สมัครเสียว กกต. งด บ่นไปชิมไป...อ้างรับจ้างไม่ใช่ลูกจ้าง

[Can ไทเมือง]

วันอาทิตย์ ที่ 18 พฤษภาคม 2551
สมัครเสียว กกต. งด บ่นไปชิมไป...อ้างรับจ้างไม่ใช่ลูกจ้าง
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 130 , 07:46:46 น.   


เมื่อเช้า หลับๆ ตื่นๆ รอฟังเสียง มีศักดิ์ นาครัตน์ "บ่นไปชิมไป"ช่อง 3

แต่ไม่ยักกะมีแฮะ สงสัยตะหลิวหาย หรือไม่ก็งด...เป็น "พรีเซ็นเตอร์กิตติมศักดิ์" ซะงั้น

หายปายหยายอ่ะ...หายปายหนายอ่ะ

ก๊าก ๆๆๆๆ
   

แคน ไทเมือง

ข้อมูลเดิม

วันศุกร์ ที่ 16 พฤษภาคม 2551
หมักจะซวยเพราะไปรับจ้างทำชิมไปบ่นไป ฮ่า ฮ่า
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 100 , 03:49:58 น.   
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/16/entry-1

หมักจะซวยเพราะไปรับจ้างทำชิมไปบ่นไป ฮ่า ฮ่า  
http://forum.serithai.net/index.php?topic=22070.0

ด้วยความอยากรู้ จึงลองเสิร์ชตามเว็บข่าว ปรากฎว่า...

เว็ปไซต์มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ จ.เพชรบูรณ์ สายนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและผู้ดำเนินรายการ
'ชิมไปบ่นไป' ได้เดินทางไปเพื่อบันทึกเทปถ่ายทำรายการ ที่บริเวณตลาดสดเทศบาล 2 ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์
แต่นายสมัครและกองถ่ายทำ ได้เปลี่ยนแปลงและยกเลิกการบันทึกเทปถ่ายทำรายการโดยกะทันหัน หลังแวะรับ
ประทานอาหาร ที่ร้านลูกหมู ริมถนนสามัคคีชัย พร้อมเดินทางออกจากพื้นที่ โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ประชาชนและ
พ่อค้าแม่ค้าบางส่วนที่ต้อนรับนายสมัคร ผิดหวังไปตามๆ กัน

http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=110280

เฮ้อ....คนแก่ท้องเสียนี่เอง อิ อิ
ไปลาวก็ท้องเสีย
เที่ยวนี้ก็ท้องเสีย

ด้วยความเป็นห่วงก็อยากจะขอว่า

จะกินอะไรก็บันยะบันยังไว้บ้าง....กินของไม่ดีท้องเสียเอาง่าย ๆ

**************************

ที่ไหนได้ ก่อนพูดธรรมะเป็นตุเป็นตะในรายการสนทนาประสาสมัคร

มาออกตัวว่าให้งดรายการ "ชิมไปบ่นไป" ไว้ก่อน เพราะมีการพิจารณาเรื่องในในกกต. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย...ว่างั้น

สมัครบอกว่าจะทำหนังสือชี้แจงไปว่า ไม่ใช่ลูกจ้างเป็นแค่"คนรับจ้าง" ไม่ผิดกฎหมาย

เออ....เพิ่งรู้นี่แหละว่า คนรับจ้าง เราไม่เรียกลูกจ้าง...เฮ้อ...

หารูออกให้ดี เพราะนี่ถึง"หลุดจากตำแหน่งนะจ๊ะ..."

ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม

ศิลข้อ 4 ที่ท่องเป็นตุเป็นตะนตะเป็นกละเป็นเกลื้อน เลื่อนเปื้อนตั้งแต่หัวรายการเลยนะลุง

พรุ่งนี้วันพระ...อดใจไว้ก่อน เค้าบอกว่า..."วันพระไม่ได้มีหนเดียว"

ฮ่า ฮ่า


แคน ไทเมือง
 
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/18/entry-1

[Can ไทเมือง]

เว็ปไซต์มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ จ.เพชรบูรณ์ สายนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและผู้ดำเนินรายการ
'ชิมไปบ่นไป' ได้เดินทางไปเพื่อบันทึกเทปถ่ายทำรายการ ที่บริเวณตลาดสดเทศบาล 2 ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์
แต่นายสมัครและกองถ่ายทำ ได้เปลี่ยนแปลงและยกเลิกการบันทึกเทปถ่ายทำรายการโดยกะทันหัน หลังแวะรับ
ประทานอาหาร ที่ร้านลูกหมู ริมถนนสามัคคีชัย พร้อมเดินทางออกจากพื้นที่ โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ประชาชนและ
พ่อค้าแม่ค้าบางส่วนที่ต้อนรับนายสมัคร ผิดหวังไปตามๆ กัน

http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=110280

[login not found]

หุหุ คนที่รับจ้างเขาเรียกอะไรละครับ
ไม่ใช่ลูกจ้าง
5555

[kara - kasung]

ถึง กกต...ท่านตั้งแง่ เรื่องชิมไปด่าไป ไม่ว่ากัีน แต่ขอร้องอย่าสัปดน ไปตีความหาเรื่องว่า
ตำแหน่งนายก ฯ ของลุงหมัก..เป็นอาชีพรับจ้าง หรือลูกจ้าง  นะครับ

[55555]

มาอีกแล้ว พวกศรีธนนชัย...

จริง ๆ ผม ก็ได้สนใจ ประเด็นนี้ซักเท่าไหร่...เนื่องจาก ยังเป็นว่า เป็นข้อปลีกย่อย...

คล้าย ๆ กับ กรณีซุก คุณวิรุฬ หรือ คุณไชยา.......

แต่ ลุงหมัก เล่น เอาทีวีสาธารณะ สื่อรัฐบาล มาชี้แจงแบบนี้...

ผมว่า มันเกินไปแล้วครับ.....

ลุงสมัคร บอกเป็นแค่รับจ้างไม่ใช่ ลูกจ้าง....เฮ้อ ! แถ ดีครับ....เลี่ยงคำดีจัง

เจตนารมณ์ ของกฏหมาย ก็เพื่อไม่ให้ มีผลประโยชน์ ก้บ ฝ่ายเอกชน ....

 

[Can ไทเมือง]

  'สมัคร' แจงไม่ได้เป็น 'ลูกจ้าง' รายการ 'ชิมไปบ่นไป'
มติชน วันที่ 18 พฤษภาคม 2551 เวลา 08:53:45 น.

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ 'สนธนาประสาสมัคร' ถึงกรณีที่ยุติการถ่ายทำรายการ 'ชิมไปบ่นไป' ที่ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า สาเหตุที่รายการของตนหายไป 2 วัน เช่น รายการชิมไปบ่นไป เป็นเพราะว่าเมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีมา 3 เดือน มีกลุ่มบุคคลที่พยายามจะนำตนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ตลอด ตอนแรก ถูกกล่าวหาว่าแจกซีดีเมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งก็รอดตัวมาไป ต่อมาก็มีคนไปแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกว่าตนพ้นจากการดำรงตำแหน่งส.ว.มาไม่ถึง 2 ปี ทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งกกต.ก็บอกว่าตนเป็นได้ ต่อมามีแจ้งอีกว่าตนเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกกต.บอกว่าไม่มีกฎหมายเอาผิด ต่อมาก็ถูกโจมตีเรื่องคดีหมิ่นประมาท

'2 - 3 วันที่ผ่านมา มีคณะบุคคลจะหาคนมาแทนนายสมัครอีกแล้ว หาว่าผมทำรายการ 'ชิมไปบ่นไป' แล้วผิดกฎหมาย เพราะหาว่าผมเป็นลูกจ้างบริษัท ที่ผมทำมา ผมได้ถามนักกฎหมายเอกแล้ว พบว่าสามารถทำได้ เพราะผมได้รับค่าจ้างเป็นครั้งๆ ไม่ทำก็ไม่ได้ค่าจ้าง จึงถือว่าเป็นการ 'รับจ้าง' จึงไม่ถือว่าเป็นลูกจ้าง และสามารถทำได้ จะมีคนไปยื่นเรื่องนี้ให้กกต. แต่ผมขอชี้แจงไว้ก่อน โดยพรุ่งนี้ตนจะทำหนังสือชี้แจงกับกกต.ต่อไป' นายสมัคร กล่าว
 

[soco]

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘

มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตินี้

“ลูกจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงทำงานให้แก่นายจ้างเพื่อรับค่าจ้าง

====================

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑

มาตรา ๕  ในพระราชบัญญัตินี้

“ลูกจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร


====================

พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓

มาตรา ๖  ในพระราชบัญญัตินี้

“ลูกจ้าง”  หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงทำงานให้แก่นายจ้างเพื่อรับค่าจ้าง

====================

พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓

มาตรา ๕  ในพระราชบัญญัตินี้

“ลูกจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้าง ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร แต่ไม่รวมถึงลูกจ้างซึ่งทำงานเกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย

====================

พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗

มาตรา ๕  ในพระราชบัญญัตินี้

“ลูกจ้าง”  หมายความว่า ผู้ซึ่งทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรแต่ไม่รวมถึงลูกจ้างซึ่งทำงานเกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย

====================           

ต่อให้ตีลังกาตีความ ก็ไม่นอกเหนือไปจากคำเหล่านี้มากนัก


เป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย

[Can ไทเมือง]

เฮียโส SOCO ทำบุญอีกแล้ว

ผมมัวแต่ไปค้นเรื่อง "การถอดถอน" ซึ่ง ปชป.จะยื่น วันที่ 21 นี้

อิ อิ เรื่องนี้ต้องขยาย...

"อัศจรรย์ใจกุ้งไล่กินปลาบึกใหญ่

ปลาซิวไล่สวบแข่ สิหนีไปลี้อยู่ม่องได๋"

ซั่นดอกวา...

 

[RiDKuN]

หมักเมถุนไม่รู้จักถึงความเหมาะสม เป็นถึงนายกฯ กลับไปออกรายการแบบนั้น
ถ้าเลิกตั้งแต่แรกๆ ก็ไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก

[DAWN]

เฮียโส SOCO ทำบุญอีกแล้ว

ผมมัวแต่ไปค้นเรื่อง "การถอดถอน" ซึ่ง ปชป.จะยื่น วันที่ 21 นี้

อิ อิ เรื่องนี้ต้องขยาย...

"อัศจรรย์ใจกุ้งไล่กินปลาบึกใหญ่

ปลาซิวไล่สวบแข่ สิหนีไปลี้อยู่ม่องได๋"

ซั่นดอกวา...

 

ตี้

[see - u]

*  ก็ถูก  .........  ที่บอกว่าเป็น  " คนรับจ้าง "

    ทุกวันนี้  ลุงหมัก  ก็รับจ้างเป็น .....  นอมินี   ให้ แม้ว อยู่นี่

    อย่างว่าแหละ  .....  ขายแรงงานไม่ได้ขายสมอง  จึงมีความสามารถในการทำงานแค่ปาก

    คงจะเห็น  แม้ว  มัน โม้  ทุกวันเสาร์มาก่อนมั้ง

    ก็เลยมีการเอาอย่างในการประชาสัมพันธ์ตัวเองออกรายการโทรทัศน์  ............

    ซึ่งจริง ๆ แล้วต่อให้  >  ชิมไป   บ่นไป   ถ่ อยไป   <   ยังไงก็ตาม  ถ้าไร้ผลงานพูดให้ตายก็ไม่มีประโยชน์หรอก

     ปล.  ชอบชิมมากนัก  ก็ลาออกไปจัดรายการอย่างเดียวก็ได้  ไม่ได้ว่าอะไร

            ลุงหมัก  จะได้บ่นดัง ๆ สมใจ  ......  ไงค่ะ

[nominee]

กฎหมายที่ไม่ถูกใช้อย่างเคร่งครัด
ยังน่าจะมีอีกมากใช่ไหมครับคุณ CanCan
เช่น การห้ามข้าราชการเป็นกรรมการหรือถือหุ้น
ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของตน

หรือในเรื่องจรรยาบรรณ เช่น
อาจารย์ใช้หนังสือที่ตนเองเขียนขาย มาสอนนักศึกษา

กรณีของสมัคร เรียนถามคุณ CanCan หน่อยครับว่า
หากสมัครไปบรรยายพิเศษแล้วได้ค่าตอบแทน
ก็จะเข้าข่ายการเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนด้วยหรือไม่?

โดยส่วนตัว ผมมองตื้นๆเพียงว่า
ถ้าคนพูดรู้ว่าจะได้ค่าตอบแทนเท่าไร .. ก็น่าจะเข้าข่าย
แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายยัดซองใส่มือมาเอง .. ก็คงตัดสินลำบากครับ

[soco]

กฎหมายที่ไม่ถูกใช้อย่างเคร่งครัด
ยังน่าจะมีอีกมากใช่ไหมครับคุณ CanCan
เช่น การห้ามข้าราชการเป็นกรรมการหรือถือหุ้น
ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของตน

หรือในเรื่องจรรยาบรรณ เช่น
อาจารย์ใช้หนังสือที่ตนเองเขียนขาย มาสอนนักศึกษา

กรณีของสมัคร เรียนถามคุณ CanCan หน่อยครับว่า
หากสมัครไปบรรยายพิเศษแล้วได้ค่าตอบแทน
ก็จะเข้าข่ายการเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนด้วยหรือไม่?

โดยส่วนตัว ผมมองตื้นๆเพียงว่า
ถ้าคนพูดรู้ว่าจะได้ค่าตอบแทนเท่าไร .. ก็น่าจะเข้าข่าย
แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายยัดซองใส่มือมาเอง .. ก็คงตัดสินลำบากครับ

ผมตอบให้คั่นเวลา  การยัดซองใส่มือ มากกว่า สามพันบาท  ก็ผิดกฎหมาย ปปช. แล้วครับ


การทำเรื่องที่ทับซ้อน  ไม่ควรทำอย่างยิ่ง   เป็นรัฐมนตรี ไปออกรายการนึง  คู่แข่งก็ตายเรียบซิครับ

[nominee]

แล้วถ้าไปออกรายการสนทนาละครับ
คู่สนทนาที่เป็นนักวิชาการ น่าจะได้รับเงินจากเจ้าของรายการ
แต่ รมต ที่ไปพูดนี่ จะรับซงรับซองไม่ได้นะครับ
เรื่องนี้ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไร ต้องขอโทษล่วงหน้าครับ 

[soco]

แล้วถ้าไปออกรายการสนทนาละครับ
คู่สนทนาที่เป็นนักวิชาการ น่าจะได้รับเงินจากเจ้าของรายการ
แต่ รมต ที่ไปพูดนี่ จะรับซงรับซองไม่ได้นะครับ
เรื่องนี้ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไร ต้องขอโทษล่วงหน้าครับ 

การไปออกรายการสนทนาทั่วไปเพื่อประโยชน์ของชาติ ปรกติ ก็ไม่จ่ายกันอยู่แล้ว

ถ้าไปออกรายการเกมส์โชว์

หรือรายการที่ขายสินค้าพ่วงท้าย

ให้เชื่อเถ๊อะว่า ได้รับซองมาแน่

[nominee]

กดปุ่ม ตัดริบบิ้น อะไรเหล่านี้
ก็คงได้มาเป็นเนื้อเป็นหนังใช่ไหมครับ 

[1ktip]

นึกว่าจะได้ฟังคำตอบแบบนี้จากรายการสนตะพายประสาสมัคร


"ไอ้กระพ้มอยู่ในตำแหน่งนายกรัดถะมนตรี มันก็เป็นลูกจ้างประชาชนอยู่แล้ว

แล้วถ้าพ้มจะไปรับจ้างประชาชน เป็นพรีเซ็นต้งเซ็นเต้ออะไรนี่ มันไปหนักหัวกะบาลใคร

ที่ทำน่ะเพื่อเป็นวิทยาทานให้พ่อแม่พี่น้องได้สรรสร้างความอร่อยจากเศษอาหารแบบพ้ม

ขอถามหน่อยว่ามันผิดตรงไหน หรือข้าวยากหมากแพงแบบนี้ จะหวังให้พ้มช่วยท่านได้

ถ้าคิดอย่างนั้น ถามหน่อย ว่าใช้อะไรคิดกัน ไร้สาระทั้งนั้น ไอ้พวกนี้มันจ้องจะทำลายชัดๆ"

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลายเป็นตอบแบบแถๆ ธรรมดา

ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิด คงไม่งดจัดรายการให้เสียเชิง สงสัยงานนี้จะตายน้ำตื้นอย่างที่แกว่า

[soco]

กดปุ่ม ตัดริบบิ้น อะไรเหล่านี้
ก็คงได้มาเป็นเนื้อเป็นหนังใช่ไหมครับ 

ผมคงมองอย่างนี้ว่า  แล้วรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ทำไมไม่ได้เป็นเนื้อเป็นหนัง


ถ้าสมัครรอดในคดีนี้  ก็คงไปกดปุ่ม หรือรับจ้างเป็นการทั่วไป ทุกนิติบุคคล


เร่เข้ามา ๆ  มีรูปให้โชว์หน้าบริษัทฯ ด้วย 

[nominee]

ชัดเจนดีครับ ขอบคุณมาก 

[soco]

กระทู้นี้ว่ากันเรื่อง คุณสมบัติของ รัฐมนตรี

ตามมาตรา 182 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550



ผมมองอย่างไรก็ ขาดคุณสมบัติไปแล้ว


ผมแว๊บไปอ่านในโอเคเนชั่น ถูกใจอยู่คำนึง ของคนที่คอมเม้นท์

ต่อให้ศรีธนญชัย ขี่คอกันมาสิบคน  ก็ไม่รอด  ประมาณนี้นา

[soco]

อ่านความคิดเห็น

  ความคิดเห็นที่ 4
รณบุตร วันที่ : 18/05/2008 เวลา : 15.37 น.
http://www.oknation.net/blog/wayuboot2499
รณบุตร จุดไฟฝัน แบ่งปันฮัก ปฏิปักษ์คนกังฉิน กินบ้านเมือง 

 
 
ลูกจ้าง กับ รับจ้าง...ต่อให้สิบศรีธนญชัยขี่คอกันมาแปล

ก็มีความหมายว่า...การทำงานที่ต้องได้รับเงินจากนายจ้างเหมือนๆ กัน

หมักเอ๋ย..โดนปลาซิวไล่ซวบแข่เข้าแล้วไหมล่ะ  

++++++++++++++++++++++++++

แว๊บไปอีกรอบ ก๊อปมาแปะเลยดีกว่า 

[1ktip]

มาตรา ๑๘๒ ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็น
กรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ
หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
(๔) สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่ไว้วางใจตามมาตรา ๑๕๘ หรือมาตรา ๑๕๙
(๕) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๗๔
(๖) มีพระบรมราชโองการให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๘๓
(๗) กระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา ๒๖๗ มาตรา ๒๖๘ หรือมาตรา ๒๖๙
(๘) วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
นอกจากเหตุที่ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว ความเป็น
รัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดเวลาตามมาตรา ๑๗๑ วรรคสี่ ด้วย
ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๙๑ และมาตรา ๙๒ มาใช้บังคับกับการสิ้นสุดของความเป็นรัฐมนตรี
ตาม (๒) (๓) (๕) หรือ (๗) หรือวรรคสอง โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ส่งเรื่องให้ศาล
รัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ด้วย

มาตรา ๒๖๗ ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๖๕ มาใช้บังคับกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ด้วย เว้นแต่เป็นการดำรงตำแหน่งหรือดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และจะดำรงตำแหน่งใด
ในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือ
เป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย

ถึงไม่ยอมรับว่าเป็นลูกจ้าง แต่แกก็ยอมรับแล้วนี่ครับว่ามีตำแหน่งเป็นพรีเซ็นเตอร์

[Suraphan07]

เหอ เหอ เหอ...

มิน่า ท่านหมักจึงหนับหนุนให้เรียก รธน.ฉบับนี้ว่าเป็น "รัฐธรรมนวยฉบับหัวคูณ"
ตอนประชุมสมาชิกพรรค(ก่อนเลือกตั้ง) เลยให้แจกหนังสือแก่ผู้สมัครกันถ้วนหน้า ...

พวก สส.-นักการเมือง มักมาก คงต้องจดจำ-ศึกษา รธน.
ทำความเข้าใจ ถึงเหตุและผล ที่มาที่ไป ของข้อ กม.ให้มากกว่าที่เป็นอยู่...

การอ้างว่า "ซุกหุ้น โดยไม่เจตนา"ช่วยทำให้พ้นผิด ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก ใน รธน.50 นี้ ...

[ooo]

ลูกจ้าง กับ นายจ้าง มีที่มาจากสัญญาจ้างแรงงาน

ผู้ว่าจ้าง กับ ผู้รับจ้าง มีที่มาจากสัญญาจ้างทำของ

ดังนั้น คำว่าลูกจ้าง และ ผู้รับจ้าง ในทางกฏหมาย จึงต่างกัน

[สมชายสายชม]

นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร สั่งให้แก้ไขกฎหมายแรงงานยกเลิกการจ้างงานเหมาค่าแรงแล้ว

http://www.workers-voice.org/adtusite/news/taksin.html

 สำนักข่าวสยามออนไลน์ 24.11.05 ในโอกาสของการประชุมสัญจรปลัดกระทรวงของทุกกระทรวง ที่ห้องประชุมชั้นห้า กระทรวงแรงงาน ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2548 นายกรัฐมนตรี พ . ต. ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาถึงกระทรวงแรงงานเมื่อเวลา 11.30 น. มีรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานนายสมศักดิ์ เทพสุทินให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้นำแรงงานจากคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงาน สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ และพันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย(พสป) จำนวนกว่าสืบคนด้วยกัน โดยมี ผู้ใช้แรงงานจำนวนกว่า 500 คน จากสหภาพแรงงานเอสโซ่ สหภาพแรงงานฟูจิตสึ สหภาพแรงงานไก่สด ฯ ลฯ อยู่ด้านนอกประตูกระทรวงแรงงาน ส่งเสียงโห่ร้อง ด้วยเสียงนกหวีดเป็นที่ดังอึกทึกทั้งกระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้พันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย(พสป) โดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุขได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขพรบ.คุ้มครองแรงงาน 2541 เพื่อให้มีการยกเลิกการจ้างงานรับเหมาค่าแรง อ้างถึงคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันกรรมกรสากล 1 พฤษภาคม 2548 ที่ว่าการจ้างงานรับเหมาค่าแรงเป็นการเอาเปรียบผู้ใช้แรงงานเกินไป และการจ้างงานรับเหมาค่าแรงนั้นยังเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของ บุคคลย่อมเสมอภาคกันในกฎหมาย(ม.30) การกระจายรายได้ที่เป็นธรรม(ม.83)และการคุ้มครองแรงงาน(ม.86)

ขณะนี้กระทรวงแรงงานได้ยกร่างแก้ไขพรบ.คุ้มครองแรงงาน 2541 โดย ร่างแก้ไขของกระทรวงแรงงานมีลักษณะหมกเม็ดในการดำรงไว้ซึ่งการจ้างงานเหมา ค่าแรงที่ซิกแซกอีกต่อไป นอกจากนี้ร่างแก้ไขพรบ.คุ้มครองแรงงานดังกล่าวยังมีหลายประเด็นที่เป็นการ ลดทอนสิทธิ ผลประโยชน์ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่เคยมีอยู่แล้วให้ลดต่ำลงไปอีก

ขบวนการแรงงานและสภาทนายความ ได้ยกร่างแก้ไขพรบ.คุ้มครองแรงงานอีกหนึ่งฉบับ เพื่อให้มีการแก้ไขพรบ.คุ้มครองแรงงาน ในการแก้ไขปัญหาการจ้างงานเหมาค่าแรงให้หมดไป โดยมีข้อความ ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการจ้างลูกจ้างรับเหมาค่าแรงหรือลูกจ้างประเภทอื่นๆ มาทำงานในกระบวนการผลิตหรือในธุรกิจความรับผิดชอบของผู้ประกอบกิจการนั้นๆ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลถอนร่างแก้ไขพรบ.คุ้มครองแรงงานของกระทรวงแรงงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอการบรรจุเป็นวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อกลับมาทำการประชาพิจารณ์และแก้ไขเพิ่มเติมให้มีสมบูรณ์เพื่อยกระดับ ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงานให้ดีขึ้นตามที่นโยบายรัฐบาลเคยแถลงไว้มา ก่อน

นายกรัฐมนตรี พ . ต. ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้ตอบข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยกล่าวว่า สถานประกอบการที่จ้างงานเอ้าซอร์ท ( Out source ) คือนำงานไปจ่ายงานข้างนอกสถานประกอบการสามารถทำได้แต่ไปจ้างลูกจ้างรับเหมา ค่าแรงมาทำงานในสถานประกอบการ ถือเป็นการจ้างงานแบบซิกแซกต้องยกเลิกไป ทั้งนี้ได้สั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานนายสมศักดิ์ เพทสุทิน นำข้อเสนอของผู้ใช้แรงงานที่ยื่นมาในวันนี้ ไปพิจารณาประกอบกับร่างแก้ไขพรบ.คุ้มครองแรงงานของกระทรวงแรงงานเพื่อให้มี การยกเลิกรูปแบบการจ้างงานรับเหมาค่าแรงในสถานประกอบการให้หมดไปให้ได้

นอกจากประเด็นการจ้างงานเหมาค่าแรงแล้ว ยังมีตัวแทนพนักงานบริษัทคอทโก้ บริษัทกู๊ดเยียร์ บริษัทฟูจิตสึและบริษัทเอสโซ่ ได้มายื่นหนังสือในกรณีพิพาทแรงงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายจ้างใน เรื่องต่างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานดำเนินการแก้ไขปัญหาของผู้ใช้แรงงานโดย เร็ว

ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงานข้ออื่นๆเช่น การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 233 บาท นั้นนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรกล่าวว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวมากเกินไป ต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจโดยส่วนรวมด้วยสำหรับกรณีประกันสังคมนำเงินไปลงทุน เก็งกำไรในต่างประเทศนั้นนายกรัฐมนตรีทักษิณได้กล่าวกับตัวแทนผู้ใช้แรงงาน ว่า เป็นความจำเป็นที่จะสร้างรรายได้ให้กับกองทุนประกันสังคม โดยจะมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการประกันสังคมให้ผู้ใช้แรงงานมีส่วนร่วม มากขึ้น

...

[999]

ลูกจ้าง กับ นายจ้าง มีที่มาจากสัญญาจ้างแรงงาน

ผู้ว่าจ้าง กับ ผู้รับจ้าง มีที่มาจากสัญญาจ้างทำของ

ดังนั้น คำว่าลูกจ้าง และ ผู้รับจ้าง ในทางกฏหมาย จึงต่างกัน

อันนี้ถูกต้องแต่คงไม่ถูกใจ กองเชียร์จ้องล้มรัฐบาล

[Can ไทเมือง]

กฎหมายเกี่ยวกับการสิ้นสุดของรัฐมนตรี มีมาตั้งแต่ 2540 แล้วครับ

นายสมัคร แจก"ศีล" ให้ พระ ให้ ฆราวาส

แต่ลืมเรื่อง "ศีลของนักการเมือง"

[55555]

สมัครจะตายน้ำตื้นเพราะเรื่องกิน ? (เจิมศักดิ์ ขอคิดด้วยคน)
   
 
 เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ไปรับทำงานในหน้าที่ "พิธีกร" หรือ "ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์" ในรายการ "ชิมไปบ่นไป" ออกอากาศทางช่อง 5 และรายการ "ยกโขยง 6 โมงเช้า" ออกอากาศทางช่อง 3 โดยทั้ง 2 รายการนี้ เป็นการประกอบธุรกิจของบริษัทเฟซ มีเดีย จำกัด

 หากนายสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นคนธรรมดา เป็นคนวัยเกษียณ ไม่มีตำแหน่งอำนาจหน้าที่เป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี จะใช้ความสามารถเฉพาะตัวเกี่ยวกับการหากิน จะไปรับจ้าง หรือเป็นลูกจ้าง หรือรับทำงาน หรือไปดำรงตำแหน่งใดให้กับบริษัทธุรกิจเอกชนรายใด ย่อมเป็นสิทธิส่วนตัวของนายสมัคร

 แต่ปัจจุบัน นายสมัคร สุนทรเวช มีตำแหน่งอำนาจหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ จึงเป็นผู้มีอิทธิพลอำนาจต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ และบริษัทธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐทั้งปวง

 แม้เมื่อเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว นายสมัครก็ยังคงไปรับทำงานในหน้าที่พิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการประจำให้กับธุรกิจบริษัทเฟซมีเดียฯ อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา

 การกระทำของนายกรัฐมนตรีเยี่ยงนี้ อาจจะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และขัดต่อการดำรงตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรีอย่างร้ายแรง ดังนี้

 1. เมื่อนายกรัฐมนตรีรับตำแหน่งหน้าที่เป็นพิธีกรประจำให้รายการของบริษัทธุรกิจเอกชนรายใด รายการนั้นก็จะได้ชื่อว่า "เป็นรายการนายกฯ" ทุกฝ่ายก็ต้องเกรงใจ เช่น  
ฝ่ายสถานีโทรทัศน์ ย่อมเกรงใจ กระทั่งมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจเกี่ยวกับผังรายการ เช่น ให้เวลาออกอากาศที่ดี และเมื่อจะต้องตัดสินใจเปลี่ยนแปลงผังรายการก็อาจจะไม่กล้าปรับลด ปลดเปลี่ยน ด้วยความที่เป็นรายการของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะสถานีที่เป็นของรัฐ

 คนในแวดวงผู้ผลิตรายการโทรทัศน์จะทราบดีว่า การจะได้เวลาออกอากาศโทรทัศน์ "ฟรีทีวี" นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะตั้งบริษัทผลิตรายการ ลงทุนผลิตรายการไว้เรียบร้อย แล้วค่อยไปหาเวลาออกอากาศง่ายๆ เหมือนแผงขายของทั่วไป แต่เป็นเรื่องที่ต้องเจรจาหาเวลาออกอากาศที่แน่นอนให้ได้เสียก่อน หรือต้องมั่นใจว่าได้เวลาแน่ๆ เสียก่อน แล้วจึงจะผลิตรายการให้เสร็จสมบูรณ์พร้อมออกอากาศ เสนอขายโฆษณาเพื่อหารายได้ผลกำไรมาแบ่งปันกัน

 น่าสังเกตว่า รายการของนายสมัครได้ทำการผลิตเก็บไว้จำนวนมากตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 (เพิ่งเป็นนายกรัฐมนตรี) แต่ค่อยได้บรรจุเข้าผังรายการทางช่อง 5 ในเดือนเมษายน 2551 หลังเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 เดือน

 ฝ่ายธุรกิจ ย่อมเกรงใจ หรือต้องการจะเอาใจ โดยเสนอตัวเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้รายการของนายกฯ เสมือนหนึ่งได้ผูกสัมพันธ์อันดีกับนายกฯ หรือถ้ารายการขอสปอนเซอร์ไปแล้ว หากไม่ให้ก็อาจจะกังวลใจว่าจะถูกเพ่งเล็งว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามของนายกฯ หรือเปล่า

 ฝ่ายโฆษณาสินค้า ย่อมถูกใจ เพราะซื้อเวลาโฆษณาในรายการแล้ว เสมือนหนึ่งได้นายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศเป็นพรีเซนเตอร์ช่วยโฆษณาสินค้าให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะเมื่อมีป้ายโลโก้สินค้า หรือมีผลิตภัณฑ์สินค้าไปโชว์ในรายการ ยิ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีแสดงอาการชื่นชมสินค้านั้น เช่น ยกหัวแม่มือ หรือทำสีหน้าท่าทางชมเชย ก็เสมือนว่านายกรัฐมนตรีกำลังทำหน้าที่โฆษณาสินค้าของธุรกิจเอกชนบางรายไปในตัว

 2. รัฐธรรมนูญ 2550 บัญญัติห้ามเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยมาตรา 267 ห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี "จะดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย"

 จะเห็นว่า คำว่า "ตำแหน่งใด" ก็ดี หรือ "ลูกจ้าง" ก็ดี เป็นการห้ามโดยมุ่งหมายที่จะไม่ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเข้าไปรับทำงานให้แก่บริษัทธุรกิจเอกชน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดๆ จะเป็นงานประจำหรือเป็นลูกจ้าง จะได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างตอบแทนหรือไม่ก็ตาม เพราะการเข้าไปรับทำงานให้แก่เอกชนรายใดแล้วนั้น ก็เท่ากับว่า เข้าไปมีผลประโยชน์ร่วม เสมือนร่วมการงาน ร่วมสนับสนุน หรือช่วยเหลือเอกชนรายนั้นแสวงหาผลประโยชน์กำไรในทางธุรกิจส่วนตัว

3. บทบัญญัติห้ามเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ดังกล่าว ต้องห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เพื่อป้องกันมิให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน เข้าไปดำรงตำแหน่ง หรือเป็นเจ้าของ หรือเป็นลูกจ้าง หรือรับหน้าที่การงานในตำแหน่งใดๆ ของบริษัทธุรกิจเอกชน อันจะทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีตกอยู่ในสถานะผู้มีการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest)

 กล่าวคือ มีหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ที่ต้องดูแลรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม แต่ก็ยังมีตำแหน่งหรือผลประโยชน์ส่วนตัวร่วมอยู่กับธุรกิจเอกชนบางราย ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลได้-ผลเสีย ส่วนได้-ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือพรรคพวก หรือไม่สามารถดูแลผลประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน

 4. กรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เข้าไปรับหน้าที่ทำงานในตำแหน่งเป็น "พิธีกร" หรือ "ผู้ดำเนินรายการ" ให้กับบริษัทเฟซมีเดียฯ มีประเด็นต้องพิจารณา คือ

 ประการแรก ขณะที่นายกรัฐมนตรีเข้าไปรับทำงานในตำแหน่งพิธีกรให้บริษัทเอกชนรายดังกล่าวนั้น รัฐธรรมนูญ 2550 มีสภาพบังคับใช้แล้วอย่างแน่นอน

 ประการที่สอง แม้จะมีตำแหน่งพิธีกรประจำรายการเดียวก็ไม่น่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว แต่พฤติการณ์ของนายสมัครยังเป็นพิธีกรรายการอาหารทุกรายการของบริษัทดังกล่าว พฤติการณ์จึงชัดเจนว่าได้เข้าไปรับตำแหน่งพิธีกรประจำรายการให้กับบริษัท และยังน่าสงสัยว่าเข้าลักษณะเป็นพิธีกรประจำบริษัทฯ ดังที่นายศักดิ์ชัย แก้ววรรณีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟซ มีเดียฯ เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารขวัญเรือน วันที่ 8 เมษายน 2551 ว่า ทุกรายการอาหาร มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คนที่ 25 ของไทยคนปัจจุบัน เป็นพิธีกรให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ยกโขยง 6 โมงเช้า, อร่อยไม่ปรึกษา, เคล็ดลับครัวสมัคร และ ทอล์คกระจายน้ำลายหก

 ในเวบไซต์ของรายการบริษัทดังกล่าว ยังระบุว่า ค่าโฆษณาของรายการ มีตั้งแต่ 120,000 บาทต่อนาที ไปจนถึง 180,000 บาทต่อนาที โดยมีการนำภาพนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช มาใช้ประโยชน์ เสมือนหนึ่งเป็นโลโก้ หรือพรีเซนเตอร์ของรายการบริษัททั้งหมด

 การเข้าไปรับหน้าที่ทำงานในตำแหน่งเป็น "พิธีกร" หรือ "ผู้ดำเนินรายการ" ให้กับบริษัทธุรกิจเอกชน เฟซ มีเดียฯ ดังกล่าว ถือเป็นการดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด ใช่หรือไม่

 หากนายกรัฐมนตรีมีพฤติการณ์กระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าว ความเป็นรัฐมนตรีย่อมสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 182 (7)

5. ข้ออ้างว่า เข้าไปเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ ไม่ใช่ลูกจ้าง เพียงรับจ้างและได้รับค่าตอบแทนเป็นค่ารถ เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

 เพราะบทบัญญัติรัฐธรรมนูญข้างต้น มุ่งเน้นที่ปัญหาการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ไม่ใช่ประเด็นการแสวงหาผลประโยชน์มิชอบ หรือจำเพาะเจาะจงที่ชื่อเรียกขานของตำแหน่งที่เข้าไปทำงานให้แก่บริษัทเอกชน 

 พูดง่ายๆ ว่า จะเข้าไปดำรงตำแหน่งใดๆ เรียกชื่อใดๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า ได้เข้าไปทำงานช่วยเหลือหรือมีตำแหน่งใดที่เป็นประโยชน์ให้แก่บริษัทนั้นๆ หรือไม่

 และจะได้รับค่าจ้างเป็นตัวเงินหรือไม่ ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า ได้มีพฤติการณ์ช่วยเหลือกิจการงานของบริษัทนั้นๆ หรือมีตำแหน่งที่ทำให้บริษัทธุรกิจเอกชนดังกล่าวได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม หรือไม่ ?

 อย่างไรก็ตาม มีใครเชื่อบ้างว่า นายสมัครให้บริษัทดังกล่าวนำชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และลงแรงเป็นพิธีกรให้รายการอาหารทั้งหมดของบริษัท ตลอดจนไปช่วยทำกิจกรรมพิเศษของบริษัทดังกล่าวอย่างออกนอกหน้า "มหกรรมอร่อยทั่วแผ่นดิน" ทั้งหมด ทำให้บริษัทดังกล่าวสามารถแสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจจำนวนมาก นายสมัครจะไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นค่าจ้าง หรือแทนค่าจ้างเลยหรือ ?

 6. หากอ้างว่า ขณะนี้ ได้ยุติการออกอากาศรายการเหล่านั้นไว้แล้ว เพื่อจะไม่ต้องถูกเอาผิด หรือพ้นจากตำแหน่ง ได้หรือไม่ เห็นว่า การอ้างเช่นนี้ไม่อาจรับฟังได้ เพราะหากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิด ก็เท่ากับว่า ความผิดได้สำเร็จแล้ว เพียงแต่ขณะนี้ ที่ยุติการกระทำไว้ชั่วคราวก็เมื่อเรื่องแดงขึ้นแล้วเท่านั้นเอง

 ถ้าอ้างและทำเช่นนี้ได้ ต่อไป หากรัฐมนตรีคนใดถูกจับได้ว่าฮั้วประมูลหรือแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ ก็จะทำการยกเลิกการประมูลนั้นเสีย โดยไม่ถูกเอาผิด หรือแจ้งบัญชีทรัพย์สินใหม่เสีย ก็จะไม่ถูกดำเนินคดี อย่างนั้นหรือ

 น่าติดตามว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้กระทำผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่

 เรื่องนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา ได้ยื่นเรื่องให้ กกต. วินิจฉัยและดำเนินการตามกฎหมาย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 แล้ว ว่าความเป็นรัฐมนตรีของสมัครสิ้นสุดลงหรือไม่

 หรือว่า นายสมัครจะตายน้ำตื้นเพราะเรื่องกิน ?

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
http://www.naewna.com/news.asp?ID=109444

[เพื่อนร่วมชาติ]

  'สมัคร' แจงไม่ได้เป็น 'ลูกจ้าง' รายการ 'ชิมไปบ่นไป'
มติชน วันที่ 18 พฤษภาคม 2551 เวลา 08:53:45 น.

'2 - 3 วันที่ผ่านมา มีคณะบุคคลจะหาคนมาแทนนายสมัครอีกแล้ว หาว่าผมทำรายการ 'ชิมไปบ่นไป' แล้วผิดกฎหมาย เพราะหาว่าผมเป็นลูกจ้างบริษัท ที่ผมทำมา ผมได้ถามนักกฎหมายเอกแล้ว พบว่าสามารถทำได้ เพราะผมได้รับค่าจ้างเป็นครั้งๆ ไม่ทำก็ไม่ได้ค่าจ้าง จึงถือว่าเป็นการ 'รับจ้าง' จึงไม่ถือว่าเป็นลูกจ้าง และสามารถทำได้ จะมีคนไปยื่นเรื่องนี้ให้กกต. แต่ผมขอชี้แจงไว้ก่อน โดยพรุ่งนี้ตนจะทำหนังสือชี้แจงกับกกต.ต่อไป' นายสมัคร กล่าว
 

แปลว่าก๊กไอ้เหลี่ยมโละมันทิ้งแล้วสิ

[jerasak]

ถ้าหากถือตามคำอ้างของคุณสมัครที่ว่าการ "รับจ้าง" ไม่ใช่การเป็น "ลูกจ้าง"
ตามที่ระุบุไว้ในรัฐธรรมนูญว่าเป็นพฤติกรรมต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ต่อไปเราคงมีรัฐมนตรีไป "รับจ้าง" ธุรกิจต่างๆ รับเงินรับทองกันสนุกสนาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ไป "รับจ้าง" โฆษณาโรงเรียนอนุบาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ไป "รับจ้าง" โฆษณาปุ๋ย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไป "รับจ้าง" โฆษณาปั๊มน้ำมัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไป "รับจ้าง" โฆษณารถกระบะ

หรือ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬา ไป "รับจ้าง" โฆษณา เครื่องดื่มให้กำลังงาน!!!!

เท่าที่เห็นคุณสมัครไม่ได้ไปในฐานะรับเชิญชั่วคราว แต่ถึงขนาด "ปักหลักรับจ้าง"
ถ้ายังอุตส่าห์รอดได้ตามอ้าง ต่อไปเมืองไทยต้องวุ่นวายใหญ่ล่ะครับ 

[Can ไทเมือง]

สมัครยอมหยุดรายการตัวเอง โดยไม่มีคำสั่งใคร

นั่นเท่ากับ "รับสารภาพกลายๆ"

แถมอ้อน กกต. ว่าให้พิจารณาให้ดี ว่า เป็นเรื่อง "ผิด" หรือ "ไม่ควร"

หาก กกต. เห็นว่าเป็นเรื่อง "ไม่ควร" ก็จะหยุดรายการไปเลย...น้าน...ชี้โพรงอ้อนมาแต่ใกล ฮ่า ฮ่า

ข้อยเตือนมาตั้งแต่เดือนกุมภา แต่ ป๋าหมัก ไม่สนใจ ทำไงได้

ปลาซิวไล่สวบแข่ สิหนีไปลี้อยู่ม่องได๋...ซั่นดอกหวา...

*********************
กกต.ตั้งอนุฯสอบสัญญาจ้างสมัครทำชิมไปบ่นไป
เนชั่นทันข่าว  10:55 น. ( 19 พ.ค. 51 )

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.รับผิดชอบด้านการเมือง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้รับแจ้งจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีที่จะส่งเอกสารให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ ที่มีผู้ร้องว่าขาดคุณสมบัติ เนื่องจากการรับจ้างจัดรายการ ชิมไปบ่นไป เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดราชการ แต่เบื้องต้น กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะได้ผลสรุปในช่วงต้นเดือนหน้า

ส่วนการที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การจัดรายการดังกล่าวไม่ได้อยู่ในฐานะลูกจ้าง แต่เป็นเพียงการรับจ้างนั้น คงต้องตรวจสอบประเด็นสำคัญในสัญญาว่าจ้าง 2 ประเด็น คือ มีการทำสัญญาว่าจ้างให้จัดรายการแบบถาวรหรือไม่ และบริษัทอะไรเป็นเจ้าของรายการ ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นจนถึงขณะนี้ กกต.ยังคงไม่มีข้อมูล 
 
 

[soco]

งานเข้าบานเลย อิอิ  คลิ๊ก

[Kittinunn]

เมียหมักเป็นอดีตลูกน้องเจ้าสัวธนินทร์ โฆษณาเลยเข้าง่าย หึหึหึ

[Kittinunn]

ชิมไป บ่นไป...GOURMET

ทุกวันเสาร์ 10.30-10.30 น.
ประเภทรายการ  วาไรตี้อาหาร และท่องเที่ยว
ความยาว  30 นาที
ช่องทางการออกอากาศ  สถานีโทรทัศน์ TITV
วัน เวลาออกอากาศ ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00-10.30 น.
กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน และสมาชิกในครอบครัว
อัตราค่าโฆษณา 180,000 บาท / นาที

[999]

ดูยังไงก็ไม่เสียวครับ ท่านอายุมากแล้ว คงรู้ตัวไม่หาเรื่องแบบไวไวควิกโง่ๆหรอกครับ

ข่าวปาหี่คั่นเวลา ต้มคนดูเท่านั้นเอง เดี๋ยวจะหาว่าเลือกปฏิบัติ

[Can ไทเมือง]

ถ้าสมัครไม่เสียว ก็ไม่น่าจะหยุดรายการนะครับ ทำต่อไปสิ

มองแบบคนไม่รู้กฎหมายก็ต้องบอกว่า หมักรู้ตัวแล้วว่าผิด...เลยหยุดเรียกคะแนนสงสาร

แต่ไอ้นักกฎหมายเอกมันผิดเอง ไม่รู้มันแส่ให้ความเห็นมาได้ยังไงว่า....

รับจ้างไม่ใช่ลูกจ้าง

ถ้ากกต. บอกว่า ไม่ผิด แต่ ไม่ควร

ไอ้กระพ้มก็จะได้เลิกเป็นการถาวร....อ้อนแบบแก่ๆ แบบนี้แหละ

ที่สำคัญจะเอาเรื่องเล็กๆ แบบนี้ มาโค่นไอ้กระพ้มจริงๆ เหรอ...

โถ...ศีลพระ ศีลเณร รู้ไปหมด

แต่ไม่รู้ว่า ศีลนักการเมืองมาตรา 182 (7) มาบอกว่าไม่รู้

ค่าโฆษณา นาทีละ 180,000 ครึ่งชั่วโมง ก็ 5 นาที เหนาะ 900,000 บาท หาได้ที่ไหน

นี่ไม่นับ โฆษณาแฝง อีกบานตะเกียงนะขอรับ

[เล่าปี๋]

ถ้าสมัครไม่เสียว ก็ไม่น่าจะหยุดรายการนะครับ ทำต่อไปสิ

มองแบบคนไม่รู้กฎหมายก็ต้องบอกว่า หมักรู้ตัวแล้วว่าผิด...เลยหยุดเรียกคะแนนสงสาร

แต่ไอ้นักกฎหมายเอกมันผิดเอง ไม่รู้มันแส่ให้ความเห็นมาได้ยังไงว่า....

รับจ้างไม่ใช่ลูกจ้าง

ถ้ากกต. บอกว่า ไม่ผิด แต่ ไม่ควร

ไอ้กระพ้มก็จะได้เลิกเป็นการถาวร....อ้อนแบบแก่ๆ แบบนี้แหละ

ที่สำคัญจะเอาเรื่องเล็กๆ แบบนี้ มาโค่นไอ้กระพ้มจริงๆ เหรอ...

โถ...ศีลพระ ศีลเณร รู้ไปหมด

แต่ไม่รู้ว่า ศีลนักการเมืองมาตรา 182 (7) มาบอกว่าไม่รู้

ค่าโฆษณา นาทีละ 180,000 ครึ่งชั่วโมง ก็ 5 นาที เหนาะ 900,000 บาท หาได้ที่ไหน

นี่ไม่นับ โฆษณาแฝง อีกบานตะเกียงนะขอรับ

อิอิ..คุณลุง แคน ทั่น  นายก ฯไม่ได้เสียวครับ

แต่ไม่อยากเจออะมังครับ...

[Can ไทเมือง]

ก็เตือนกันไป ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์ ดันไม่เสียว

มาเสียวอีก 2 เดือนให้หลัง ความรู้สึกช้าเหมือนคนแก่ทั่วๆ ไปนั่นแหละ

[qazwsx]

ก็เตือนกันไป ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์ ดันไม่เสียว

มาเสียวอีก 2 เดือนให้หลัง ความรู้สึกช้าเหมือนคนแก่ทั่วๆ ไปนั่นแหละ

ก็หน้ามันด้าน...อันที่จริงอาจจะด้านทั้งตัว - ทั้งจิตใจ
จึงทำให้ "ความรู้สึกช้า"

[Can ไทเมือง]

ต้องไปอ่านอัตราค่าโฆษณา ที่น้องอ๊อฟ นำมาฝาก

นาทีละ 180,000 ถ้ารายการ 1 ชั่วโมง ก็ 1,800,000 บาท ( 10 นาที )

แล้วมีกี่รายการต่อสัปดาห์ โฆษณาแฝงอีกเพียบ คำนวณไม่ถูกเลยล่ะ

ขนาดเอาตำแหน่งนายกเป็นเดิมพัน...ก็คงรู้

นี่เป็นรายได้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ( หาก ไม่ขัดคุณสมบัติรมต. )

ยังงี้ต้องร้อง "ด้านได้ อายอด"

[Kittinunn]

(เนื้อหาโดยย่อ)

17 เมษายน 2551

ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งสิ้นสุดลง ขอใช้สิทธิ์ติดตามและร้องขอให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 62

นายสมัคร สุนทรเวช เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในบังคับของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 267   อันบัญญัติไว้ส่วนหนึ่งว่า  "นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท  หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย"

และรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) บัญญัติว่า "ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 267 มาตรา 268 หรือมาตรา 269 ซึ่งกรณีของนายสมัครในฐานะนายกรัฐมนตรี  ได้กระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 อันมีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว  ตามมาตรา  182  (7) ด้วยการเข้ารับเป็นพิธีกรในรายการ "ชิมไปบ่นไป" และรายการอื่นของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด อันเป็นบริษัทของเอกชนที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไร

ข้อเท็จจริงที่ปรากฏทำให้ทราบได้อย่างชัดเจนว่า นายสมัครในฐานะนายกรัฐมนตรี  ได้เข้าร่วมเป็นพิธีกรให้กับรายการชิมไปบ่นไป  ของบริษัท  เฟซ  มีเดีย  จำกัด  ที่มีนายศักดิ์ชัย แก้ววรรณีสกุล  เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นธุรกิจของเอกชนที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน   ภายหลังจากที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว

ทำให้เข้าใจได้โดยสุจริตว่า นายสมัครในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้แสดงพฤติการณ์โดยเปิดเผยอย่างมีสติรู้ตัวว่าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่   แต่ก็ยังประพฤติปฏิบัติในการแสดงออกเพื่อให้สาธารณชนทราบว่า  จะได้จัดทำรายการอัดเทปรายการชิมไปบ่นไป ในฐานะวิทยากรกิตติมศักดิ์  ให้กับบริษัท  เฟซ  มีเดีย  จำกัด โดยใช้สถานที่ถ่ายทำรายการที่บ้านของนายสมัครเอง และหลังจากถ่ายทำรายการชิมไปบ่นไปแล้ว ก็มีข่าวปรากฏทางสื่อหลายแขนงว่า กรรมการผู้จัดการของบริษัท  เฟซ  มีเดีย จำกัด ให้สัมภาษณ์ถึงการจะได้ประโยชน์จากกรณีที่ได้นายสมัครมาเป็นวิทยากรกิตติมศักด์ให้ อันเป็นผลให้การดำเนินธุรกิจจะประสบผลสำเร็จ สามารถแสวงหากำไรได้ดีขึ้น

ต่อมาบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด ยังได้จัดงานแสดงขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเชิญนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไปเปิดงานและทำการประกอบอาหารโชว์ ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์เป็นการล่วงหน้าเพื่อเปิดขายพื้นที่การแสดงย่อยเป็นบูธๆ ไป ผู้ที่สนใจจะต้องจองและชำระเงินให้บริษัท  เฟซ  มีเดีย  จำกัด การโชว์การประกอบอาหารจึงเข้าลักษณะเป็นการดำรงตำแหน่งใดให้กับบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน จึงเข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา  267  อย่างชัดแจ้งแล้ว ซึ่งทำให้ความเป็นรัฐมนตรี (หมายความรวมถึงนายกรัฐมนตรี)  ของนายสมัคร  สุนทรเวช ต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 182 (7) นับตั้งแต่วันที่ได้กระทำการต้องห้ามนั้น

(รายละเอียดทั้งหมดอ่านในหน้า 4 ไทยโพสต์วันนี้)

[เล่าปี๋]

   ^
   ^
   ^
คคห.ข้างบน น่ากลัวจัง...

[(ลุง)ถึก สไลเดอร์]

เจ้สดศรี ขอเวลาตรวจสอน1เดือน ในการตรวจสอบ
แต่ผมว่าคงไม่ได้เรื่องว่ะ......เอิ้กกกกก
 

[เล่าปี๋]

เจ้สดศรี ขอเวลาตรวจสอน1เดือน ในการตรวจสอบ
แต่ผมว่าคงไม่ได้เรื่องว่ะ......เอิ้กกกกก
 

คุณลุง แคน ใช่คิดว่าล้มมวย โดยกรรมการเป็นใจหรือครับ ?

[Can ไทเมือง]

เค้าให้อนุกรรมการไปตรวจสอบ 15 วัน

ต้นเดือนหน้าเข้ากรรมการใหญ่

ก็ไม่รู้ครับจะออกรูปไหน กกต. ก็ยังไม่ใช่คนตัดสินนะครับ

น่าจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ก็แค่ต้นธารของเรื่องราว

ยังมีทางยื่นถอดถอนได้อีกหลายทางครับ

แต่สมัครเสียวแล้วครับ อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ

ถ้ามั่นใจในทนายเอกของตนเอง ทำไมสั่งหยุดรายการด้วยตนเอง

"นักมวยมุมน้ำเงิน" โดนต่อยร่วง กรรมการนับ 8 แล้ว

ถ้ายังสลึมสลือ ก็ไม่แน่ครับ อาจสับมือจับทีเคโอ.

[55555]

ลุงหมัก เริ่ม ฟาดหัว ฟาดหาง...โทษ คนโน้นคนนี้ จ้องล้มไปเรื่อย....

ตั้งแต่ ไอ้หัวเถิก นี่ ก็มา อีก 2 ส. แล้ว......

ระวัง คนในพรรค ตัวเอง ให้ดีเถอะ....เรื่องใบวุฒิบัตร ของสุธา ชันแสง นั่น ก็ทีนึงแล้ว..

 

[ooo]

หมัก จะผิดตาม รธน.ม.267 หรือไม่ยังน่าสงสัย

แต่ถ้าถามเรื่องเหมาะสมหรือไม่ ไม่มีข้อสงสัยเลย...

[Can ไทเมือง]

'สดศรี' ชี้ต้องดูข้อตกลงสัญญาจ้าง ก่อนฟันกรณี 'สมัคร'
มติชน วันที่ 20 พฤษภาคม 2551 เวลา 11:09:28 น.

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ทางคลื่นวิทยุ 98.00 เอฟเอ็ม ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุในรายการ 'สนธนาประสาสมัคร' เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะยื่นหนังสือชี้แจงกรณีที่ออกรายการ 'ชิมไปบ่นไป' ว่า มีผู้ร้องเรียนนายสมัครเรื่องนี้เพียงคนเดียว  โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.ระบบสรรหา ได้ร้องเรียนว่า นายสมัครทำรายการ 'ชิมไปบ่นไป' ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 267 ซึ่งกำหนดห้ามไม่ให้รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับบริษัทหรือนิติบุคคลใดๆ ซึ่งมีการประกอบกิจการที่ได้ผลประโยชน์ทางการเงิน นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่ง คือ ห้ามมิให้รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีเป็นลูกจ้างของบุคคลใด โดยคำว่าบุคคลใดนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น โดยการร้องเรียนครั้งนี้ เป็นการร้องเรียนในลักษณะรวมๆ ว่า ขัดต่อมาตรา 267 ซึ่งเมื่อถ้าขัดแล้ว นายสมัครก็ต้องพ้นตำแหน่งทันที

เมื่อถามว่า หากมติของกกต.เห็นว่าการกระทำของนายสมัครขัดกับรัฐธรรมนูญจริง เรื่องนี้จะต้องผ่านกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ไม่ได้มีการโยงมาตรา 267 เข้าไปในเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้จะใช้มาตรา 268 ได้หรือไม่ ก็เป็นอีกประเด็นนึง ซึ่งถ้าเห็นว่ามีการถือหุ้น ก็ต้องนำไปสู่กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป แต่สำหรับมาตรา 267 นั้น ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน คือ หากกกต.เห็นว่า เป็นการกระทำที่เข้ามาตรา 267 แล้ว ผู้นั้นก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และถือว่าเป็นที่สิ้นสุด

นางสดศรี กล่าวต่อว่า กกต.ได้มอบหนังสือร้องเรียนให้อนุกรรมการสอบสวน คณะที่ 14 เพื่อให้พิจารณาว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 หรือไม่ โดยให้เวลาวินิจฉัยภายใน 15 วัน นับจากวันที่ที่ประชุมกกต.ลงมติ หรือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยคาดว่าช่วงสิ้นเดือนพ.ค.นี้ อาจจะได้เห็นผลการวินิจฉัยเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม หากคณะอนุฯ เห็นว่าไม่สามารถสอบสวนได้ทันภายในเวลาที่กำหนดไว้ ก็สามารถขอขยายเวลาออกไปได้

เมื่อถามว่า นิยามของคำว่า 'ลูกจ้าง' ครอบคลุมกว้างแค่ไหน และกรณีของนายสมัครถือว่าเป็นลูกจ้างหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า คงต้องดูข้อตกลงตามสัญญาจ้าง ทั้งนี้ สัญญาจ้างมีอยู่ 2 แบบ คือ 1.สัญญาจ้างทำของ และ 2.สัญญาจ้างในลักษณะจ้างแรงงาน ต้องดูว่าเข้าตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องดังกล่าวหรือไม่  คำว่า 'ลูกจ้าง' ในที่นี้อาจมองว่าบุคคลนั้นได้รับค่าจ้างเป็นการตอบแทน และมีข้อผูกพันตามสัญญาว่าจ้าง เช่น หยุดงานไม่ได้ หรือออกจากงานจะต้องจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าเท่าไหร่ ส่วนการจ้างทำของนั้น เราคงไม่มองว่าบุคคลนั้นเป็นลูกจ้างของผู้ที่ว่าจ้าง ดังนั้น การจ้างทำของ จึงมิใช่ลูกจ้างแน่นอน แต่ส่วนจ้างแรงงานนั้น ต้องดูรายละเอียดว่ามีลักษณะเป็นการว่าจ้างตามกฎหมายหรือไม่

'คือถ้ามีข้อตกลงว่า ทำรายการนี้ไปแล้วท่านหยุดไม่ได้เลย หมายถึงว่าถ้าหยุด ก็คือสัญญาจบกันไปในลักษณะที่เป็นผลงานหนึ่งของรายการนี้ น่าจะถือว่าไม่ใช่ลูกจ้าง คือว่า ลูกจ้างจะมองดูในลักษณะว่าในแต่ละเดือนหรือแต่ละวันมีการจ่ายค่าจ้างกันไหม  ผิดสัญญาจ้างแล้วจะเกิดผลอะไร  ตามกฎหมาย' นางสดศรี กล่าว
 

[Can ไทเมือง]

สงสัยจะยุ่งไปถึง สรรพากรครับ รวมทั้งการเสียภาษี ทั้งของบริษัท และ ของนายสมัคร

แต่สงสัยว่าจะมีการทำสัญญาใหม่ ในปีใหม่นี้...

ถึงยังไงก็จะเห็นอะไรดีๆ แน่นอนครับ

[Can ไทเมือง]

'สมัคร' ตายน้ำตื้น?
ประสงค์ วิสุทธิ์

การที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนนตรี จำใจต้องงดเป็นพิธีกร 'ชิมไปบ่นไป'หลังจากที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)สรรหาทำหนังสือร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่า การทำหน้าที่พิธีกรของนายสมัคร อยู่ในฐานะลูกจ้างของบริษัท เฟซ มีเดีย เป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 267

ทั้งๆที่นายสมัครอ้างว่า ได้หารือนักกฎหมายชั้นยอดแล้วว่า การทำหน้าที่ดังกล่าว ไม่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นการ'รับจ้าง'(รับจ้างทำของ-ผู้เขียน) ไม่ใช่'ลูกจ้าง' แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงใจจิตใจของชายวัย 72 ปีเป็นอย่างดี

เนื่องจากนายสมัครรู้ดีกว่า การได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้โอกาสในฐานะ'ลูกจ้างชั่วคราว'ที่นายจ้างสามารถทวงเก้าอี้คืนเมื่อไหร่ก็ได้
ดังนั้น เมื่อมีอะไรมากระทบ เพียงเล็กน้อย นายสมัครจึงเกรงว่า จะเป็นการ 'ตายน้ำตื้น'

ตามข้อกล่าวหาของนายเรืองไกรนั้น ต้องการพิสูจน์ว่า นายสมัครเป็นลูกจ้าง  พนักงาน หรือมีตำแหน่งใดๆที่ได้รับเงินเดือนประจำจากทางบริษัท เฟซมีเดียหรือไม่ ซึ่งจะเข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 267 ซึ่งบัญญัติว่า  'นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี...จะดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกันหรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย'

ผลการกระทำต้องห้ามดังกล่าวทำให้ 'ความเป็นรัฐมนตรี(นายกรัฐมนตรี)สิ้นสุดลงเฉพาะตัว' ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7)

อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีนายสมัครสิ้นสุดลงหรือไม่ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีช่องในการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ 3 ทาง(มาตรา 182 วรรคสาม)คือ

1.ส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ

2.ส.ส.1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่หรือ 48 คนเข้าชื่อกันยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ

3.ส.ว.1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่หรือ 15 คนเข้าชื่อกันยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ

แต่เมื่อดูท่าของ กกต.แล้วน่าจะเหลวเพราะแทนที่จะหาพยานหลักฐานเรื่องลักษณะการจ้าง เช่น รายได้ของนายสมัครว่า เป็นการจ่ายในลักษณะการ'รับจ้างทำของ'หรือเป็น'จ้างแรงงาน' รวมทั้งพฤติกรรมอื่นๆ กลับมุ่งไปตีความมเรื่อง'ตำแหน่งพิธีกร'

เพื่อให้เกิดความกระจ่างนายเรืองไกรน่าจะใช้สถานะของ ส.ว.เข้าชื่อกัน 15 คนยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญน่าจะได้ผลกว่า

ยิ่งนายเรืองไกรอ้างว่า มีหลักฐานนายสมัครได้เงินเดือนเดือนละ 80,000 บาทจากบริษัทเฟซ มีเดียจากตั้งแต่ช่วงทำหน้าที่พิธีกรในรายการที่ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลา 10.30 น.-11.00 น.ทางไอทีวีเมื่อปี 2544  และบริจาคเงินดังกล่าวให้กองทุนสุนัขและแมวจรจัด สังกัด กทม. การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ(โดย ส.ว.เข้าชื่อกัน)ซึ่งใช้ระบบไต่สวนจะทำให้การหาพยานหลักฐานทำได้ง่ายกว่า เนื่องจากศาลมีอำนาจเรียกพยานหลักฐานจากหน่วยงานของรัฐ เช่น นายสมัครรับเงินจากเฟซมีเดียในลักษณะใด ดูได้จากใบหักภาษี ณ ที่จ่ายของบริษัทและการเสียภาษีของนายสมัครเอง 

วิบากกรรมของนายสมัครอันมีเหตุจากมาจาก'ปาก'ยังไม่หมดแค่นี้

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2551 ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทการบินไทย มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ 15 คน ปรากฏว่า หนึ่งในนั้นคือ นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ง่วนสูน(1974) เยาวราชเจ้าของผลิจภัณฑ์พริกไทย ตรามือและผลิตเครื่องเทศส่งออก

คำถามที่ถามกันเซ็งแซ่ในเวลานั้น ทำไมเจ้าของกิจการธุรกิจเครื่องเทศจึงข้ามห้วยมาเป็นกรรมการบริษัทการบินแห่งชาติได้

มีคนนินทาว่า น่าจะเป็นแรงผลักดันจากนายสมัคร ที่มีสายสัมพันธ์กันอย่างยาวนานเนื่องจากบริษัทง่วนสูนเป็นสปอนเซอร์ในรายการ'ชิมไปบ่นไป'ที่มีนายสมัครเป็นพิธิกรมาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้

'คุณสมัครได้ชวนชาวคณะสกุลไทยมานั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์เพื่อดูรายการชิมไปบ่นไป...ไม่น่าเชื่อว่ารายการครึ่งชั่วโมงมีสปอนเซอร์เต็มเหยียด เช่น ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ น้ำส้มสายชูกลั่น อสร. ซุปไก่ผงชอยส์ ง่วนสูนพริกไทย กะทิฮาวาย เตาแก๊สอีมาแฟล็กซ์ เฟอร์นิเจอร์ครัวอินเด็กซ์'(สมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการ กทม. เปิดบ้านส่วนตัวและบ้านเพื่อชาวกทม.สกุลไทยฉบับที่ 2453 ปีที่  47 ประจำวัน  อังคาร ที่  23 ตุลาคม  2544)

ถ้านายสมัครเป็นผู้ผลักดันนายนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ให้เป็นกรรมการการบินไทยผ่านกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จริง อาจเข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามมาตรา  268 ประกอบ 266 เพราะเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการประจำของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น

 จากพฤติการณ์ดังกล่าว ทั้งส.ส.และ ส.ว.สามารถเข้าชื่อกันตามมาตรา 182 วรรคสามเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายสมัครพ้นสภาพการเป็นนายกฯแล้วหรือไม่

คราวนี้นายสมัครอาจตายน้ำตื้นจริงๆก็ได้

มติชน