เอาข่าวเก่าๆ นี่ไปอ่านดูอีกรอบบิ๊กจิ๋ว" ชี้การเมืองปัจจุบันเข้าสู่สถานการณ์ปฏิวัติ เกิดการต่อสู้ระหว่างพลังประชาชนที่เคลื่อนไหวยิ่งใหญ่กับเผด็จการ ส่งผลให้บ้านเมืองเหมือนคนเจ็บป่วย เสนอผ่าทางตันตั้งนายกฯ คนกลางด้วยคุณสมบัติ 6 ประการ มีบารมี ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง รอบรู้ ประสานมวลชนได้ เพื่อสร้างความปรองดอง บอกอีก 2 วันค่อยไขอีกเปลาะ สะพัด "สุรยุทธ์-สุเมธ-ธรรมรักษ์" ถูกทาบแต่ถอยกรูด
มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย หลังจากเดินทางเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ไปเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2549 หลังจากนั้นบุคคลใกล้ชิดของ พล.อ.ชวลิต แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าจะมีการแถลงข่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เมษายน พล.อ.ชวลิตไปกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "แนวทางแก้วิกฤติชาติในสถานการณ์ปัจจุบัน" จัดโดยสภากรรมกรแห่งชาติ วันที่ 27 เมษายนนี้ ที่สโมสรกองทัพบก ทั้งนี้เป็นการอ่านตามเอกสารที่ได้เตรียมมา มีใจความตอนหนึ่งว่า ภารกิจอันดับแรกของแนวทางแก้ปัญหาชาติคือการรู้อย่างถูกต้องว่าปัญหาพื้นฐานของชาติคืออะไร ถ้าจับปัญหาของชาติถูก หรือกำหนดความมุ่งหมายของชาติได้ถูกแล้ว ยังต้องมีแนวทางแก้ปัญหานั้นอย่างถูกต้องอีกด้วย ซึ่งก็คือการสร้างประชาธิปไตย ไม่ใช่การสร้างรัฐธรรมนูญ หรืออะไรอื่นๆ
"จะแก้ปัญหาของชาติต้องแก้ปัญหาประชาธิปไตยให้สำเร็จ โปรดพิจารณาให้ถ่องแท้จะเห็นว่าปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน อยู่ในลักษณะเดียวกันหรือไม่ หรือแม้แต่ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการต่อสู้กันด้วยอาวุธระหว่างประชาชนในพื้นที่กับอำนาจรัฐนั้น พื้นฐานปัญหาที่แท้จริงคือความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับระบอบเผด็จการนั่นเอง หรือแม้แต่การต่อสู้กันของพรรคการเมืองในปัจจุบันก็คือการต่อสู้กันของประชาชน หรือพูดให้ถึงที่สุดแล้วก็คือการต่อสู้กันของขบวนการเมืองเผด็จการ ขบวนการเมืองประชาธิปไตย ขบวนการปฏิวัติสังคมนิยม และอีกขบวนหนึ่งซึ่งมีเฉพาะในเมืองไทยก็คือขบวนการรัฐธรรมนูญ"
พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมา แท้จริงแล้วสถานการณ์นี้คือการเคลื่อนไหวปฏิวัติประชาธิปไตย ซึ่งสมบูรณ์ทั้งแนวทางการเมือง และแนวทางการต่อสู้ อันได้แก่การต่อสู้ของประชาชนเพื่อปฏิเสธพรรคการเมือง ต่อต้านการเลือกตั้ง และใช้แนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้อง คือแนวทางสันติ
"สถานการณ์ปัจจุบันจึงเรียกกันว่าสถานการณ์ปฏิวัติ ซึ่งย่อมมีความเข้มแข็งและรุนแรงเสมอ เพราะเป็นการต่อสู้ของประชาชน ถ้าเกิดอุปสรรคขัดขวางก็จะกลายเป็นมิคสัญญีกลียุคเลยทีเดียว แต่หากทุกฝ่ายเข้าใจและให้ความร่วมมือ โดยรัฐบาลเฉพาะกาลเข้าใจการสร้างประชาธิปไตย เปลี่ยนระบอบเผด็จการรัฐสภาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องแล้ว นอกจากจะส่งผลให้ผ่านวิกฤติอันเลวร้ายนี้ไปได้แล้ว ยังจะนำบ้านเมืองหลุดพ้นวงจรแห่งความชั่วร้าย เข้าสู่วิถีแห่งความเจริญก้าวหน้าอันไพบูลย์" พล.อ.ชวลิตระบุ
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สภาวะบ้านเมืองขณะนี้เหมือนคนเจ็บป่วย ทำให้หมดเรี่ยวแรง เหตุการณ์ปัจจุบันในชาติเจ็บป่วยเพราะใช้การเมืองการปกครองที่ผิดพลาด จนทำให้เกิดความขัดแย้งกันในสังคมไทยทุกรูปแบบ ทุกพื้นที่ ซึ่งการจะแก้ปัญหาชาติ ต้องสร้างความเข้าใจ ความสมานฉันท์ของคนในชาติให้กลับคืนมาสู่สภาวะเดิมของสังคมไทยที่มีมาแต่บรรพกาล เพราะในครั้งนั้นเป็นสังคมที่รักความเป็นไท ใฝ่สันติ และไม่ใช้วิธีการรุนแรง เมื่อขั้นตอนของภารกิจนี้สำเร็จแล้ว จึงเริ่มขั้นตอนที่สอง คือการสร้างประชาธิปไตย ซึ่งการสร้างประชาธิปไตยในชาติคือปัญหาหลัก การสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติเป็นปัญหานำ
พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ในสภาวะปัจจุบัน ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำให้คู่กรณีของความขัดแย้งสร้างความสมานฉันท์ คนกลางที่มีความรอบรู้ เข้าใจปัญหา มีประสบการณ์ เป็นผู้ที่มีฐานะสูงกว่าคู่กรณีมากพอ เป็นที่เคารพรักเชื่อถือของบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้อง คู่กรณีเชื่อถือว่าได้รับการปฏิบัติที่เที่ยงธรรม และเชื่อได้ว่าความเคียดแค้นอาฆาตของทั้งสองฝ่าย จะหมดไปด้วยการดำเนินการของท่านผู้นี้
"จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง จะเป็นใคร ที่ไหน ผมไม่ทราบ แต่รู้เพียงแต่ว่าไม่ใช่ผม"
พล.อ.ชวลิตเสนอว่า คนกลางที่จะเข้ามารับผิดชอบบริหารราชการแผ่นดินในปัจจุบัน จะต้องมีคุณสมบัติ 6 ประการ คือ 1.ไม่มีความคิดใหญ่ คิดแบบชาวบ้านธรรมดา ถือว่าตำแหน่งและอำนาจ เป็นเครื่องมือการทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาชาติเท่านั้น 2.มีหลักวิชาถูกต้อง รู้สถานการณ์ตรงตามความเป็นจริง สามารถประยุกต์หลักวิชากับสถานการณ์อย่างถูกต้อง ตลอดจนมีประสบการณ์การแก้ไขปัญหาชาติดังกล่าวมาแล้ว 3.มีความระมัดระวังสูงสุดในการปฏิบัติทางการเมืองทุกอย่าง
4.ร่วมมือกับประชาชนและส่วนรวม โดยประชาชนให้ความร่วมมือ เพราะนั่นคือหลักประกันสำคัญที่สุดของการหลีกเลี่ยงความผิดพลาด 5.มีสติระลึกได้ตลอดว่าอำนาจและความเป็นใหญ่มีอันตรายต่อจิตใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ป้องกันอันตรายนี้ทุกลมหายใจ ผู้ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาชาติในอดีต ก็เพราะไม่สามารถป้องกันและขจัดอันตรายนี้ได้ 6.มีความเป็นอยู่ในระดับคนชั้นกลาง
พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ปัญหาชาติ 75 ปีจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่ปัญหาที่ผู้บริหารสูงสุดหรือปัญหาตัวบุคคล แต่เป็นปัญหาที่ระบอบ ระบอบที่ดีคือระบอบประชาธิปไตย คืออำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ระบอบที่ไม่ดีคือระบอบเผด็จการ อำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนน้อย เหตุสำคัญไม่ใช่คนไม่ดี ระบอบที่ไม่ดีให้โอกาสแก่คนไม่ดี และตัดโอกาสคนดี ต้องแก้ที่ระบอบ ไม่ใช่มัวแต่เรียกหาคนดีมีความสามารถ จะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ปัญหาสำคัญต่อไปจึงอยู่ที่ทำอย่างไรจึงจะได้คนดีมีมีฝีมือมาบริหารราชการแผ่นดินในยามนี้
"สังคมกำลังเรียกหาสิ่งที่ผิด และเคยผิดมาก่อน เช่น เรียกร้องและให้ความสนใจในการปฏิรูปการเมือง หรือการร่างรัฐธรรมนูญ การชักชวนให้ล้มระบอบทักษิณ หรือทำลายล้างตัวทักษิณเอง หรือแม้แต่การเลือกตั้ง ซึ่งมาจากความคิดที่ว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสิน ซึ่งความเป็นจริงนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 75 เป็นต้นมา ประชาชนยังไม่เคยได้อำนาจ คณะราษฎรไปยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ ถ้าจะคิดคืนอำนาจ ต้องคืนอำนาจให้พระมหากษัตริย์จึงจะถูกต้อง"
พล.อ.ชวลิตกล่าวต่อไปว่า หากติดขัดด้วยกฎเกณฑ์หรือรัฐธรรมนูญ ประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินควรแสดงเจตนารมณ์และความต้องการแท้จริงของตนเอง ที่จะสรรหาคนกลางผู้เหมาะสมมาบริหารราชการแผ่นดินในสภาวการณ์ปัจจุบัน โดยให้ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้องได้ถวายข้อเสนอของประชาชนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการที่เสนอนั้น เพื่อให้คนกลางมารับสนองการปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของชาติให้ลุล่วงไป ทั้งยังทำให้พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีพระราชประสงค์จะมอบอำนาจให้ประชาชนมานานแสนนานแล้วเป็นจริงด้วย และเพื่อเป็นการลดความสับสนยุ่งยาก การเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ ผู้มีอำนาจ ผู้เกี่ยวข้องอาจเป็นผู้นำการปฏิบัติดังกล่าวเสียเองก็ได้ ผู้ที่จะตัดสินใจดังกล่าวคือวีรบุรุษของชาติโดยแท้
พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า การออกมาพูดวันนี้ ไม่มีความเกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวพันต่อกระแสพระราชดำรัส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเป็นอันขาด เพียงแต่อยากเรียกร้องให้มาร่วมกันหาทางยุติความขัดแย้งร่วมกัน สร้างวิถีทางเดินของชาติให้ถูกต้อง เพื่อเฉลิมฉลองวันอันเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ครบ 60 ปี
หลังกล่าวปาฐกถา พล.อ.ชวลิตปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ บอกว่าอีก 2 วันจะให้สัมภาษณ์อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนกลางที่จะเข้ามาคือใคร พล.อ.ชวลิตกล่าวว่ากำลังหาอยู่ เมื่อถามว่าเป็นองคมนตรีหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า "ยังไม่รู้เลยลูก" ส่วนที่คาดหมายว่าอาจเป็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ก็ไม่ทราบ ต้องถามประชาชน
มีรายงานว่า การออกมาเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิตที่เสนอตั้งคนกลางเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญลดความขัดแย้งในสังคมก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงเวลาอันสั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีคนกลางที่ พล.อ.ชวลิตเสนอคุณสมบัติไว้ 6 ประการ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้มองไว้หลายคน โดยหลักคือมองว่าต้องเป็นทหาร เพราะจะสามารถคุมทุกฝ่ายได้ และต้องเป็นคนที่สามารถประสานงานพูดคุยกับฝ่ายค้านได้
ข่าวแจ้งว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ได้เรียก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม เข้าพบที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อทาบทามให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนกลาง แต่ พล.อ.ธรรมรักษ์ปฏิเสธ แจ้งว่าไม่มีความเหมาะสม และเชื่อว่าแนวทางนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทยไม่เห็นด้วยแน่
ก่อนหน้านี้หลายคนที่ถูกทาบทามให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง ต่างก็ปฏิเสธที่จะเข้ารับตำแหน่ง รวมถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา.
http://www.thaitexasnews.net/2006_TTN_2006_04_27_pm6.htm