ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 20:39
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สมัครสอนธรรมะผิด ๆ มาได้ยังไง "กาลามสูตรคือประชาธิปไตย" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สมัครสอนธรรมะผิด ๆ มาได้ยังไง "กาลามสูตรคือประชาธิปไตย"  (อ่าน 1735 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 19-05-2008, 02:13 »

วานนี้ฟังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง ทางช่อง NBT ทังพูดจาประสาสมัครและการเปิดงานสัมนา "วันวิสาขบูชาโลก"

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อายุ 70 กว่า ๆ ปาฐกฐาต่อหน้าพระ ต่อหน้าพุทธศาสนิกชน ทั่วโลกในตึก ยูเอ็น

ตอนหนึ่งที่นายสมัครกล่าวสรรเสริญพระพุทธศาสนา ว่าเป็นประชาปไตย นั้นถูกแล้ว แต่คำอธิบายหรือเหตุผลประกอบมันผิดครับท่าน

ผิดครั้งที่ 1 ในรายการพูดจาประสาสมัคร แต่ด้วยความมีอาวุโส คงไม่มีใครกล้าทัดทานหรือชี้แนะข้อบกพร่องของการพูด

อาจจะเพราะเกรงว่าจะเจอคำตอบทำนอง "พูดหาหอกอะไร" ก็เป็นได้

จึงได้เกิด "ความผิดซ้ำสอง" ในที่ประชุม "พุทธศาสนิกชนทั่วโลก" ต่อหน้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงฆ์ ผู้ทรงคุณอันประเสิรฐ

การเป็นประชาธิปไตยในศานาพุทธ นั้นเค้าเรียก "สังฆกรรม" หรือ "ที่ประชุมสงฆ์" มีการออกเสียง ใช้เสียงเอกฉันท์ตัดสิน

ใครเห็นด้วยให้นั่งนิ่ง ใครคัดค้านให้เสนอข้อคิดเห็น


สุดท้าย "มติสงฆ์ ต้องเป็นเอกฉันท์" นั่นคือถกเถียงจนเกิดความเห็นพ้องต้องกัน

จึงจะถือว่าเป็น "มติสงฆ์" นั่นคือยอมรับในเหตุผลของกันและกันอย่างจริงใจ

ไม่ใช่ "พวกมากลากไป"

เช่นกรณีจะให้ใครรับผ้ากฐืนได้ครองผ้ากฐิน พระสงฆ์ก็จะประชุมกัน ภิกษุรูปใดสมควรได้รับ ก็จะมีการออกเสียงกัน มีการเสนอมีการยอมรับ

โดยเปล่งเสียง "สาธุ" ขึ้นพร้อมกันในที่ประชุมสงฆ์ ที่เรียกว่า "สังฆกรรม"

นั่นเรียกว่าประชาธิปไตยในศาสนนาพุทธ

ส่วน "กาลามสูตร" เป็นการ "แสวงหาความรู้ แสวงหาความจริงแท้"

อย่าเชื่อ "มงคลตื่นข่าว"

อย่าเชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ เว้นแต่ได้ใคร่ครวญเป็นอย่างดีแล้วเท่านั้น

เป็นวิถีที่จะเข้าสู่การแสวงหาความจริงแท้ ตามแบบพุทธอย่างหนึ่ง คือใช้สมอง ใช้หลักเหตุผล

มันไปเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตย อย่างที่นายสมัครพูดตรงไหนหว่า

ท่านเป็นเด็กวัด ผมก็เป็นเด็กวัด แต่สงสัยเรียนมาจากคนละอาจารย์ครับ

อย่าเที่ยวไปอ้างชื่อ หลวงพ่อครูบาอาจารย์นะครับ

มีลูกศิษย์เข้าใจผิดในธรรมะ ไม่รู้เรื่องศีลเรื่องธรรมะ จะเสียไปถึงครูบาอาจารย์

ไม่รู้กระทั่ง "ศีลของนักการเมือง" ซึ่งมันจะเสื่อมเสียถึงครูบาอาจารย์

ซึ่งจะเสื่อมเสียไปถึงหนึ่งใน "ทิศ 6 " คือ ทิศเบื้องบน

ศีลพระ 227 ศีลเณร 10 ศีลอุบาสกอุบาสิกา 8 ศีลชาวบ้าน 5 ทำให้เป็นปกติ

ศีลนักการเมือง มาตรา 182 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะตัว ท่านศึกษาถ่องแท้แล้วหรือไม่

ท่านทราบว่า ศาสนาพุทธใช้หลัก "ควรไม่ควร" ไม่ค่อยใช้คำว่า "ต้อง" จึงอยู่ได้มา 2500 กว่าปี

นักการเมืองรู้จักเรื่อง "ควร ไม่ควร" เกี่ยวกับ "ศีล" บ้างหรือไม่

เห็นพูดธรรมะเป็นวรรคเป็นเวร แต่ก็ดันยกตัวอย่างเชิดชูผลงานตัวเองกว่าครึ่ง...อภิโถ...

พุทธศานิกชนทั่วโลก เค้าไม่รู้หรอกครับว่าเมืองไทยมี "พระขุนแผน" ดันอธิบายซะเป็นคุ้งเป็นแคว...

"มันแม่น อีหยังน้อ พระขุนแผน" ข้อยเคยได้ยินแต่ "พระขี้คั่ง"


อ้อ...ตอนนี้ผมก็ใช้ "หลักกาลามสูตร" คือ

"อย่าเชื่อแม้คนพูดเป็นนายกรัฐมนตรี"

ให้ธรรมะแบบผิดๆ ถูก ๆ ก็เหมือนทำลายศาสนาเหมือนกันนะครับ

เฮ้อ..ผมเก็บผมหงอกจากท่านไว้ได้หลายเส้นแล้ว วันนี้ ขออีกซักเส้นนะครับท่าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2008, 03:54 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 19-05-2008, 02:28 »

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล เรียกว่า เกสปุตตสูตร ก็มี

กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อ ไม่ให้เชื่องมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี ก่อนเชื่อ มี ๑๐ ประการคือ

๑. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา

๒. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา

๓. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ

๔. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา

๕. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา

๖. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา

๗. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล

๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน

๙. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้

๑๐.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่

ปัจจุบันได้เกิดแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ ๒๕๐๐ ปีก่อนบรรจุไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในประเทศพัฒนาแล้ว เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking)

ที่มา : วิกิพีเดีย
อ้างอิง :
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
เกสปุตตสูตร อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #2 เมื่อ: 19-05-2008, 03:03 »



ผมว่าเป็นกระทู้ที่ตั้งข้อสังเกตได้ดีครับ

ผมรู้สึกว่าท่านนายกฯอาจจะไม่ได้ลึกในธรรมะของพุทธศาสนา

แต่เท่าที่ฟังผ่านๆคือท่านเน้น ให้ชาวพุทธใช้หลักะรรมในการดำเนินชีวิต

และสามารถบอกกล่าวชาวต่างชาติ ว่าเป็นศาสนาแห่งเหตุผล
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 19-05-2008, 03:25 »

วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม 2551
ประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา ( คนละแบบกับของนายสมัคร )
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 3 , 03:03:55 น.   


เขียนโดย kroophra.net     

ลักษณะประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา

หลักที่ยึดถือกันในทางการเมืองระบบประชาธิปไตยประการหนึ่งคือ  การให้ประชาชนปกครองตัวเองในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าก็ได้ทรงถือหลักนี้เป็นสำคัญที่สุด

หลักและวิธีการประชุม

1.องค์คณะและองค์ประชุม  เนื่องจากสังฆกรรมแต่ละอย่างมีความสำคัญแตกต่างกัน ฉะนั้นพระองค์จึงทรงกำหนดจำนวนพระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นสมาชิกที่จะประชุม ที่จะทำกิจกรรมแต่ละอย่างมากน้อยกว่ากันดังต่อไปนี้

ภิกษุสงฆ์ 4 รูป เรียกว่า จตุวรรค

ภิกษุสงฆ์  5 รูป เรียกว่า ปัญจวรรค

ภิกษุสงฆ์  10  รูป เรียกว่า ทสวรรค

ภิกษุสงฆ์  20  รูป เรียกว่า วีสติวรรค

ภิกษุสงฆ์เกิน  20  รูป  ทำสังฆกรรมได้ทุกชนิด

2.สถานที่ประชุม   การทำสังฆกรรมคือ กิจของสงฆ์ทุกอย่างต้องมีข้อกำหนดเรื่องสถานที่ประชุม เรียกว่า สีมา  สีมาหรือเขตแดนสำหรับกำหนดสถานที่ประชุมนั้นไม่ให้เล็กเกินไปจนไม่อาจให้ภิกษุ 21 รูป นั่งได้และไม่ให้ใหญ่เกิน 3 โยชน์

วัตถุอันใช้กำหนดเขตสีมา ได้แก่ ภูเขา ป่าไม้  จอมปลวก แม่น้ำ

ดังจะเห็นได้ เช่น การปกครองแคว้นวัชชี ซึ่งมีนครหลวงชื่อ กรุงเวสาลี นั้นมี ลิจฉวีสภาคือ สภาของเจ้าลิจฉวีมีการประชุมแบบสภาผู้แทนราษฎรเหมือนกัน  เมื่อเห็นอย่างนี้จะว่าพระพุทะศาสนาเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยอันเก่าแก่อย่างไร
           
ตอบว่า การปกครองของเจ้าลิจฉวีมีพระมหากษัตริย์เหล่านั้นหาใช่ประชาธิปไตยไม่แต่เป็นอภิชนอธิปไตย (Aristocracy) คือกลุ่มชนสูงเป็นใหญ่โดยการผูกขาดว่าจะต้องเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ลิจฉวีและวงศ์มัลละ ประชาชนทั่วไปมีส่วนเป็นผู้ออกเสียงในสภานั้นไม่ แม้ประวัติของประชาธิปไตยในยุคของกรีกเองเท่าที่เราสอนได้จากชีวประวัติของนักปราชญ์คนสำคัญ เช่น ซอเครติส (Socrgtes) เพลโต(Plato) และ  อริสโตเติล (Aristotle) ก็เป็นยุคหลังพุทธปรินิพพาน คือ

พระพุทธเจ้านิพพานก่อนซอเครติสเกิดประมาณ 75 ปี  ก่อนเพลโตเกิดประมาณ 115 ปี และก่อนอริสโตเติลเกิดประมาณ 159 ปี

3. สิทธิของผู้เข้าประชุม  ภิกษุที่เข้าประชุมในการทำสังฆกรรมทุกประเภทย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกัน ในการแสดงความคิดเห็นทั้งในทางคัดค้านและในทางสนับสนุน

4. มติที่ประชุม    ในสังฆกรรมทั่วไปมติที่ประชุมต้องเป็นเอกฉันท์ จะคัดค้านแม้แต่เสียงเดียวไม่ได้ วิธีลงมติในกรณีเช่นนี้ถ้าเห็นด้วยให้นิ่งอยู่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ให้คัดค้าน 

""""""""""""""""""

ไม่เหมือนประชาธิปไตยโดยหลักกาลามสูตร ของท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยครับ


แคน ไทเมือง

http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/19/entry-2

บล็อคเกี่ยวเนื่อง
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/19/entry-1
บันทึกการเข้า

ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #4 เมื่อ: 19-05-2008, 04:08 »

อะ ให้เกียรติท่านนายกหน่อยละกัน

ท่านสมัครผู้มีธรรมสูงสุด เคยด่าหลวงตามหาบัวออกทีวีด้วยว่า "ผมขอรับรองครับ ว่าคนๆนี่้ ไม่ใช่พระ"

เลยงงกะท่านนายกเหมือนกันว่า "อ้าว แล้วมึงเห็นเป็นอะไรครับ"
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #5 เมื่อ: 19-05-2008, 10:15 »

คนวาจากักขฬระอย่างหมักเมถุนยังกล้าเสนอหน้าอธิบายเรื่องศาสนาอีกเหรอ
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #6 เมื่อ: 19-05-2008, 10:18 »

อย่าไปว่าท่านนักเลย 

ท่านก็เป็นพุทธศาสนิกชน 

ท่านนั้นถือศีล 226 ข้อ หย่อนไปข้อเดียว 

"มุสาวาทา เวระมนีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ" 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 19-05-2008, 11:05 »

แค่สัจจะ กับ สัมมาวาจา หรือ ปิยะวาจา ยังทำไม่ได้

แล้วจะไปสั่งสอนพระนวกะ ที่มีศีลสูงกว่า

บาปจะกินหัวยังไม่รู้เลย
บันทึกการเข้า

qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #8 เมื่อ: 19-05-2008, 12:13 »

เคยบอกแล้วว่า 
สมัคร  สุนทรเวช เป็นเดรัจฉานการเมือง
มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญ
รู้ั้วิธีเอาตัวเอาตัวรอดและหาประโยชน์ จากแหล่งพักพิงอาศัยที่เรียกว่า "ป่าการเมือง"
ทุกวันนี้เป็นเหมือน "สัตว์แก่ ๆ" ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยประสบการณ์ "ความเก๋า"
รู้ว่าที่ใดเป็นแหล่งอาหาร 
รู้ว่าจะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสัตว์ที่แข็งแรงกว่าหรือสัตว์ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวอย่างไร

จวบจนกระทั่งมีเดรัจฉานการเมืองอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นเพียงปรสิตในวงการธุรกิจ
ได้อาศัยเดรัจฉานการเมืองที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" ตัวนี้
เพียงเพราะอยากได้ "กลิ่นสาบสาง" ที่มันทิ้งไว้
ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นตัว หรือกลิ่นขี้เยี่ยว หรือแม้แต่กลิ่นศพเหยื่อที่มันปล่อยทิ้งไว้ตามเส้นทาง
ซึ่งตัวสมัครก็รู้เหมือนเดรัจฉานการเมืองทุก ๆ ตัวรู้  ว่า
แท้จริงแล้วสัตว์แก่ ๆ อย่างกูนั้น มิได้มีคุณค่าอันใดหรอก
นอกจากต้องหน้่าด้านอยู่ต่อไป พร้อมกับส่งกลิ่นสาบสาง โดยแถม "เสียงครางอันแหบแห้งน่าเวทนา" ไปเรื่อย ๆ
เพื่อให้เดรัจฉานตัวใหม่ - ตัวใหญ่ และมาแรงตัวนั้น...เอ็นดู




โพสแบบนี้ถือว่าเป็น "ธรรมะ" เพียงพอที่จะใช้สอน "เดรัจฉานการเมืองแก่ ๆ ตัวหนึ่ง" ได้ไหม ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2008, 12:34 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-05-2008, 10:15 »

ก็เห็นไอ้เนี่ย พอมีเวลาหน่อย ก็เสร่อ ไปสอนพระเรื่องพุทธศาสนาออกบ่อยๆนี่ครับ

เข้าทำนองสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำแท้ๆ  (แล้วก็เสือกสอนผิดอีกตะหาก  )
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หน้า: [1]
    กระโดดไป: