เป็นอะไรกับสุชาติเหรอ ถึงได้รับรองขนาดนี้ จัดม๊อบต่อต้านไม่ว่าอย่ามาถ่***ทำร้ายผู้อื่นสืบทอด นปก.ชัด ๆ
ดิฉันรู้จักพี่สุชาติค่ะ และก็รู้ว่าพี่สุชาติไม่ได้ทำเพื่อเงินและไม่ได้แจกเงิน
ดิฉันไม่มีเครดิตอะไรจะมายืนยันให้คุณเชื่อในข้อนี้ได้
เพราะการบอกว่าเรา "ไม่ได้" นั้นมันจะไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเหมือนกับการบอกว่าเรา "ได้"
ดิฉันทำได้ก็แค่รับรองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังเล็กๆ ว่าวันหนึ่งจะมีคนเห็น
ส่วนเรื่องความถ่***ของคนในม็อบเป็นเรื่องห้ามกันยากค่ะ
ดิฉันเชื่อว่ามันมีทุกม็อบแหละค่ะ ไม่ว่าม็อบพันธมิตรหรือม็อบ นปก
คนแต่ละคนมีนิสัยไม่เหมือนกัน ดูอย่างกระทู้ในโลกไซเบอร์นี่ก็มีตัวอย่างเยอะแยะ
เรื่องเดียวกัน คนพวกเดียวกัน เห็นเหมือนกันแท้ๆ
แต่บางความเห็นก็สุภาพและให้เกียรติคน บางความเห็นก็ใช้คำพูดหยาบคาย ดูถูกคนอื่น
ไม่ต้องหาที่ไหนไกล ดูแค่ในกระทู้นี้ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนแล้วจริงไหมคะ
ส่วนเรื่องความรับผิดชอบในการเป็นผู้นำคนนั้นดิฉันเข้าใจว่าคนนอกมองเข้าไปนั้นคิดอย่างไร
ถ้าดิฉันเป็นคนอื่นทีไม่รู้จักพี่สุชาติ ดิฉันก็ต้องคิดเหมือนคุณนั่นแหละค่ะ
และมันก็เป็นความคิดที่ไม่ผิดด้วย
แต่จากการที่ดิฉันรู้จักพี่สุชาติ ดิฉันจึงต้องขอชี้แจงสักเล็กน้อยว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร
คนคาดหวังว่า คนจะเป็นผู้นำม็อบ จะต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
นอกจากจะต้องเป็นผู้นำแล้วยังต้องมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของคนที่ไปร่วมชุมนุมด้วย
จะต้องดูแลคนได้ จะต้องรู้ว่าตอนไหนควรลุย ตอนไหนควรถอย เพื่อรักษาความปลอดภัยของคนที่เข้าร่วมชุมนุม
แต่พี่สุชาตินั้นแกเป็นคนประเภทที่ดิฉันเรียกว่า "นักสู้"
แกเกิดมาสู้จริงๆ และสู้ได้ด้วยตัวคนเดียว
ดิฉันขอท้าวความถึงในจุดเริ่มแรกของคนวันเสาร์ ในจุดเริ่มแรกของการชุมนุมที่สนามหลวง
พี่สุชาติไปไฮปาร์คคนเดียว โดยมิได้กะเกณฑ์ใครไปเลย นอกจากประชาสัมพันธ์ธรรมดาว่าจะมีการไปพูดที่สนามหลวง
แกไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่า คนที่ไปพูดนั้นคือตัวแกเอง
ตัวคนเดียว เก้าอี้หนึ่งตัว และโทรโข่งหนึ่งอัน
บอกตรงๆ ว่าตอนแรกที่ดิฉันรู้ว่าคนๆ นั้นคือพี่สุชาติ ดิฉันยังตกใจ
หลังจากนั้นเริ่มมีคนศรัทธาและติดตามฟังพี่สุชาติ
พี่สุชาติเริ่มมีคนรู้จัก กลุ่มคนวันเสาร์ฯเริ่มใหญ่ เริ่มมีคนติดตามฟัง
เมื่อคนศรัทธาเข้ามาหา แกก็ยินดี
แต่พี่สุชาติไม่ได้คิดหวังจะเป็นผู้บริหารหรือปกครองใคร
แกทำทุกอย่างด้วยความเป็นนักสู้ของตัวแกเอง
ดังนั้น เรื่องการบริหารจัดการในหลายๆ ด้าน
ทั้งการเงิน ทั้งการบริหารความสัมพันธ์ของคนในองค์การ ทั้งการแบ่งงาน แกอาจจะไม่เพอร์เฟ็ค
คนมิได้คาดหวังให้แกเป็น "นักสู้" เพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องการให้แกเป็น "ผู้บริหาร" ที่เก่งในการบริหารองค์กร
ซึ่งนั่นมิใช่เรื่องที่พี่สุชาติวางแผนไว้แต่แรก
แกเพียงต้องการต่อสู้เพื่อต้านเผด็จการเท่านั้น
สิ่งที่ดิฉันจะบอกก็คือ ในจุดเริ่มแรกนั้นพี่สุชาติเพียงต่อสู้ของแกเองด้วยกลุ่มคนวันเสาร์ของแก
แล้วมีคนที่เห็นด้วยมาร่วมสู้ จึงเกิดเป็นกลุ่มก้อนขึ้นมา
หลายๆ ท่านก็ทราบว่า คนไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรนั้นมีอยู่ และที่พร้อมจะเข้าร่วมต่อต้านด้วยก็มี
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ม็อบที่เห็นกันแท้จริงนั้น มีทั้งคนวันเสาร์จริงๆ มีทั้งคนเกลียดพันธมิตร มีทั้งคนรักทักษิณ หลายๆ กลุ่มรวมๆ กัน
ดังนั้น เมื่อมีการเรียกร้องความรับผิดชอบพี่สุชาติ มันจึงอิหลักอิเหลื่ออยู่สักหน่อย
เพราะกลายเป็นว่าพี่สุชาติในฐานะแกนนำคนวันเสาร์ต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ม็อบลูกผสมกระทำ ต้องควบคุมม็อบให้อยู่ จะต้องดูแลคนได้ ฯลฯ
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ยิ่งสถานการณ์รุนแรง การควบคุมการวิวาทยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆ
ขนาดในเว็บยังซัดกันซะเละ นับประสาอะไรกับการเจอตัวเป็นๆ
ที่ดิฉันพูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่จะบอกว่า พี่สุชาติไม่ต้องรับผิดชอบ
แต่อยากจะชี้ให้เข้าใจถึงเหตุผล ที่อะไรๆ มันออกมาดูไม่เพอร์เฟ็คอย่างที่เห็น
ความเห็นยาวสักหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ
ไม่ได้โพสท์มานาน