รัฐบาลหุ่นเชิดย้ำธาตุแท้ ((เร่งเกมแก้รธน.ฟอกมาร))... เมิน "ยุคข้าวยากหมากแพง"

รัฐบาลหุ่นเชิดย้ำธาตุแท้ เร่งเกมแก้รธน.ฟอกมาร (ผ่าประเด็นร้อน)

http://www.naewna.com/news.asp?ID=109753

ทั้งๆ ที่ประชาชนกำลังทุกข์ร้อนกันทุกหย่อมหญ้าทั้งจากบรรดาเกษตรกรชาวไร่ชาวสวนที่ผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำถึงขนาดต้องปิดถนนประท้วง ขณะที่เหล่าผู้ใช้แรงงานและบรรดามนุษย์เงินเดือน ผู้หาเช้ากินค่ำถึงกับชุมนุมประท้วงปัญหารายรับไม่พอกับรายจ่ายจากราคาสินค้าที่พาเหรด

ทยอยพุ่งสูงไม่หยุดในยุคข้าวยากหมากแพง ส่วนชาวประมงเผาเรือประท้วงเนื่องจากรัฐบาลไม่ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้นไม่หยุดจนทำมาหากินไม่ได้เพราะต้นทุนสูง ซึ่งแทนที่รัฐบาลจะมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอันเป็นความทุกข์ร้อนแสนสาหัสของประชาชน กลับตั้งหน้าตั้งตาแก้ปัญหาของใครบางคนที่ต้องการเร่งรีบรวบรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายสำคัญแอบแฝงนั่นคือ ฟอกคดีทุจริตทั้งหมดยุคระบอบทักษิณจากผิดให้เป็นถูก

หลังจากที่พรรคพลังประชาชนอันเป็นพรรคหุ่นเชิดเดินหมากตามแผนเร่งผลักดัน นายชัย ชิดชอบ พ่อยี้ห้อย เนวิน ชิดชอบ สมุนคนสนิทของ"นายใหญ่ผู้นำตัวจริง" ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยเพื่อรับจ๊อบเฉพาะกิจนั่งคือเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ปรากฏว่าล่าสุดทุกอย่างก็ดำเนินไปตามใบสั่งของ "นายใหญ่ผู้นำตัวจริง" โดยสส.พรรคพลังประชาชนราว 100 คน เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภาด่วนจี๋

เมื่อยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเช่นนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนเพราะเมื่อเปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีระหว่างวันที่ 9-30 มิ.ย.นี้ ประธานรัฐสภาก็สามารถบรรจุญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าเสียบต่อท้ายวาระการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีอย่างแนบเนียนได้ทันที

ประเด็นที่พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค มักหยิบยกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมและกลบเกลื่อนเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริงก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภา ซึ่งถือเป็นข้ออ้างแบบศรีธนญชัยดื้อตาใสไปแบบน้ำขุ่นๆ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว กลุ่มสส.ที่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นสส.พรรคพลังประชาชน และตอนที่จะยกมือลงมติเพื่อผ่านร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องอาศัยเสียงข้างมากซึ่งก็ล้วนเป็น มือของ สส.พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสิ้น

การอ้างว่าเป็นเรื่องของสภาจึงสะท้อนความตลบตะแลง เพราะตามระบอบรัฐสภาแบบไทยๆนั้น รัฐบาลกับสภาก็คือ คนกลุ่มเดียวกันที่แยกจากกันไม่ออก โดยสส.ที่ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล รวมทั้งสส.ที่ทำหน้าที่ในสภาก็ล้วนสังกัดพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ครองเสียงข้างมาก

จากการดันทุรังหักดิบที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามใบสั่ง"นายใหญ่ผู้นำตัวจริง"ให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นโดยไม่แยแสต่อกระแสคัดค้านกำลังจะกลายเป็นชนวนระเบิดเวลาลูกใหญ่ซึ่งอาจนำไปสู่กลียุคในบ้านเมืองจากการลุกฮือต่อต้านของพลังมหาชนที่มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นหัวหอก

ทั้งนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ประกาศท่าทีชัดแจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับฟอกมาร เมื่อนั้นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็จะเคลื่อนไหวชุมนุมครั้งใหญ่ทันที

เพราะฉะนั้น การเร่งรีบยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนครั้งนี้ จึงเป็นการเผยธาตุแท้ของตัวเองอย่างชัดเจนล่อนจ้อนว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดที่กำลังสมคบกันเพื่อฟอกมารบางตัว เพราะขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้ายังมีกะจิตกะใจมาแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง เพราะฉะนั้น รัฐบาลและพรรคการเมืองประเภทนี้ประชาชนสมควรให้โอกาสทำหน้าที่ต่อไปอย่างนั้นหรือ

ทีมข่าวการเมือง

วันที่ 21/5/2008