โชว์หลักฐาน"หมัก"เฟซมีเดีย"จ่ายเงินเดือน8หมื่นบาท"เป็นพิธีกร คือลูกจ้างไม่ใช่รับ

โชว์หลักฐานมัดหมัก เฟซมีเดียให้เงินเดือน 8หมื่นบาทเป็นพิธีกร คือลูกจ้างไม่ใช่รับจ้าง
Thursday, 22 May 2008

โชว์หลักฐาน “คำพูดหมัก” มัดตัวเอง ว่าเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ “ชิมไปบ่นไป” ได้เงินเดือน 8 หมื่นบาทจาก “เฟซ มีเดีย” ไม่ใช่เป็น “ผู้รับจ้าง” ตามที่ “สมัคร” อ้างถึง “เรืองไกร” ไล่บี้ส่งหลักฐานให้กกต.เห็นถึงพฤติกรรม-ความสัมพันธ์ที่ยาวนาน 7 ปี

แถมยังทำให้บริษัทมีกำไรจากสปอนเซ่อร์ที่เต็มเหยียด

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ไปเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ ว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ เปิดเผย “ไทยอินไซเดอร์” ว่า ในวันนี้ (22 พ.ค.) ตนได้ส่งหนังสือถึงกกต.อีก 1 ฉบับ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ของนายสมัครในรายการ “ชิมไปบ่นไป” นั้น ก็คือ “ลูกจ้าง” ไม่ใช่การ “รับจ้าง” ตามที่นายสมัครอ้างถึงแต่อย่างใด โดยตนได้แนบบทสัมภาษณ์ของนายสมัคร ในหัวข้อ “สมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกทม.เปิดบ้านส่วนตัวและบ้านเพื่อชาวกทม.” ที่มีกับนิตยสาร “สกุลไทย”ฉบับที่ 2453 ปีที่ 47 ประจำวันอังคารที่ 23 ต.ค. 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่นายสมัคร ยังดำรงตำแหน่งเป็น “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร”

นายเรืองไกร กล่าวว่า บทสัมภาษณ์ดังกล่าวนั้น นายสมัครยอมรับเองว่า “การทำหน้าที่พิธีกรกิตติมศักดิ์ในรายการโทรทัศน์ “ชิมไปบ่นไป” ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 10.30 น.-11.00 น. ทางไอทีวี ผลิตรายการโดยบริษัท เฟสมีเดีย (หมายเหตุไทยอินไซเดอร์ : ความจริงคือชื่อบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด) เป็นเงินเดือน เดือนละ 8 หมื่นบาท ก็บริจาคให้กองทุนสุนัขและแมวจรจัด สังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อทำหมันและใส่ปลอกคอสีเขียว” ซึ่งตนเห็นว่า เป็นการตอบคำถามของนายสมัคร ที่พูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ดีว่าเป็นอย่างไร ใช่ค่าน้ำมันรถ หรือค่าอะไรตอบแทนเป็นคราวๆ ที่เรียกว่า “รับจ้าง” หรือไม่

“อีกทั้งในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว นายสมัครยังระบุเองว่า ทำกันมาตั้ง 31 เสาร์แล้ว พร้อมกับกล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่า รายการครึ่งชั่วโมงมีสปอนเซอร์เต็มเหยียด เช่น ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์, น้ำส้มสายชูกลั่น อสร., ซุบไก่ผงชอยส์, ง่วนสูนพริกไทย, กะทิฮาวาย, เตาแก๊สอีมาแฟล็กซ์, เฟอร์นิเจอร์ครัวอินเด็กซ์” ซึ่งหากนับต่อเนื่องจากปี 2544 มาจนถึงช่วงที่นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนี้ ก็เป็นเวลา 7 ปีเศษแล้ว ที่นายสมัครได้ดำเนินการเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ให้กับบริษัทดังกล่าว ดังนั้นเป็นเครื่องบ่งบอกได้ดีว่า ได้มีพฤติกรรมที่ทำให้บริษัทดังกล่าวมีผลกำไรมาอย่างต่อเนื่อง”นายเรืองไกรกล่าว

ส.ว.สรรหาผู้นี้ กล่าวต่อว่า อยากให้กกต.ได้พิจารณาถึงเนื้อหาและพฤติกรรมที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องตลอด 7 ปีเศษที่ผ่านมา นอกจากนี้ตนกำลังทำเรื่องเพื่อขอข้อมูลของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจะนำมาตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2551 ระบุว่า “มีคนในคณะที่จะหาคนมาแทนนายสมัครที่เป็นข่าวเอิกเกริกกันอยู่นี่แหล่ะ ที่บอกว่าต้องเอาไอ้สมัครออกให้ได้ ไปค้นพบอีกแล้วว่าไปทำรายการชิมไปบ่นไปผิดกฎหมาย เพราะก่อนที่จะเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรีต้องเซ็นเอกสารยาวหลายหน้า ห้ามเป็นนั่น เป็นนี่ ซึ่งเขาก็ไปค้นพบกันว่าผมเป็นลูกจ้างบริษัท จะรับเงินหรือไม่รับเงินก็ไม่ได้ จะเป็นโดยเกียรติยศ หรือกิตติมศักดิ์ก็ไม่ได้ทั้งนั้น เขาบอกว่าผิด แต่ผมต้องบอกให้ฟังว่าที่ผมทำมาตลอด 3 เดือนตอนเป็นนายกฯนั้น ผมได้ถามนักกฎหมายชั้นยอดแล้ว ซึ่งเขาบอกว่าที่ผมทำแต่ละครั้งเขาก็ให้ค่าน้ำมันรถ ค่าอะไรตอบแทนเป็นคราว ๆ ไป ไม่ทำก็ไม่ได้ อย่างนี้เรียกว่ารับจ้าง ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ทำได้ ถ้าเป็นลูกจ้างถึงเข้าข่ายทำไม่ได้ ผมก็บอกทางบริษัทไปตั้งแต่ต้นให้เตรียมหาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่มาทำแทน เพราะเดี๋ยวจะมีคนมาเอาเรื่องผมอีก แล้วก็มีจริง ๆ ไอ้ 2 เสือซึ่งผมไม่ขอออกชื่อ ไปจัดการยื่น กกต.เลย ซึ่ง กกต.ก็บอกจะสอบเรื่องนี้…ผมจะทำจดหมายถึง กกต.เพื่อให้วินิจฉัยเรื่องนี้ และจะบอกในจดหมายว่าถ้าหากผิด จะลงโทษอย่างไรก็ลองดู หากกกต.เห็นว่าทำไม่ได้ จะตักเตือนว่ากล่าวกันอย่างไรก็ทำมา ถ้าจะเอารายการนี้มาฆ่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กกต.ก็พิจารณาดูแล้วกันหากเห็นว่าดุเดือดเลือดพล่านขนาดนั้น หลุดรอดมาได้ 4 ครั้งแล้ว จะมาตายน้ำตื้นเพราะเรื่องนี้ก็เอากัน หรือหาก กกต.เห็นว่าความจริงไม่ผิด แต่ไม่สมควรก็ให้บอกมา ผมจะได้ยุติการทำเสีย แต่ขอยืนยันว่าผมได้ตรวจสอบทางกฎหมายแล้ว เขาบอกว่าทำได้ผมจึง