ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
12-05-2025, 12:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  หาข้อมูล"เรื่องบังเอิญ"ที่เกิดขึ้นแล้วทักษิณได้ประโยชณ์(สมัยเป็นนายก)ได้ที่ไหน? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
หาข้อมูล"เรื่องบังเอิญ"ที่เกิดขึ้นแล้วทักษิณได้ประโยชณ์(สมัยเป็นนายก)ได้ที่ไหน?  (อ่าน 2864 ครั้ง)
1133
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 67


« เมื่อ: 03-06-2008, 18:56 »

อยากรู้ว่าบังเอิญกี่ครั้งอะไรบ้างเช่น

กม.มีผลวันนี้ อีก2วันขายหุ้น พอดี
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #1 เมื่อ: 03-06-2008, 19:00 »

อย่ามัวถามเรื่องไร้สาระหากตัวท่านไม่คิดอ่านที่จะวิเคราะห์ข้อเท็จจริงให้สะเด็ดน้ำ..ข้อมูลทางเน็ตเยอะแยะไป ประเด็นก็คือ การขายหุ้นและมีผลกำไร...ไม่มีใครสักคนในตลาดหุ้นเสียภาษี แค่พื้นๆไปก่อน...ลึกๆไปหาเอาเอง
บันทึกการเข้า
นกกระสากวนน้ำ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


"ผมจะทำให้คนไทยรวยแต่เขือ"


« ตอบ #2 เมื่อ: 03-06-2008, 19:04 »

อย่ามัวถามเรื่องไร้สาระหากตัวท่านไม่คิดอ่านที่จะวิเคราะห์ข้อเท็จจริงให้สะเด็ดน้ำ..ข้อมูลทางเน็ตเยอะแยะไป ประเด็นก็คือ การขายหุ้นและมีผลกำไร...ไม่มีใครสักคนในตลาดหุ้นเสียภาษี แค่พื้นๆไปก่อน...ลึกๆไปหาเอาเอง

มันขายในตลาดหุ้นเหรอ?
บันทึกการเข้า

ประชาธิปไตยภายใต้ระบบทุนนิยม
คือ  การปกครองที่ผู้คนจำนวนน้อยซึ่งมีสติและความรับผิดชอบ จำต้องอดทนและรับผลกรรมจากกระทำของผู้คนจำนวนมากกว่าซึ่งไม่เคยรู้สึกรู้สาและจมปลักอยู่กับตัณหาทิฐิ
ผู้ทำลาย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,496


lynnicky


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 03-06-2008, 19:06 »

อย่ามัวถามเรื่องไร้สาระหากตัวท่านไม่คิดอ่านที่จะวิเคราะห์ข้อเท็จจริงให้สะเด็ดน้ำ..ข้อมูลทางเน็ตเยอะแยะไป ประเด็นก็คือ การขายหุ้นและมีผลกำไร...ไม่มีใครสักคนในตลาดหุ้นเสียภาษี แค่พื้นๆไปก่อน...ลึกๆไปหาเอาเอง

^
^
^

ดูไว้เป็นตัวอย่าง หาแต่ข้อมูลในเน็ต หนังสือดีๆไม่เคยอ่าน ก็จะฉลาดน้อยแบบนี้แหละ ฮี่ฮี่


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2008, 19:11 โดย บุคคลทั่วไป » บันทึกการเข้า

แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #4 เมื่อ: 03-06-2008, 19:10 »

มันขายในตลาดหุ้นเหรอ?


จะขายในหรือนอกตลาดหุ้นก็ไม่เสียภาษีเพราะไม่มีกฏหมายใดๆบอกว่าต้องเสียภาษี..ไปหากฏหมายมาซิว่าข้อไหนที่ระบุว่าต้องเสียภาษี!!
บันทึกการเข้า
ผู้ทำลาย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,496


lynnicky


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 03-06-2008, 19:13 »

อ๋อ

แปลว่า หากินกับช่องโหว่ของกฏหมายใช่มั้ยครับ

สนับสนุน รัฐธรรมนูญปี50 เต็มที่

ไม่งั้นคงจะมีพวกจั***มาซุกหุ้นอีก
บันทึกการเข้า

แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
1133
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 67


« ตอบ #6 เมื่อ: 03-06-2008, 19:14 »

ประเภทไม่มีขัอมูลเข้ามาด่าลูกเดียว

ขอร้องอย่า"เจือก" ไม่ต้องการ


 
บันทึกการเข้า
ผู้ทำลาย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,496


lynnicky


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 03-06-2008, 19:18 »

เคยเห็นหนังสือวางขาย ของ ดร.เกรียงศักด์ , กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ , ฯลฯ จะเขียนเกี่ยวกับคอรัปชั่น ทุจริตเชิงนโยบาย สิ่งที่คุณทักษิณบอกเราไม่หมด อะไรแบบนี้แหละครับ

แล้วก็ VCD ตอนที่ พรรคปชป ไปปราศัยที่สนามหลวงนะครับ เค้าจะพูดเรื่องโกหกคำโต กลิ้งกลอกตลบแตลงไว้มาก

ตอนนี้ก็ยังมีวางขายอยู่ตามร้านหนังสือนะครับพี่ 1133


ผมมาบอกเท่าที่รู้นิดหน่อย ถือเป็นข้อมูลได้นะพี่นะ 

แปลผมไม่ได้เจือกแล้วนะ 
บันทึกการเข้า

แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
นกกระสากวนน้ำ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


"ผมจะทำให้คนไทยรวยแต่เขือ"


« ตอบ #8 เมื่อ: 03-06-2008, 19:19 »

การซื้อขายหุ้นนอกตลาดหุ้นไม่ได้รับการยกเว้นทางภาษีว่ะ
โง่แล้วขยันจริงๆ
บันทึกการเข้า

ประชาธิปไตยภายใต้ระบบทุนนิยม
คือ  การปกครองที่ผู้คนจำนวนน้อยซึ่งมีสติและความรับผิดชอบ จำต้องอดทนและรับผลกรรมจากกระทำของผู้คนจำนวนมากกว่าซึ่งไม่เคยรู้สึกรู้สาและจมปลักอยู่กับตัณหาทิฐิ
ผู้ทำลาย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,496


lynnicky


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-06-2008, 19:28 »

เอาอันนี้ไปอ่านเล่นก่อนนะ

    
โกหกคำโตของนายกฯ หุ่น

[ ผู้ดูแล : admin - 5/05/2008 - 20:32 ] Admin

นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวปาฐกถา ซึ่งจัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เพราะมาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ตอนนั้นที่หัวหน้าพรรคประชากรไทยไม่รับ เนื่องจากไม่ต้องการให้บีบบังคับกัน เพราะกระแสการเมืองธงเขียวมันแรงเหลือเกิน
       
        จากนั้นนายกรัฐมนตรีหุ่น เล่าความเชื่อของตนที่เคยพูดมาแล้วหลายครั้งว่า หากไม่มีคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญปี 2540 จะอยู่ต่อไป แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ประสบความสำเร็จเพราะนโยบายดี จนพรรคอื่นต้องลอกแบบไปไม่อาย แต่อยู่ได้ 1 ปีก็บอกว่า ไม่ดีเพราะเก่งเกินไป รวยเกินไป สรุปแล้วรัฐธรรมนูญเลวหรือใครเลว เลวมากจนเอาไว้ไม่ได้ ต้องทำการยึดอำนาจแล้วก็บอกว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ดี
       
        นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ยังคงพูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ เหมือนดังที่เขาเคยทำมาแล้วหลายครั้ง เช่น การพูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า มีคนตายเพียงคนเดียว
       
        การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีบุญคุณต่อเขาอย่างล้นเหลือ ด้วยการช่วยให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เอาลูกพรรคเข้ามาสังกัด ช่วยเหลือเจือจานในการเลือกตั้งจนกระทั่งได้เสียงข้างมาก ทำให้พรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมความมุ่งมาดปรารถนาในชีวิตการเมือง ทำให้นายสมัคร สุนทรเวช มืดบอดมองไม่เห็นความจริง มองแตกต่างไปจากประชาชนทั้งหลายทั้งปวง
       
        นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จเพราะนโยบายดี พอเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง อยู่ได้เพียงปีเดียว ก็บอกว่าไม่ดี เพราะเก่งเกินไป
       
        นี่เป็นเรื่องเท็จ เรื่องโกหกที่ออกจากปากนายสมัคร สุนทรเวช อีกครั้ง
       
        ถ้าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาผลประโยชน์ของประชาชน รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้น ใครจะไปโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้
       
        แต่การบริหารประเทศในช่วง 4 ปีแรก และอีก 1 ปีหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ความเป็นจริงก็ปรากฏขึ้นว่า เขาบริหารประเทศด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยการเอาการตลาดนำการบริหารให้ประชาชนเห็นดีเห็นงามกับการบริหารประเทศของเขา
       
        30 บาทรักษาทุกโรค ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญก็เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า รัฐจะต้องจัดการให้การรักษาพยาบาลแก่ประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วยฟรี ไม่ต้องเสีย 30 บาทเสียด้วยซ้ำ
       
        กองทุนหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล นั่นก็ลอกเลียนจากญี่ปุ่นทั้งกระบิ
       
        ถามว่าทุกวันนี้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ไหม นอกจากมีหนี้สินเพิ่มขึ้น บริโภคเพิ่มขึ้น ฟุ่มเฟือยขึ้น และผู้ที่ร่ำรวยก็คือ ตระกูลชินวัตรที่ผลิตสินค้ารองรับ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ
       
        นอกเหนือไปจากนั้นก็นักธุรกิจที่คบหาสมาคมอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นเอง
       
        นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ไปหลับหูหลับตาอยู่ที่ไหนจึงไม่รู้ว่า จุดแตกหักที่ประชาชนทั้งหลายทนไม่ได้ก็คือ การขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้แก่กลุ่มทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ โดยที่มีการหลีกเลี่ยงไม่ต้องจ่ายภาษีแม้สักบาทเดียว แล้วธุรกิจที่นำไปขายให้เขานั้นเป็นธุรกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สัมปทานไปจากรัฐ
       
        เป็นความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวจนประชาชนทนไม่ได้
       
        พรรคฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเสียงไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เยาะเย้ยถากถางจะให้สมาชิกพรรคมาร่วมลงชื่อ และยินดีที่จะให้อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่มีการลงมติ แต่พอถึงวันก็ยุบสภาฯ เสีย
       
        นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นเลยไปหลับหูหลับตาอยู่ที่ไหนเสียจึงไม่ได้รับรู้เรื่องเหล่านี้ รู้แต่ว่าหุ้นของเขา (ชิน คอร์ปอเรชั่น) เขาจะหายให้ลูกเขาราคาสักกี่สตางค์ก็ได้ เป็นเรื่องของเขา ทั้งที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเห็นว่า นั่นเป็นการหลบเลี่ยงการเสียภาษีให้กับรัฐ
       
        สมัคร สุนทรเวช เอ๋ย ไปนอนหลับนอนคู้อยู่ที่ไหนจึงไม่เห็นความผิดปกติของการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่รู้เรื่องการซื้อกล้ายางของกระทรวงเกษตรฯ ไม่รู้เรื่องที่รัฐบาลทักษิณ เอาเงินแผ่นดินให้พม่ากู้แล้วเงินส่วนหนึ่งที่พม่ากู้ไปมาจัดซื้อจัดจ้างสินค้าของครอบครัวชินวัตร
       
        สมัคร สุนทรเวช เอ๋ย เป็นนักการเมืองเก่าแก่ที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอดมิใช่หรือ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตก็หลายครั้ง เป็นต้นว่า อภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คำอภิปรายก็แหลมคม ทิ่มแทงนายบรรหาร ศิลปอาชา จนสะดุ้งสะเทือนไปทั้งตัว
       
        ทีเรื่องเลวๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไฉนนักการเมืองเก่งๆ ฝีปากกล้าอย่างนายสมัคร สุนทรเวช กลายเป็นใบ้ไปเสียนี้
       
        ไม่แต่ปากพี่เป็นใบ้ ตา หู จมูก ก็ไม่ได้สัมผัสเลยละหรือ?
       
        เรื่องอย่างนี้ไม่แต่นักการเมืองที่คร่ำหวอดอย่างนายสมัคร สุนทรเวช ควรที่จะรู้ ได้ยิน ได้ฟังมาบ้าง เว้นเสียแต่ที่จะสงบจิต สงบใจ ยอมที่จะทอดกายทอดใจไปเป็นบริษัทบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเล็งเห็นอยู่แล้วว่า หลังจากที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีตัวเลือกมากนัก ไม่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็จะเป็นตัวนายสมัคร สุนทรเวช นี่เอง
       
        และการประพฤติปฏิบัติตัว ก็เข้าตา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ผู้ภริยา และในที่สุดก็ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมใจ
       
        นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไม่รู้ตัวเลยละหรือว่า ตัวเป็นเพียงนายกรัฐมนตรีหุ่น โดยที่บรรดาสมาชิกพรรคพลังประชาชนไม่ได้ให้ความเคารพนบนอบ เชื่อถือ เชื่อฟังเหมือนเมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย
       
        นายสมัคร สุนทรเวช ไม่รู้ตัวเลยละหรือว่า บรรดารัฐมนตรีร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ตัวอย่างที่เขาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายที่แท้จริงของพวกเขา
       
        สรรเสริญเยินยอเขาไปเถอะ เขาคงจะกรุณาให้โอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีนานๆ
       
        นอกเหนือจากที่โกหกมดเท็จอย่างหน้าด้านๆ นายสมัคร สุนทรเวช ยังพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างหน้าด้านๆ อีกว่า ไม่ได้แก้เพื่อตัวเอง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขาพูดว่า มีเจตนาที่จะยุบพรรคพลังประชาชน มีเจตนาที่จะตัดสิทธิทางการเมืองของพวกเขา (เขาจึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ)
       
        มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่นายสมัคร บอกว่า เขียนเป็นหลุมพรางเอาไว้เพื่อยุบพรรคพลังประชาชนนั้น ใช้บังคับกับทุกพรรคการเมือง พรรคการเมืองใดที่ไม่ทำผิด กรรมการบริหารพรรคไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถที่จะไปเอาผิดกับพรรคการเมืองนั้นๆ ได้
       
        การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนพ้นผิด จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งหลายมองเห็นและยอมรับไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากทุกภาคส่วนของประชาชนอย่างแข็งขัน ต่างไปจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เขาไม่ได้แก้ไขเพื่อตัวเองอย่างกลุ่มนายสมัคร ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้

 

 

ที่มา  หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
บันทึกการเข้า

แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
ผู้ทำลาย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,496


lynnicky


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 03-06-2008, 19:29 »

จับโกหกคำโต 'ทักษิณ' รบ.หลอก ศก.ไม่เลวร้าย [7 ส.ค. 49 - 22:34]

วันนี้ (7 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพูดในรายการนายกฯ คุยกับประชาชนว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายเป็นห่วง ว่า ตรงนี้ตนอยากจะสะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดพื้นฐาน ในแง่ของการวัดว่า ศักยภาพประสิทธิภาพของเศรษฐกิจ ที่เปรียบเทียบในช่วงปี 2545 - 2548 นั้น อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยไม่ได้แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน และนอกจากนั้นการใช้ทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็น ทุนทรัพย์ ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อที่จะให้มีการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศไทย ก็เป็นการใช้ที่สิ้นเปลืองมาก

 

การอ้างถึงความระดับความสนใจของต่างชาติที่มีต่อการลงทุนในประเทศไทยนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่สะท้อนต่อข้อเท็จจริงเช่นกัน จะเห็นว่า ส่วนแบ่งของการลงทุนในประเทศไทยเมื่อเทียบการลงทุนที่มีทั่วโลก พบว่า ลดลง จาก 0.6 เปอร์เซ็นต์ หรือช่วงปี 2540 – 2541 ขึ้นไปสูงถึงกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า จากการลงทุนที่มีต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเท่ากับ 1 เปอร์เซ็นต์ ของการลงทุนทั้งหมด แต่ว่าระดับการลงทุนลดลงมาเรื่อยๆ โดย ณ สิ้นปี 2547 ระดับการลงทุนโดยส่วนแบ่งตลาดนักลงทุนไทยลดลงเหลือเพียง 0.22 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนที่มีทั่วโลก

 

“ถ้าเปรียบเทียบนอกจากจะลดลงอย่างน่าเป็นห่วงเมื่อเทียบกับระดับการลงทุนที่มีอย่างต่อเนื่องในอดีต แต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านก็จะเป็นสถิติตัวเลขที่น่าเป็นห่วงเช่นเดียวกัน ไม่ได้ระบุไว้ตรงนี้ แต่ว่ายกตัวอย่างในเวลาเดียวกันคือสิ้นปี 2547 ส่วนแบ่งตลาดของเวียดนามในแง่ของการลงทุนโดยต่างชาติที่ลงทุนในเวียดนามนั้นสูงถึง 0.29 เปอร์เซ็นต์ ของไทย 0.22 เปอร์เซ็นต์  คือพูดง่ายๆ ณ วันนี้ต่างชาติเริ่มให้ความสนใจที่จะลงทุนในประเทศเวียดนามมากกว่าประเทศไทยแล้ว ส่วนไต้หวันเช่นเดียวกันมีระดับส่วนแบ่งการลงทุนราวๆ 0.25 เปอร์เซ็นต์  ในช่วงปี 2547 สูงกว่าเราเช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่ประเทศเขาเล็กกว่าเราเยอะ” รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

 

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ตรงนี้จึงมีคำถามขึ้นมาว่า ทำไมต่างชาติถึงเมินที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ล่าสุดที่เห็นคือ การย้ายฐานกำลังการผลิตของบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านไอทีของสหรัฐอเมริกาจากไทยเป็นมาเลเซีย โดยที่อ้างประสิทธิภาพของบุคลากรในเมืองไทยที่ด้อยกว่าของ  เพราะฉะนั้นตรงนี้ ถ้ารัฐบาลยังหลอกตัวเองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพน่าสนใจสำหรับนักลงทุน ก็จะเป็นความเชื่อที่อันตราย ทำให้ไม่มีการเข้ามาวิเคราะห์และหาวิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริงว่า ทำไมต่างชาติถึงให้ความสนใจด้านการลงทุนน้อยลง

 

 “การที่ทักษิณได้อ้างว่า วันที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ร้อยละ 57 ขณะนี้ลดลงเหลือร้อยละ 41.4 ซึ่งถือว่าลดลงมาก ประเด็นที่สำคัญก็คือตัวเลขที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดเป็นตัวเลขหนี้สาธารณะไม่ได้รวมถึงหนี้ ที่เรียกว่า หนี้กึ่งการคลัง (Quasi fiscal) หนี้ที่ไปฝากอยู่ตามสถาบันการเงิน หนี้ที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาด เพราะนโยบายของรัฐบาล ถ้ารวมหนี้กึ่งการคลังอาจมีมูลค่าถึง 5 – 6 แสนล้านบาท ก็จะทำให้หนี้โดยรวมของรัฐบาลอยู่ที่ 49 – 50 เปอร์เซ็นต์  ไม่ใช่ 41  เปอร์เซ็นต์   ตามคำกล่าวอ้างของทักษิณ” นายกรณ์ กล่าว

 

รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า  สิ่งที่ทักษิณไม่ได้พูดถึงคือหนี้ภาคประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัวในช่วง 4 – 5 ปีภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลไทยรักไทย ทั้งที่หนี้ครัวเรือนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 104,000 บาท ในปี 2547 เพิ่มขึ้นจากเดิม 70,000 บาทในปี 2543 เพิ่มเกือบสองเท่า หนี้ครัวเรือนกู้บริโภคเพิ่มจาก 61 เปอร์เซ็นต์ของหนี้ทั้งหมดในปี 2543 เป็น 66 เปอร์เซ็นต์  ในปี 2547 แปลว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เอาไปลงทุนให้เกิดรายได้ แต่หนี้ครัวเรือนเพิ่มจาก 5.7 เท่าของรายได้ในปี 2543 เป็น 7.1 เท่าของรายได้ในปี 2547 หนี้ที่เพิ่มเป็นปัญหาเร่งด่วน เพราะ คนจน 10 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศโดยเฉลี่ยมีหนี้เพิ่มจาก 7.5 เท่าของรายได้ในปี 2543 เป็น 18.2 เท่าของรายได้ในปี 2547

 

“หนี้ของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นกว่ารายได้ ระหว่างปี 2543 และ 2547 ครัวเรือนไทยมีหนี้เพิ่มเฉลี่ยร้อยละ 10.3 ต่อปี ในขณะที่มีรายได้เฉลี่ยเพียงร้อยละ 4.4 ต่อปีเท่านั้น ระหว่างช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง และในช่วงปี 2543 และ 2547 ครัวเรือนทุกระดับมีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้สูงขึ้น โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ต่ำสุด 20% ของประเทศ ทำให้ประเทศกำลังเดินสู่วิกฤตหนี้ของประชาชน” นายกรณ์ กล่าว

 

ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า จำนวนคนว่างงานลดลงจาก 1,190,000 คน เหลือเพียง 500,000 คนนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ไม่ได้ลดลงจริง แค่เลือกตัวเลขมาพูด จริงแล้วทุกปีพอขึ้นปีใหม่ก็มีคนตกงานทันที 3 – 5 แสนคน ซึ่งเป็นวัฏจักรปกติของการจ้างงาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น คือผู้นำประเทศนำตัวเลขมาอ้างโดยไม่ดูบริบทของตัวเลขที่แท้จริงนั้นหมายความว่าอย่างไร เพราะเห็นได้ชัดว่า จำนวนคนว่างงาน ต้นปี 2548 เกือบเท่าช่วงก่อนที่พรรคไทยรักไทยจะมาเป็นรัฐบาล


บันทึกการเข้า

แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
ผู้ทำลาย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,496


lynnicky


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 03-06-2008, 19:29 »


ทักษิณให้สัมภาษณ์นสพ.ต่างประเทศ…โกหกคำโตอีกแล้ว

....ในกรณีของผม ผมพยายามจะสร้างประเทศจากฐานราก จากรากหญ้า แต่ พวกที่อยู่บนยอด พวกนี้มักจะสนุกสนานกับผลประโยชน์ที่ได้จากรัฐบาลที่อ่อนแอ พวกเขาไม่เคยสร้างพื้นฐานหรือรากฐานอะไรเลย แต่เราอยากจะอยู่นานกว่านี้เพื่อสร้างประเทศทั้งประเทศขึ้นมาจากฐานรากขึ้นไป พวกเขาอาจคิดว่า “แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะมาหาฉันล่ะ ยังก่อน” พวกเขาเลยไม่ชอบใจ แต่จริงแล้วเมื่อฐานรากแข็งแรง ส่วนยอดจะยิ่งแข็งแรงมากๆ แต่พวกเขารอไม่ไหว [จาก ผจก]

สิ่งที่ทักษิณทำมันตรงข้ามกับที่เขาพูดเสมอ เพราะรัฐบาลเขาเป็นรัฐบาลที่ทำลายฐานรากมากที่สุด เช่น

   1. การแจกเงินประชานิยมรูปแบบต่างๆที่ทำให้รากหญ้าแบมือรับ ไม่ช่วยเหลือตนเอง แถมเงินจำนวนหนึ่งยังถูกดูดกลับไปเข้ากระเป๋า “พวกที่อยู่บนยอด” เช่น บริษัทของญาติมิตรเขาที่ขายบริการโทรศัพ์มือถือ และ รถมอเตอร์ไซค์

   2. การเซ็นข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ทำลายเกษตรกรรากหญ้ามากที่สุด เพราะถูกสินค้าเกษตร ผลไม้ ราคาถูกจากต่างชาติเข้ามาตัดราคา โดยรัฐบาลเขาบอกว่าถ้าสู้เขาไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนอาชีพ ส่วนพรรคพวกเขา ได้กำไรงามจากข้อตกลงฯ เพราะส่งเครื่องอะไหล่ไปขายต่างประเทศได้ถูกลง

   3. ว่าถึงรากหญ้าภาคแรงงานอุตสาหกรรม ค่าแรงก็แสนถูก ไม่พอกิน รัฐบาลเขาเคยต่อรองกับนายทุนทั้งต่างชาติและในชาติเพื่อรากหญ้าพวกนี้บ้างไหม เห็นมีแต่การสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติแบบไม่ลืมหูลืมตา รวมทั้งแนวคิดจะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ซึ่งจะทำให้ยอดหญ้าบางกลุ่มที่ได้แอบซื้อที่ดินไว้รวยขึ้นอีกมากมายไม่ใช่หรือ)   ซึ่งเป็นการทำลายรากหญ้าภาคเกษตรทางอ้อม เพราะทำให้สังคมรากหญ้าต้องพลัดบ้านพลัดถิ่นเข้ามาทำงานในโรงงานต่างชาติในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งค่าแรงก็แสนถูก สภาพความเป็นอยู่ก็แออัด หนีเสือมาปะจระเข้ มีแต่ตายกับตาย

   4. ส่วนอบายมุขก็จัดการส่งเสริมเป็นการใหญ่ ให้รากหญ้าเสพกันได้เสรี ไม่ว่าจะเป็นหวยบนดิน ออนไลน์ สุราพื้นบ้าน เท่ากับว่าไม่ช่วยเสริมให้แข็งแรงแล้ว ยังบ่อนทำลายรากหญ้าทางอ้อมเสียอีก

   5. ส่งเสริมให้รากหญ้าเป็นหนี้เป็นสินให้มาก ตามหลักการทุนนิยม โดยไม่ส่งเสริมความรู้ด้านการธุรกิจ มันก็เป็นการสร้างหนี้โดยไม่สร้างรายได้ ก็เป็นการทำลายรากหญ้าอย่างเลือดเย็นอีกทาง โดยรากหญ้าใช้เงินกู้ไม่ทันก็ไปกู้นอกระบบมาใช้คืนบริษัทเงินกู้ (ซึ่งเป็นของใครก็รู้กันดีอยู่) ในที่สุดที่ไร่ที่นาก็อาจโดนยึดหมด

   6. การทำตัวของเขาเองก็หรูหรา ฟุ้งเฟ้อ  ไม่เคยคำนึงเลยว่ามันไม่เหมาะสม ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีทางการประหยัดอดออมแก่ชาวรากหญ้าเลย เช่น นิยมตีกอล์ฟ  (บนยอดหญ้า) ใส่เสื้อยืดตัวละ 20,000 บาทไปเยี่ยมรากหญ้า (ยี่ห้อ burberly)  เวลาพักผ่อนก็ต้องไปต่างประเทศ

ผมว่าถ้ารัฐบาลท่านยังอยู่ต่อไป ฐานรากสังคมไทยเราคงพังทลายหมดแน่ๆ ไม่มีอะไรเหลือ  และตอนนี้รัฐบาลใหม่ก็พลอยเห็นดีเห็นงาม กำลังก้มหน้าทำตามนโยบายเก่าของรัฐบาลท่านเข้าไปอีก อนิจจา

 

โดย ริบหรี่

 
www.oknation.net 

บันทึกการเข้า

แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
ton
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #12 เมื่อ: 03-06-2008, 19:33 »

บังเอิญวันที่ 31 ธ.ค. ไม่ได้หยุดวันสิ้นปีทำให้หญิงอ้อซื้อที่ดินได้ถูกขึ้น
บังเอิญแก้กฏหมาย ทักษิณเลยขายหุ้นให้ต่างชาติได้
บังเอิญพม่าลงทุนโทรคมนาคม แต่ไม่มีเงิน รัฐบาลไทยใจดีให้ยืม ทักษิณเลยกำไรบานเบอะ
บังเอิญไอทีวีได้ลดสัมปทาน รายการบันเทิงเพิ่มจาก 50% เป็น 70% ทักษิณรวยหุ้นอีกแล้ว  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2008, 19:36 โดย ton » บันทึกการเข้า
1133
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 67


« ตอบ #13 เมื่อ: 03-06-2008, 20:36 »

ขอบคุณ สำหรับทุกๆข้อมูลครับ

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: