หมัก ไม่มีคุณสมบัติ เป็น นาย ก ---- กกต จะพิจารณาเรื่องนี้ ให้เด็ดขาดเสียที

[หมัก ไม่ใช่คน]

แฉ'หมัก'ยื้อคดี!คำตัดสินหมิ่น'สามารถ'พันธมิตร'อารยะขัดขืน'

9 มิถุนายน 2551    กองบรรณาธิการ

"วีระ" แฉ "หมัก" วิ่งเต้นให้องค์คณะศาลอุทธรณ์ชะลออ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นฯ รองผู้ว่าฯ กทม.ทุจริตโครงการประมูล กทม. หวั่นตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นสั่งจำคุก

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=9/Jun/2551&news_id=159621&cat_id=501

    ขณะที่พันธมิตรฯ ประกาศยกระดับการชุมนุมเป็นอารยะขัดขืนรัฐ   เหตุรัฐบาลหมดความชอบธรรมบริหารประเทศ   ด้านกลุ่มต่อต้านกร่าง! แย่งหรีดประท้วงแทรกแซงสื่อทิ้งคูระบายน้ำหน้า NBT  เอแบคโพลล์เผยผลสำรวจคนกรุงและ ตจว.หนุนม็อบพันธมิตรฯ

    ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา   พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ส่งตัวแทน นำโดย นายชนะ ผาสุกสกุล และนายพิชิต ชัยมงคล นำพวงหรีดที่มีข้อความว่า "แด่นอมินีทรราช" เดินทางมาที่หน้าสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อไปวางไว้อาลัย กรณี NBT เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่มีเจตนารับใช้ฝ่ายการเมืองมากเกินไป ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางมาจัดรายการ "สนทนาประสาสมัคร"  โดยมีกลุ่มธรรมาธิปไตย  ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ และกลุ่มคนสนามหลวงรักประชาธิปไตย  จำนวน  30 คน สวมใส่เสื้อสีแดงนำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้นายสมัคร เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ

    แย่งหรีดพันธมิตรฯ ทิ้งท่อ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ขณะที่ตัวแทนจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังห้อยพวงหรีดดังกล่าวริมรั้วสถานีวิทยุโทรทัศน์  NBT  กลุ่มคนเสื้อแดงเกิดความไม่พอใจอย่างมาก ถึงกับวิ่งเข้าใส่และยื้อแย่งพวงหรีด จากนั้นโยนทิ้งคูระบายท่อน้ำทันที พร้อมตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระดมกำลังกว่า 200 นายมาคอยรักษาความสงบเรียบร้อย ต้องรีบเข้าไปห้ามปรามเพราะเกรงว่าจะเกิดการปะทะกัน

    พล.ต.จำลอง  ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีตัวแทนพันธมิตรฯ ที่นำพวงหรีดไปห้อยที่หน้าสถานี NBT  แล้วถูกกลุ่มคนเสื้อแดงแย่งพวงหรีด ว่าเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งพันธมิตรฯ คิดมาก่อนแล้วว่าจะถูกต่อต้าน แต่ไม่เป็นปัญหาและเราจะยังเดินหน้าเคลื่อนไหวลักษณะนี้ต่อไป

.....

[หมัก ไม่ใช่คน]

    ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรฯ  ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เป็นวันที่  16  ในช่วงเช้าได้จัดเสวนาวิเคราะห์ข่าวสารการเมืองให้ผู้ร่วมชุมนุมได้รับฟังตามปกติ  โดยมีการนำผ้าใบกันฝนมาติดบริเวณหน้าเวทีเพื่อกันแดดกันฝนให้กับผู้มาร่วมรับฟังการอภิปรายเป็นวันแรก  รวมทั้งมีนางอรทัย  นพเกล้าเกียรติคุณ  นำพระสมเด็จชนะมาร  วัดชนะสงคราม จำนวน 5,000  องค์ และพระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัว 5,000 องค์ มาแจกให้กับผู้ร่วมชุมนุมบริเวณเต็นท์ของกองทัพธรรม

    เวลา  11.00 น.มีการจัดรายการพิเศษตอบโต้นายกรัฐมนตรี หลังจากฟังรายการสนทนาประสาสมัคร  ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยแกนนำพันธมิตรฯ 4 คน ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,  นายพิภพ  ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์  และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข โดยมี น.ส.อัญชลี  ไพรีรัก  เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการจับผิดและโจมตีการพูดของนายสมัครว่าเป็นการพูดโกหกทั้งสิ้น

    พล.ต.จำลอง  กล่าวว่า  รู้สึกผิดหวังที่ในสัปดาห์นี้นายสมัครได้พูดถึงพันธมิตรฯ น้อยเกินไป แต่คงเป็นเพราะไม่มีอะไรจะโกหกต่อไป  โกหกทีไรพวกตนจับได้ทุกทีจึงพูดเรื่องอื่นแทน ตอนนี้หัวหน้ารัฐบาลยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับพวกเรา คงได้บทเรียนไป ยิ่งว่าพวกเรามากคนยิ่งมาชุมนุมมาก พอรู้จึงเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น

    "ส่วนที่นายสมัครถามว่า แกนนำพันธมิตรฯ เป็นใครจะมาสั่งรัฐบาลได้อย่างไร  ขอตอบว่าเราคือประชาชน ทำหน้าที่ของคนไทยตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด  เขาเป็นลูกจ้างชั่วคราว เราอยากให้บ้านเมืองอยู่ดีมีสุข  เราเป็นเจ้าของบ้าน อยากให้คนรับใช้ทำอะไรก็บอก 3-4 เดือนทำไม่ได้ก็ออกไป" พล.ต.จำลองกล่าว

    นายสมศักดิ์  กล่าวว่า การที่นายสมัครจะเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูง  ความเป็นจริงทำไม่ได้เพราะมีทางตัดกว่า  2,500  จุด  ทำให้ต้องวิ่งๆ หยุดๆ  ไม่มีทางวิ่งได้นอกจากจะทำทางยกระดับขึ้นมา
    นายสมเกียรติ  กล่าวถึงกรณีที่นายสมัครระบุว่า จะย้ายสลัมออกนอกเมืองเพื่อสร้างสวนและโครงการเมกะโปรเจ็กต์  ว่าเป็นการดูถูกคนจน  มองคนจนเป็นขยะ  จึงอยากเรียกร้องให้เครือข่ายสลัม 4 ภาคได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
    ยกระดับอารยะขัดขืนรัฐ

    ต่อมานายสุริยะใส  กตะศิลา  ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงข่าวว่า ในสัปดาห์หน้าซึ่งอาจเป็นช่วงปลายสัปดาห์  พันธมิตรฯ มีความจำเป็นต้องยกระดับความเข้มข้นในการชุมนุม ซึ่งจะใช้มาตรการที่เรียกว่าสิทธิที่จะไม่เชื่อฟังรัฐบาล   โดยเฉพาะรัฐบาลที่หมดสภาพและหมดความชอบธรรมในการบริหารแผ่นดิน   ซึ่งนักวิชาการบางท่านก็ใช้คำว่าอารยะขัดขืน  นักกฎหมายบางคนก็ใช้คำว่าดื้อแพ่ง  หรือสิทธิของพลเมืองที่จะไม่เชื่อฟังรัฐ

    "จะมีการประกาศมาตรฐานเป็นกรณีๆ ไป  ส่วนมาตรการจะเป็นแบบใด ผมจะนำเข้าหารือกับแกนนำใน  1-2  วันนี้  เพราะรัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมแล้ว ประชาชนสามารถใช้สิทธิของพลเมืองแสดงสิทธิที่จะไม่เชื่อฟังรัฐได้  และสามารถต่อต้านคำสั่งที่ไม่ชอบได้ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายเสนอเช่นสมมติว่า  เสนอให้หยุดงาน ไม่เสียภาษี ปิดน้ำ ปิดไฟ ซึ่งต้องดูว่ามาตรการใดจะเป็นเหตุเป็นผลและส่งผลกระทบโดยรวมน้อยที่สุด" นายสุริยะใสกล่าว

    ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า  จุดยืนของพันธมิตรฯ 3 เรื่อง คือ 1.เรายืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณและบริวาร หรือคนในระบอบทักษิณที่ถูกกล่าวหา จะต้องขึ้นต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเยี่ยงสามัญชนเท่านั้น  เมื่อไหร่ก็ตามหากมีการพบว่ามีการใช้อำนาจทางการเมือง ไม่ว่าจะใต้ดินหรือบนดิน หรือว่าอำนาจทางการเงินเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราจะไม่ยอมและจะต่อต้านให้ถึงที่สุด

    2.ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ   ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างอะไร  จนกว่าคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ข้อยุติในกระบวนการยุติธรรม และ 3.รัฐบาลชุดนี้หมดสภาพและหมดความชอบธรรม ฉะนั้นจากนี้ไปพลเมืองไทยทุกคนที่เสียภาษี   สามารถใช้สิทธิของพลเมืองที่จะไม่เชื่อฟังรัฐบาลที่หมดสภาพและหมดความชอบธรรมนี้ได้

    นายสุริยะใส  กล่าวว่า  ในวันจันทร์ที่  9 มิ.ย.นี้ พันธมิตรฯ จะมีคนร่วมเดินทางไปจำนวนมาก  เพราะมีการประกาศเชิญชวน  โดยจะเดินทางไปประมาณ 10 คันรถ ตั้งขบวนในเวลา 12.00 น.ที่ด้านหน้าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย และจะเดินเท้าไปที่ คตส. หลังจากนั้นอาจจะแวะที่หน้ากรมประชาสัมพันธ์ฯ ที่ดูแลช่อง  11  และแวะกรมสรรพากซึ่งอธิบดีกำลังถูกบีบ  เพื่อให้ทั้ง 2 องค์กรแสดงความกล้าหาญ   เพราะในยุคที่การเมืองผันผวนแบบนี้ กรมประชาสัมพันธ์ฯ ก็ถูกรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือมาโดยตลอด

    ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน  ขวัญเมือง  ผบช.น.กล่าวว่า ได้รับแจ้งแล้วว่าพันธมิตรฯ จะไปให้กำลังใจ  คตส.และกรมประชาสัมพันธ์ฯ และคาดว่าจะไปติดตามคดีต่างๆ ที่กองปราบปราม จึงได้ให้จัดกำลังส่วนหนึ่งติดตามและดูแลความปลอดภัยให้ เพื่อป้องกันกลุ่มต่อต้านและกลุ่มอื่นๆ ที่จะมาก่อกวน  และขอให้บอกเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่าจะเดินทางไปไหน  เพราะมีหลายกลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน

    จากนั้น นายไทกร  พลสุวรรณ ผู้ประสานงานกลุ่มอีสานกู้ชาติ ขึ้นเวทีในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ภาคพิเศษ  ระบุว่า  การตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน  พรรคร่วมรัฐบาล  และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการซื้อและยืดเวลาออกไปเท่านั้น แท้จริงแล้วพรรคพลังประชาชนมีรัฐธรรมนูญฉบับพิมพ์เขียวอยู่แล้ว  คือต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 และ 217 ถ้าเขาแก้ไขสำเร็จ โดยเฉพาะมาตรา 309 นี้ จะไม่มีบทเฉพาะกาลมารองรับคำสั่งคณะปฏิรูปฯ (คปค.) ซึ่งจะส่งผลต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ  (คตส.)  และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.)  ที่กำลังดำเนินการในหลายคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ  รวมถึงการยุบพรรคของพรรคไทยรักไทยก็จะเป็นโมฆะ

[หมัก ไม่ใช่คน]

    วีระแฉ 'หมัก' วิ่งเต้นคดี
    ในช่วงค่ำมีประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อนายวีระ สมความคิด กรรมการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น  (คปต.)  กล่าวว่า  นายสมัครได้ใช้อำนาจก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม  โดยการวิ่งเต้นไม่ให้องค์คณะที่ต้องอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในคดีที่นายสมัครหมิ่นประมาทนายสามารถ  ราชพลสิทธิ์  อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญาไปก่อนหน้านี้

    "ผมทราบว่าผลการพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ได้ตัดสินสั่งให้ยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้จำคุกนายสมัคร  ซึ่งการใช้อำนาจของการเป็นนายกฯ ที่บริหารประเทศเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแบบนี้ ต้องไล่ออกสถานเดียว" นายวีระกล่าว

    เขายังระบุว่า  พี่น้องที่มานั่งฟังความรู้กับเราจะกลายเป็นกำลังสำคัญของประเทศ เพราะเราจะพัฒนาตัวเองจากบุคคลธรรมดา  เป็นพลเมืองที่เป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป  เราจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ 

และยังต้องการแรงใจจากพี่น้องที่อยู่เฉยจำนวนมากมาร่วมกับเรา ณ ที่นี่ ซึ่งเชื่อว่ายังมีคนไทยจำนวนมากที่กำลังกระหายใคร่รู้ ที่จะมาช่วยกอบกู้ชาติบ้านเมือง

    "การชุมนุมของเราไม่ได้หวังให้ทหารเข้ามาทำการปฏิวัติอีก   ผมขอบอกไว้  ณ  ที่นี่ว่า ทหารไม่ต้องอกมาปฏิวัติแล้ว เพราะประชาชนจะเป็นคนออกมาปฏิวัติเอง" นายวีระกล่าว

    นายวีระ กล่าวว่า  ได้ข้อมูลจากผู้ที่เชื่อถือได้  100% ว่านายสมัครไปวิ่งเต้นในศาลอุทธรณ์เมื่อเร็วๆ นี้  เพื่อขอให้ชะลอการอ่านคำพิพากษา ทั้งๆ ที่คำพิพากษาได้เขียนเสร็จแล้ว โดยบุคคลที่ให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้  ซึ่งหากบอกก็จะรู้ทันทีว่าเป็นใคร แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการใส่ร้ายป้ายสี
    "ถ้าอยากยืนยันเรื่องนี้ก็ให้ถามนายสมัครเอง   หรือไม่ก็ไปถามอธิบดีศาลอุทธรณ์ว่าที่มีข่าวอย่างนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ จะได้รู้ว่าใครโกหก" นายวีระกล่าว

    เขากล่าวอีกว่า   การดำเนินการต่อไปนั้นคงต้องดูก่อน  และไม่สามารถบอกอะไรได้มากเดี๋ยวเขาจะรู้ทาง   ต้องปล่อยให้เรื่องนี้เป็นไปตามธรรมชาติ   และในฐานะเป็นนักกฎหมาย  ก็ชอบที่จะให้คนร้ายทำผิดซ้ำซาก จะได้นำไปอ้างต่อศาลได้ว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะใส่ร้ายแต่อย่างใด

    เมื่อถามว่าใช้อะไรในการวิ่งเต้นครั้งนี้ มีการจ่ายเงินหรือไม่ นายวีระปฏิเสธว่าไม่ทราบ

    สำหรับคดีดังกล่าว  เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2549 ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายสามารถ  เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมัคร  สุนทรเวช  อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  และนายดุสิต  ศิริวรรณ ผู้ดำเนินรายการ "เช้าวันนี้...ที่เมืองไทย" ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก  ช่อง 5 ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
    โดยนายสามารถฟ้องเมื่อวันที่  2 ก.พ.49 โดยระบุว่า ระหว่างวันที่ 1-19 ม.ค.49 จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดรายการ  "เช้าวันนี้...ที่เมืองไทย"  โดยจำเลยที่ 2 กล่าวระหว่างดำเนินรายการว่า "มีผู้บริหารกรุงเทพมหานครบางคนออกรถบีเอ็มฯ ซีรีส์ 7 ใช้ชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ  ที่แท้มีผู้รับเหมาซื้อให้" และจำเลยที่ 1 กล่าวว่า "เอาเงินผู้รับเหมามา ทุเรศ"

ต่อมาจำเลยทั้งสองยังได้พูดซ้ำข้อความดังกล่าวอีกในระหว่างดำเนินรายการ  "สมัคร-ดุสิต  คิดตามวัน" ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่อง 9 อสมท
    นอกจากนี้  เมื่อวันที่ 13 ม.ค.49 ระหว่างดำเนินรายการ "เช้าวันนี้...ที่เมืองไทย" จำเลยที่  2 กล่าวด้วยว่า "โครงการประมูลของ กทม.10 โครงการ มันกินกัน 12-13% เกือบ 3,000 ล้านบาท อย่างนี้น่าเป็นห่วงพรรคประชาธิปัตย์" ขณะที่จำเลยที่ 1 กล่าวต่อว่า "เอาเงินมาซื้อบีเอ็มฯ  คันละ  8  ล้านบาท"  และในวันที่ 17 ม.ค.49 จำเลยที่ 2 ยังกล่าวด้วยว่า "ขออ่านจากข่าวนะ   นายสามารถชี้แจงว่าไม่เคยสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาล็อกสเปก   ขอถามคุณสมัครหน่อยว่าใครจะกล้ารับว่าตัวเองเป็นคนสั่ง"

    โดยหลังจากศาลพิเคราะห์คำเบิกความของพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยแล้ว ก็ได้พิพากษาว่า  จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง  ประกอบกับก่อนหน้านี้จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วและอยู่ระหว่างรอลงอาญา แต่จำเลยไม่ได้ประพฤติตนให้ดีขึ้น  กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก  จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้ง  2 เป็นเวลา  24 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และให้ทั้ง 2 คนลงแก้ข่าวในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ ฉบับละ 3 วันด้วย  ซึ่งจำเลยทั้งสองอยู่ระหว่างยื่นหลักทรัพย์คนละ  2  แสนบาทเพื่อขอประกันตัวต่อศาล และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อไป

[หมัก ไม่ใช่คน]

    โพลล์ชี้ชาวบ้านหนุนพันธมิตรฯ

    วันเดียวกัน นายนพดล  กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ฐานสนับสนุนของสาธารณชนต่อท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ  เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองทัพ  และรัฐบาล ว่าคนในกรุงเทพฯ กว่าร้อยละ 46.5 และคนต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 46.2 สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่ต้องไม่ทำให้สังคมวุ่นวายและประชาชนเดือดร้อน มีคนกรุงเทพฯ เพียงร้อยละ  7.6 และคนต่างจังหวัดร้อยละ 9.4 ไม่สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ "ตัวเลขผลสำรวจออกมาเช่นนี้มองได้อย่างน้อยสองด้าน คือ ถ้าพันธมิตรฯ สามารถควบคุมให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย  ก็จะได้ฐานสนับสนุนมากเลยทีเดียว แต่ถ้าเพลี่ยงพล้ำทำให้สังคมวุ่นวาย ประชาชนเดือดร้อน ก็จะทำให้สูญเสียฐานสนับสนุนไป จนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้านฐานสนับสนุนจากสาธารณชน   ในอีกด้านหนึ่งถ้าพันธมิตรฯ  สามารถชุมนุมไปด้วยความสงบเรียบร้อย ก็จะมีฐานสนับสนุนจากสาธารณชนมากกว่ากลุ่มต่อต้านการชุมนุม" นายนพดลกล่าว

    โพลล์เอแบค ยังระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 อยากพูดกับแกนนำพันธมิตรฯ

ว่าควรชุมนุมในที่ที่เหมาะสมเพื่อไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และควรทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ช่วยเหลือชุมชนรอบข้าง เช่น อำนวยความสะดวกจราจร, เสริมอาชีพรายได้ให้ประชาชน, ทำความสะอาดชุมชน, เก็บขยะ, เก็บกวาด, แก้ปัญหาชุมชน เป็นต้น

    เมื่อสอบถามถึงว่า  ในอดีตที่ผ่านมาเคยคิดสนับสนุนพันธมิตรฯ หรือไม่ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ  62.2  ในกรุงเทพมหานคร และร้อยละ 67.5 ในต่างจังหวัด ระบุไม่เคยคิด ในขณะที่ร้อยละ 37.8 ในกรุงเทพมหานคร และร้อยละ 32.5 ในต่างจังหวัด ระบุเคยคิด

    นายนพดล กล่าวว่า  สำหรับสิ่งที่ประชาชนอยากให้ตำรวจดำเนินการต่อพันธมิตรฯ มากที่สุด คือ 

ขอให้ตำรวจดูแลการชุมนุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย  หลีกเลี่ยงการปะทะ และให้เจรจาต่อรองด้วยสันติวิธี  ที่น่าพิจารณาคือ  ประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ  61.0  เห็นด้วยกับท่าทีของกองทัพ (ทหาร) ที่ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ
    นายนพดล  กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าถ้าทุกอย่างดำเนินเช่นนี้ต่อไป คือพันธมิตรฯ  ชุมนุมในที่ที่เหมาะสมอย่างสงบเรียบร้อย   หรือยอมหยุดพักชั่วคราว  เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลการชุมนุมไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวาย   

กองทัพมีท่าทีชัดเจนในการส่งเสริมการปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม    และรัฐบาลไม่มีท่าทียั่วยุ   ไม่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาน อยู่ในครรลองคลองธรรม และมุมานะทำงานแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน   ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ   ประเทศไทยจะเข้มแข็ง  เพราะระบบเฝ้าระวังประเทศจากภาคประชาชนที่เข้มแข็ง   ประชาชนจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่โปร่งใสและชอบธรรมมากขึ้น คนไทยอยู่ด้วยกันได้แม้เห็นแตกต่าง และน่าจะผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ไปได้ไม่ยากนัก.

[Cherub Rock]

 
เห็นชื่อ จขกท แล้วดูหมักใน NBT

สงสัยจังใครแต่งหน้าให้มัน

ยิ่งดูยิ่งเหมือนศพขึ้นอืดขึ้นทุกวันๆ
หลอนชะมัด

[เล่าปี๋]

เห็นชื่อ จขกท แล้วดูหมักใน NBT

สงสัยจังใครแต่งหน้าให้มัน

ยิ่งดูยิ่งเหมือนศพขึ้นอืดขึ้นทุกวันๆ
หลอนชะมัด

555 เขาหลอนจนตายขึ้นอืด เลยหรือครับ...
 

              

[irq5]

ใคร capture มาให้บ้าง