ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 07:00
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  วันพระใหญ่ เบรคอารมณ์กันติ๊ดนึง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
วันพระใหญ่ เบรคอารมณ์กันติ๊ดนึง  (อ่าน 911 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 19-05-2008, 10:48 »

สังคมพระศรีอาริย์
ไทยรัฐ[19 พ.ค. 51 - 19:45]
 
สมัยที่ท่านอาจารย์พุทธทาสยังไม่ละสังขาร เวลาบ้านเมืองมีปัญหา เราก็จะได้ยินเสียงท่านเทศนาจำแนกแจกแจงแสดงเหตุและผล ก้องดังกังวานทางวิทยุ

วันนี้ ผู้คนในบ้านเมืองแตกแยกเป็นสองฝ่าย...ไม่มีใครฟังใคร ไม่มีถูกไม่มีผิด

ที่จริงความถูกความผิดก็ยังมีอยู่ แต่ความผิดที่ชัดเจน คือความผิดที่เกิดจากความไม่สมัครสมานสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในภาวะเรากำลังเผชิญหน้าสงครามเศรษฐกิจ ครั้งสำคัญ

ท่านอาจารย์สอนไว้ในหนังสือ สังคมคืออะไร...ท่านย้ำว่า สิ่ง มีชีวิตต้องอาศัยกันและกัน

คนจะอยู่ตามลำพังคนเดียวไม่ได้ จะรอดชีวิตอยู่ด้วยการมีอาหารกิน ต้องเนื่องอยู่ด้วยกันและกัน เมื่อมีกรณีที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็มีผู้ช่วยเหลือด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน

สัตว์เดรัจฉาน...อยู่รวมกันเป็นฝูง ปลอดภัยกว่าแยกกันอยู่ ช่วยกันระมัดระวังอันตรายให้กัน จึงเกิดระบบสังคม...ในหมู่สัตว์เดรัจฉาน

กระทั่งต้นไม้...ถ้ามองดูกันสักนิด ก็จะเห็นว่า มันรวมอยู่กันเป็นกลุ่ม ต้านทานอันตรายเช่นพายุได้ เก็บความชื้น เก็บอาหารหรือน้ำได้ดีกว่า...แยกกันอยู่โดดเดี่ยว

ต้นไม้ในป่าหนาแน่นอยู่ด้วยกันปลอดภัย เจริญงอกงามกว่าต้นไม้ที่อยู่ตามลำพัง

นี่คือวัฒนธรรมประจำสิ่งมีชีวิต

สำหรับมนุษย์ อุดมคติที่จะอยู่ร่วมกัน ข้อแรก ต้องถือว่าทุกชีวิตเป็นเพื่อนทุกข์

สมัยก่อนเคยได้ยินบ่อยๆ “สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น” สมัยนี้ ไม่ค่อยได้ยิน เพราะมีสิ่งยั่วให้ คนเห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้น

สิ่งยั่ว...คือความเอร็ดอร่อย เป็นสุขเวทนาทางเนื้อหนัง

จะแก้ปัญหาความเห็นแก่ตัว ท่านอาจารย์พุทธทาสแนะว่า ต้องปฏิบัติตามวิถีของศาสนา

ถ้าเห็นว่าดีกว่าเรา หรือเก่งกว่าเรา สามารถกว่าเรา ก็ให้เคารพเชื่อฟังเขา เอาอย่างเขา ไม่ต้องไปอิจฉาริษยา

ถ้าเห็นว่า เลวกว่าเรา ต่ำกว่าเรา หย่อนสมรรถภาพกว่าเรา ก็ให้ ช่วยเหลือเขา ให้สงสารเขา

ถ้าเห็นว่าเสมอกัน เท่าๆกัน ก็ควรรักใคร่กลมเกลียวกัน เป็นเพื่อนกัน

ถือตามหลักเกณฑ์นี้...จะเห็นได้ว่า เราไม่มีทางที่จะอิจฉาริษยากัน ไม่มีทางเฉยเมยทอดทิ้งกัน ก็จะสร้างสังคมใหม่ขึ้นมา เป็นสังคมที่มีแต่มิตรสหายโดยส่วนเดียว

ท่านอาจารย์พุทธทาสแนะให้สังเกตคำ พระศรีอาริยเมตไตรย ...คำเมตไตรย มีความหมายถึงความเป็นมิตร อารยเมตไตรย คือความเป็นมิตรอย่างประเสริฐสุด

เมื่อศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้มาถึง โลกมนุษย์นี้จะมี ลักษณะตรงตามชื่อนั้น คือมีความเป็นมิตรกันอย่างประเสริฐสูงสุด... ถึงที่สุด

ความจริง วันนี้เรายังมีเทปอัดเสียงธรรมะของท่านอาจารย์พุทธทาส ให้เลือกฟังอยู่ครับ หรือจะเปิดหนังสืออ่าน เลือกตอนที่ตรงกับปัญหา

อ่านแล้วก็แน่ใจ ท่านอาจารย์พุทธทาสไม่ได้ทอดทิ้งไปไหน ท่านยังอยู่กับพวกเรา

ไม่ต้องรอให้สิ้นกัปสิ้นกัลป์ ไม่ต้องรออีกหลายพันปี แค่คนในบ้านเมืองรู้จักหาวิธีเป็นมิตรกัน...โลกพระศรีอาริย์ ก็จะมาถึงทันที ที่นี่ เดี๋ยวนี้เลย.

กิเลน ประลองเชิง
 
 


ลอง ๆ "แผ่เมตตา" กันซักตั้ง บางที "โลกที่ร้อน" อาจเย็นลง
"ไก่ในเข่ง" มัวแต่จิกตีกัน คงหาสวรรค์ไม่เจอ


ปลงๆ ซะบ้างเถอะ แม่จำเนียร...

******
อันนี้ของพี่ซูม

จุดเด่นของศาสนาพุทธมิใช่อยู่ที่สิ่งปลูกสร้าง หรือสถานที่...แต่อยู่ที่พระธรรมคำสั่งสอนต่างหาก

คำสั่งสอนที่ยิ่งใหญ่...ยิ่งอ่านยิ่งฟังยิ่งทำความเข้าใจ ก็ยิ่งนับถือและศรัทธา

แม้คำสั่งสอนสั้นๆที่สถานีโทรทัศน์สี ช่อง 3 อัญเชิญส่งมาให้ผม เนื่องในวันวิสาขบูชาเมื่อ 2 วันก่อน ก็มีความหมายที่ควรจดจำ

ปาเป น รมตี สุจิ

คนมีอัธยาศัยสะอาด ย่อมไม่ยินดีในกรรมที่เป็นบาป เมื่อใจไม่ยินดีแล้วก็จะไม่ทำบาปด้วย กาย วาจา ใจ เหมือนคนที่สะอาดย่อมเกลียดต่อสิ่งที่สกปรกฉะนั้น

ขอขอบคุณ ช่อง 3 และขอมอบธรรมะสั้นๆบทนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลแด่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ในวันวิสาขบูชา 2551 ด้วยเทอญ.

“ซูม”

******************
หมายเหตุประเทศไทย

นำเทศนาของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เรื่อง “ฟื้นสุขภาวะ ยามสังคมวิกฤติ” บางตอนมาเล่าสู่กันฟังเพื่อฟื้นสติคนไทย

ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ได้เตือนคนไทยว่า “ถ้าป่วยทางปัญญา นับว่าแย่ที่สุด” ท่านบอกว่า “เวลานี้สังคมไทยมีอาการป่วยอย่างร้ายที่สุด คือ ป่วยทางปัญญา ขอให้พิจารณาดูเถิด เวลานี้ปัญหาสุขภาวะที่น่ากลัวที่สุด คือ ความป่วยทางปัญญา

ความป่วยสองอย่างนี้มันเกี่ยวเนื่องกัน คือ ป่วยทางใจกับป่วยทางปัญญา หรือ ป่วยทางอารมณ์กับป่วยทางปัญญา พออารมณ์เสีย จิตใจไม่ดี ปัญญาก็มืดมัว ถ้าปัญญาไม่มี ใจก็อึดอัดอับจนหาทางออกไม่ได้ ก็คิดเคว้งคว้างออกนอกลู่นอกทาง ทำใจไม่ถูก เลยซ้ำเติมตัวเอง เป็นวงจรร้ายที่ทำให้ปัญหารุนแรงยิ่งขึ้น

ลองหันกลับไปมองดูเถิด ที่ว่าดูทีวี ฟังข่าววิทยุ เห็นหน้าคนได้ยินเสียงนายนั้นนายนี้ เห็นเหตุการณ์บ้านเมืองแล้วเบื่อหน่าย หดหู่ ห่อเหี่ยว ละเหี่ยใจนั้น นี้คือความรู้สึกที่ซบเซาหรืออารมณ์ที่ฝ่อ ซึ่งไม่มีกำลัง มันปิดกั้นปัญญา

แล้วถ้าดูลึกลงไปก็จะเห็นว่า ความรู้สึกหรืออารมณ์นั้น เกิดจากการมีท่าทีเอาตัวลงเป็นผู้ถูกกระทำ “มองตัวเป็นผู้ถูกกระทำ” ถูกคนนั้นคนนี้กระทำ ถูกเหตุการณ์ที่เป็นอย่างนั้นมันกระทำกระทบกระแทกเอา เมื่อรู้สึกตัวถูกกระทำอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องแย่แน่เป็นธรรมดา

แล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องวางท่าทีใหม่ มองตัวเองใหม่ คือ“ตั้งตัวขึ้นมาเป็นผู้กระทำ” ก่อนนี้เรารู้สึกเบื่อหน่าย ห่อเหี่ยว มันกลบมันฝังเราให้จมอยู่กับมัน ก็เลยปิดกั้นปัญญา พอเราตั้งใจใหม่ บอกตัวเองว่า เราจะต้องหาช่องทางเยียวยาแก้ปัญหาของสังคมนี้เท่านี้แหละ กำลังก็เกิดมีขึ้น ก็เปิดรับปัญญาให้เข้ามาได้ทันที พอปัญญาทำงาน เราก็กลับเป็นผู้กระทำ

ไม่ต้องอะไรมาก แค่ตั้งตัวขึ้นมาเป็นผู้ดู เป็นผู้ติดตามเรื่อง มีท่าทีเป็นผู้ศึกษาเหตุการณ์หรือศึกษาคนนั้นๆ แค่นี้ เราก็กลายเป็นผู้กระทำขึ้นมาแล้ว

พอยกตัวขึ้นมาเป็นผู้กระทำเท่านั้นแหละ ความรู้สึกเบื่อหน่ายละห้อยละเหี่ยก็จะหายไปทันที ถ้าไม่หมดก็แทบจะหมดไปเลย ความเจ็บป่วยทางอารมณ์ก็หายไป สุขภาวะทางจิตใจก็กลับคืนมาและดีขึ้นๆ พร้อมกับความงอกงามของสุขภาวะทางปัญญา

คนไทยเรามักเอาความรู้สึกเป็นใหญ่ อยู่กับความรู้สึกมาก เพราะฉะนั้นจะต้องแก้ไข เอาปัญญามาเป็นใหญ่ ใช้ปัญญาให้มาก ต้องพัฒนาให้เป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมทางปัญญาสูง”

ผมขอสรุปเอาเองว่า เราต้องไม่เอาตัวเองลงไปคลุกกับปัญญาลุกขึ้นมาเป็นผู้ดู แล้วก็จะเกิดปัญญา มองเห็นปัญหา และแนวทางการแก้ปัญหา อย่าใช้อารมณ์ความรู้สึกมาเป็นตัวตัดสิน ใช้ปัญญาตัดสินแทน สุขภาวะทั้งหลายก็จะบังเกิดขึ้นแก่สังคมไทยที่กำลังหน้าดำกรำทุกข์แล.

"ลม เปลี่ยนทิศ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2008, 11:23 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

เช็คบิล
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 580



« ตอบ #1 เมื่อ: 19-05-2008, 10:52 »

รับทราบครับผม
บันทึกการเข้า
An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 19-05-2008, 11:11 »

โดยปรกติ...สำหรับตัวผม


ถ้าเป็นวันดีๆ เช่นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  วัีนขึ้นปีใหม่อะไรเทือกนี้...

ผมก็จะงดตั้ง งดตอบกระทู้ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้วครับ... โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองนี่ยิ่งไม่ยุ่งใหญ่เลย..


เพราะืถือว่าเป็นการละ เป็นการปล่อยว่างซักวัน...   เพื่อให้้ทั้งร่างกายและจิตใจผ่องใสครับ

และยังเป็นการฝึกฝนตนเองให้มีคามรู้จัีกอดทนครับ... และรู้จักปล่อยวางให้มันมากขึ้นกว่านี้... 
บันทึกการเข้า
DAWN
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 180


« ตอบ #3 เมื่อ: 19-05-2008, 20:04 »

 สาธุ ขอน้อมรับคำสอนของอาวุโส ด้วยใจจริง
บันทึกการเข้า

Shr
หน้า: [1]
    กระโดดไป: