ตอนได้แชมป์พรีเมียร์ชิพ ผมพาดหัวกระทู้ว่า "เหมือนขึ้นสวรรค์ชั้น7" และบอกกับเพื่อนๆ ที่เข้าไปในกระทู้ว่า อยากขึ้นสวรรค์ชั้น9 ในวันที่ 21 พค.(22 พค.ตามเวลาบ้านเรา)
วันนี้ ผมได้ขึ้นสวรรค์ชั้น9 แล้วจริงๆ !!!!!!!!!
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ผมทำกระทู้พรีวิวเกมที่กระทู้..
http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S6627485/S6627485.htmlซึ่งถ้าใครได้อ่านที่ผมวิเคราะห์ก่อนดูเกม ก็คงจะดูสนุกเลยทีเดียว ปกติจะไม่เขียนพรีวิวนะครับ แต่เมื่อคืน อดรนทนไม่ไหวจริงๆ
ผมเซอร์ไพรซ์นิดหน่อยที่วันนี้ แกรนท์ไม่จัดเชว่าลงในนาทีใดนาทีหนึ่งของเกม โดยเฉพาะครึ่งหลัง แต่เลือกเอามาลูด้า ที่ทั้งฤดูกาลไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนักเล่นเป็นตัวหลักเกือบตลอดทั้งเกม รวมทั้งการส่งเอสเซียงลงเล่นแบ็คขวาแทนที่จะเป็นแบ็คอาชีพอย่างเฟอเรร่า
เอสเซียงเล่นได้ก็จริง แต่ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ทางบอลเป็นรองโรนัลโด้และเอฟร่าอย่างเห็นได้ชัด
และแปลกใจอีกเช่นกันที่ฝั่งแมนยูไม่มีชื่อปาร์คทั้งตัวจริงและสำรอง แต่ใส่ชื่อนานี่และแอนเดอสันแทน ซึ่งในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์ทั้งสองคน
กองกลางที่ถกเถียงกันว่า จะเอาใตรเล่นกับสโคลส์ดี ระหว่างคาริก กับฮากรีฟ สุดท้ายก็ถูกจับลงเป็นตัวจริงหมด โดยเก็บกิ๊กส์ไว้ลงในนาทีใดนาทีหนึ่งแทน 1 ใน 3 คนนี้
ก็ดีครับ ทำให้แนวรุกหลากหลายมากขึ้น ฮากรีฟยืนตำแหน่งปีกขวาดีกว่าแบ็คแน่นอนครับ แต่ดูๆ วันนี้แกก็ยังเก้ๆ กังๆ ระหว่างการล็อกหรือจะไปเอง แต่ก็เปิดบอลโค้งเข้ามาในกรอบได้หลายลูก
อย่าลืมนะครับ ถ้าเอาฮากรีฟลงแบ็คขวา ก็ต้องเก็บบราวน์เป็นตัวสำรอง และเราอาจไม่ได้เห็นลูกเปิดเท้าซ้ายที่ทำให้โรนัลโด้ทำประตูได้
ผมยังมั่นใจในเกมรุกของปีศาจแดงว่า ไม่เป็นรองใครในยุโรป และในช่วง 30 นาทีแรกก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาเหนือกว่าเชลซีทุกกระบวน และมีโอกาสพังประตูได้หลายลูก ถ้าไม่ติดปีเตอร์ในจังหวะสุดท้าย และในพรีวิวเกมของผมก็หนุนให้เล่นเกมรุกตลอดทั้งเกมแม้ทำประตูขึ้นนำแล้ว โดยไม่ต้องพะวงเรื่องถูกสวนกลับ เพราะ 30 นาทีแรก กองกลางและหน้าของแมนยูสามารถกดแอชลี โคล และเอสเซียง(วันนี้เล่นแบ็คขวา) ไม่ให้เติมเกมรุกอย่างได้ผล
ที่เหลือ ก็มีเพียงดร็อกบาที่เล่นศูนย์หน้าคนเดียว เซ็นเตอร์คู่ของเราจัดการได้แน่เพราะทั้งริโอกับวิดิชเป็นพวกเฝ้าถ้ำไม่นิยมขึ้นไปเติมเกมรุกอยู่แล้ว
ที่กลางสนาม (ในครึ่งชั่วโมงแรก) สโคลส์ และคาริกก็จัดการกับการเติมเกมของแลมพาร์ทอยู่หมัดตลอด จนแทบหายไปจากเกม
มีที่ยังทำเกมได้คือ โจโคล ทางฝั่งขวา และมาลูด้าทางฝั่งซ้าย ซึ่งบราวน์และเอฟร่าก็บีบพื้นที่ได้ดี ทำให้ลูกเปิดของทั้งสองคนยังไม่เข้าโฟกัสนัก
ที่เอาไม่อยู่จริงๆ ก็เห็นจะเป็นบัลลัคนี่แหละครับ กลายเป็นผู้เล่นที่สอดขึ้นมาทำเกมและเกือบยิงประตูได้ตลอดเวลา พอลงไปตั้งรับก็เก๋าทั้งแทคติกทั้ง "ตุกติก" เรียกฟาวล์ได้จากการเข้าปะทะทุกครั้ง
เกมรุกที่เห็นชัดเจนในครึ่งชั่วโมงแรกว่า เอาแมนยูไม่อยู่ โดยเฉพาะโรนัลโด้ บอลอยู่กับเท้าได้ลุ้นตลอด จนผู้เล่นเชลซีต้องใช้วิธีตัดเกมทำฟาวล์ตลอด และให้สังเกตให้ดี โรนัลโด้ได้บอลทีไรต้องใช้ผู้เล่นเข้ามาประกบสอง-สามคน
ตรงนี้..หากนำมาใช้ประโยชน์แล้ว แมนยูจะมีผู้เล่นในแนวรุกมากกว่าแนวรับของเชลซีอยู่หนึ่งคนเสมอ
น่าเสียดาย..
ลูกเปิดครอสเข้ามาของโรนัลโด้ไม่มีนักเตะแมนยูคนไหนเข้าถึงบอลได้เลย ทั้งๆ ที่เปิดได้ลุ้นตลอด
ที่เป็นเช่นนี้เพราะคู่เซ็นเตอร์ของเชลซีทั้งเทอรีและคาร์วัลโย่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีกว่ารูนีย์ และเตเบซมากมายชนิด missmatching นั่นเอง เราจึงไม่ได้เห็นรูนีย์สับไกแม้แต่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม นี่เป็นความผิดพลาดอยางใหญ่หลวงหากศูนย์หน้าตัวเป้าไม่มีโอกาสส่องประตูเลย
และเตเบซก็มักจะ "ขาสั้นไป" หรือ "เตี้ยไป" ประมาณ 1 กระเบียดนิ้วเสียทุกที
หากเปลี่ยนจากการโยนมาเป็นตบลูกเข้ากลางก็จะทำให้โอกาสทำประตูมากกว่านี้อีก ดังเช่นจังหวะเสียวที่เอฟร่าเกือบทำให้แมนยูได้ประตูนั่นแหละครับ
ที่ไม่อาจใช้วิธีแทงบอลเลียดจากริมเส้นเข้ามาหน้ากรอบได้ก็เพราะใช้พอล สโคลส์กับคาริกเป็นคู่มิดฟิลด์นั่นแหละครับ สองคนนี้จะไม่เติมขึ้นมาในจังหวะที่เอฟร่า หรือ ฮากรีฟ หรือ โด้ หรือ บราวน์พาลูกไปป้วนเปี้ยนริมเส้น ซึ่งผิดกับฝั่งของเชลซีที่ทั้งบัลลัคและแลมพาร์ทจะนิยมเติมขึ้นมาเป็นทางเลือกตรงหน้ากรอบเขตให้ผู้เล่นที่พาลูกไปริมเส้นมีออฟชั่นในการเปิดลูกเข้ามา
ผมนึกภาพว่า ถ้ามีกิ๊กส์มาแทนที่คนใดคนหนึ่ง จะเป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นของแมนยูแน่นอน เพราะกิ๊กส์เป็นผู้เล่นที่นิยมวิ่งตามตัวริมเส้นขึ้นมารอรับลูกที่กลางประตู
ถ้ามองภาพมุมสูงก็จะเข้าใจที่ผมพูดนะครับ เมื่อโด้ หรือ ฮากรีฟ ไปเล่นริมเส้น เปิดบอลโยนเข้ามา หน้าปากประตูจะเป็นรูนีย์ กับเตเบซรอชาร์จ พร้อมกับผู้เล่นปีกอีกคน (โด้หรือ ฮาโก้ที่ไม่ได้เป็นคนเปิดบอล) โอกาสดีที่สุดของแมนยูจะได้จากโรนัลโด้ หรือ ฮากรีฟที่อยู่เสาสองมากกว่าคู่ศูนย์หน้า ซึ่งไม่มีโอกาสที่เทอรีกับคาร์วัลโย่จะพลาดให้ ดังนั้น ลูกเปิดจึงต้องโยนไปเสาไกล ซึ่งก็มีหลายลูกเกือบได้ เพียงแต่น้ำหนักเกินไปหน่อย ถ้าน้ำหนักขาดก็จะเสร็จคู่เซ็นเตอร์ของเชลซีหมดครับ
ลูกที่แมนยูได้ประตูก้เป็นการเลือกเปิดไปที่เสาสองนะครับ ซึ่งคู่เซ็นเตอร์ไม่ได้ยืนอยู่แถวนั้น และเอสเซียงก็ถลำมาระหว่างเสาแรกกับเสาสองไปแล้ว (รวมทั้งเช็คด้วย)จึงกลายเป็นโรนัลโด้ที่ชิงจังหวะขึ้นโหม่งแบบเหน่งๆ เข้าประตูไป
พอได้ประตูนำเท่านั้นแหละครับ..
แมนยูเปลี่ยนเกมทันที ซึ่งเปลี่ยนเร็วไปหน่อย ทั้งที่เหลือเวลาอีกหลายนาทีกว่าจะหมดครึ่ง
หันมาเล่นเคาะบอลกลับไปกลับมานานเกินไป และเพลาเกมบุกลงเพื่อรอให้หมดเวลาพักครึ่ง
ก็เกือบจะสำเร็จอยู่เหมือนกัน แต่เผอิญซวยไปหน่อยครับ ที่ว่าซวยเพราะลูกนี้ความจริงไม่อันตรายอะไรเลย เอสเซียงยิงแป้กไปแล้ว แต่ไปโดนริโอของแมนยูเองทำให้บอลปลิ้นเข้าทางจ่อๆ ของแลมพาร์ท เลือกยิงง่ายๆ เข้าประตูไป
ผมได้บอกเอาไว้แล้วว่า กองกลางของเชลซีจะตามบอลขึ้นมาตลอด ทั้งบัลลัคและแลมพาร์ท เพราะไม่มีทางที่ดร้อกบาจะเล่นศูนย์หน้าคนเดียวแล้วยิงประตูได้โดยเพื่อนๆ ไม่ทำตัวเป็นทางเลือก
ตรงนี้คู่มิดฟิลด์ของแมนยูจะไม่ทำนะครับ สไตล์ใครสไตล์มัน เนื่องจากคู่มิดฟิลด์ของแมนยูเป็นประเภทตัวเซ็ทลูกมากกว่าตัวตบ (แอบติดวอลเล่ย์บอลมาใช้หน่อย)
แต่ถ้าฤดูกาลหน้า แมนยูจะเอามาใช้บ้าง ผมก็เห็นแต่แอนเดอสันนี่แหละครับ เพราะขึ้นเร็วและลงไปรับได้เร็วเล่นสไตล์นี้ได้สบายๆ กลายเป็นอาวุธลับอีกดอกของแมนยูได้ (แต่ลูกยิงของน้องแอนต้องปรับปรุงอย่างด่วน ><")
ครึ่งเวลาหลัง..
เฮ้อ..+ +
ตามที่ผมได้วิเคราะห์เอาไว้ก่อนหน้าเลยล่ะครับว่า ถ้าได้ประตูนำก่อนแล้วเปลี่ยนเกมจะโดนตีเสมอแน่นอน และแมนยูจะกลับมาเล่นเกมรุกแบบเต็มตัวอีกไม่ง่ายแล้ว เพราะผู้เล่นเชลซีเริ่มตั้งลำได้ขณะที่แข้งขาของกองกลางและกองหลังของแมนยูเริ่มง่อยกิน จะไม่วิ่งขึ้นไปกดดันเชลซีในขณะลำเลียงลูก แต่จะถอยลงมาตั้งโซนรับ และเกมในครึ่งหลังก็ออกมาทำนองแบบนี้จนจบเกม เว้นแต่ช่วงที่ปล่อยให้กิ๊กส์ลงมาแทนสโคลส์นั่นแหละ ทำให้เกมรุกมีฮึดอีกเฮือก และก็เกือบจะได้ประตูเช่นกัน
แต่บอกตามตรงครับ ลูกยิงของดร็อกบา และแลมพาร์ทที่ชนเสา ชนคาน นั่น ถ้าได้ประตู **เกมจบนะครับ**
ผมมองว่า แมนยูฟื้นลำบาก เพราะแทคติกในการเตะถ่วงของทั้งสองทีมดีก็จริง แต่เชลซีเหนือกว่านิดๆ อีกทั้ง ผู้เล่นศูนย์หน้าของแมนยูวันนี้ ไม่อันตรายเท่าที่ควรเป็น โอกาสยิงประตูคืน รอเจ้าโด้ หรือ ส้มหล่นใส่เท้านักเตะแมนยูคนใดคนหนึ่งเท่านั้นเอง
รูนีย์ที่แทบจะไม่ได้โอกาสยิงประตูเลย ต้องถอยลงมาเล่นต่ำช่วยเกมรับ ซึ่งก็ยิ่งทำให้โอกาสยิงประตูของแมนยูน้อยลงไปอีก
เห็นได้ชัดเมื่อเปลี่ยนเอารูนีย์ออกแล้วให้นานี่ลงไปแทน เกมรุกไม่ได้กระเตื้องมากนัก เพราะเล่นถอดศูนย์หน้าแต่ไปเติมปีก ก็เท่ากับหวังให้ผู้เล่นแถวสองเติมขึ้นมาทำประตูเท่านั้น
เมื่อถึงช่วงต่อเวลา..
เกมของเชลซีก็ยังดูดุดันกว่า แม้จะทำได้ไม่ดีนักเพราะผู้เล่นอ่อนล้ากันหมดแล้ว ในขณะที่แมนยูเองก็ไม่กล้าแลกด้วย เพราะเกรงว่า เสียประตูแล้วแก้คืนไม่ได้(ค่อนข้างแน่ ถ้ามองจากรูปเกม)
เกมมาเดือดเอาตอนท้ายของช่วงต่อเวลา เมื่อดร็อกบาฟิวส์ขาด ไปตบหน้าวิดิช โดนกรรมการชักใบแดงไล่ออก
ผมมองว่า..เตเบซและวีดิชเองก็ฟิวส์ล่อแล่เหมือนกัน ถ้าเชลซีจะชั้นเชิงสักหน่อย ให้ผู้เล่น(ที่ยังไม่ได้ใบเหลือง) ไปยืนค้ำแล้ว สาด..ๆ ๆ น้ำลายใส่ รับรองได้ผลแน่ครับ
เอ..นานี่มันเดินหายไปไหนหว่าตอนเขามีเรื่องกัน อิ...อิ
จบเกม ต้องดวลจุดโทษตัดสิน..
บอกตามตรงครับ ถึงจุดนี้ ผมให้เชลซีเป็นต่อ 5 ต่อ 4 เพราะไม่ค่อยมั่นใจ นานี่ แอนเดอสัน แม้แต่ฮากรีฟสักเท่าไร (เนื่องจากชอบยิงไซด์โป้ง ทำให้ลูกผิดวิถี)
แต่พอยิงจริงๆ กลับเป็นเจ้าโด้ที่เป็นความหวังเต็มเปี่ยมที่ยิงพลาด เพราะเกิดลังเลกระทันหันตอนวิ่งมาหยุดอยู่หน้าลูกบอลเพราะเช็คไม่ขยับอย่างที่คาดไว้
และลูกยิงของฮากรีฟ กับแอนเดอสันก็ทำเอาผมเกือบหัวใจวาย
ฮากรีฟยิงไซด์โป้งจริงๆ อย่างที่คาด และลูกโค้งเสียบมุมสามเหลี่ยมแบบเหนือชั้น บอกตามตรงครับ โค้งอีกนิดเดียวชนมุมเสาแหงๆ
ส่วนแอนเดอสัน..
หมอนี่มันเด็กอ่ะ ยิงแบบไม่คิดอะไร ไม่กดดันเลย ยิงเอามันๆ มันซัลโวเต็มเท้าลูกพุ่งเข้ากลางประตู ดีนะ ที่ไม่คิดยิงมุมใดมุมหนึ่ง (หรือมันคิดก็ไม่รู้แต่ยิงพลาดไปหน่อย อิ..อิ)
ตอนที่เทอรีเดินมาเพื่อยิงลูกที่ 5 บอกตามตรงว่า ผมถอดใจแล้วครับ บอกกับคนที่บ้านว่า แพ้แล้ว..แพ้แล้ว อารมณ์ตอนนั้น ไม่ได้คิดเรื่องแชมป์แล้ว เพราะกัปตันทีมคนนี้มีความมุ่งมั่นสูง และมักจะเป็นฮีโร่ของทีมในช่วงที่ทีมต้องการเขา
แต่..
พระเจ้าช่วย!!!! ขอบคุณสายฝนที่หลั่งลงมาชโลมหญ้าที่เพิ่งปลูกใหม่ (ฮ่า) ทำให้จังหวะวางเท้าซ้ายของเทอรีไถลเล็กน้อยและแปบอลออกข้างเสาไป
ผีฟื้นคืนจากหลุม..อย่างไม่น่าเชื่อ!!!!
ให้ใครเขียนสคริปท์ก็คงไม่กล้าเขียนแบบนี้หรอกครับ ให้แมนยูฟื้นมาเตะอีกสองลูกได้ไง แถมลูกนึงในนั้นเป็นกิ๊กส์ยิงซะอีกด้วย
แล้วยังให้อาเนลก้าเป็นตัวตัดสินชะตาแชมป์ของเชลซี ตอนเดินเข้ามาหาลูก อาเนลก้าเดินคอตกนะครับ ลองกลับไปย้อนเทปดูได้
แล้วเพื่อนๆ ทุกๆ คนยิงมุมขวาของตัวเองได้ประตูตลอด แต่อาเนลก้าคนเดียวที่เปลี่ยนมุม และฟานเดอซาที่ทู่ซี้พุ่งแต่ด้านนี้มาตลอด ก็ยังย้ำจุดยืนเดิม คือ "มันต้องมีสักคนแหละวะ ที่ยิงมุมนี้บ้าง" ฮ่า..แล้วก็จริงๆ ด้วย อาเนลก้าจากโบลตันส่ง (ถ้วยแชมป์ยุโรป) มาให้
ตอนที่รู้ว่าแมนยูได้แชมป์แล้ว ผมดีใจสุดๆ เลยครับ ยิ่งเห็นท่าเต้นของเจ้าแอนแล้วยิ่งปลื้ม..มมมม มันแสดงให้เห็นเลยว่า "ข้ามาที่นี่เพื่อหยิบ 2 แชมป์โดยเฉพาะ"
แต่เปล่าหรอก..ผมคิดว่า แอนเดอสันเต้นท้านั้นคงไม่ได้นึกถึงคำพูดนั้น แต่มันคงคิดในใจว่า..
"คืนนี้..ตูฉลองสุดเหวี่ยงแน่นอน สาวรัสเซียนโปรดดูสะโพกเอาไว้ก่อน"
ผมมาต่อมน้ำตาแตก เอาตอนกิ๊กส์และริโอพร้อมใจกันชูถ้วยขึ้นมานั่นแหละครับ ไหลออกมาเองเลย ไม่รู้มันพลั่งพรูออกมาจากไหน แต่ไม่หยุดเลย
ผมเป็นคนหนึ่งที่ดูบอลแมนยูตั้งแต่แชริตี้ชีลด์ จนถึงนาทีสุดท้ายที่นักเตะแมนยูชูถ้วยแชมป์ยุโรป เวลา 8-9 เดือนในหนึ่งปี ไม่เคยพลาดแม้แต่นาทีเดียว T T" ผลการแข่งขันวันนี้ถือเป็นการตอบแทนแฟนบอลพันธุ์แท้อย่างผมที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ
ขอบคุณ..พระพิรุณที่โปรยฝน
ขอบคุณ..อาเนลก้าสำหรับมุมซ้าย
ขอบคุณ..จอห์น เทอรี
ขอบคุณ..อเล็กซ์ เฟอกูสัน สตาฟฟ์โค้ชและนักเตะแมนยูทุกคน
ขอบคุณ..ESPN
และสุดท้าย..ขอบคุณ..เพื่อนๆ ในห้องนี้ ที่อยู่เป็นเพื่อนคุยกับผมมาโดยตลอด
แล้วพบกันใหม่นะครับ
ปล.
(จริงๆ ผมดูทุกคู่นะครับที่ถ่ายทอด ไม่เฉพาะแมนยูหรอก ผมมันบ้า
)