ต่างชาติบ่นรัฐบาลไทยมัวแต่เล่นการเมือง นักลงทุนเซ็งส่อหนีซบเวียดนาม-มาเลเซีย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2551 15:11 น.
ผลพวงรัฐบาลมัวแต่สาละวนแก้ปัญหาให้ตัวเองและพวกพ้อง ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติวูบ ส่อหนีลงทุนซบเวียดนามและมาเลเซียแทน หอฯต่างประเทศ วอนรัฐบาลไทยทำการเมืองให้นิ่ง และมีนโยบายลงทุนและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ หลังชะงักมากกว่า 2 ปี ด้านหอการค้าญี่ปุ่น ชี้ SMEs ญี่ปุ่นสนใจมาลงทุนในไทยเพิ่ม แต่ต้องแก้ไขกฎหมายต่างด้าว
นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สำรวจความคิดเห็นนักลงทุนต่างชาติในไทย 156 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 12-14 พ.ค.2551 เกี่ยวกับความเชื่อมั่นที่มีต่อไทย ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นว่าปัญหาสำคัญของไทยขณะนี้ คือ การเมืองยังไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะบั่นทอนความเชื่อมั่นและการลงทุน รองลงมาคือ ราคาน้ำมันสูงและภาวะเศรษฐกิจภายในของไทย โดยเห็นว่าภายใต้บรรยากาศการเมืองที่ไม่นิ่งและเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ มีโอกาสที่ต่างชาติจะหันไปลงทุนในประเทศอื่นแทน โดยเฉพาะเวียดนามและมาเลเซีย
http://manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000057324 “นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า การเมืองไทยมีปัญหามากสุด และมองเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับกลางๆ แต่ในอีก 6 เดือนข้างหน้า คาดว่า จะดีขึ้น แต่ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการขยายการลงทุนในไทย ส่วนใหญ่จะตอบว่า ไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ แต่ความมั่นใจจะมากขึ้นในปีหน้าเมื่อการเมืองดีขึ้นส่วนในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้แทบจะไม่ขยายการลงทุนเลย” นายดุสิต กล่าว
นายนาเดอร์ จี.วอน เดอร์ เลอเฮ ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวถึงมุมมองของหอการค้าต่างประเทศที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ว่า หลังจากที่ไทยมีรัฐบาลใหม่มาจากการเลือกตั้ง นักลงทุนต่างชาติก็มั่นใจที่จะลงทุนในไทยมากขึ้น แต่ขณะนี้ การเมืองไทยกลับยังไม่มีการแน่นอน จึงต้องการให้รัฐบาลไทยมีเสถียรภาพ และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่า เพื่อที่จะดึงดูดความเชื่อมั่นจากต่างประเทศกลับมาอีกครั้ง
สำหรับมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายใน เช่น การลดภาษี การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้นได้
“หอฯต่างประเทศ เชื่อมั่นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล จะทำให้เศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล จะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งา และแข่งขันในระดับสากลได้ ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะการลงทุนเมกะโปรเจกต์ เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยเสียเวลาไปมาก โดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย หากเศรษฐกิจไทยเข้มแข็งก็จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ แต่รัฐบาลไทยต้องหันหน้าเข้าหากันให้มากขึ้นและเปิดเสรีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดเสรีภาคบริการ ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไขแต่ต้องไม่ปิดกั้นการลงทุน” นายนาเดอร์ กล่าว
นายฟูกูจิโร ยามาเบะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทยประมาณ 7,000 ราย ส่วนใหญ่จะลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่เริ่มมีบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) เข้ามาลงทุนในไทยบ้างแล้ว โดยสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาล ไทยเร่งดำเนินการเพื่อำนวยความสะดวกในด้านการลงทุน คือ ยกเลิกการแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และผ่อนปรนเงื่อนไขต่างๆ ในกฎหมายดังกล่าวให้กับนักลงทุนต่างชาติดำเนินนโยบายต่างๆ ให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการลงทุน บังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
“แรงจูงใจให้ญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย ได้แก่ ค่าแรงต่ำ ตลาดยังมีอนาคต เป็นฐานการผลิตที่สำคัญ มีอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และเป็นตลาดขนาดใหญ่ ส่วนจุดก่อน คือ มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ค่าจ้างเพิ่มขึ้น ขาดการพัฒนาแรงงาน โดยเฉพาะในด้านวิศวกรรม และการเมืองไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างโปร่งใสและมีกฎระเบียบที่ชัดเจนมากขึ้น” นายฟูกูจิโระ กล่าว