ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 07:13
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เมื่อคืนใครได้ดูรายการตาสว่างมั่งครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เมื่อคืนใครได้ดูรายการตาสว่างมั่งครับ  (อ่าน 2523 ครั้ง)
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« เมื่อ: 28-05-2008, 09:09 »

แบบว่าอยากได้ Clip รายการนี้ตรับ

เพราะดูแล้ว ตาสว่างเลยยยย
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 28-05-2008, 09:17 »

อยากได้ด้วย
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 28-05-2008, 10:45 »

เมื่อคืนผมเ้พิ่งจะรู้ว่า ไอ้ 130 ดอลล่าห์ต่อบาเรลเนี่ย จริงๆแล้วมัน 26 บาทต่อลิตร  (130x0.2=26) ไม่งั้น ท่าทางจะโง่ไปอีกนาน

ว่าแต่ว่า อยากได้รายชื่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจัง 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #3 เมื่อ: 28-05-2008, 10:47 »


ได้ฟังแว๊บๆครับ
โสภณ สุภาพงศ์ ซัดเต็มเหนี่ยวเลย


http://hiptv.mcot.net/player/hipPlayer.php?clipTypeID=139
โสภณ สุภาพงษ์ อดีตกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ วิเคราะห์ราคาน้ำมันไทย กับการปั่นราคาน้ำมันตลาดโลก ( 2008-05-27 )






ลิงค์นี้น่าจะชัวร์กว่าครับ

http://hiptv.mcot.net/player/hipPlayer.php?id=16234&SelectSpeed=128k





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2008, 10:53 โดย Cherub Rock » บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
samrung
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 226



« ตอบ #4 เมื่อ: 28-05-2008, 11:50 »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #5 เมื่อ: 28-05-2008, 11:58 »

สมัยโสภณ สุภาพงศ์เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบางจาก....ราคาน้ำมันของบางจากคิดราคาในอัตราที่โม้ USD XX x .2 ไหมเอ่ย?
บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #6 เมื่อ: 28-05-2008, 11:58 »

มีอีกลิงค์สำหรับดูรายการทีวีย้อนหลังครับ

http://www.me.in.th/live/

ของกระทรวงวัฒนธรรม เอาไว้ประเมินเนื้อหาโทรทัศน์
บันทึกการเข้า
คิคิ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 271



« ตอบ #7 เมื่อ: 28-05-2008, 12:38 »

อยากให้กระทู้นี้พูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เพราะตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ

อันนี้เป็นภัยร้ายแรง เช่นเดียวกับระบอบหน้าเหลี่ยม
บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #8 เมื่อ: 28-05-2008, 15:06 »

อยากให้กระทู้นี้พูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เพราะตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ

อันนี้เป็นภัยร้ายแรง เช่นเดียวกับระบอบหน้าเหลี่ยม


ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความเลวจากระบอบหน้าเหลี่ยมนั่นแหละครับ

เป็นไงล่ะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ งานที่สาวกพวกมันยกย่องสรรเสริญ

เดี๋ยวนี้หน้าที่หลักของ ปตท. คืออะไร หากำไรให้ผู้ถือหุ้นใช่หรือไม่?

อาศัยความได้เปรียบจากการผูกขาดใช่หรือไม่?

คุณโสภณพูดได้ชัดและเข้าใจง่าย ขอชื่นชม

สื่อไทยน่าจะพูดเรื่องนี้ให้ชัด ๆ ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว

มัวแต่งมโข่งอยู่กับ "ค่าการตลาดติดลบ" (นั่นมันความทุกข์ของเจ้าของปั๊มรายย่อย) "ราคาสิงคโปร์" (นั่นมันเรื่องของพ่อไอ้เหลี่ยม)

ไม่เคยแตะเรื่องกำไรของโรงกลั่นเลย

ทำให้สงสัยว่าโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่
บันทึกการเข้า
BeastGuy
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210


« ตอบ #9 เมื่อ: 28-05-2008, 17:42 »

ไม่ได้เข้าข้างน่าเหลียมหรอกนะครับ
แต่ถ้าจะให้ขายน้ำมันจริงที่ 26 บาทคงเป็นไม่ได้
นั่นมันราคาน้ำมันดิบ
มันมีต้นทุนการกลั่น
มี่ค่าขนส่ง
ค่าภาษี
ค่ากองทุนน้ำมัน สารพัด รวมแล้วถึงได้จะสี่สิบบาท

ถ้าจะว่า ปตท ก็ต้องว่าที่ราคาตอนนี้มันเป็นราคาซื้อขายล่วงหน้าสองเดือน
ไม่รู้ว่าจะขึ้นราคาหน้าปั้มตามราคาตลาดโลกตอนนี้ทำแป๊ะอะไร
อย่าเมื่อสองเดือนก่อน สมมุติราคาไม่ถึง 100$ ซื้อมาแค่ 100$
แต่พอตอนนี้มัน 130$
ปตท มันดันจะตั้งราคา 130$ ท่าจะบ้า

ฉะนั้นผมว่ารายการนี้ ตาสว่างจริง โดนแหกตาจนสว่างเลยครับ 
ดูจากรูปนี้คงเข้าใจมากขึ่น ได้จากพันติป รัชดา

บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #10 เมื่อ: 28-05-2008, 17:59 »

ที่ว่าคูณ 0.2 เป็นราคาเบนซิน นั่นเป็นราคาที่รวมต้นทุนไว้แล้วครับ
เหลือภาษีสารพัด ที่ยังไม่ได้รวม +++ จึงเป็น 40

นี่เองเป็นข้ออ้างที่ ปตท.ชอบพูดว่าไม่ได้กำไรน้ำมัน
แต่กำไรจากธุรกิจอื่น ซึ่งธุรกิจอื่นก็คือโรงกลั่นที่ ปตท.ผูกขาดไว้
และไม่ยอมให้ใครแตะเรื่องต้นทุน ไม่ยอมลดค่าการกลั่นเด็ดขาด

ประเด็นจากเรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้ต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 28บาท
แต่อยู่ที่มันฟันกำไรค่าการกลั่นเป็น% ยิ่งราคาน้ำมันขึ้น มันยิ่งรวยยยย

นี่ยังไม่รวมผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ที่มันตัดต้นทุนไปไว้ที่น้ำมันหมดแล้วนะครับ
บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #11 เมื่อ: 28-05-2008, 22:44 »

ไม่ได้เข้าข้างน่าเหลียมหรอกนะครับ
แต่ถ้าจะให้ขายน้ำมันจริงที่ 26 บาทคงเป็นไม่ได้
นั่นมันราคาน้ำมันดิบ
มันมีต้นทุนการกลั่น
มี่ค่าขนส่ง
ค่าภาษี
ค่ากองทุนน้ำมัน สารพัด รวมแล้วถึงได้จะสี่สิบบาท

ถ้าจะว่า ปตท ก็ต้องว่าที่ราคาตอนนี้มันเป็นราคาซื้อขายล่วงหน้าสองเดือน
ไม่รู้ว่าจะขึ้นราคาหน้าปั้มตามราคาตลาดโลกตอนนี้ทำแป๊ะอะไร
อย่าเมื่อสองเดือนก่อน สมมุติราคาไม่ถึง 100$ ซื้อมาแค่ 100$
แต่พอตอนนี้มัน 130$
ปตท มันดันจะตั้งราคา 130$ ท่าจะบ้า

ฉะนั้นผมว่ารายการนี้ ตาสว่างจริง โดนแหกตาจนสว่างเลยครับ 
ดูจากรูปนี้คงเข้าใจมากขึ่น ได้จากพันติป รัชดา



26 บาทนั่นเป็นแค่ตัวอย่างวิธีคิดเลขครับ ถ้าคนฟังเข้าใจว่านั่นเป็นราคาน้ำมันดิบ ก็ย่อมรู้ว่ามันต้องมีค่ากลั่น ภาษี ฯลฯ อีก

ดังนั้นคงไม่มีใครเรียกร้องให้ขาย 26 บาทหรอกครับ ในกรณีที่น้ำมันดิบที่ซื้อมานั้นราคา 130 ดอลลาร์ต่อบาเรลจริง (แต่ซื้อมาจากที่ไหน ราคาเท่าไหร่ก็เป็นอีกเรื่อง - ซื้อดูไบก็ควรจะอ้างดูไบ)

ตัวเลขในตารางที่ยกมา ผมว่าไม่ได้ช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้โรงกลั่นแต่อย่างใดนะครับ เพราะไม่ได้บอกที่มาที่ไปของตัวเลขในสดมภ์ (คอลัมน์) แรก ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นราคาหน้าโรงกลั่น (EX-REFIN)

ตัวเลขนี้ไม่ได้บอกว่า เบนซิน 95 ที่ขายหน้าโรงกลั่น 28 บาทกว่านั้น มาจากน้ำมันดิบราคาเท่าไหร่ โรงกลั่นกำไรไปเท่าไหร่

ข้อกล่าวหาสำคัญก็คือ ปตท. มีลักษณะผูกขาดโรงกลั่น ได้เปรียบคู่แข่งอย่างมาก

และ ปตท. ทำกำไรโรงกลั่นมหาศาลหลังจากแปรรูปโดยรัฐบาลหน้าเหลี่ยม

สมมุติถ้าวันนี้ผู้บริหาร ปตท. บอกจะลดกำไรการกลั่นลงครึ่งหนึ่ง ผู้ถือหุ้นจะยอมแต่โดยดี หรือจะหาทางเอาผิดผู้บริหาร ปตท. ที่ทำให้พวกเขาเสียผลประโยชน์?

เวลานี้ ในขณะที่ผู้ใช้น้ำมันและผู้โดยสารยวดยานรับทุกข์กันอยู่เห็น ๆ ใครที่ได้ประโยชน์จากกำไรมหาศาลของ ปตท.?

ขณะที่สื่อก็เสนอข้อมูลแค่สามส่วน คือราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ ค่าการตลาดที่ต่ำ

ซึ่งทั้งหมดเท่ากับชี้นำว่า ปตท. มีความชอบธรรมในการกำหนดราคาน้ำมันไว้เท่านี้
บันทึกการเข้า
room5
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 573



« ตอบ #12 เมื่อ: 29-05-2008, 13:56 »

อ้าวๆพวกลิ่วล้อช่วยกันแถหน่อยแร้วววววว
[/color][/b][/size]
บันทึกการเข้า
sk-sint
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


« ตอบ #13 เมื่อ: 29-05-2008, 14:14 »

ปตท. ตอบให้มันชัดๆหน่อยว่า ..... มีความชอบธรรมแค่ไหนที่ สูบกำไรไปได้ถึง แสน สองแสนล้านบาท

ในขณะที่ ประชาชนคนร่วมชาติ อดอยากแร้นแค้น จนแม้แต่ธุรกิจก็จะเจ๊ง อิ๊บอ๋ายวายป่วงหมดแล้ว 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #14 เมื่อ: 29-05-2008, 17:59 »

ผมขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ปตท. เกี่ยวกับการกำหนดราคาน้ำมันเืชื้อเพลิง
โดยใช้วิธีอ้างอิงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของสิงคโปร์ ด้วยเหตุผลประหลาดๆ
ว่าหากราคาในไทยต่ำกว่าสิงคโปร์ จะเกิดการส่งออกไปขายต่างประเทศ

ผมคิดว่าเหตุผลประหลาดๆ ดังกล่าวของ ปตท. อาจเป็นข้อยืนยันได้ว่า
ต้นทุนการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่นในประเทศไทยต่ำกว่าสิงคโปร์


ผมคิดว่าข้อสรุปนี้น่าเชื่อถือเพราะถ้าโรงกลั่นในประเทศไทยมีต้นทุนสูงกว่า
ประเทศสิงคโปร์คงทำธุรกิจให้มีกำไรโดยตั้งราคาเท่ากับสิงคโปร์ไม่ได้

พูดง่ายๆ ก็คือคนไทยต้องซื้อน้ำมันแพงกว่าความเป็นจริง โดยซื้อในราคา
ของสิงคโปร์ เพื่อป้องกันน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศถูกส่งออกต่างประเทศ

เรื่องนี้สามารถสรุปในเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องดูต้นทุนจริงของโรงกลั่นครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 29-05-2008, 22:50 »

ผมขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ปตท. เกี่ยวกับการกำหนดราคาน้ำมันเืชื้อเพลิง
โดยใช้วิธีอ้างอิงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของสิงคโปร์ ด้วยเหตุผลประหลาดๆ
ว่าหากราคาในไทยต่ำกว่าสิงคโปร์ จะเกิดการส่งออกไปขายต่างประเทศ

ผมคิดว่าเหตุผลประหลาดๆ ดังกล่าวของ ปตท. อาจเป็นข้อยืนยันได้ว่า
ต้นทุนการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่นในประเทศไทยต่ำกว่าสิงคโปร์


ผมคิดว่าข้อสรุปนี้น่าเชื่อถือเพราะถ้าโรงกลั่นในประเทศไทยมีต้นทุนสูงกว่า
ประเทศสิงคโปร์คงทำธุรกิจให้มีกำไรโดยตั้งราคาเท่ากับสิงคโปร์ไม่ได้

พูดง่ายๆ ก็คือคนไทยต้องซื้อน้ำมันแพงกว่าความเป็นจริง โดยซื้อในราคา
ของสิงคโปร์ เพื่อป้องกันน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศถูกส่งออกต่างประเทศ


เรื่องนี้สามารถสรุปในเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องดูต้นทุนจริงของโรงกลั่นครับ 

ที่บอกว่าเป็นเหตุผลประหลาดๆ ก็เป็นเหตุผลที่ประหลาดและเฮงซวยใช้ได้ครับ
ถ้าทุกประเทศใช้เหตุผลเฮงซวยแบบนี้ น้ำมันมันก็ราคาเท่ากันทั้งโลกแล้ว
เพราะทุกประเทศก็มีพรมแดนติดกัน

ยกตัวอย่างเพื่อนบ้าน มาเลเซีย ขายน้ำมันถูกกว่าไทย ก็มีคนไทยไปลักลอบเติมมาขาย
เขาก็จัดการแก้ไขปัญหากันไป เช่นเวลาเติมน้ำมันให้รถฝั่งไทย ก็ให้เติมแค่ 200
ไม่เห็นเขาจะต้องตั้งราคาให้เท่ากับไทย เพราะกลัวส่งออกมาไทยตรงไหน
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
ชาวบ้าน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 101


« ตอบ #16 เมื่อ: 30-05-2008, 01:44 »

รัดกระบาลชุดนี้ ไม่เห็นมีแผนหรือมาตราการอะไรเลย มั่วแต่จะล้างแผลเน่าให้ไข่แม้ว
บันทึกการเข้า

----เราต่างมาจากทั่วทุกสารทิศ มีชีวิตกันรวมอยู่ในป่าเขา จากบ้านเกิดเมืองนอน ถึงไพรลำนำ ด้วยพวกเรามีอุดมการณ์อันเดียวกัน----
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #17 เมื่อ: 30-05-2008, 12:20 »

พูดอยู่แหม็บ ๆ เป็นไงล่ะ ตัวแทนนักลงทุน (ผู้ถือหุ้น) ออกมาแล้ว

(หมายเหตุ: IRPC เป็นบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นอยู่ 31.5%)


อ้างถึง
'โกร่ง'อัดเละหักคอลดค่าการกลั่นดีเซล ไม่ยุติธรรมนักลงทุน

http://www.bangkokbiznews.com/2008/05/30/news_262293.php
30 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 10:48:00


"ดร.โกร่ง"ออกโรงสับเละนโยบายรมว.พลังงาน บีบโรงกลั่นลดค่าการกลั่นดีเซล เข้ากองทุน อุ้ม "ราคาน้ำมัน" ไม่ยุติธรรมสำหรับนักลงทุนรายย่อย

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ ค้านแนวคิดของ พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน ที่ขอให้โรงกลั่นน้ำมันลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 1 บาท เพื่อนำเงินส่วนที่ได้นี้ไปจัดตั้งเป็นกองทุนใหม่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากราคาดีเซล

ทั้งนี้ เห็นว่าแนวคิดนี้จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจของนักลงทุนจากการเข้ามาใช้อำนาจรัฐในการแทรกแซงการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันในเครือ บริษํท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ที่เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งกองทุนใหม่ที่จะตั้งขึ้นนี้ไม่มีกฎหมายใดเข้ามารองรับ เปรียบเสมือนเป็นกองทุนนอกกฎหมาย และต่อไปจะทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาลงทุน ซึ่งหากผู้ถือหุ้นจะฟ้องร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลดังกล่าวนี้ รัฐบาลจะต้องเข้ามารับผิดชอบ

"แนวคิดนี้ไม่ถูกต้องอย่างยิ่งเพราะผลเสียต่อเศรษฐกิจของชาติมหาศาลถ้าเทียบกับของที่จะได้ ในสายตาของผู้คนในประเทศและต่างประเทศเห็นว่านโยบายนี้ไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างยิ่ง ไม่ให้ความยุติธรรมกับผู้ลงทุน การใช้อำนาจรัฐเรียกไปพูดคุย เป็นการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง จะไปตั้งกองทุนที่ไม่มีกฎหมายรองรับ การบริหารกองทุนไม่ชัดเจนไม่โปร่งใส จะเอาไปทำอะไรก็ไม่ทราบ 2-3 พันล้าน"

ดร.วีรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรแก้ปัญหาเรื่องผลกระทบจากภาวะน้ำมันแพงด้วยการตั้งงบประมาณแผ่นดินจะมีความเหมาะสมกว่าการตั้งกองทุน เพราะจะมีกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้จากสภาฯ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังควรจะเข้ามาดูแลในเรื่องการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เพราะหากเป็นกองทุนที่ไม่มีกฎหมายรองรับแล้วปล่อยให้มีการจัดตั้งขึ้นมา จะถือเป็นจุดด่างพร้อยอย่างยิ่งของรัฐบาลชุดนี้

ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจะบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนจากภาวะน้ำมันแพงนั้น ต้องไม่ใช่การเข้าไปบิดเบือนกลไกตลาด เพราะไม่ใช่เหตุผลที่ดีทางด้านเศรษฐกิจในการแก้ปัญหานอกเสียจากจะเป็นเหตุผลทางการเมือง

"ผมไม่เห็นด้วยกับการบิดเบือนกลไกตลาด แต่ถ้าเป็นนโยบายของรัฐบาล มีเหตุผลทางการเมือง ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ไม่ใช่เหตุผลทางเศรษฐกิจวิธีหักคออย่างนี้ ยอมรับไม่ได้ เมื่อวานถ้าบอร์ดมีมติอย่างไร ผมให้บันทึกว่าผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถือเป็นมาตรการที่ไม่ชอบด้วยเหตุผล ไม่ว่าจะทางเศรษฐกิจ ทางกฎหมาย หรือจริยธรรม จรรยาบรรณ"


ตามด้วยข่าวนี้

อ้างถึง

โรงกลั่นกลุ่มปตท.ยอมลดส่วนต่าง อุ้มดีเซลลิตรละ3บาท

http://www.bangkokbiznews.com/2008/05/30/news_262307.php
30 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 11:45:00


สมัคร สุนทรเวช:(Update) นายกฯเผยกลุ่มโรงกลั่นปตท.ยอมลดส่วนต่างกำไร ลดราคาดีเซลลิตรละ 3 บาท เป็นเวลา 6 เดือน รวม 732 ล้านลิตร คิดเป็นวงเงิน 7,192 ล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังหารือร่วมกับผู้บริหารโรงกลั่นน้ำมันในเครือ ปตท. 4แห่ง เบื้องต้นที่ประชุมมีข้อสรุปว่าจะบริจาคเงินส่วนต่างจากกำไรเพื่อลดราคาน้ำมันดีเซล ประมาณ 3 บาทต่อลิตร จำนวน 732 ล้านลิตร วงเงินประมาณ 7,192 ล้านบาท เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่มิ.ย.-พ.ย.นี้ โดยเงินบริจาคจะผ่านเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และมีคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน บริหารจัดการเงินบริจาคดังกล่าว ซึ่งจะประชุมพิจารณาว่าจะนำเงินดังกล่าวไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากราคาน้ำมันกลุ่มใดก่อนในวันที่ 2มิ.ย.นี้

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เผยโรงกลั่นน้ำมัน 4 แห่งในกลุ่มบมจ.ปตท.ตกลงจะจัดสรรน้ำมันดีเซลประมาณ 122 ล้านลิตร/เดือน ขายในราคาต่ำกว่าตลาด 3 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 6 เดือนตั้งแต่เดือนมิ.ย.-พ.ย.เพื่อนำไปช่วยเหลือให้กับผู้ประกอบการรายสาขา เช่นรถร่วมโดยสาร หรือกลุ่มอื่นๆ

"เป็นความสมัครใจ และความร่วมมือของ 4 โรงกลั่นที่อยู่บนพื้นฐานที่ดูแลประชาชนโดย ไม่ใช่เป็นมาตรการบังคับ หรือบิดเบือนแทรกแซงกลไกตลาด"

โรงกลั่นน้ำมันในกลุ่มปตท. ทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR),บมจ.ไทยออยล์ (TOP),บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) และบมจ.ไออาร์พีซี(IRPC)


คิดเป็นตัวเลข 7,192 ล้านบาท ผมว่าจิ๊บ ๆ มากครับสำหรับกิจการที่กำไรเป็นแสนล้านมาหลายปี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2008, 12:35 โดย เพื่อนร่วมชาติ » บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #18 เมื่อ: 30-05-2008, 12:27 »

และขออนุญาตนำข้อมูลสมัยรัฐบาลหน้าเหลี่ยมมาย้ำกันอีกครั้ง

อ้างถึง
กรณีศึกษาการกระจุกตัว หุ้น ปตท. และบริษัทในเครือ

นอกจากการกระจุกตัวของหุ้นกลุ่ม ปตท.จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความลักลั่นกับภาคเศรษฐกิจจริงแล้ว ข้อกังขาของสังคมไทยต่อประเด็นความไม่โปร่งใสในการกระจายหุ้นของ ปตท.ในการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ซึ่งปรากฏว่าขายหุ้นหมดภายในเวลาเพียง 85 วินาที และมีเครือข่ายเครือญาติของนักการเมืองในซีกรัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้รับการจัดสรรหุ้น ปตท.จำนวนมากก็ยังไม่เคยได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนจาก ก.ล.ต. หรือ ปตท.เอง และทุกวันนี้บุคคลเหล่านี้หลายรายก็ยังถือหุ้นอยู่

นอกจากนี้ หุ้น ปตท.ยังมีกระแสข่าวตลอดมาว่ามีผู้ถือหุ้นสัญชาติสิงคโปร์หลายรายที่น่าสงสัยว่าจะเป็นผู้มีอำนาจในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เป็น "ฝรั่งหัวดำ" ที่ถือหุ้น ปตท.ผ่านกองทุนที่จดทะเบียนในสิงคโปร์หรือไม่ สื่อมวลชนได้รายงานข้อสังเกตดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2549 ว่า :

"แหล่งข่าวในวงการตลาดหุ้น เชื่อมั่นว่าผู้ถือหุ้นสัญชาติสิงคโปร์ทั้ง 68 ราย มีหลายรายที่เป็นนักลงทุนไทยแฝงตัวเข้าไปลงทุนผ่านกองทุนสัญชาติสิงคโปร์ และอีกบางส่วนลงทุนผ่านกองทุนที่ไปจดทะเบียนบนเกาะบริติช เวอร์จิน โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดรัฐบาลที่ถือหุ้น ปตท.มาตั้งแต่ราคาไอพีโอ 35 บาท (ปลายปี 2544) ขึ้นมาถึง 250 บาท ก็ยังไม่ขายเพราะรู้ข้อมูลภายในเป็นอย่างดี

เป็นที่น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ พบจำนวนผู้ถือหุ้นสัญชาติสิงคโปร์เข้ามาถือหุ้น ปตท.เพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต จากเมื่อต้นปี 2545 มีจำนวนเพียง 23 ราย ถือหุ้นรวมกัน 43.10 ล้านหุ้น ต้นปี 2546 เพิ่มขึ้นเป็น 32 ราย ถือหุ้นรวมกัน 89.37 ล้านหุ้น ถัดมาต้นปี 2547 มีจำนวนผู้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 47 ราย ถือหุ้น ปตท.รวมกัน 106.58 ล้านหุ้น สอดคล้องกับในช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวมาตลอดว่ามีนักการเมืองใหญ่ระดับรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอคนหนึ่งถือหุ้น ปตท.มากถึง 10 ล้านหุ้นผ่านกองทุนที่ไปจดทะเบียนอยู่ในต่างประเทศ"

ในประเด็นนี้ร่าง "พ.ร.บ.การกำหนดกิจการ หลักเกณฑ์ และขั้นตอน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ" ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) (ณ 31 กรกฎาคม 2550) ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การกระจายหุ้นของบริษัทที่เคยเป็นรัฐวิสาหกิจอย่างชัดเจน เช่น ห้ามมีการจัดสรรหุ้นให้กับ "ผู้มีอุปการคุณ" และกำหนดให้ใช้กระบวนการสุ่มเลือก ในการกระจายหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยทุกราย รวมทั้งลูกค้าปัจจุบันของบริษัทหลักทรัพย์ น่าจะช่วยให้การกระจายหุ้นของบริษัทที่เกิดจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใส เป็นธรรม และเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป ที่สนใจจะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ดียิ่งกว่าเดิมในอนาคต ถ้าหาก สนช.จะผ่านและประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ได้จริง

ที่มา - ประชาชาติธุรกิจ

สาวกแม้วทั้งหลายที่บ่นว่าน้ำมันแพง เลิกบ่นได้แล้ว

ควรจะดีใจที่ได้ตอบแทนบุญคุณให้บิดาหน้าเหลี่ยมและพวกพ้อง

ร่วมไปถึงนายทุนสิงคโปร์ที่เป็นบิดาของบิดาหน้าเหลี่ยมอีกที
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #19 เมื่อ: 30-05-2008, 12:41 »

และขออนุญาตนำข้อมูลสมัยรัฐบาลหน้าเหลี่ยมมาย้ำกันอีกครั้ง

สาวกแม้วทั้งหลายที่บ่นว่าน้ำมันแพง เลิกบ่นได้แล้ว

ควรจะดีใจที่ได้ตอบแทนบุญคุณให้บิดาหน้าเหลี่ยมและพวกพ้อง

ร่วมไปถึงนายทุนสิงคโปร์ที่เป็นบิดาของบิดาหน้าเหลี่ยมอีกที




ที่แอบซ่อนเงินของหน้าเหลี่ยม มีที่อังกฤษ แล้วก็สิงคโปร์นี่ไงครับ


บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
หน้า: [1]
    กระโดดไป: