของคุณหญิง จะเป็นตัวแทนถือทรัพย์ แทนคุณหญิงและสามี เพื่อเหตุผลในการปกปิดทรัพย์สินที่จะต้องแสดงต่อคณะกรรมการ ปปช.

3. เรื่องของการนำรถยนต์ประจำตำแหน่งที่ให้ไว้ เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่เรื่องที่คล้ายกันนี้ ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นกรณีที่เทียบเคียงกันได้ คือกรณีที่ นายพรชัย อัศวพรพันธ์ อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เคยถูกร้องเรียน และต่อมาศาลชั้นต้น ได้พิพากษาให้จำคุก คุณหญิง คงต้องทราบข้อเท็จจริงนี้ดี แต่กลับไม่ถือปฎิบัติ

4. อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณหญิงกล่าวอ้าง ก็คือคุณหญิงเล่าว่า มีบุคคลที่คุณหญิงไม่เปิดเผยชื่อ ได้นำเงินจำนวน 100 ล้านบาท มาให้ เพื่อพยายามติดสินบนคุณหญิง คุณหญิงปฏิเสธไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ของคุณหญิง กับบุคคลดังกล่าว และยังช่วยบุคคลดังกล่าว ปกปิดการกระทำความผิด ซึ่งเป็นการละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา165

เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เราไม่เคยคิดโกรธเคืองคุณหญิง และไม่ได้มีเจตนาจงใจให้ร้ายคุณหญิง แต่เราจำเป็นต้องทำหน้าที่ ในการตรวจสอบคุณหญิง และตั้งคำถามต่างๆ เพื่อให้คุณหญิงได้มีโอกาสชี้แจง เพื่อพิสูจน์ความซื่อสัตย์สุจริตของคุณหญิงต่อสังคม เพื่อสังคมจะได้ปราศข้อสงสัยทั้งปวง และยอมรับนับถือในความเหมาะสม กับตำแหน่งหน้าที่ของคุณหญิง ซึ่งควรจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม

ด้วยความจริงใจ

กลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอรัปชั่น"
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #1 เมื่อ: 11-06-2008, 14:29 »

"ถึง คณหญิงจารุวรรณ.... ยังกล้าพูดอีกหรือว่าเป็นกลาง ?? โดย คุณธรรมทาน



ถ้าผมมีตำแหน่งเหมือนคุณหญิง...

1.ผมจะไม่ออกมาต้อนรับม็อบ เพราะมันแสดงถึงความไม่เป็นกลาง เท่ากับคุณหญิงได้เลือกที่จะตัดสินคดีตามที่ม็อบร้องขอ ในฐานะที่เป็น จนท.ที่ได้รับคัดเลือก คุณหญิงควรจะเป็นกลาง ถึงแม้ว่าคดีจะมีมูลหรือไม่ก็ตาม เพราะคตส.คือผู้รวบรวม ไม่ใช่ผู้ตัดสิน

2.ผมจะไม่รับเงินที่คุณหญิงอ้างว่า ฝากมาให้พันธมิตร เพราะคุณหญิงถือว่า ได้รับสินบนก็ได้ ทั้งรู้ว่าพันธมิตรนั้นอยู่ฝ่ายตรงข้าม กับจำเลยที่คุณหญิงตั้งข้อกล่าวหาอยู่

สมมุติฐานที่ 2 นั้น ถ้าเกิดคุณหญิงได้เงินมา 2 แสนละ ซึ่งคนนั้นบอกให้พันธมิตร 1 แสน และให้ คตส.อีกแสน เพื่อจัดการคดีให้เรียบร้อย ก็อาจมีคนตั้งข้อสงสัยได้..จริงปะ และจะรู้ได้ไงว่า คุณหญิงอาจได้มากกว่าแสน ... แต่ที่ไม่สงสัยเลย ก็พิสูจน์ให้รู้ และ ยืนยันได้ว่า คตส.เป็นพวกเดียวกับพันธมิตร และหากคดีที่ตัดสินมาไม่เป็นไปตามพันธมิตรตั้งธงไว้ ก็คงออกมาป่วนกันอีกใช่ไหม .... มีหรือไม่ครับว่า ผู้กล่าวหา กับ ผู้รวบรวมหลักฐาน เป็นพวกเดียวกัน อย่างนี้ไม่เรียกว่า แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือครับ ....

คตส.หมดวาระแล้ว แต่กระบวนการยุติธรรมนั้น ยังไม่หยุด และถ้ากระบวนการยุติธรรมนั้นไม่ใช่พวกเดียวกับพันธมิตร การตัดสินให้ผลไม่ได้ดังที่คาดไว้ พึงหวังว่า คุณหญิงคงไม่ป่าวประกาศว่า ประเทศไทยมีความยุติธรรมที่ คตส.ที่เดียวนะ...

และยังเชื่ออีกว่า หลังจากวันที่ 30 มิย. กลุ่มคตส.ขึ้นเวทีพันธมิตรแน่ หากยังมีเวทีนี้อยู่ เพราะหัวโขนที่ใส่ เริ่มเห็นหัวจริงแล้ว ......

คุณหญิงพึงสำนึกว่า ให้มารวบรวมหลักฐาน ไม่ใช่ ตัดสิน..

และถ้าเลือกข้างเห็นชัดขนาดนี้ ยังกล้าพูดอีกหรือว่าเป็นกลาง..."
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #2 เมื่อ: 11-06-2008, 14:31 »

"ต้องเดินสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างเท่าเทียม "หากไม่ผิดจะกลัวอะไร"


โดย คุณ ลอย ลมบน
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
10 มิถุนายน 2551

เห็นการออกมาโวยวายของ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตลอดจนพวกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และลิ่วล้อแล้ว ให้นึกสังเวชอยู่ในใจ

คนพวกนี้ออกมาโวยว่า อดีตอธิบดี ดีเอสไอ และกรรมการ คตส. กำลังถูกรัฐตำรวจคุกคาม

คนพวกนี้คงลืมไปเสียสนิทใจว่า ในช่วงเวลาปีกว่าๆ เกือบ 2 ปีที่ผ่านมานี้ เคยพูด และเคยทำอะไรกันเอาไว้บ้าง คนพวกนี้พูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณในเชิงกล่าวหามาตลอดช่วงเวลา 2 ปีว่า คนเหล่านี้เป็นคนชั่ว เป็นคนเลว ทุจริตคอร์รัปชัน โกงบ้านกินเมือง เรียกร้องให้คนเหล่านี้ ยอมรับในกระบวนการตรวจสอบ ทั้งที่ไม่ใช่กระบวนการตรวจสอบปรกติ แต่เป็นกระบวนการตรวจสอบที่ตั้งขึ้นมา โดยคณะปฏิวัติ และกรรมการในองค์กรตรวจสอบ เต็มไปด้วยฝ่ายตรงข้าม ที่ร่วมขบวนการกล่าวหา ด่าท่อ ป้ายสี อดีตนายกรัฐมนตรีและพวกพ้อง มาเป็นเวลานานก่อนหน้านั้น แต่คนพวกนี้ยังเรียกการตรวจสอบนี้ว่า เป็นกระบวนการยุติธรรม

คนกลุ่มเดียวกันนี้เอง ที่ออกมาโวยวาย ด่าทอ หลังจากที่ตำรวจออกหมายจับ นายสุนัย ในคดีหมิ่นประมาท และออกหมายเรียกกรรมการ คตส. ในคดีเดียวกัน โดยอ้างว่า กำลังถูกกลั่นแกล้ง ถูกตามเช็กบิล ทั้งกรรมการ คตส. ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรฯ ต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน พอสรุปได้ว่า มีการเมืองเข้าไปแทรกแซง สั่งการตำรวจให้ดำเนินคดีกับอดีตอธิบดี ดีเอสไอ และกรรมการ คตส. โดยประดิษฐ์ขึ้นมาเรียกว่า “รัฐตำรวจ”

คนเหล่านี้คงลืมไปว่า ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้ เคยพูด เคยเรียกร้อง อะไรเอาไว้บ้าง คนเหล่านี้ไม่ใช่หรือ ที่เรียกร้องให้อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกพ้อง ยอมรับกระบวนการตรวจสอบ ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม

คนเหล่านี้ไม่ใช่หรือ ที่เคยพูดว่า “หากไม่ผิดจะกลัวอะไร” แต่ทำไมเมื่อถึงเวลาที่คนเหล่านี้โดนตรวจสอบบ้าง จึงออกมาโวยวายว่าถูกกลั่นแกล้ง ทำไมคนเหล่านี้ไม่มีท่าทียอมรับกระบวนการตรวจสอบ ไม่มีท่าทียอมรับกระบวนการยุติธรรม

“รัฐตำรวจ” เป็นคำประดิษฐ์สวยหรู ที่คนเหล่านี้คิดขึ้นมาใช้ เพื่อโจมตีหวังผลทางการเมือง

ประเด็นที่อยากถามคือ “ตำรวจ” เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ กระบวนการยุติธรรม 3 ขั้น ของบ้านเรา ประกอบด้วย ตำรวจ มีหน้าที่รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ สอบสวน สืบสวน ทำสำนวน พิจารณาเบื้องต้นว่า คดีมีมูล สมควรสั่งฟ้องหรือไม่ หากสืบสาวราวเรื่องแล้ว คดีไม่มีมูลก็จบ แต่หากมีมูล ก็ต้องส่งเรื่องให้อัยการ ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นที่ 2 พิจารณาสำนวนว่า สมบูรณ์เพียงพอที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้หรือไม่ หากอัยการพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่น่าทำผิดจริง ก็สั่งไม่ฟ้อง เรื่องก็จบที่ชั้นอัยการ แต่หากเห็นว่ามีมูล ก็ส่งฟ้องต่อศาล ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นที่ 3 ในกระบวนการยุติธรรมขั้นที่ 3 ก็ยังมีถึง 3 ชั้น ให้ได้พิสูจน์ตัวเองคือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา

เราเรียกร้องกันมานานแล้วว่า อยากให้บ้านเราเป็น “นิติรัฐ” ปกครองโดยกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ในกลุ่มชนทุกชั้นของสังคม เมื่อเราต้องการให้บ้านเมืองนี้เป็น “นิติรัฐ” ก็ต้องยอมรับในกระบวนการตรวจสอบ ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม เพราะสุดท้ายแล้ว ศาลท่านก็จะเป็นผู้ชี้ขาดเองว่า ผิดถูกอย่างไร

นี่ขนาดถูกตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมปรกติ ยังโวยวายกันซะขนาดนี้ ถ้าถูกตรวจสอบโดยกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ปรกติ เหมือนอย่างที่อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกพ้องโดน จะฟาดงวงฟาดงากันขนาดไหน

ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเท่าเทียม บ้านเมืองนี้จึงจะไปรอด มัดมือชกเขาข้างเดียวมาเป็นปีๆ พอเขาสวนเข้าบ้าง แค่หมัดสองหมัด ก็แต๋วแตก กรีดร้อง อย่างนี้ไม่ใช่คนดีจริงอย่างที่โม้"
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 11-06-2008, 14:38 »

ผิดก็แนะนำให้ดำเนินไปตามกระบวนการของกฎหมายครับ

คุณจ๊ะควรนำข้อมูลนี้ส่งให้ทางฝั่งพปช.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แต่ผมเชื่อได้เลยว่า บทความไร้ที่มานี้มันก็แค่เรื่องกุขึ้นมาซะมาก สืบไปก็หน้าแตกเปล่าๆ

เผลอๆอาจโดนฟ้องกลับ ซวยหนักเข้าไปอีก
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #4 เมื่อ: 11-06-2008, 14:48 »

ผิดก็แนะนำให้ดำเนินไปตามกระบวนการของกฎหมายครับ

คุณจ๊ะควรนำข้อมูลนี้ส่งให้ทางฝั่งพปช.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แต่ผมเชื่อได้เลยว่า บทความไร้ที่มานี้มันก็แค่เรื่องกุขึ้นมาซะมาก สืบไปก็หน้าแตกเปล่าๆ

เผลอๆอาจโดนฟ้องกลับ ซวยหนักเข้าไปอีก


ก็เพราะเหตุผลดังกล่าวไง...ถึงทำให้กลุ่มคนบางคนไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้แก้ไจ ม. 309 เพราะถ้าแก้ไขเมื่อไหร่...พวกดังกล่าวติดคุกกันหัวโตไปแล้ว คริ คริ
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 11-06-2008, 14:55 »

ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการแก้มาตรา309ตรงไหนเลย

ใครผิดก็แจ้งความดำเนินคดี เรียกตัวมาทราบข้อกล่าวหา สืบพยาน ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องศาล เป็นไปตามขั้นตอน

ถ้าติดคุกก็หลุดจากตำแหน่งโดยปริยาย

แล้วมาตรา309มันเกี่ยวตรงไหนครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


phutorn connection
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 263



« ตอบ #6 เมื่อ: 11-06-2008, 15:04 »


ก็เพราะเหตุผลดังกล่าวไง...ถึงทำให้กลุ่มคนบางคนไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้แก้ไจ ม. 309 เพราะถ้าแก้ไขเมื่อไหร่...พวกดังกล่าวติดคุกกันหัวโตไปแล้ว คริ คริ

ช่วยแนะนำอีกนิดนึงได้มั้ยคะ ว่าแก้ ม.309 แล้วจะฟ้องปปช.เรื่องคุณหญิงไม่ได้ยังไง ก็ในเมื่อกล่าวหาเรื่องส่วนตัวนี่คะ ไม่ได้ฟ้องเรื่องการทำงานตามหน้าที่คตส. ตามที่เข้าใจมาตรานี้เค้าคุ้มครองการทำหน้าที่ตามที่ คมช. กำหนดไว้ไม่ใช่เหรอคะ

อยากแก้รัฐธรรมนูญมากก็แก้ได้นะคะ แต่ต้องยกข้อดีข้อเสียที่ประชาชนจะได้รับด้วย อย่าเอาเรื่องนักการเมืองเสียผลประโยชน์มาอ้าง นานๆจะมีกฏหมายที่ออกมาเพื่อใส่ปลอกคอนักการเมืองชั่วๆซะที คนพวกนี้ก็ปะปนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลซะด้วย แต่ฝ่ายไหนสะสมไว้มากกว่าก็ซวยมากกว่าน่ะค่ะ
บันทึกการเข้า

หลังจาก วาทะ"บกพร่องโดยสุจริต"ของอาชญากรหนีคดี ประชาชนได้ให้โอกาส แต่ไม่เคยได้ให้อภัยคนคนนี้

หลายคนบอกว่าสิ่งที่ทักษิณทำก็เหมือนนักธุรกิจคนอื่นๆนั่นแหละ ไม่ว่าหนีภาษี ซุกหุ้น ซื้อนักการเมืองเป็นพวก แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นลืมมองคือ ทักษิณมีอำนาจ นอกเหนือจากเงินทองในขณะที่นักธุรกิจคนอื่นไม่มี อำนาจที่สามารถชี้เป็นชี้ตายข้าราชการ อำนาจในการใช้กฏหมาย อำนาจในการตรากฏหมาย แต่สิ่งที่ทักษิณมีเหมือนนักธุรกิจคนอื่น คือ ความโลภ เมื่อความโลภรวมกับอำนาจ และสิ่งที่ทำร้ายทักษิณในปัจจุบันคือ ความโลภนี่เอง
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #7 เมื่อ: 11-06-2008, 15:10 »

ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการแก้มาตรา309ตรงไหนเลย

ใครผิดก็แจ้งความดำเนินคดี เรียกตัวมาทราบข้อกล่าวหา สืบพยาน ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องศาล เป็นไปตามขั้นตอน

ถ้าติดคุกก็หลุดจากตำแหน่งโดยปริยาย

แล้วมาตรา309มันเกี่ยวตรงไหนครับ


"มีข้อสังเกตว่า รัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่ตราขึ้นหลังจากที่มีการทำรัฐประหาร ในบทเฉพาะกาลมักจะบัญญัติรับรองให้บรรดาคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหารยังคงมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป [3] เเต่มิได้ไปไกลถึงขนาดนิรโทษกรรมหรือห้ามมิให้ฟ้องร้องกับผู้ปฎิบัติตามคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหาร เเม้ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่กฎหมายมีผลใช้บังคับเเล้วก็ตาม เเต่คราวนี้ เนื้อความของมาตรา 309 คล้ายคลึงกับมาตรา 222 ของรัฐธรรมนูญปี 2534 ซึ่งออกในสมัยรสช.มาก เเม้ว่าถ้อยคำจะเเตกต่างกัน

 

กล่าวคือ มาตรา 222 ได้รับรองให้บรรดา “คำสั่ง” เเละ “ประกาศ” ของรสช. ซึ่งออกใช้บังคับก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ยังมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้ต่อไป เเละการยกเลิกหรือเปลี่ยนเเปลงประกาศหรือคำสั่งของรสช. ดังกล่าว ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อการปฎิบัติหน้าที่ของบุคคลซึ่งได้กระทำไปตามคำสั่งหรือประกาศดังกล่าว เเละให้บุคคลนั้นได้รับความคุ้มครอง ผู้ใดจะนำไปฟ้องร้องในทางใดมิได้

 

ในขณะที่มาตรา 309 [4] (ซึ่งโยงกับมาตรา 36 และ 37) รับรองว่า ประกาศ คำสั่ง รวมถึงการกระทำที่ปฎิบัติตามคำสั่งและประกาศ ย่อมชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะกระทำ “ก่อน” หรือ “หลัง” ใช้รัฐธรรมนูญปี 2549 และ 2550 (ถ้าประชามติผ่าน) ซึ่งย่อมส่งผลให้องค์กรเฉพาะกิจอย่าง คตส. หรือ คมช. ที่ได้กระทำการใดๆ โดยอาศัยประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐประหารนั้นเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายเเละรัฐธรรมนูญต่อไป เเม้ว่าการกระทำนั้นจะกระทำขึ้นหลังจากที่รัฐธรรมนูญ 2550 มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญเเล้วก็ตาม

 

ซึ่งการยอมรับให้มีการตรากฎหมายลักษณะเช่นนี้ดำรงอยู่ต่อไป จะมีผลเป็นการบั่นทอนหลักนิติรัฐ ทำให้คตส. เเละคมช. อาจปฎิบัติหน้าที่โดยละเลยต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นๆ ก็ได้ เพียงอ้างว่าตนได้ปฎิบัติตามประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐประหาร เเละได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 309 เเล้ว อันเป็นการจำกัดสิทธิในกระบวนยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหา

 

อีกทั้งยังเกิดปัญหาตามมาว่า หากร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านประชามติ ประกาศใช้เป็นกฎหมายเเล้ว ก็ไม่มีการควบคุมตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบรรดาคำสั่ง ประกาศ เเละการกระทำที่ปฎิบัติตามคำสั่งหรือประกาศนั้นไม่ได้ด้วย เนื่องจากมาตรา 309 ได้รับรองเรียบร้อยเเล้วว่า “การนั้น” เเละ “การกระทำ” นั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

 

การเขียนเช่นนี้เท่ากับหนีการตรวจสอบจากศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการละเมิดหลักนิติรัฐที่ยอมรับให้มีกลไกการทบทวนตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ เเละมีผลทำให้หลัก “ความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ” เป็นหมันไป


หากยอมรับการตรารัฐธรรมนูญชนิดบิดเบือนหลักกฎหมายนิรโทษอย่างมาตรา 309 เเล้ว ก็เท่ากับยอมให้บั่นทอนหลักนิติรัฐอีกครั้ง เเละเเทนที่จะสร้างความสมานฉันท์เเก่คนในชาติอันเป็นวัตถุประสงค์ของกฎหมายนิรโทษกรรม เเต่กลับถูกดัดเเปลงบิดเบือนเป็นวิธีการป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากการดำเนินคดีเเละควบคุมตรวจสอบตามกฎหมาย ซึ่งก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า สิ่งที่คณะรัฐประหารเเละบรรดาองค์กรที่เป็นผลผลิตของรัฐประหารได้กระทำหลังจาก 19 กันยายนนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเละไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หลังจากการทำรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาก็มีการบั่นทอนหลักนิติรัฐครั้งเเล้วครั้งเล่า ในคดียุบพรรคมีการยอมรับว่า การตรากฎหมายย้อนหลังลิดรอนสิทธิของพลเมืองได้ ตราบเท่าที่ไม่เข้าข่ายโทษอาญา 5 สถานเป็นอันใช้ได้ เเต่คราวนี้ เปิดช่องให้มีการนิรโทษกรรมล่วงหน้าได้

 

“กฎหมายนิรโทษ” จึงมิได้เป็นอะไรมากไปกว่า “เครื่องมือ” รับใช้ของเผด็จการที่หาทางหนีที่ไล่มิให้ใครมาเอาผิดตามกฎหมายได้  หลักนิติรัฐจะกลับมาดำรงอยู่อีกครั้งในสังคมไทยหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบในวันที่ 19 สิงหาคมนี้"
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 11-06-2008, 15:19 »

กระทู้ไร้สาระว่ะ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ชามู
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 536


ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ใจดี


« ตอบ #9 เมื่อ: 11-06-2008, 15:43 »

จับแพะชนแกะได้ไงเนี่ย

จานไรจ๊ะไม่น่าจะสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดไปเอาบทความที่ไหนมาใส่สีนะตัว

ยิ่งวันยิ่งง่อยน้า ตะเอง

แต่ว่าไปแล้ว ลิ่วล้อนี่ก็ทำตัวเป็นลิงแก้แหให้นายอยู่ตลอดแล้วนี่

แก้ไปแก้มา ระวังจะเหมือนใครน้อ ที่บอกว่า มีเงินมา 100 โกงอีก 30 จะมายึดทั้ง 130 ไม่ได้ (ตัวเลขไม่แน่ใจนะ แต่ใจความประมาณนี้แหละ)

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 
บันทึกการเข้า

สมาชิกหมายเลข #348

ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ใจดี
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #10 เมื่อ: 11-06-2008, 15:46 »

จับแพะชนแกะได้ไงเนี่ย

จานไรจ๊ะไม่น่าจะสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดไปเอาบทความที่ไหนมาใส่สีนะตัว

ยิ่งวันยิ่งง่อยน้า ตะเอง

แต่ว่าไปแล้ว ลิ่วล้อนี่ก็ทำตัวเป็นลิงแก้แหให้นายอยู่ตลอดแล้วนี่

แก้ไปแก้มา ระวังจะเหมือนใครน้อ ที่บอกว่า มีเงินมา 100 โกงอีก 30 จะมายึดทั้ง 130 ไม่ได้ (ตัวเลขไม่แน่ใจนะ แต่ใจความประมาณนี้แหละ)

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 


ที่ไหนมืดมิดด้อยปัญญา...ที่นั่นจะมีTLEเสมอที่จะชี้ทางสว่าง อ่ะ..หลักฐานและรูปประกอบแสงสีเสียง(ยกเว้นฉาก)พร้อมสรรพ http://prachachonthai.com/www/index.php?option=com_content&task=view&id=135&Itemid=1  
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #11 เมื่อ: 11-06-2008, 16:03 »

หลั่น ลัน ล๊า ลี๊ ลี ลา ก๊าบๆๆๆๆๆๆๆๆ



" กรณีใส่ชื่อลูกชาย ลูกสาว เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แล้วจูงมือกันเดินขึ้นเครื่องบิน ติดสอยห้อยตามไปเที่ยวไปทัวร์ต่างประเทศ ด้วยเงินหลวง แต่ต่อมาถูกจับได้ และถูกลากไส้ประจานให้ประชาชนได้เห็น จนต้องยอมรับสารภาพ และกราบขอโทษ พร้อมทั้งแก้ไขด้วยวิธีการคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่แผ่นดิน ยังไม่ทันได้ชำระความให้จบสิ้นหมดกลิ่นคอรัปชั่นตามกระบวนการทางกฎหมาย

           แม้จะยอมรับผิด และนำเงินในกระเป๋า มาคืนหลวง แล้วก็ ยังไม่อาจถือได้ว่าพ้นผิด เนื่องเพราะการกระทำผิดได้สำเร็จไปแล้ว นับแต่วินาทีที่ จารุวรรณ เมณฑกา ลงลายมือชื่อ รับรองว่าลูกชายและลูกสาว เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเท่ากับเป็นการแจ้งเท็จเบิกเงินหลวง เพื่อประโยชน์ส่วนตนและครอบครัว

           ตรงกันข้ามการนำเงินในกระเป๋า มาคืนให้หลวง นอกจากจะไม่ใช่การลบล้างความผิด ยังเป็นการตอกย้ำและรับรองการกระทำความผิดด้วยมือตนเองให้ชัดเจนมากขึ้นไปอีก

           หากไม่ผิด หากไม่ใช้เงินหลวงผิดประเภท ใช้เงินแผ่นดินผิดวัตถุประสงค์แล้ว จะต้องนำเงินตัวเองมาคืนหลวงทำไม

           หากลูกชายและลูกสาวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จริง ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องคืนเงินให้หลวง

           กรณีเบียดบังเงินหลวง ควงลูกชายลูกสาวทัวร์ต่างประเทศ ก็นับว่ารุนแรงและผิดจริยธรรม ผิดวิสัยของคนที่จะเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน อย่างสาหัสสากรรจ์แล้ว

           แต่ทว่ากรณีที่หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ นำมาเปิดเผยในวันนี้ ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าหลายร้อยเท่า และเป็นกรณีที่ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่สามารถปล่อยให้ จารุวรรณ เมณฑกา คนดีจอมปลอม เดินปะปนอยู่กับคนดีทั่วไป ได้อีกต่อไป แม้แต่เดินกับประชาชนคนธรรมดาสามัญชน บนบรรทัดฐานของปกติชน ก็ยังไม่มีสิทธิจะร่วมชั้น

           กรณีที่ว่า ก็คือ กรณีที่มีบริษัทรับจัดสัมมนาการตรวจสอบบัญชีรายหนึ่ง ชื่อว่าบริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่มี นางพิไล เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นประธานกรรมการ และ น.ส.ชนิดาภา สุขสะอาด เป็นผู้จัดการ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการว่าจ้างจาก จารุวรรณ เมณฑกา ในฐานะผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้มาจัดการอบรมสัมมนาเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน แบบผูกขาดเพียงรายเดียว อบรมไปแล้ว 9 รุ่น และยังทำสัญญาว่าจ้างต่อเนื่องกันไปจนปี 2551 ชนิดที่บริษัทอื่น เห็นแล้วอดอิจฉาตาร้อน น้ำลายหก ไม่ได้

           แต่ก็อย่างที่โบราณว่าไว้ แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้

           จากการสืบเสาะหาข่าวของ หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ทำให้เราได้รู้ว่าเหตุที่บริษัทออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้รับการว่าจ้างจาก จารุวรรณ เมณฑกา อย่างต่อเนื่องยาวนานแบบข้ามปี ก็เพราะว่า บริษัทฯ ได้ทำบุญไว้เยอะ และเป็นการทำบุญทางตรง ไม่ใช่ทำบุญผ่านวัดวาอาราม ผ่านพระสงฆ์องค์เจ้าที่ไหน แต่เป็นการทำบุญ กับ จารวรรณ เมณฑกา และ สามี แบบ ทำบุญทางตรง ผลบุญจึงตอบแทนรวดเร็วทันใจ

           ทำบุญทางตรงที่ผมกล่าวถึงนี้ ก็คือ บริษัทออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้จ่ายเงินให้แก่ จารุวรรณ เมณฑกา และสามี คือ ทรงเกียรติ เมณฑกา เป็นประจำทุกเดือน โดยทำเป็นว่าจ่ายค่าเช่าอาคารพาณิชย์ของสามีจารุวรรณ เมณฑกา เพื่อทำเป็นสำนักงานของบริษัท แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ไม่ได้เข้าไปอยู่ หรือเปิดสำนักงานที่อาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวเลย

           อาคารพาณิชย์ เลขที่ 29 ซอย 40/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งบริษัทแจ้งว่าเป็นสำนักงานของบริษัทฯ มีชื่อสามีจารุวรรณ เมณฑกา เป็นเจ้าของ และมีชื่อจารุวรรณ อยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย ตั้งอยู่ติดกับโรงพิมพ์กิตติวรรณ ซึ่งเป็นของ ทรงเกียรติ เมณฑกา สามีของจารุวรรณ เมณฑกา เปิดดำเนินการอยู่ ทั้งนี้จากการตรวจสอบของหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ พบว่าอาคารเลขที่ 29 เป็นอาคารร้าง ปิดเงียบ ไม่มีบริษัทมาเปิดดำเนินการ และไม่มีป้ายชื่อบริษัทติดไว้ว่าเป็นสำนักงานของบริษัทใดด้วย

           ดังนั้น จึงต้องพิจารณากันว่าเงินที่อ้างว่ามีการจ่ายกันเป็นค่าเช่า ระหว่างบริษัทออดิตฯ กับ จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ ทรงเกียรติ เมณฑกา สามีของจารุวรรณ เป็นค่าเช่าอาคาร ทำเป็นสำนักงานจริงหรือไม่ แต่จากหลักฐานเอกสารที่ปรากฎในขณะนี้ และจากตัวอาคารที่ไม่ได้เปิดเป็นสำนักงานจริง จึงไม่อาจจะถือว่าเป็นการจ่ายค่าเช่า หากแต่เป็นเพียงการทำนิติกรรมอำพราง เป็นการทำสัญญาเช่าอาคาร เพื่อใช้เป็นช่องทางการจ่ายเงินสิบบน หรือ เงินตอบแทนเพื่อแลกกับผลประโยชน์ ที่ได้จาก จารุวรรณ เมณฑกา ในฐานะผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มากกว่า

           ด้วยการทำบุญทางตรง ส่งถึงมือผู้รับโดยไม่ต้องผ่านมือใคร ไม่ถูกใครหักค่าหัวคิวแบบนี้นี่เอง จึงส่งผลให้บริษัทออดิตฯ ได้รับผลบุญทันตาเห็น ได้รับการว่าจ้างให้เป็นบริษัทจัดอบรมสัมมนาให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แบบผูกขาด โดยไม่ต้องเข้าแข่งขันประมูลราคา ประกวดแผนงาน กับบริษของใครหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะได้รับความไว้วางใจจจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มากเป็นพิเศษ เชื่อถือฝีมือกัน โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ไม่ต้องคิดถึงใครอีกแล้ว

           ประชาทรรศน์ ระบุด้วยว่า สัญญาเช่าอาคารดังกล่าว กำหนดระยะเวลาการเช่าไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 คิดค่าตอบแทนการเช่าในอัตราปีละ 52,500 บาท โดยผู้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรม เนียม ค่าภาษี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมด โดยไม่มีการวางมัดจำ การจ่ายเงินล่วงหน้า หรือการวางเงินค้ำประกันแต่อย่างใด ประเด็นสัญญาเช่าอาคารนี้ ได้ถูกตั้งข้อสงสัยถึงความเกี่ยวพันและผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่าง จารุวรรณ เมณฑกา กับ บริษัท ออดิตฯ และ การที่บริษัทดังกล่าวเช่าอาคารพาณิชย์ของสามีจารุวรรณ โดยที่ตัวจารุวรรณ ก็มีชื่ออยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย

           บังเอิญอย่างเหลือเชื่อ ประดาบ ก็เป็นคนฝั่งธน วิ่งเล่นอยู่แถวบางยี่ขัน มาตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน ทุกวันนี้ก็ยังไปเยี่ยมเยือนถิ่นเก่าอยู่เนืองๆ จึงพอรู้อยู่บ้างว่าอาคารพาณิชย์ หรือ ที่เรียกภาษาชาวบ้านว่าตึกแถวละแวกนั้น เช่ากันเดือนละไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 บาท แล้วแต่ทำเลอยู่หน้าถนน หรืออยู่ในซอย เพราะฉนั้นแล้ว ราคาค่าเช่าที่ตั้งกันไว้ปีละ 52,500 บาท นับว่าเป็นอัตราค่าเช่าที่ต่ำกว่าปกติ ต่ำพิสดารมากเกินไป ราคาต่ำแบบนี้ มีแต่เจ้าของเช่าอาคารตัวเองเท่านั้น เพื่อตัดค่าใช้จ่ายของบริษัท เพื่อประโยชน์ในการหลบหนีภาษีเท่านั้นล่ะ ที่จะพอหาได้

           วิเคราะห์จากพฤติกรรมชองบริษัทออดิตฯ ที่เช่าตึกของทรงเกียรติ เมณฑกา ในราคาถูกแสนถูก ราคาต่ำติดดิน และ จารุวรรณ เมณฑกา ก็อนุมัติว่าจ้างบริษัทออดิตฯ มารับจ้างจัดการอบรมสัมมนาให้แก่เจ้าหน้าที่สตง.อย่างต่อเนื่องข้ามปี โดยไม่มีการประมูล หรือ ประกวดราคาแข่งขันกับใครทั้งนั้น ต้อง สันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือ

           1. จารุวรรณ เมณฑกา คือ เจ้าของตัวจริงของบริษัทออดิตฯ จึงให้เช่าตึกราคาถูก และ จ้างบริษัทนี้เป็นประจำ ทำกันต่อเนื่องแบบข้ามปีแบบนี้

           2. จารุวรรณ เมณฑกา คือ ผู้รับผลประโยชน์จากบริษัทออดิตฯ ซึ่งเป็นผู้เช่าอาคารพาณิชย์ ของทรงเกียรติ เมณฑกา สามีตัวเอง ทั้งในรูปของการเช่าอาคาร แต่ไม่เข้าอยู่ เป็นนิติกรรมอำพราง และ ผลประโยชน์ในรูปอื่น จึงอนุมัติให้จ้างบริษัทนี้ เป็นประจำ

           ไม่ว่ารูปการณ์จะออกทางใด ระหว่าง 1 กับ 2 ที่ประดาบ สันนิษฐานไว้ ก็ต้องกล่าวหากันตรงนี้เลยว่า จารุวรรณ เมณฑกา เป็นผู้ว่าการสตง. ที่มีผลประโยชนย์ทับซ้อนระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับ ประโยชน์บริษัทออดิตฯ และประโยชน์ของสตง. โดยผ่านงบประมาณของสต. เป็นสำคัญ และเอื้อประโยชน์ให้แก่ บริษัทออดิตฯ ได้เป็นผู้รับจ้างของสต. โดยไม่ชอบธรรม

           ประชาทรรศน์ ยังรายงานการตรวจสอบงบดุลของบริษัทออดิต ฯ พบว่าจากปี 2548 ถึงปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.4 ล้านบาท เป็น 10.9 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นรายได้จากการสัมมนาล้วนๆ จากที่เคยมีรายได้ 1,194,893.45 บาท ในปี 2548 ได้เพิ่มเป็น 5,600,560.76 ในปี 2549 คิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ จารุวรรณ เมณฑกา ได้กลับเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อ 31 มกราคม 2549

           ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ยังได้ประมาณการรายรับที่จะได้รับจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในปี 2550 ไว้อีกประมาณ 2.8 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงรายได้ที่ยังคงผูกพันต่อไปถึงปี 2551 อีกด้วย

           ประดาบ อ่านสกู๊ปข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนของประชาทรรศน์ ที่เปิดโปงพฤติกรรมของจารุวรรณ เมณฑกา ในเรื่องนี้แล้ว ต้องปรบมือชมเชยหนังสือพิมพ์น้องใหม่ ใจถึง พึ่งได้ รายนี้ จากหัวใจจริงๆ และขอแสดงความเคารพในความเป็นมืออาชีพของคนทำข่าวกลุ่มนี้

           สกู๊ปข่าวชิ้นนี้ เป็นการกระชากหน้ากาก จารุวรรณ เมณฑกา คนดีจอมปลอม ที่มักจะอวดอ้างว่าเป็นผู้มีคุณธรรม เป็นผู้กระทำแต่ความดี เป็นคนดีที่ถูกรังแก กลั่นแกล้ง ให้สังคม ประชาชนหลงเชื่อ และเข้าใจผิด ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงว่า ทุกสิ่ง ทุกคำพูด ทุกข้อกล่าวหา ที่จารุวรรณ กล่าวหา ใส่ไคล้ ให้ร้ายผู้อื่นนั้น ล้วนแต่เบาบางจนแทบมองไม่เห็นความผิด เมื่อเปรียบเทียบกับพฤติกรรมเชิงประจักษ์ที่ปรากฎต่อหน้าต่อตา ในเรื่องนี้

           ลองคิดทบทวนดูกันอีกทีว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

           บริษัทออดิตฯ เช่าอาคารของ ทรงเกียรติ เทมณฑกา สามีของ จารุวรรณ เป็นสำนักงานบริษัท แต่ปล่อยให้เป็นอาคารร้าง ไม่เคยเข้ามาอยู่ ไม่ติดป้ายบริษัท โทรศัพท์เข้าไป ก็ไม่มีใครรับ

           บริษัทออดิตฯ ได้รับการว่าจ้างจากจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสตง. เป็นผู้จัดการอบรมสัมมนาให้แก่เจ้าหน้าที่สตง. ด้วยวิธีพิเศษ โดยไม่ต้องประกวดราคา ตั้งแต่ปี 2549 – 2551 มีรายได้ เพิ่มขึ้นเกือบ 100 % นับตั้งแต่ จารุวรรณ รีเทิร์นสู่สตง. รอบที่สอง

           คำถามมีอยู่ว่า บริษัทออดิตฯ กับ จารุวรรณ เมณฑกา มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

           คำถามมีอยู่ว่า จารุวรรณ เมณฑกา กับ บริษัทออดิตฯ รู้จักกันมาก่อนที่จะมาเป็นผู้ว่าจ้าง และ ผู้รับจ้างหรือไม่

           คำถามมีอยู่ว่า ในขณะที่ตนมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ผ่านนิติกรรมอำพรางการเช่าอาคาร เช่นนี้ เหตุใด จารุวรรณ เมณฑกา จึงยังกล้ากล่าวหาผู้อื่น และยกย่องชมเชยตัวเอง เป็นคนดีมีคุณธรรม ยกตนข่มผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา

           คำถามที่อยู่ว่า เจ้าหน้าที่สตง. ยอมให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นในหน่วยงานตรวจเงินแผ่นดินของประเทศได้อย่างไร ในขณะที่หน่วยงานแห่งนี้กำลังตรวจสอบหน่วยงานอื่น อยู่

           คำถามมีอยู่ว่า ประชาชนจะยอมให้ จารุวรรณ เมณฑกา หลอกลวง สวมหน้ากากคนดีจอมปลอมต้มตุ๋นคนทั้งประเทศ ไปอีกนานเท่าไร

           คำถามมีอยู่ว่า คนที่มีพฤติกรรม อย่าง จารุวรรณ เมณฑกา แบบนี้น่ะหรือที่จะเป็นมือปราบคอรัปชั่นของประเทศไทย

           คำถามมีอยู่ว่า สื่อมวลชนทั้งหลาย ประชาชนทั้งประเทศ จะช่วยกันกระชากหน้ากากคนดีจอมปลอม คนนี้หรือไม่

           ผมไม่ได้ดูถูกใคร ไม่ได้ปรามาสสื่อรายใด แต่ผมเชื่อว่า จะไม่มีใครกล้าพอที่จะนำเสนอสกู๊ปข่าวชิ้นนี้ จะไม่มีใครกล้าพอที่จะกระชากหน้ากากจารุวรรณ เมณฑกา

           ผมจึงไม่หวังว่าสังคมไทยจะดีขึ้นในเร็ววัน เพราะสื่อมวลชนยังอยู่กับความฝัน มากกว่าความจริง

           เราอาจจะต้องรอให้มีสื่ออย่างประชาทรรศน์ อีกสักหลายเล่ม หรือ รอให้สื่ออย่างประชาทรรศน์ เติบโต มีกำลังกล้าแข็ง พอที่จะกำราบคนดีจอมปลอม ได้ เพื่อที่สังคมไทยจะดีขึ้นตามที่เราต้องการ

           ขอชื่นชมด้วยหัวใจของประดาบอีกสักครั้งครา คงไม่ว่ากันนะครับ สำหรับ ประชาทรรศน์"
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #12 เมื่อ: 11-06-2008, 16:10 »

จัดไป ไหล(ข้อมูล)ไปเรื่อยๆตามประสาคนกำลังสุขสุดขีด คริ คริ







"สุรยุทธ์ตบหน้าคตส.ตั้งผู้ต้องหาคดีกล้ายางเป็นปลัดกระทรวง

           การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา วาระแต่งตั้งข้าราชการระดับ สูงของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีความเห็นชอบกับการแต่งตั้งให้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ คนใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป นั้น หากมองดูกันแบบผิวเผิน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด และไม่มีใครออกมาร้องโวยวาย คัดค้านว่านายศิริพล ไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งใหม่ที่จะได้รับแม้แต่คนเดียว รวมไปถึงคตส. ที่ตั้งข้อกล่าวหากับนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมอันเป็นการทุจริตต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สมคบกับผู้อื่นทำให้รัฐเสียหายมากกว่า 1,440 ล้านบาท ในคดีการจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น หรือ โครงการปลูกยาง 1 ล้านไร่ ในสมัยรัฐบาลนายกฯทักษิณ ชินวัตร

           นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ เข้าไปเกี่ยวข้องกับพัวพันกับคดีจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น และตกเป็นผู้ต้องหาของคตส. ในฐานะที่เป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโย บายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก. ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน ในขณะนั้น ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มีบทบาทสำคัญในการพิจารณาอนุมัติให้มีการใช้เงินจำนวน 1,140 ล้านบาท ไปจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น

           หนังสือแจ้งข้อกล่าวหาของ คตส. ที่ลงนามโดย นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. ระบุว่าการพิจารณาอนุมัติให้ใช้เงินคชก. 1,440 ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปจัดซื้อต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้น เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้รัฐต้องเสียหายในโครงการนี้ เพราะคชก.พิจารณาอนุมัติให้ใช้เงิน โดยขัดต่อกฎหมาย หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ กระทำการนอกเหนือจากอำนาจที่มีอยู่ เป็นต้นเหตุที่ทำให้รัฐได้รับความเสียหายถึง 1,440 ล้านบาท ในเวลาต่อมา

           ข้อกล่าวหาของคตส. ที่มีต่อ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ และ กรรมการคชก. ทั้งหมด ที่ ร่วมกันพิจารณาอนุมัติให้ใช้เงิน 1,440 ล้านบาท ในวันนั้น แปลความหมายได้ว่าหาก นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คชก. และ กรรมการคชก. ท่านอื่นๆ ไม่ร่วมกันมีมติอนุมัติให้ใช้เงิน 1,440 ล้านบาทไปจัดซื้อต้นกล้ายาง 90 ล้านต้น รัฐก็จะไม่ได้รับความเสียหาย แต่ที่รัฐได้รับความเสียหาย ก็เพราะคชก. เป็นผู้อนุมัติเงินนั่นเอง

           นายศิริพล ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกมติคชก.ที่ขัดต่อกฎ หมาย ตามข้อกล่าวหาของคตส. เพราะเป็นทั้งเลขานุการผู้นำเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคชก. และเป็นผู้กรรมการ ผู้ร่วมพิจารณาอนุมัติ

           หาก นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ไม่ผิดตามข้อกล่าวหาของคตส. ก็แสดงว่า คตส.ผิด ที่ไปกล่าวหานายศิริพล ว่ามีพฤติกรรมทุจริตทำให้รัฐเสียหาย

           ทั้งๆ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญของคตส. และ การสอบสวนก็กำลังดำเนินการอยู่ในช่วงปลาย เพื่อที่จะสรุปสำนวนส่งให้อัยการสั่งฟ้องผู้ที่ร่วมกันทำความเสียหายให้แก่รัฐ ในโครงการจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น ภายในเดือนกันยายน นี้ แต่ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล ที่มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงสุดของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์นับแสนล้านบาท จากการส่งออกสินค้า ที่มีโควตาพิเศษต่างๆ เป็นจำนวนมาก

           การแต่งตั้งนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ผู้ต้องหาคนสำคัญของคตส. เป็น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาล ไม่ได้นำข้อกล่าวหาของคตส. ที่มีต่อนายศิริพล มาเป็นปัจจัยหรือเงื่อนไขในการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการ ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลที่มีพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ยังมีมุมมองต่อนายศิริพล แตกต่างจากที่คตส. ซึ่งมีนายนาม ยิ้มแย้ม มองชนิด ขาวกับดำ เพราะไม่เพียงแต่จะโยกย้ายนายศิริพล ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน และ กรรมการและเลขานุการคชก. กลับแต่งตั้งให้นายศิริพล ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น สำคัญมากขึ้นกว่าเดิมอีก

           การแต่งตั้งนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ในครั้งนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการตบหน้าคตส. อย่างรุนแรง และแสดงให้เห็นว่าการทำงาน การสอบสวน การกล่าวหาว่าใครมีพฤติกรรมทุจริต ประพฤติชั่วทำให้รัฐเสียหาย ของคตส. ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล แม้แต่น้อย

           แต่ที่น่าแปลกประหลาดมากกว่านั้นก็คือ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส. และประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีกล้ายาง ที่กำลังสอบสวนนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งกล่าวหาว่าโครงการนี้มีการทุจริตมาโดยตลอด ตลอดจนกรรมการคตส.ทุกคน กลับไม่ทักท้วง ไม่คัดค้านการแต่งตั้งนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ผู้ต้องหาของคตส. เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ แม้แต่คนเดียวและคำเดียว ทั้งๆ ที่ขณะนี้ก็ได้เห็นและรับทราบมติคณะรัฐมนตรีที่แต่งตั้งนายศิริพล เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ แล้วถึง 3 วัน

           กรณีของนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ จะเป็นบรรทัดฐาน และเป็นกรณีอ้างอิงเปรียบ เทียบให้แก่ข้าราชการทุกคนที่ตกเป็นผู้ต้องหาของคตส. นำไปเป็นเกราะคุ้มครองตัวเองไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งรังแกได้อีกต่อไป และจะไม่ต้องถูกโยกย้าย หรือไม่ถูกชะลอการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่าตกเป็นผู้ต้องหาของคตส. เพราะคณะรัฐมนตรีได้แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้ต้องหาของคตส. สามารถเป็นปลัดกระทรวง ได้ และ ข้อกล่าวหาของคตส. ไม่เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในการทำงานของข้าราชการทุกคน

           เพียงแค่นี้ก็เห็นแล้วว่า คตส. เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือหรือไม่ ในสายตาของรัฐบาล

           เมื่อรัฐบาล ไม่เชื่อถือคตส. และยังให้ความไว้วางใจแต่งตั้งผู้ต้องหาของคตส. ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมทุจริต ปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย ทำให้รัฐเสียหาย เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ โดยที่คตส. นั่งนิ่งเงียบ ทำตัวราวกับ บอด-บี้-ใบ้ ไม่รู้ไม่เห็นการแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในครั้งนี้ คตส. ก็สมควรกลับไปส่องกระจกทบทวนตนเอง ว่ายังมีศักดิ์ศรี ยังมีเครดิต ยังมีความน่าเชื่อถือ มากพอที่จะไปชี้มูล กล่าวหาคนนั้นผิด คนนี้ชั่ว คนโน้นทำให้รัฐเสียหายอีกหรือไม่

           ต้องไม่ลืมว่าทุกวันนี้ กรรมการคตส. กินเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน คนละไม่น้อยกว่า 1 แสนบาท ต่อเดือน นับจากวันแรกจนถึงวันนี้ กรรมการคตส.แต่ละคน กินเงินภาษีประชาชนไปแล้วไม่น้อยกว่าคนละ 1 ล้านบาท และเมื่อมองภาพรวมของคตส. ก็ใช้เงินในการทำงานไปแล้วไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท

           เมื่อทำงานแล้ว ไม่มีใครเชื่อถือ แม้แต่รัฐบาล ที่เป็นพวกเดียวกัน ก็ไม่เชื่อถือ แล้วจะให้ประชาชนเชื่อถือได้อย่างไร

           ถ้า คตส. ยังนั่งนิ่งเงียบ เป็น บอด-บี้-ใบ้ ยอมให้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ผู้ต้องหาของตัวเอง เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ โดยไม่ทักท้วง คัดค้าน ก็อย่าอยู่กินเงินเดือนฟรีๆ ให้ประชาชนต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเลย

           กลับไปเลี้ยงหมา กวาดขี้หมาที่บ้าน น่าจะมีประโยชน์มากกว่า ที่จะมานั่งแถลงข่าวกล่าวคนนั้น ปรักปรำคนนี้ เป็นตัวตลกให้ประชาชนหัวเราะเยาะอีกเลย"
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #13 เมื่อ: 11-06-2008, 16:18 »

TLE กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ส่งแรงใจสนับสนุนให้TLEได้ทำหน้าที่นำข้อเท็จจริงมาให้น้องๆผู้หลงผิดในเว๊บนี้อ่านเพื่อรักษาอาการ 'บรมโง่' ทั้งนี้และทั้งนั้น ขอจิตอันเป็นกุศลจงบันดาลให้ฝนตกทุกวันในตอนเย็นแถวสะพานมัฆวานด้วยเถิด  เพี๊ยงงงงงงงง 




"เดี๋ยน”ยืนยันบริสุทธิ์

 

              คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คณะกรรมการตรวจสอบที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เว็บไซต์ ไฮทักษิณ (www.hi-thaksin.net) เขียนข่าวโจมตีทั้งเรื่องส่วนตัว และการทำงานของ คตส.หลายคนว่า เว็บไซต์ดังกล่าวตนก็เคยอ่านบ้าง ก็เห็นมีการเขียนโจมตี คตส.หลายคน รวมทั้งตนด้วย ซึ่งคิดว่าเป็นการเขียนโจมตี คตส.และเป็นการดิสเครดิต คตส.เพื่อให้ คตส.มีภาพลักษณ์ไม่ดีในสายตาของสังคม แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ท้อใจในการทำงาน และจะทำงานต่อไปตามปกติ แม้เรื่องที่เว็บไซต์เขียนจะเป็นการโจมตี คตส.อย่างหนักก็ตาม           

             “ในเมื่อ คตส.อาสามาทำงานให้ชาติแล้วต้องมั่นใจในตัวของเรา ว่าทำอะไรอยู่ ถ้าเรามือสะอาด ใจสะอาด โปร่งใสก็ไม่น่าจะเกรงกลัวหรือต่อให้มีแรงเสียดทาน เท่าไหร่ก็ไม่หวั่นไหวกับการโจมตีใดๆ เพราะคนที่ขาวบริสุทธิ์ก็ย่อมบริสุทธิ์อยู่วันยังค่ำ ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร หรือว่าใครอยากจะเขียนด่าหรือโจมตีก็ให้เขาเขียนไปเลยเพราะไม่กลัวอยู่แล้ว”

             สิ่งที่คุณหญิงจารุวรรณ ระบุว่า คนที่ขาวบริสุทธิ์ก็ย่อมบริสุทธิ์อยู่วันยังค่ำ นั้นคุณหญิงจารุวรรณ ควรพึงสังวรณ์ในจริตสำนึก ด้วยว่าคุณหญิงจารุวรรณนั้นขาวบริสุทธิ์ จริงหรือไม่ เคยผลาญสมบัติของชาติหรือไม่   

             หากคุณหญิงจารุวรรณ ยังยืนยันว่า ตัวเองขาวบริสุทธิ์ งั้นลองมาทบทวน เกี่ยวกับเรื่องราวของคุณหญิงจารุวรรณกันอีกสักครั้ง
//////////////////

                                     คุณหญิงกำมะลอ…!

             เปิดโปงพฤติกรรมโกงเมือง ของหญิงเฒ่าร้อยเล่ย์ ตีสองหน้าว่าตนเป็นคนดี..!!

             ครั้งแรกที่นางจารุวรรณ เมณฑกา เข้ารับตำแหน่ง ถูกเลื่อนขึ้นมารับตำแหน่งเพียง “รักษาการผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” เพราะเนื่องจากกระบวนการคัดสรรล่าช้า โดยคณะกรรมการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ได้เลือกให้นางจารุวรรณ เมณฑกา เข้ารับตำแหน่งรักษาการไปพลางๆ ก่อน เพื่อรอกระบวนการสรรหาแล้วเสร็จ….

             หลังจากมีกระบวนการสรรหาแล้ว นายประธาน ดาบเพชร ได้รับเลือกเข้ามาเป็นผู้ว่าการ โดยนางจารุวรรณ ไม่ได้รับเลือกแต่อย่างใด แต่ด้วยอาศัยลูกล่อลูกชน บีบน้ำตาต่อหน้าสื่อ และอ้างพระบรมราชโองการ ต่งตั้งรักษาการฯ ฉบับเดิมอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มแรงกดดันจากคนไทยที่ไม่เข้าใจกระบวนการสรรหา จนทำให้คนเข้าใจผิดว่านี่คือการ”ขับไล่นางจารุวรรณออกจากตำแหน่ง”

             “…..ตอนที่เกิดปัญหา ดิฉันก็คิดว่า อะไรกันนี่ ทำไมพระเจ้าลงโทษเราอย่างนี้ ในความเชื่อของศาสนา เรา ในเมื่อเราไม่ได้คดโกง ทั้งๆ ที่เรามีโอกาสทำได้ แต่เราไม่ทำ ทำไมเพราะพระเจ้าลงโทษ….”

             จากความกดดันนั้นเอง ได้ผลเกิดคาด คณะกรรมการฯ ไม่กล้าส่งชื่อ”นายประธาน ดาบเพชร” ผู้ที่ได้รับการคัดสรรจากคณะกรรมการ คตง. ไปให้วุฒิสภารับรอง แต่กลับส่งชื่อของทั้งคู่ แนบไปพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่สมาชิกวุฒิสภาไม่มีสิทธิ์โหวตเลือกตำแหน่ง”ผู้ว่าการ สตง.” แต่อย่างใด!!!!!

              จารุวรรณ ออกมาให้สัมภาษณ์ ด้วยน้ำตานองหน้ารายวัน…..!!! จนเป็นเหตุให้ สว.ทนแรงกดดันไม่ไหว โหวตเลือก นางจารุวรรณ เป็นผู้ว่า สตง. ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

             ท้ายที่สุด จารุวรรณ ได้ครองตำแหน่งสมใจ ….ประชาชนนึกว่านี่คือการสรรหาที่ถูกต้อง…

             แต่หารู้ไม่ว่า ประธานกรรมการคัดเลือก ถือว่า”มีความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่การเลือกผู้ว่าสตง.”
 
             วันที่ 31 พฤษภาคม 2549 ศาลอาญาได้ตัดสินให้นายปัญญา ตันติยวรงค์ ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) จำคุก 3 ปี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกผู้ว่าสตง. นางจารุวรรณ เมณฑกา

             คนที่แต่งตั้งนางจารุวรรณ ติดคุก 3 ปี เพราะพ่ายแพ้ต้อกลเกมการไปสู่อำนาจของนางจารุวรรณ

             แต่……นางจารุวรรณ กลับไม่เคย เอ่ยถึงชื่อนายปัญญา คนที่แต่งตั้งตนเองมา และได้ตำแหน่งนี้มาอย่างสกปรก จนต้องรับเคราะห์ติดตาราง 3 ปีคนนี้เลย…..

             ภายหลังได้ตำแหน่ง นางจารุวรณ กลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ลุแก่อำนาจ ตั้งลูกชายชื่อ นายกิตติวัฒน์ เมณฑกา ที่เพิ่งเรียนจบสาขาวิศกรรมศาสตร์ และตกงาน เข้ารับตำแหน่งเลขาผู้ว่าการสตง. ของตนเองอย่างไม่อายฟ้าอายดิน… โดยนางจารุวรรณอ้างว่า “เดี้ยนต้องการคนที่ไว้ใจได้……”

              ไม่เพียงเท่านั้น นางจารุวรรณ ยังได้ผลาญเงินแผ่นดินด้วยการจัดทำหลักสูตร”ผู้บริหารสตง.ยุคใหม่”รุ่นที่ 1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 32 คน เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินสหพันธรัฐรัสเซีย, สาธารณรัฐเช็ก,ประเทศออสเตรเลีย และประเทศเยอรมันนี ในเดือนสิงหาคม 2549 โดยมีนางจารุวรรณ เป็นหัวหน้าคณะฯ

              ในการเดินทางไปดูงานครั้งนั้น มีการซื้อตั๋วในระดับชั้นธุรกิจ(Business Cass) จำนวน 6 ใบ และอื่นๆ 26 ใบ 

             ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า การเดินทางไปดูงานครั้งนั้น ปรากฏชื่อลูกชาย คือนายกิตติวัฒน์ เมณฑกา และลูกสาวคนเล็ก ชื่อนางสาวศุภางค์ เมณฑกา ซึ่งเรียนจบด้านบัญชี อยู่ในตำแหน่งด้านวิศวกร ร่วมขบวนการทัวร์ผลาญเงินชาติ เงินแผ่นดิน ซึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงของเงินภาษีประชาชนชาวไร่ชาวนาครั้งนี้ และปรากฏเป็นผู้ร่วมเดินทางในชั้นธุรกิจ แบบยกครอบครัว

             ซึ่งรวมเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินในการผลาญเงินชาติครั้งนี้ เป็นเงิน 1,944,540 บาท ยังไม่รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร และอื่นๆ อีกไม่รู้เป็นเงินเท่าไหร่อีกเท่าไหร่   

             ไหนหล่ะที่บอกว่า…..เป็นคนตรวจเงินแผ่นดิน….?

             คุณหญิงจะลองตรวจสอบความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเอง ก่อนจะตรวจสอบคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ.."
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #14 เมื่อ: 11-06-2008, 16:53 »

"ส่วนคดีฮั้วประมูลใน สตง. นายวันชัย จงจรูญหิรัญ กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอ ถึงความไม่ชอบมาพากลใน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จากการที่ บริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ผูกขาดการจับอบรมให้กับบุคลากรของ สตง. มูลค่านับสิบล้านบาท

และบริษัทดังกล่าวยังเช่าอาคารพาณิชย์ ของ นายทรงเกียรติ เมณฑกา สามีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ที่ส่อเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอประสานให้ สตง. ส่งข้อมูลมาให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบ แต่ สตง. ยังคงเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ได้รับการร้องขอจากพนักงานสอบสวน ล่าสุดพยานบุคคลในคดีนี้ระบุว่าถูกข่มขู่จนต้องหลบไปอาศัยในต่างจังหวัด เพราะเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย ดีเอสไอจึงเตรียมให้ความคุ้มครองพยานรายนี้ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา"
 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #15 เมื่อ: 11-06-2008, 17:01 »

"'เอาเงินจากไหนมาสร้าง' : ความโปร่งใสที่แอบแฝงด้วยความฉ้อฉล ผสมความซื่อสัตย์ที่เต็มไปด้วยการอำพราง


ที่มา เวบไซต์ ประชาชนไทย
11 มิถุนายน 2551

...

1. ในเรื่องที่ดิน ที่กำลังสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณหญิงนั้น เราไม่เคยติดใจ ในประเด็นเรื่องการได้มาซึ่งที่ดิน แปลงดังกล่าวของคุณหญิงเลย เราทราบดีว่า คุณหญิงได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาในปี พ.ศ.2505 แต่อย่างไรก็ตาม คุณหญิงได้ขอกู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นจำนวน 5 ล้านบาท โดยได้จดจำนองที่ดินแปลงนั้นเป็นหลักประกัน

แต่เป็นที่น่าสังเกต และน่าสงสัยว่า เหตุใดจึงเพิ่งจะมีการสร้างบ้าน และดูตามมูลค่าของคฤหาสน์หลังดังกล่าว ซึ่งประเมินโดยผู้เชื่ยวชาญว่า อย่างต่ำที่สุด เฉพาะค่าปลูกสร้าง มีมูลค่าไม่ตํ่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่ง คุณหญิงไม่ได้ตอบข้อสงสัยนี้ว่า คุณหญิงนำเงินจากไหนมาสร้าง ทั้งๆ ที่กู้เงินมาเพียง 5 ล้านบาท


http://prachachonthai.com/www/index.php?option=com_content&task=view&id=135&Itemid=1

อ้างผู้เชี่ยวชาญอีกแล้ว ไม่ทราบผู้เชี่ยวชาญที่อ้างเป็นใครชื่ออะไร เชี่ยวชาญมาจากไหน 

จากการประเมินโดยผู้ไม่เชี่ยวชาญอย่างผม ที่ไปดูโครงการหมู่บ้านจัดสรรดีๆ มาเป็นสิบแห่ง
ยังไงค่าก่อสร้างบ้านหน้าตาแบบนี้ ก็ไม่มีทางประเมินว่า อย่างต่ำที่สุด 50 ล้านบาท
..หรือผู้เชี่ยวชาญที่ว่ามีข้อมูลเชิงลึกว่าพื้นบ้านคุญหญิงเอาทองคำปูก็ลองบอกมา..

ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ในวงการจริง ก็น่าจะหามูลค่าสัญญาจ้างมาได้จากคนในวงการเดียวกัน
ไม่ใช่อ้างตัวเลขค่าก่อสร้างอย่างต่ำ 50 ล้านลอยๆ แบบนี้
หรือหนักกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญที่ว่าอาจไม่มีจริง อ้างลอยๆ มาตั้งแต่คำว่า "ผู้เชี่ยวชาญ" แล้ว  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2008, 17:05 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #16 เมื่อ: 11-06-2008, 17:33 »

ไม่ว่าคุณหญิงเขาจะเป็นทองแท้หรือทองชุบก็ตาม

ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า...


บรรดาสาวกวงในของแก๊งเหลี่ยม ไม่ต่างอะไรกับฝูงหนอนในกองขี้กองใหญ่

ที่หลอนกันเองไปวันๆ ว่า ขี้นั้นคือทองคำแท้




...อยู่ดี
บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
คนไกลเมือง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 167


เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์


« ตอบ #17 เมื่อ: 11-06-2008, 17:39 »

ข้อมูลที่ TLE อ้างอิงมาทั้งหมด ไม่มีแหล่งข้อมูลเชื่อถือได้เลยแม้สักนิด ถ้าผิดจริง และเชื่อถือได้ ใยต้องรีรอในการแจ้งความจับ ผมว่า TLE คงเมากลิ่นไข่แม้ว รวมๆ กับแถจนตัวถลอกแล้ว เลยมั่วนิ่มมา ยอมแพ้ในอัตตา การแถของท่าน 
บันทึกการเข้า

เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นราชพลี
bgn
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


« ตอบ #18 เมื่อ: 11-06-2008, 18:11 »


http://prachachonthai.com/www/index.php?option=com_content&task=view&id=135&Itemid=1

อ้างผู้เชี่ยวชาญอีกแล้ว ไม่ทราบผู้เชี่ยวชาญที่อ้างเป็นใครชื่ออะไร เชี่ยวชาญมาจากไหน 

จากการประเมินโดยผู้ไม่เชี่ยวชาญอย่างผม ที่ไปดูโครงการหมู่บ้านจัดสรรดีๆ มาเป็นสิบแห่ง
ยังไงค่าก่อสร้างบ้านหน้าตาแบบนี้ ก็ไม่มีทางประเมินว่า อย่างต่ำที่สุด 50 ล้านบาท
..หรือผู้เชี่ยวชาญที่ว่ามีข้อมูลเชิงลึกว่าพื้นบ้านคุญหญิงเอาทองคำปูก็ลองบอกมา..

ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ในวงการจริง ก็น่าจะหามูลค่าสัญญาจ้างมาได้จากคนในวงการเดียวกัน
ไม่ใช่อ้างตัวเลขค่าก่อสร้างอย่างต่ำ 50 ล้านลอยๆ แบบนี้
หรือหนักกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญที่ว่าอาจไม่มีจริง อ้างลอยๆ มาตั้งแต่คำว่า "ผู้เชี่ยวชาญ" แล้ว  

ไม่ใช่ผุ้เชี่ยวชาญแต่ใครเสนอราคา 50 ล้านนี่ คงต้องเปลี่ยนอาชีพจากผู้รับเหมาไปปั่นกระทู้ให้ท่านหลี่แทนครับ 

และที่แน่ๆชัวร์ๆ ผู้รับเหมาทางอีสานยืนยันว่าราคาต้นทุนของบ้านเอื้ออาทรประมาณ 50000 บาทเองครับ (ไม่ทราบว่าโมเดลไหนเหมือนกัน)
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #19 เมื่อ: 11-06-2008, 18:13 »

อาชีพลิ่วล้อลูกหาบ เขาสั่งมาให้ทำ ก็ต้องทำค่ะ  

บ้านหลังนั้น คิดแค่ค่าปลูกบ้าน ไม่รวมที่ดิน ไม่ถึงห้าล้านหรอกค่ะ ยกเว้นจะปูด้วยทองคำ หรือประดับด้วยกระเบื้องสั่งเข้าจากอิตาลี อะไรประเภทนั้น

ราคา 50 ล้านที่พูดกัน หมายถึงบ้านขนาดเดียวกัน ในโครงการบ้านจัดสรรของเศรษฐี ที่รวมค่าที่ดินซึ่งมีราคาแพงกว่าปกติ ด้วยคิดฟาซิลิตี้ของโครงการเข้าไปด้วยแล้ว

อย่าว่าแต่ 50 ล้านเลย หลังเล็กกว่านี้ 100 ล้านยังมีเลยค่ะ ไปดูได้แถวถนนเลียบทางด่วน เอกมัยรามอินทรา หรืออีกหลายทำเลของเศรษฐีในกรุงเทพมหานคร  

บันทึกการเข้า
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #20 เมื่อ: 11-06-2008, 19:55 »

อีเป็ดย่นหนังเหนียว เนี่ยน่ะเหรอ ?

ยอมรับว่ามันสร้างภาพเอาไว้ได้สุดซึ้งเสียเหลือเกิน

นึกว่ามันเป็นคนดีแปดสาแหรก เป็นผู้เสียสละ เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมจริยธรรม

แต่เห็นพฤติกรรมตอแหล ดอกทอง จองหอง พองขน มันหลายครั้งหลายหน

จนทำให้เป็นที่แน่ชัดว่า อีนี่ มันใจโสโครก ในที่สุดก็เปิดเผย

มันทำมาหากินอะไรว้ะ นั่งเบนซ์ มีเงินปลูกบ้านหลังละ 50 ล้าน

ตอนแรกมันก็บอกว่าจนไม่มีปัญญาหรอก ไปจำนองแบงค์เอาเงินมาสร้าง

พักเดียวมันบอกว่า บ้านมันก็ไม่ใช่กระจอก มีตังค์เหมือนกันนะ

ตกลงมรึงจะเอาไงกันแน่ ห่างกันแค่ 5 วิ มรึงสามารถพลิกลิ้นเลียท้ายทอย มรึงเองได้ สุดยอดจริงๆ
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
boyk
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,477



« ตอบ #21 เมื่อ: 11-06-2008, 20:21 »

คำถามนี้ดีคับ...

 ทองแท้ย่อมทนต่อการพิสูจน์

ถ้าใครมีหลักฐานหรือนักลากตั้งคนไหนก็ได้ แจ้งความเอาผิดคุณหญิงเลยคับ
พิสูจน์กันในศาล ผิดถูกก็ว่ากันไปตามดุลยพินิจของศาล

ผมเชื่อว่าลิ่วล้อแม้วเองก็เชื่อว่าแม้วเป็นทองแท้
ช่วยดันแม้วขึ้นศาลให้ได้นะคับ เจ้าตัวเหมือนจะขี้หดตดหายผวาทุกคืนวัน..
แต่ผมกลัวจะฝันค้างว่ะ..
บันทึกการเข้า

ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
sensei
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 721



« ตอบ #22 เมื่อ: 11-06-2008, 20:27 »

พวกประชาchanไร น่าเอาเวลาไปเขียนนิยายน้ำเน่าขายนะผมว่า - เผื่อจะขายได้ ร่ำรวยกันไป ไม่ต้องมารับจ้างเค้าโพสต์อะไรพรรค์นี้ต่อไป
บันทึกการเข้า

1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #23 เมื่อ: 11-06-2008, 20:33 »

ข้อมูลส่วนใหญ่ก็เก่าเก็บตั้งแต่สมัยเจ๊โดนถีบจากตำแหน่งผู้ว่า สตง. จนปัจจุบันเป็น คตส. จะหมดวาระแล้ว
ถ้ามีมูลก็ช่วยเอาไปยื่นฟ้องให้มันย่อยยับเสียทีเถิด เอามาแปะไปปะมาโฆษณาหาลูกค้าหลายรอบเหลือเกิน เบื่ออ่ะจ้ะ
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #24 เมื่อ: 11-06-2008, 20:47 »

อีเป็ดย่นหนังเหนียว เนี่ยน่ะเหรอ ?

ยอมรับว่ามันสร้างภาพเอาไว้ได้สุดซึ้งเสียเหลือเกิน

นึกว่ามันเป็นคนดีแปดสาแหรก เป็นผู้เสียสละ เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมจริยธรรม

แต่เห็นพฤติกรรมตอแหล ดอกทอง จองหอง พองขน มันหลายครั้งหลายหน

จนทำให้เป็นที่แน่ชัดว่า อีนี่ มันใจโสโครก ในที่สุดก็เปิดเผย

มันทำมาหากินอะไรว้ะ นั่งเบนซ์ มีเงินปลูกบ้านหลังละ 50 ล้าน

ตอนแรกมันก็บอกว่าจนไม่มีปัญญาหรอก ไปจำนองแบงค์เอาเงินมาสร้าง

พักเดียวมันบอกว่า บ้านมันก็ไม่ใช่กระจอก มีตังค์เหมือนกันนะ

ตกลงมรึงจะเอาไงกันแน่ ห่างกันแค่ 5 วิ มรึงสามารถพลิกลิ้นเลียท้ายทอย มรึงเองได้ สุดยอดจริงๆ

ไม่มีอะไร
แค่ Qoute ไว้เล่น ๆ
เพื่อให้ใช้เป็นหลักฐานว่ามีบุคคลที่ 3 รับทราบข้อความที่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว
ไม่ว่าจะมีการแก้ไขข้อความนี้ภายหลังหรือไม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2008, 21:26 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

เหลี่ยมแซ่ลี้ (ภัย)
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 344


ไม่มีเพื่อน อย่าไปไหนไกล - ไม่มีน้ำใจ อย่าไปไหนเลย


« ตอบ #25 เมื่อ: 11-06-2008, 22:42 »

ทองแท้ แบบพานทองแท้หรือเปล่าก้ไม่รู้

ทองชุบ แบบชุบตัวเมืองนอก หลังลอกข้อสอบหรือเปล่าก็ไม่รู้

รู้แต่เป็นทองปิดหน้าหลุม ไอ้เตี้ยแม้ว แน่ๆ
บันทึกการเข้า

อนิจจา อันสุราหมาไม่แดรก คนก็แปลกเสือกแดรกได้ไม่อายหมา กรูก็แปลกเสือกแดรกด้วยซวยละวา  หมาก็หมากรูจะแดรกจะทำไม ...........
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #26 เมื่อ: 12-06-2008, 10:33 »

"'เอาเงินจากไหนมาสร้าง' : ความโปร่งใสที่แอบแฝงด้วยความฉ้อฉล ผสมความซื่อสัตย์ที่เต็มไปด้วยการอำพราง

.............................................................................................................................................................


สงสัย คลางแคลงใจก็ไปแจ้งตำรวจหรือคณะกรรมการ ปปช.ให้สอบสวน ตรวจสอบ
เหมือนคณะกรรมการ คตส. ตรวจสอบการฉ้อราษฎร์บังหลวงของอดีตนายกฯแม๊วกว่าสิบคดีในขณะนี้......


ปล. ผมขอเลียน'มุก'พวกลิ่วล้อแม๊วแฮะ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #27 เมื่อ: 12-06-2008, 10:39 »

*  ถ้า คุณหญิง  เป็นทอง ......... รัฐบาลชุดนี้ก็เเป็น   ตะกั่ว  มั๊งค่ะ  !!!

บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #28 เมื่อ: 12-06-2008, 10:39 »

อีเป็ดย่นหนังเหนียว เนี่ยน่ะเหรอ ?

ยอมรับว่ามันสร้างภาพเอาไว้ได้สุดซึ้งเสียเหลือเกิน

นึกว่ามันเป็นคนดีแปดสาแหรก เป็นผู้เสียสละ เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมจริยธรรม

แต่เห็นพฤติกรรมตอแหล ดอกทอง จองหอง พองขน มันหลายครั้งหลายหน

จนทำให้เป็นที่แน่ชัดว่า อีนี่ มันใจโสโครก ในที่สุดก็เปิดเผย

มันทำมาหากินอะไรว้ะ นั่งเบนซ์ มีเงินปลูกบ้านหลังละ 50 ล้าน

ตอนแรกมันก็บอกว่าจนไม่มีปัญญาหรอก ไปจำนองแบงค์เอาเงินมาสร้าง

พักเดียวมันบอกว่า บ้านมันก็ไม่ใช่กระจอก มีตังค์เหมือนกันนะ

ตกลงมรึงจะเอาไงกันแน่ ห่างกันแค่ 5 วิ มรึงสามารถพลิกลิ้นเลียท้ายทอย มรึงเองได้ สุดยอดจริงๆ


คุณหญิงจารุวรรณบอกว่าบ้านมีมูลค่า 12 ล้านบาท
ดังนั้นKILL...er ต้องพิสูจน์ว่าใส่ความหรือโป้ปด......

ปล. อย่าประพฤติเคยตัว นิสัยเลว ใช้ภาษานักประชาธิปไตยแม๊วๆ หยาบคายกับคุณหญิงจารุวรรณ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #29 เมื่อ: 12-06-2008, 10:42 »

*  ถ้า คุณหญิง  เป็นทอง ......... รัฐบาลชุดนี้ก็เเป็น   ตะกั่ว  มั๊งค่ะ  !!!





คุณsee - u เปรียบเปรยผิดความจริง....
ถ้าคุณหญิง เป็นทองคำ.....รัฐบาลชุดนี้ก็เป็นทองเหลว เท่านันหละ
ถ้าไม่เป็น'ทองเหลว' พวกหนอนในโถส้วม จะโปรดปรานรักใคร่รัฐบาลนี้เหรอ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 12-06-2008, 11:37 »

ขนาดบ้านราคาเท่าไหร่ ยังไม่มีใบเสร็จมาให้ดู ต้องใช้ "ผู้เชี่ยวชาญ" ประเมินเอา
แล้วถามหน่อยว่ามีส่วนไหนของบทความรกเว็บที่ยกมาแปะ ที่สามารถเชื่อถือได้บ้าง
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #31 เมื่อ: 12-06-2008, 13:23 »

ใจเย็นๆคร้า...เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าเรื่องเวรกรรมมันเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ กล่าวคือเมื่อมีเหตุ...ย่อมมีผลตามมา(ไม่ช้าก็เร็ว)  ประเด็นก็คือ คุณหญิงฯถูกสร้างขึ้นมาโดยคมช.ให้มีอำนาจสอบสวนและสรุปสำนวนคดีความเกี่ยวกับคุณทักษิณส่งให้ศาลพิจารณาโดยอำนาจการแต่งตั้งคมช.เป็นอำนาจที่มาจากปลายปืน หรืออีกนัยก็คือเกิดจากการปล้นอำนาจประชาชนเท่านั้นเอง

ตัวคุณหญิงฯตลอดจนสมาชิกในคตส.หลายคนเช่น นาม แก้วสรร สัก กล้าณรงค์ ต่างก็เป็นบุคคลที่เคนแสดงจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าเป็นฝ่ายที่อยู่คนละขั้วกับรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ ประเด็นเรื่องความมีอคติของผู้มีอำนาจสอบสวนและสรุปสำนวนเช่น คตส. จึงเป็นที่วิพากษ์กันในสังคมถึงความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเที่ยงตรงของกลุ่มคนเหล่านี้มาโดยตลอด

ดังนั้น หากคนในสังคมมีข้อสงสัยถึงที่มาของเงินที่นำมาปลูกสร้างบ้านหรู การให้ลูกชายที่จบวิศวะมาเป็นเลขาฯส่วนตัว การนำลูกชาย-หญิงไปดูงานในต่างประเทศ การที่บริษัทเอกชนเช่าตึกของสามีทำธุรกรรมกับสตง.จำนวนหลายสิบล้านบาทแทบถูกขาด ฯลฯ ต่างๆนานาเหล่านี้ จักต้องได้รับการชี้แจงจากปากของคุณหญิงฯในขั้นแรกให้ชัดเจนก่อน ขั้นตอนต่อไป...จึงเป็นเรื่องการร้องเรียนปปช.เพื่อให้มีการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจน


นี่ต่างหากเล่า...ที่ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบภาคประชาชนที่โปร่งใส ยุติธรรม และเที่ยงตรง ที่ต่างจากสถานะภาพของที่มาของคตส.อย่างสิ้นเชิง!!!
บันทึกการเข้า
sanskritshower
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245



« ตอบ #32 เมื่อ: 12-06-2008, 13:42 »

แล้ว TLE คิดว่าผู้เชี่ยวชาญที่ตีราคาเฉพาะตัวบ้านไว้ 50ล้าน  มันน่าจะถึงมั้ยครับ
บันทึกการเข้า
คนไกลเมือง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 167


เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์


« ตอบ #33 เมื่อ: 12-06-2008, 14:03 »



คุณsee - u เปรียบเปรยผิดความจริง....
ถ้าคุณหญิง เป็นทองคำ.....รัฐบาลชุดนี้ก็เป็นทองเหลว เท่านันหละ
ถ้าไม่เป็น'ทองเหลว' พวกหนอนในโถส้วม จะโปรดปรานรักใคร่รัฐบาลนี้เหรอ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

คมกริบ 
บันทึกการเข้า

เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นราชพลี
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #34 เมื่อ: 12-06-2008, 14:42 »

แล้ว TLE คิดว่าผู้เชี่ยวชาญที่ตีราคาเฉพาะตัวบ้านไว้ 50ล้าน  มันน่าจะถึงมั้ยครับ

เป็นไปได้ครับ...ตัวบ้าน+ค่าตบแต่งภายในสูงหลายสิบล้านบาท  แต่เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวดำเนินไปด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม ปปช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจักต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยเร็ว


ในชั้นนี้...ต้องถือว่าคุณหญิงฯเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #35 เมื่อ: 12-06-2008, 16:35 »

ใจเย็นๆคร้า...เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าเรื่องเวรกรรมมันเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ กล่าวคือเมื่อมีเหตุ...ย่อมมีผลตามมา(ไม่ช้าก็เร็ว)  ประเด็นก็คือ คุณหญิงฯถูกสร้างขึ้นมาโดยคมช.ให้มีอำนาจสอบสวนและสรุปสำนวนคดีความเกี่ยวกับคุณทักษิณส่งให้ศาลพิจารณาโดยอำนาจการแต่งตั้งคมช.เป็นอำนาจที่มาจากปลายปืน หรืออีกนัยก็คือเกิดจากการปล้นอำนาจประชาชนเท่านั้นเอง

ตัวคุณหญิงฯตลอดจนสมาชิกในคตส.หลายคนเช่น นาม แก้วสรร สัก กล้าณรงค์ ต่างก็เป็นบุคคลที่เคนแสดงจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าเป็นฝ่ายที่อยู่คนละขั้วกับรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ ประเด็นเรื่องความมีอคติของผู้มีอำนาจสอบสวนและสรุปสำนวนเช่น คตส. จึงเป็นที่วิพากษ์กันในสังคมถึงความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเที่ยงตรงของกลุ่มคนเหล่านี้มาโดยตลอด

ดังนั้น หากคนในสังคมมีข้อสงสัยถึงที่มาของเงินที่นำมาปลูกสร้างบ้านหรู การให้ลูกชายที่จบวิศวะมาเป็นเลขาฯส่วนตัว การนำลูกชาย-หญิงไปดูงานในต่างประเทศ การที่บริษัทเอกชนเช่าตึกของสามีทำธุรกรรมกับสตง.จำนวนหลายสิบล้านบาทแทบถูกขาด ฯลฯ ต่างๆนานาเหล่านี้ จักต้องได้รับการชี้แจงจากปากของคุณหญิงฯในขั้นแรกให้ชัดเจนก่อน ขั้นตอนต่อไป...จึงเป็นเรื่องการร้องเรียนปปช.เพื่อให้มีการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจน


นี่ต่างหากเล่า...ที่ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบภาคประชาชนที่โปร่งใส ยุติธรรม และเที่ยงตรง ที่ต่างจากสถานะภาพของที่มาของคตส.อย่างสิ้นเชิง!!!



ตัวคุณหญิงฯตลอดจนสมาชิกในคตส.หลายคนเช่น นาม แก้วสรร สัก กล้าณรงค์ ต่างก็เป็นบุคคลที่เคนแสดงจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าเป็นฝ่ายที่อยู่คนละขั้วกับรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ......

คนกินหญ้า ลูกกะเป๋งแม๊วไม่ยอมเชื่อว่าผู้ที่เอ่ยนามมา ต่างก็เป็นุคคลแสดงจุดยืนอยู่คนละข้าง คนละขั้วกับนักการเมืองฉ้อราษฎร์บังหลวง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #36 เมื่อ: 12-06-2008, 16:41 »

ใจเย็นๆคร้า...เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าเรื่องเวรกรรมมันเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ กล่าวคือเมื่อมีเหตุ...ย่อมมีผลตามมา(ไม่ช้าก็เร็ว)  ประเด็นก็คือ คุณหญิงฯถูกสร้างขึ้นมาโดยคมช.ให้มีอำนาจสอบสวนและสรุปสำนวนคดีความเกี่ยวกับคุณทักษิณส่งให้ศาลพิจารณาโดยอำนาจการแต่งตั้งคมช.เป็นอำนาจที่มาจากปลายปืน หรืออีกนัยก็คือเกิดจากการปล้นอำนาจประชาชนเท่านั้นเอง

..........................................................................................................................................................................
นี่ต่างหากเล่า...ที่ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบภาคประชาชนที่โปร่งใส ยุติธรรม และเที่ยงตรง ที่ต่างจากสถานะภาพของที่มาของคตส.อย่างสิ้นเชิง!!!


TLE( The last worm) คิดว่าคนที่ถูกกล่าวหาโดยคนอย่างTLE กล่าวหาโดยไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีข้อเท็จจริงประกอบ
กับนักประชาธิปไตยแม๊วๆถูกกล่าวหาโดยคณะกรรมการ คตส. คณะกรรมการ ปปช. ตุลาการรัฐธรรมนูญ และศาลยุติธรรม ที่มีผลการสอบสวน มีหลักฐาน อ้างอิง....

ชาวบ้านควรจะเชื่อใครมากกว่ากัน........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: 12-06-2008, 16:48 »


TLE( The last worm) คิดว่าคนที่ถูกกล่าวหาโดยคนอย่างTLE กล่าวหาโดยไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีข้อเท็จจริงประกอบ
กับนักประชาธิปไตยแม๊วๆถูกกล่าวหาโดยคณะกรรมการ คตส. คณะกรรมการ ปปช. ตุลาการรัฐธรรมนูญ และศาลยุติธรรม ที่มีผลการสอบสวน มีหลักฐาน อ้างอิง....

ชาวบ้านควรจะเชื่อใครมากกว่ากัน........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ถ้าเป็นใน 1000tip เค้าจะเชื่อ TLE อ่ะลุง 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #38 เมื่อ: 12-06-2008, 17:09 »

เป็นไปได้ครับ...ตัวบ้าน+ค่าตบแต่งภายในสูงหลายสิบล้านบาท  แต่เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวดำเนินไปด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม ปปช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจักต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยเร็ว


ในชั้นนี้...ต้องถือว่าคุณหญิงฯเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน

แล้วใครเป็นผู้รับเหมาสร้างบ้านกับแต่งภายใน เอาสัญญาว่าจ้างยืนยันเลยครับว่าเป็น 50 ล้านบาทจริง

แล้วภาพนี้ตบแต่งภายในแล้วหรือครับ

บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #39 เมื่อ: 12-06-2008, 17:23 »

แล้วใครเป็นผู้รับเหมาสร้างบ้านกับแต่งภายใน เอาสัญญาว่าจ้างยืนยันเลยครับว่าเป็น 50 ล้านบาทจริง

แล้วภาพนี้ตบแต่งภายในแล้วหรือครับ




อย่างที่เรียนไว้แต่ต้นครับว่า มันเป็นหน้าที่ของปปช./หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องจักต้องทำเรื่องนี้ให้ยุติธรรมและชัดเจน เพราะหากเอาตาสีตาสามาตรวจสอบหรือนำเอกสารมาโพสต์ในนี้...ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเอกสารปลอมไม่น่าเชื่อถือยู่ดี

ดังนั้น หน่วยงานอิสระดังกล่าวจะต้องรีบดำเนินการเรื่องนี้อย่างรีบด่วน
บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #40 เมื่อ: 12-06-2008, 20:33 »


อย่างที่เรียนไว้แต่ต้นครับว่า มันเป็นหน้าที่ของปปช./หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องจักต้องทำเรื่องนี้ให้ยุติธรรมและชัดเจน เพราะหากเอาตาสีตาสามาตรวจสอบหรือนำเอกสารมาโพสต์ในนี้...ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเอกสารปลอมไม่น่าเชื่อถือยู่ดี

ดังนั้น หน่วยงานอิสระดังกล่าวจะต้องรีบดำเนินการเรื่องนี้อย่างรีบด่วน


จานจ๊ะ คงหายท้องอืดท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวแล้วสินะ 

ข่าวว่า ปปช. รับตรวจสอบแล้ว ใช่ป่าวล่ะ  Mr. Green

แค่ 50 ล้านบาท ทำเป็นตื่นเต้นนนไปได้ ทีพ่อเหลี่ยมของจานจ๊ะมีเป็นแสนล้านบาทฝากไว้ทั่วโลก ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชิ ๆ 





บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #41 เมื่อ: 13-06-2008, 03:22 »

เป็นไปได้ครับ...ตัวบ้าน+ค่าตบแต่งภายในสูงหลายสิบล้านบาท  แต่เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวดำเนินไปด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม ปปช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจักต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยเร็ว

ในชั้นนี้...ต้องถือว่าคุณหญิงฯเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน


ผู้เชี่ยวชาญที่ประเมิน ตัวบ้าน+ค่าตบแต่งภายใน.. ไม่ทราบเป็นใคร ชื่ออะไรครับ?
ผมเห็นอ้างแล้วอ้างอีกซ้อนกันเป็นชั้นๆ แต่หาชื่อคนประเมินไม่เจอ 
และอย่าลืมว่าไม่ใช่ประเมินที่ 50 ล้านบาท แต่เป็น "ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท" 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #42 เมื่อ: 13-06-2008, 09:04 »

จานจ๊ะ คงหายท้องอืดท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวแล้วสินะ 

ข่าวว่า ปปช. รับตรวจสอบแล้ว ใช่ป่าวล่ะ  Mr. Green

แค่ 50 ล้านบาท ทำเป็นตื่นเต้นนนไปได้ ทีพ่อเหลี่ยมของจานจ๊ะมีเป็นแสนล้านบาทฝากไว้ทั่วโลก ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชิ ๆ 


คุณน้องขา...ลำพังรับราชการเงินเดือนๆละ 6-7 หมื่นบาทตลอด 30 ปี...หากไม่ต้องกินต้องอยู่ใดๆก็จะมีเงินเก็บแค่ 25 ล้านบาทเอง แถมครอบครัวก็ยังไม่ทำธุรกิจใดๆที่จะทำให้ครอบครัวมีเงินเหลือใช้มาสร้างบ้านราคา 50 ล้านบาทได้เลย ส่วนคุณทักษิณท่านก็รวยเพราะโทรศัพท์มือถือเป็นหมื่นๆล้านก่อนจะเล่นการเมือง แถมช่วง5-6ปีที่ผ่านมาก็แตกlineธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ การมีเงินนับแสนๆล้านบาท...จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆ


ไม่เหมือนบางรายที่ชอบไล่ที่คนจนแถมไม่ต้องเสียภาษีสักบาทและมีเงินซ่อนไว้ในต่างประเทศกว่าแสนล้านบาท...แต่สร้างภาพขี้จนสุดๆ!!







บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #43 เมื่อ: 13-06-2008, 10:16 »

คุณน้องขา...ลำพังรับราชการเงินเดือนๆละ 6-7 หมื่นบาทตลอด 30 ปี...หากไม่ต้องกินต้องอยู่ใดๆก็จะมีเงินเก็บแค่ 25 ล้านบาทเอง แถมครอบครัวก็ยังไม่ทำธุรกิจใดๆที่จะทำให้ครอบครัวมีเงินเหลือใช้มาสร้าง บ้านราคา 50 ล้านบาทได้เลย ส่วนคุณทักษิณท่านก็รวยเพราะโทรศัพท์มือถือเป็นหมื่นๆล้านก่อนจะเล่นการ เมือง แถมช่วง5-6ปีที่ผ่านมาก็แตกlineธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ การมีเงินนับแสนๆล้านบาท...จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆ

ไม่เหมือนบางรายที่ชอบไล่ที่คนจนแถมไม่ต้องเสียภาษีสักบาทและมีเงินซ่อนไว้ในต่างประเทศกว่าแสนล้านบาท...แต่สร้างภาพขี้จนสุดๆ!!


น่าหัวเราะเยอะจริงๆ วนไปวนมาอยู่กับราคา 50 ล้านบาท แต่จนป่านนี้ยังบอกไม่ได้ว่าคนประเมินเป็นใคร 

เห็นเจ้าของบ้านบอกมาแล้วว่าค่าก่อสร้างอยู่ที่ 12 ล้านบาท ในจำนวนนี้เอาที่ดินจำนองไว้ 5 ล้านบาท
ที่เหลือเป็นเงินเก็บจากการทำงานมาจนใกล้เกษียณ
อ้างตัวเลข 50 ล้านบาทอยู่ได้ ทั้งที่หลักฐานอ้างอิงอะไรก็ไม่มีสักอย่าง หน้าไม่อายจริงๆ  
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #44 เมื่อ: 13-06-2008, 10:23 »

น่าหัวเราะเยอะจริงๆ วนไปวนมาอยู่กับราคา 50 ล้านบาท แต่จนป่านนี้ยังบอกไม่ได้ว่าคนประเมินเป็นใคร 

เห็นเจ้าของบ้านบอกมาแล้วว่าค่าก่อสร้างอยู่ที่ 12 ล้านบาท ในจำนวนนี้เอาที่ดินจำนองไว้ 5 ล้านบาท
ที่เหลือเป็นเงินเก็บจากการทำงานมาจนใกล้เกษียณ
อ้างตัวเลข 50 ล้านบาทอยู่ได้ ทั้งที่หลักฐานอ้างอิงอะไรก็ไม่มีสักอย่าง หน้าไม่อายจริงๆ  

ไม่รู้จะออกไปทางไหนแล้วไงคะ  แถไปเรื่อย   
บันทึกการเข้า
Puggi
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 182


« ตอบ #45 เมื่อ: 13-06-2008, 10:38 »

ผมมาประเมินให้เองก็ได้ แม้ไม่ใช่วิศวกร แต่ก็ทำงานในด้านนี้

ดูจากรูปคร่าวๆ  เนื้อที่ใช้สอยน่าจะประมาณ 400 ตรม ขึ้นไป   ตีไปเลย 500 ตรม

การคิด แบบคร่าวๆ เวลา จะสร้างบ้าน เอา ตรม คูณ ด้วย ราคา

ณ ปัจจุบัน หากสร้างแบบธรรมดาไม่หรูหรา ก็ประมาณ 13000บาทต่อ ตรม

อันนี้ให้หรูหราเลยครับ เอาไป 20000 ตรม   เต็มที่ 10ล้า  ถ้าให้บริษัทผมทำนะ (อ้อ ราคานี้รวมตกแต่ง แต่ไม่รวมบิวท์อินนะครับ)

รอ นักประเมินฝั่งเหลี่ยม มาประเมินอยู่นะครับ
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #46 เมื่อ: 13-06-2008, 10:44 »

น่าหัวเราะเยอะจริงๆ วนไปวนมาอยู่กับราคา 50 ล้านบาท แต่จนป่านนี้ยังบอกไม่ได้ว่าคนประเมินเป็นใคร 

เห็นเจ้าของบ้านบอกมาแล้วว่าค่าก่อสร้างอยู่ที่ 12 ล้านบาท ในจำนวนนี้เอาที่ดินจำนองไว้ 5 ล้านบาท
ที่เหลือเป็นเงินเก็บจากการทำงานมาจนใกล้เกษียณ
อ้างตัวเลข 50 ล้านบาทอยู่ได้ ทั้งที่หลักฐานอ้างอิงอะไรก็ไม่มีสักอย่าง หน้าไม่อายจริงๆ  


ฮ่าๆๆๆๆ...หัวเราะเพราะว่าตอนนี้ปปช.รับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไว้แล้ว เดี๋ยวก็คงได้รู้กันว่าจะเป็นทองแท้หรือทองชุบ  กิ๊วๆๆ
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #47 เมื่อ: 13-06-2008, 10:52 »

ผมมาประเมินให้เองก็ได้ แม้ไม่ใช่วิศวกร แต่ก็ทำงานในด้านนี้

ดูจากรูปคร่าวๆ  เนื้อที่ใช้สอยน่าจะประมาณ 400 ตรม ขึ้นไป   ตีไปเลย 500 ตรม

การคิด แบบคร่าวๆ เวลา จะสร้างบ้าน เอา ตรม คูณ ด้วย ราคา

ณ ปัจจุบัน หากสร้างแบบธรรมดาไม่หรูหรา ก็ประมาณ 13000บาทต่อ ตรม

อันนี้ให้หรูหราเลยครับ เอาไป 20000 ตรม   เต็มที่ 10ล้า  ถ้าให้บริษัทผมทำนะ (อ้อ ราคานี้รวมตกแต่ง แต่ไม่รวมบิวท์อินนะครับ)

รอ นักประเมินฝั่งเหลี่ยม มาประเมินอยู่นะครับ


การคิดคำนวณแบบนั่งทางใน...คงไม่workครับ ราคาค่าก่อสร้าง+ตกแต่งนั้นไม่ขึ้นกับเฉพาะพื้นที่หรอก แต่คุณภาพและประเภทของวัตถุที่ใช้ต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องค่าก่อสร้าง


ตอนนี้เป็นเรื่องของปปช.แล้วอ่ะ...จะได้ไม่ต้องมานั่งเทียนมั่วตัวเลขไปเรื่อยแบบนี้
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #48 เมื่อ: 13-06-2008, 10:59 »


ฮ่าๆๆๆๆ...หัวเราะเพราะว่าตอนนี้ปปช.รับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไว้แล้ว เดี๋ยวก็คงได้รู้กันว่าจะเป็นทองแท้หรือทองชุบ  กิ๊วๆๆ

มีคนมาขอให้ตรวจสอบ ปปช. ก็ต้องรับไว้ตรวจสอบอยู่แล้ว มีอะไรน่าหัวเราะ  

ทำไมไม่ไปดูคดีกลุ่มทักษิณ ตอนนี้เรื่องไปถึงชั้นศาลแล้วมากมายเต็มไปหมด
ของคุณหญิงจารุวรรณ ปปช. แค่รับเรื่องไว้ตรวจสอบเท่านั้น ยังไม่มีอะไรเลย
ไปรอดูคดีกลุ่มทักษิณไม่ดีกว่าหรือ อีกไม่นานจะได้เห็นคำพิพากษากันแล้ว  
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #49 เมื่อ: 13-06-2008, 11:04 »


การคิดคำนวณแบบนั่งทางใน...คงไม่workครับ ราคาค่าก่อสร้าง+ตกแต่งนั้นไม่ขึ้นกับเฉพาะพื้นที่หรอก แต่คุณภาพและประเภทของวัตถุที่ใช้ต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องค่าก่อสร้าง

ตอนนี้เป็นเรื่องของปปช.แล้วอ่ะ...จะได้ไม่ต้องมานั่งเทียนมั่วตัวเลขไปเรื่อยแบบนี้


รู้ดีจริงๆ ไหนลองบอกมาหน่อยสิว่าคุณภาพและประเภทของวัสดุที่ใช้ในบ้านคุณหญิงเป็นยังไง
เขาใช้อะไรที่มันมีราคาแพงบ้าง ที่ว่า 50 ล้านบาทคำนวณจากไหน ใครเป็นคนประเมิน
ใครกันแน่ที่นั่งเทียนมั่วไปเรื่อย โดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงอะไรสักอย่าง 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
หน้า: [1] 2 3 4 5
    กระโดดไป: