เล่าปี๋
|
 |
« เมื่อ: 22-05-2008, 07:45 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 22-05-2008, 08:00 » |
|
ทำไมไม่ไปคิดเรื่องดีๆ ลดภาระค่าครองชีพคนกรุง
ให้คนกรุงอยู่สุขสบาย อากาศดี ถนนหนทาง บ้านเมือง สะอาด กว่าที่เป็นอยู๋
หาทางประหยัดทั้งพลังงานทรัพยากรแบบอิ่น เดินทางสะดวกแบบอื่นๆ
คิดแต่เรื่องให้ค่าครองชีพคนกรุงสูงขึ้น คิดแต่จะหาเงินอย่างเดียว
คนกรุงเค้าคงชอบ รักไอ้ผู้ว่าคนนี้น่าดู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
ScaRECroW
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 22-05-2008, 08:46 » |
|
ผมเห็นด้วยกับนโยบายนี้นะ ก็ขอให้กำหนดแนวทางการปฏิบัติให้ดีหน่อย อย่าให้กลายเป็นเพิ่มช่องทางทุจริตให้กับ จนท.ก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 22-05-2008, 09:04 » |
|
เมืองหลวงต่างๆในยุโรปเขาก็เก็บกันทั้งนั้น สตอคโฮล์มเก็บเฉพาะจันทร์ถึงศุกร์ อนาคตจะปิดถนนหลายๆสายให้คนเดิน เป็นการลดการทำร้ายปอดของคนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง บ้านเมืองเรา ธุรกิจต่างๆ หน่วยราชการ อะไรต่อมิอะไรมันมาอัดแน่นกันอยู่แต่ใน กทมฯ ถ้าจะ ให้ดีต้องสร้างรถใต้ดิน รถไฟฟ้าเพิ่ม หาที่จอดรถตามสถานีต่างๆให้พร้อม ผมว่าคนอาจจะหันมาใช้ บริการ ขสมก กันมากขึ้น ผมเคยเห็นที่จอดรถอัจฉริยะที่นิวยอร์ค สร้างเป็นตึกสูงๆหลายชั้น เอารถเข้าไปจอด เจ้าหน้าที่ จะออกบัตรมาให้หนึ่งใบ ทิ้งรถไว้ได้เลย ส่วนค่าบริการนั้นอาจจะมีการเสียเป็นรายวันรายสัปดาห์ หรือรายเดือนก็ว่ากันไป พอทำธุระเสร็จก็เอาบัตรยื่นให้พนักงงาน เสียบเข้าไปในช่องคอนโทรน แล้วรถเราก็จะลงมา ใช้เวลาไม่นานเลยครับ นโยบายของ อภิรักษ์ดีครับ แต่คงโดนด่าตามมาอีกหลายกระบุงโกย เก็บค่าผ่านเข้าเมือง จะมี รายได้เข้ารัฐอย่างมโหฬารทีเดียว คนหาเช้ากินค่ำจะพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วยอีกไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
|
|
northstar
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 22-05-2008, 09:16 » |
|
จะให้ได้อย่าง...มันก็ต้องเสียอย่าง แบบอัสนีย์งัย... ต้องดูว่าผลดีกับผลเสียอันไหนมันมากกว่ากัน...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 22-05-2008, 09:22 » |
|
เครือข่ายขนส่งมวลชนบ้านเราไม่ได้ดีพอที่จะสามารถทำแบบนั้นได้ รถคันนึงภาษีปาเข้าไปกี่ร้อย % คนก็ยังซื้อ... เพราะขนส่งมวลชนมันห่วย จะมาบีบให้คนมีรถยนต์มาใช้ขนส่งมวลชน มันทำไม่ได้หรอก ถ้าเก็บเงินคงได้เป็นรายได้แค่นั้น แต่คงไม่ได้ผลอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 22-05-2008, 11:08 » |
|
แนวความคิดอันนี้เห็นด้วยนะ  แต่ในเรื่องการปฏิบัติ คงต้องศึกษารายละเอียดให้ดีเด้ออออ เดี๋ยวจะได้ก้อนหินแทนดอกไม้นะเออ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 “People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
ริวเซย์
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 22-05-2008, 11:43 » |
|
น่าจะมีนโยบายอื่นๆนำมาพิจารณาด้วย อย่างสลับวันขับรถ รถที่มีทะเบียนวันคู่กับวันคี่จะต้องสลับกันขับคนละ1วัน
หรือนโยบายรับคนข้างทางไปกับรถด้วยถ้าไปทางเดียวกัน อย่างในฝรั่งเศส การโบกรถนั้นเป็นเรื่องธรรมดาๆ
เริ่มแรกอาจเป็นเรื่องที่เหลือทน แต่ถ้านานวันเข้าจะเริ่มชอบกับปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับกทม.อย่างแน่นอนคือรถมีจำนวนน้อยลง การจราจรสะดวกสบายมากขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^  
|
|
|
มารุจัง
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 22-05-2008, 11:49 » |
|
ถามว่าเห็นด้วยมั้ย ก็เห็นด้วยนะคะ แต่.... บ้านหนูอยู่ที่ถ.สุขุมวิท แล้วหนูต้องเีสียค่าผ่านทาง จะไปไหนมาไหน ก็เสร็จสิคะ ฮือ ฮือฮือ
จะนั่งแท็กซี่ พวกนี้เดี๋ยวนี้ก็ไม่รับคนไทยเท่าไร จะนั่งรถเมล์ เวลาซื้อของที่ซุปเปอร์ ก็หิ้วกันไม่ไหว ทำไงดีคะ T_T
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้งปล.รูปจากเวบ ผจก.
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-05-2008, 11:51 » |
|
ถามว่าเห็นด้วยมั้ย ก็เห็นด้วยนะคะ แต่.... บ้านหนูอยู่ที่ถ.สุขุมวิท แล้วหนูต้องเีสียค่าผ่านทาง จะไปไหนมาไหน ก็เสร็จสิคะ ฮือ ฮือฮือ
จะนั่งแท็กซี่ พวกนี้เดี๋ยวนี้ก็ไม่รับคนไทยเท่าไร จะนั่งรถเมล์ เวลาซื้อของที่ซุปเปอร์ ก็หิ้วกันไม่ไหว ทำไงดีคะ T_T
ผมว่าเค้าน่าจะยกเว้น สำหรับผู้ที่มีที่พักอาศัยบริเวณนั้นนะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 “People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
ScaRECroW
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 22-05-2008, 12:14 » |
|
จำได้ว่าตอนอยู่ที่สิงคโปร์ คนที่มีบ้านอยู่ในเขต ก็ซื้อตั๋วเดือน ที่ราคาถูกกว่าตั๋วรายวัน
ผมว่าถ้าทำจริง เงินที่เก็บได้ไม่ควรเอาทำอย่างอื่น แต่เอาไปใช้ในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
เพื่อนร่วมชาติ
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 22-05-2008, 12:24 » |
|
แนวคิดดี น่าศึกษา
แต่มาเริ่มช่วงใกล้หมดวาระแบบนี้ น่าหวาดเสียวครับ
นี่ยังไม่รู้เลยนะว่าอภิรักษ์จะลงสมัครอีกสมัยรึเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
morning star
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 22-05-2008, 15:56 » |
|
เห็นด้วยครับ กับภาษีที่ต้องเสียไปให้กับการจัดการจราจร เป็นภาษีของคนที่ไม่ได้ใช้รถด้วย หนำซ้ำคนที่ต้องใช้ขนส่งมวลชนยังต้องมาเจอกับปัญหารถติดที่คนใช้รถมีส่วนสร้างขึ้นมาอีก
ถ้าใครทำงานอยู่ในโซนนั้น บริษัทควรจะออกค่าใช้จ่ายให้ผู้ใช้รถเข้าไปทำงานด้วย ส่วนผู้อยู่อาศัยในโซนนั้นก็ไม่ต้องเสียค่าขับเข้าไป ส่วนเงินที่เก็บได้ก็เอามาปรับปรุงการจราจรนั่นแหละ จะได้ไม่ไปรบกวนภาษีของประชาชนส่วนใหญ่เค้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
|
|
|
เล่าปี๋
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 22-05-2008, 20:54 » |
|
แนวความคิดอันนี้เห็นด้วยนะ  แต่ในเรื่องการปฏิบัติ คงต้องศึกษารายละเอียดให้ดีเด้ออออ เดี๋ยวจะได้ก้อนหินแทนดอกไม้นะเออ  แนวคิดเรื่องนี้ ผมว่าจะต้องศึกษารายละเอียด
ให้ดีๆก่อน ไม่ยังงั้น เจอก้อนหิน แน่ๆครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
ชัย คุรุ เทวา โอม
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: 22-05-2008, 20:58 » |
|
ไอเดียดี แต่ทำยากครับ
ผมกลัวว่าพอเก็บเงินแล้ว
รถจะมาอออยู่ถนนที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางนั้นสิครับ
คราวนี้ถนนไม่เคยติด มันก็จะติด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..." คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน (How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933 ******************************* เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ http://www.oknation.net/blog/amalit1990
|
|
|
alucardx
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 5
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: 22-05-2008, 22:33 » |
|
ไอเดียสร้างสรรค์ดีครับ แต่แผนปฏิบัติงานถ้าไม่ดีจะเป็นดาบสองคมที่รุนแรงครับ อาจะเกิดกระแสต่อต้าน และได้ขยะมาเต็มกระบุง แต่จริง ๆ แล้วมองอีกแง่หนึ่งอาจเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุรึเปล่าครับ (ในความเห็นผม) ผมว่าเรื่องการใช้ทรัพยากรน้ำมัน มันเกี่ยวเนื่องมาจากปัญหาเรื่องรถติดเป็นประเด็นสำคัญส่วนหนึ่ง การแก้ปัญหารถติดก็ต้องมองอีกว่า เกิดจากอะไร (ในความเห็นผม) เกี่ยวกับทุกคนเลยครับ ไม่ใฃ่เฉพาะคนขับรถ ต้อง educate ทักษะ และมารยาทในการขับรถ เอาง่าย ๆ แค่ไฟสัญญาณสีเหลือง ถ้ารู้ว่าจะต้องชะลอหรือจอดรับส่ง ก็ให้เปิดล่วงหน้าไว้เลย ไม่ใช่ชะลอแล้วค่อยเปิด รถที่อยู่ข้างหลังก็เสียจังหวะในการเปลี่ยนเลน มันก็จะเป็นลูกโซ่ไปอีก ทำให้เกิดรถติด เรื่องคนที่ไม่ได้ขับรถ ต้องให้ความรู้ เวลาข้ามถนน หรือเดินข้างถนน ทำอย่างไร ต้องรอจังหวะกันยังไง รถจะได้ไม่ติด ไปดูแถวเยาวราช เจริญกรุง คลองถม (ทั้งเก่า และใหม่) น่าจะเป็นกรณีศึกษาได้ระดับหนึ่ง และอีกอย่างที่ลืมไม่ได้เด็ดขาด คือให้ความรู้ ฝึกฝนทักษะการปล่อยรถ นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่านี้มาช่วย ไม่ใช่ว่าในแต่ละจุดมองแค่แยกถัดไปและก่อนหน้าแค่ 2-3 แยก และใช้แค่วอ ในการติดต่อสื่อสาร ควรมองเป็นระบบ มันมีศาสตร์ของมันที่น่านำมาศึกษาครับ แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานอีกเป็น 5-10 ปี (โดยเฉพาะการ educate) แต่ถ้าไม่เริ่มก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปก็อย่างน้อยอีก 20 ปี (เพราะตอนนั้นน้ำมันหมดโลกแล้ว ^_^) ผมคิดมากไปรึเปล่าเนี่ย เริ่มต้นขอแค่คนทำงานเป็น เก่ง ไม่โกงมาบริหารประเทศก่อนแล้วกัน (ท่าทางจะขอมากเกินไป) 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คาคาชิ
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: 23-05-2008, 00:37 » |
|
ผมว่า สำเร็จยาก และจะโดนด่าเละ
นึกถึง วงจรชีวิต ของคนใช้รถสิครับ บางคนก็ใช้รถเก๋ง นั่งขับมาคนเดียว แต่ก็มีของที่ต้องขนไว้เบาะหลัง และต้องเข้าไปทำงานในเมือง
พ่อแม่บางคน ก็ห่วงกลัวลูกจะเดินทางไม่สบาย ก็ซื้อรถให้ขับ เข้าไปเรียนในเมือง
ถ้าจะประหยัดพลังงานจริง ๆ ต้องทำให้ ปตท. ลดกำไรสุทธิ ลงเสียบ้าง ไตรมาสแรกของปีนี้ ปตท. กำไร ห้าหมื่นล้าน ส้นตรีนจริง ๆ
ต้องมีการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาว ระยะสั้นคือ ต้องรีบส่งเสริม อุตสาหกรรมการติดถังแก๊สในรถ ต้องทำให้การติดถังแก๊สในรถยนต์ ปลอดภัยที่สุด และรถเก่า ขนาดไหน ก็ต้องติดได้ อันนี้สำคัญ เพราะ 60 เปอร์เซ็นต์ รถที่วิ่งบนถนน เป็นเก่าทั้งนั้น เกิน 10 ปีแล้ว ทั้งนั้น ถ้าติดแก๊สได้ และปลอดภัย คิดดูแล้วกัน น้ำมันจะขายไม่ออกเลยล่ะ
อีกวิธีนึง แต่คิดว่า ทำไม่ได้หรอก คือ ให้ตำรวจ งด ๆ เรียกมอเตอร์ไซด์ มาตรวจซะบ้าง คนเขาจะได้กล้า ๆ ขับมอเตอร์ไซด์ เพิ่มขึ้น จะได้ประหยัดพลังงานไง ที่เขาขับรถเก๋งน่ะ เพราะ รถเก๋ง ไม่ค่อยโดนตำรวจ เรียก รถกระบะ รถมอเตอร์ไซด์ โดนประจำ
อีกวิธีนึงคือ ให้นับจำนวนรถ ถ่วงน้ำหนักกับ จำนวนคนที่มีอยู่ในทะเบียนบ้าน โดยต้องส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ตามเขตต่าง ๆ เพื่อกันการโกหก ให้เจ้าบ้าน แจ้งไปที่อำเภอ ว่า ที่บ้านอยู่กันกี่คน รัฐ จะอนุญาตให้มีรถได้ไม่เกินกี่คัน ก็ว่ากันไป แบบถ่วงน้ำหนัก
แถวบ้านผมนะ มีพวกบ้านหลังเล็ก ๆ แต่เสือกมีรถกันคนละคัน ไอ้บ้านนี้ มันมี 5 คน มันมีรถ 5 คัน แล้วมันก็จอดรถในบ้านไม่ได้ มันก็จอดมั่วไปหมด ผมว่า แบบนี้มันก็เกินไป หากใช้วิธีจำกัด จำนวนรถ ถ่วงน้ำหนักกับจำนวนคนในครอบครัว น่าจะได้ผลมากกว่า ทำให้รถที่อยู่บนถนน ก็จะน้อยลง
อย่าลืมจำกัด พวกแท็กซี่ด้วยล่ะ เพียบเลย
ส่วนปัญหาระยะยาว ก็ต้องหาพลังงานอื่น ทดแทนได้แล้ว ให้น้ำมัน มันขายไม่ออกไปเลย เดี๋ยวมันก็ลดราคาเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ริวเซย์
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: 23-05-2008, 00:49 » |
|
เห็นด้วยกับคุณคาคาชิในหลายประเด็นครับ
แต่ผมไม่เชื่อว่าน้ำมันดีเซลจะราคาลดลงครับ
การใช้น้ำมันดีเซลกับเบนซินของไทยในตลาดโลกน่าจะกระทบกระเทือนน้อยมาก
อีกทั้งน้ำมันดีเซลยังใช้เป็นกำลังการผลิตสินค้าหลายประเภทครับ
ถ้าจะลงก็คงจะลงน้อยมากจริงๆ
แต่ผมสนับสนุนให้มีการประหยัดพลังงานนะครับ ปัญหาโลกร้อนอาจจะดีขึ้นบ้าง แม้จะน้อยนิดก็เถอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^  
|
|
|
morning star
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-05-2008, 05:30 » |
|
ก็กลัวกันเกินไป... ผมยังเชื่ออยู่ว่า จำนวนคนใช้รถส่วนตัวกับจำนวนคนใช้รถสาธารณะ ยังสู้อย่างหลังไม่ได้ เพราะฉะนั้นการผลักภาระไปยังผู้ใช้รถส่วนตัวบ้างก็น่าจะไม่เสียคะแนนเสียงไปมากนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
|
|
|
เล่าปี๋
|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: 23-05-2008, 12:29 » |
|
น่าจะมีนโยบายอื่นๆนำมาพิจารณาด้วย อย่างสลับวันขับรถ รถที่มีทะเบียนวันคู่กับวันคี่จะต้องสลับกันขับคนละ1วัน
หรือนโยบายรับคนข้างทางไปกับรถด้วยถ้าไปทางเดียวกัน อย่างในฝรั่งเศส การโบกรถนั้นเป็นเรื่องธรรมดาๆ
เริ่มแรกอาจเป็นเรื่องที่เหลือทน แต่ถ้านานวันเข้าจะเริ่มชอบกับปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับกทม.อย่างแน่นอนคือรถมีจำนวนน้อยลง การจราจรสะดวกสบายมากขึ้น
คุณ ริวเซย์ ครับ เรื่องวันคู่วันคี่ สลับกันวิ่ง วันคู่ก็เสียเปรียบสิครับ.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
s38593
|
 |
« ตอบ #21 เมื่อ: 23-05-2008, 21:14 » |
|
เห็นด้วยครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|