ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
18-04-2024, 21:19
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  โต้ความคิดอวิชชาเรื่องโลกร้อน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
โต้ความคิดอวิชชาเรื่องโลกร้อน  (อ่าน 3238 ครั้ง)
pornchokchai
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 53


« เมื่อ: 07-06-2008, 10:02 »

ดร.โสภณ พรโชคชัย <1>
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย <2>
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2551
.
เรากำลังโฆษณาชวนเชื่อเรื่องโลกร้อนกันอย่างเมามัน โดยแทบไม่เคยชี้แจงข้อมูลให้กระจ่าง นี่ย่อมเป็นกระบวนการของอวิชชาโดยแท้ ผมขอลงทุนมองต่างมุมเพื่อหวังให้เกิดสังคมอุดมปัญญาที่จะเชื่อกันด้วยวิจารณญาณจากการไตร่ตรองด้วยประจักษ์หลักฐานและเหตุผลอย่างรอบด้าน ที่ผมว่าต้อง “ลงทุน” นำเสนอนั้น เพราะการมองต่างจาก “ฝ่ายธรรมะ” ที่พยายามเย้ว ๆ ปลุกให้คน “ทำดี” นั้น ย่อมเสี่ยงต่อการถูกบริภาษหรือถูกมองในแง่ลบ แต่ผมก็ได้เพียงหวังว่าวิญญูชนจะร่วมกันพิจารณาครับ
.
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมไปฟังวิทยากรระดับที่เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาล และนำเสนอเรื่องโลกร้อนให้หน่วยงานต่าง ๆ ฟังมามากมาย แต่ผมฟังแล้วกลับไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าผมมีอคตินะครับ แต่เหตุผลที่วิทยากรนำเสนอนั้นช่างอ่อนเกินไป ผมจึงขอนำเสนอเหตุผลในอีกแง่มุมหนึ่ง และที่ผมใช้คำว่า “เร็ว ๆ นี้” ไม่ได้บอกว่าวันไหน ก็เพราะผมไม่ประสงค์ที่จะกล่าวให้เกิดความเสียหายแก่วิทยากรเหล่านั้นเป็นการส่วนตัว เพียงแต่มุ่งหวังจะตรวจสอบกันด้วยเหตุผลเท่านั้น
.
การโต้แย้งเรื่องโลกร้อนนี้ ผมเคยเขียนไว้ในบทความเรื่อง “เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน” ซึ่งมีหลักฐานอ้างอิงต่าง ๆ มากมาย และปรากฏในเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือที่ http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market166.htm
.
สำหรับข้อโต้แย้งในที่นี้ ผมขอนำเสนอเป็นข้อ ๆ ดังนี้:
.
1. วิทยากรเรื่องโลกร้อนมักจะนำเสนอในลักษณะคล้ายการนำเสนอทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าการนำเสนอเหล่านั้น มักจะนำเสนอด้วยข้อมูลด้านเดียว และมักไม่มีแหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนมาให้ผู้ฟังได้วินิจฉัย ดูเป็นการ “ยกเมฆ” มากกว่า เช่น การที่โลกอุ่นขึ้นก็มองเพียงว่าทำให้เชื้อโรคอยู่ได้นานขึ้น แต่ไม่บอกความจริงว่าโลกอุ่นทำให้สามารถผลิตธัญญาหารได้มากขึ้น หรือการละเลยความจริงที่ว่าโลกร้อนก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเคยร้อนอย่างเป็นวัฏจักรมาก่อน หรือโลกยังเคยมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มหาศาลกว่าในปัจจุบัน เป็นต้น
.
2. การ “ขู่” ว่าน้ำแข็งขั้วโลกจะละลายภายในเวลา 30-40 ปี เมื่อถึงตอนนั้นน้ำจะท่วมโลกในระดับความสูงถึง 80 เมตร เรื่องนี้วิญญูชนควรไตร่ตรอง การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอะไรจะรวดเร็วได้ถึงขนาดนั้น ชั่วเวลานานแสนนานจึงจะมีน้ำท่วมโลกสักที จู่ ๆ ก็จะท่วมภายในเวลาเพียงแค่นี้ นี่แสดงว่าพวกคลั่งเรื่องโลกร้อนบางส่วนจินตนาการเพ้อฝันยิ่งกว่านิยายวิทยาศาสตร์ในภาพยนต์เรื่อง “The Day After Tomorrow” เสียอีก
.
3. การ “โฆษณาชวนเชื่อ” ด้วยการนำภาพเด็ดต่าง ๆ มานำเสนอ เช่น น้ำท่วมนครเวนิส ในขณะที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ น้ำคลองในเวนิสเพิ่งเหือดแห้งจนพายเรือไม่ได้ <3> หรือการบิดเบือนว่าน้ำทะเลในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นทั้งที่มีการศึกษาเช่นกันว่าระดับน้ำลดลง นอกจากนี้ยังชอบกล่าวว่าชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะไปโดยไม่นำพาข้อเท็จจริงในอีกด้านหนึ่งว่ามีการงอกของที่ดินริมทะเลในพื้นที่อื่นเช่นกัน
.

.
4. การ “ใส่ไข่” ว่าพื้นที่ชายฝั่งแถวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลถูกกัดเซาะต่อเนื่องเพราะภาวะโลกร้อนจนวัดอยู่กลางน้ำ ทั้งที่สาเหตุหลักเป็นเพราะการทำลายป่าชายเลน การทรุดตัวของแผ่นดินจากการสูบน้ำบาดาล และอื่น ๆ และกลับละเลยความจริงที่ว่าพื้นที่ลึกเข้าไปในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น วัดเจดีย์หอย ปทุมธานี ยังเคยเป็นทะเล และกลายเป็นแผ่นดินเพราะการสะสมของตะกอนจนถึงทุกวันนี้
.
5. ที่น่า “ละอาย” อย่างมากเลยก็คือการโยงแทบทุกปัญหาในโลกนี้ว่าเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน เช่น พายุนาร์กีสทั้งที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเคยมีที่ร้ายแรงกว่านี้มาแล้วในภูมิภาคนี้ในอดีต <4> นอกจากนี้การประท้วงเรื่องอาหารในเฮติหรือในประเทศอื่น ก็ยังถูกเหมารวมไว้ว่าเป็นเพราะภาวะโลกร้อนเช่นกัน
.
6. การนำเสนออย่างไม่ฉุกคิดถึงเหตุผล เช่น หิมะบนยอดเขาคีรีมันจาโรหรือยอดเขาสูงอื่น ๆ ละลายได้อย่างไรในขณะที่ตลอดทั้งปีมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และแม้ว่าหากอุณหภูมิบนผิวโลกจะสูงขึ้นบ้าง บนยอดเขาก็ยังต่ำกว่าจุดเยือกแข็งอยู่ดี การที่น้ำแข็งจะละลายอาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นที่ควรศึกษาให้ละเอียด เช่น การเปลี่ยนแปลงใต้พิภพ ไม่ใช่สักแต่โทษเรื่องโลกร้อน
.
7. พวกคลั่งเรื่องโลกร้อนมัก “ใส่ร้าย” ผู้อื่น เช่น พอนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อเรื่องโลกร้อนออกมาตั้งคำถามต่อพวกเขา พวกเขาก็มักจะกล่าวหาว่าพวกนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นรับใช้นายทุนหรือประเทศมหาอำนาจ เป็นต้น โดยมักไม่ใส่ใจถกเถียงทางวิชาการให้ชัดเจน จะสังเกตได้ว่าพวกคลั่งเรื่องโลกร้อนมักเอาเครดิต ความน่าเชื่อถือของตัวเองมาจูงใจให้คนเชื่อ (ผิดหลักกาลมสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเชื่อเพียงเพราะว่าคนพูดเป็นอาจารย์) มากกว่าการใช้ประจักษ์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาหักล้าง
.
8. พวกคลั่งเรื่องโลกร้อนมักจะไม่ใส่ใจการพัฒนาประเทศ คิดแต่เพียงว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพมหานคร ต้องหนีไปที่อื่น คิดไปไกลถึงขนาดว่าไม่ควรสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเพราะจะเป็นการสูญเปล่า อวดฉลาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิที่สร้างด้วยเงินหลายแสนล้านบาทจะเป็นความสูญเปล่า พวกนี้ไม่ยอมรับความจริงว่าประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ยังอยู่ได้ในระดับต่ำกว่าน้ำทะเลมานานแล้ว โดยบางแห่งต่ำกว่าถึงสิบกว่าเมตร การคิดแบบ “งอมืองอเท้า” ของคน “ขวางโลก” เหล่านี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นการคิดที่ยอมจำนนและไม่สร้างสรรค์อะไรเลย
.
9. พวกนี้ยังมีความคิดที่เป็นไสยศาสตร์ เช่น การเสนอทางออกว่าควรทำบุญตักบาตรหรือถวายสังฆทานเป็นทางออกสุดท้ายเพราะอย่างน้อยก็เป็นการบำบัดจิต การที่ “นักวิทยาศาสตร์” ชิงบทบาทของนักการศาสนามานำเสนอเช่นนี้เป็นเรื่องน่าสลดยิ่ง นี่ไม่ใช่การแสดงว่าพวกเขาเป็นศาสนิกชนที่ดี คนพวกนี้เพียงนำศาสนามาเป็นอาภรณ์ประดับให้ตนดูดีมากกว่า
.
โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าผมไม่เห็นด้วยกับการรณรงค์ให้สังคมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมนะครับ ทุกคนควรประหยัดการใช้ทรัพยากรของโลกอยู่แล้ว แต่การพยายาม “โฆษณาชวนเชื่อ” ให้คนเชื่อทฤษฎีโลกร้อนที่ขาดประจักษ์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และมักกระทำด้วยการใช้ความน่ารัก น่าสงสารของคน สัตว์และสิ่งของมาชักจูงให้คล้อยตามนั้น เป็นสิ่งที่เราควรใช้วิจารณญาณให้ดี
.
โปรดอ่านบทความของผมเรื่อง “เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน” (http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market166.htm) ซึ่งมีข้อมูลในรายละเอียดมากมาย เพื่อให้เกิดการอภิปรายและวินิจฉัยกันด้วยเหตุผล อันจะทำให้เกิดสังคมอุดมปัญญาและเกิดการคิดค้นหาทางออกของปัญหามากกว่าการยอมจำนน
.
หมายเหตุ:
<1> ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็น ผู้แทนสมาคมประเมินค่าทรัพย์สินนานาชาติ (IAAO) ประจำประเทศไทย และกรรมการสภาที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยสภาคองเกรสเพื่อการควบคุมการประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกา Email: sopon@thaiappraisal.org
.
<2> มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มุ่งให้ความรู้แก่สาธารณชนด้านการประเมินค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมือง ปัจจุบันเป็นองค์กรสมาชิกหลักของ FIABCI ประจำประเทศไทย ถือเป็นองค์กรเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจกรรมคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยจนได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaiappraisal.org
.
<3> โปรดดูหลักฐานและภาพถ่ายน้ำเหือดแห้งในคลองของนครเวนิสที่  http://www.smh.com.au/news/news/venice-canals-run-dry-after-record-low-tide/2008/02/20/1203190871832.html
.
<4> โปรดดูรายละเอียดที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Cyclone_Nargis
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #1 เมื่อ: 07-06-2008, 10:20 »

ยาวจัง... ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าจุดยืนของคุณพรโชคชัยมีอะไรบ้าง... แบบว่าจับไม่ถูก ช่วยสรุปแบบย่อยๆในแต่ละข้อได้มั้ยครับ... ผมมีทั้งเห็นด้วยแล้วก็ไม่เห็นด้วยอ่ะครับ
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #2 เมื่อ: 07-06-2008, 11:39 »

ที่ไม่น่าเชื่อถือมากกว่าคือการโต้แบบยกเมฆไร้เหตุผลของคุณมากกว่าครับ
เมื่อไหร่จะเลิกมั่วเสียที

ดร.โสภณ พรโชคชัย <1>
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย <2>
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2551
.
เรากำลังโฆษณาชวนเชื่อเรื่องโลกร้อนกันอย่างเมามัน โดยแทบไม่เคยชี้แจงข้อมูลให้กระจ่าง นี่ย่อมเป็นกระบวนการของอวิชชาโดยแท้ ผมขอลงทุนมองต่างมุมเพื่อหวังให้เกิดสังคมอุดมปัญญาที่จะเชื่อกันด้วยวิจารณญาณจากการไตร่ตรองด้วยประจักษ์หลักฐานและเหตุผลอย่างรอบด้าน ที่ผมว่าต้อง “ลงทุน” นำเสนอนั้น เพราะการมองต่างจาก “ฝ่ายธรรมะ” ที่พยายามเย้ว ๆ ปลุกให้คน “ทำดี” นั้น ย่อมเสี่ยงต่อการถูกบริภาษหรือถูกมองในแง่ลบ แต่ผมก็ได้เพียงหวังว่าวิญญูชนจะร่วมกันพิจารณาครับ
.
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมไปฟังวิทยากรระดับที่เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาล และนำเสนอเรื่องโลกร้อนให้หน่วยงานต่าง ๆ ฟังมามากมาย แต่ผมฟังแล้วกลับไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าผมมีอคตินะครับ แต่เหตุผลที่วิทยากรนำเสนอนั้นช่างอ่อนเกินไป ผมจึงขอนำเสนอเหตุผลในอีกแง่มุมหนึ่ง และที่ผมใช้คำว่า “เร็ว ๆ นี้” ไม่ได้บอกว่าวันไหน ก็เพราะผมไม่ประสงค์ที่จะกล่าวให้เกิดความเสียหายแก่วิทยากรเหล่านั้นเป็นการส่วนตัว เพียงแต่มุ่งหวังจะตรวจสอบกันด้วยเหตุผลเท่านั้น
.
การโต้แย้งเรื่องโลกร้อนนี้ ผมเคยเขียนไว้ในบทความเรื่อง “เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน” ซึ่งมีหลักฐานอ้างอิงต่าง ๆ มากมาย และปรากฏในเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือที่ http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market166.htm
.
สำหรับข้อโต้แย้งในที่นี้ ผมขอนำเสนอเป็นข้อ ๆ ดังนี้:
.
1. วิทยากรเรื่องโลกร้อนมักจะนำเสนอในลักษณะคล้ายการนำเสนอทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าการนำเสนอเหล่านั้น มักจะนำเสนอด้วยข้อมูลด้านเดียว และมักไม่มีแหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนมาให้ผู้ฟังได้วินิจฉัย ดูเป็นการ “ยกเมฆ” มากกว่า เช่น การที่โลกอุ่นขึ้นก็มองเพียงว่าทำให้เชื้อโรคอยู่ได้นานขึ้น แต่ไม่บอกความจริงว่าโลกอุ่นทำให้สามารถผลิตธัญญาหารได้มากขึ้น หรือการละเลยความจริงที่ว่าโลกร้อนก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเคยร้อนอย่างเป็นวัฏจักรมาก่อน หรือโลกยังเคยมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มหาศาลกว่าในปัจจุบัน เป็นต้น
.
เขาเอาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน แล้วคุณมีอะไรเอามาแย้ง
แม่แต่กรณีผลิตธัญหาร คุณรู้หรือเปล่าว่าพืชธัญหารแต่ละชนิดมีวงจรอย่างไร
การที่อุณหภูมิเปลี่ยนไป 1องศา เวลากลางวันกลางคืนคลาดไป 1ชั่วโมง
มีผลอย่างมากต่อการเพาะปลูก ่ทำให้ข้าวไม่ตั้งท้อง หรือให้ผลผลิตลดลงอย่างมากก็ได้
นอกจากนี้อุณหภูมิที่เปลี่ยนไปยังส่งผลต่อฝนฟ้าที่เป็นปัจจัยหลักในการเพาะปลูกอีกด้วย

ช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมตอนนั้นปริมาณ CO2 ถูกปล่อยออกมามากแต่ก็ยังไม่เท่าปัจจุบัน
และในช่วงนั้นปริมาณป่าที่ดูดซับ CO2 ก็ยังมีมากกว่าสมัยนี้
ถ้าคุณยังไม่เคยดูกราฟการปล่อย CO2 และการเพิ่มของอุณหภูมิตั้งแต่สองร้อยปีก่อน
คุณอย่ามามั่วดีกว่า


2. การ “ขู่” ว่าน้ำแข็งขั้วโลกจะละลายภายในเวลา 30-40 ปี เมื่อถึงตอนนั้นน้ำจะท่วมโลกในระดับความสูงถึง 80 เมตร เรื่องนี้วิญญูชนควรไตร่ตรอง การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอะไรจะรวดเร็วได้ถึงขนาดนั้น ชั่วเวลานานแสนนานจึงจะมีน้ำท่วมโลกสักที จู่ ๆ ก็จะท่วมภายในเวลาเพียงแค่นี้ นี่แสดงว่าพวกคลั่งเรื่องโลกร้อนบางส่วนจินตนาการเพ้อฝันยิ่งกว่านิยายวิทยาศาสตร์ในภาพยนต์เรื่อง “The Day After Tomorrow” เสียอีก
.
มันมีความเป็นไปได้ และคนทั่วโลกถ้าไม่ขู่ จะมีใครสนใจไหม
ถ้าคุณบอกว่าอย่าเล่นมีดมีดจะบาดมือ กับขู่ลูกว่าผีผลัก เด็กจะเชื่อแบบไหนมากกว่า


3. การ “โฆษณาชวนเชื่อ” ด้วยการนำภาพเด็ดต่าง ๆ มานำเสนอ เช่น น้ำท่วมนครเวนิส ในขณะที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ น้ำคลองในเวนิสเพิ่งเหือดแห้งจนพายเรือไม่ได้ <3> หรือการบิดเบือนว่าน้ำทะเลในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นทั้งที่มีการศึกษาเช่นกันว่าระดับน้ำลดลง นอกจากนี้ยังชอบกล่าวว่าชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะไปโดยไม่นำพาข้อเท็จจริงในอีกด้านหนึ่งว่ามีการงอกของที่ดินริมทะเลในพื้นที่อื่นเช่นกัน
.

.
ก่อนจะพูดดูก่อนซิครับว่าเพราะอะไร น้ำในเวนิสเป็นปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง
ไม่ใช่น้ำแห้งขอดจนพายเรือไม่ได้
ปัญหาชายทะเลถูกกัดเซาะเป็นเรื่องจริง และมีมากขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะจากปัญหาการถางป่าชายเลน
การขุดปากแม่น้ำ ปริมาณทรายที่ถูกกักไว้ตามเขื่อน การขึ้นลงของน้ำขึ้นน้ำลงที่ผิดปกติ
ส่วนที่ที่งอกออกมาก็มีน้อยกว่าส่วนที่ถูกกัดเซาะไป
นอกจากนี้ก็มาจากการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในรูปแบบต่างๆ
มีมากมาที่แก้ผิดวิธีจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจนพันธุ์ปลาลด ชายฝั่งถูกกัดเซาะมากขึ้น


4. การ “ใส่ไข่” ว่าพื้นที่ชายฝั่งแถวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลถูกกัดเซาะต่อเนื่องเพราะภาวะโลกร้อนจนวัดอยู่กลางน้ำ ทั้งที่สาเหตุหลักเป็นเพราะการทำลายป่าชายเลน การทรุดตัวของแผ่นดินจากการสูบน้ำบาดาล และอื่น ๆ และกลับละเลยความจริงที่ว่าพื้นที่ลึกเข้าไปในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น วัดเจดีย์หอย ปทุมธานี ยังเคยเป็นทะเล และกลายเป็นแผ่นดินเพราะการสะสมของตะกอนจนถึงทุกวันนี้
.
เคย...ถ้าตรงนั้นเป็นส่วนที่เหมาะสมกับการสะสมตะกอน
แล้วตอนนี้ทำไมไม่งอกเป็นแผ่นดินต่อ ทำไมตอนนี้ถึงจมลงละครับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร ทำไมคุณพูดแบบไร้หัวคิดแบบนั้น


5. ที่น่า “ละอาย” อย่างมากเลยก็คือการโยงแทบทุกปัญหาในโลกนี้ว่าเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน เช่น พายุนาร์กีสทั้งที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเคยมีที่ร้ายแรงกว่านี้มาแล้วในภูมิภาคนี้ในอดีต <4> นอกจากนี้การประท้วงเรื่องอาหารในเฮติหรือในประเทศอื่น ก็ยังถูกเหมารวมไว้ว่าเป็นเพราะภาวะโลกร้อนเช่นกัน
.
แปลว่าคุณไม่ได้ติดตามข่าวเลย เคยมีไม่เถียงครับ
แต่คุณคงลืมดูไปว่ามันมีมากขึ้น และรุนแรงขึ้น ตั้งแต่บันทึกไว้มาแล้วเป็นร้อยปี
และการประท้วงเรื่องอาหาร ก็ส่งเสริมข้อมูลที่ผมแย้งในข้อ 1
การมั่วข้อมูลเอาแต่ความคิดของตัวเองแบบคุณ ยิ่ง"น่าละอายยิ่งกว่า"


6. การนำเสนออย่างไม่ฉุกคิดถึงเหตุผล เช่น หิมะบนยอดเขาคีรีมันจาโรหรือยอดเขาสูงอื่น ๆ ละลายได้อย่างไรในขณะที่ตลอดทั้งปีมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และแม้ว่าหากอุณหภูมิบนผิวโลกจะสูงขึ้นบ้าง บนยอดเขาก็ยังต่ำกว่าจุดเยือกแข็งอยู่ดี การที่น้ำแข็งจะละลายอาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นที่ควรศึกษาให้ละเอียด เช่น การเปลี่ยนแปลงใต้พิภพ ไม่ใช่สักแต่โทษเรื่องโลกร้อน
.
น้ำแข็งเริ่มละลายจากขอบครับ และเมื่อละลายไปแล้วไม่มีการสะสมหิมะเพิ่มในฤดูการอันควร
ไม่ว่าจะอุณหภูมิโลกสูงขึ้น และปริมาณน้ำฟ้าที่จะมากลายเป็นหิมะบนยอดเขา
หิมะจึงหดหายไปอย่างที่คุณเห็น
การที่บอกว่ายอดเขามีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 แล้วหิมะไม่ละลายยิ่งผิดไปกันใหญ่ เพราะแม้แต่ในขั้วโลกเหนือที่อุณหภูมิต่ำกว่า 0 ตลอดเวลาก็ยังละลายและละเหยได้
ไม่รู้ กรุณาอย่ามั่ว


7. พวกคลั่งเรื่องโลกร้อนมัก “ใส่ร้าย” ผู้อื่น เช่น พอนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อเรื่องโลกร้อนออกมาตั้งคำถามต่อพวกเขา พวกเขาก็มักจะกล่าวหาว่าพวกนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นรับใช้นายทุนหรือประเทศมหาอำนาจ เป็นต้น โดยมักไม่ใส่ใจถกเถียงทางวิชาการให้ชัดเจน จะสังเกตได้ว่าพวกคลั่งเรื่องโลกร้อนมักเอาเครดิต ความน่าเชื่อถือของตัวเองมาจูงใจให้คนเชื่อ (ผิดหลักกาลมสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเชื่อเพียงเพราะว่าคนพูดเป็นอาจารย์) มากกว่าการใช้ประจักษ์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาหักล้าง
.
มีการถกเถียงกันอย่างชัดเจนในทฤษฎีโลกร้อน
บางอันก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่ได้มีการใส่ร้ายอย่างที่คุณเชื่อ
เพียงแต่คนที่ออกมาเถียงว่าโลกไม่ได้ร้อนส่วนใหญ่มักจะมาแบบคุณคือ
ไม่มีเหตุผล มั่วข้อมูลมาเถียง หรือมีผลประโยชน์แอบแผง
ภาพจึงออกมาในลักษณะที่คนที่ต่อต้านเป็นพวกแถไถ ไม่น่าเชื่อถือ


8. พวกคลั่งเรื่องโลกร้อนมักจะไม่ใส่ใจการพัฒนาประเทศ คิดแต่เพียงว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพมหานคร ต้องหนีไปที่อื่น คิดไปไกลถึงขนาดว่าไม่ควรสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเพราะจะเป็นการสูญเปล่า อวดฉลาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิที่สร้างด้วยเงินหลายแสนล้านบาทจะเป็นความสูญเปล่า พวกนี้ไม่ยอมรับความจริงว่าประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ยังอยู่ได้ในระดับต่ำกว่าน้ำทะเลมานานแล้ว โดยบางแห่งต่ำกว่าถึงสิบกว่าเมตร การคิดแบบ “งอมืองอเท้า” ของคน “ขวางโลก” เหล่านี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นการคิดที่ยอมจำนนและไม่สร้างสรรค์อะไรเลย
.
สร้างสนามบินไม่ผิดหรอกครับ เพียงแต่สร้างแล้วมีปัญหาไม่จบ
เพราะนักการเมืองโกงกินแบบสนามบินอัปยศนั่นต่างหากที่ผิด
การที่มีพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลก็เป็นเรื่องปกติ เหมืนเดตซี
แต่การที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลแต่ดันอยู่ใกล้ทะเล
คุณรู้ไหมว่าเขาต้องป้องกันน้ำท่วมกันสิ้นเปลืองขนาดไหน


9. พวกนี้ยังมีความคิดที่เป็นไสยศาสตร์ เช่น การเสนอทางออกว่าควรทำบุญตักบาตรหรือถวายสังฆทานเป็นทางออกสุดท้ายเพราะอย่างน้อยก็เป็นการบำบัดจิต การที่ “นักวิทยาศาสตร์” ชิงบทบาทของนักการศาสนามานำเสนอเช่นนี้เป็นเรื่องน่าสลดยิ่ง นี่ไม่ใช่การแสดงว่าพวกเขาเป็นศาสนิกชนที่ดี คนพวกนี้เพียงนำศาสนามาเป็นอาภรณ์ประดับให้ตนดูดีมากกว่า
.
ถ้าจะลดโลกร้อนด้วยศาสนา เขาลดด้วยการดำรงชีวิตครับ
ลดการบริโภคลง ดูตามความเหมาะสมพอดี
ให้โลกมีโอกาสได้พัก มีโอกาสฟื้นตัวบ้าง
ไม่ใช่เอาแต่ทำบุญสร้างวิมานในสวรรค์แบบธรรมโกย
งี่เง่าในไสยศาสตร์อย่างที่คุณเข้าใจ


โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าผมไม่เห็นด้วยกับการรณรงค์ให้สังคมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมนะครับ ทุกคนควรประหยัดการใช้ทรัพยากรของโลกอยู่แล้ว แต่การพยายาม “โฆษณาชวนเชื่อ” ให้คนเชื่อทฤษฎีโลกร้อนที่ขาดประจักษ์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และมักกระทำด้วยการใช้ความน่ารัก น่าสงสารของคน สัตว์และสิ่งของมาชักจูงให้คล้อยตามนั้น เป็นสิ่งที่เราควรใช้วิจารณญาณให้ดี
.
โปรดอ่านบทความของผมเรื่อง “เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน” (http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market166.htm) ซึ่งมีข้อมูลในรายละเอียดมากมาย เพื่อให้เกิดการอภิปรายและวินิจฉัยกันด้วยเหตุผล อันจะทำให้เกิดสังคมอุดมปัญญาและเกิดการคิดค้นหาทางออกของปัญหามากกว่าการยอมจำนน
.
การหาผลประโยชน์จากโลกร้อนมีอยู่แล้วละครับ
แม้แต่กระทั่งถุงผ้าที่รณรงค์กัน เพราะบางคนซื้อถุงผ้าไปก็ยังไม่เคยใช้เลยด้วยซ้ำ
การลดโลกร้อนจึงอยู่ที่เราะต้องมีจิตสำนึกก่อน และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัว
ไม่ใช่วิ่งไปซื้อสินค้า เพิ่มการบริโภคตามกระแสที่เขาสร้างขึ้น

ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ การที่มีคนอย่างคุณไม่รู้เรื่องอะไรแล้วออกมามั่วข้อมูล ชัักจูงให้คนอื่นเข้าใผิด


หมายเหตุ:
<1> ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็น ผู้แทนสมาคมประเมินค่าทรัพย์สินนานาชาติ (IAAO) ประจำประเทศไทย และกรรมการสภาที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยสภาคองเกรสเพื่อการควบคุมการประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกา Email: sopon@thaiappraisal.org
.
<2> มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มุ่งให้ความรู้แก่สาธารณชนด้านการประเมินค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมือง ปัจจุบันเป็นองค์กรสมาชิกหลักของ FIABCI ประจำประเทศไทย ถือเป็นองค์กรเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจกรรมคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยจนได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaiappraisal.org
.
<3> โปรดดูหลักฐานและภาพถ่ายน้ำเหือดแห้งในคลองของนครเวนิสที่  http://www.smh.com.au/news/news/venice-canals-run-dry-after-record-low-tide/2008/02/20/1203190871832.html
.
<4> โปรดดูรายละเอียดที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Cyclone_Nargis
บันทึกการเข้า
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #3 เมื่อ: 07-06-2008, 11:47 »

*    ตกลงว่า ...  คุณไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน  มองว่า  คือการโอเวอร์เกินจำเป็น

      ไม่เชื่อเรื่องน้ำแข็งขั้วโลก ละลาย  ใช่มั๊ย  ??  ถามทัศนคติ  แค่นี้ก่อน 

      ........................   แล้วค่อยคุยกันยาว ๆ
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2008, 11:49 โดย see - u » บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #4 เมื่อ: 07-06-2008, 11:59 »

ข้อมูลนี้ผมเคยอ่านเจอจากสื่อของสวีเดนเมื่อหลายเดือนก่อน
หรือฝรั่งมันแปลมาจากที่"ดร.โสภณ พรโชคชัย <1>
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย <2>
นำมาเสนอเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2551"....ก็ไม่ทราบ.......เอิ้กกกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 660


ทักษิณที่ดี คือทักษิณที่.......ตายแล้ว


« ตอบ #5 เมื่อ: 07-06-2008, 12:00 »

คือผมสงสัยมากเลยครับ

การจะบอกว่าคุณจบปริญญาเอกจากที่ไหนนี่

มันน่าอายมากเลยหรือไงครับ?

ถามกี่ทีก็ไม่ยอมบอก





คุณมีตัวอย่างภาพเวนีซน้ำแห้ง ผมก็มีตัวอย่างภาพเวนีซ น้ำท่วมเหมือนกัน

แล้วยังไงล่ะครับ ไอ้ที่คุณเอามาให้ดูเนี่ย?


http://news.bbc.co.uk/1/hi/world/europe/233038.stm


* _233038_v300.jpg (14.39 KB, 300x180 - ดู 353 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2008, 12:06 โดย Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ » บันทึกการเข้า

ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร

ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #6 เมื่อ: 07-06-2008, 12:07 »

ตกลงมูลนิธิประเมินสินทรัพย์อะไรเนี่ย

ภารกิจของมูลนิธิคืออะไรกัน

ตั้งมาเพื่อโจมตีคนอื่นด้วยการยกข้อมูลแค่บางส่วนใช่รึเปล่าครับ

เห็นคราวก่อนก็คุณรสนา คราวนี้ก็มาเล่นคนที่รณรงค์เรื่องโลกร้อน

คราวต่อไปใครดีครับ

ป.ล. ภาพเรือเกยตื้นแบบนั้นไม่ต้องเอารูปจากเวนิสหรอกครับ หาได้ทุกที่ในโลกแหละ บางขุนเทียนก็หาได้ และมันไม่ได้แสดงนัยยะอะไรเกี่ยวกับระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหรือต่ำลงเลย
บันทึกการเข้า
Whistend
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23



« ตอบ #7 เมื่อ: 07-06-2008, 12:31 »

จะโต้แย้งเรื่องวิชาการ ก็เอาหลักฐาน ข้อมูลงานวิจัยมายันสิครับ
ผมอ่านดู เห็นมีแต่ "ความเห็นส่วนตัว" ที่ไม่มีอะไรรองรับหรือยืนยันเลยซักอย่าง
 
ถ้าเป็นความเห็นของนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
ยังพอใช้ความชำนาญและประสบการณ์ของผู้เขียนเป็นจุดแสดงความน่าเชื่อถือได้บ้าง
แต่คุณโสภณ ทำงานด้านการประเมินค่าสินทรัพย์ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องโลกร้อนเลยซักนิดนะครับ 



แบบนี้อุปมาเหมือนกับ คุณโสภณไปเรียนฟิสิกส์... อ.สอนเรื่องทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของนิวตั้น
แล้วคุณไม่เชื่อ คิดคำอธิบายขึ้นมาเองลอยๆ 6-7 ข้อ
แล้วก็เอามาป่าวประกาศว่านิวตั้นคิดผิด จริงๆแล้วโลกไม่ได้มีแรงโน้มถ่วง
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2008, 12:33 โดย Whistend » บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #8 เมื่อ: 07-06-2008, 13:13 »

จะโต้แย้งเรื่องวิชาการ ก็เอาหลักฐาน ข้อมูลงานวิจัยมายันสิครับ
ผมอ่านดู เห็นมีแต่ "ความเห็นส่วนตัว" ที่ไม่มีอะไรรองรับหรือยืนยันเลยซักอย่าง
 
ถ้าเป็นความเห็นของนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
ยังพอใช้ความชำนาญและประสบการณ์ของผู้เขียนเป็นจุดแสดงความน่าเชื่อถือได้บ้าง
แต่คุณโสภณ ทำงานด้านการประเมินค่าสินทรัพย์ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องโลกร้อนเลยซักนิดนะครับ 



แบบนี้อุปมาเหมือนกับ คุณโสภณไปเรียนฟิสิกส์... อ.สอนเรื่องทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของนิวตั้น
แล้วคุณไม่เชื่อ คิดคำอธิบายขึ้นมาเองลอยๆ 6-7 ข้อ
แล้วก็เอามาป่าวประกาศว่านิวตั้นคิดผิด จริงๆแล้วโลกไม่ได้มีแรงโน้มถ่วง
 



เห็นด้วยกับ คคห.นี้ครับ.....


บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ABCAB
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 311


Wipe out Thaksin


« ตอบ #9 เมื่อ: 07-06-2008, 14:20 »


5. ที่น่า “ละอาย” อย่างมากเลยก็คือการโยงแทบทุกปัญหาในโลกนี้ว่าเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน เช่น พายุนาร์กีสทั้งที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเคยมีที่ร้ายแรงกว่านี้มาแล้วในภูมิภาคนี้ในอดีต <4> นอกจากนี้การประท้วงเรื่องอาหารในเฮติหรือในประเทศอื่น ก็ยังถูกเหมารวมไว้ว่าเป็นเพราะภาวะโลกร้อนเช่นกัน



เคยได้ยินทฤษฎี "Butterfly Effect" มั้ยครับ?

ผมว่าเป็นเพียงการประเมินของคนบางกลุ่ม แบบไม่ฟันธง

ซึ่งมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างทฤษฎีข้างต้นนั่น


บันทึกการเข้า

.....................................................

* * W A N T E D - DEAD OR ALIVE * *

73,000 million Baht PRICED !! A "walk-like-a-man" gator
Accused in swallowing his own mother land in cheap !!
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #10 เมื่อ: 07-06-2008, 14:35 »

ทฤษฏีโลกร้อน มีผลกระทบโดยตรงกับการประเมินสินทรัพย์ เพราะมูลค่าสินทรัพย์จะผันแปรไปตามวิกฤติโลกร้อน

อัลกอร์ คงเป็นนักแหกตาตามทัศนะของท่านดอกเต่อร์ผู้นี้

 
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #11 เมื่อ: 07-06-2008, 14:53 »

ไม่ทราบ คุณ pornchokchai เป็นคนเดียวกับที่เขียนบทความรึเปล่า ถ้าใช่ ก็ดีใจมากที่เจอตัว


มีคนเคยไปโพสบทความเรื่อง "เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน" ในพันทิป

ซึ่งผมก็ได้ตั้งข้อสังเกตเป็นข้อๆ ดังนี้


1. กราฟจำนวนพายุที่ลดลง โดยคุณบอกว่า ฝ่ายโลกร้อนพูดผิด พูดบิดเบือน


ความจริง: บอกได้เลยคุณไม่ได้อ่านรายงานของ IPCC แน่นอน เพราะ ในรายงานของ IPCC ได้ชี้เอาไว้อยู่แล้ว

ว่าภาวะโลกร้อนจะไม่ทำให้จำนวนพายุเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ตรงตามสถิติ

แต่ที่เพิ่มขึ้นจริงๆ คือ ความรุนแรงของพายุ ความเร็วลมสูงสุด เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวน้ำเพิ่มขึ้น





* X6104190-2.jpg (114.82 KB, 800x611 - ดู 331 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #12 เมื่อ: 07-06-2008, 15:02 »

2. เรื่อง กราฟอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทย ที่คุณอ้างว่าไม่เปลี่ยนแปลง



ความจริง  เมื่อตามไปดูข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงที่คุณให้มา ปรากฎว่า มีข้อมูลเพียงแค่ 7 ค่า ของปี 2549 เท่านั้น

ไม่ทราบว่า ข้อมูลที่เหลือเอามาจากไหนครับ






* X6104190-3_resize_resize.jpg (92.46 KB, 461x361 - ดู 329 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #13 เมื่อ: 07-06-2008, 15:12 »

เมื่อเปรียบเทียบกับเอกสารเผยแพร่ ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง โดยตลอด

ลองไปโหลดกันมาดูนะครับ

http://www.tmd.go.th/NCCT/article/global_warming.pdf


* RealTemp.JPG (47.54 KB, 839x556 - ดู 316 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2008, 15:35 โดย jnaj1 » บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #14 เมื่อ: 07-06-2008, 15:16 »

3. เรื่อง กราฟอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดของประเทศไทย ที่คุณบอกว่า ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป




* X6104190-4.jpg (124.92 KB, 800x582 - ดู 328 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #15 เมื่อ: 07-06-2008, 15:19 »


ความจริง  กรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นมาโดยตลอด


* Real Temp2.JPG (54.79 KB, 857x543 - ดู 312 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #16 เมื่อ: 07-06-2008, 15:22 »

ความจริง  อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยของประเทศไทย ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน




* Real Temp3.JPG (49.44 KB, 753x484 - ดู 312 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #17 เมื่อ: 07-06-2008, 15:29 »

เอาคร่าวๆ เท่านี้ก่อนครับ  จริงๆมีอีกหลายจุด ที่คุณ โสภณ ไม่ได้เข้าใจ หรือ บิดเบือน ผลการศึกษาที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ


ผมอยากเรียกร้องหา ความรับผิดชอบของคุณ โสภณ หน่อยครับ ว่าทำไมถึงแต่งกราฟขึ้นมาเอง

ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา (มีการไปอ้างอิงเค้าอีกนะ  )

เชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่หลงเชื่อบทความกำมะลอแบบนี้

ถ้าคุณอยากศึกษาเรื่องนี้จริงๆ ไปอ่านรายงานของ IPCC ว่าเค้าได้ค้นพบอะไรมาบ้าง

รางวัลโนเบลที่เค้าได้มา ไม่ใช่จะดิสเครดิตกันง่ายๆ ด้วยวิธีการแบบนี้
บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #18 เมื่อ: 07-06-2008, 15:39 »

เอาคร่าวๆ เท่านี้ก่อนครับ  จริงๆมีอีกหลายจุด ที่คุณ โสภณ ไม่ได้เข้าใจ หรือ บิดเบือน ผลการศึกษาที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ


ผมอยากเรียกร้องหา ความรับผิดชอบของคุณ โสภณ หน่อยครับ ว่าทำไมถึงแต่งกราฟขึ้นมาเอง

ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา (มีการไปอ้างอิงเค้าอีกนะ  )

เชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่หลงเชื่อบทความกำมะลอแบบนี้

ถ้าคุณอยากศึกษาเรื่องนี้จริงๆ ไปอ่านรายงานของ IPCC ว่าเค้าได้ค้นพบอะไรมาบ้าง

รางวัลโนเบลที่เค้าได้มา ไม่ใช่จะดิสเครดิตกันง่ายๆ ด้วยวิธีการแบบนี้

เรียนภาษาอังกฤษกระทู้ละคำ

"กำมะลอ" = pseudo (อ่าน ซูโด หรือ ซยูโด)

เหมือนเคยได้ยินใครพูดแฮะ
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #19 เมื่อ: 07-06-2008, 17:36 »

ข้อมูลนี้ผมเคยอ่านเจอจากสื่อของสวีเดนเมื่อหลายเดือนก่อน
หรือฝรั่งมันแปลมาจากที่"ดร.โสภณ พรโชคชัย <1>
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย <2>
นำมาเสนอเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2551"....ก็ไม่ทราบ.......เอิ้กกกกก

 


 

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #20 เมื่อ: 07-06-2008, 19:32 »

ที่เขาแย้งกันนะมันเรื่องสาเหตุโลกร้อนมาจากอะไรตะหาก ไม่ใช่แย้งกันเรื่องโลกร้อนจริงหรือไม่
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #21 เมื่อ: 07-06-2008, 19:52 »

ความเชื่อ คนกลัวโลกร้อนกันจะเป็นจะตาย

ความจริง คนก็ยังใช้พลังงานอย่างมหาศาล เปิดแอร์นอนทุกวัน อยู่บ้านเซ็งๆ ก็ออกไปเที่ยวกลางคืน
กลางวันเบื่อๆ ก็บินไปเที่ยวต่างประเทศ สิ่งก่อสร้างใช้งานครั้งเดียวก็ทำอย่างเลิศหรู แล้วก็กลับบ้าน
ไปปิดไฟหนึ่งชั่วโมงไม่ให้โลกร้อน

แบบนี้มันจะร้อนจริงหรือไม่จริงก็ช่างหัวแม่มันดีกว่ามั้ง
บันทึกการเข้า
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #22 เมื่อ: 07-06-2008, 20:28 »

ความเชื่อ คนกลัวโลกร้อนกันจะเป็นจะตาย

ความจริง คนก็ยังใช้พลังงานอย่างมหาศาล เปิดแอร์นอนทุกวัน อยู่บ้านเซ็งๆ ก็ออกไปเที่ยวกลางคืน
กลางวันเบื่อๆ ก็บินไปเที่ยวต่างประเทศ สิ่งก่อสร้างใช้งานครั้งเดียวก็ทำอย่างเลิศหรู แล้วก็กลับบ้าน
ไปปิดไฟหนึ่งชั่วโมงไม่ให้โลกร้อน

แบบนี้มันจะร้อนจริงหรือไม่จริงก็ช่างหัวแม่มันดีกว่ามั้ง
แล้วแก๊สเปิดแอร์นอนหรือเปล่าครับ บ้านผมไม่ต้องใช้ แค่เปิดหน้าต่างก็
นอนหลับสบายแล้ว อยู่ต่างประเทศต้องบินมาเมืองไทย จะเดินมาก็คงต้องใช้เวลาหลายเดือน
   ปกติไม่ชอบเที่ยวตอนกลางคืน หน้านี้ไม่ต้องเปิดไฟมาก เพราะมันสว่างแทบทั้งคืนอยู่แล้ว
เล่นเน๊ตจะใช้ฟืนก็ไม่ได้ เลยกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นมาด้วย......เอิ้กกกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
pornchokchai
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 53


« ตอบ #23 เมื่อ: 07-06-2008, 21:38 »

เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน
http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market166.htm
.
ดร.โสภณ พรโชคชัย {1}
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย {2}
30 ตุลาคม 2550
.
โลกร้อนขึ้นคงไม่มีใครสงสัย การรักษาสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การรณรงค์เรื่องโลกร้อนทำให้ใครได้ ใครเสียประโยชน์ ประเด็นนี้เป็นกรณีศึกษาของการโฆษณาชวนเชื่อในการทำให้ประชาชนมืดบอดหรือไม่ และถือเป็น “เครื่องมือทำมาหากิน” สำหรับใครบางคนหรือไม่
.
ทุกวันนี้ แทบทุกคนคงได้ยินเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน และเชื่อว่าทุกคนที่ได้ฟังคงชักห่วงใยต่อโลกในประเด็นนี้เช่นกัน แต่เมื่อนายอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากการรณรงค์เรื่องโลกร้อน {3} ผมกลับเริ่มสงสัยว่าสันติภาพไม่น่าจะเกี่ยวกับโลกร้อนโดยตรง ที่ผ่านมาคนอื่นที่โด่งดังเช่นท่านติช นัท ฮันห์ {4} ผู้นำพระสงฆ์ในสมัยสงครามเวียดนาม ก็ยังพลาดรางวัลนี้มาแล้ว ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ผู้คนมักเชื่อไปในแนวทางเดียวกันโดยไม่มีโอกาสไตร่ตรองด้วยเหตุผล ผมจึงขอเสนอบทความนี้เพื่อต่อกรกับการครอบงำ และการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง
.
.
An Inconvenient Truth: เท็จหลายเรื่อง
.
ท่านที่อ่านหนังสือหรือชมภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth (AIT) {5} “คงรู้สึกตรงกันอย่างหนึ่งว่า อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน . . . คงจะไม่เป็นการเกินเลยไปนัก หากจะเรียกขบวนการดังกล่าวว่าเป็นภารกิจกู้โลก เพราะวิกฤตการณ์เกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนนั้นเกิดขึ้นแล้วจริงๆ และกำลังส่งผลกระทบอย่างกว้างไกลเกินจินตนาการ” {6} วลีที่อ้างถึงนี้สะท้อน “อารมณ์” ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม AIT เป็นการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง และยังแสดงข้อมูลที่เป็นเท็จหลายเรื่อง {7} ซึ่งสังคมมักไม่มีโอกาสรับรู้ เช่น:
.
1. การมองด้านเดียว: AIT ไม่เคยมองถึงบทบาทที่จำเป็นของน้ำมัน ก๊าซและถ่านหิน (Hydrocarbon) ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนจน ช่วยเพิ่มอายุขัยของประชากร ฯลฯ AIT ละเลยอัตราการตายที่สูงขึ้นในยามที่โลกเย็นลงในอดีตที่ผ่านมา
.
2. ความเข้าใจผิด: สาเหตุหลักของการตายของมนุษย์ปัจจุบันไม่ใช่เป็นเพราะภัยธรรมชาติ คล้ายกับการตื่นกลัวไข้หวัดนกจนเกินเหตุทั้งที่โรคปอดบวมทำคนไทยตายมากมาย โดยในปี 2550 ไม่พบคนป่วยและตายด้วยไข้หวัดนกในประเทศไทย แต่คนไทยป่วยด้วยโรคปอดบวมจนต้องนอนโรงพยาบาลถึง 88,841 ราย และตาย 765 รายในปี 2549 {8} นอกจากนี้ AIT ยังอ้างทำนองว่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกับตน แต่ความจริงเสียงส่วนใหญ่เห็นตรงข้ามกับ AIT
.
3. การพูด “ใส่ไข่” จับเอาปรากฏการณ์ครั้งคราวมาเป็นสรณะ: การอ้างว่าหมีขั้วโลกจมน้ำตายเพราะน้ำแข็งละลายทั้งที่เป็นเพราะพายุ การกล่าวถึงฝนตกหนักถึง 37 นิ้วในนครมุมไบในปี 2548 ทั้งที่ตลอด 45 ปี ไม่พบแนวโน้มการเพิ่มขึ้นเลย การโยงเรื่องโลกร้อนกับอุทกภัยในจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งที่ใน 1-2 ศตวรรษก่อนมีอุทกภัยที่รุนแรงยิ่งกว่านี้มากมาย การโทษว่าโลกร้อนทำให้แนวปะการังเสียหายทั้งที่เป็นเพราะปัจจัยทางเฉพาะภูมิภาค ปัจจัยทางสังคมและอื่น ๆ การกล่าวว่าธารน้ำแข็งเกาะกรีนแลนด์จะเลื่อนลงสู่ทะเลทั้งที่ตั้งอยู่ในแอ่งที่ไม่มีทางออก
.
4. การพูดผิดความจริง เช่น การอ้างว่าโลกร้อนในอดีตเป็นเพียงระยะสั้น ทั้งที่มีระยะเวลานับร้อยปีในอดีตที่เคยร้อนกว่าปัจจุบัน จนทำให้ครั้งหนึ่งชาวไวกิ้งสามารถไปตั้งถิ่นฐานในเกาะกรีนแลนด์ที่หนาวเย็นในขณะนี้ได้ การอ้างว่าโลกร้อนขึ้นมากทั้งที่เพิ่มเพียง 0.17 องศาเซลเซียสในรอบ 30 ปีล่าสุด และร้อนขึ้น 0.5 องศาเซลเซียสในรอบ 100 ปี และที่ผ่านมาก็มีลักษณะขึ้น ๆ ลง ๆ การอ้างว่าคลื่นร้อนยุโรปที่ทำให้คนตายมากมายเป็นผลจากโลกร้อนทั้งที่เป็นเพราะสาเหตุอื่น
.
ในประเทศอังกฤษ มีการฟ้องศาลให้ห้ามฉาย AIT ในโรงเรียนมัธยม ศาลเห็นว่า AIT มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ผิดไปถึง 9 ประการ แต่ให้ฉายได้โดยต้องเพิ่มเติมข้อมูลที่ถูกต้อง และให้ครูที่จัดฉายต้องชี้ให้นักเรียนเข้าใจถึงข้อผิดพลาดของ AIT ด้วย {9} แต่ในประเทศไทย เรากลับปล่อยให้ฉายหลอกลวงประชาชนอย่างหน้าตาเฉย ตัวอย่างความผิดพลาดสำคัญ ได้แก่ การกล่าวว่าหิมะบนยอดเขาคิลิมันจาโรซึ่งสูงถึง 6 กิโลเมตร ละลายเพราะภาวะโลกร้อน แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นแย้ง สาเหตุการละลายคงเป็นเพราะแสงอาทิตย์ การใช้ที่ดินโดยรอบตลอดจนความร้อนใต้พิภพหรืออื่น ๆ เพราะหากแม้ผิวโลกจะร้อนขึ้น อุณหภูมิบนยอดเขาก็ยังต่ำกว่าจุดเยือกแข็งอยู่ดี
.
.
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นแย้ง
.
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ 19,000 คนได้ร่วมกันลงชื่อใน The Petition Project {10} ว่า จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าการใช้ Hydrocarbon เพิ่มขึ้นทำให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือภาวะเรือนกระจกแต่อย่างใด แม้โลกได้ร้อนขึ้นเล็กน้อย ก็ไม่ได้มีผลเสียหายร้ายแรง (อาจมีไวรัสบางชนิดเกิดขึ้น แต่ในช่วงโลกเย็นก็อาจเกิดโรคอื่น) แต่กลับเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกในเขตอบอุ่น การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเป็นผลดีต่อชีวิตสัตว์และทำให้การเพาะปลูกพืชผลได้มากขึ้น นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้จึงหนุนให้สหรัฐอเมริกาไม่ลงนามในพิธีสารเกียวโต {11} ซึ่งได้กำหนดข้อผูกพันทางกฎหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศภาคี
.
บทวิพากษ์ของ The Petition Project ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า
1. การกลับหนาว-ร้อนของโลกมีลักษณะที่เป็นวัฏจักร ไม่ใช่มีแต่ร้อนขึ้นอย่างเดียว ที่ผ่านมามียุคน้ำท่วมโลก และยุคน้ำแข็งสลับกันมาหลายครั้งแล้ว
.
2. ธารน้ำแข็งเริ่มละลายมานานก่อนการใช้ Hydrocarbon เสียอีก และละลายเร็วในอัตราเดียวกันมาตลอด 150 ปีแล้ว
.
3. อากาศที่ร้อนขึ้นเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ภาวะเรือนกระจกอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีสาเหตุอื่นอีกมาก เช่น แสงแดด เมฆ ความชื้น การเปลี่ยนแปลงของผิวน้ำในมหาสมุทร ความร้อนใต้พิภพ ฯลฯ
.
4. พายุทอร์นาโดมีแนวโน้มลดลง ส่วนพายุเฮอริเคนจากมหาสมุทรแอตแลนติก ก็มีแนวโน้มคงที่ พายุขนาดใหญ่ เช่น Katrina {12} ในปี 2548 อาจเกิดได้เป็นครั้งคราว เราจึงไม่ควรถือเอาปรากฏการณ์ชั่วคราว มาทึกทักปะติดปะต่อกับภาวะโลกร้อน
.
5. ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 7 นิ้วในรอบศตวรรษแต่เพิ่มมาก่อนยุคที่ใช้ Hydrocarbon ด้วยซ้ำไป
.
6. ป่าไม้ (ไม่ใช่สวนป่า) ในสหรัฐอเมริกาได้รับการปลูกเพิ่มขึ้น 40% ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการปลูกป่าก็อาจไม่ได้ช่วยแก้ไขโลกร้อนอย่างมีนัยสำคัญนัก {13}
.
.
อย่าให้ใครลวงให้ตื่นตูม
.
มีอยู่ภาพหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพทะเลสาบ Aral Sea ในคาซัคสถาน {14} ซึ่งแต่เดิมมีขนาดใหญ่มาก แต่กลับแห้งไป มีเรือจอดอยู่บนพื้นคล้ายทะเลทราย ภาพดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้ห่วงใยโลกเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นภาพแห่งการโกหกอย่างร้ายกาจ เพราะการเหือดหายไปของทะเลสาบนี้ เป็นผลมาจากการสูบน้ำและเป็นที่คาดหมายมานานแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนแม้แต่น้อย
.

.
ถ้าวันนี้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ระดับเดียวกับ “กรากะตัว” ในอินโดนีเซียเมื่อปี 2426 เราคงลืมเรื่องโรคร้อนในบัดดล และนึกว่าโลกต้องแตกแน่แล้ว เพราะ “แรงระเบิดนั้นคร่าชีวิตทุกคนที่ยังอยู่บนเกาะ พื้นที่ร้อยละ 65.52 ของเกาะกลายเป็นเถ้าธุลีลอยสูงขึ้นไปถึง 80 กิโลเมตร ในรัศมี 240 กิโลเมตร เถ้าธุลีบดบังแสงอาทิตย์จนมืดมิดคล้ายตอนกลางคืน . . . อยู่ห่างถึง 4,776 กิโลเมตรก็ได้ยิน (เสียงระเบิด) . . . เกิดคลื่นสึนามิ สูงกว่า 30 เมตร . . . แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นตรวจจับได้แม้แต่ที่สหราชอาณาจักร (อากาศยังเย็นลง 1.2 องศาทั่วโลกเป็นเวลาถึง 5 ปี)” {15}
.
ท่านทราบหรือไม่ว่าแรงระเบิดของภูเขาไฟที่ร้ายแรงที่สุดก็คือภูเขาไฟ Tambora ในอินโดนีเซียเมื่อปี 2358 ในครั้งนั้นประมาณกันว่ามีขนาดเท่ากับระเบิดปรมาณู 60,000 ลูกรวมกัน ทำให้ท้องฟ้ามืดมิด ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมถึงอังกฤษ {16} แต่โลกเราก็รอดมาแล้ว และกลายเป็นปรากฎการณ์ที่คนส่วนใหญ่ลืมไปหมดแล้วในเวลาอันสั้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรปริวิตกกับปรากฏการณ์ชั่วคราวจนเกินเหตุ
.
.
กรณีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในไทย
.
หลายคนเน้นใช้ความรู้สึกมาบอกว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ รุนแรงขึ้น แต่ความจริงก็คือ พายุหมุนเขตร้อนที่เข้ามาในประเทศไทยมีปริมาณลดลงตลอดในช่วงปี 2494-2549 รวมทั้งอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วง พ.ศ.2539-2549 ก็ไม่แตกต่างกันเลย {17} ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับลดลงนับแต่ปี 2483 ที่สำรวจ {18} ความรู้สึกที่ไม่อิงข้อมูล มักทำให้คิดตรงข้ามกับความจริง และมักจะรีบเชื่อเมื่อมีผู้ทำให้ตกใจ
.

.

.

.
ส่วนที่เห็นน้ำท่วมโบสถ์วัดขุนสมุทร {19} นั้น คงเป็นเพราะการทรุดตัวของดินจากผลของการสูบน้ำบาดาลเกินขนาด การทำลายป่าชายเลน การพังทลายของตลิ่งและอื่น ๆ ซึ่งเป็นมาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะภาวะโลกร้อนแต่อย่างใด เป็นธรรมชาติรอบอ่าวไทย ที่บางส่วนของพื้นที่อาจถูกกัดเซาะ บางบริเวณก็กำลังเกิดที่งอก ในสมัยโบราณ บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาแต่เดิมเป็นทะเลทั้งหมด ทุกวันนี้ใต้ท้องนาในจังหวัดอยุธยา ยังขุดทรายมาขายกันได้เป็นล่ำเป็นสัน วัดเจดีย์หอยที่อำเภอลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี ก็ยังพบเปลือกหอยทะเลมากมาย แค่น้ำทะเลกัดเซาะวัดขุนสมุทรและบริเวณใกล้เคียงเพียงเท่านี้ ยังเทียบอะไรไม่ได้กับการเกิดภาคกลางของประเทศไทยแต่อย่างใด
.

.
ในประเทศไทยของเรา การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศยังเป็นเพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ ลานีญา และเอ็นโซ ตามกระแสน้ำอุ่น <20> แต่กลับมีการกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะภาวะโลกร้อนเป็นสำคัญ
.
.
สิ่งที่ต้องคิดทบทวน
.
โปรดอย่าไพล่เข้าใจผิดว่า เราไม่ควรใส่ใจกับเรื่องโลกร้อนและพาลเข้าใจว่า เราละเลยการรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน บทความนี้เพียงมุ่งตรวจสอบการโฆษณาชวนเชื่อที่ขาดจรรยาบรรณ ทำให้สังคมขาดความรอบรู้และเกิดการคิดอย่างไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เราควรมีเวทีการถกเถียงเพื่อให้การศึกษาแก่ประชาชนในวงกว้าง เป็นการส่งเสริมสังคมอุดมปัญญา มีบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่สังคมที่สักแต่เชื่อกันด้วยศรัทธาอย่างมืดบอดอันถือเป็นอันตรายต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและปัญญา-ความรู้ของประชาชนในระยะยาว
.
การใช้อวิชชาหลอกล่อให้คนเชื่อ เป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประหนึ่งเห็นชาวบ้านเป็นวัวควายที่อธิบายกันดีๆ ไม่ได้ ต้องหลอกล่อด้วยความกลัวถึงผลร้ายของภาวะโลกร้อนจนเกินจริง และด้วยการใช้ความน่ารัก-น่าสงสารของคน สัตว์และสิ่งของเพื่อให้คล้อยตาม โปรดสังเกตว่า “หมัดเด็ด” ในการปิดปากผู้สงสัยเรื่องโลกร้อนก็คือการป้ายสีพวกเขาว่าเป็นผู้ไม่หวังดีต่อโลก เราจึงควรมีการวินิจฉัยด้วยตนเองให้ชัดเจนตามหลักธรรมกาลมสูตร {21} ก่อนที่จะเชื่ออะไรง่าย ๆ
.
ผู้ที่กล้าพูดความจริงบางส่วนเพื่อเอาประโยชน์ใส่ตนนับเป็นผู้ที่น่ากลัว สังคมพึงทราบว่าบ้านของนายอัล กอร์เองกลับใช้ไฟฟ้ามากกว่าคนอเมริกันทั่วไปถึง 20 เท่า ใช้เงินค่าไฟฟ้าและแก๊สรวมกันปีละเกินกว่า 1 ล้านบาท {22} คนทำดีพูดดีเรื่องโลกร้อนอาจสั่งสมบารมีจนได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา บางคนได้อาชีพเป็นนักอนุรักษ์ นักประท้วง นักแบกป้ายเพื่อ “กู้โลก” หาเลี้ยงชีพไปได้ชั่วชีวิต เป็นต้น
.
การบิดเบือนความจริงเคยส่งผลเสียหายมากมายมาแล้ว เช่น การที่ NGO บางแห่งเคยให้ข้อมูลที่เป็นเท็จอย่างร้ายแรงว่า ประเทศไทยมีโสเภณี 2 ล้านคน ทำให้พจนานุกรมลองแมน เคยให้คำจำกัดความของกรุงเทพมหานครว่าเป็นนครแห่งโสเภณีในปี 2536 {23} จะสังเกตได้ว่านักเคลื่อนไหวทางสังคมมักพยายามโฆษณาว่าปัญหาที่ตนเกี่ยวข้องอยู่มีขนาดใหญ่ ด้วยหวังให้สังคมให้ความสนใจ แต่น่าเสียดายที่ทุกคนก็ใช้วิธีเดียวกันจนเฝือ สังคมเลย “มึน” และกลับคิดว่าปัญหาทั้งหลายนั้นสุดแก้ไข กลายเป็นปัญหาโลกแตกไป
.
ทางออกสุดเท่ห์ของการแก้โลกร้อนก็คือการปลูกป่า (ซึ่งถือเป็นรูปแบบการทำดีที่นำสมัยและมีระดับ ไม่ใช่พื้น ๆ แบบการบริจาคให้มูลนิธิการกุศล) โดยไม่นำพาว่าจะรณรงค์ปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าอย่างจริงจัง ปีหนึ่ง ๆ ป่าไม้ไทยถูกทำลายไปมหาศาลกว่าป่าที่ปลูกใหม่ ต้นไม้ที่ปลูกอย่างลูบหน้าปะจมูกนี้ก็คงตายไปมากกว่าจะอยู่รอดได้ บาปของแฟชั่นการปลูกป่านี้ก็คือการช่วยบิดเบือน ปกปิดไม่ให้อาชญากรรมทำลายป่าได้รับการตระหนักโดยสังคมส่วนรวม
.
การเคลื่อนไหวเรื่องนี้ยังอาจถือเป็นการเบี่ยงประเด็นสาระสำคัญของปัญหาในโลกนี้ อันได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บที่เผชิญอยู่ทุกวัน การกดขี่เอารัดเอาเปรียบต่อผู้ด้อยโอกาส สงครามและการก่อการร้าย อำนาจเผด็จการที่ปิดกั้นเสรีภาพประชาธิปไตย ตลอดจนการปล้นสดมภ์ของประเทศมหาอำนาจต่อประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น บางทีถ้าเราเอาเงินรณรงค์เรื่องโลกร้อนไปช่วยคนทุกข์ยากทางอื่น ยังอาจได้ประโยชน์ต่อสังคมมากกว่านี้
.
บางที “นักบุญ” ที่พูดกับท่านถึงภาวะโลกร้อนนั้น แท้จริงอาจเป็น “ซาตาน” ผู้ก่ออาชญากรรม ตักตวงประโยชน์ทางการเมือง ฉกฉวยหาประโยชน์เฉพาะตน คนที่กล้า “แหกตา” พวกเราถึงเพียงนี้ น่าจะเป็นบุคคลอันตราย เราควรรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน แต่เราก็ควรส่งเสริมการระดมความคิด ถกเถียงค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และมีสติ และต่อต้านความงมงายอย่างมืดบอดในทุกรูปแบบ ประเทศชาติจึงจะเจริญด้วยสังคมอุดมปัญญาที่แท้จริง
.
หมายเหตุ:
.
{1} ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นกรรมการที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ ผู้แทนสมาคมประเมินค่าทรัพย์สินนานาชาติ (IAAO) ประจำประเทศไทย และกรรมการสภาที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยสภาคองเกรสเพื่อการควบคุมการประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกา Email: sopon@thaiappraisal.org
.
{2} มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มุ่งให้ความรู้แก่สาธารณชนด้านการประเมินค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมือง ปัจจุบันเป็นองค์กรสมาชิกหลักของ FIABCI ประจำประเทศไทย ถือเป็นองค์กรเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจกรรมคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยจนได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaiappraisal.org
.
{3} ข่าว “'อัล กอร์'-ไอพีซีซี โนเบลสันติภาพ” ไทยรัฐ 13 ต.ค. 50 http://www.thairath.com/offline.php?section=hotnews&content=64404
.
{4} รายละเอียดเกี่ยวกับพระติช นัท ฮันห์ http://en.wikipedia.org/wiki/Nhat_Hanh ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก
.
{5} เว็บไซต์เกี่ยวกับภาพยนต์นี้ดูได้ที่ http://www.climatecrisis.net และ http://www.an-inconvenient-truth.com
.
{6} เพชร มโนปวิตร บทความ “รายงานโลกใบใหญ่ / สิ่งแวดล้อม : An Inconvenient Truth กับภารกิจกู้โลก” ในนิตยสารสารคดี พฤศจิกายน 2549: http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=633
.
{7} โปรดอ่านบทวิพากษ์ภาพยนต์เรื่อง An Inconvenient Truth ได้ที่ Marlo Lewis “A Skeptic's Guide to An Inconvenient Truth”: http://www.cei.org/pages/ait_response-book.cfm และ Mary Ellen Tiffany Gilder “Diagnosing Al Gore: Truth in the Balance” http://sitewave.net/news/MaryEllenGilder.htm
.
{8} ฝ่ายวิเคราะห์และประมวลข่าวสาร สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข 11 ตุลาคม 2550: “ในปี พ.ศ. 2549 . . . ผู้ป่วยโรคปอดบวมที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลอีก 88,841 ราย/ ตาย 765 ราย ซึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นต้นเหตุ สำหรับในปี พ.ศ. 2550 จนถึงสัปดาห์ที่ 39 . . . มีรายงานผู้ป่วย. . . โรคปอดบวมที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลอีก 60,188 ราย ตาย 619 ราย . . . อย่างไรก็ตามจากการสำรวจของกรมควบคุมโรคในปี 2550 นี้ยังไม่พบผู้ป่วยจากโรคไข้หวัดนก หรือผู้เสียชีวิต” ที่ http://www.moph.go.th/show_hotnew.php?idHot_new=9516
.
{9} โปรดอ่านข่าว “Gore climate film's nine 'errors'” BBC News, October 11, 2007: http://news.bbc.co.uk/1/hi/education/7037671.stm
.
{10} โปรดดูรายละเอียดของโครงการนี้ได้ที่ Petition Project http://www.oism.org/pproject/s33p1845.htm
.
{11} พิธีสารเกียวโต Kyoto ดูรายละเอียดภาค ภาษาอังกฤษฉบับเต็มได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Kyoto_Protocol หรือภาคภาษาไทยได้ที่ http://www.jgsee.kmutt.ac.th/greenhouse/unfccc/unfccc.php#unfccc
.
{12} ดูรายละเอียดพายุ Katrina ถล่มนครนิวออลีนส์ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Hurricane_Katrina
.
{13} ผลการศึกษาของ Lawrence Livermore National Laboratory เรื่อง “Plant a tree and save the Earth?” ที่ http://www.llnl.gov/pao/news/news_releases/2006/NR-06-12-02.html และเรื่อง “Models show growing more forests in temperate regions could contribute to global warming” ที่ http://www.llnl.gov/pao/news/news_releases/2005/NR-05-12-04.html
.
{14} อ่านรายละเอียด Aral Sea ได้ที่ http://unimaps.com/aral-sea/print.html
.
{15} อ่านรายละเอียดภูเขาไฟกรากะตัวได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7
.
{16} ราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง “ภัยภูเขาไฟ” http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?Search=1&ID=154
.
{17} ข้อมูลพายุจากกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ www.tmd.go.th/programs/uploads/cyclones/track-56y.pdf และข้อมูลอุณหภูมิเฉลี่ยต่อเดือนจาก http://service.nso.go.th/nso/nso_center/project/table/files/1100400/2549/000/00_1100400_2549_000_000000_00500.xls
.
{18} ข่าว “อัล กอร์ มั่ว น้ำทะเลอ่าวไทยลดลงทุกปี” ไทยรัฐ 17 ตุลาคม 2550 http://www.thairath.com/news.php?section=society03&content=64807 และข่าว “อย่าตระหนก โลกร้อนไม่ทำให้กรุงเทพจมบาดาล” http://www.tei.or.th/hotnews/071116-globalwarming1-manager.htm
.
{19} โปรดดูได้ที่เว็บไซต์วัดขุนสมุทร สมุทรปราการ http://www.khunsamut.com
.
{20} ปรากฎการณ์เอลนีโญและลานีญา โปรดศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=17
.
{21} กาลามสูตร 10 คือ อย่าปลงใจเชื่อ 1.ด้วยการฟังตามกันมา 2.ด้วยการถือสืบ ๆ กันมา 3.ด้วยการเล่าลือ 4.ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ 5.ด้วยตรรก 6.ด้วยการอนุมาน 7.ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล 8.เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน 9.เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ และ 10.เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา เราจะเชื่อก็ต่อเมื่อพิจารณาเห็นด้วยปัญญา (ที่มาคือ http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/002684.htm)
.
{22} ข่าว “เมื่อกระแสโลกร้อนย้อนมาเล่นงานอัล กอร์” สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ 7-15 มีนาคม 2550 โปรดอ่านข่าวภาษาอังกฤษที่ http://www.guardian.co.uk/international/story/0,,2022869,00.html (The Guardian) และ http://www.usatoday.com/news/washington/2007-02-27-gore-house_x.htm (USA Today)
.
{23} โปรดอ่านข่าวดังกล่าวได้ที่ http://www.prospect-magazine.co.uk/article_details.php?id=6889
.
หมายเหตุ:
ดูทั้งหมดที่: http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market166.htm
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #24 เมื่อ: 07-06-2008, 21:42 »

มาแปะ แล้วหายตัวไปไหนอีก


ตอบคำถามหน่อย ---- มั่วกราฟขึ้นมาเองเนี่ย
บันทึกการเข้า
กาลามชน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 717


« ตอบ #25 เมื่อ: 08-06-2008, 07:58 »

คุณโสภณ เย็นๆจะมาช่วยครับ
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #26 เมื่อ: 08-06-2008, 08:47 »

กระทู้ปัญญานิ่ม เถียงกันไปทำไรกัน

แค่จะเถียงเอาชนะกันแค่นั้นเอง ตรูล่ะเซ็งจัง....
   
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #27 เมื่อ: 08-06-2008, 10:39 »

คุณโสภณ เย็นๆจะมาช่วยครับ

ไม่ต้องมาก็ได้ครับ
มาทีไรก็ไม่พ้นตรรกระบวยมั่วข้อมูลซะทุกที

เจ้าของกระทู้เองก็ขี้แล้วหนึแบบนี้ทุกที
ยังเหลืออะไรให้น่าเชื่อถืออยู่เหรอ
บันทึกการเข้า
jnaj1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


« ตอบ #28 เมื่อ: 09-06-2008, 01:38 »

คุณโสภณ เย็นๆจะมาช่วยครับ


ตีหนึ่งแล้วยังไม่มา ............. หายหัวไปตามคาด เหอะๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: