สรุปเหตุการณ์ชุมนุม ผ่ามการรายงานของ "ไทยรัฐ" 5 มิ.ย. 51

สนนท.ลุย วางหรีดครป.-ต้านพันธมิตร
ไทยรัฐ [5 มิ.ย. 51 - 04:09]

กลุ่มพันธมิตรเปลี่ยนแผนการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีการกล่าวโจมตีรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน บนเวทีการชุมนุมที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ มาเป็นการเสวนาเชิงวิชาการแทน โดยใช้แผนดาวกระจาย หวังดึงมวลชนอีกครั้ง ขณะที่ทหารออกมาระบุผู้ชุมนุมเริ่มลดลงแล้วเพราะมีการปราศรัยวนเวียน

ช่างผมบริการตัดผมผู้ชุมนุมฟรี

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ช่วงเช้าค่อนข้างเงียบเหงา จนถึงช่วงบ่ายได้มีช่างตัดผมทั้งชายและหญิงประมาณ 15 คน นำโดยนายพงษ์สัน อมรพิพัฒน์ เจ้าของร้านมินิแฮร์ และนางณัฐจงกล สังข์เสนาะ ช่างตัดผมจากสถาบันนิภาดามาให้บริการตัดผมฟรีแก่กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีผู้มาใช้ บริการจำนวนมากจนต้องต่อคิวกันยาวเหยียด นายพงษสันกล่าวว่า ได้พากลุ่มนักเรียนมาช่วยกันตัดผมให้กลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเชื่อว่าหลายคนคงไม่มีเงินที่จะตัดผม เป็นการทำบุญแก่คนยากไร้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนนางณัฐจงกลกล่าวว่า ที่มาให้บริการตัดผมฟรีไม่ได้หวังผลอะไรตอบแทน แล้วก็ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เพียงแต่ทำให้ นักเรียนของสถาบันได้พัฒนาฝีมือ

ยุพรรคอื่นลอยแพพลังประชาชน

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย สองแกนนำกลุ่มพันธมิตร ร่วมแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ที่เต็นท์พยาบาลของกองทัพธรรม นายพิภพกล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงนี้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหาใดๆ จุดยืนยังคงเหมือนเดิม จะสู้ เพื่อไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ส่วนเรื่องนายกฯ สมัคร พวกเราเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯอีกต่อไป รวมทั้งพรรคพลังประชาชน ก็หมดคุณสมบัติที่จะบริหาร ประเทศอีกต่อไปเช่นกัน จึงอยากที่จะเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลได้พิจารณาในเรื่องนี้ว่า ควรจะร่วมกับพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาลอีกต่อไปหรือไม่ สุดท้ายนายกฯ และพรรคพลังประชาชนน่าที่จะต้องลาออกไป และพรรคร่วมรัฐบาลก็ควรถอนตัวออกไปอีกด้วย

ชูธงเชียร์แนวคิดหมอประเวศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนกับแนวคิดของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี เรื่องรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ นายพิภพกล่าวว่า ได้นำสิ่งที่หมอประเวศเสนอไปพิจารณาก่อน เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดในโครงสร้างของรัฐบาลแห่งชาติว่าเป็นอย่างไร ขณะที่ พล.ต.จำลอง กล่าวเสริมว่า ไม่ได้มีเพียงหลักการเท่านั้น แต่มีความเลื่อมใสกับ นพ.ประเวศเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เมื่อท่านเสนอแนะอะไรมา คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แม้ไม่ได้มีอยู่ในรายละเอียดก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านก็เป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ที่กล้าจะชี้แนะ และไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น

รัฐบาลทำหูหนวกตาบอดควรออกไป

ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า เมื่อรัฐบาลไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยินในสิ่งที่ผู้ชุมนุมได้กระทำลงไป กลุ่มพันธมิตรมีความเห็นอย่างไร พล.ต.จำลองกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ก็เป็นเรื่องดี และขอให้ทำจริงๆ ไม่ใช่วันนี้พูดอย่างหนึ่ง อีกวันทำอีกอย่างหนึ่ง ขณะที่นายพิภพ กล่าวเสริมว่า การที่รัฐบาลไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ประเภทหูหนวกตาบอด แล้วจะมาเป็นรัฐบาลทำไม รัฐบาลต้องรู้ ต้องเห็น ต้องได้ยิน และแก้ไขสิ่งผิดเป็นถูกให้ได้ ถ้ารัฐบาลปฏิเสธความเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ไม่ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ก็ควรลาออกไป

ยกที่ชุมนุมเป็นมหาลัยราชดำเนิน

พล.ต.จำลองกล่าวถึงกิจกรรมหรือรายการต่างๆ ที่จัดบนเวทีตั้งแต่เช้ายันดึก และถ่ายทอดสดโดยเอเอสทีวี ที่จริงแล้วโทรทัศน์ทุกช่องจะต้องถ่ายทอดสด เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนทุกคน ไม่ใช่มุ่งแต่ธุรกิจอย่างเดียว ต่อไปพวกเราจะมีสถานภาพเหมือนเป็นมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาถึงเรื่องประชาธิปไตย ส่วนเรื่องการปิดเส้นทางการจราจร บริเวณถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ขณะนี้ได้ปิดเส้นทางดังกล่าวไปแล้ว แต่พวกเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ ขึ้นอยู่แต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้านนายพิภพกล่าวเสริมอีกว่า เรื่องนี้ได้ประสานงานกับนายนพพล เหลาโชติ ผอ.โรงเรียนมกุฏกษัตริย์แล้ว โดยอธิบายว่า การเปิดเส้นทางจะมีรถผ่านเป็นจำนวนมาก อาจจะมีกลุ่มอันธพาลกวนเมืองเข้ามาป่วนได้ นอกจากกลุ่มผู้ชุมนุมยังกลัวว่าเด็กนักเรียนอาจเกิดอันตรายได้ในขณะเดินทาง ซึ่งนายนพพลเห็นด้วยในเรื่องนี้และจะลองหาช่องทางอื่นโดยจะนำไปเสนอรัฐบาล ให้จัดหาเส้นทางการจราจรใหม่ต่อไป

ร้านพวงหรีดเจอผลกระทบขายไม่ออก

ในส่วนของผลกระทบจากการปิดถนน ของกลุ่มพันธมิตรฯยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดร้านขายพวงหรีดย่านวัดมกุฏกษัตริยาราม ประสบปัญหาอย่างหนักเพราะขายพวงหรีดไม่ได้ โดยนายดนัย สุวรรณรัตน์ เจ้าของร้านดอกไม้ไปรวิทย์ฟลาวเวอร์ อยู่ถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษมติดกับสี่แยกประชาเกษมกล่าวว่า ก่อนที่ม็อบจะปิดถนนทุกวัน จะมีคนสั่งทำพวงหรีดวันๆหนึ่งไม่ต่ำกว่า 15 พวง แต่หลังจากมีม็อบ ยอดขายหายไปเหลือเพียงวันละ 6-7 พวง บางวันก็ไม่มีใครสั่ง คนงานก็ว่างงานนั่งหลับกันเป็นแถว ตนคิดว่าการที่ไม่มีใครซื้อพวงหรีด เป็นเพราะศพที่วัดมกุฏฯไม่ค่อยมี เพราะคนยกเลิกจัดงานศพ ส่วนนางทองหล่อ กุหลาบสวัสดิ์ เจ้าของร้านดอกไม้ต้อย อยู่ในย่านเดียวกันเผยว่า มีผลกระทบเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวัดมกุฏฯยอมรับว่ายอดตกลงมาก

ขรก.กระทรวงศึกษาฉุนม็อบทำเดือดร้อน

ด้านนายสมาน ประโยค ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปกติออกจากบ้านเพื่อมาทำงานที่กระทรวงฯ ประมาณ 6 โมงเช้า แต่หลังจากที่มีม็อบมาปิดถนนราชดำเนินนอก ตนต้องปรับเวลาตื่นนอนและออกจากบ้านตี 5 เพราะตอนเช้ารถจะติดมาก พอมาถึงหน้ากระทรวงก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดถนนหน้ากระทรวง เพื่อคอยดูแลความเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อนๆข้าราชการหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการให้ผู้ชุมนุมย้ายไปชุมนุมที่อื่นประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน บางคนน่าเห็นใจเพราะบ้านอยู่ฝั่งธนฯ ขากลับจากทำงานมีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นสะพานพระราม 8 แทนที่จะได้ใช้ถนนราชดำเนินนอกเป็นทางกลับบ้าน ต้องอ้อมกลับไปถนนหลานหลวง ผ่านหน้ากระทรวงเกษตรฯ แล้วถึงจะขึ้นสะพานพระราม 8 ทำให้เสียเวลาเป็นชั่วโมงและในช่วงภาวะน้ำมันแพง ต้องมาเจอสภาพแบบนี้หลายคนบอกว่าเกิดอาการเครียด ส่วนข้าราชการที่ต้องอาศัยรถเมล์ประจำทาง สาย 509, 503 ซึ่งผ่านหน้ากระทรวงฯ หลังจากม็อบปิดถนน ทำให้เส้นทางการเดินรถต้องเปลี่ยนไป ทำให้ต้องเดินทางอ้อมมากขึ้น เนื่องจากรถเมล์ไม่สามารถจอดที่เก่าได้

เตือนอย่าดูแคลนความคิดคนอื่น

ขณะที่นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสังคมคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สก.สค.กล่าวว่า ข้าราชการ หลายคนที่เป็นลูกน้องตนได้รับความเดือดร้อน จากการปิดถนนชุมนุมกันของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนผู้ปกครองนักเรียนหลายคนบ่นให้ฟังถึงความไม่สะดวก บางรายบอกว่าจะพาลูกไปประท้วงกลุ่มผู้ชุมนุม ในส่วนของตน ข้าราชการหลายคนต้องมาทำงานสาย หลายคนต้องลาหยุดครึ่งวัน การกระทำกลุ่มของพันธมิตรฯในขณะนี้ ถือว่าเป็นสิทธิของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่าลืมว่าอย่าให้สิทธิ์ของตัวเอง มาทับสิทธิ์ของคนอื่น มันถูกต้องหรือไม่ เราทุกคนมีสิทธิของตัวเองทั้งนั้น อย่าดูแคลนความคิดของคนอื่นว่าเป็นเรื่องที่น่าขำ ไม่มีสมอง คนอื่นๆก็มีความคิด เรื่องประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่อาจจะมองคนละมุม ไม่ใช่คนไม่ร่วมหรือไม่เห็นด้วยจะเป็นคนที่ไม่มีวิชั่น

ขอให้เห็นใจคนหาเช้ากินค่ำ

นายบำเหน็จกล่าวอีกว่า จากการชุมนุมครั้งนี้มีผลกระทบต่อหลายอาชีพ ที่อยู่ในบริเวณนี้ อย่างนักมวย ตนเคยเป็นเจ้าของค่ายมวย จึงรู้ดีว่านักมวยแต่ละคนเป็นคนภาคอีสาน เป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเงิน การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้พวกนักมวยได้รับความเดือดร้อน เมื่อไม่มีคนมาดูคนจัดก็ขาดทุน นักมวยก็ไม่ได้เงิน ไม่มีเงินที่จะส่งไปเลี้ยงดูคนที่บ้าน เพื่อนหลายคนบอกผ่านตนมา ฝากให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจถึงปากท้องคนหาเช้ากินค่ำด้วย

แฉกลุ่มชุมนุมมักง่ายยืนฉี่ริมถนนส่งกลิ่นโฉ่

นอกจากนี้ การชุมนุมยืดเยื้อของกลุ่มพันธมิตรฯ สร้างปัญหาให้กับพระวัดมกุฏกษัตริย์และนักเรียนโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ ในเรื่องรถสุขาของ กทม.ที่มาจอดให้ บริการผู้ชุมนุม อยู่ฝั่งตรงข้ามวัดและโรงเรียนดังกล่าว เพราะกลิ่นปัสสาวะ อุจจาระ จากรถเหม็นตลบ จนไม่มีสมาธิ ต่างบ่นกันอุบ โดยเฉพาะช่วงตอนสายและบ่าย อีกจุดคือ บริเวณป้ายรถประจำทาง ที่กลุ่มผู้ชุมนุมมักง่ายและไร้วัฒนธรรม ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ไม่ไปใช้บริการรถสุขา แต่มายืนปัสสาวะข้างป้ายรถประจำทาง ส่งกลิ่นเหม็น จนเด็กนักเรียนหรือผู้ใช้บริการรถประจำทางไม่สามารถไปยืนรอรถประจำทางได้ ยิ่งช่วงปิดถนนไม่ให้รถประจำทางผ่าน ทำให้คนมักง่ายมายืนปัสสาวะกันเป็นจำนวนมาก

นักท่องเที่ยวหลายชาติผวายกเลิกทัวร์

ขณะเดียวกัน การชุมนุมยังได้ส่งผลกระทบถึงการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติผวาความไม่ปลอดภัยของบ้านเมือง ทั้งนี้ นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ซึ่งเป็นสมาคมที่รวบรวมบริษัทท่องเที่ยว ที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายราย ได้ข้อมูลตรงกันว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ที่จองทัวร์เข้ามาเที่ยวในไทย ได้ยกเลิกการเดินทางทั้งหมดแล้ว หลังจากที่มีเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะหวั่นว่าจะมีปัญหาความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นก็เดินทางเข้ามาลดลงเช่นกัน ด้านนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ได้ลดลง เพราะปกติจะเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในลักษณะครอบครัว ช่วงปิดเทอมคือเดือน มิ.ย. แต่เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้น จึงน่าเป็นห่วงว่าจะยกเลิกการเดินทางมาไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากการชุมนุมยังไม่จบสิ้นโดยเร็ว น่าเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อภาพรวมของการท่องเที่ยวไทย

สนนท.ออกโรงไล่พันธมิตรฯ-สุริยะใส

วันเดียวกันสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยนายพงษ์สุวรรณ สิทธิเสนา เลขาธิการ สนนท. พร้อมนิสิตนักศึกษากลุ่มหนึ่ง นำพวงหรีดมาวางที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป. ซอยรามคำแหง 53 พร้อมออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนและท่าทีต่อกลุ่มพันธมิตรฯและ ครป. โดยเฉพาะนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานเครือข่ายพันธมิตรฯ โดย สนนท.ได้แสดงจุดยืนและท่าที 3 ข้อ คือ 1. ไม่เห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีทิศทางนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมือง ซึ่งอาจจะกลายเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงของผู้ชุมนุมเอง 2. แกนนำพันธมิตรฯ ต้องรับผิดชอบ ต่อประชาชน ภายหลังการเคลื่อนไหว ที่อาจนำไปสู่การรัฐประหารและใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันเอง 3. รัฐบาลต้องแก้วิกฤติทางการเมือง ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจด้วยกลไกของรัฐสภา ซึ่งนำรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นต้นร่างทำประชามติและให้ประชาชนลงประชามติ ระหว่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยใช้ปี 2540 เป็นต้นร่าง กับไม่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่กลุ่มนักศึกษากำลังอ่านแถลงการณ์และนำพวงหรีดมาวางที่หน้าสำนักงาน ครป. มีประชาชนในละแวกใกล้เคียง ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว โดยออกมาตะโกนตอบโต้และไม่ยอมให้ วางพวงหรีดหน้าสำนักงาน ครป. แต่ก็ไม่ได้มีการปะทะที่รุนแรงจนให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

วางระเบิดปลอมย่านท่าพระอาทิตย์

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังยืดเยื้อหาจุดจบไม่ได้ ก็ได้มีผู้ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย โดยใช้ระเบิดปลอมไปวางทิ้งไว้ที่ย่านท่าพระอาทิตย์ ทั้งนี้ เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง สวป. สน.ชนะสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น. ไปตรวจกระเป๋าต้องสงสัย ภายในมีวัตถุระเบิดถูกนำมาวางไว้ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 102/2 ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.ใกล้บ้านพระอาทิตย์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หลังจากใช้ปืนแรงดันน้ำสูงยิงใส่ ปรากฏว่าภายในกระเป๋ามีนาฬิกาปลุก พันด้วยสก๊อตเทปสีดำ และถ่านไฟฉาย ขนาด 1.5 โวลต์ 6 ก้อน เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

“เหลิม” ชี้วางระเบิดเรื่องสร้างสถานการณ์

ที่กระทรวงมหาดไทย ตอนเที่ยง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการวางระเบิดปลอม ที่เอเอสทีวีเมื่อเช้ามืดวันเดียวกันนี้ว่า เรื่องนี้เหมือนอย่างที่ตนเคยบอกว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ขณะนี้ตนยังเชื่อว่าจะมีเหตุรุนแรงขึ้นอีกเป็นลำดับ แต่บอกไปก็ถูกหาว่าข่มขู่ แต่เป็นการเตือนด้วยความหวังดี เพราะมีสายข่าวที่คอยรายงาน มิฉะนั้นตอน รสช.ปฏิวัติ ตนจะรู้ก่อนแล้วจะหนีไปอยู่ประเทศเดนมาร์กได้อย่างไร นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สายข่าวของตนมีศักยภาพจริง เรื่องระเบิดดังกล่าวนี้ เป็นการสร้างสถานการณ์ มีคนอยากให้มีเรื่อง ถ้าพันธมิตรฯไม่ได้ทำ ก็ต้องเป็นมือที่สามที่ก่อเหตุ รัฐบาลไม่ทำเรื่องแบบนี้โดยเด็ดขาด เพราะถ้ามีเรื่องแล้วรัฐบาลดูแลไม่ได้ก็จะเสียหาย เกิดมีคนปาระเบิดเจ็บไป 10 คนจะทำอย่างไร ยิ่งถ้ามีใครขี่จักรยานยนต์ปาระเบิดเข้าไปก็จบ ดังนั้น จึงอยากให้พันธมิตรฯไปชุมนุมในที่ที่มิดชิด อโคจร อย่าไปปิดกั้นถนนเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ เพราะจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน

เสนอ “มนูญกฤต-พัลลภ” เป็นตัวกลาง

รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ตอนนี้ตนคิดออกแล้วว่า ใครจะไปพูดกับพันธมิตรฯ แล้วยอมรับฟัง ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็น พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร เพราะโดยส่วนตัวสนิทกัน แต่จะให้ไปขอเจรจาในนามรัฐบาลคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะ พล.ต.มนูญกฤตก็อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่ทำเพื่อรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งหากให้ตนไปพูดเองก็น่าเกลียด อาจจะถูก ครม.ตำหนิเอาได้ นอกจากนี้มีอีกคนหนึ่งคือ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ก็สามารถคุยกันได้ ซึ่งทั้ง 2 คนดังกล่าว สามารถคุยกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลบอกให้เจรจาตนก็พร้อมที่จะไปคุยกับ พล.ต.มนูญกฤต แต่จะสำเร็จหรือไม่ ไม่แน่ใจ

ชี้ถ้า “จำลอง” ถอย ชุมนุมก็เลิก

“ผมเห็นว่าพี่นูญกับพี่ลภ ที่ชอบกันกับผมมา 30 ปี จะไปบอกให้พี่ลองกลับวัดได้ แต่จะให้ผมไปคุยเองคงไม่ได้ น่าเกลียดเดี๋ยวลุงหมักตีเอา ถ้าให้พี่ลองเลิกได้ พันธมิตรฯก็จบ เพราะลำพังนายสนธิ ลิ้มทองกุล คงทำอะไรไม่ได้ เหมือนมะพร้าวไม่มีกะทิ ได้แต่เย้วๆ แต่ พี่ลองถอนตัวก็จบ เพราะพี่ลองมีเครดิตคนเดียว สนธิจะไปมีอะไร เท่าที่เห็นตอนนี้คนที่ไปร่วมชุมนุม ก็มีแต่พวกพม่าเท่านั้น แต่พวกพันธมิตรฯก็ก้าวหน้านะที่ไปสอนประชาธิปไตยให้พวกพม่าได้ ส่วนที่เห็นคนทำความสะอาดอยู่แถวนั้น เป็นคนของ กทม.ส่งไป ไม่ใช่ผู้ชุมนุม อย่าเข้าใจผิด แล้วที่บอกว่าจะไปชุมนุมแบบดาวกระจาย และไปที่บ้านบางบอนด้วยนั้น ก็ให้ไปได้เลย เพราะลานวัดว่างอยู่” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

“พัลลภ” ปัดเป็นตัวกลางเจรจา

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ให้ สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทยจะขอร้องให้ พล.อ.พัลลภไปช่วยเจรจากับ พล.ต.จำลอง เพื่อให้ยุติการประท้วงขับไล่รัฐบาลว่า ยังไม่เห็นมีใครมาขอร้อง หรือมาติดต่อให้เข้าไปเคลียร์กับ พล.ต.จำลอง และยังไม่เจอ ร.ต.อ.เฉลิมเลย ยังพูดอะไรไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่า หาก ร.ต.อ.เฉลิมมาขอร้องให้ไปช่วยเคลียร์ม็อบพร้อมที่จะช่วยเหลือหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องดูเงื่อนไขที่ ร.ต.อ.เฉลิมจะมาขอร้องตน ยังตอบไม่ได้ในเวลานี้ แต่เท่าที่ดูแล้วการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร มันยากที่จะเข้าไปเจรจาหรือขอร้องให้เลิกการชุมนุม การชุมนุมมันไกลเกินกว่าที่จะมีการเจรจาแล้ว

“ผมติดตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรมาตลอด จึงรู้ว่ามันไกลเกินว่าที่จะมีการเจรจาไกล่เกลี่ย เพราะการชุมนุมมันไม่ได้อยู่แค่การขับไล่รัฐบาลให้ออกไปอย่างเดียว แต่มันไปถึงระบอบทักษิณแล้ว มันคงยาก แม้ว่าผมกับ พล.ต.จำลองเป็นเพื่อน จปร.7 ด้วยกันก็ตาม เพราะการตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ พล.ต.จำลองเพียงคนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับทั้ง 5 แกนนำ” พล.อ.พัลลภกล่าว

ชี้เป็นการยากที่จะคุยกับจำลอง

เมื่อถามว่า ดูแล้วสถานการณ์บ้านเมืองจะจบลงอย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะจบลงอย่างไร แต่เรื่องการชุมนุมประท้วงถือว่าไกลไปมากแล้ว การไกล่เกลี่ยคงยากมาก แกนนำกลุ่มพันธมิตรเขาหนักแน่นมีการประชุมร่วมกันตลอดเวลา ก่อนจะออกมาเป็นมติ และแถลงการณ์ผ่านทางเวทีแต่ละครั้ง จึงเป็นการยากที่จะเข้าไปพูดคุยกับ พล.ต.จำลอง ส่วนแนวทางจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาบ้านเมืองนั้น ยังไม่รู้ จะต้องดูก่อน

ทหารระบุผู้ชุมนุมลดลงแล้ว

ทางด้าน พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประกาศชุมนุมยืดเยื้อเพื่อขับไล่รัฐบาลว่า เชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรงและสถานการณ์คงไม่บานปลาย เพราะจากที่ได้ ติดตามสถานการณ์ ขณะนี้ผู้ชุมนุมก็เริ่มลดลงแล้ว เพราะไม่มีเงื่อนไขอะไร ส่วนหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนทหารขณะนี้ไม่ได้ เตรียมความพร้อมที่จะออกมาดูแลความสงบ เพราะขณะนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวง กลาโหม ยังไม่ได้สั่งการให้ทหารเตรียมพร้อมอะไร

ใช้แค่ตำรวจก็คุมกลุ่มชุมนุมอยู่

พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ดูแล้วมีแนวโน้มว่าจะตกลงกันได้ เพราะความขัดแย้งไม่จำเป็นที่จะต้องจบลงด้วยความรุนแรง เชื่อว่าหาก 2 ฝ่ายจะมีการเจรจาอย่างประนีประนอม และพูดคุยอย่างสันติโดยผ่านองค์กรหรือระบบที่ทั้งสองฝ่ายให้การยอมรับ ก็ไม่น่าจะมีความรุนแรง เมื่อถามว่าทหารจะออกมาช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความเรียบร้อยหรือไม่ พล.ท.พีระพงษ์กล่าวว่า แม้แต่คิดก็ยังไม่ควร เพราะผู้ชุมนุมพูดกันรู้เรื่อง ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยังดูแลสถานการณ์ได้ สถานการณ์ก็ไม่ได้มีความรุนแรงถึงขั้นจลาจล จึงไม่มีความจำเป็นที่ทหารจะต้องออกมา เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเคยออกมาระบุว่าจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าสลายม็อบ พล.ท.พีระพงษ์กล่าวว่า ท่านไม่ได้บอกว่าจะสลายกลุ่มชุมนุม แต่บอกกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย การจะทำอะไรต้องทำให้ถูกต้อง และไม่ไปก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น ผู้ชุมนุมต้องเห็นใจผู้ที่เดือดร้อนจากการชุมนุม และในที่ประชุมสภากลาโหมท่านไม่เคยมีความคิดว่าจะต้องสลายม็อบ หรือใช้ความรุนแรง

พปช.ชี้แกนนำพันธมิตรฯเป็นเหยื่อ “จำลอง”

เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่พรรคพลังประชาชน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ของพรรคพลังประชาชนแถลงว่า ขณะนี้รัฐบาลเดินมาถูกทาง ที่แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่เราเห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการชุมนุมยืดเยื้อเพื่อไม่ให้รัฐบาลทำงานได้ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางหนึ่งทางใด โดยขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เจ้าของลัทธิจำลองที่นำพลพรรค ญาติธรรมมาร่วมชุมนุมด้วย สังเกตได้ว่าในประวัติศาสตร์การนองเลือดทุกครั้งมักมี พล.ต.จำลองเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ ครั้งนี้ พล.ต.จำลองก็เป็นแกนนำ เพื่อชุมนุมยืดเยื้อและตั้งเมืองหรืออาณาจักรพันธมิตร เผยแพร่ ลัทธิจำลองที่ปฏิเสธระบบทุนนิยม และต้องการระบบบุญนิยมมาแทน ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นศิษย์หลวงตามหาบัว ไม่รู้ว่าเข้ากับ พล.ต.จำลองได้อย่างไร ดังนั้น วันนี้ พล.ต.จำลองควรกลับอาศรม ไปปฏิบัติธรรมในสำนักได้แล้วและแกนนำพันธมิตรฯไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของ พล.ต.จำลอง

พร้อมเจรจาแก้ปัญหากับกลุ่มพันธมิตรฯ

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า วอร์รูมสนับสนุนให้มีการเจรจาในการแก้ปัญหากับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจไปพูดคุยก่อนและพรรคพลังประชาชนพร้อมที่จะส่งตัวแทนและรัฐบาลไปเจรจากับพันธมิตร ส่วนข้อเรียกร้อง 2 ข้อที่ให้รัฐบาล ยุติการแก้รัฐธรรมนูญนั้น พรรคไม่ได้มีมติให้ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญรอบสอง เรื่องนี้จึงไม่ใช่ ประเด็น เพราะเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. จึงไม่ควรปิดทาง ส.ส. และ ส.ว.มากเกินไป ส่วนกรณีให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น กลุ่มพันธมิตรฯไม่ควรเร่งรัดให้พิจารณา คดีเสร็จตามที่เรียกร้อง เพราะจะเป็นการแทรกแซงศาล

ขู่หากชุมนุมไม่เลิกชาวบ้านลุกฮือทั่วประเทศ

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ในฐานะคณะทำงานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ของพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯถึงเวลาที่จะยุติการชุมนุมได้แล้ว เพราะข้อเรียกร้องการชุมนุมเป็นไปตามเป้าหมายหมดแล้ว อย่าทำตัวเป็นอันธพาล 2551 ครองราชดำเนิน ที่หาเงื่อนไขใหม่โดยประกาศล้มรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะได้ทุ่มเวลาไปแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และปัญหาเศรษฐกิจ ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯยังไม่ยุติ ทราบว่าชาวบ้านที่ทนไม่ไหวและไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม พันธมิตรฯ จะชุมนุมประท้วงตามหัวเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มจากที่ประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากนั้นจะขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า จะไม่ให้ ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่กลับตัวทัน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการตรวจสอบ ก็ต้องทำในสภา แต่ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯต้องการตรวจสอบรัฐบาลบ้าง ก็ต้องเลิกการชุมนุมและไปลงสมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน

เปลี่ยนเวทีปราศรัยมาจัดรายการข่าว

ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตร ในช่วงเย็นไม่คึกคักเท่าที่ควร เวทีปราศรัยถูกปรับมาเป็นการจัดรายการข่าวของเอเอสทีวี ที่มีการนำข่าวฝ่ายรัฐบาลมากล่าวโจมตีบนเวที สลับกับการปราศรัยโจมตีรัฐบาล ที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเดิมๆ คือ ต่อต้านระบอบทักษิณรวมทั้งการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของพันธมิตร ยังคงคุมเข้มตรวจสอบกระเป๋าผู้ที่ผ่านเข้าออกป้องกันการแฝงตัวมาก่อกวนในที่ชุมนุม

งัดมุกเก่าดาวกระจายบุกบ้านนายกฯ

เวลา 17.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.เป็นต้นไป กลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นรูปแบบดาวกระจาย ด้วยการจัดตั้งกลุ่มมวลชนอาสาสมัคร เดินทางไปยังหน่วยงานต่างๆ อาทิ คตส. ดีเอสไอ กกต. สำนักงานอัยการสูงสุด และไปพบ รมว.มหาดไทย นายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามทวงถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบคดีทุจริต ที่เกี่ยวข้องระบอบทักษิณ อย่างไรก็ตาม รูปแบบเวที มหาวิทยาลัยราชดำเนิน ที่เน้นการให้ศึกษาและความรู้ เกี่ยวกับการเมืองก็ยังดำเนินคู่ขนานไปด้วย ซึ่งต่อไปจะมีการออกหนังสือพิมพ์ และวารสาร ม.ราชดำเนิน ให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไปด้วย สำหรับกรณีที่ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเริ่มล้มป่วยไม่ สบายมากขึ้นนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการสั่งตั้งเต็นท์ขนาดใหญ่เพิ่มเติมเพื่อกันฝนให้กับผู้ที่มาร่วมชุมนุม นอกจากนี้ ให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเสื้อกันฝน ยา และข้าวปลาอาหารให้กับกลุ่มพันธมิตรฯเป็นจำนวนมากพอที่สามารถปักหลักชุมนุมได้นานเป็นเดือน

เย้ย “เหลิม” อย่าฝันให้แกนนำเสียงแตก

นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ขอให้อดีตแกนนำ จปร.7 อย่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร มาเจรจากับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรฯ สลายการชุมนุมว่า ร.ต.อ.เฉลิมอย่าพยายามให้เสียเวลา เพราะการเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น มาจากมติของที่ประชุม 5 แกนนำ ไม่ใช่เป็นคำสั่งของใครคนใดคนหนึ่ง แกนนำทุกคนมั่นคงกันมากกว่า สมัยการชุมนุมเมื่อปี 49 และขอให้รัฐบาลยุติความพยายามในการบิดเบือนสร้างภาพว่า พล.ต.จำลองกำลังจะพาประชาชนไปตายด้วย

ลือหึ่ง “เสรีพิศุทธ์” ร่วมชุมนุมพันธมิตร

ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงค่ำ ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมาฟังการปราศรัยมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่า น่าจะมีราว 3 พันคน โดยมีการตั้งโต๊ะร่วมลงรายชื่อขับไล่รัฐบาลและนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ด้วย นอกจากนี้ ยังเกิดกระแสข่าวลือหนาหูเข้ามาจากหน่วยข่าวราชการหลายหน่วย ที่เข้ามาสังเกตการณ์ในม็อบว่า พบเห็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเดินทางมาพร้อมกับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ทำให้สื่อมวลชนที่ทำข่าวในกลุ่มพันธมิตร ต่างเดินหาตัวอดีต ผบ.ตร. อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามประชาชนหลายคนที่ร่วมชุมนุม บอกว่าได้เห็นอดีต ผบ.ตร.เดินทางมาร่วมจริงๆ แต่ไม่มีใครมีหลักฐานยืนยันแต่อย่างใด

ด่าตำรวจอย่าริวิจารณ์การเมือง

ต่อมาเมื่อเวลา 21.00 น. แกนนำพันธมิตร ขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมกันอีกครั้ง โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวพาดพิงไปยัง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ที่ออกมาพูดเรื่องการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า เข้าใจสิทธิ์การชุมนุมตามหลักรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากบอกว่ามีการชุมนุมแล้วกีดขวางการจราจร ทำให้การจราจรติดขัด ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ หน้าที่ของตำรวจคือทำให้การจราจรไม่ติดขัด แต่ถ้าทำไม่ได้ให้ลาออกไป ที่ออกมาระบุว่ารัฐบาลถอยให้ก้าวหนึ่ง แล้วทำไมพันธมิตรฯไม่ถอย ขอถามว่าท่านมีหน้าที่อะไร ใครให้มาวิจารณ์ทางการเมือง น่าจะวิจารณ์เรื่องการจราจรที่เป็นหน้าที่ของท่านมากกว่า การชุมนุมเป็นหน้าที่ของภาคประชาชน อย่าได้ริออกความเห็นทางการเมือง เพราะตำรวจไม่เคยเข้าข้างภาคประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้น เราจะชุมนุมกันต่อไป โดยให้ผู้มาชุมนุม 1 คน พาเพื่อนมา 10 คน ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันรัฐบาลก็อกแตกตาย

อ้างจะถูกลอบยิงไม่ขอขึ้นเวทีตอนดึก

แกนนำพันธมิตรฯสายบ้านพระอาทิตย์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้อาจจะไม่ขึ้นเวทีตอนดึกอีกต่อไป เนื่องจากทราบว่า มีคนจัดขบวนการจะมาลอบยิงตน แต่ก็จะรักษาชีวิตไว้ เพื่ออยู่กับประชาชนต่อไป นอกจากนี้ ยังกล่าวหา ร.ต.อ.เฉลิมด้วยว่า ที่ได้มาเป็น รมว.มท. เพราะสัญญากับผู้มีอำนาจ ว่าจะมาจัดการพันธมิตรฯ และทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง รมว.มท. ได้ติดต่อนายสุริยะใส กตะ�ศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ไปพบ แต่นายสุริยะใสไม่ไป นอกจากนี้ ยังชวนคนสนิทของตนไปกินข้าว และพูดจาโน้มน้าวให้ตนเลิกจัดการชุมนุม โดยให้เหตุผลว่าสู้ต่อไปก็ไม่ชนะ จากนั้นมาจึงมีขบวนการข่มขู่มาตลอด ส่วนที่มาของแนวคิดที่จะสลายการชุมนุมนั้น มาจาก ร.ต.อ. เฉลิม ที่เป็นแม่ทัพใหญ่ นัดประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. แล้วตัดสินใจที่จะใช้อำนาจรัฐจัดการกับพันธมิตรฯ จึงเป็นที่มาของการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวถึงการจัดการกับพันธมิตร ในเช้าวันที่ 31 พ.ค. แต่เมื่อตนกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประกาศสู้และมีประชาชนมาร่วมกันมาก ทีมที่ปรึกษาอดีตนายกฯ ทักษิณ หารือกันแล้ว มองว่าจะทำให้มีคนมาชุมนุมมากขึ้น จึงปลดร.ต.อ.เฉลิม จากการเป็นแม่ทัพในการสลายการชุมนุม

ท้าพิสูจน์ “เหลิม” ไม่เชื่อจบด็อกเตอร์รามฯ

นอกจากนี้ นายสนธิยังตั้งข้อสังเกต ร.ต.อ.เฉลิม กรณีที่จบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยระบุด้วยว่า ขอตั้งคำถามไปยังสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เชื่อว่าจะต้องมีคนช่วย ร.ต.อ.เฉลิม ทำข้อสอบภาษาอังกฤษแน่ เพราะส่วนตัวไม่เชื่อว่า ร.ต.อ.เฉลิมจะทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้ตามเกณฑ์ เท่าที่รู้เห็นพูดได้แค่เยสกับโนและโคคาโคล่า ถ้าแน่จริงขอให้พิสูจน์ให้ดูหน่อย ขอให้สถาบันการศึกษาที่มีมาตรฐาน ทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษของ ร.ต.อ.เฉลิมเชื่อว่าจะต้องสอบตก ทั้งยังฝากไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วยว่า นี่หรือคือคุณภาพของผู้ที่จบมา ถ้าได้แค่นี้ต่อไปอย่าไว้ใจคนที่จบด็อกเตอร์จากสถาบันนี้เลย

“บิ๊กวิน” สั่งรวบรวมคดีความพันธมิตรฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในช่วงค่ำ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. มีคำสั่งทางวิทยุสื่อสารให้ทุก บก.น.ในสังกัด รวบรวมคดีความที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่ ปี 2548 จนถึงปัจจุบันส่งรายงานให้ทราบทางเครื่องโทรสารภายในเวลา 20.30 น. ของวันที่ 4 มิ.ย. ให้ระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นใคร และพฤติการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นอย่างไร มีข้อกล่าวหาอะไรบ้าง