ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 06:30
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "รัฐตำรวจคืนชีพ" ...แต่..แค่กระเทยดีๆ ยังเป็นไม่ได้... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"รัฐตำรวจคืนชีพ" ...แต่..แค่กระเทยดีๆ ยังเป็นไม่ได้...  (อ่าน 1125 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 07-06-2008, 17:24 »

วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน 2551
รัฐตำรวจคืนชีพ ...แต่..แค่กระเทยดีๆ ยังเป็นไม่ได้...
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 114 , 17:40:23 น.


"รัฐตำรวจคืนชีพ" ...แต่..แค่กระเทยดีๆ ยังเป็นไม่ได้...

การต่อสู้ของฝ่ายอำนาจรัฐ ( ภายใต้อาณัติคนโกงของแผ่นดิน) เริ่มบุกเข้าตี "กลุ่มตรวจสอบ" อย่างเป็นกระบวนการ

ขั้นต้น "ออกหมายจับ" อดีตอธิบดี ดีเอสไอ อดีตผู้พิพากษา ข้าราชการระดับซี 10 ของกระทรวงยุติธรรม

ถึงขนาดฝ่ายทหารต้องส่งกำลังพลไปคุ้มกันจากสนามบินสุวรรณภูมิทันทีที่กลับมาจากการปฏิบัติราชการต่างประเทศ

ก่อนหน้านั้น นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการ ป.ป.ท. อดีตอธิบดี ดีเอสไอ ก็เป็น อธิบดีคนแรกๆ ที่ถูก "ระบอบทักษิณ" ทำร้ายแบบเอาคืน

โดยโยกย้ายจากอธิบดี ดีเอสไอ ไปทำงานในหน่วยงาน ป.ป.ท. ที่ยังไม่มีตัวตน

ไม่นับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เลขาธิการอ.ย. พลตำรวจเสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวช และ อธิบดีกรมที่ดิน

จนท้ายที่สุด นายสุนัย มโนมัยอุดม ได้ทำหนังสือขอกลับไปเป็น "ผู้พิพากษา" ตามเดิม และทางศาลจะพิจารณาวันจันทร์ที่จะถึงนี้

ผลสะเทือนนี้รุนแรงขนาดนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ยังต้องออกมาปกป้องนายสุนัย มโนมัยอุดม

แต่ไม่ว่าผลจะออกมายังไง....ฝ่าย "รัฐตำรวจ" ก็ เสียหายไปหลายแสน...ถูกตราหน้าว่าเป็น "ขี้ข้านักการเมืองขี้โกง" ไปแล้วอย่างไม่มีทางล้างความเลวออกจากตัวได้อีกเลย

เรื่องที่สอง ค่อนข้างฮือฮา เมื่อตำรวจจะขอออกหมายหมายจับ "คตส." ทั้ง 11 คน กรณีแจ้งความเท็จเมื่อกล่าวหาว่า บริษัททนายความหมิ่นประมาท

เรื่องนี้ยิ่งส่งผลสะเทือนหนักต่อสังคม เมื่อผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบตามกฎหมาย มาถูกฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเล่นงานด้วยขบวนการของ"รัฐตำรวจ"

ยิ่งไปกว่านั้น "อธิบดีกรมบังคับคดี" ที่ คตส. เชิญมาเป็นอนุกรรมการตรวจสอบคดีซื้อที่ดินรัชดา ก็ถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่ง

จนนายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. อดีตรองประธานศาลฎีกาถึงกับเบรคแตกกล่าวว่า

“การดำเนินการกับ คตส.และดีเอสไอ รวมถึงการโยกย้ายข้าราชการ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการขัดขวาง และการยื้อคดีของ คตส.

ตามความคิดของผม หากการย้ายอธิบดีกรมบังคับคดีครั้งนี้เป็นเพราะเข้ามาช่วยงานคตส.จริง

ความคิดรังแกผู้หญิง ผมคิดว่าคนคนนั้นอย่า เรียกว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย แค่เป็นกะเทยที่ดีก็ยังเป็นไม่ได้”

บรรดาการดำเนินการคุกคามการทำงานของ "กลุ่มตรวจสอบ" ที่คปค. แต่งตั้งขึ้น หลังการปฏิรูปการปกครอง เมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นไปอย่างมีกระบวนการ ทั้งดิสเครดิต โยกย้ายจากตำแหน่ง ตลอดจนแจ้งความดำเนินคดี ย่อมเป็นสิ่งบอกเหตุให้ทราบว่า คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาของระบบตรวจสอบ กำลังดิ้นในทุกทาง

มิใช่เพียงหวังแก้เกมด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพื่อให้การดำเนินการของ บรรดาองค์กรอิสระไม่มีผลบังคับใช้เท่านั้น

แต่มุ่งหมายทำให้ผู้ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลการเมืองจะต้องถูกดำเนินคดี

แม้ผบ.ทบ. อดีต คปค. อดีต คมช. ท่านบอกว่าสิ้นสภาพไปแล้ว

แต่หน้าที่ปกป้องคนดี เราไม่จำเป็นต้องพึ่งทหาร แต่เราประชาชนต้องออกมาร่วมปกป้องคนดี คนที่ตรวจสอบคนโกงด้วยตัวเราเอง

ตอนนี้ท่านผบ.ทบ.ท่านมีหน้าที่เป็นนายทหารติดตามนายกรัฐมนตรีก็ปล่อยท่านเถอะครับ

หน้าที่ปกป้องคนดีจะมีทหารหรือไม่มีทหาร เราคนไทยย่อมปกป้องกันเองได้...ไม่ต้องห่วง

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะดูแลกันเอง...

ถึงบัดนี้ ก็สมควรแล้วที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะร่วมมือร่วมใจกับประชาชนผู้รักความเป็นธรรม รักความยุติธรรม

"นำดอกไม้ไปให้" กับ คตส./ ปปช. / สตง. / กรมบังคับคดี ฯลฯ

มาร่วมปกป้องคนดี...อย่าให้คนดีท้อแท้...


แคน ไทเมือง



http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/06/07/entry-2
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

“สัก” ไม่เคยคาดหวังใดๆจากอดีต คมช. เตรียมมอบงานให้ ปปช. สิ้นเดือนนี้
ไทยรัฐ 7 มิ.ย. 51

สืบเนื่องจากกรณีที่องค์กรและบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งจาก คมช. กำลังถูกไล่บี้เอาคืนจากอำนาจรัฐ เช่น กกต.ถูกดีเอสไอตรวจสอบเรื่องจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถูกตำรวจออกหมายจับในคดีหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และล่าสุด คตส.ถูกตำรวจออกหมายเรียกให้ไปรายงานตัว ในคดีแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท บริษัททนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น

“อนุพงษ์” ให้ คตส.สู้คดีตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 6 มิ.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) กำลังถูกอำนาจรัฐเล่นงานกลับ และต้องการให้อดีต คมช.หาทางช่วยเหลือว่า แนวคิดหลักในการที่องค์กร เช่น คตส. จะทำงานก็คือความอิสระ เป็นองค์กรอิสระที่จะทำได้ตามกรอบกฎหมาย และอำนาจหน้าที่ที่ตนเองมี ถ้าทำไปตามนั้นแล้ว มันจะได้ความศักดิ์สิทธิ์ และมีความชอบธรรมที่จะทำงาน ถ้ามีใครพยายามที่จะไปเคลมว่าเป็นหน่วยงานของตัวเอง ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์กรเช่น คตส.ก็อาจจะมีผลกระทบในการทำงานของเขา ในเมื่อต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล ความเห็นของตนคือเขาก็ทำงานไปตามขอบเขตภารกิจหน้าที่เขา ถ้ามีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องก็อยู่ที่กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมต้องว่ากันไปตามนั้น มีความเห็นเช่นนั้น เมื่อถามว่า หลายฝ่ายในสังคมควรจะให้กำลังใจ คตส.หรือไม่ เพราะอาสาเข้ามาทำงาน โดยที่ตัวเองไม่จำเป็นต้องมาทำก็ได้ ผบ.ทบ.ตอบว่า เท่าที่ประเมิน คิดว่าเขามีความตั้งใจที่จะทำตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายท่านทำเต็มที่อยู่แล้ว และคงจะเร่งดำเนินการให้สำเร็จลุล่วง ในการส่งฟ้องดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ท่านก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว

แก้ รธน.เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ

เมื่อถามว่า ทาง คตส.จะทำหนังสือมาถึงทางกองทัพ เพื่อขอให้ช่วยคุ้มครองหรือช่วยไกล่เกลี่ยในเรื่องต่างๆ ที่ยังทำให้ คตส.ติดขัดไม่สามารถดำเนินการได้ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ขอใช้คำนี้ดีกว่าขอให้มีเรื่องมาถึงก่อนดีกว่า เพราะต้องดูว่าจะมีอำนาจหน้าที่จะทำได้ แค่ไหน การไกล่เกลี่ยยังไม่ทราบ ต้องเห็นตัวเรื่องก่อน ถ้ามีอำนาจหน้าที่ทำได้ก็จะทำให้ ให้การสนับสนุน แต่ว่าองค์กรภาครัฐทั้งหมด ถ้าโดยพื้นฐานต้องให้การสนับสนุนองค์กรเช่นนี้อยู่แล้ว การให้การสนับสนุนไม่ใช่ไปมีอิทธิพลเหนือไม่ได้ เมื่อถามว่า มีข้อห่วงใยว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ และยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 อาจส่งผลกระทบต่อผู้ทำหน้าที่เป็น คตส.ได้ ผบ.ทบ.ตอบว่า ประเด็นนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องของข้าราชการประจำอย่างเราๆ เป็นหน้าที่ของสภาฯ และฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นอำนาจนิติบัญญัติที่ต้องดำเนินการเรื่องนั้น ประชาชนก็ได้แต่เฝ้าติดตาม จะเสนอหรือออกความเห็นก็แล้วแต่ องค์กรภาครัฐก็คงจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ในส่วนนั้น

“สัก” ไม่เคยคาดหวังใดๆจากอดีต คมช.

นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. อดีตรองเลขาธิการ คมช. ออกมาระบุว่า ยังไม่รับหนังสือที่ คตส.แจ้งให้รับทราบข้อเท็จจริง กรณีที่กองปราบปรามออกหมายเรียก ให้ไปรายงานตัวในคดีถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาทว่า คตส.ไม่ได้คาดหวังเพราะไม่เคยหวังอะไรอยู่แล้ว แต่ได้ทำตามหน้าที่ เพราะก่อนหน้านี้คนที่เคยมีตำแหน่งใน คมช. และขณะนี้มีตำแหน่งในปัจจุบัน  เคยบอกว่าหากมีเรื่องอะไรให้บอก เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น  ก็ต้องแจ้งให้ทราบ  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทีมทนาย พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า การฟ้องคตส.เป็นความผิดส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ นายสักกล่าวว่าหนังสือที่ทีมทนายความส่งถึง คตส. ให้เพิกถอนการอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ส่งมาในนามคณะกรรมการและมติการอายัดทรัพย์ ก็ทำในนามของคณะกรรมการฯ จึงไม่ได้ดำเนินการเป็นการส่วนตัว ดังนั้นควรแยกให้ออกระหว่างเรื่องส่วนตัว กับการปฏิบัติหน้าที่ เพราะมีหลายคนแยกไม่ออก

“ต้องยอมรับว่าระบบเหลี่ยม ทำให้เกิดความแตกแยกทุกวงการ อาจารย์หลายคณะในมหาวิทยาลัยเดียวกันก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่น่าเชื่อว่านักวิชาการที่ไม่มีสีจะกลายเป็นคนมีสีไปได้ และในส่วนของ คตส. หากมีการออกหมายจับจริง จากการหารือเบื้องต้นของเรา คตส.บางคนมีความเห็นว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัว เพราะการออกหมายจับไม่ได้ทำกันง่ายๆหลายคดีที่มีการฟ้อง คตส.ศาลก็ได้ยกฟ้องไปแล้ว” นายสักกล่าว

หารือเครียดรับมือหากโดนหมายจับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม คตส.เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังรับทราบว่ากองปราบปรามได้ออกหมายเรียกคตส.ทั้ง 11 คน ไปพบพนังงานสอบสวน ในที่ประชุมได้หารืออย่างเคร่งเครียด โดยเฉพาะการกำหนดวิธีการรับมือกับกรณีนี้  โดยเบื้องต้นที่ประชุมเห็นด้วยให้ทำหนังสือแจ้งไปยังศาลทั่วประเทศ เพื่อขอโอกาสตั้งทนายความเข้าไปซักค้านในชั้นไต่สวนการออกหมายจับ ในกรณีที่เจ้าพนักงานสอบสวนยื่นเรื่องออกหมายจับ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ คตส.รายหนึ่งไปรวบรวมคำพิพากษาของศาลกรณียกคำร้องในคดีหมิ่นประมาท เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการชี้แจง อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือแนวทางการป้องกันว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับจริง คตส.จะเดินทางไปมอบตัวกับเจ้าพนักงาน เพราะตามสิทธิ์ทางกฎหมายแล้วจะไม่มีการควบคุมตัว

“ทั้งนี้หากเจ้าพนักงานสอบสวนเดินทางไปขอหมายจับจริง ทาง คตส.ต้องการให้ผู้ที่ไปขอออกหมายจับ เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่ควรจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย โดยในทางคดี คตส.เตรียมที่จะฟ้องกลับ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้” แหล่งข่าวระบุ

“อุดม” ลั่นไม่ได้อยู่ในคอกของใคร

นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.กล่าวว่า หากมีการออกหมายจับจริง ยืนยันจะสู้ต่อไปเพราะตนไม่กลัวอะไร ไม่มีภาระเรื่องลูกเมีย หากช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วจะช่วยสังคมอย่างไร เชื่อว่าคงจะไม่มีการออกหมายจับได้ง่าย แต่สาเหตุที่ต้องมีการดำเนินคดีกับ คตส.เพื่อเป็นการสร้างหลักฐานให้เห็นว่า แม้แต่ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ยังถูกดำเนินคดีอาญาตามกระบวนการของศาล เป็นวิธีการของการต่อสู้ของผู้ที่ถูกตรวจสอบ ผู้สื่อข่าวถามว่าการขู่ ออกหมายจับเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวหรือไม่ นายอุดมตอบว่า “บังเอิญว่า คตส.เป็นวัวป่า จึงไม่กลัวเสือ ไม่ใช่วัวบ้านและไม่ได้อยู่ในคอกของใคร ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับผลร้ายอย่างไร แต่ภาระของ คตส.คือเข้ามาตรวจสอบผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหาย”

แฉ ยธ.สั่งย้ายอนุกรรมการที่ดินรัชดาฯ

นายอุดมกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีความพยายามกันไม่ให้มีบุคคลเข้ามาช่วยเหลือการทำงานของ คตส. เช่นกรณีของนายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาฯ ปปท. และรายสุดท้ายที่เพิ่งได้รับแจ้งคือ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งย้าย น.ส.กัญญานุช สอทิพย์ อธิบดีกรมบังคับคดี ที่ คตส.เคยขอตัวช่วยงานร่วมเป็นคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเชี่ยวชาญกับการบังคับคดี การขายทอดตลาด ในขณะนั้นเป็นรองอธิบดีกรมบังคับคดีและล่าสุดก็เพิ่งถูกย้ายให้มาเป็นผู้ ตรวจราชการ

“การดำเนินการกับ คตส.และดีเอสไอ รวมถึงการโยกย้ายข้าราชการ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการขัดขวาง และการยื้อคดีของ คตส. ตามความคิดของผม หากการย้ายอธิบดีกรมบังคับคดีครั้งนี้เป็นเพราะเข้ามาช่วยงานคตส.จริง ความคิดรังแกผู้หญิง ผมคิดว่าคนคนนั้นอย่า เรียกว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย แค่เป็นกะเทยที่ดีก็ยังเป็นไม่ได้” นายอุดมกล่าว

คตส.แค่หมากในกระดานไม่ใช่ขุน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเช็กบิล คตส.และดีเอสไอ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง จะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมหรือไม่ นายอุดมตอบว่า “ไม่รู้ ถาม คตส.ไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนเริ่มความขัดแย้ง แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้เริ่มต้นเป็นคนทำให้เกิดความขัดแย้งเอง มันสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมและความคิดของรัฐบาลในการบริหารบ้านเมืองว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่อย่ามาตรวจข้าก็แล้วกัน” เมื่อถามว่าการเช็กบิล คตส.เป็นเกมหนึ่งในการขัดขวางคดีของ คตส.ใช่หรือไม่ นายอุดมตอบว่าเราเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมนี้ ไม่ใช่ขุน เป็นแค่เรือหรือม้าเท่านั้น แต่ถ้า เป็นเบี้ยก็เป็นเบี้ยหงาย

“กัญญานุช” ลั่นไม่ท้ออยู่ไหนก็ได้

น.ส.กัญญานุชกล่าวว่า ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ตามที่ คตส.ประสานความร่วมมือมา เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ต้องให้ความร่วมมือ ปฏิเสธไม่ได้ ข้อมูลที่ให้ไปก็เป็นไปตามข้อเท็จจริง ไม่ได้ให้ร้ายใครและคิดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะเป็นข้าราชการ ต้องสำนึกในบุญคุณประเทศชาติ ส่วนที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการ คงไม่ขอให้ความเห็นว่าเกิดจากเรื่องอะไร แต่ยืนยันว่าไม่ได้ อยู่ฝ่ายใคร เพราะเป็นข้าราชการ ต้องทำให้สิ่งที่ถูกต้องและเชื่อว่าสิ่งที่ตนทำลงไปถูกต้องแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าเหตุผลการย้ายครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเข้ามาช่วยงานคตส.หรือไม่ น.ส.กัญญานุชหัวเราะก่อนตอบว่า ไม่ทราบแต่ไม่ท้ออะไรและไม่สนใจด้วย อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้

“สมพงษ์” ป้อง “สุนัย” กรณีถูกหมายจับ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการ ป.ป.ท. อดีตอธิบดี ดีเอสไอ ที่ถูกออกหมายจับจาก สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และนายสุนัยได้เข้าร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช.ว่า เป็นการออกหมายจับโดยมิชอบ และ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่า นายสุนัยทำถูกต้องแล้ว เมื่อมีช่องทางในการตรวจสอบก็ต้องทำ ข้อเท็จจริงที่นายสุนัยไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ก็เนื่องจากปฏิบัติราชการอยู่ต่างประเทศ ต่อข้อถามว่า การกระทำของพนักงานสอบสวน ไม่ประสานกับหน่วยงานต้นสังกัดก่อน ถือว่าไม่เหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากนายสุนัยเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม และต่างก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน นายสมพงษ์ตอบว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมคงไปสกัดกั้นอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดา ก็ไม่ทราบว่าโดยจริยธรรมควรจะเป็นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุนัยได้ทำหนังสือขอโอนกลับศาลยุติธรรม ก่อนที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ จะลงจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม โดยที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการ (กต.) จะมีการประชุมพิจารณารับตัวนายสุนัยกลับในวันจันทร์ที่ 9 มิ.ย.นี้

“ทนายทักษิณ” จี้ “สุนัย” พบตำรวจ

นายพิชิฏ ชื่นบาน หนึ่งในทีมทนายความของบริษัท สำนักกฎหมายนิติเอกราช จำกัด ทนายความของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และครอบครัว ที่ฟ้องร้องนายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ คตส. ในคดีแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท กล่าวถึงการทำหน้าที่ของตำรวจกองปราบปราม ในการฟ้องร้องทั้ง 2 คดีนี้ว่า เห็นใจการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ถูกสังคมตั้งข้อสังเกตเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ ทั้งที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยคดีของนายสุนัยประเด็นสำคัญที่เป็นปัญหาคือ การที่นายสุนัยได้รับหมายเรียกจากเจ้าพนักงานสอบสวนถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ยอมไปรับทราบข้อกล่าวหา คดีจึงเดินต่อไป ไม่ได้ พนักงานสอบสวนจึงต้องออกหมายจับตามขั้นตอนปกติ

“เรื่องนี้มันไม่มีอะไรเลย เพราะถ้าคุณสุนัยยอมไปพบพนักงานสอบสวนตามปกติ การออกหมายจับก็คงไม่เกิดขึ้น และที่สำคัญคดีนี้ก็เป็นคดีอาญาปกติ ไม่ได้ เกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นความผิดส่วนตัว คุณสุนัยก็ควรปฏิบัติให้เหมือนกับคนทั่วไป เพื่อให้ กฎหมายบังคับใช้ได้อย่างเท่าเทียมทุกฝ่ายได้รับความยุติธรรม” นายพิชิฏกล่าว

อัด คตส.เก่งแต่ร้องแรกแหกกระเชอ

นายพิชิฏกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของ คตส.ก็เป็นเรื่องลักษณะเดียวกัน ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิดอะไรมั่นใจในความบริสุทธิ์ ก็ไม่ต้องกลัวอะไร เมื่อพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกก็ควรจะมาพบเพื่อสู้คดี แต่ คตส.กลับไม่ยอมมา ทั้งยังออกหนังสือแจ้งไปถึงใครๆ ต่อใครว่าถูกกลั่นแกล้ง เบี่ยงเบนประเด็นให้เป็นเรื่องใหญ่ มันไม่ถูกต้อง ควรจะยอมรับอำนาจการตรวจสอบของคนอื่นด้วย ไม่ใช่มาดำเนินการอะไรแบบนี้ เพราะในส่วนของบริษัท ทันทีถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกตัวไป หลังจากถูก คตส.ฟ้องคดี เราก็เดินทางไปเข้าพบพนักงานสอบสวนมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง

“คดีนี้ถือเป็นคดีความส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหน้าที่ เมื่อฝ่ายเราโดนแบบใด ฝ่ายเขาก็ควรจะต้องโดนแบบนั้น เพื่อให้กฎหมายบังคับใช้ได้อย่างเท่าเทียม ไม่ได้เลือกปฏิบัติใช้บังคับกับฝ่ายหนึ่ง แต่ไม่บังคับกับอีกฝ่ายหนึ่ง ทีมทนายรู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน และถือปฏิบัติตามข้อกฎหมาย อยากให้สังคมเข้าใจ คตส. ควรจะรีบไปพบพนักงานสอบสวนซะ อย่ามาร้องแรกแหก กระเชอแบบนี้ เพราะบ้านนี้เมืองนี้เขารู้กันดีอยู่แล้ว สำหรับ คตส. ไม่มีใครไปรังแกใครได้ ไม่มีใครกล้าไปทำอะไรหรอก” นายพิชิฏกล่าว

คตส.ส่งมอบงานให้ ป.ป.ช. 30 มิ.ย.นี้

ค่ำวันเดียวกัน นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงภายหลังการประชุม คตส.ชุดใหญ่นัดพิเศษว่า จากผลการประชุมร่วมระหว่าง ป.ป.ช.และ คตส. เพื่อพิจารณาแนวทางการส่งมอบสำนวน หลัง คตส.หมดวาระในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ที่ประชุมมีมติมอบให้ฝ่ายเลขาธิการทั้ง 2 ฝ่าย ไปรวบรวมแผนงาน และแนวทางการรับส่งสำนวนภายในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการประชุมในวันที่ 10 มิ.ย. และจะมีการส่งมอบสำนวนอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 มิ.ย. ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติขอความอนุเคราะห์ไปยังสภาทนายความ เพื่อให้ส่งทนายมาเป็นทนายซักค้านในชั้นไต่สวน กรณีการออกหมายจับของพนักงานกองปราบปรามต่อไป โดยสาเหตุที่ไม่ขอทนายจากอัยการสูงสุด เนื่องจากเห็นว่าคดียังไปไม่ถึงชั้นศาล


http://www.thairath.com/offline.php?section=hotnews&content=92621
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2008, 23:49 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: