ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
30-11-2024, 18:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  >>โหมโรงฟุตบอลโลก # 01 : 10 เรื่องฉาวในฟุตบอลโลก 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
>>โหมโรงฟุตบอลโลก # 01 : 10 เรื่องฉาวในฟุตบอลโลก  (อ่าน 2868 ครั้ง)
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« เมื่อ: 29-05-2006, 14:45 »

เพื่อต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลก 2006
เลยหา"น้ำจิ้ม"มาให้เพื่อนสมาชิกอ่านแก้ขัดไปพลางๆ
เรื่องนี้ผมเอาไปลงที่พันทิปด้วย
เผื่อสมาชิกที่นี่ยังไม่ได้อ่าน เลยเอามาลงซ้ำอีกทีครับ

พยายามจะหา "มุข" แปลก ๆ ใหม่ ๆ มาเสนอเรื่อย ๆ ครับ
เท่าที่มีแรงมีกำลัง
ส่วน "ความอยาก" นั้นไม่ต้องพูดถึง
มีเหลือเฟือ
อยากให้เขียนเรื่องอะไรก็เสนอกันมาได้นะครับ

ถ้าไม่ยากจนเกินไป และไม่ลำบากต่อการรวบรวม/ค้นคว้าข้อมูลนัก
จะเสนอสนองให้

เข้าเรื่องเลยดีกว่า
10 เหตุการณ์ฉาวโฉ่ ในความรู้สึกของผมและเท่าที่จำได้-นะครับ



1.สมรภูมิซานติอาโก (ชิลี : 1962)



ในการแข่งขันรอบแรกระหว่างชิลี เจ้าบ้าน กับ อิตาลี สื่อมวลชนได้ให้นิยามเกมนัดนี้ว่า
“Battle of Santiago” เลียนชื่อสงครามกลางเมืองในอดีต เพราะเตะกันดุเดือดรุนแรง
ราวกับโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน

กรรมการ เคน แอสตัน ชาวอังกฤษ กล่าวว่า ไม่สามารถควบคุมเกมการแข่งขันได้เลย
เพราะทั้งสองฝ่ายตั้งใจจะ “เล่นคน” มากกว่าเล่นบอล ในเกมนี้ มีนักเตะอิตาลี
ถูกไล่ออกจากสนาม 2 คน ดั้งจมูกหักเพราะพิษกำปั้นอีก 1 คน

ผลจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน 2-0 และต้องใช้กำลังคุ้มกันนำนักเตะอิตาลีออกจากสนาม


การ์ตูนเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้



2.ประตูปริศนาแห่งศตวรรษ (อังกฤษ : 1966)

เป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน กับลูกยิงชนคานกระทบพื้นของ เจฟฟ์ เฮิร์ส
ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ในนัดชิงชนะเลิศ กับเยอรมันตะวันตก ว่าลูกนั้น “ข้ามเส้น” ไปหรือยัง
ผู้ตัดสินเป่าให้ลูกนั้นได้ประตู ทำให้อังกฤษขึ้นนำเยอรมัน 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ท่ามกลางการประท้วงของนักเตะเยอรมัน

อังกฤษมายิงได้อีก 1 ประตู ชนะไป 4-2 ได้ฉลองแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียว
ในบ้านตัวเอง ท่ามกลางความคลางแคลงใจของคนทั่วโลก (อาจยกเว้นคนอังกฤษ)
กับลูกยิงปริศนาของ เจฟฟ์ เฮิร์ส ซึ่งต่อมาก็ได้มีการนำภาพรีเพลย์มาวิเคราะห์
จนสรุปได้ว่า ลูกนั้น “ยังไม่ข้ามเส้น”

จากกรณีศึกษาลูกยิงปริศนาสะท้านโลก หลายฝ่ายได้ออกมาเรียกร้องให้ฟีฟ่านำเทคโนโลยี
มาช่วยตัดสินลูกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นลูกล้ำหน้า การทำฟาวล์ในเขตโทษ หรือดูรีเพลย์
ในลูกที่ไม่แน่ใจว่าเข้าหรือไม่เข้า
แต่จากวันนั้นจนถึงบัดนี้ กินเวลา 40 ปีเต็ม ฟีฟ่าก็ยังคง “ไม่นำพา” ไม่ยอมให้นำเทคโนโลยี
เข้ามาช่วยตัดสิน ซึ่งก็นินทากันว่า เพราะฟีฟ่าไม่ต้องการให้เกิดการท้าทายอำนาจกรรมการ
ซึ่งก็คือท้าทายอำนาจฟีฟ่านั่นเอง

หนึ่งในหลาย ๆ มุมกล้อง กับลูก “ข้ามเส้น-ไม่ข้ามเส้น” แห่งศตวรรษ


3.เปรูล้มบอล? (อาร์เยนตินา : 1978)

เป็นอีกครั้งต่อจากปี 1974 ที่รอบสองของฟุตบอลโลกไม่ใช้ระบบ “น็อคเอาต์”
แต่ใช้วิธีแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เตะแบบพบกันหมดในกลุ่ม ทีมคะแนนสูงสุดได้เข้าชิงชนะเลิศ
โดยอาร์เยนตินาเจ้าบ้าน ต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับคู่ปรับตลอดกาล บราซิล
(ทั้ง 2 ทีมได้ที่ 2 จากรอบแรก) ร่วมกับ โปแลนด์ และ เปรู ทีมได้ที่ 1 จากรอบแรก
(บอลโลกครั้งนี้แปลก ทีมเต็งทุกทีมได้ที่ 2 ในกลุ่มหมด ทั้งเยอรมัน ฮอลแลนด์)

ทั้งบราซิลและอาร์เยนตินา ต่างทำผลงานได้ดี เก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งได้ เมื่อมาเจอกัน ก็เสมอกันไป 0-0
ในนัดสุดท้ายนั้น บราซิลแข่งก่อน เอาชนะโปแลนด์ไปได้ 3-1 ทำให้บราซิลแข่ง 3 นัด
ชนะ 2 เสมอ 1 ยิงได้ 6 เสีย 1 ส่วนอาร์เยนตินา แข่งไป 2 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 ยิงได้ 2 ลูก
ไม่เสียประตู ซึ่งหมายความว่า นัดสุดท้ายของอาร์เยนตินา จะต้องเอาชนะเปรู 4 ลูกขึ้นไป
ถึงจะได้เข้าชิงชนะเลิศ

ดูตามรูปการแล้ว โอกาสเข้าไปชิงชนะเลิศของอาร์เยนตินาค่อนข้างริบหรี่ เพราะทีมระดับเปรู
ที่มีดาวเด่นอย่าง ธีโอฟิเลียว คูบิลญาส ถึงแม้จะตกรอบไปแล้ว และมีความเป็นไปได้
ที่จะแพ้อาร์เยนตินา ก็ไม่น่าจะโดนถลุงถึง 4-5 ลูก

แต่เมื่อเกมการแข่งขันเริ่มขึ้น กลิ่นไม่ดีก็โชยมา เพราะเปรูปล่อยให้อาร์เยนตินาบุกอยู่ฝ่ายเดียว
จนยิงได้ถึง 6 ประตู ล้มบอลหรือไม่-ไม่รู้ แต่เสียงนินทาด่าทอก็ตามมาเซ็งแซ่

ในบรรดา “เสียงนินทา” นั้น มีอยู่ 2 อย่างที่น่าสนใจ คือหนึ่ง นินทากันว่า ผู้รักษาประตูของเปรูนัดนั้น
มีเชื้อสายอาร์เยนตินา
เป็นไปได้หรือไม่ว่า.......? และอีกอย่าง ปากหอยปากปูก็เมาธ์กันสนั่นว่า
ผู้นำเผด็จการของอาร์เยนตินาได้ต่อสายตรง “คุยเรื่องลับ” กับผู้นำเปรู แลกกับความช่วยเหลือบางอย่าง

จริงเท็จประการใดไม่รู้ รู้แต่ว่างานนี้คนบราซิเลียนช้ำใจสุดขีด และชาวอาร์เยนไตน์ชื่นมื่นกันถ้วนหน้า

รูปเกมนัดนั้นหาไม่ได้ เอารูปนัดบราซิลเจออาร์เยนตินามาให้ดูแก้ขัดครับ
หลังจบเกม เสมอกันไป 0-0 ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายแลกเสื้อกัน ไม่รู้แต่ละคนคิดอะไรกันอยู่



บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #1 เมื่อ: 29-05-2006, 14:59 »

4.เยอรมัน-ออสเตรีย : เกมซูเอี๋ย? (สเปน : 1982)

ในบรรดาแมทช์พลิกล็อคช็อคโลกในฟุตบอลโลก ต้องนับเกมที่เยอรมันตะวันตกแพ้แอลจีเรีย 1-2
ด้วยแน่นอน และผลจากนัดนั้น ทำให้เยอรมันกลายเป็นเสือลำบาก ต้องเอาชนะใน 2 นัดที่เหลือให้ได้
เพราะทีมร่วมสายอีก 2 ทีม แอลจีเรีย และ ออสเตรีย ก็ทำคะแนนเบียดสู้กันมา โดยในกลุ่มนี้
แพ้ชนะกันใน 3 ทีมไขว้กันไปมา โดยมีชิลีเป็นหมูให้เขมือบ แพ้รวดทั้ง 3 นัด

ในนัดสุดท้ายของแอลจีเรีย สามารถเอาชนะ ชิลีไปได้ 3-2 ทำให้แอลจีเรียมี 4 แต้ม ยิงได้ 5 เสีย 5
ส่วนเยอรมันกับออสเตรีย จะพบกันเป็นนัดสุดท้ายของรอบแรกในวันต่อมา โดยเยอรมัน
แข่ง 2 ชนะ 1 แพ้ 1 มี 2 แต้ม ยิงได้ 5 เสีย 3 ส่วนออสเตรีย แข่ง 2 ครั้ง ชนะรวด ยิงได้ 3 ไม่เสียประตู
ดูตามรูปการก่อนแข่ง เยอรมันเอาชนะแค่ 1 ลูกก็จะได้เข้ารอบไปกับออสเตรียทันที แต่ถ้าเอาชนะเกิน 3 ลูก
ออสเตรียจะตกรอบ แอลจีเรียเข้ารอบแทน (ถ้ามาดูสถิติตรงนี้ แอลจีเรียจะเจ็บใจตัวเองมาก
เพราะนัดสุดท้าย ยิงนำชิลีไปถึง 3-0 แต่มาโดนยิงคืน 2 ลูกในช่วงท้ายเกม)

หากจะคาดการณ์ว่าเยอรมันมีสิทธิ์เข้ารอบ เพราะการเอาชนะออสเตรียนั้นมีความเป็นไปได้อยู่แล้ว-ไม่แปลก
ใคร ๆ ก็คิดเช่นนั้น แต่ในเกมการแข่งขันวันนั้น แม้เกมจะจบลงด้วยเยอรมันเอาชนะออสเตรียไปได้ 1-0
จูงมือกันเข้ารอบ (ตามความน่าจะเป็น) แต่ต้องถือว่าเป็น “เกมอัปยศ” นัดหนึ่งในฟุตบอลโลก
เพราะหลังจากเยอรมันยิงเข้าในนาทีที่ 10 ทั้งสองฝ่ายก็แทบจะ “เดินเล่น” เคาะบอลกันไปมาอยู่อย่างนั้น

อาจพูดได้ว่า มีเพียงนัดเดียวในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่ผู้ชมทั้งสนามส่งเสียงโห่ตลอดการแข่งขัน
(อาจเว้นแฟนบอลสองทีม) และมีบางรายนำธงชาติของทั้งสองทีมมาเผาประณาม

หลังจบการแข่งขัน แอลจีเรีย ยื่นหนังสือประท้วงต่อฟีฟ่าอย่างเป็นทางการ เรียกร้องความเป็นธรรม
ให้ลงโทษปรับทั้ง 2 ทีมตกรอบ ฐานเล่นบอลซูเอี๋ย แต่ฟีฟ่าไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องนั้น

“ความเป็นธรรม” ที่ฟีฟ่ามอบให้ (?) ก็คือ ออกกฎใหม่ว่า ในการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแรกต่อจากนี้ไป
ทุกคู่จะต้องลงเตะในวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน!!!! (เมื่อก่อนมรึงทำไมไม่คิดหว่า)

แอลจีเรียจึงกลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการกีฬา (แต่ตัวเองไม่ได้ใช้)
ไม่ต่างจาก ฌอง มาร์ค บอสแมน ผู้ต่อสู้เพื่อปลดแอกสัญญาทาสนักฟุตบอล หรือ คิม ดุก กู
นักมวยเกาหลีใต้ที่ต้องเอาชีวิตตัวเองสังเวย เพื่อให้เกิดกำหนดยกใหม่ จาก 15 เป็น 12 ยก นั่นเอง

ที่เห็นเลี้ยงบอลอยู่นี้คือ ราบาห์ มัดเจอร์ ดาวยิงแอลจีเรีย ผู้ “เด็ดปีกอินทรี”
จนกลายเป็นที่มาของแมทช์อัปยศคู่เยอรมัน-ออสเตรีย




5.คนรวยทำอะไรก็น่าเกลียด (สเปน : 1982)

ในการแข่งขันรอบแรกสาย D ระหว่างฝรั่งเศส กับคูเวต ขณะฝรั่งเศสนำอยู่ 3-1
และ อแลง กีแรส บุกเข้าไปยิงประตูที่ 4 ให้ฝรั่งเศส โดยนักเตะคูเวตหยุดเล่นเพราะคิดว่าเป็นลูกฟาวล์
ทันทีที่กรรมการชาวรัสเซีย มิโรสลาฟ สตูปาร์ เป่าให้เป็นประตู ชีค ฟาฮิด อัล-อาเหม็ด อัล-ซาบาห์
พระอนุชาของเจ้านครคูเวต ผู้ดำรงแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลของคูเวต ได้เดินลงไปประท้วงในสนาม
และขู่จะนำนักเตะวอล์คเอาท์ออกจากสนาม หากกรรมการไม่กลับคำตัดสิน

ท่านชีคยืนประท้วงอยู่เป็นเวลานาน และไม่มีใครกล้าไป “นำตัว” ออกมา เพราะเกรงใจ
ในความเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง แม้หลายฝ่ายจะพยายามเจรจาขอร้อง ท่านก็ไม่ยอม
ทรงพระยืนอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดผู้ตัดสินสตูปาร์ก็แก้ปัญหาด้วยวิธีที่ทุกคนคาดไม่ถึง นั่นคือ
กลับคำตัดสิน ยกเลิกประตูนั้น ชีค ฟาฮิด จึงยอมเสด็จออกจากสนาม

ผลการแข่งขันวันนั้น ฝรั่งเศสก็มาได้ประตูที่ 4 อยู่ดี ชนะไป 4-1 และผลการกระทำของผู้ตัดสิน
มิโรสลาฟ สตูปาร์ ฟีฟ่าได้ประกาศลงโทษด้วยการยึดใบอนุญาตการเป็นผู้ตัดสินของฟีฟ่าทันที

ส่วนชีค ฟาฮิด ฟีฟ่าได้ลงโทษปรับไป 8,000 ปอนด์ ซึ่งดูจะไม่ระคายขนหน้าแข้งของเชื้อพระวงศ์
ที่ว่ากันว่ารวยติดอันดับโลกคนนี้เลย

ชีค ฟาฮิด นอกจากจะเป็นนายกสมาคมฟุตบอลของคูเวตแล้ว ยังมีตำแหน่งเป็นถึงประธานสภาโอลิมปิคเอเชีย
พระองค์สิ้นพระชนม์ในปี 1990 ในเหตุการณ์อิรักบุกยึดคูเวต

รูปชีค ฟาฮิด ครับ ค่อนข้างเล็กไปหน่อย หาได้แค่นี้



6.ผู้รักษาประตูมีสิทธิ์ป้องกันตัวเอง (สเปน : 1982)


โทนี่ ชูมัคเกอร์ นายทวารทีมชาติเยอรมัน กระโดดเข้าป้องกันประตูพร้อม ๆ กับ “ป้องกันตัวเอง”
อีท่าไหนไม่รู้ ทำเอา พาทริก บาติสตอง กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส ถึงกับ ฟันหัก 3 ซี่
สลบเหมือดคาสนาม
ต้องนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์พาส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
อาการหนักถึงต้องนอนในห้องไอซียูหลายวัน โชคดีที่ไม่ตาย

ชูมัคเกอร์ได้รับฉายานามเป็นนายทวาร “จอมโหด” ทันที จากการเข้าชาร์จเพื่อนร่วมอาชีพ
รุนแรงเกินกว่าเหตุ และท่าทีการให้สัมภาษณ์ในภายหลัง ที่ดูเหมือนจะไม่ยี่หระต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เลยแม้แต่น้อย เขากล่าวว่าเป็น “สิทธิ์” ของผู้รักษาประตูในการป้องกันตัวเอง

ชูมัคเกอร์ เป็นผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมันที่ได้เข้าชิงฟุตบอลโลกถึง 2 ครั้งติดกัน ในปี 82 และ 86
แต่ก็ชวดแชมป์ไปทั้ง 2 ครั้ง เขาให้สัมภาษณ์ว่าจะกลับมาชูถ้วยบอลโลกให้ได้ในบอลโลกครั้งต่อไป
แต่ความฝันก็พังทลาย เยอรมันได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1990 แต่ไม่มีชูมัคเกอร์เป็นผู้รักษาประตู
เพราะในปี 1987 ชูมัคเกอร์ได้เขียนหนังสือชีวประวัติตัวเอง ซึ่งเนื้อความบางส่วนได้ “แฉ” ว่า
มีนักเตะในบุนเดสลีกากว่า 90% ที่เคยเสพยา ข้อกล่าวหานี้สร้างความไม่พอใจให้นักเตะ/ผู้เกี่ยวข้อง
ในวงการฟุตบอลเยอรมันทุกคน กระทั่งตัวชูมัคเกอร์เองก็ถูกต่อต้านจนเล่นในบุนเดสลีกาไม่ได้
ต้องหนีไปเล่นในตุรกี ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่มีชื่อในสารบบนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมันอีกเลย

อ้อ...โม้มาตั้งนาน ลืมบอกว่า ลูกนั้นกรรมการให้เป็นลูกเตะจากเส้นประตูครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากนักเตะเซ่อซ่าคนหนึ่งวิ่งไปชนกับผู้รักษาประตูและ “เกือบตาย(ฟรี)”
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #2 เมื่อ: 29-05-2006, 15:08 »

7.หัตถ์พระเจ้า (เม็กซิโก : 1986)

คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากสำหรับช็อตสะท้านโลกช็อตนี้ ซึ่งนอกจากจะเกิดกระแสวิจารณ์ถึงความ
“เจ้าเลห์” ของยอดนักเตะแดนละตินผู้นี้ ยังเกิดกระแส “เหยียด” ผู้ตัดสินจากโลกที่สามตามมาอีก
โดยว่ากันว่า ผู้เล่นในสนามเห็น คนดูในสนามเห็น คนดูทั่วโลกเห็น มีไม่เห็นอยู่คนเดียวคือกรรมการ
อาลี เบนนาเซอร์ ชาวตูนีเซีย

แต่จะว่าไปแล้ว ความอื้อฉาวกระฉ่อนโลกของช็อตเด็ดช็อตนี้ ไม่ได้เกิดจาก “การตัดสินที่ผิดพลาด”
ไปเสียทั้งหมด แต่เป็นเพราะ “คนทำ” คือนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลกเวลานั้น และ “คนที่ถูกทำ”
ก็คือประเทศคู่ปรับที่เพิ่งก่อสงครามแย่งกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะฟอล์คแลนด์กันมาหยก ๆ

เมื่อยักษ์ชนยักษ์ เหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นในเกม ก็พลอยเป็น “เหตุการณ์ยักษ์” ตามไปด้วย
เหมือนลูกกระเด้งคานของคู่ชิงปี 1966 นั่นแล

ลองนึกดูเล่น ๆ ว่า ถ้าเกิดนายอะไรสักอย่างทีมชาติอียิปต์ ทำลูกแบบนี้ในนัดที่เจอกับซาอุดิอารเบีย
ก็คงมีคนพูดถึงไม่กี่วัน หรืออาจไม่พูดเลยก็ได้

นึกถึงช็อตนั้นแล้วยังทึ่งไม่หาย คนอะไรจะ “เจ้าเล่ห์” มืออาชีพขนาดนั้น ถ้าสังเกตจากภาพช้า
จะเห็นว่า หลังจากชกลูกเข้าประตูแล้ว มาราโดนาหันหลังวิ่งกลับทันที เหลือบไปมองผู้ช่วยผู้ตัดสินแวบหนึ่ง
แล้วก็มองไปทางผู้ตัดสินอีกแวบหนึ่ง ก่อนจะทำท่ากระโดดดีใจอย่างเนียนสุด ๆ  ซู้ดยอดดดด...มนุษย์

ภาพนี้จากกล้องของ BBC ซึ่งเขาอ้างว่า เป็นมุมกล้องที่เห็น “จะแจ้ง” ที่สุด (ในโลก)




8.ศอกกลับของเลโอนาร์โด (สหรัฐ :1994)


รอบสองของฟุตบอลโลก 94 บราซิลโคจรมาเจอกับสหรัฐเจ้าภาพ ในวันชาติของสหรัฐเสียด้วย
ใคร ๆ ก็คิดว่าสมันน้อยอย่างสหรัฐ ไม่แคล้วจะโดนมหาอำนาจลูกหนังแดนแซมบ้ายำเละ
แต่รูปเกมในวันนั้นกลับเป็นไปอย่างสูสี สหรัฐสร้างความลำบากใจให้บราซิลเกินคาด

ในช่วงใกล้จะหมดครึ่งแรก แท็บ รามอส นักเตะสหรัฐ เข้าไปพัวพันจะแย่งบอลอยู่ด้านหลัง
เลโอนาร์โด กองกลางฝีเท้าดีของบราซิล ยึกยักเกาะแกะกันอยู่ริมเส้น แล้วอยู่ไม่อยู่เลโอนาร์โด
ก็ชักศอกกลับใส่รามอสเต็มขมับ ล้มลงไปกองทั้งยืน จะเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้หรือไม่อย่างไรไม่รู้
แต่ผลก็คือ แท็บ รามอส กะโหลกศีรษะร้าว อาการเป็นตายเท่ากัน ต้องนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

แม่ไม้มวยไทยสไตล์บราซิลของเลโอนาร์โด ทำให้เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม
และฟีฟ่าก็ได้ประกาศบทลงโทษขั้นรุนแรง ไม่เคยมีใครเจอมาก่อนในฟุตบอลโลก
คือห้ามลงแข่ง 8 นัด ซึ่งหมายถึงว่าเลยแมทช์ในฟุตบอลโลกไปอีก ต่อให้บราซิลได้เข้าชิง
(ซึ่งก็ได้เข้าชิงจริง ๆ ได้แชมป์ด้วย) เลโอนาร์โดก็หมดสิทธิ์ลงสนาม

ทางด้าน แท็บ รามอส ที่ทุกคน (รวมถึงตัวเลโอนาร์โด) ต่างเป็นห่วงว่าจะรอดชีวิตจากอาการ
ขั้นโคม่านี้หรือไม่ ปรากฏว่ารามอสรอดตายเฉย แถมยังกลับมาเป็นปกติ เล่นฟุตบอลได้เหมือนเดิม



9.ประตูมรณะ (สหรัฐ :1994)


เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเกมการแข่งขัน แต่เป็นผลสืบเนื่องจากเกม ที่ อันเดรียส เอสโคบาร์
กองหลังทีมชาติโคลัมเบีย สกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเอง ในนัดที่เจอกับสหรัฐอเมริกา
ผลการแข่งขันวันนั้นจบลงด้วย สหรัฐ ชนะ โคลัมเบีย 2-1 โคลัมเบียตกรอบแรก

หลังกลับบ้านเกิด ในคืนวันที่ 2 กรกฎาคม 1994 เอสโคบาร์เดินออกจากบาร์แห่งหนึ่ง
พยานในเหตุการณ์ให้การกับตำรวจว่า คนร้ายที่ดักซุ่มอยู่นอกบาร์ได้ตะโกนคำว่า Gol
(Goal-ในภาษาอังกฤษ) ก่อนจะกระหน่ำยิงเอสโคบาร์จนเสียชีวิตคาที่

เหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงกับแฟนบอลทั่วโลก เพราะคาดไม่ถึงว่า แค่ความผิดพลาด
ในเกมกีฬาเกมหนึ่ง ถึงกับต้องฆ่าแกงกันอย่างป่าเถื่อนขนาดนี้เลยหรือ ซึ่งสื่อมวลชน
หลายประเทศได้เจาะข่าววิเคราะห์ว่า ความตายของเอสโคบาร์ น่าจะเกิดจาก “คำสั่งเก็บ”
ของมาเฟียยาเสพติดของโคลัมเบีย ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมไปถึงกิจการพนันผิดกฎหมายด้วย
เพราะโกรธแค้นที่เอสโคบาร์มีส่วนทำให้ “เสียเงินพนัน” ก้อนโต

ตำรวจโคลัมเบียสามารถจับคนร้ายที่สังหารเอสโคบาร์ได้ ชื่อนายอุมเบอร์โต มูนอซ
เจ้าหน้าที่ รปภ.แห่งหนึ่ง มูนอซให้การว่า เขายิงเอสโคบาร์ด้วยความโกรธแค้นชั่ววูบ
(ที่ยิงเข้าประตูตัวเอง) ไม่ได้มีผู้บงการสั่งฆ่าแต่อย่างใด แม้ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ
แต่ก็ไม่สามารถสาวไปถึงผู้บงการได้

มูนอซถูกตัดสินจำคุก 43 ปี ได้ลดโทษกึ่งหนึ่งฐานสารภาพ เหลือจำคุก 26 ปี แต่ข่าวล่าสุด
เขาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว เมื่อเดือนตุลาคม 2005 รวมชดใช้กรรมอยู่ในตาราง 11 ปี

โชคดีที่บอลโลกคราวนี้ โคลัมเบียไม่ผ่านรอบคัดเลือก
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #3 เมื่อ: 29-05-2006, 15:16 »

10.เกาหลีใต้ 14 – อิตาลี 11 (เกาหลีใต้ : 2002)


ไม่รู้เป็นความเจ้าเล่ห์รู้มาก หรือเป็นคราวเคราะห์ของอิตาลีกันแน่ ที่ทำตัวเองเข้ารอบมาเป็นที่ 2 ในสาย G
ซึ่งถือว่าเป็นสายค่อนข้างอ่อน มีสิทธิ์เข้าเป็นที่ 1 ของสายได้สบาย ๆ

เมื่อเป็นที่ 2 ของสาย ก็เลยต้องมาเจอกับเกาหลีใต้เจ้าภาพ ที่ 1 ของสาย D ซึ่งถ้าไม่นับความ
เป็นเจ้าภาพที่มีกองเชียร์หนุนหลังแล้ว ก็แทบมองไม่ออกเลยว่า เกาหลีใต้จะเอาอะไรมาสู้
อดีตแชมป์โลกอย่างอิตาลีได้

แต่เมื่อลงสนามสู้กันจริง ๆ อิตาลีถึงได้รู้ว่า ไม่ใช่แค่เสียงกองเชียร์ กับกรรมการที่อาจเป่าเข้าข้าง
เจ้าภาพไปบ้างเท่านั้น แต่มันเป็น “เกมอัปยศ” นัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่ผู้ตัดสิน
ไบรอน โมเรโน ชาวเอกวาดอร์ ร่วมกับผู้ช่วยผู้ตัดสินอีกสองคน ได้ร่วมกันทำให้เกมกีฬาแห่งศักดิ์ศรี
อย่างฟุตบอลโลก กลายเป็นกีฬามวยปล้ำ ที่นึกจะทำอะไรก็ได้ อยากเป่าฟาวล์ช่วยเจ้าภาพตอนไหนก็ทำ
อยากให้ได้เปรียบตอนไหนก็ปล่อย จนนักเตะอิตาลีแทบบ้า ไม่เป็นอันทำอะไร เพราะต้องคอยทะเลาะกับกรรมการ
แทบตลอดเวลา เป็นผลให้เกาหลีใต้เล่นได้เป็นชิ้นเป็นอัน จนตามตีเสมอได้ในนาทีสุดท้าย ต้องต่อเวลาพิเศษ
ใช้ระบบโกลเด้นโกลด์ ใครยิงเข้าก่อนชนะไปเลย

ไคลแม็กซ์สำคัญมาอยู่ที่ช่วงนี้เอง เมื่อ ฟรานเชสโก ตอตติ ลากเดี่ยวเข้าไปหาประตู แล้วถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ
แทนที่จะได้จุดโทษ ผู้ตัดสิน ไบรอน โมเรโน กลับชักใบเหลืองใบที่ 2 เป็นใบแดง ไล่ตอตติ ออกจากสนาม
โทษฐานหาว่าพุ่งล้ม
แล้วในที่สุด เกาหลีใต้ก็ช็อกโลก (โดยมีผู้ตัดสินหรืออาจมี * * *ร่วมด้วยช่วยช็อค) สังหาร “ประตูทอง”
เอาชนะ อิตาลี ไปได้ 2-1 (แถมยังมา “ช็อค” แบบเดิมกับสเปนในรอบต่อมาอีก)

ผลจากเกมนัดนี้ สร้างความบาดหมางให้กับสองประเทศเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสโมสรต่าง ๆ ในอิตาลี
“บอยคอต” ไม่ให้นักเตะเกาหลีใต้ค้าแข้ง โดยมีคนระดับผู้นำ นายกรัฐมนตรี หนุนหลัง เพราะท่านนายกฯ
แกก็มีส่วนเกี่ยวพันกับวงการฟุตบอลอิตาลีด้วย ส่วนผู้ตัดสินตัวแสบชาวเอกวาดอร์นั้นไม่ต้องพูดถึง
อิตาลีขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ แค้นจัดมาก


แค้นไม่แค้นดูเอา นี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ รูป “ตัดต่อ” ที่ศิลปินมือซนคนอิตาลีร่วมด้วยช่วยยำ
มิสเตอร์ไบรอน โมเรโน รูปนี้ เซปป์ แบลตเธอร์ ได้ร่วมแสดงด้วย




นอกจาก 10 อันดับที่ผมยกมา ก็ยังมี “เรื่องฉาว” อื่น ๆ ที่จะขอนำมากล่าวสั้น ๆ ในที่นี้ อาทิ

“โอสถซาตาน” ภาคต่อมาของ “หัตถ์พระเจ้า” ของดิเอโก มาราโดนา ที่หวนคืนมาเล่นฟุตบอลโลก 1994
อีกครั้ง หลังจากจบฟุตบอลโลก 1990 แล้วก็มีแต่ข่าวการใช้ชีวิตเสเพล ติดเหล้า ติดยา
แต่มาราโดนายืนยันว่า เลิกหมดทุกอย่างแล้ว แต่ก็มาถูกตรวจพบว่ายังใช้สารเสพติด หลังลงเล่นไปเพียง 1 นัด
(ยิงประตูได้ด้วย) ปิดตำนานดาวดังลงแบบไม่ค่อยสวย

อัลฟ์ แรมเซย์ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ชุด 1966 สั่งลูกทีมไม่ให้แลกเสื้อกับนักเตะอาร์เยนตินาหลังจบเกม
ด้วยประโยคสะท้านสะเทือน  "We don't swap shirts with animals!". - เราจะไม่แลกเสื้อกับสัตว์ !

บิ๊กแมชท์ในปี 1954 ของสองยักษ์ใหญ่ บราซิล – ฮังการี ที่จบลงด้วยชัยชนะของฮังการี 4-2 เตะกันดุเดือด
มีผู้เล่นถูกไล่ออกถึง 3 คน หลังจบเกม อารมณ์ยังไม่หายเดือด สาวหมัดตะลุมบอนกันอุตลุดระหว่างเดินเข้าห้องพัก

หวังว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้ คงไม่มีเรื่องฉาวโฉ่ให้ต้องจดจำ
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
Wadoiji
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 801


รักษ์ประชาธิปัตย์


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 29-05-2006, 17:05 »

สนุกจัง^^

สมัยเด็กจำผู้รักษาประตูคนนึงได้แม่น ทำให้ชอบดูฟุตบอลมาถึงเดี๋ยวนี้ จำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนที่ดูนั่น ยิงมากี่ลูกต่อกี่ลูกก็รับได้หมด สุดยอดมาก

เพื่อนบอกว่า อาจจะเป็นผู้รักษาประตูที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในโลก แต่ตอนนี้เขาวางมือไปหลายปีแล้ว ใครพอจะทราบข้อมูลมั่งมั้ยคะ^^
บันทึกการเข้า

achiteer
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 285



« ตอบ #5 เมื่อ: 30-05-2006, 23:32 »

ขอบคุณคะ คุณcameronDZ สำหรับเกร็ดความรู้เรื่องฟุตบอลโลก... Razz
พออ่านเรื่องหัตถ์พระเจ้าที่ไร มีอารมณ์โมโหทุกทีเลย  Rolling Eyes
ทำไมกรรมการตาถั่วจริงๆ อังกฤษของเราเลยตกรอบเลย
บันทึกการเข้า
achiteer
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 285



« ตอบ #6 เมื่อ: 30-05-2006, 23:53 »

 คุณcameronDZ คะ...
อยากทราบเรื่องของฌอง มาร์ค บอสแมน กับ คิม ดุก กู
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิคะ  Mr. Green
บันทึกการเข้า
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #7 เมื่อ: 31-05-2006, 09:59 »

ถ้าดิฉัน มีโอกาศ ไปเยอรมัน 

อาจจะมีเรื่องฉาว เรื่องที่ 11 ค่ะ

คือ นักฟุตบอลสุดหล่อหลายคน โดนลักพาตัว  Mr. Green Mr. Green แบบไม่มีร่องลอย อิอิ
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #8 เมื่อ: 31-05-2006, 11:21 »

คุณ achiteer

เรื่อง มาร์ค บอสแมน สรุปสั้น ๆ ก็คือ เขาต่อสู้ในการย้ายสโมสร ฟ้องศาลสูงยุโรปจนชนะ ยูฟ่าต้องเปลี่ยนกฎการย้ายทีมใหม่ ที่เรียกกันว่า "กฎบอสแมน" แต่ในทางตรงข้าม กว่าศาลจะตัดสิน เขาก็หมดอายุใช้งานของนักฟุตบอลเสียแล้ว
อธิบายละเอียดกว่านี้ จะยาวเกินไป แนะนำให้ตามลิงค์ไปอ่าน

http://de.wikipedia.org/wiki/Jean-Marc_Bosman

http://www.liv.ac.uk/footballindustry/bosman.html

ส่วนเรื่องของ คิก ดุก กู เป็นนักมวยเกาหลีใต้ที่ขึ้นชิงแชมป์กับ เรย์ "บูม บูม" แมนชินี
ฝีมือสู้ไม่ได้เลย แต่ทนชะมัดยาด โดนยำอยู่ข้างเดียว ก็ไม่ยอมล้มให้นับ 10
จนมาแพ้ TKO ในยกที่ 13 แล้วสมองกระทบกระเทือนหนัก ไปตายที่โรงพยาบาล

ประเด็นก็คือว่า เคยมีแพทย์ท้วงไปยังองค์กรมวยหลายครั้งแล้วว่า
กำหนดชก 15 ยกนั้นมันนานเกินไป อาจสร้างความบอบช้ำทางสมองให้นักมวยได้
แต่องค์กรมวยก็ไม่ใส่ใจ
รวมทั้งที่กรรมการส่วนใหญ่ยังยึดกฎ ไม่ล้ม ไม่นับ ไม่จับแพ้ ทนได้(ก็)ทนไป

หลังความตายของ คิม ดุก กู องค์กรมวยเลยมาสังคยานากฎของตัวเองใหม่
ลดจำนวนยกลงเหลือ 12
ยุติการชกทันที เมื่อเห็นว่านักมวยหมดทางป้องกันตัว สู้ไม่ได้
เพื่อเซฟชีวิตนักมวย

คุณใบไม้ทะเล
ยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างเรื่องอื้อฉาวที่ 11
แนะนำให้ไปที่แคมป์ของอิตาลี และอังกฤษ แอนด์ เยอรมัน ประเทศพวกนี้นักเตะหล่อ ๆ เยอะ
ลักพาไปทั้งทีมเลยยิ่งดี
บราซิล ของข้าพเจ้าจะได้ครองแชมป์สมัยที่ 6 สบายแฮ
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
ลูกไทย หลานไทย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,196


วันนี้วันดี วันที่เป็นไท


« ตอบ #9 เมื่อ: 31-05-2006, 12:25 »

ที่พันทิพได้เป็นกระทู้แนะนำแล้วครับ  Razz

แมทช์อันดับ 9 นั่นเรื่องเศร้าเลยครับ  Sad
บันทึกการเข้า

Ŋēmŏ mē ĩmρưŋē ĺдċęşšįҐ
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #10 เมื่อ: 01-06-2006, 18:40 »

ไม่แน่ใจว่าเข้าข่าย "เรื่องฉาว" ได้หรือเปล่า นะคะ

ดูข่าวบอกว่าโค้ช (หรือใคร) ทีมบราซิล เห็นโรนัลโดน้ำหนักเกินมาก
เลยจะให้แฟนสาวมาช่วยทำ sex บำบัด ลดนน.ให้กลับมาเข้าเกณฑ์
แถมบอกว่าครั้งก่อนเคยใช้ได้ผลมาแล้ว (แต่แฟนคนละคน)

โอ้ เพิ่งรู้ว่าบราซิลใช้วิธีนี้ เคล็ดลับของการเป็นแชมป์โลก

ทีมอื่นมัวแต่ "ต้องห้าม" เลยไม่ได้แชมป์ หรือเปล่าเนี่ย?  Mr. Green
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Prometheus, The Titan
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 406



« ตอบ #11 เมื่อ: 01-06-2006, 21:12 »

อูยยย ตาลายครับ

เคยได้ยิน Rumor มาหลายที่ว่า พวกนักบอลหลายทีมชอบมี sex กันก่อนแข่ง เพราะมันจะทำให้ฟิตเปรี๊ยะ โดยเฉพาะทีมในลีกอังกฤษ

ผมว่าผลมันน่าจะตรงกันข้ามนา...เอาเหอะ ปล่อยข่าวลือมันไป
บันทึกการเข้า

Only the brave enjoy noble and glorious death.

- Dyonysus

เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #12 เมื่อ: 02-06-2006, 00:42 »



ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ คุณ cameronDZ

เห็นกระทู้ 2-3 วันแล้ว แต่เพิ่งมีเวลามาอ่านค่ะ

อ่านจนมึนเลย อิอิ   Razz
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
::วิญญาณห้อง2::
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 656



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 02-06-2006, 08:40 »

อ้างถึง
เพราะฟีฟ่าไม่ต้องการให้เกิดการท้าทายอำนาจกรรมการ
ซึ่งก็คือท้าทายอำนาจฟีฟ่านั่นเอง

คำพูดนี้ทำให้นึกถึงสำนักวาติกันช่วงที่ใครแตะไม่ได้ เหอะๆ

ส่วนเรื่อง อิตาลีกับเกาหลีใต้ ผมว่ายังไงก็ยังไม่มีข้อสรุปไม่ใช่หรือว่าพุ่งล้มจริงรึเปล่า หรือผมตกข่าว

บันทึกการเข้า

--------this is the world-------
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #14 เมื่อ: 02-06-2006, 10:37 »

ถ้าดูตามภาพนะครับ

เกาหลีพยายามจะรวบ

ตอตติพยายามจะพุ่ง

มันก็...
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
หน้า: [1]
    กระโดดไป: