ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
26-04-2024, 04:12
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  โล่งใจ เรื่องแก๊งค์มอเตอร์ไซด์ ร่วมชุมนุมที่สนามหลวง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
โล่งใจ เรื่องแก๊งค์มอเตอร์ไซด์ ร่วมชุมนุมที่สนามหลวง  (อ่าน 2804 ครั้ง)
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« เมื่อ: 08-06-2008, 19:29 »

http://www.komchadluek.net/2008/06/08/x_main_a001_206029.php?news_id=206029

อ้างถึง
ผีขนุน2008"สก๊อย"ค้ากามริมถนนรับรายได้งาม
 
ปิดตำนานผีขนุน-ผีมะขามย่านริมคลองหลอด-สนามหลวง เด็กแว้นพาแฟนสาวสก๊อยวัย 14-17 เข้ายึดครองพื้นที่ เป็น"ดอกไม้กลางเมือง"รุ่นใหม่ เบ่งบานต้อนรับหนุ่มออฟฟิศ-เฒ่าหัวงู ขับรถหรูแห่เด็ดดม สนนราคาเริ่มต้น 600 ถึง 1,000 บาท เด็กสาวเปิดใจเพื่อนๆ ชวนกันมาทำ รายได้งามเดือนละหลายหมื่น

สังคมเมืองเสื่อมหนักเมื่อบรรดาเด็กแว้นต่างพาแฟนสาวสก๊อยมาขายตัว เพื่อหาเงินมาเที่ยวเตร่และแต่งรถจักรยานยนต์ซิ่งเล่นเท่านั้น เวลานานกว่า 1 สัปดาห์ที่ "คม ชัด ลึก" ออกสำรวจและเฝ้าสังเกตบริเวณรอบๆ ท้องสนามหลวง ศูนย์รวมของเด็กสก๊อยที่มายืนรอขายบริการ เริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นของทุกๆ วันจะมีกลุ่มเด็กแว้นขี่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่งมีสาวสก๊อยซ้อนท้าย ทยอยมารวมตัวกันรอบๆ สนามหลวง บริเวณ 3 จุดใหญ่ คือ หัวมุมติดสะพานปิ่นเกล้า ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหัวมุมด้านวัดพระแก้ว

 แต่ละจุดจะมีเด็กสก๊อยในชุดคล้ายๆ กัน สวมกางเกงยีนขาสั้นบ้างกางเกงขาสั้นลายดอก เสื้อรัดรูปแขนกุดสีสันฉูดฉาดโชว์เนินเนื้อวัยแตกสาว ทยอยออกมายืนอยู่ริมฟุตปาทกลุ่มละ 5-6 คน โดยกระจายกันอยู่เป็นแนวยาว ยิ่งเวลาผ่านไปเด็กสก๊อยต่างทยอยมาสมทบมากขึ้น ซึ่งช่วงที่มีเด็กสาวมากที่สุดตั้งแต่เที่ยงคืนไปจนถึงตีสอง จำนวนถึง 50-60 คน

 ส่วนเด็กแว้นเองยังคงวนเวียนอยู่บริเวณใกล้เคียง บ้างรวมตัวกันอยู่ฝั่งตรงข้ามสนามหลวงด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หากใครเคยผ่านไปจะสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งจอดเรียงรายอยู่หลายสิบคัน เพื่อคอยเฝ้าดูแลเด็กสาวของพวกตน นานๆ ทีจะเห็นภาพรถจักรยานยนต์กว่า 20-30 คัน แตกฮือออกมาจากสองฝั่งถนนรอบสนามหลวง หมายถึงคนดูต้นทางให้สัญญาณแล้วว่ามีตำรวจสายตรวจขับผ่านมา

 "ฟ้า" เด็กสาววัยเพียง 16 ปี เป็นหนึ่งในสก๊อยที่มาขายบริการ เธอเริ่มอาชีพนี้ครั้งแรกเมื่อ 7 เดือนก่อน โดยการชักชวนของเพื่อนๆ ในกลุ่มเด็กแว้น ฟ้าลังเลอยู่นานพอสมควร เพราะทำใจไม่ได้ที่จะต้องมาขายบริการทางเพศ แต่เนื่องจากไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยและเที่ยวเตร่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ประกอบกับทนคำรบเร้าของแฟนหนุ่มไม่ไหว จึงจำใจมาขายบริการที่ท้องสนามหลวงตามอย่างเพื่อนๆ ในกลุ่ม

 ฟ้าเข้ามาอยู่ในแก๊งรถจักรยานยนต์ซิ่งครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 13 ปี เหมือนเช่นเพื่อนสาวในละแวกบ้าน ทำให้รู้จักเพื่อนผู้ชายหลายคน ตั้งแต่นั้นมาเธอกับเพื่อนๆ ก็กินเที่ยวด้วยกันมาตลอด เมื่อเพื่อนในกลุ่มเริ่มจับคู่เป็นแฟนกัน ทุกครั้งที่ฟ้าเห็นเพื่อนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวยๆ แล้วเกิดความอิจฉา อยากมีอยากเป็นแบบนั้นบ้าง สุดท้ายก็มีแฟนหนุ่มเป็นตัวเป็นตน

 นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในแวดวงเด็กซิ่ง ฟ้าซึมซับวัฒนธรรมในกลุ่มอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเรื่องเซ็กส์ ยาเสพติด และการพนันแข่งรถ โดยมีเด็กสาวเป็นเดิมพัน ฟ้าบอกว่าเรื่องที่คนภายนอกมองเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในกลุ่มเด็กซิ่งแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดา ใครที่กล้าเอาตัวเป็นเดิมพันจะได้รับการยอมรับคนในกลุ่มชนิดว่า เจ๋งที่สุดของแก๊งเลยทีเดียว 

 "การเปลี่ยนคู่นอน แลกคู่นอนในกลุ่มเด็กแว้นถือเป็นเรื่องธรรมดามาก โดยเฉพาะตอนเมายา เงินที่พ่อแม่ให้ไม่พอใช้ ไหนจะเที่ยว ไหนจะแต่งรถ สุดท้ายทนแรงคะยั้นคะยอจากแฟนไม่ไหวก็เลยมาขายบริการที่สนามหลวง ลูกค้าส่วนใหญ่ขับรถดีๆ ทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มออฟฟิศ คนแก่ก็มีบ้าง บางคนก็ต่อราคาบางคนก็ไปเลย" ฟ้าบอกกับ "คม ชัด ลึก"

 เด็กสาวจะเริ่มทำงานตั้งแต่ 2 ทุ่ม ไปจนถึงตีสาม สนนราคาค่าตัว 600-1,000 บาท ไม่แน่นอนตายตัวขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและลูกค้า หากช่วงหัวค่ำยังไม่ค่อยมีเด็กสก๊อยมากนักราคาอาจจะอยู่ที่ 800 บาท หากต้องการให้ทำออรัลเซ็กส์ด้วยต้องจ่ายเพิ่ม 200 บาท พอเริ่มดึกขึ้นมานิดเด็กเริ่มทยอยกันมาราคาก็อาจลดลงมาที่ 600 บาท หรือถ้าวันไหนไม่มีลูกค้าเลยก็อาจจะเหลือแค่ 400 บาทเท่านั้น ในจำนวนนี้ไม่รวมค่าโรงแรมหลังกระทรวงมหาดไทยหรือฝั่งธน อีก 200-450 บาท หากไม่ใช่โรงแรมที่ระบุไว้ก็จะไม่ให้บริการ

 คืนหนึ่งๆ ฟ้าจะรับแขกแค่ 3 คน มีรายได้ตกคืนละ 2,000 บาท หากทำทุกวันเดือนหนึ่งจะมีรายได้ถึง 6 หมื่นบาท แต่ฟ้าไม่ได้ทำทุกวัน จะเลือกเฉพาะคืนที่มีลูกค้าเยอะๆ ช่วงวันศุกร์-เสาร์ หรือช่วงวันที่ 15 และ 30 ของเดือน ซึ่งเป็นวันเงินเดือนออก หรือหากเงินหมดก่อนถึงจะกลับมาทำอีก สำหรับเงินที่ได้ก็จะหมดไปกับค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ค่าเที่ยว และที่สำคัญคือค่าแต่งรถของแฟนหนุ่ม

 ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่นั้น จากการเฝ้าสังเกตจะพบว่าเป็นกลุ่มคนมีฐานะ ขับรถหรูราคาแพงมาจอดเจรจากับเด็กสาวเหล่านี้ไม่ขาดสาย ตั้งแต่หัวค่ำไปจนเกือบรุ่งสาง เมื่อตกลงกันได้แล้วเขาและเธอก็จะขับรถตรงไปยังโรงแรม โดยมีแฟนหนุ่มขี่รถจักรยานยนต์ตามไปรอรับกลับมาขายบริการต่อ ขณะเดียวกันก็คอยดูแลความปลอดภัยหรือป้องกันการถูกเบี้ยวค่าตัว

 การเข้ามาของเด็กสก๊อยรอบสนามหลวงส่งผลให้หญิงขายบริการที่มีอายุมากแล้ว ที่ยึดสถานที่แห่งนี้เป็นหัวหาดทำกินมานานต้องขยับขยายไปทำมาหากินอยู่หลังคลองหลอดแทน เนื่องจากสู้ความสวยและสดไม่ไหว ขณะเดียวกันก็จำต้องลดค่าตัวเหลือเพียง 300 บาท ซึ่ง "ใหญ่" เป็นหนึ่งในนั้น เธอถูกเด็กสก๊อยเรียกชนิดค่อนขอดว่า "ป้าใหญ่" แม้จะมีวัยแค่ 38 ปีเท่านั้น

 "ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีลูกค้ามาเรียกใช้บริการเลย เพราะเด็กรุ่นใหม่มาแย่งที่หมด ฉันและเพื่อนๆ เคยไปยืนอยู่ที่สนามหลวงก็ถูกกลุ่มเด็กแว้นไล่ทำร้ายหรือไม่ก็แกล้งแจ้งตำรวจมาจับ หนักๆ เข้าหญิงสาวที่อายุมากกว่า 30 ปีอย่างฉันก็จำต้องถอยออกมาจากสนามหลวง" ใหญ่กล่าว

 พ.ต.ต.สวัสดิ์ ภักดี สว.งานสืบสวนตรวจตราและควบคุม (ชป.2) ศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี ยอมรับว่า มีเด็กสาววัย 14-17 ปี มายืนขายบริการทางเพศที่สนามหลวงจริง โดยมาจากพื้นที่เสื่อมโทรมหลายแห่งทั้งย่านฝั่งธน และพระประแดง จากข้อมูลที่มีเด็กสก๊อยเหล่านี้จะมีทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ ที่เลวร้ายที่สุดคือบางคนทำแลกกับยาเสพติด เงินที่ได้มาก็เอาไปใช้จ่ายร่วมกับแฟน บางรายก็จ้างมาเพื่อรับส่ง เรื่องนี้เป็นปัญหาเร่งด่วนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไข เพราะเข้าขั้นวิกฤติแล้ว ลำพังตำรวจคงแก้ไม่ได้ เนื่องจากจับกุมไม่ไหว เพราะรายได้ที่เด็กสาวได้รับมากกว่าค่าปรับเยอะ

 "ถึงเวลาที่เราต้องปรับการทำงาน การตามจับกุมคงเสียเวลาเปล่า ค่าปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ขายบริการวันหนึ่งๆ ได้มากกว่า 2,000 บาท เดือนหนึ่งรับไปหลายหมื่น" พ.ต.ต.สวัสดิ์กล่าว

 ด้าน นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขามูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า สังคมไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ ปัจจัยเรื่องเงินมีผลมากกว่าจิตใจ ทำให้หนุ่มๆ ยอมให้แฟนตัวเองถูกละเมิดเพื่อแลกกับเงิน ซึ่งไม่เคยมียุคไหนเลวร้ายเท่านี้อีกแล้ว วัยรุ่นไม่รู้สึกหวงแหนคนรัก เป็นเรื่องน่ากลัวมาก กลับกันฝ่ายหญิง ก็ไม่แคร์ที่ตัวเองตกเป็นเหยื่อ เชื่อว่าครั้งแรกเด็กสาวอาจจะกลัวและไม่กล้า แต่พอตัดสินใจทำแล้วเห็นว่าเงินได้มาง่ายก็เลยกลายเป็นความเคยชิน

 พร้อมกันนี้ นายมนตรีได้เสนอแนวทางแก้ไข 3 ด้าน คือ ครอบครัวอย่าให้ลูกอยู่ไกลตัว ดูแลและให้ความอบอุ่นเพียงพอ เรื่องต่อมาคือระบบการศึกษา เพราะปัจจุบันการศึกษาของไทยอยู่ในขั้นล้มเหลว อย่าให้เด็กหลงใหลกับบริโภคนิยม เห็นเงินเป็นพระเจ้า โดยส่วนตัวมั่นใจว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่ใช่เด็กเร่ร่อน มีครอบครัวที่อยู่ชัดเจน เพราะสามารถซื้อรถจักรยานยนต์ได้ สุดท้ายคือนโยบายพัฒนาประเทศ คนกำหนดนโยบายต้องการอะไรมากกว่ากัน ระหว่างความมั่งคั่งหรือความอบอุ่นในสถาบันครอบครัวและชุมชน

 ขณะที่นางญาณี เลิศไกล ผอ.สำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ปัญหานี้มีมานานแล้ว พม.ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจพื้นที่และบ้านเกร็ดตระการอย่างต่อเนื่อง เรามีหน้าที่คุ้มครองเด็ก ภายหลังจากตำรวจควบคุมตัวเด็กที่ขายบริการแล้ว

 "ปกติที่สนามหลวงจะมีหญิงมาขายบริการอยู่นานแล้วเราทราบดี ก็พยายามเอาไฟไปติดให้สว่าง หวังจะปรามคนกลุ่มนี้ แต่บังเอิญว่าช่วงนี้มีกลุ่มเด็กแว้นและเด็กสก๊อยเข้าไปมากกว่าแต่ก่อน เลยเป็นอย่างที่เห็น ทุกวันมีการส่งตัวเด็กเข้าไปบ้านเกร็ดตระการ และเรียกผู้ปกครองมารับรู้รับทราบอยู่แล้ว" นางญาณีกล่าว

 นอกจากนี้ "คม ชัด ลึก" ยังออกสำรวจตามแหล่งอันเป็นที่รู้จักของคนเมืองว่ามีการขายบริการอีกหลายแห่ง เช่น หลังคลองหลอด แต่เดิมมีเพียงสาวประเภทสองขายบริการให้แก่แรงงานรายได้น้อย แต่ปัจจุบันมีหญิงสาวอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ที่ถูกแย่งพื้นที่ทำกินย่านสนามหลวงมาจับจองพื้นที่อยู่บริเวณนี้ ราคาค่าบริการอยู่ที่ 300 บาท ส่วนสาวประเภทสองจะอยู่ที่ 150-200 บาท โดยจะไปจบลงที่โรงแรมละแวกนั้น

 บริเวณหน้ากระทรวงกลาโหมไปจนถึงหลังกระทรวงจะมีกลุ่มเกย์กว่า 50 คน วัยตั้งแต่ 15-30 ปี รูปร่างกำยำล่ำสันมายืนรอขายบริการให้แก่สาวแก่แม่ม่ายและบรรดาชายรักชายทั้งหลาย สนนราคาค่อนข้างแพง 500-1,000 บาท โดยใช้โรงแรมหน้ากรุงเทพมหานครเป็นที่ให้บริการ

 ขณะที่ หาบส้มตำหน้าหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพงยังคงคึกคักและคราคร่ำไปด้วยแม่ค้าหน้าตาจิ้มลิ้ม พอกแป้งหน้าเตอะ ทาปากสีสด ในชุดเสื้อผ้ารัดรูปไฉไลกว่าแม่ค้าส้มตำทั่วไป มีอยู่กว่า 30 หาบ เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักเที่ยวว่าพวกเธอมีอาชีพแฝงอะไร ราคาค่าส้มตำแต่ละครกแพงหูฉี่ 750-850 บาท แต่สำหรับบริการอย่างว่าแล้วก็ยังนับว่าถูกกว่าอีกหลายแห่ง หากหาบไหนว่างก็จะมีแม่ค้ารายใหม่สลับสับเปลี่ยนเข้าไปนั่งหน้าแป้นแล้นแทนที่ทันที

 ถัดมาบริเวณสวนลุมพินีแหล่งที่นักท่องราตรีรู้จักมักคุ้นกันดี ด้วยมีเด็กสาวรุ่นๆ ไปจนถึงสาวสะพรั่งมากหน้าหลายตามายืนขายบริการไม่ซ้ำหน้ากว่า 100 คน ตั้งแต่ด้านถนนพระราม 4 ไปจนถึงหลังสวน ราคา 600-1,000 บาท ที่นี่มีลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงคนมีฐานะมาใช้บริการ ปัจจุบันหญิงสาวเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเอเย่นต์คอยดูแล โดยเรียกเก็บค่าหัวคิวจากพวกเธอหลังจากขับรถไปรับที่โรงแรมในซอยสวนพลู

 ทว่าที่ไหนก็ดูเหมือนจะสู้หลังโรงแรมสยามเดิม ถนนรอคัลโรด ไม่ได้ ด้วยมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยผิวพรรณดีมายืนรอเรียงรายอยู่แน่นขนัด หากขับรถผ่านพานให้คิดว่ามีการปิดถนนชุมนุมประท้วงกันเลยทีเดียว หญิงสาวที่นี่ส่วนใหญ่มีงานประจำอยู่ตามสถานอาบ อบ นวด หรือคาราโอเกะจากทุกสารทิศใน กทม.เมื่อเลิกงานประจำก็จะทยอยมาอยู่กันที่นี่ สนนราคามีหลากหลายตามรูปร่างหน้าตา ตั้งแต่ 1,500 ไปจนถึง 2,000 บาท ยังไม่รวมค่าโรงแรมอีก 400-500 บาท

 เมื่อพูดถึงแหล่งขายบริการจะไม่พูดถึงตำนานอย่างวงเวียน 22 ก็กระไรอยู่ ด้วยเป็นที่รู้จักและแหล่งทำกินของหญิงสาวหลากหลายวัยมาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาวสูงวัยเมื่อเทียบกับ 3 แห่งข้างต้น "ป้าใหญ่ คลองหลอด" อาจจะดูสาวสะพรั่งขึ้นมาถนัดตาเมื่อมาที่นี่ ด้วยหญิงสาวส่วนใหญ่วัยกว่า 40 ปีแทบทั้งสิ้น ยืนหลบอยู่ตามซอกตึก ราคา 200-300 บาท ส่วนสาวรุ่นขึ้นมาหน่อยก็จะยืนอยู่หน้าโรงแรมแสงฟ้า ราคาค่าบริการจะอยู่ที่ 600 บาท บวกค่าโรงแรมอีก 200 บาท สุดท้ายคือที่วงเวียนใหญ่ ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เมื่อมีเด็กวัยรุ่นสาวๆ มายืนขายบริการอยู่ไม่น้อย สนนราคาอยู่ที่ 600 บาท ไม่นับรวมค่าโรงแรม

ใจหายหมดค่ะ ได้ยินมาว่ามีแก๊งค์มอร์เตอร์ไซด์ เข้าร่วมชุมนุมกับแนวร่วมเป็ดไก่รับจ้างนายใหญ่ป่วนชาติ เป็นจำนวนมาก และอาจจะมาถล่มการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 

เมื่อได้เห็นรายงานข่าวนี้แล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะความจริงเด็กแว๊นซ์เหล่านั้น เขาไปทำมาหากินอยู่แถวนั้น และปกติต้องหนีตำรวจกันจ้าละหวั่น เมื่อสายตรวจผ่านมา 

แต่เมื่อแนวร่วมเป็ดไก่รับจ้างนายใหญ่ป่วนชาติ ไปบ้ากันอยู่แถวนั้น  เด็กแว๊นซ์เหล่านี้ เลยถือโอกาศสวมรอยเข้าชุมนุม แล้วก็ทำมาหากินกันไปได้ตามปกติ โดยตำรวจไม่รบกวน  ก็อาศัยการชุมนุมของพวกรับจ้างเป็นฉากกำบังนั่นเอง เพราะพวกเขาให้สัมภาษณ์ข่าวช่องหนึ่งแล้วว่า มาฟังด้วยใจ ไม่ได้รับจ้างมา (และกวาดสายตาคอยดูว่า สาวสก๊อยซ์ของเขา โดนเกี่ยวไปหรือยัง  )

ส่วนแนวร่วมเป็ดไก่รับจ้างนายใหญ่ป่วนชาติ ก็ถือโอกาศอ้างว่ามีกลุ่มมอร์เตอร์ไซด์เข้าร่วมชุมนุมด้วย อาศัยอ้างไปอย่างนั้น เพราะตามปกติ ถ้าไม่ถึงเวลากลุ่มแว๊นซ์อกมาหากิน ก็มีแต่นกพิลาปแถวนั้นที่มันบินมาฟัง 

โล่งใจ โล่งใจ 
บันทึกการเข้า
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #1 เมื่อ: 08-06-2008, 19:43 »

พวกที่ใช้บริการนี่มันเข้าข่ายพรากผู้เยาว์นี่นา คดีอาญา ทำไมไม่มีใครไปจับ
บันทึกการเข้า
justy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,250



« ตอบ #2 เมื่อ: 08-06-2008, 20:07 »

คุณเติมเงินทั้งหลายเข้ามากระทู้นี้เปล่า (จานจ๊ะ น้าแก๊สฯ น้าเภกฯ บักหมู หิมะเน่า ฯลฯ)

ขอวีดีโอ..แฉ ASTV ทางช่อง เพ็ญทีวี หน่อยสิค่ะ อยากดู หรือใครมีช่วยเอามาให้โหลดหน่อย

บันทึกการเข้า

พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #3 เมื่อ: 08-06-2008, 21:22 »

ระบอบทุนนิยมสามานย์ ไม่เคยปราณีผู้ใด วัยรุ่นไทยกลุ่มนี้ต้องตกเป็นทาสของมันอย่างไม่รู้ตัว
ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มีค่าไม่ต่างไปกว่าสัตว์เดียรฉาน ขายร่างกาย ขายจิตวิญญาณได้ทุกอย่างเพื่อเงิน
   แต่พวกที่เลวกว่านั้นคือนักการเมืองระ-ยำ และบรรดาขี้ข้าลิ่วล้อในระบบทักษิณทุกตัวนั่นแหละครับท่านผู้ชม....เอิ้กกกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #4 เมื่อ: 08-06-2008, 21:48 »

ระบอบทุนนิยมสามานย์ ไม่เคยปราณีผู้ใด วัยรุ่นไทยกลุ่มนี้ต้องตกเป็นทาสของมันอย่างไม่รู้ตัว
ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มีค่าไม่ต่างไปกว่าสัตว์เดียรฉาน ขายร่างกาย ขายจิตวิญญาณได้ทุกอย่างเพื่อเงิน


เอาสมองที่หมดสภาพมาคิดเหรอนั่น ว่าการขายตัวเป็นผลมาจากระบอบทุนนิยม กินหญ้ามากไปหรือเปล่า

   “มาตราหนึ่ง ชายใดสู่ขอเอาหญิงคนขับคนรำเที่ยวขอทานเลี้ยงชีวิต แลหญิงนครโสเภณีมาเลี้ยงเป็นเมีย ทำชั่วเหนือผัวก็ดี…ผู้รู้ด้วยประการใด ๆ พิจารณาเป็นสัจไซ้ ท่านให้ผจานหญิงชายนั้นด้วยไถนา ส่วนหญิงอันร้ายให้เอาเฉลวปะหน้าทัดดอกฉบาทั้งสองหู ร้อยดอกกบาลเป็นมาไลยใส่ศีศะ ใส่คอ แล้วให้เอาหญิงนั้นเข้าเทียมแอกข้างหนึ่ง ชายชู้เข้าเทียมแอกข้างหนึ่ง ผจานด้วยไถนาสามวัน ถ้าแลชายผัวมันยังรักเมียมันอยู่มิให้ผจานไซ้ ท่านให้เอาชายผู้ผัวนั้นเข้าเทียมแอกข้างหนึ่ง หญิงอยู่ข้างหนึ่ง อย่าให้ปรับไหมชายชู้นั้นเลย”

       นี่คือบางตอนจากกฎหมายสมัยพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาที่ทรงตราไว้เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๔ ที่กล่าวถึงนครโสเภณีไว้ ถือเป็นเอกสารหลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่มีอยู่ แสดงให้เห็นว่าหญิงนครโสเภณีได้มีมาแล้วอย่างน้อยก็ในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา คือเมื่อ ๖๒๘ ปีที่ผ่านมา ตามความเป็นจริงของสังคมไทยนั้น โสเภณีอาจมีมาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้ เพียงแต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด

       และต่อมา จากคำให้การของขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวงได้กล่าวถึงหญิงนครโสเภณีสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ก่อนกรุงแตกเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ มีว่า

       “…มีตลาดบนบกนอกกำแพงพระนครตามชานพระนครบ้าง ตามฝั่งฟากกรุงบ้าง ติดแต่ในรอบบริเวณขนอนใหญ่ทั้ง ๔ ทิศ รอบกรุงเข้ามาจนฟากฝั่งแม่น้ำตามกรุง แลชานกำแพงกรุงนั้นด้วยรวมเป็น ๓๐ ตลาดคือ…ตลาดบ้านจีนปากคลองขุนละครไชย มีหญิงนครโสเภณีตั้งโรงอยู่ท้ายตลาด ๔ โรงรับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ ตลาดนี้เป็นตลาดใหญ่ใกล้ทางเรือแลทางบก มีตึกกว้างร้านจีนมาก ขายของจีนมากกว่าของไทย มีศาลเจ้าจีนศาลหนึ่งอยู่ท้ายตลาด ๑“

       เนื่องจากตลาดบ้านจีนเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของคนจีน จึงสันนิษฐานว่า นอกจากหญิงนครโสเภณีที่เป็นคนไทยแล้ว คงจะมีหญิงโสเภณีคนจีนด้วย

       ยุครัตนโกสินทร์ ปลายรัชกาลที่ ๕ มีการตราพระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรค รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๗ (พ.ศ.๒๔๕๑) ตอนหนึ่งมีความว่า “ต้องมีโคมแขวนไว้หน้าโรงเป็นเครื่องหมาย…” ทั้งนี้ไม่ได้บังคับว่าจะต้องเป็นโคมสีอะไร แต่สันนิษฐานว่าที่ใช้โคมสีเขียวคงเป็นในทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ คือทำโคมใช้กระจกสีเขียวเป็นตัวอย่าง โคมดังกล่าวจึงเป็นสีเขียวเหมือนกันหมด กฎหมายฉบับนี้ จัดเป็นฉบับแรกที่ตราใช้บังคับหญิงนครโสเภณีให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ดังเหตุผลที่ตรากฎหมายฉบับนี้มีความตอนหนึ่งว่า

       “ทุกวันนี้หญิงบางจำพวกประพฤติตนอย่างที่เรียกว่าหญิงนครโสเภณี มีหัวหน้ารวบรวมกันตั้งเงินโรงหาเงินขึ้นหลายตำบล แต่ก่อนมาการตั้งโรงนครโสเภณี นายโรงช่วยไถ่หญิงมาเป็นทาส รับตั๋วจากเจ้าภาษี แล้วตั้งเป็นโรงขึ้น ครั้นต่อมา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลิกทาสเสียแล้ว หญิงบางจำพวกที่สมัครเข้าเป็นหญิงนครโสเภณี ก็รับตั๋วจากเจ้าภาษี แล้วมีหัวหน้ารวบรวมกันตั้งขึ้นในท้องที่โรงอันควรบ้างมิควรบ้าง กระทำให้มีเหตุเกิดการวิวาทขึ้นเนือง ๆ อีกประกรหนึ่ง หญิงบางคนป่วยเป็นโรค ซึ่งอาจจะติดต่อเนื่องไปถึงผู้ชายที่คบหาสมาคมได้ ก็มิได้มีแพทย์ตรวจตรารักษา โรคร้ายนั้นอาจจะติดเนื่องกันไปจนเป็นอันตรายแก่ร่างกายและชีวิตมนุษย์เป็นอันมาก”

       กฎหมายฉบับนี้ได้บัญญัติไว้ว่า ผู้ที่จะเป็นนายโรงหญิงนครโสเภณีได้ ต้องเป็นผู้หญิงและต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน นางโรงต้องมีบัญชีหญิงนครโสเภณีที่มีอยู่ประจำแลที่เข้ามาอยู่ใหม่ ห้ามนายโรงรับหญิงนครโสเภณีที่ไม่มีใบอนุญาต ห้ามนายโรงรับเด็กหญิงที่มีอายุต่ำกว่า ๑๕ ปีมาไว้ในโรง ห้ามนายโรงกักขังและทำสัญญาผูกมัดหญิงนครโสเภณี ตลอดจนห้ามไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดบังคับหรือล่อลวงผู้หญิงผู้ใดที่ไม่สมัครใจเป็นหญิงนครโสเภณี

       ชาวบ้านเรียกโรงหญิงนครโสเภณีในสมัยนั้นว่า “โรงโคมเขียว” และเรียกหญิงนครโสเภณีว่า “หญิงโคมเขียว” ตามลักษณะโคมที่แขวน

ย่านโคมเขียวชื่อดังของวันวาน
       สำเพ็งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวจีนมาแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากเป็นย่านการค้าแล้วยังเป็นย่านของโสเภณีด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีคำด่าหญิงโสเภณีหรือหญิงที่ประพฤติตัวไม่ดีว่า “อีสำเพ็ง” ส่วนคนจีนจะเรียกหญิงโสเภณีที่เป็นคนจีนว่า “หยำฉ่า” คำเรียกนี้ แม้ปัจจุบันจะได้พัฒนามาใช้คำอื่นแทนแล้วก็ตาม เช่น ออหรี่ ช็อกการี อีตัว ผู้หญิงหาเงิน ผู้หญิงขายตัว ผู้หญิงอาชีพพิเศษ คุณโส ฯลฯ แล้วแต่จะสารพัดสรรกันมาเรียก แต่คำว่าหญิงหยำฉ่า หรือแม่สำเพ็งก็ยังเป็นที่รับรู้ในความหมายของคนยุคนี้เป็นอันดี

       โรงหญิงนครโสเภณีสมัยรัชกาลที่ ๔ ถึงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีทั่วไปแทบทุกตรอกซอกซอย แต่ที่มีนักเที่ยวไปใช้บริการกันคับคั่งคือที่ ตรอกเต๊า โรงยายแฟง โรงแม่กลีบ โรงแม่เต้า ยายแฟงเป็นแม่เล้าใจบุญ ได้นำเงินไปสร้างวัดใหม่ขึ้นวัดหนึ่งที่ตรอกวัดโคก ชาวบ้านเรียก วัดใหม่ยายแฟง หรือ วัดคณิกาผล ส่วนแม่กลีบได้สร้างวัดที่ปากตรอกเต๊า เรียก วัดกันมาตุยาราม

กาญจนาคพันธ์ได้เล่าถึงผู้หญิงโคมเขียวที่ตรอกเต๊าไว้ดังนี้
       “ในตรอกเต๊านี้ เป็นห้องแถวยาวติดต่อกันไปตลอดตรอก ทุกห้องแขวนโคมเขียวไว้หน้าห้องเป็นแถว และเวลาก่อนค่ำ จะเห็นพวกโสเภณีเขาจุดรูปราวกำมือหนึ่ง (ราวสัก ๒๐ ดอก) มาลนที่ใต้โคมเขียวหน้าห้อง ข้าพเจ้าเคยถามเขาว่าลนทำไม เขาบอกว่าลนให้มีแขกเข้ามามาก ๆ พวกนี้ราคาอยู่ใน ๖ สลึงหรือสองบาท ส่วนที่ตึกใหญ่ตรงกันข้ามกับตรอกนี้ก็มีอาชีพเช่นเดียวกัน แต่เขาแขวนโคมเขียวไว้ให้ลับเข้าไปมองไม่เห็น นอกจากคนเคยแล้วก็รู้จักมีนามว่า “ยี่สุ่นเหลือง” เป็นชั้นสูงหน่อย ไม่จุ้นจ้านเหมือนพวกตรอกเต๊า ราคาราว ๓ บาทถึง ๕ บาท ข้าพเจ้าเคยเข้าไปหลายครั้ง ออกจะสภาพเรียบร้อยดี ห้องแต่ละห้องในตึกก็ตกแต่งดี แปลว่ารับแขกชั้นสูง ไม่สัพเพเหระเหมือนตรอกเต๊า”

       นอกจากแถวตรอกเต๊า ยังมีย่านสำเพ็ง ตรอกสัวเนียม ตรอกเว็จขี้หรือตรอกอาจม มีแม่ทิมเป็นเอเย่นต์ใหญ่ ตรอกโรงโคมมีแม่อิ่มขาวเป็นเจ้าลือชื่อ หลังวัดสามจีนมีโรงแม่สุดเป็นโรงเด่น ตรอกโพธิ์ ตรอกญวน มีโสเภณีชาวญวนแบะเขมรทั้งตรอก หน้าโรงหวยมี “อีไบ้” เป็นดารายอดนิยม สะพานเหล็ก หลังลหุ สะพานถ่าน ถนนดินสอ ตรอกหม้อ วรจักร วงเวียน ๒๒ กรกฎา ตรอกแขก ถนนรองเมือง สี่แยกมหานาค โบ๊เบ๊ สะพานขาว นางเลิ้ง บางลำพู นอกจากนี้ ยังมีหญิงโสเภณีตามโฮเต็ลต่าง ๆ ไม่ผิดกับสมัยนี้ โดยเฉพาะตามโฮเต็ลใหญ่ละแวกสี่พระยาและสุรวง มีทั้งโสเภณีจีน ฝรั่ง และญี่ปุ่นชั้นสูง

       จากสถิติเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๖ ของกรมสุขาภิบาล กระทรวงมหาดไทย พบว่าผู้ชายในพระนครเป็นกามโรคกันถึงร้อยละ ๗๕ เปอร์เซ็นต์ เพราะสมัยนั้นยังไม่มียารักษา ใครเป็นต้องกินยาไทยต้มเป็นหม้อ ๆ หายก็มี เรื้อรังก็มาก

       ค่าจ้างกระทำชำเราชายในยุคเมื่อ ๖๐ - ๗๐ กว่าปีมาแล้ว ราคาชั่วคราวคือครั้งเดียวคิดเพียง ๒ สลึง แต่ถ้าเป็นชั้นสูง รูปร่างหน้าตาดี บริการที่ดี ห้องและที่นอนสะอาดสะอ้าน ราคาประมาณ ๑ บาท ถ้าเป็นหญิงญี่ปุ่นหรือฝรั่ง ราคาแพงขึ้นมาหน่อย ครั้งละ ๒ บาท เหมาตลอดคืน ๔ บาท ยุคนั้นราคาข้าวสารถังละ ๒ สลึงถึง ๑ บาท

http://www.tuneingarden.com/work/b-04sn08.shtml




บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #5 เมื่อ: 08-06-2008, 21:54 »

หวัดดี แถ   วันนี้ไม่พาแฟนซ้อนท้ายไปหนามหลวงเหรอ   
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #6 เมื่อ: 08-06-2008, 21:59 »

หวัดดี แถ   วันนี้ไม่พาแฟนซ้อนท้ายไปหนามหลวงเหรอ   

กลัวพรรคพวกหลงไปฟังเวทีสนามหลวงเหรอ ปกติอยู่มะขามต้นไหนล่ะ จะได้ให้ลุงแถวบ้านไปรับ
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #7 เมื่อ: 08-06-2008, 22:18 »

กลัวพรรคพวกหลงไปฟังเวทีสนามหลวงเหรอ ปกติอยู่มะขามต้นไหนล่ะ จะได้ให้ลุงแถวบ้านไปรับ

นั่งเล่นเนตอยู่เนี่ย ไปก็ไปแถวมัฆวาน ไม่ต้องไปเยี่ยมหรอก  ไงล่ะ พักนี้แฟนแถรายได้ดีไหม คงแต่งรถเลิศไปเลยสินะ 

แหม ถ้าไม่มีข่าวนี้ พรรณก็ไม่รู้ฟามจริงนะเนี่ย
บันทึกการเข้า
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #8 เมื่อ: 08-06-2008, 22:18 »

โสเภณีทั่วไป ขายเพียงร่างกาย หรือเจาะจงกว่านั้น ก็คือขายบริการทางกาย ขายสิทธิในการกระทำทางร่างกายเป็นครั้งๆ ไป ... ยังถือว่ามีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ จิตใจและความคิดไม่จำเป็นต้องไปเป็นทาสใคร

แต่พวกโสเภณีการเมือง ยอมขายได้แม้แต่วิญญาณของตัวเอง เพื่อแลกกับเงินสกปรก และการถูกคนทั้งชาติสาปแช่งไปชั่วกาลนาน

ดูไปแล้วช่างน่าสมเพชกว่าผีขนุนเป็นไหนๆ

บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 08-06-2008, 22:58 »

เอาสมองที่หมดสภาพมาคิดเหรอนั่น ว่าการขายตัวเป็นผลมาจากระบอบทุนนิยม กินหญ้ามากไปหรือเปล่า
..............................................................................................................................
http://www.tuneingarden.com/work/b-04sn08.shtml[/color]



ผู้ใช้นามแฝง'อยากประหยัดฯ' แถไถล เบี่ยงเบนไปถึงพระเจ้าอู่ทอง กรุงศรีอยุธยา
'นิติกรบริการ' เคยใช้สำนวนโวหารช่วยเหลือแม๊วให้พ้นผิด ก็เคย แถไถลไปถึงพญาลิไท กรุงสุโขทัย.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


'อยากประหยัดฯ' คิดว่าพฤติกรรมของ'เด็กแว๊น' 'เด็กสก๊อย' เหมือนวัยรุ่นยุคบุพการีของ'อยากประหยัดฯ'...
'คม ชัด ลึก' ก็ให้ข้อมูลว่า วัยรุ่นเหล่านี้มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย หาเงิน หาทอง เป็น'โสเภณี' นำไปเสพยา เที่ยวกลางคืน เลี้ยง'แมงดา'ที่เกาะหลัง...

ปล. อย่านับ'เด็กแว๊น-เด็กสก๊อย' เข้าไปในม๊อบแนวร่วมเป็ดไก่ นรกป่วนกรุงที่สนามหลวง ก็แล้วกัน.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2008, 23:01 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #10 เมื่อ: 08-06-2008, 23:02 »

ยุคสื่อเดียรฉาน นักวิชาการเดียรถีย์

ก็เป็นอย่างนี้ มีแต่เรื่องใต้สะดือ นักข่าวก็คงหื่นคงอยากจะล่อเหมือนกัน แต่ไม่มีปัญญา
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 09-06-2008, 00:04 »

ยังไงก็สู้กะหรี่ทางการเมืองไม่ได้

ยอมขายทั้งกายและใจ ขายชาติให้นักการเมือง

ยิ่งอีจ๊ะ ไอ้คิล พยาธิในตูดกะหรี่อีกทีนึง

เพราะมันรับเศษเงิน ดูดเงินจากลิ่วล้อที่มาจ้างโพสอีกที

 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


กระทืบไอ้สมชายชาติชั่วจมขี้(ตีน)
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 132



« ตอบ #12 เมื่อ: 09-06-2008, 04:12 »

อ้าว...ไอ้แก๊สให้เมียไปขายตัวเอาเงินมาแต่งรถหรอเนี่ย โห เลวจริงๆเลยนะมรึง ไอ้แมงดา
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: