ทัศนะวิจารณ์ กาแฟดำ
3 มิถุนายน พ.ศ. 2551 05:00:00
มองข้ามชอต...หลังสมัครนอมินีคนต่อไปคือใคร?
แม้ไม่มีคำแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : พรรคร่วมรัฐบาลเองก็คงจะมาถึงจุด "อึดอัด" หนักหน่วงพอแล้วที่จะต้องตัดสินใจกดดันให้ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
"ฟางเส้นสุดท้าย" สำหรับผู้ที่อยู่ร่วมรัฐบาล และฝ่ายต่อต้านสำหรับคุณสมัคร คือคำประกาศแข็งกร้าวท้าทายและข่มขู่จะ "แตกหัก" กับการชุมนุมอย่างสงบของพันธมิตรที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
ปฏิกิริยาที่ตามมาจากเกือบทุกฝ่ายเห็นว่านั่นคือ "ธาตุแท้แห่งความเป็นเหยี่ยวสุดขั้ว" ของคุณสมัคร ที่รังแต่จะสร้างปัญหาหนักหน่วงขึ้นสำหรับรัฐบาลและประเทศเป็นส่วนรวม
เพราะแม้คุณสมัคร จะออกมาแถลงผ่านทีวีช่องเดียวกันในวันรุ่งขึ้น (เช้าวันอาทิตย์) ว่าไม่เคยใช้คำว่า "สลายม็อบ" ด้วยกำลัง แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไปเสียแล้ว
เพราะคนฟังนายกฯ คนนี้พูดเมื่อเช้าวันเสาร์ในรายการพิเศษทางทีวีแล้วจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าเขาได้ตัดสินใจประกาศ "แตกหักกันภายในวันนี้" กับผู้ชุมนุมโดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับผู้ใดที่จะต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตำรวจหรือทหารหรือพลเรือนก็ตาม
ลองวาดภาพว่าหากมีการสั่งให้ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์เมื่อกลางดึกวันเสาร์ จะเกิดการเสียเลือดเนื้อและความรุนแรงโดยไม่จำเป็นเพียงใด
ยิ่งคุณสมัคร เลือกจะออกทีวีเป็นการด่วนพิเศษ (ทั้งๆ ที่มีรายการ "พูดจาประสาสมัคร" วันอาทิตย์อยู่แล้ว) ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยความหุนหันพลันแล่นจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะ "ยกระดับการต่อสู้ด้วยการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด"
การที่คุณสมัคร ตอบโต้ด้วยวาทะดุเดือดแทนที่จะปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและใช้ความเยือกเย็นรอบคอบเพื่อหาทางเจรจาให้พันธมิตร ย้ายสถานที่ชุมนุมด้วยเหตุด้วยผลซึ่งประชาชนทั่วไปรับได้ นายกฯ คนนี้กลับใช้วิธีการดุเดือดแบบฉบับของตัวเองโดยลืมไปว่าบัดนี้ตนมีฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องปกครองประเทศอย่างสุขุมและมองภาพให้ลุ่มลึกและใจกว้างกว่าความเป็น "นายสมัคร" ก่อนที่จะรับตำแหน่งนี้
ยิ่งเมื่อสิ่งที่นายกฯ กับรัฐมนตรีมหาดไทย เฉลิม อยู่บำรุง พูดในเรื่องเดียวกันออกมาคนละด้านคนละเรื่อง ก็ยิ่งเห็นความไร้วิจารณญาณของผู้ปกครองประเทศในยามที่ความขัดแย้งเพิ่มอัตราขึ้นตลอดเวลา
และเมื่อตัวนายกฯ เองกระโดดเข้าไปเป็น "คู่กรณี" โดยตรงกับผู้มีความเห็นคนละด้านด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ยากที่จะเห็นโอกาสของการคืนอยู่ความปกติได้
คนที่เป็นผู้นำประเทศนั้นเมื่อประกาศ "สงคราม" ทุกวันกับกลุ่มผู้มีความเห็นคัดค้านเสียอย่างนี้แล้ว ก็ย่อมทำให้หมดเสียซึ่ง "ความน่าศรัทธา" ในฐานะผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอย่างเห็นได้ชัด
และเมื่อหมดความเป็นผู้นำที่น่านับถือและเคารพได้เสียแล้ว คนที่เป็นนายกฯ ก็ย่อมจะต้องพิจารณาตัวเองเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามานำพารัฐนาวา มิให้ต้องกระแทกกับหินผาข้างหน้าที่มองเห็นอยู่
คะแนนสำหรับการบริหารด้านการเมืองของนายกฯ คนนี้สอบตกอย่างชัดเจน...ยิ่งประเมินผลงานด้านการบริหารด้านเศรษฐกิจ ก็ยิ่งเห็นความล้มเหลวชัดเจน เพราะยังไม่ปรากฏแนวคิดและวิธีการทำงานของนายกฯ ที่พอจะแก้ปัญหาอันหนักหน่วงเกี่ยวกับราคาน้ำมันและภาวะ "ข้าวยากหมากแพง" ได้เลยแม้แต่น้อย
ผมเชื่อว่าคนไทยไม่น้อยมองข้ามชอตไปแล้ว...มองว่าใครควรจะมาแทนคุณสมัคร ในตำแหน่งนี้ และพรรคพลังประชาชน จะมีความสามารถในการเสนอบุคคลที่มีความเป็นผู้นำที่น่านับถือและไว้วางใจได้มากกว่าหรือไม่
แน่นอนว่าหาก "นอมินี" คนแรกทำงานไม่ได้แล้ว ไม่ได้แปลว่า "นอมินี" คนที่สอง จะทำได้ดีกว่า...แต่หากวิเคราะห์กันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ผู้คนในบ้านเมืองไม่น้อยก็พอจะสรุปได้ตรงกันว่า
แนวคิด "รัฐบาลสมานฉันท์" หลังสมัคร ก้าวลงจากตำแหน่งกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นทุกวัน
เพราะอะไรๆ มันเลวร้ายกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
(เข้ามาเกาะติดความเห็นต่อเรื่องราวร้อนๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่
www.suthichaiyoon.com)
http://www.bangkokbiznews.com/2008/06/03/news_263331.phpมีข่าว เกือบทุก สำนัก เชยแม้ว นอมินี่ คนต่อไป ต่อจาก หมัก
ไม่เอาแล้ว พี่น้องงงงงงงงงงงง ไม่เอานอมินี่ ไล่ พรรคปล้นชาติ รบ ลูกกรอก
เขยแม้ว ระวัง ไม่ตายดี แน่ ขึ้นไปเหยียบบนฐานดอกบัว ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
บ้านเมืองไม่มีอะไร ดีกว่านี้ แล้ว มีแต่แย่ลง หาก รบ ลูกกรอก ยังปกครองบ้านเมือง
มีแต่ นอมินี่ ไม่ใช่ บ้านเมือง ของไอ้คนโกงบ้านเมือง มีเงิย มาก จากการโกง คิดจะซื้ออะไรก็ได้
พรรคร่วม รบ เมื่อไร จะทำเพื่อชาติ
