ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 12:13
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  555 นายกฯชี้ชาติเสียหายหนักจากกลุ่มชุมนุม เหน็บพวกไม่มีเหตุผล 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
555 นายกฯชี้ชาติเสียหายหนักจากกลุ่มชุมนุม เหน็บพวกไม่มีเหตุผล  (อ่าน 1879 ครั้ง)
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« เมื่อ: 28-05-2008, 10:37 »

นายกฯชี้ชาติเสียหายหนักจากกลุ่มชุมนุม เหน็บพวกไม่มีเหตุผล

                 

วันที่ 26 พ.ค. เมื่อเวลา 12.20 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมและมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกประจำปี 2551 ว่า ได้เล่าสถานการณ์การเมืองในอดีตและปัจจุบันให้กับเอกอัครราชทูตฟังเพื่อเป็นพื้นฐาน และทูตหลายประเทศก็แสดงความวิตกว่าสิ่งที่ทำกันมาจะถูกทำลายย่อยยับในพริบตา อย่างน้อย 3 ประเทศ บอกว่าจะมีผู้ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งทำการนัดหมายไว้ในสัปดาห์หน้า ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่นัดหมายไว้ประเทศดังกล่าวจะยกเลิกหรือไม่ และท่านทูตจากประเทศหนึ่งบอกว่านอนไม่หลับ ดูข่าวแล้วก็ถามว่าทำไมบ้านเมืองเราเป็นแบบนี้ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป จะให้ตนยืนยันได้หรือไม่ว่าจะยุติเมื่อไหร่ เลยบอกว่าตนก็เห็นถึงความไม่มีเหตุผลถึงเรื่องนี้ และเสียดายและเสียใจแทนท่านทูตทุกท่านที่อุตส่าห์ทำงานที่จะให้บ้านเมืองกลับสู่สถานะเดิมแต่ก็มีเรื่องพรรค์อย่างนี้ออกมา


“นพดล” ชี้นายกฯเน้นดึงนักลงทุน

ทางด้านนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมเอกอัครราชทูตไทย (ออท.) และกงสุลใหญ่ไทย ทั่วโลกประจำปี 2551 โดยมีนายสมัคร เป็นประธานมี ออท. และกงสุลใหญ่ของไทยจากทั่วโลกร่วมประชุม 92 คน ทั้งนี้ เพื่อรับทราบนโยบายด้านการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อประยุกต์เป็นแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ และทำให้เห็นว่าไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย นอกจากนี้นายกฯได้มอบนโยบายการสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การหาโอกาสทางการค้าการลงทุนโดยเฉพาะโครงการศูนย์ข้อมูลธุรกิจของสถานทูตเพื่อให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนในแต่ละประเทศ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการนำกระแสพระราชดำรัสเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาใช้ รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย

ย้ำดัน พ.ร.ก.ประชามติเสี่ยงขัด รธน.

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชนให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอในการออก พ.ร.ก.ทำประชามติว่า ในการประชุม ครม.ในวันที่ 26 พ.ค. นี้นายกรัฐมนตรีจะหยิบยกมาหารือกัน แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าจะเป็นสุ่มเสี่ยงเกิน ที่จะออกเป็น พ.ร.ก.เพราะจะต้องถูกนำส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเข้าเงื่อนไขเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยของประเทศหรือไม่ ทั้งนี้เท่าที่ตนได้ตรวจสอบและพบมานานแล้วเห็นว่าขณะนี้ยังมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการประชามติปี พ.ศ.2541 ที่ออกมาสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เพราะเคยมีคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทยว่าเมื่อไม่มีกฎหมายใดกำหนดให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญสิ้นผลบังคับ ก็ย่อมหมายถึงว่า พ.ร.บ.ฉบับนั้นยังมีผลบังคับใช้ ต่อมาก็ไม่มีประกาศ คปค.ให้ยกเลิก หากมีการประสานงานกับทางสภาฯแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนก็อาจจะมีความเป็นไปได้ ที่จะเร่งพิจารณา 3 วาระรวด แต่ถ้าเห็นว่าไม่มีกฎหมายฉบับเก่าอยู่ ก็ต้องไปเร่งรัดในการร่างกฎหมายใหม่โดยต้องหารือกับ กกต.ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นคนร่างกฎหมายจัดทำประชามติ



หนุนแช่แข็งญัตติรอทำประชามติ

เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯยื่นคำขาดให้ถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียวหากบรรจุวาระเมื่อไรจะมีการปิดล้อมสภาฯทันที นายชูศักดิ์ตอบว่า อย่างนั้นก็เกินไป เมื่อรัฐบาลมีทางออกให้ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นสมควรแก้ไขก็เป็นทางออกของสังคม หากบอกว่าไม่ควรแก้ก็จบไป การจะถอนญัตติหรือไม่ ขึ้นอยู่ดุลพินิจของ ส.ส.ที่ใช้สิทธิตามมาตรา 291 เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลย อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลต้องหารือกับประธานสภาฯและวุฒิสภาด้วยว่าเห็นควรอย่างไร เป็นไปได้ถ้าจะมีการเสนอญัตติเข้าสู่สภาฯ แต่ยังไม่พิจารณา โดยประธานสภาฯเอามาหารือสอบถามความเห็นจากรัฐสภาก่อนคือขอเลื่อนไปก่อนแล้วค่อยมาถามประชามติก็ได้

พลิกสู้เล่นอาญา “ประสพสุข-ปชป.”

ทางด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรค พลังประชาชนกล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยได้ยื่นถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าสมาชิกรัฐสภาที่ลงชื่อทำตามรัฐธรรมนูญแต่ปัญหาเกิดจากกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ที่มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายพยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่ได้ยื่นถอดถอนพวกตน ดังนั้น ส.ส.ส่วนหนึ่งที่ลงชื่อ จึงได้หารือกันแล้วพบว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ จึงเตรียมทำหนังสือร้องเรียนต่อนายชัย ชิดชอบ ในฐานะประธานรัฐสภา ภายในสัปดาห์นี้เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มดังกล่าว รวมไปถึงนายประสพสุข บุญเดช ประธานสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นผู้รับเรื่องถอดถอนด้วย อย่างไรก็ตาม ได้ปรึกษานายชัยถึงกระบวนการร้องเรียนดังกล่าวที่เป็นความผิดอาญาต่อตัวบุคคล รวมถึงการยุบพรรคด้วย



กกต.ไม่ขวาง พ.ร.ก.ประชามติ

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะออก พ.ร.ก.มาใช้รองรับการออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่ารัฐบาลจะสามารถออก พ.ร.ก.มาบังคับใช้ได้ หรือไม่ ส่วนการออก พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติของ กกต. นั้น วิธีการอาจล่าช้าบ้าง เพราะต้องส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แต่ กกต.ในฐานะหน่วยปฏิบัติเมื่อมีกฎหมายออกมาบังคับ กกต.ก็ต้องปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บ้านเมืองเรากำลังมีปัญหา ทุกฝ่ายควรช่วยกันแก้ไขความขัดแย้งมากกว่า

เดินหน้ายกร่าง พ.ร.บ.ประชามติ

ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะออก พ.ร.ก.ประชามติว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ขณะนี้กฎหมายเกี่ยวกับการทำประชามติยังไม่มี และรัฐธรรมนูญมาตรา 165 กำหนดให้ออก เสียงประชามติต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติและในมาตรา 302 วรรคท้าย ระบุให้ กกต.จัดทำร่าง พ.ร.บ. หากให้บททั่วไปออกเป็น พ.ร.ก.อาจจะมีปัญหาในเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ กกต.ได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาพรรคการเมืองดูแลในเรื่องการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งตามกรอบเวลาจะครบกำหนด 1 ปี ในเดือน ส.ค. และ กกต.กำลังเร่งยกร่างซึ่งต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องที่จะเป็นปัญหาเรื่องที่ไม่ชอบโดยรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ จะใช้กฎหมายเก่าของปี 2541 เป็น ต้นแบบพิจารณาประกอบกับรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากกฎหมายเปลี่ยนไป  ยังไม่จบข่าว สนใจอ่านต่อครับ

ที่มา ไทยรัฐ
http://news.hunsa.com/detail.php?id=8852

บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 28-05-2008, 11:14 »

เสียหายหนักจากมรึงน่านแหละนายจมูกเชิด
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #2 เมื่อ: 28-05-2008, 11:27 »

ปู๊ดโธ่... ประเทศชาติเสียหายก็รัฐบาลเดรัดฉานอย่างพวกมรึงนั่นแหละ...
ดันมาโทษนั่นโทษนี่... ไอ้สัดป๋าหมาก-หน้าหมู ดูเบ้าตามันสิ...เหมือนเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้
เหมือนทาสโดนชกเบ้าตาจนบวมปุ่ย...
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #3 เมื่อ: 28-05-2008, 11:31 »

ต่างชาติคงไม่เสียสติพอที่จะกล้าลงทุนในประเทศที่ไร้เสถียรภาพทางการเมืองแบบไทย เพราะเหตุการณ์ในวันนี้มันกำลัง replay เหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 เพราะม๊อบแป๊ะลิ้มเป็นผู้เปิดประตูให้อำนาจปืนกลับมาสร้างวงจรอุบาทว์อีกครั้ง

ในเมื่อพวกมันมีแผนแบบเดิมๆ...จัดการพวกมันก่อนเลยท่านสมัคร!!
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #4 เมื่อ: 28-05-2008, 11:37 »

ต่างชาติคงไม่เสียสติพอที่จะกล้าลงทุนในประเทศที่ไร้เสถียรภาพทางการเมืองแบบไทย เพราะเหตุการณ์ในวันนี้มันกำลัง replay เหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 เพราะม๊อบแป๊ะลิ้มเป็นผู้เปิดประตูให้อำนาจปืนกลับมาสร้างวงจรอุบาทว์อีกครั้ง

ในเมื่อพวกมันมีแผนแบบเดิมๆ...จัดการพวกมันก่อนเลยท่านสมัคร!!

ต่างชาติไปลงทุน...??? คิดได้งัยคร๊าบบบบบบบบบ
ต่างชาติเค้าไปหาผลประโยชน์คร๊าบบบบบบบบ... เค้าไม่เรียกว่าลงทุน
ส่วนพวกรัดถะบานเดรัจฉานก็จะหาผลประโยชน์เหมือนกัน...
 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #5 เมื่อ: 28-05-2008, 11:41 »

ต่างชาติไปลงทุน...??? คิดได้งัยคร๊าบบบบบบบบบ
ต่างชาติเค้าไปหาผลประโยชน์คร๊าบบบบบบบบ... เค้าไม่เรียกว่าลงทุน
ส่วนพวกรัดถะบานเดรัจฉานก็จะหาผลประโยชน์เหมือนกัน...
 


ไปอ่าน วิชา economics 101  แล้วจะเข้าใจเรื่อง political risk ครับ
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #6 เมื่อ: 28-05-2008, 11:53 »


ไปอ่าน วิชา economics 101  แล้วจะเข้าใจเรื่อง political risk ครับ

ปิดหนังสือเถอะครับ... จะเอาเรื่องไหนก็เอาซักอย่างสิครับ... ตอนที่สิงกะโปโตกซื้อหุ้นทั้งหมดของทักษิณ ไม่กลัวเรื่องการเมืองเหรอครับ... ทำไมไม่ขายออกให้มันหมดหล่ะ แต่เป็นเพราะผลประโยชน์ไม่ใช่เหรอที่ยังอมไว้อยู่เชียว
อย่าอ้างเรื่องการเมืองสิครับ ถ้านักลงทุนเห็นผลประโยชน์มันโดดใส่ทั้งนั้นแหละ ริสค์มันไม่ใช่มาจากการเมืองเป็นหลักอย่างเดียว
แต่รัดกะบาลเฮงซวยอ้างได้ก็แค่นี้
ถ้ารัดกะบาลเป็นห่วงเรื่องต่างชาติลงทุนจริง จะไปสนใจเรื่องรัฐธรรมนูญทำไมครับ... ต่างชาติเดือดร้อนจากรัฐธรรมนูญเหรอครับ... ? ขอถามจริงๆนะ
 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #7 เมื่อ: 28-05-2008, 12:02 »

ปิดหนังสือเถอะครับ... จะเอาเรื่องไหนก็เอาซักอย่างสิครับ... ตอนที่สิงกะโปโตกซื้อหุ้นทั้งหมดของทักษิณ ไม่กลัวเรื่องการเมืองเหรอครับ... ทำไมไม่ขายออกให้มันหมดหล่ะ แต่เป็นเพราะผลประโยชน์ไม่ใช่เหรอที่ยังอมไว้อยู่เชียว
อย่าอ้างเรื่องการเมืองสิครับ ถ้านักลงทุนเห็นผลประโยชน์มันโดดใส่ทั้งนั้นแหละ ริสค์มันไม่ใช่มาจากการเมืองเป็นหลักอย่างเดียว
แต่รัดกะบาลเฮงซวยอ้างได้ก็แค่นี้
ถ้ารัดกะบาลเป็นห่วงเรื่องต่างชาติลงทุนจริง จะไปสนใจเรื่องรัฐธรรมนูญทำไมครับ... ต่างชาติเดือดร้อนจากรัฐธรรมนูญเหรอครับ... ? ขอถามจริงๆนะ
 


รัฐบาลแก้ไขรธน.ตามที่ให้สัญญากับคนที่เลือกพปช.ไว้ก่อนเลือกตั้ง...ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องสรรเสริญที่นักการเมืองกระทำตามที่สัญญาไว้ แต่ที่ผิดแปลกก็คือ ไอ้คนที่ไม่ได้เลือกพปช.นี่ซิที่ออกมาเย้วๆสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติ ดดยอ้างว่าต้องการต่อต้านการแก้ไขรธน.  แต่ตอนนี้แป๊ะลิ้มเปลี่ยนใจหันมาล้มล้างรัฐบาลแล้ว ไม่สนเรื่องการแก้หรือไม่แก้รธน.


นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเกิด political risk อย่างที่คุณสมัครกล่าวไว้
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #8 เมื่อ: 28-05-2008, 12:13 »


รัฐบาลแก้ไขรธน.ตามที่ให้สัญญากับคนที่เลือกพปช.ไว้ก่อนเลือกตั้ง...ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องสรรเสริญที่นักการเมืองกระทำตามที่สัญญาไว้ แต่ที่ผิดแปลกก็คือ ไอ้คนที่ไม่ได้เลือกพปช.นี่ซิที่ออกมาเย้วๆสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติ ดดยอ้างว่าต้องการต่อต้านการแก้ไขรธน.  แต่ตอนนี้แป๊ะลิ้มเปลี่ยนใจหันมาล้มล้างรัฐบาลแล้ว ไม่สนเรื่องการแก้หรือไม่แก้รธน.


นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเกิด political risk อย่างที่คุณสมัครกล่าวไว้


ปู๊ดดดดดโธ่.... อ้างจริๆเรื่องสัญญา..สายัญ... เนี่ย
ขอถามอีกหน่อยนะ
มีข้อไหนบ้างในรัฐนูญฉบับปี2550...ที่กระทบต่อการลงทุนของต่างชาติ...?
มีข้อไหนบ้างที่แก้แล้วจะทำให้ต่างชาติมั่นใจ...???

อย่าอ้างการเมืองนะ... เพราะปัญหาการเมืองที่ว่านี้มันเกิดจากตัณหาที่อยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ...ของรัดถะบาลเฮงซวยซุด
ลูกกลอกก่อขึ้นมาเองทั้งนั้น... และเหตุผลของการแก้ก็ไม่เกี่ยวกับการลงทุนของต่างชาติ
คราวนีจะมาอ้างเรื่องการลงทุนของต่างชาติ...แบบมั่วๆนี่นะ...
   
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #9 เมื่อ: 28-05-2008, 12:23 »

ถามจริงๆเถอะครับ....
ขนาดตัวสมัครเองยังไม่มีปัญญาใช้จมูกของตัวเองที่ใหญ่กว่าจมูกของหายใจ ทุกวันนี้ยังต้องใช้จมูกของทักษิณหายใจ
เป็นคนที่ผมพอจะคาดหวังอนาคตของประเทศชาติไว้ด้วยได้เหรอครับ...?
ถามจากใจจริงนะ
 
บันทึกการเข้า
Grimmy
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 118



« ตอบ #10 เมื่อ: 28-05-2008, 12:26 »

หน้าหมู-ปาก***จริงๆ ตอนพวก นรกป่วนกรุง มันก่อจราจล นายหน้าหมู-ปาก***เอาหัวไปมุดเมถุนอยู่ไหน....
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #11 เมื่อ: 28-05-2008, 12:33 »

ปู๊ดดดดดโธ่.... อ้างจริๆเรื่องสัญญา..สายัญ... เนี่ย
ขอถามอีกหน่อยนะ
มีข้อไหนบ้างในรัฐนูญฉบับปี2550...ที่กระทบต่อการลงทุนของต่างชาติ...?
มีข้อไหนบ้างที่แก้แล้วจะทำให้ต่างชาติมั่นใจ...???

ต่างชาติถอดใจไม่ลงทุนเพราะpolitical riks หรือความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองอันเกิดจากม๊อบพันธมาร  ไม่เกี่ยวกับมาตราใดๆในรธน.2550ตามที่คุณเข้าใจไขว้เขว




อย่าอ้างการเมืองนะ... เพราะปัญหาการเมืองที่ว่านี้มันเกิดจากตัณหาที่อยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ...ของรัดถะบาลเฮงซวยซุด
ลูกกลอกก่อขึ้นมาเองทั้งนั้น... และเหตุผลของการแก้ก็ไม่เกี่ยวกับการลงทุนของต่างชาติ
คราวนีจะมาอ้างเรื่องการลงทุนของต่างชาติ...แบบมั่วๆนี่นะ...
   

อย่างที่กล่าวไว้ว่าการแก้ไขรธน.เป็นเรื่องที่ถูกกฏหมาย ชอบธรรม และถูกกติกา แต่การที่มีกลุ่มคนที่ไม่ได้เลือกพปช. ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดพปช. และไม่ยอมรับในกติกาอย่างพันธมารที่ลุกขึ้นมาประกาศโค่นล้มรัฐบาลสมัคร จึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ต่างชาติไม่กล้าลงทุนในไทยเพราะไม่แน่ใจว่าประเทศไทยใช้กฏหมายปกครองประเทศหรือกฏหมู่บีบบังคับการบริหารประเทศกันแน่

บันทึกการเข้า
modernaid
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 28


« ตอบ #12 เมื่อ: 28-05-2008, 12:54 »

ตัวผู้หรือตัวเมียกันนะ The last emperor ตุ๊ดควายหริอเปล่านะ



ไม่มีเหตุผล เพราะเค้ามาไล่เมิงอ่ะแหละ ไอ้สันขวาน



The last emperor เก่งทุกเรื่อง เก่งไปหมด แต่ไม่เข้าท่าซักอย่าง ทำมากระแหนะกระแหนดูรู้นั้นรู้นิ



แท้จิงก็เสรือกเค้าไปซะทุกเรื่อง
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #13 เมื่อ: 28-05-2008, 13:15 »

โหยยย  หมักเอ๊ยยย  รัดถะบานของมึง "ขี้เปียก" ว่ะ

เอางี้นะหมัก..
มึงไปขุดศพคุณย่าแม่ค้าห่อหมกแม่มึงขึ้นมาถามว่า
"แม่ ๆ  ถ้าหมู่บ้านเราซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1000 ไร่   เกิดมีตาแป๊ะแก่ ๆ 2 คน ป้า ลุง และไอ้ตี๋อีหมวยอย่างละคนรวมเป็น 6 คน นั่งรวมกลุ่มกันร้องเพลงเสียงดังอยู่บนเนื้อที่ขนาด 1 ตารางวา  แม่คิดไอ้พวกนี้มันจะทำให้การทำมาค้าขายและความเป็นอยู่ของผู้คนในหมู่บ้านจำนวน 6000 คนต้องตกต่ำและเดือดเนื้อร้อนใจขนาดหนักแค่ไหนหรือแม่ ?"

( หมายเหตพื้นที่ 1 วา ใน 1000 ไร่  คือ อัตราส่วนประมาณ 1 ใน 4 แสน  ซึ่งสมมติว่าเป็นอัตราส่วนเท่า ๆ กับ พื้นที่ที่กลุ่มพันธมิตร ฯ ใช้เป็นที่ประท้วงต่อพื้นที่ทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร : ผู้คนจำนวน 6 คนใน 6 พันคน  คืออัตราส่วน 1 ต่อ 1 พัน ซึ่งเทียบได้กับจำนวนผู้เข้าร่วมชุมชุมกับกลุ่มพันธมิตร ฯ 1 หมื่นคน ต่อจำนวนประชากรในกรุงเทพราว ๆ 10 ล้านคน )

ถ้าหมักถามแบบนี้กับวิญญาณคุณย่าผีแม่ค้าห่อหมก
เชื่อว่าคงโดนสากกะเบือนรกแพ่นกบาล
แล้วตามด้วยการถ่มน้ำลายใส่หน้า
ก่อนด่า...
"ไปถามไอ้หลวงยกกระบัตรพ่อมึงไป๊  กูคำนวนไม่เก่งเหมือนมึงกะพ่อมึงหรอก  แต่่แค่่เพียงคนแก่ ๆ กะเด็ก ๆ 6 คนนั่งเบียดกันบนที่ดินขนาดเท่าโมะเมียมึง จะมีปัญญาทำอะไรได้หนักหนา   มึงยอมรับมาตรง ๆ ดีกว่า  ว่าที่มึงถามแบบนี้ก็เพราะว่ามึงอู้ - ไม่อยากขายห่อหมกให้แม่ใช่ไหม  จึงเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาอ้างข้าง ๆ คู ๆ เอาสีข้างเข้าถูไปอย่างน้ำขุ่น ๆ   ถามหน่อยเถอะว่าวันนึง ๆ มึงทำเหี้eอะไรบ้าง  นอกจากอวดกร่างอวดเก่งแล้วก็เที่ยวยัดห่าหาของกินตามตรอกซอกซอย..."


เอ๊า...จริงนะ
ไม่เชื่อ หมักก็ลองถามแม่ดูดิ
บันทึกการเข้า

cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #14 เมื่อ: 28-05-2008, 13:26 »

 

เข้ามาขำปู่เย็น คนอะไร ปากจัดชะมัด

เอาไปดีเบตกับนายกจมูกหมู คงมันส์น่าดู


 - - - - - -

เห็นด้วยกับเหตุผลบางท่าน

"มรึงไม่ต้องอ้างชาติจะเสียหายห่านเหวอะไรหรอก ก็เขามาชุมนุมไล่มรึงนั่นแหละ จบ"

 
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #15 เมื่อ: 28-05-2008, 13:31 »


"มรึงไม่ต้องอ้างชาติจะเสียหายห่านเหวอะไรหรอก ก็เขามาชุมนุมไล่มรึงนั่นแหละ จบ"

 



ว้าว....เหตุผลและตรรกะเยี่ยวยอดเจงๆ
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #16 เมื่อ: 28-05-2008, 13:40 »

ว่าแต่หมักออกมา'เม้นท์ต๋อย ๆๆๆ แบบนี้  หมักไม่กลัวว่าจะขัดกับลูกพรรคเหรอ
ทีหน้าทีหลัง ไม่ว่ายังไง หมักก็ควรส่งเอาท์ไลน์เพื่อขออนุญาตจากเลี้ยบและกุเทพก่อนนะ
สองคนนั้นเค้าเป็น "ตัวแทนนายจ้าง" ส่งมาเพื่อควบคุมดูแลลูกจ้างอย่างหมัก
หากหมักทำอะไรมากเกินไปเพราะเข้าใจว่าเป็น "การจัดการงานนอกคำสั่ง" 
ดีไม่ดีนอกจากนายใหญ่เขาจะถือว่าเป็น "การกระทำโดยพลการ" แล้ว
เขายังอาจจะริบทรัพย์สินและผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่หมักรับไปในลักษณะ "ลาภมิควรได้"
...นะจ๊ะ

เป็นห่วงตะเองจังเรยยยย 
 
บันทึกการเข้า

]-[OLY]-[E@RT
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 27


Thaksinland is imagine of evil politician servant


« ตอบ #17 เมื่อ: 28-05-2008, 13:42 »

ตัวผู้หรือตัวเมียกันนะ The last emperor ตุ๊ดควายหริอเปล่านะ



ไม่มีเหตุผล เพราะเค้ามาไล่เมิงอ่ะแหละ ไอ้สันขวาน



The last emperor เก่งทุกเรื่อง เก่งไปหมด แต่ไม่เข้าท่าซักอย่าง ทำมากระแหนะกระแหนดูรู้นั้นรู้นิ



แท้จิงก็เสรือกเค้าไปซะทุกเรื่อง

ซี๊ด...... อุ๊ยๆๆๆ ต๊าย ว่าฉั๊นทำไมฮ๊า เดี๊ยนทำอะไรให้ตะเองเจ็บใจจ๊ะ ฝากไปให้มันเอาไปฟังด้วย สงสัยจะเป็นตัวผู้นี่แหละแต่เป็นตัวเมียกลายๆ(เป็นผลมาจากการ"แปลง(พลาด)พาศ------->(เพศ)") ขอให้สนุกกับเพลงนะจ๊ะhttp://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=12742
บันทึกการเข้า


ขอเชิญเพื่อนๆทั้งหลายที่สู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกันไปเยี่ยมเว็บไซต์www.uthaisak.netและสามารถรับชมASTVได้ที่เว็บนี้
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 28-05-2008, 13:42 »

การชุมนุมเกิดความเสียหายบ้าง

แต่ก็ไม่มากเท่ารัฐบวยหัวคานนี่ครองอำนาจอยู่

ข้าวของแพงขึ้นทุกอย่าง ข้าวแพงขึ้นถึงถุงละ40บาท แต่ข้าวเปลือกขายไม่ได้ราคา ชาวนาถูกกดราคาข้าว

น้ำตาลแพงขึ้นโลละ5บาททั้งที่ปิดโรงหีบอ้อยไปแล้ว เกษตรกรไร่อ้อยไม่ได้ผลประโยชน์จากการขึ้นราคาแม้แต่น้อย แต่ผู้ส่งออกน้ำตาลและเจ้าของโรงงานน้ำตาลได้กำไรไปเต็มๆเหมือนมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่

 ทำให้ราคาสินค้าอีกหลายอย่างต้องทะยานตัวขึ้นไปด้วย

น้ำมันแพง เบนซิน95ขึ้นไปเกือบลิตรละ40บาท ดีเซล38บาท แต่ปีนี้ไตรมาศเดียว ปตท.กำไรมหาศาลเป็นหลักแสนล้านบาท


สวนทางกับสิ่งที่พปช.เคยหาเสียงเอาไว้ว่าประชาชนจะลดรายจ่าย อยู่ดีกินดี


ต้องถือว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลวในการบริหารประเทศอย่างสิ้นเชิง

และที่รับไม่ได้อย่างที่สุดก็คือการพยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับ50เพื่อล้มล้างความผิดกรณียุบพรรค และล้มล้างความผิดให้กับทักษิณในคดีความผิดทางอาญาขณะที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พยายามยุบคตส. ปปช. เป็นการกระทำชั่วร้ายที่พยายามทำเพื่อคนไม่กี่คน

มันจึงเป็นสาเหตุที่ขณะนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งอดรนทนไม่ไหวจึงต้องออกมาขับไล่รัฐบาลลูกกรอกทุนนิยมสามานย์ นี่ไงครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #19 เมื่อ: 28-05-2008, 13:53 »

"ทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ 2550

บทสรุปเนื้อหาคำพูดของ ศ. ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
อดีตประธานรัฐสภา อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในฐานะนักวิชาการผู้เป็นกลาง ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย

จากรายการ กรองสถานการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT
วันที่ 17 เมษายน 2551

1. รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 แย่งชิงอำนาจการปกครองที่แท้จริงไปจากประชาชน

รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 นี้สร้างขึ้นมาโดยดูถูกประชาชน แบ่งประชาชนเป็นชนชั้นสูง กับชนชั้นล่างธรรมดา ต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ตั้งสมมติฐานการร่างขึ้นมาด้วยความรังเกียจนักการเมือง ว่าเป็นคนที่ควรกำจัดไปให้หมด โดยลืมไปว่า รัชกาลที่ 7 ไม่ได้พระราชทานอำนาจการปกครองให้แก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ แต่พระราชทานให้แก่ประชาชน ประชาชนธรรมดา ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในประเทศไทยมีกว่า 42 ล้านคน แต่ให้อำนาจในการยุบ ไม่ยุบ ผิด ไม่ผิด ให้กับคนเพียง 4-5 คนที่รับอำนาจมาจากคณะรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือคณะตุลาการอะไรก็ตาม

2. การลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ใช่เจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน

มีความพยายามอ้างว่ามีประชาชนลงมติเห็นด้วยถึง 14 ล้านเสียง และไม่เห็นด้วย 10 ล้านเสียง ทั้ง ๆ ที่ประชาชนผู้มีสิทธิมีมากกว่า 42 ล้านคน จำนวนที่มาลงประชามติมีเพียงประมาณ 30% ของผู้มีสิทธิเท่านั้น โดยก่อนหน้านั้นและแม้ในขณะที่ลงประชามติ ก็มีการกล่าวอ้างว่า ให้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อน มิฉะนั้น คณะรัฐประหารจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาปรับใช้บังคับปกครองประเทศ หรือให้รับ ๆ ร่างไปก่อน อะไรไม่ดีให้แก้ไขทีหลังได้ และผลักดันให้รับโดยอ้างว่าจะได้มีการเลือกตั้งเสียที จึงอนุมานได้ว่า ในจำนวน 14 ล้านเสียงที่รับนั้น เข้าใจว่า 50% จำใจยอมรับรัฐธรรมนูญ 2550 นอกจากนี้ ยังมีการใช้อำนาจรัฐออกไปมัดมือมัดเท้า ปิดปาก ปิดขมับ ให้ข้อมูลด้านเดียว ส่งคนไปคุมการลงคะแนน ในฐานะที่ตัว ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เอง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่เคยเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใด ไม่เห็นด้วยที่จะมาอ้างการลงประชามติครั้งนั้นเมื่อจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจากจะเป็นตัวก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบ้านเมือง และไม่เห็นด้วยว่าควรแก้เฉพาะมาตรา 237 และ 309 แม้จะทำได้ก็ไม่ควรทำ เพราะพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็ไปหาเสียงไว้แล้วว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงควรแก้ทั้งฉบับ

3. รัฐธรรมนูญ 2540 พิสูจน์แล้วว่าสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้กับประเทศไทย

รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ทำให้การเมืองเข้มแข็ง รัฐบาลสามารถอยู่ได้จนครบวาระเป็นครั้งแรกในประเทศไทยของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 เท่านั้น จึงจะเป็นหัวใจสำคัญในการนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ ความเข้มแข็งทางการเมืองจะทำให้ประเทศชาติก้าวหน้า สิงคโปร์มีคนเพียง 4 ล้านคน แต่เจริญก้าวหน้ากว่าประเทศไทยที่มีคนถึง 64 ล้านคนก็เพราะความเข้มแข็งของการเมืองการปกครอง ประเทศมาเลเซียนั้น อำนาจการบริหารการปกครองมีความต่อเนื่อง เขายอมรับกติกา แม้บางอย่างจะดูเป็นค่อนข้างกึ่งเผด็จการ เขาจึงพัฒนารุดหน้าได้ ในขณะที่ประเทศไทยยังถอยหน้าถอยหลัง เพราะใครเก่งขึ้นมาก็ต้องฟันมันให้บรรลัย เพราะคนไทยนั้นเป็นคน ขี้อิจฉา ขี้นินทา ขี้หาเรื่อง ขี้เบื่อ ขี้ลืม ปัญหาจึงอยู่ที่ตัวคนไทยเราเอง
(To be continued)
4. รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ขัดต่อหลักทั้งนิติรัฐและนิติธรรม

ทั้ง ๆ ที่มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 กำหนดว่า องค์กรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ครม. สภา ศาล องค์กรอะไรต่าง ๆ ต้องดำเนินการตามหลักนิติธรรม แต่พอมาถึงมาตรา 309 กลับประกาศนิรโทษกรรมแบบเซ็นเช็คล่วงหน้าไว้เลยว่า การกระทำใด ๆ ของพวกคณะรัฐประหารที่ร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมา ถือว่าไม่มีความผิด ทั้งอดีต ปัจจบัน และอนาคต การบัญญัติเช่นนี้เป็นเรื่องวิปลาส และไม่เคยมีปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใด การกล่าวอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 ว่าบัญญัติไว้นั้นก็อ้างไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 จะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ไม่ถูกต้องที่จะยกเว้นโทษให้คณะรัฐประหารทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมไปถึงองค์กรที่ตั้งขึ้นมาโดยคณะรัฐประหารด้วย เคยมีนายทหารระดับสูงมาปรึกษา ดร.อุกฤษ ว่าควรกำหนดไว้เช่นนี้หรือไม่ ซึ่งท่านบอกว่าไม่ควร เพราะความเลวร้ายนี้จะติดตัวผู้ร่างและเป็นรอยด่างครั้งสำคัญของระบบกฎหมายไทย การที่คนจะบอกว่าใครทำผิดหรือไม่ผิดนั้น ต้องให้องค์กรอื่นเป็นผู้บอก ไม่ใช่ตัวเองทำผิดแล้วโมเมว่าตัวเองไม่ผิด ลูกน้องของตัวเองก็ไม่ผิด ต่อไปพวกตนเองทำอะไรในวันข้างหน้าก็ถือว่าไม่ผิดด้วย นี่ขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างชัดเจน ถือเป็นหลักนิติธรรมเถื่อน ไม่ใช่หลักนิติธรรมสากล

ดร.อุกฤษ ยังสื่อความเห็นไปยังนักกฎหมายและนักรัฐศาสตร์ทุกคนด้วยว่า หากจะใช้หลักนิติธรรม ต้องเป็นหลักนิติธรรมสากล จะใช้หลักประชาธิปไตย ก็ต้องเป็นหลักการประชาธิปไตยที่สากลโลกยอมรับเท่านั้น นั่นคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ยุติการผลักดันเฉพาะหลักประชาธิปไตยแบบที่ตนต้องการเท่านั้น อำนาจอธิปไตยของประชาชนเช่นนี้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ กำหนดไว้อย่างชัดเจนมาตลอดว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย

5. รัฐสภาวันนี้ยังไม่ใช่รัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

หลักการที่ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยกำลังถูกละเมิดในรัฐสภาเพราะรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 เพราะความหมายของคำว่าปวงชนคือเสียง 42 ล้านคนที่มีความเท่าเทียมกัน มีเสียงเสมอภาคกันคนละ 1 เสียง ไม่อาจแบ่งแยกกันได้เพราะบังเอิญมีชาติตระกรูลสูงกว่าผู้อื่น มีวุฒิการศึกษาสูงกว่าผู้อื่น หรือมีประสบการณ์มานานกว่าผู้อื่น ทุกคนมี 1 เสียงเท่าเทียมกัน

ความไม่ถูกต้องนี้เห็นชัดจากหลายประเด็น เช่น การมีวุฒิสมาชิกที่มาจากการคัดสรรจากคนเพียง 4-5 คน แต่มีอำนาจเท่าเทียมกับผู้ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ ทั้งยังสามารถออกเสียงได้เท่าเทียมกับผู้ที่มาจากการเลือกตั้งโดยคน 42 ล้านคน นี่ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย คน 4-5 คนมีอำนาจเท่าคน 42,000,000 กว่าคน รวมทั้งการกำหนดให้เลือกตั้งวุฒิสมาชิกจังหวัดละ 1 คน ทั้ง ๆ ที่จังหวัดเล็ก ๆ อย่างระนองมีพลเมืองที่น้อยกว่ากรุงเทพมหานครหลายสิบเท่า แต่กรุงเทพมหานครกับระนองกลับมีวุฒิสมาชิกได้จังหวัดละ 1 คนเท่ากัน ภาษีอากรของคนกรุงเทพมหานครนั้นมีมูลค่าถึง 50% ของรายได้รัฐ แต่กลับมีสิทธิเท่ากับจังหวัดทั่วไปจังหวัดหนึ่งเท่านั้น

หรือองค์กรอิสระทั้งหลายที่ทำหน้าที่กันอยู่ขณะนี้นั้นก็ใช้วิธีการคัดสรรเลือกสรรเข้ามา บางคนบางองค์กรไม่เคยรู้เรื่องการเมือง ไม่เคยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง กลับเข้ามามีส่วนสำคัญในการคัดสรรบุคคลต่าง ๆ เข้ามาทำหน้าที่สำคัญควบคุมดูแลนักการเมืองได้อย่างไร ในขณะที่นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะให้ลงเลือกตั้งบ้างก็เฉไฉอ้างกันไปว่ากลัวการซื้อเสียง ดร.อุกฤษ ได้ยกตัวอย่างข้าราชการระดับอธิบดีคนหนึ่งในกรมการประกันภัย เคยออกระเบียบที่เอกชนแจ้งให้ทราบว่าใช้บังคับไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝัน ข้าราชการผู้นั้นบอกว่าต้องได้ เพราะข้าราชการกำหนดแล้ว ต่อมาออกไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งก็ยอมรับว่าตนเองคิดผิดทำผิด เพราะระเบียบนั้นใช้ไม่ได้จริง ๆ

ดร. อุกฤษ ได้เตือนสติกลุ่มอดีตข้าราชการและบุคคลที่ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ทั้ง คตส. คตง. สตง. ศาลฎีกา ฯลฯ ไว้ว่าหากจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินประการใดเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองต้องรู้จักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยให้ถ่องแท้เสียก่อน ไม่ใช่เหมือนปัจจุบันที่ทำตนเป็นพวกนั่งดูอยู่ริมตลิ่ง ตำหนิปลาต่าง ๆ ที่ว่ายอยู่ว่าใช้ไม่ได้ ไม่มีระเบียบ คอยช้อนปลาที่ตัวเองไม่ชอบไปไว้บ่ออื่น กระทำการตามใจและความรู้สึกของตัวเองโดยไม่สนใจเสียงของประชาชน ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 นั้นถือว่าต้องทำตามหลักนิติธรรม การพิจารณาคดีความต้องรวดเร็ว เที่ยงธรรม ยุติธรรม ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า หากผู้ใดเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกของตน ก็กำหนดไว้ในความคิดของพวกตนเลยว่าทุกคนเป็นคนทุจริตไว้ล่วงหน้าแต่ต้น แล้วอ้างแบบไร้ยางอายว่าทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง ๆ ที่มันขัดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรมสากลอย่างแจ่มชัด และยังต่ออายุให้กับคณะกรรมการกลุ่มนั้นอีกด้วย
(To be continued)
6. เสนอทำประชามติให้ประชาชนเลือกระหว่างรัฐธรรมนูญ 2540 กับ 2550

การที่กลุ่มซึ่งล้มรัฐธรรมนูญ 2540 กระทำไปโดยไม่ได้รับฉันทามติใด ๆ จากประชาชนเลยในการล้มล้าง แล้วนำเอารัฐธรรมนูญ 2550 มาใช้ จนก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่นที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ดร.อุกฤษ เสนอทางเลือกอีกทางหนึ่งแทนการแก้ไขมาตราบางมาตราและก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น นั่นคือการนำเอารัฐธรรมนูญ 2 ฉบับมาเป็นตัวตั้ง แล้วให้ประชาชนเลือกเอาฉบับใดฉบับหนึ่งไปเลยด้วยการลงประชามติ มิฉะนั้น ความขัดแย้งก็จะไม่มีวันจบสิ้น ให้มีการนำเอารัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับมาตีแผ่ในแต่ละมาตราในรายละเอียด ให้เวลาที่เท่าเทียมกันเช่นสามเดือนสำหรับการให้โอกาสในการรณรงค์ชี้แจงความเหมาะสมของรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับโดยผู้สนับสนุนฉบับใดก็ออกไปเคลื่อนไหวชี้แจงรายละเอียดความดีงามเหมาะสมของฉบับนั้นให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่วิธีนำ 309 มาตราที่น้อยคนนักจะได้ทำการศึกษาครบถ้วน เอาไปให้ประชาชนลงมติแล้วก็ลงประชามติยอมรับกันไปเพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว หรือรับเพราะกังวลว่าคณะรัฐประหารจะนำรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ได้มาใช้หรือด้วยการให้คำมั่นว่าจะแก้ไขภายหลัง หรือแม้แต่การใช้อำนาจรัฐกดดันให้ยอมรับอย่างที่กระทำมาในครั้งก่อน

การลงประชามติให้เลือกฉบับใดฉบับหนึ่งนั้นชัดเจนที่จะแสดงความต้องการที่แท้จริงของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยว่าสนับสนุนหลักการใดในการปกครองประเทศ ระหว่างรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญและอำนาจแก่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญและอำนาจแก่กลุ่มอำมาตย์ที่ใช้อำนาจที่มาครองเมืองโดยไม่ได้รับฉันทานุมัติใด ๆ จากประชาชน

จากนั้นก็นำเอาจุดบกพร่องที่พบในรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเลือกมาทำการปรับปรุงแก้ไขด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้น เอาส่วนดีที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับที่ไม่ผ่านการลงประชามติมาปรับเข้ากับฉบับที่ประชาชนลงประชามติให้เลือกใช้ เช่น เรื่องการแสดงทรัพย์สินหนี้สินซึ่งต้องครอบคลุมทุกคนที่เข้ามามีอำนาจไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง หรือราชการอื่นใด ทั้ง นายกรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ประธานศาลฎีกา รัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในทางนโยบาย คณะกรรมการต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นตรวจสอบผู้อื่นก็ต้องแสดงทรัพย์สินด้วยเพื่อเป็น Fair Play ของทุกฝ่าย

การเลือกแก้เป็นบางมาตรานั้นทำให้เกิดความขัดแย้งและวิกฤต แก้ก็แก้ทั้งหมด หรือเลือกฉบับใดฉบับหนึ่งไปเลย เพราะทีละมาตราก็ต้องใช้เวลายาวนาน อาจมีการถ่วงเวลาในการแก้ ถ้าในสภามีการสงวนคำแปรญัตติกันเป็นร้อยมาตราแล้ว คงต้องใช้เวลานานเป็นปีในการแก้ แต่ถ้าแก้ยกฉบับ เพียงสามเดือนก็อาจจะเสร็จสมบูรณ์ได้

ส่วนข้ออ้างเรื่องค่าใช้จ่ายสองพันล้านบาทในการทำประชามติที่นางสดศรี สัตยธรรม นำขึ้นมาอ้างนั้นฟังไม่ขึ้น บริษัทธุรกิจบางแห่งที่มียอดขายเพียงห้าพันล้านบาท ยังพร้อมที่จะใช้เงินสองพันล้านบาทยกเครื่องเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิตทั้งหมด เพราะเมื่อทำแล้วจะทำให้ยอดขายสูงเป็นหมื่นล้านบาท การเสียค่าใช้จ่ายสองพันล้านบาทแลกกับการตัดสินอนาคตของประเทศว่าจะปกครองด้วยรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับนั้นอาจจะถูกเกินไปเสียด้วยซ้ำ เพราะในขณะนี้นั้นประเทศชาติกำลังสูญเสียโอกาสไปแล้วหลายแสนล้านบาทจากการที่รัฐบาลติดอยู่กับปลักตมของรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มาจากประชาชนจนไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างคล่องตัวแม้แต่น้อย ที่สำคัญก็คือต้องนำงบประมาณสองพันล้านบาทนั้นมาอธิบายข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญให้กระจ่างชัด อย่างการชี้ให้ประชาชนได้เห็นชัดเจนว่า ประชาธิปไตยคืออะไร หลักนิติธรรมคืออะไร รัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับที่จะนำมาให้ประชาชนลงมติเลือกนั้น ฉบับไหนมีข้อเสียข้อดีอย่างไร

7. การนำมาให้ประชาชนเลือกระหว่างสองฉบับจะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง

เพราะไม่จำเป็นต้องมาผจญปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์รายมาตราอย่างแก้เป็นมาตรา เช่น ไม่ต้องกล่าวถึงมาตรา 237, 309 เพราะมันจะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องวันแมนวันโหวต เลือกตั้ง 400 คน หรือ 2000 คน ไม่ต้องมาวิพากษ์กันอีกว่าทำไมจังหวัดเล็ก ๆ จึงมีสิทธิมีวุฒิสมาชิกหนึ่งคนเท่ากับจังหวัดที่มีขนาดมหึมากว่า เพราะมันได้ยุติไปแล้วกับรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 หากประชาชนเลือกรัฐธรรมนูญ 2540 และในทางกลับกัน ปัญหาการถกเถียงต่าง ๆ ก็จะยุติลง หากรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นที่ยอมรับของประชาชน การแก้ไขมาตราใดก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องมาโต้แย้งกันอีกว่าที่มานั้นมาจากระบอบเผด็จการ หรือมีการบีบบังคับ และใช้เล่ห์กลในการลงประชามติครั้งแรก เพราะประชาชนตัดสินใจเองที่จะเลือกรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ควรเอาการแก้ทีละมาตรามาตั้งเป็นสมมติฐานขั้นต้น เพราะก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์โดยการไม่ยอมกัน
(To be continued)
8. ภาคการเมืองของประชาชนที่กล่าวอ้างกันนั้นกระทำกันถูกต้องหรือ ขอตรวจสอบนักการเมืองแต่พวกตัวเองแสดงรับผิดชอบต่อสังคมเหมือนนักการเมืองหรือเปล่า

พึงเข้าใจว่าการที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องล่มลงเพราะการรัฐประหารนั้นมาจากกลุ่มการเมืองที่เรียกตัวเองว่าภาคประชาชน แต่ทำไมกลุ่มเหล่านี้ไม่เข้ามาทำการเมืองในระบบ มีการเลือกตั้งทุกระดับชั้นในสังคมไทยวันนี้ อบจ. อบต. เทศบาล ฯลฯ แล้วทำไมกลุ่มการเมืองที่อ้างตนว่าเป็นภาคประชาชนจึงไม่ยอมเข้ามาสู่การเมืองตามระบบและกระบวนการที่ถูกต้อง หากการเมืองภาคประชาชนจะดำเนินต่อไป ก็ต้องมีภาคทหารของรัฐ ภาคทหารของประชาชน ภาคตุลาการของรัฐตามรัฐธรรมนูญ ภาคตุลาการของประชาชนฯลฯ ด้วยสิ จึงจะเป็นธรรม และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้ว ก็แน่นอนว่าวิกฤตความแตกแยกในประเทศชาติจะยิ่งขยายตัวกว้างขวางต่อไปอีก การเที่ยวไปตรวจสอบฝ่ายการเมืองในภาคต่าง ๆ ของกลุ่มที่อ้างว่าเป็นภาคการเมืองของประชาชนนั้นถูกต้องแล้วหรือ มีอำนาจอะไร เอามาจากไหน ถ้าต้องการตรวจสอบภาคการเมืองแล้ว ภาคประชาชนที่กล่าวอ้างกันนั้นก็ต้องกระทำตนเท่าเทียมกับภาคนักการเมือง ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน ของตัวเองก่อนไปตรวจสอบผู้อื่น เพราะนักการเมืองเขาต้องเปิดเผยและเขาพร้อมที่จะทำเช่นนั้นตามระบบ

9. การกล่าวอ้างว่าหากยกเลิกมาตรา 237 และ 309 เป็นการช่วยเหลือกลุ่มนักการเมืองที่ถูกลงโทษนั้น ขอถามว่าใครเป็นคนลงโทษเขา คนพวกนี้มาจากไหน มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหารใช่ไหม ออกไปแล้ว หมดอำนาจแล้วเพราะประชาชนยังยืนยันที่จะสนับสนุนกลุ่มเดียวกับที่ถูกลงโทษ แล้วทำไมจึงยังต้องทำตามสิ่งที่เกิดมาจากกลุ่มคณะรัฐประหารกันอยู่อีก

คนที่มาไล่คนที่ประชาชนเลือกตั้งมานั้นมาจากไหน เคยทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมืองสักนิดบ้างไหม ทำไมมาถือสิทธิแทนประชาชน ตัวเองมาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือเปล่า เที่ยวไปกล่าวหานักการเมืองว่าเลวร้าย เคยกล่าวหาสภาสองสภาว่าเป็นสภาผัวเมีย ตอนนี้ผัวไม่ได้เป็น รมต.เมียก็ยังเป็น รมต.ได้ ถ้ายุบพรรคเขาอีก ลูกเขาก็มาเป็น รมต.ได้ ยุบพรรคนี้เขาก็ไปเข้าพรรคอื่นทำอะไรได้หรือ ควรยอมรับว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับพวกตนได้แล้ว ให้ใบเหลืองผู้สมัครพรรคเขาไป 4-5 คนแล้วได้ผลอะไร เขาลงสมัครรับเลือกตั้งก็ได้กลับมาอีก คะแนนท่วมท้นกว่าครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ การให้ใบแดงก็เหมือนกัน มีการให้ข้อสังเกต ให้สันนิษฐานไว้ว่าคนที่จะได้ใบแดงมันเป็นส่วนที่มีการกระทำขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อยากทราบว่าการกระทำของคนคนเดียวนี้มันมีสาระสำคัญขนาดไหน กระทบกระเทือนอย่างมากต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ การกระทำของคนไม่กี่คน ไม่ใช่มติพรรคเสียด้วยซ้ำ กลับไปยุบพรรคการเมืองทั้งพรรค นี่คือการกำหนดที่ขัดต่อหลักนิติธรรม หลักนิติศาสตร์นี่ใช้ไม่ได้เลย สันนิษฐานหรือควรเชื่อได้ว่าเท่านั้นก็ยุบพรรค

10. จะใช้วิธีใดเพื่อนำระบอบประชาธิปไตยคืนมาสู่ประเทศไทยและต่อต้านการรัฐประหาร

นำหลักการของประเทศที่เคยล้มลุกคลุกคลานที่อื่นมาใช้ ประเทศไทยล้มลุกคลุกคลานมาตลอดก่อนการใช้รัฐธรรมนูญ 2540 เนื่องจากปัญหาสารพัดทั้งภัยนอกประเทศ ภัยคอมมิวนิสต์ ในตอนนั้นอาจจะพอยอมรับได้ แต่ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ประชาคมโลกไม่ยอมรับประชาธิปไตยนอกแบบอย่างนั้นอีกแล้ว ประชาธิปไตยแบบจารีตประเพณีไทยที่อ้างกันนั้นเขาไม่รับกันอีกแล้ว หากนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้แล้วกลัวว่าพรรคใดจะได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดแล้วมาทำการรัฐประหารกันอีก ก็ลองทำกันดู ในฝรั่งเศสเมื่อปี 2503 จอมพล ราอูล ซารอง คุมทหาร 1 ล้านคนในแอลจีเรีย ประกาศรัฐประหารให้รัฐบาลนายพลเดอโกลลาออกจากประธานาธิบดี นายพลเดอโกล ไม่ได้ใช้กำลังทหารปราบปรามการรัฐประหารครั้งนั้นเลย ใช้การออกวิทยุทุก ๆ 15 นาทีว่า นี่เป็นการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยทำความเสียหายให้ประเทศชาติ ถ้าเอาเครื่องบินขนทหารมาลงที่สนามบิน ประชาชนก็ให้ไปนอนขวางสนามบินไว้ แล้วออกมาตามท้องถนน ไม่ให้กองทหารเข้ามาได้ ให้ต่อต้านและไม่คบค้าสมาคมกับทหารพวกนี้รวมทั้งครอบครัวที่อยู่ในฝรั่งเศสด้วย หากคนไทยทำอย่างนี้ได้ ก็ไม่มีใครกล้าทำรัฐประหาร"
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #20 เมื่อ: 28-05-2008, 14:06 »

การชุมนุมเกิดความเสียหายบ้าง

แต่ก็ไม่มากเท่ารัฐบวยหัวคานนี่ครองอำนาจอยู่

ข้าวของแพงขึ้นทุกอย่าง ข้าวแพงขึ้นถึงถุงละ40บาท แต่ข้าวเปลือกขายไม่ได้ราคา ชาวนาถูกกดราคาข้าว

น้ำตาลแพงขึ้นโลละ5บาททั้งที่ปิดโรงหีบอ้อยไปแล้ว เกษตรกรไร่อ้อยไม่ได้ผลประโยชน์จากการขึ้นราคาแม้แต่น้อย แต่ผู้ส่งออกน้ำตาลและเจ้าของโรงงานน้ำตาลได้กำไรไปเต็มๆเหมือนมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่

 ทำให้ราคาสินค้าอีกหลายอย่างต้องทะยานตัวขึ้นไปด้วย

น้ำมันแพง เบนซิน95ขึ้นไปเกือบลิตรละ40บาท ดีเซล38บาท แต่ปีนี้ไตรมาศเดียว ปตท.กำไรมหาศาลเป็นหลักแสนล้านบาท


สวนทางกับสิ่งที่พปช.เคยหาเสียงเอาไว้ว่าประชาชนจะลดรายจ่าย อยู่ดีกินดี


ต้องถือว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลวในการบริหารประเทศอย่างสิ้นเชิง

และที่รับไม่ได้อย่างที่สุดก็คือการพยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับ50เพื่อล้มล้างความผิดกรณียุบพรรค และล้มล้างความผิดให้กับทักษิณในคดีความผิดทางอาญาขณะที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พยายามยุบคตส. ปปช. เป็นการกระทำชั่วร้ายที่พยายามทำเพื่อคนไม่กี่คน

มันจึงเป็นสาเหตุที่ขณะนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งอดรนทนไม่ไหวจึงต้องออกมาขับไล่รัฐบาลลูกกรอกทุนนิยมสามานย์ นี่ไงครับ


ดีเซล 40 บาทแล้วค้าบบบบ
ไอ้รัดถะบวยหัวคานของไอ้สมีหน้าหักมันเจ๋งจริง ๆ


ถึงไอ้เอกจ๊ะ...
มึงจะตัดแปะ เที่ยวโพสซ้ำ ๆ ไว้แทบทุกกระทู้ ทำไมวะ  ไอ้พยาธิในตูดกะหรี่ ?
ไม่มีใครเขาอ่านข้อความยาว ๆ ประเภทโพสกันเองอ้างอิงกันเองของพวกมึงหรอก
เก็บเอากลับไปยัดใส่xีแม่มึงเหอะ...ไป๊
บันทึกการเข้า

]-[OLY]-[E@RT
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 27


Thaksinland is imagine of evil politician servant


« ตอบ #21 เมื่อ: 28-05-2008, 14:10 »


ดีเซล 40 บาทแล้วค้าบบบบ
ไอ้รัดถะบวยหัวคานของไอ้สมีหน้าหักมันเจ๋งจริง ๆ


ถึงไอ้เอกจ๊ะ...
มึงจะตัดแปะ เที่ยวโพสซ้ำ ๆ ไว้แทบทุกกระทู้ ทำไมวะ  ไอ้พยาธิในตูดกะหรี่ ?
ไม่มีใครเขาอ่านข้อความยาว ๆ ประเภทโพสกันเองอ้างอิงกันเองของพวกมึงหรอก
เก็บเอากลับไปยัดใส่xีแม่มึงเหอะ...ไป๊

ชอบศิลปะแห่งการพูดของท่านปู่เย็นจริงๆได้ใจมากๆ ผมชอบ
บันทึกการเข้า


ขอเชิญเพื่อนๆทั้งหลายที่สู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกันไปเยี่ยมเว็บไซต์www.uthaisak.netและสามารถรับชมASTVได้ที่เว็บนี้
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #22 เมื่อ: 28-05-2008, 14:19 »

ชอบศิลปะแห่งการพูดของท่านปู่เย็นจริงๆได้ใจมากๆ ผมชอบ


TLE ขอขอบคุณทุกท่านที่ใช้ภาษาหยาบคายสื่อสารน๊ะคร้า...เพราะมันทำให้ TLE กลายเป็นเทพ ยังไงยังงั้นเลยอ่ะ  ชีอบ ชอบ
บันทึกการเข้า
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #23 เมื่อ: 28-05-2008, 14:26 »

*  แก่จนจะลงโลงแล้ว .....  ยังโทษโน่น  โทษนี่  ไปเรื่อยนะลุงหมัก

    พันธมิตร.... เริ่มประท้วงวันนี้เป็นวันที่  4  เอง  >  ส่วนรัฐบาลรับจ้างน่ะ .... ทำงานมากี่เดือนแล้ว  หืออออ

    ทุเรศ .............. ไม่มีผลงานอะไร   ไร้ความสามารถในการบริหารงาน

    วัน ๆ ดีแต่ซ้ายหัน - ขวาหัน  ไปตามที่ไอ้  แม้ว   มันบงการ    โธ่  !!!  พวก ขี้ข้า เอ๊ยยยยย

    พอมีจังหวะก็โทษอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน  แบบนี้เค๊าเรียกว่า   "  รำไม่ดี    โทษปี่โทษกลอง  "  นี่

    ที่พันธมิตรเค๊าออกมาประท้วง  ..... เค๊ากะจะไล่รัฐบาลรับจ้างออกไปยกเซ็ทเลยลุง

    เพราะ  ความห่วยในการทำงานของก๊วนลุงนะแหล่ะ  ........  ( มันทำอยู่เรื่องเดียว คือ ตรูจะแก้  รธน. )

    อ่อ .....  ว่าง ๆ ก่อนที่จะปากไวแบบนี้  ลุงหมัก  น่าจะ  ตักน้ำใส่กะลา  แล้วชะโงกดูเงาหัวตัวเองมั่งนะ

    คนเค๊าเบื่อ  ......  และ  ทนดูความทุเรศของ  รัฐบาล  ที่บริหารงานโดย  นายกรับจ้าง  กันไม่ไหวแล้ว

    .............................  หัด    สำเหนียก   ซะมั่ง  !!!
บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #24 เมื่อ: 28-05-2008, 14:32 »

ถ้าเมื่อไหร่พยาธิในตูดกะหรี่อย่างเอกจ๊ะเรียกตัวเองว่าเทพ
เมื่อนั้นก็ต้องเรียกนังกะหรี่แม่ของเอกจ๊ะเสียใหม่ว่า่เป็นอี็ดอกทอง
เพื่อเป็นการทำให้ไพเราะเพราะพริ้งขึ้นอย่างเหมาะสมกัน


 
บันทึกการเข้า

คนบ้า
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 68


เยี่ยวไม่สุดเสียที


« ตอบ #25 เมื่อ: 28-05-2008, 18:00 »


TLE ขอขอบคุณทุกท่านที่ใช้ภาษาหยาบคายสื่อสารน๊ะคร้า...เพราะมันทำให้ TLE กลายเป็นเทพ ยังไงยังงั้นเลยอ่ะ  ชีอบ ชอบ

ผมชอบดูคุณพูดนะเคิ้บ  เขียนเยอะๆ นะเคริ้บ
อ่านแล้วปวดเบาดี  คุณเขียนเยอะขนาดนี้ระวังหลั่งจนหมดแรงนะเคริ้บ

ใกล้จะไปวิ้ววิ่ววๆๆแล้วก็เร่งเขียนเข้าซีเคริ้บ
บันทึกการเข้า

อั้นอยู่นั่นแหละ  อักเสบหมดแล้ว 
ไม่ได้เรื่อง
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #26 เมื่อ: 29-05-2008, 00:00 »

"ทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ 2550

บทสรุปเนื้อหาคำพูดของ ศ. ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
อดีตประธานรัฐสภา อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในฐานะนักวิชาการผู้เป็นกลาง ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย

จากรายการ กรองสถานการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT
วันที่ 17 เมษายน 2551

1. รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 แย่งชิงอำนาจการปกครองที่แท้จริงไปจากประชาชน

รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 นี้สร้างขึ้นมาโดยดูถูกประชาชน แบ่งประชาชนเป็นชนชั้นสูง กับชนชั้นล่างธรรมดา ต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ตั้งสมมติฐานการร่างขึ้นมาด้วยความรังเกียจนักการเมือง ว่าเป็นคนที่ควรกำจัดไปให้หมด โดยลืมไปว่า รัชกาลที่ 7 ไม่ได้พระราชทานอำนาจการปกครองให้แก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ แต่พระราชทานให้แก่ประชาชน ประชาชนธรรมดา ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในประเทศไทยมีกว่า 42 ล้านคน แต่ให้อำนาจในการยุบ ไม่ยุบ ผิด ไม่ผิด ให้กับคนเพียง 4-5 คนที่รับอำนาจมาจากคณะรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือคณะตุลาการอะไรก็ตาม

2. การลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ใช่เจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน

มีความพยายามอ้างว่ามีประชาชนลงมติเห็นด้วยถึง 14 ล้านเสียง และไม่เห็นด้วย 10 ล้านเสียง ทั้ง ๆ ที่ประชาชนผู้มีสิทธิมีมากกว่า 42 ล้านคน จำนวนที่มาลงประชามติมีเพียงประมาณ 30% ของผู้มีสิทธิเท่านั้น โดยก่อนหน้านั้นและแม้ในขณะที่ลงประชามติ ก็มีการกล่าวอ้างว่า ให้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อน มิฉะนั้น คณะรัฐประหารจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาปรับใช้บังคับปกครองประเทศ หรือให้รับ ๆ ร่างไปก่อน อะไรไม่ดีให้แก้ไขทีหลังได้ และผลักดันให้รับโดยอ้างว่าจะได้มีการเลือกตั้งเสียที จึงอนุมานได้ว่า ในจำนวน 14 ล้านเสียงที่รับนั้น เข้าใจว่า 50% จำใจยอมรับรัฐธรรมนูญ 2550 นอกจากนี้ ยังมีการใช้อำนาจรัฐออกไปมัดมือมัดเท้า ปิดปาก ปิดขมับ ให้ข้อมูลด้านเดียว ส่งคนไปคุมการลงคะแนน ในฐานะที่ตัว ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เอง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่เคยเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใด ไม่เห็นด้วยที่จะมาอ้างการลงประชามติครั้งนั้นเมื่อจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจากจะเป็นตัวก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบ้านเมือง และไม่เห็นด้วยว่าควรแก้เฉพาะมาตรา 237 และ 309 แม้จะทำได้ก็ไม่ควรทำ เพราะพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็ไปหาเสียงไว้แล้วว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงควรแก้ทั้งฉบับ

3. รัฐธรรมนูญ 2540 พิสูจน์แล้วว่าสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้กับประเทศไทย

รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ทำให้การเมืองเข้มแข็ง รัฐบาลสามารถอยู่ได้จนครบวาระเป็นครั้งแรกในประเทศไทยของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 เท่านั้น จึงจะเป็นหัวใจสำคัญในการนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ ความเข้มแข็งทางการเมืองจะทำให้ประเทศชาติก้าวหน้า สิงคโปร์มีคนเพียง 4 ล้านคน แต่เจริญก้าวหน้ากว่าประเทศไทยที่มีคนถึง 64 ล้านคนก็เพราะความเข้มแข็งของการเมืองการปกครอง ประเทศมาเลเซียนั้น อำนาจการบริหารการปกครองมีความต่อเนื่อง เขายอมรับกติกา แม้บางอย่างจะดูเป็นค่อนข้างกึ่งเผด็จการ เขาจึงพัฒนารุดหน้าได้ ในขณะที่ประเทศไทยยังถอยหน้าถอยหลัง เพราะใครเก่งขึ้นมาก็ต้องฟันมันให้บรรลัย เพราะคนไทยนั้นเป็นคน ขี้อิจฉา ขี้นินทา ขี้หาเรื่อง ขี้เบื่อ ขี้ลืม ปัญหาจึงอยู่ที่ตัวคนไทยเราเอง
(To be continued)
4. รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ขัดต่อหลักทั้งนิติรัฐและนิติธรรม

ทั้ง ๆ ที่มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 กำหนดว่า องค์กรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ครม. สภา ศาล องค์กรอะไรต่าง ๆ ต้องดำเนินการตามหลักนิติธรรม แต่พอมาถึงมาตรา 309 กลับประกาศนิรโทษกรรมแบบเซ็นเช็คล่วงหน้าไว้เลยว่า การกระทำใด ๆ ของพวกคณะรัฐประหารที่ร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมา ถือว่าไม่มีความผิด ทั้งอดีต ปัจจบัน และอนาคต การบัญญัติเช่นนี้เป็นเรื่องวิปลาส และไม่เคยมีปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใด การกล่าวอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 ว่าบัญญัติไว้นั้นก็อ้างไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 จะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ไม่ถูกต้องที่จะยกเว้นโทษให้คณะรัฐประหารทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมไปถึงองค์กรที่ตั้งขึ้นมาโดยคณะรัฐประหารด้วย เคยมีนายทหารระดับสูงมาปรึกษา ดร.อุกฤษ ว่าควรกำหนดไว้เช่นนี้หรือไม่ ซึ่งท่านบอกว่าไม่ควร เพราะความเลวร้ายนี้จะติดตัวผู้ร่างและเป็นรอยด่างครั้งสำคัญของระบบกฎหมายไทย การที่คนจะบอกว่าใครทำผิดหรือไม่ผิดนั้น ต้องให้องค์กรอื่นเป็นผู้บอก ไม่ใช่ตัวเองทำผิดแล้วโมเมว่าตัวเองไม่ผิด ลูกน้องของตัวเองก็ไม่ผิด ต่อไปพวกตนเองทำอะไรในวันข้างหน้าก็ถือว่าไม่ผิดด้วย นี่ขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างชัดเจน ถือเป็นหลักนิติธรรมเถื่อน ไม่ใช่หลักนิติธรรมสากล

ดร.อุกฤษ ยังสื่อความเห็นไปยังนักกฎหมายและนักรัฐศาสตร์ทุกคนด้วยว่า หากจะใช้หลักนิติธรรม ต้องเป็นหลักนิติธรรมสากล จะใช้หลักประชาธิปไตย ก็ต้องเป็นหลักการประชาธิปไตยที่สากลโลกยอมรับเท่านั้น นั่นคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ยุติการผลักดันเฉพาะหลักประชาธิปไตยแบบที่ตนต้องการเท่านั้น อำนาจอธิปไตยของประชาชนเช่นนี้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ กำหนดไว้อย่างชัดเจนมาตลอดว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย

5. รัฐสภาวันนี้ยังไม่ใช่รัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

หลักการที่ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยกำลังถูกละเมิดในรัฐสภาเพราะรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 เพราะความหมายของคำว่าปวงชนคือเสียง 42 ล้านคนที่มีความเท่าเทียมกัน มีเสียงเสมอภาคกันคนละ 1 เสียง ไม่อาจแบ่งแยกกันได้เพราะบังเอิญมีชาติตระกรูลสูงกว่าผู้อื่น มีวุฒิการศึกษาสูงกว่าผู้อื่น หรือมีประสบการณ์มานานกว่าผู้อื่น ทุกคนมี 1 เสียงเท่าเทียมกัน

ความไม่ถูกต้องนี้เห็นชัดจากหลายประเด็น เช่น การมีวุฒิสมาชิกที่มาจากการคัดสรรจากคนเพียง 4-5 คน แต่มีอำนาจเท่าเทียมกับผู้ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ ทั้งยังสามารถออกเสียงได้เท่าเทียมกับผู้ที่มาจากการเลือกตั้งโดยคน 42 ล้านคน นี่ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย คน 4-5 คนมีอำนาจเท่าคน 42,000,000 กว่าคน รวมทั้งการกำหนดให้เลือกตั้งวุฒิสมาชิกจังหวัดละ 1 คน ทั้ง ๆ ที่จังหวัดเล็ก ๆ อย่างระนองมีพลเมืองที่น้อยกว่ากรุงเทพมหานครหลายสิบเท่า แต่กรุงเทพมหานครกับระนองกลับมีวุฒิสมาชิกได้จังหวัดละ 1 คนเท่ากัน ภาษีอากรของคนกรุงเทพมหานครนั้นมีมูลค่าถึง 50% ของรายได้รัฐ แต่กลับมีสิทธิเท่ากับจังหวัดทั่วไปจังหวัดหนึ่งเท่านั้น

หรือองค์กรอิสระทั้งหลายที่ทำหน้าที่กันอยู่ขณะนี้นั้นก็ใช้วิธีการคัดสรรเลือกสรรเข้ามา บางคนบางองค์กรไม่เคยรู้เรื่องการเมือง ไม่เคยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง กลับเข้ามามีส่วนสำคัญในการคัดสรรบุคคลต่าง ๆ เข้ามาทำหน้าที่สำคัญควบคุมดูแลนักการเมืองได้อย่างไร ในขณะที่นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะให้ลงเลือกตั้งบ้างก็เฉไฉอ้างกันไปว่ากลัวการซื้อเสียง ดร.อุกฤษ ได้ยกตัวอย่างข้าราชการระดับอธิบดีคนหนึ่งในกรมการประกันภัย เคยออกระเบียบที่เอกชนแจ้งให้ทราบว่าใช้บังคับไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝัน ข้าราชการผู้นั้นบอกว่าต้องได้ เพราะข้าราชการกำหนดแล้ว ต่อมาออกไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งก็ยอมรับว่าตนเองคิดผิดทำผิด เพราะระเบียบนั้นใช้ไม่ได้จริง ๆ

ดร. อุกฤษ ได้เตือนสติกลุ่มอดีตข้าราชการและบุคคลที่ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ทั้ง คตส. คตง. สตง. ศาลฎีกา ฯลฯ ไว้ว่าหากจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินประการใดเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองต้องรู้จักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยให้ถ่องแท้เสียก่อน ไม่ใช่เหมือนปัจจุบันที่ทำตนเป็นพวกนั่งดูอยู่ริมตลิ่ง ตำหนิปลาต่าง ๆ ที่ว่ายอยู่ว่าใช้ไม่ได้ ไม่มีระเบียบ คอยช้อนปลาที่ตัวเองไม่ชอบไปไว้บ่ออื่น กระทำการตามใจและความรู้สึกของตัวเองโดยไม่สนใจเสียงของประชาชน ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 นั้นถือว่าต้องทำตามหลักนิติธรรม การพิจารณาคดีความต้องรวดเร็ว เที่ยงธรรม ยุติธรรม ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า หากผู้ใดเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกของตน ก็กำหนดไว้ในความคิดของพวกตนเลยว่าทุกคนเป็นคนทุจริตไว้ล่วงหน้าแต่ต้น แล้วอ้างแบบไร้ยางอายว่าทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง ๆ ที่มันขัดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรมสากลอย่างแจ่มชัด และยังต่ออายุให้กับคณะกรรมการกลุ่มนั้นอีกด้วย
(To be continued)
6. เสนอทำประชามติให้ประชาชนเลือกระหว่างรัฐธรรมนูญ 2540 กับ 2550

การที่กลุ่มซึ่งล้มรัฐธรรมนูญ 2540 กระทำไปโดยไม่ได้รับฉันทามติใด ๆ จากประชาชนเลยในการล้มล้าง แล้วนำเอารัฐธรรมนูญ 2550 มาใช้ จนก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่นที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ดร.อุกฤษ เสนอทางเลือกอีกทางหนึ่งแทนการแก้ไขมาตราบางมาตราและก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น นั่นคือการนำเอารัฐธรรมนูญ 2 ฉบับมาเป็นตัวตั้ง แล้วให้ประชาชนเลือกเอาฉบับใดฉบับหนึ่งไปเลยด้วยการลงประชามติ มิฉะนั้น ความขัดแย้งก็จะไม่มีวันจบสิ้น ให้มีการนำเอารัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับมาตีแผ่ในแต่ละมาตราในรายละเอียด ให้เวลาที่เท่าเทียมกันเช่นสามเดือนสำหรับการให้โอกาสในการรณรงค์ชี้แจงความเหมาะสมของรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับโดยผู้สนับสนุนฉบับใดก็ออกไปเคลื่อนไหวชี้แจงรายละเอียดความดีงามเหมาะสมของฉบับนั้นให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่วิธีนำ 309 มาตราที่น้อยคนนักจะได้ทำการศึกษาครบถ้วน เอาไปให้ประชาชนลงมติแล้วก็ลงประชามติยอมรับกันไปเพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว หรือรับเพราะกังวลว่าคณะรัฐประหารจะนำรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ได้มาใช้หรือด้วยการให้คำมั่นว่าจะแก้ไขภายหลัง หรือแม้แต่การใช้อำนาจรัฐกดดันให้ยอมรับอย่างที่กระทำมาในครั้งก่อน

การลงประชามติให้เลือกฉบับใดฉบับหนึ่งนั้นชัดเจนที่จะแสดงความต้องการที่แท้จริงของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยว่าสนับสนุนหลักการใดในการปกครองประเทศ ระหว่างรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญและอำนาจแก่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญและอำนาจแก่กลุ่มอำมาตย์ที่ใช้อำนาจที่มาครองเมืองโดยไม่ได้รับฉันทานุมัติใด ๆ จากประชาชน

จากนั้นก็นำเอาจุดบกพร่องที่พบในรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเลือกมาทำการปรับปรุงแก้ไขด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้น เอาส่วนดีที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับที่ไม่ผ่านการลงประชามติมาปรับเข้ากับฉบับที่ประชาชนลงประชามติให้เลือกใช้ เช่น เรื่องการแสดงทรัพย์สินหนี้สินซึ่งต้องครอบคลุมทุกคนที่เข้ามามีอำนาจไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง หรือราชการอื่นใด ทั้ง นายกรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ประธานศาลฎีกา รัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในทางนโยบาย คณะกรรมการต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นตรวจสอบผู้อื่นก็ต้องแสดงทรัพย์สินด้วยเพื่อเป็น Fair Play ของทุกฝ่าย

การเลือกแก้เป็นบางมาตรานั้นทำให้เกิดความขัดแย้งและวิกฤต แก้ก็แก้ทั้งหมด หรือเลือกฉบับใดฉบับหนึ่งไปเลย เพราะทีละมาตราก็ต้องใช้เวลายาวนาน อาจมีการถ่วงเวลาในการแก้ ถ้าในสภามีการสงวนคำแปรญัตติกันเป็นร้อยมาตราแล้ว คงต้องใช้เวลานานเป็นปีในการแก้ แต่ถ้าแก้ยกฉบับ เพียงสามเดือนก็อาจจะเสร็จสมบูรณ์ได้

ส่วนข้ออ้างเรื่องค่าใช้จ่ายสองพันล้านบาทในการทำประชามติที่นางสดศรี สัตยธรรม นำขึ้นมาอ้างนั้นฟังไม่ขึ้น บริษัทธุรกิจบางแห่งที่มียอดขายเพียงห้าพันล้านบาท ยังพร้อมที่จะใช้เงินสองพันล้านบาทยกเครื่องเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิตทั้งหมด เพราะเมื่อทำแล้วจะทำให้ยอดขายสูงเป็นหมื่นล้านบาท การเสียค่าใช้จ่ายสองพันล้านบาทแลกกับการตัดสินอนาคตของประเทศว่าจะปกครองด้วยรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับนั้นอาจจะถูกเกินไปเสียด้วยซ้ำ เพราะในขณะนี้นั้นประเทศชาติกำลังสูญเสียโอกาสไปแล้วหลายแสนล้านบาทจากการที่รัฐบาลติดอยู่กับปลักตมของรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มาจากประชาชนจนไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างคล่องตัวแม้แต่น้อย ที่สำคัญก็คือต้องนำงบประมาณสองพันล้านบาทนั้นมาอธิบายข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญให้กระจ่างชัด อย่างการชี้ให้ประชาชนได้เห็นชัดเจนว่า ประชาธิปไตยคืออะไร หลักนิติธรรมคืออะไร รัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับที่จะนำมาให้ประชาชนลงมติเลือกนั้น ฉบับไหนมีข้อเสียข้อดีอย่างไร

7. การนำมาให้ประชาชนเลือกระหว่างสองฉบับจะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง

เพราะไม่จำเป็นต้องมาผจญปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์รายมาตราอย่างแก้เป็นมาตรา เช่น ไม่ต้องกล่าวถึงมาตรา 237, 309 เพราะมันจะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องวันแมนวันโหวต เลือกตั้ง 400 คน หรือ 2000 คน ไม่ต้องมาวิพากษ์กันอีกว่าทำไมจังหวัดเล็ก ๆ จึงมีสิทธิมีวุฒิสมาชิกหนึ่งคนเท่ากับจังหวัดที่มีขนาดมหึมากว่า เพราะมันได้ยุติไปแล้วกับรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 หากประชาชนเลือกรัฐธรรมนูญ 2540 และในทางกลับกัน ปัญหาการถกเถียงต่าง ๆ ก็จะยุติลง หากรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นที่ยอมรับของประชาชน การแก้ไขมาตราใดก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องมาโต้แย้งกันอีกว่าที่มานั้นมาจากระบอบเผด็จการ หรือมีการบีบบังคับ และใช้เล่ห์กลในการลงประชามติครั้งแรก เพราะประชาชนตัดสินใจเองที่จะเลือกรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ควรเอาการแก้ทีละมาตรามาตั้งเป็นสมมติฐานขั้นต้น เพราะก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์โดยการไม่ยอมกัน
(To be continued)
8. ภาคการเมืองของประชาชนที่กล่าวอ้างกันนั้นกระทำกันถูกต้องหรือ ขอตรวจสอบนักการเมืองแต่พวกตัวเองแสดงรับผิดชอบต่อสังคมเหมือนนักการเมืองหรือเปล่า

พึงเข้าใจว่าการที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องล่มลงเพราะการรัฐประหารนั้นมาจากกลุ่มการเมืองที่เรียกตัวเองว่าภาคประชาชน แต่ทำไมกลุ่มเหล่านี้ไม่เข้ามาทำการเมืองในระบบ มีการเลือกตั้งทุกระดับชั้นในสังคมไทยวันนี้ อบจ. อบต. เทศบาล ฯลฯ แล้วทำไมกลุ่มการเมืองที่อ้างตนว่าเป็นภาคประชาชนจึงไม่ยอมเข้ามาสู่การเมืองตามระบบและกระบวนการที่ถูกต้อง หากการเมืองภาคประชาชนจะดำเนินต่อไป ก็ต้องมีภาคทหารของรัฐ ภาคทหารของประชาชน ภาคตุลาการของรัฐตามรัฐธรรมนูญ ภาคตุลาการของประชาชนฯลฯ ด้วยสิ จึงจะเป็นธรรม และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้ว ก็แน่นอนว่าวิกฤตความแตกแยกในประเทศชาติจะยิ่งขยายตัวกว้างขวางต่อไปอีก การเที่ยวไปตรวจสอบฝ่ายการเมืองในภาคต่าง ๆ ของกลุ่มที่อ้างว่าเป็นภาคการเมืองของประชาชนนั้นถูกต้องแล้วหรือ มีอำนาจอะไร เอามาจากไหน ถ้าต้องการตรวจสอบภาคการเมืองแล้ว ภาคประชาชนที่กล่าวอ้างกันนั้นก็ต้องกระทำตนเท่าเทียมกับภาคนักการเมือง ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน ของตัวเองก่อนไปตรวจสอบผู้อื่น เพราะนักการเมืองเขาต้องเปิดเผยและเขาพร้อมที่จะทำเช่นนั้นตามระบบ

9. การกล่าวอ้างว่าหากยกเลิกมาตรา 237 และ 309 เป็นการช่วยเหลือกลุ่มนักการเมืองที่ถูกลงโทษนั้น ขอถามว่าใครเป็นคนลงโทษเขา คนพวกนี้มาจากไหน มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหารใช่ไหม ออกไปแล้ว หมดอำนาจแล้วเพราะประชาชนยังยืนยันที่จะสนับสนุนกลุ่มเดียวกับที่ถูกลงโทษ แล้วทำไมจึงยังต้องทำตามสิ่งที่เกิดมาจากกลุ่มคณะรัฐประหารกันอยู่อีก

คนที่มาไล่คนที่ประชาชนเลือกตั้งมานั้นมาจากไหน เคยทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมืองสักนิดบ้างไหม ทำไมมาถือสิทธิแทนประชาชน ตัวเองมาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือเปล่า เที่ยวไปกล่าวหานักการเมืองว่าเลวร้าย เคยกล่าวหาสภาสองสภาว่าเป็นสภาผัวเมีย ตอนนี้ผัวไม่ได้เป็น รมต.เมียก็ยังเป็น รมต.ได้ ถ้ายุบพรรคเขาอีก ลูกเขาก็มาเป็น รมต.ได้ ยุบพรรคนี้เขาก็ไปเข้าพรรคอื่นทำอะไรได้หรือ ควรยอมรับว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับพวกตนได้แล้ว ให้ใบเหลืองผู้สมัครพรรคเขาไป 4-5 คนแล้วได้ผลอะไร เขาลงสมัครรับเลือกตั้งก็ได้กลับมาอีก คะแนนท่วมท้นกว่าครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ การให้ใบแดงก็เหมือนกัน มีการให้ข้อสังเกต ให้สันนิษฐานไว้ว่าคนที่จะได้ใบแดงมันเป็นส่วนที่มีการกระทำขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อยากทราบว่าการกระทำของคนคนเดียวนี้มันมีสาระสำคัญขนาดไหน กระทบกระเทือนอย่างมากต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ การกระทำของคนไม่กี่คน ไม่ใช่มติพรรคเสียด้วยซ้ำ กลับไปยุบพรรคการเมืองทั้งพรรค นี่คือการกำหนดที่ขัดต่อหลักนิติธรรม หลักนิติศาสตร์นี่ใช้ไม่ได้เลย สันนิษฐานหรือควรเชื่อได้ว่าเท่านั้นก็ยุบพรรค

10. จะใช้วิธีใดเพื่อนำระบอบประชาธิปไตยคืนมาสู่ประเทศไทยและต่อต้านการรัฐประหาร

นำหลักการของประเทศที่เคยล้มลุกคลุกคลานที่อื่นมาใช้ ประเทศไทยล้มลุกคลุกคลานมาตลอดก่อนการใช้รัฐธรรมนูญ 2540 เนื่องจากปัญหาสารพัดทั้งภัยนอกประเทศ ภัยคอมมิวนิสต์ ในตอนนั้นอาจจะพอยอมรับได้ แต่ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ประชาคมโลกไม่ยอมรับประชาธิปไตยนอกแบบอย่างนั้นอีกแล้ว ประชาธิปไตยแบบจารีตประเพณีไทยที่อ้างกันนั้นเขาไม่รับกันอีกแล้ว หากนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้แล้วกลัวว่าพรรคใดจะได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดแล้วมาทำการรัฐประหารกันอีก ก็ลองทำกันดู ในฝรั่งเศสเมื่อปี 2503 จอมพล ราอูล ซารอง คุมทหาร 1 ล้านคนในแอลจีเรีย ประกาศรัฐประหารให้รัฐบาลนายพลเดอโกลลาออกจากประธานาธิบดี นายพลเดอโกล ไม่ได้ใช้กำลังทหารปราบปรามการรัฐประหารครั้งนั้นเลย ใช้การออกวิทยุทุก ๆ 15 นาทีว่า นี่เป็นการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยทำความเสียหายให้ประเทศชาติ ถ้าเอาเครื่องบินขนทหารมาลงที่สนามบิน ประชาชนก็ให้ไปนอนขวางสนามบินไว้ แล้วออกมาตามท้องถนน ไม่ให้กองทหารเข้ามาได้ ให้ต่อต้านและไม่คบค้าสมาคมกับทหารพวกนี้รวมทั้งครอบครัวที่อยู่ในฝรั่งเศสด้วย หากคนไทยทำอย่างนี้ได้ ก็ไม่มีใครกล้าทำรัฐประหาร"



ที่คนสองเพศนำเอา บทสรุปเนื้อหาคำพูดของ

 ศ. ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน มาอ้างอิงนี้นั้น ถ้าเป็นเรื่องจริง

ผมก็ว่าท่านคงได้ ศ. มาจากการจับสลากได้มา มากกว่าครับ
 


บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ดินสอไม้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104


« ตอบ #27 เมื่อ: 29-05-2008, 04:02 »

หมักเอย  ปากเนี่ยจะใช้ให้เป็นประโยชน์เเก่ประเทษชาติบ้างไหม.......
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #28 เมื่อ: 29-05-2008, 04:11 »

หัดคิดแล้วตอบเองบ้างนะครับ... ไม่ใช่มัวไปฟังท่านด็อกอุกฤษ แบบที่ชอบกล่าวหาว่า
เกลียดทักษิณเพราะไปมัวแต่ฟังแป๊ะลิ้ม
ลูกดอกมันย้อนศรกลับไปหาตัวเองเข้าหว่างขาเลย...เห็นป่าว ว่าแต่เขา...อิเหนาเป็นเอง
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: