โละทิ้งรถเมล์ร้อน! ลอตใหม่ติดแอร์ทั้งหมด

โละทิ้งรถเมล์ร้อน!ลอตใหม่ติดแอร์ค่าตั๋วเที่ยวละ15บาทจ่าย30ใช้ได้ตลอดวันรอลุ้นมติครม.อนุมัติ

ข่าวดีของคนไทยได้เฮ ! นายกฯไฟเขียวให้ ขสมก.โละทิ้งรถเมล์ร้อน 3,000 คัน ดันใช้รถปรับอากาศเอ็นจีวี คิดค่าโดยสารเที่ยวละ 15 บาท เอาใจคนไทย ชี้หากครม.ไฟเขียวคนไทยได้ใช้บริการทันทีเดือน พ.ค. 52 พร้อมเห็นชอบปรับวงเงินค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง 15% ส่วนสายมีน้ำเงินเพิ่มอีก 5% ตามต้นทุน ส่วน กบง.อนุมัติลดราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาท 30 ล้านลิตรต่อเดือน ช่วยผู้ประกอบการ รถร่วม-ขสมก. 14,000 คัน ด้านม็อบ สภฟ. ร้องปลดผู้ว่าการ กฟน.-ขอขึ้นค่าครองชีพ

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน เป็นครั้งที่ 3 โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชม. ซึ่งในที่ประชุมครั้งนี้ได้เน้นหนักในเรื่องของการปรับโครงสร้างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือขสมก. ที่นายกฯได้ให้ความสำคัญและได้ซักถามในที่ประชุมกันมากว่าหลังการปรับโครงสร้างไปแล้วจะทำให้ ขสมก.มีกำไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยขสมก.ยืนยันว่าหากปรับโครงสร้างแล้วจะทำให้ ขสมก.มีผลกำไรเกิดขึ้นในปี 2562 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่หากไม่ทำอะไรเลยจะมีผลงานติดลบมากถึง 1.4 แสนล้านบาท

http://webboard.mthai.com/52/2008-06-03/379617.html

ทั้งนี้ในแผนปรับโครงสร้างของ ขสมก.ครั้งนี้จะยกเลิกระบบรถเมล์ร้อนที่มีจำนวน 3,000 คันออกไปทั้งหมด แล้วนำรถปรับอากาศที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 6,000 คัน เข้ามา วิ่งแทนโดยใช้ระบบเช่าแทนการซื้อซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่งและทำให้คิดค่าโดยสารได้เพียงเที่ยวละ 15 บาทเท่านั้น จากปัจจุบันที่คิดค่าโดยสารตามระยะทางสูงสุดไม่เกิน 26 บาท หากที่ประชุมครม.เห็นชอบแล้วจะดำเนินการได้ภายในเดือนพ.ค. 52 นี้ นอกจากนี้ ขสมก.ยัง ขอพักหนี้กับกระทรวงการคลัง การให้พนักงานเกษียณก่อนกำหนด หรือเออร์ลี่รีไทร์ การจัดทำตั๋วโดยสารแบบระบบอีทิคเก็ต เป็นต้น ซึ่งจากนี้ไปกระทรวงคมนาคมต้องไปสรุปรายละเอียดเพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาต่อไป

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนา คม กล่าวว่า วันที่ 10 มิ.ย. กระทรวงคมนาคม จะเสนอแผนปรับปรุงโครงสร้าง ขสมก. ต่อที่ประชุม ครม. โดยให้เปลี่ยนรถ ขสมก. ร้อน เป็นรถปรับอากาศทั้งหมด ที่ใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวีทั้งหมด 6,000 คัน เป็นการเช่า ซึ่งในลอตแรกรถใหม่ของขสมก.จะเข้ามาเดือน มี.ค. 52 3,000 คัน และเดือน ก.ค. 52 อีก 3,000 คัน และจะใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งเป็นตั๋ววันเที่ยวละ 15 บาท ตั๋วตลอดวันขึ้นลงไม่จำกัดเที่ยวและสาย 30 บาท และตั๋วสัปดาห์ 150 บาท และตั๋วเดือน 900 บาท และเพื่อให้รถร่วมบริการแข่งขันการให้บริการกับรถเมล์ของ ขสมก. เร็ว ๆ นี้จะมีการหารือกับกระทรวงพลังงาน ขอใช้งบประมาณจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 9,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ผู้ประกอบการรถร่วมบริการในการนำมาปรับปรุงคุณภาพรถและการบริการ

ส่วน พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการรถร่วม และรถขององค์การ ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในหมวด 1 และ 4 ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจำนวนประมาณ 14,000 คัน สามารถใช้น้ำมันดีเซลที่ลดราคาจากหน้าปั๊มลิตรละ 3 บาท จำนวน 30 ล้านลิตรต่อเดือน จนกว่าจะได้ข้อยุติจากศาลปกครองสูงสุดกรณีปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร หรือยอดน้ำมันที่ได้รับการจัดสรรจาก 4 โรงกลั่น จำนวน 732 ล้านลิตรจะหมด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. และคาด ว่ากลุ่มต่อไปที่จะได้รับการช่วยเหลือคือกลุ่มเรือโดยสาร

ขณะที่นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานสหกรณ์แท็กซี่สยาม กล่าวภายหลังหารือร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ว่า พอใจผลการหารือ โดยจะรอเวลาที่กำหนด 15 วัน ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะให้ปรับขึ้นค่ามิเตอร์แท็กซี่ราคาเริ่มต้นจาก 35 บาท เป็น 39 บาท ว่า หากรัฐบาลยอมปรับขึ้นค่ามิเตอร์ให้ก็ถือว่าสามารถยอมรับได้ และต้องให้ปรับราคา กม.ละ 1 บาทด้วย หาก 15 วัน ยังไม่ได้คำตอบจะกลับมาที่กระทรวงคมนาคมไม่ต่ำกว่า 1,000 คันแน่นอน

ส่วนนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการปรับเพิ่มค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าใน 2 เส้นทางคือสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน ตามที่คณะกรรมการ รฟม.เห็นชอบ แต่ได้มอบหมาย ให้กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางและ สำนักงบประมาณไปพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมว่าสูตรการคำนวณต้นทุนต่าง ๆ นั้นถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่และให้ทำความเห็นเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจากการ คำนวณเบื้องต้นพบว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้นมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 15% คือจากเดิมที่กำหนดค่าก่อสร้างในงานโยธาไว้ที่ 31,000 ล้านบาท โดยคำนวณเมื่อเดือน มี.ค. 50 ปรับเพิ่มเป็น 36,000 ล้านบาท ส่วนสายสีน้ำเงินนั้นจะปรับ ขึ้นประมาณ 5% คือจากที่คำนวณไว้ที่ 48,000 ล้านบาท เมื่อเดือน ต.ค. 50 จะปรับเพิ่มเป็น 52,000 ล้านบาท

เมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ที่การไฟฟ้านครหลวง ถนนจักรเพชร แขวงบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.) ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2551 ครั้งที่ 1 โดยมี นายเพียร ยงหนู ประธาน สภฟ. เป็นประธานกล่าวปราศรัย พร้อมกล่าวโจมตีผู้บริหารเพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ภายในองค์กร 6 ข้อ คือ 1.ขอให้มีการปรับปรุงสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล 2.ขอให้ มีการปรับเงินสมทบกองทุนสำรองชีพตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ 3.ขยายฐานเงินเดือน บ.สผว. 80/2531 4.ยกเลิกการควบ 2 ตำแหน่งของผู้บริหาร 5.ขอให้มีการพิจารณาขั้นเงินเดือนจากเดิม 7.5% เป็น 10% และ 6.ปรับค่าครองชีพของพนักงานทุกระดับขึ้นอีก 2,000 บาท

ต่อมาเวลา 15.30 น. กลุ่ม สภฟ. ประมาณ 300 คน นำโดย นายเพียร ยงหนู ประธานกลุ่มฯ ได้เข้ายื่นหนังถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เพื่อเรียกร้องให้ปลด นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ผู้ว่าการ กฟน. เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับปรุงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล การขอปรับค่าครองชีพจำนวน 2,000 บาทให้กับพนักงานทุกระดับเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลก็มีการปรับค่าครองชีพให้กับข้าราชการ แต่ผู้ว่าการ กฟน. กลับไม่พิจารณาช่วยเหลือพนักงานแต่อย่างใด

ที่สำคัญยังไม่มีการรับพนักงานเพิ่ม แต่กลับให้มีการควบรวมตำแหน่ง ดังนั้นจึง ต้องการให้ รมว.มหาดไทยพิจารณาเรื่องนี้เป็นกรณีเร่งด่วน ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้นำโลงศพจำลองมีหุ่นตัวเงินตัวทองอยู่บนโลงศพมาแห่ประท้วงด้วย ซึ่งทาง ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับปากว่า จะให้ความช่วยเหลือภายใน 1 อาทิตย์ จากนั้นนายเพียรได้ขึ้นประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มสหภาพแรงงานฯ เดินทางแยกย้ายกันกลับ พร้อมประกาศว่า หากวันจันทร์เรื่องยังไม่ได้ข้อสรุปก็จะมีการนัดชุมนุมอีกครั้ง

ด้านแกนนำเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง 6 จังหวัดภาคใต้ประกอบด้วย สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สตูล ตรัง และปัตตานี ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันศุกร์ที่ 6 มิ.ย.นี้ ที่บริเวณสวนป๋าเปรม เชิงสะพานติณสูลานนท์ จ.สงขลา เพื่อขอพบ รมว.พาณิชย์ เพื่อขอคำตอบและแนวทางการแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องทั้ง 6 ข้อที่ได้ยื่นไปก่อนหน้านี้หากไม่ได้รับคำตอบก็จะทำการปิดถนนทันที ที่ศาลากลาง จ.นครศรีธรรมราช นายกิตติพงศ์ ศรีนัน ประธานสหกรณ์เดินรถนครศรีธรรมราช จำกัด พร้อมด้วย นายถนอม เด็ด แกนนำคนขับรถสองแถว สายหัวถนน-สนามกีฬา และตัวแทนสมาชิกจำนวนหนึ่ง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอปรับราคาค่าโดยสารเนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ไหวอีก ต่อไป

ขณะที่ จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าเทียบเรือหลายท่าในจังหวัด มีเรือประมงจอดลอยลำ หยุดออกหาปลาไม่ต่ำกว่า 700 ลำ หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของเรือทั้งหมด เนื่องจากสู้ราคาน้ำมันที่แพงไม่ไหว และประสบปัญหาการขาดทุน.