ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 07:08
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ประเด็น'อ่อนไหว'เรื่อง'สถาบัน' 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ประเด็น'อ่อนไหว'เรื่อง'สถาบัน'  (อ่าน 2221 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 17-05-2008, 02:31 »

ประเด็น'อ่อนไหว'เรื่อง'สถาบัน'
โดย นงนุช สิงหเดชะ

กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกคำรบหนึ่งสำหรับเรื่อง "สถาบัน" โดยแต่ละฝ่ายมีการกล่าวหากันว่านำ "สถาบัน" มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อล้มล้างอีกฝ่ายหนึ่ง บางคนก็ว่าการนำเสนอข่าวของสื่อเรื่อง "นายคนหนึ่ง" ที่ไม่ยอมยืนถวายความเคารพเมื่อโรงภาพยนตร์เปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี จะเป็นการปลุกระดมอารมณ์ของคนให้เกลียดชังนายคนนั้น จนเกิดเหตุการณ์เหมือน 6 ตุลาคม 2519

ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และก็ไม่เห็นด้วยที่จะใช้ความรุนแรง ด้วยการไปรุมประชาทัณฑ์ "นายคนนั้น" แต่คงช่วยไม่ได้ที่ "นายคนนั้น" จะถูกลงโทษทางสังคมด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพราะต้องไม่ลืมว่าการกระทำของนายคนนั้นเป็นการ "ย่ำยีและทำร้ายจิตใจ" ของคนไทยส่วนใหญ่อย่างรุนแรง

การกระทำของนายคนนั้น ย่อมไม่ใช่การกระทำที่น่าให้อภัย เพราะในวันที่ไปขึ้นโรงพัก ก็มีการใส่เสื้อสกรีนข้อความ "ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร" ทั้งข้อความภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อหวังให้ต่างชาติมาทำข่าว นอกจากนั้นยังมีพรรคพวกอีกหลายคนถือป้ายข้อความเดียวกัน ไปยืนเชียร์นายคนนั้นอยู่ข้างหลังในลักษณะเตรียมการมาอย่างดีด้วย ดังนั้น การจะบอกว่านายคนนั้นทำไปเพียงลำพัง ไม่ใช่เป็น "ขบวนการ" นั้นคงเชื่อได้ยาก โดยเฉพาะรูปแบบ "ตัวหนังสือและสีเสื้อ" นั้นมันดูคุ้นๆ ว่าคล้ายกับของคนบางกลุ่มอย่างไรชอบกล อีกทั้งในเวลาต่อมาก็มีการใช้คำพูดจาโอหังอีกหลายอย่าง

นอกจากนั้นในเวลาต่อมาก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ใส่เสื้อแบบเดียวกันนี้ไปออกรายการทีวีช่อง 11 (ที่มีชื่อใหม่ว่าเอ็นบีที)

เมื่อมองความสอดคล้องกันของหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะช่วงหลังการรัฐประหารแล้ว ย่อมทำให้คนไทยส่วนใหญ่ที่เคารพเทิดทูนสถาบันมีความอึดอัดไม่สบายใจ

กรณีการหมิ่น "สถาบัน" ที่เกิดขึ้นใน พ.ศ.นี้ มีลักษณะแตกต่างไปจากช่วง 6 ตุลาคม เพราะในช่วง 6 ตุลาคม นั้น สื่อรัฐและอำนาจรัฐเป็นผู้จงใจบิดเบือนใส่ร้ายขบวนการนักศึกษาว่าไม่จงรักภักดี และประชาชนก็คล้อยตามเพราะว่าในช่วงนั้นเสรีภาพในการรับรู้หรือเข้าถึงข่าวสารมีน้อย ประชาชนไม่มีสื่ออื่นหรือช่องทางอื่นที่จะรับรู้ข่าวสารอย่างหลากหลายเพื่อตรวจสอบถ่วงดุลข้อเท็จจริง

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนั้น ไม่ใช่การบิดเบือนข้อมูล แต่เป็นหลักฐานที่ชัดอยู่ทนโท่ อย่างกรณีนายคนนั้นที่ไม่ยืนถวายความเคารพ นอกจากนี้ตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ชอบอ้างเสรีภาพทางความคิดนั้น มีการเสนอข้อความในลักษณะโจมตีสถาบันอย่างรุนแรงและเปิดเผย ไม่ใช่แค่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างธรรมดา บรรดาคนที่เข้าเว็บไซต์บ่อยๆ ย่อมรู้ดี และที่ทำให้คนไทยจำนวนมากอึดอัดคับข้องใจก็คือภาครัฐหรือเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้เอาใจใส่ที่จะจัดการหรือป้องปรามเลย

สิ่งเดียวที่อาจเหมือนกับช่วง 6 ตุลาคม ก็คือรัฐบาลยังดูเหมือนเป็นผู้สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงในเรื่องนี้ แต่คราวนี้เป็นลักษณะตรงกันข้ามกับ 6 ตุลาคม นั่นก็คือรัฐเสี่ยงที่จะถูกมองว่า ไม่ปกป้อง "สถาบัน" เท่าที่ควร ด้วยการปล่อยให้มีขบวนการในลักษณะนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนโดยไม่จริงใจที่จะจัดการอะไร

ภาครัฐก็อย่าเอาแต่อ้างในมุมเดียวว่าฝ่ายอื่นหยิบยกในเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะหวังผลทางการเมืองแต่ประการเดียว ประเด็นสำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือผู้กุมอำนาจรัฐมีหน้าที่ในการ "ปลดชนวน" ในเรื่องนี้ ด้วยการ "ไม่สร้างเงื่อนไข" ที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มผู้ที่เคารพเทิดทูนสถาบันด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่ว่าปล่อยให้บางคนในรัฐบาลออกมาแย็บซ้ายแย็บขวา ตอดนิดตอดหน่อย พอสังคมไม่เล่นด้วยก็อ้างว่า "ศักดินา" ที่อยากโค่นล้มนั้นหมายถึงแค่ พล.อ.เปรม

ใครก็ตามที่ออกมาห่วงใย "ปกป้อง" นายคนนั้นและพวก ก็จำเป็นต้องระมัดระวังท่าทีอย่างมากเช่นกัน โดยต้องคำนึงถึงจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ที่ถูกนายคนนั้นย่ำยีด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและอ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนมาก

อย่าเพียงแต่คิดว่าฝ่ายอื่นใช้กรณีของนายคนนั้น "เป็นเหยื่อ" เพื่อล้มรัฐบาล แต่ฝ่ายที่คิดเช่นนี้ก็ระวังตัวเองอย่าตก "เป็นเหยื่อ" ของกลุ่มนายคนนั้นด้วยเช่นกัน

เรื่องของนายคนนั้นไม่จำเป็นต้องมีใครปลุกปั่นหรอก แค่คนได้อ่านเนื้อหาข่าวอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้คนโกรธแค้นแล้ว ดังนั้น ปัญหานี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือแก้ที่พฤติกรรมของนายคนนั้นก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อพูดถึงบทบาทของสื่อก็ต้องพูดถึงสื่อทั้งสองฝั่ง คือต้องรวมสื่อที่อยู่ภายใต้อำนาจรัฐด้วยเช่นกันเพราะสื่อเหล่านี้ก็ "ปลุกปั่น" ไม่แพ้กัน

การยืนถวายความเคารพโดยใช้เวลาแค่ 1-2 นาที เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้เป็นเรื่องยากลำบากอะไร เมื่อเทียบกับงานจำนวนมากที่พระองค์ทรงทำเพื่อพัฒนาประเทศ ก็เหมือนกับที่เรายกมือไหว้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์เพื่อแสดงความกตัญญูรู้คุณ

หรือว่านายคนนั้น ในชีวิตของเขา ไม่เคยยกมือไหว้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ไม่เคยแสดงความขอบคุณใคร แต่สงสัยว่าถ้าเป็นวัฒนธรรมเช็กแฮนด์แบบฝรั่ง นายคนนี้คงยินดีปฏิบัติตามกระมัง

นี่แหละคนเยาว์วัยที่เสพติดแต่ทฤษฎี แต่อ่อนหัดในโลกของความเป็นจริง เพราะยังผ่านชีวิตมาไม่มากพอ

เรื่องไม่ควรทำดันทะลึ่งไปทำ ทำไมไม่ใช้ความกล้าหาญให้ถูกทาง ทำไมไม่ไปยืนถือป้ายประท้วงหน้าบ้านรัฐมนตรีและนักการเมืองขี้โกงบ้าง เพราะนั่นคือสาเหตุหลักเพียงประการเดียวที่ทำให้บ้านเมืองไม่เจริญ

ไม่ว่าใครจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ จะไม่ชอบศักดินา แต่ชื่นชอบนายทุน หรือไม่ชอบนายทุน แต่สิ่งที่ต้องตั้งคำถามกับตัวเองให้จงหนักก็คือว่าเมื่อต่อสู้แย่งชิงอำนาจไปให้ "นาย" ของตัวเองได้แล้ว "นาย" จะจัดสรรอำนาจนั้นอย่างไร และใช้อำนาจไปเพื่อใคร

ที่มา หน้า 6 หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

*******************************


'ดร.สุเมธ'เตือนสติคนไทย ใช้เหตุผลนำอารมณ์
มติชน วันที่ 16 พฤษภาคม 2551 เวลา 13:04:15 น.

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่มีความคิดเห็นหลากหลายแตกต่างกันออกไปว่า ความคิดเห็นที่หลากหลายควรตั้งอยู่บนเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ และนำไปสู่การแตกแยก พร้อมขอให้ทุกฝ่ายต่างคนต่างทำหน้าที่ของตน

ส่วนกรณีการนำเรื่องสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมืองนั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องใช้ดุลพินิจเอาเองว่าเหมาะสมหรือไม่


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=31391&catid=1

พระบรมราโชวาทในหลวง 'ถ้าไม่มีความยุติธรรม บ้านเมืองก็จะล่มจม'
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/16/entry-2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2008, 02:47 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #1 เมื่อ: 17-05-2008, 02:40 »



คนที่ตั้งใจฟังพระบรมราโชวาท ก็จะเข้าใจได้ว่า

บ้านเมืองต้องมีหลักความยุติธรรม ซึ่งก็ต้องกินความไปไกลถึงคุณสมบัติชีวิตของเหล่าผู้พิพากษา

ความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ ในการพิพากษาคดีต่างๆ

ซึ่่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กฎหมู่และต้องถือเป็นส่วนหนึ่งของระบอบการปกครองใดๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2008, 02:44 โดย 999 » บันทึกการเข้า

see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #2 เมื่อ: 17-05-2008, 02:45 »

*  ประเด็นเรื่องสถาบัน  ........  มีการเอามาเชื่อมโยงกันนานแล้วค่ะ

    แต่นักวิชาการเพิ่งออกอาการ ......  เพราะมีตัวอย่าง ชัด ๆ  กรณี  โชติศักดิ์  ( อ้วนดำ )  ให้เห็น 

    บางที  ก็รู้สึกนะค่ะ  ว่า  นักวิชาการบ้านเรา  ดัดจริต จัง  ..........

    จะแสดงความเห็นเรื่องแบบนี้สักที  ก็ต้องมีตัวอย่างคนที่ถูก  กม. เล่นงานก่อน

    ส่วนคนที่ใช้  อินเตอร์เน็ท  เป็น  .... เค๊ารับรู้  เค๊าเฉ่ง  กะคนพวกนี้มาเป็นปีแล้วค่ะ  คุณ

    สงสัยเวลาที่ผ่านมาคงเอาแต่ท่องตำรา  ...........

    อ่อ  ที่เขียนไม่ได้เห็นค้านนะคะ  เห็นดีด้วยค่ะ .....  ถึงจะรู้สึกว่าช้าเหมือน เต่า คลาน  ก็เหอะ  !!!!
บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 17-05-2008, 02:51 »

ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
และก็ไม่เห็นด้วยที่จะใช้ความรุนแรง ด้วยการไปรุมประชาทัณฑ์ "นายคนนั้น"

แต่คงช่วยไม่ได้ที่ "นายคนนั้น" จะถูกลงโทษทางสังคมด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
เพราะต้องไม่ลืมว่าการกระทำของนายคนนั้นเป็นการ "ย่ำยีและทำร้ายจิตใจ" ของคนไทยส่วนใหญ่อย่างรุนแรง


นงนุช สิงหเดชะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2008, 03:01 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #4 เมื่อ: 17-05-2008, 02:55 »



คนที่ตั้งใจฟังพระบรมราโชวาท ก็จะเข้าใจได้ว่า

บ้านเมืองต้องมีหลักความยุติธรรม ซึ่งก็ต้องกินความไปไกลถึงคุณสมบัติชีวิตของเหล่าผู้พิพากษา

ความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ ในการพิพากษาคดีต่างๆ

ซึ่่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กฎหมู่และต้องถือเป็นส่วนหนึ่งของระบอบการปกครองใดๆ


อ้างถึง
author=999 link=topic=25724.msg286446#msg286446 date=1210028471]

ความเห็นผม ระบบสมมุติเทพจะทำลายระบบสถาบัน

จนในที่สุดถ้าไม่ปรับเปลี่ยนระบบคิดนี้สถาบันก็จะไม่เป็นที่ยอมรับในคนยุคใหม่



เรื่่องสมมุติเทพ เป็นเรื่องของคนบ้าและทาสเท่านั้น

ถ้ามันมีฤทธิ์จริง ก็คงทำให้คนมันคลั่งมากขึ้น


ไหนว่าสมมุติเทพทำให้คนคลั่งไงครับ
ทำไมตอนนี้อ้างคำพูดของพระองค์แล้วละ


แก้ไขลืมอ้างอิงคำพูด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2008, 03:20 โดย login not found » บันทึกการเข้า
999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #5 เมื่อ: 17-05-2008, 02:56 »



สถาบันต้องไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกกลุ่มชนออกจากกัน

ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ตาม
 
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 17-05-2008, 02:58 »

ส่วนหนึ่งของพระบรมราโชวาท
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/16/entry-2


ถ้าท่านรักษาความยุติธรรมได้แท้ๆ ท่านจะเป็นผู้ที่ได้ทำ ได้ช่วยให้บ้านเมืองอยู่ได้
ถ้าไม่มีความยุติธรรมบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ เพราะคนก็จะสงสัยอยู่เสมอ
จะต้องไม่ให้มีความสงสัยในบ้านเมือง แต่บ้านเมืองต้องมีแต่ความยุติธรรม

ฉะนั้นก็ขอร้องให้ท่านได้พยายามและรักษาความยุติธรรมแท้ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก
แต่เชื่อว่า ท่านตั้งใจจะทำ ก็ขอให้ท่านตั้งใจรักษาความยุติธรรมในบ้านเมือง
การรักษาความยุติธรรมในบ้านเมืองนี้ก็เหมือนกับง่ายๆคือ ท่านเป็นผู้พิพากษา

ถ้ารู้จักความเป็นผู้พิพากษาสักนิดเดียวก็จะไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ฯลฯ
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #7 เมื่อ: 17-05-2008, 02:58 »



เรื่่องสมมุติเทพ เป็นเรื่องของคนบ้าและทาสเท่านั้น

ถ้ามันมีฤทธิ์จริง ก็คงทำให้คนมันคลั่งมากขึ้น


ไหนว่าสมมุติเทพทำให้คนคลั่งไงครับ
ทำไมตอนนี้อ้างคำพูดของพระองค์แล้วละงียบๆดี




อ้างได้  ถ้าอ่านความเห็นผมก็อ่านและทำความเข้าใจไปเงียบๆดีกว่า

บันทึกการเข้า

login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #8 เมื่อ: 17-05-2008, 03:13 »

ก็คุณพูดเองนี่ว่าสมมุติเทพทำให้คลั่ง
แล้วพระบรมราโชวาทของพระองค์เป็นก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
พระบรมราโชวาทล้วนสั่งสอนให้ผสกนิกรทำดีทั้งสิ้น
และผู้ที่ยึดถือพระบรมราโชวาท ยึดถือพระองค์เป็นที่พึ่ง
ย่อมประพฤติตัวถูกต้องตามหลักของพระองค์
แล้วจะทำให้คลั่งอย่างที่คุณเคยกล่าวไว้ได้อย่างไร
แม้แต่ตอนนี้คุณเองก็ยังเห็นด้วยกับพระบรมราโชวาท...ไม่ใช่หรือ

แล้ววาจาที่คุณโจมตีสถาบันหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านี้
เป็นแค่พูดแต่เอาประโยชน์เข้าตัวเอง
อยากด่าตามใจปาก พ่นน้ำลายเลอะเทอะ
แบบนั้นหรือเปล่าละ
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 17-05-2008, 03:14 »

*  ประเด็นเรื่องสถาบัน  ........  มีการเอามาเชื่อมโยงกันนานแล้วค่ะ

    แต่นักวิชาการเพิ่งออกอาการ ......  เพราะมีตัวอย่าง ชัด ๆ  กรณี  โชติศักดิ์  ( อ้วนดำ )  ให้เห็น 

    บางที  ก็รู้สึกนะค่ะ  ว่า  นักวิชาการบ้านเรา  ดัดจริต จัง  ..........

    จะแสดงความเห็นเรื่องแบบนี้สักที  ก็ต้องมีตัวอย่างคนที่ถูก  กม. เล่นงานก่อน

    ส่วนคนที่ใช้  อินเตอร์เน็ท  เป็น  .... เค๊ารับรู้  เค๊าเฉ่ง  กะคนพวกนี้มาเป็นปีแล้วค่ะ  คุณ

    สงสัยเวลาที่ผ่านมาคงเอาแต่ท่องตำรา  ...........

    อ่อ  ที่เขียนไม่ได้เห็นค้านนะคะ  เห็นดีด้วยค่ะ .....  ถึงจะรู้สึกว่าช้าเหมือน เต่า คลาน  ก็เหอะ  !!!!


คนอื่นไม่ทราบ แต่สำหรับ นงนุช สิงหเดชะ เขียนบทความโจมตีระบอบทักษิณ ในมติชนมาตลอด ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา



แก้ไขให้ ตามคุณ 999 บอกมาครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2008, 08:06 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #10 เมื่อ: 17-05-2008, 03:18 »

คนอื่นไม่ทราบ แต่สำหรับ นงนุช สิงหเดชะ เขียนบทความโจมตีระบอบทักษิณ ในมติชนมาตลอด ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา

หลังปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 นงนุช สิงหเดชะได้รับเชิญให้เป็น สมาชิก สนช.

แต่ นงนุช สิงหเดชะ ไม่ยอมรับตำแหน่งนั้น

เพราะไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติและอ้างว่าต้องเดินทางไปทำงานวิชาการในประเทศญี่ปุ่น


*  อ๋อ ..... คะ  ที่โพสไปไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคุณ  นงนุช  นี่ค่ะ

    หมายถึง ....  โดยรวมทั่วไป  แต่ที่เขียนเพราะเห็น  ทู้นี้  ยกตัวอย่างเรื่องนี้พอดี

    ............................  OK  นะคะ


   
บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #11 เมื่อ: 17-05-2008, 03:19 »

คนอื่นไม่ทราบ แต่สำหรับ นงนุช สิงหเดชะ เขียนบทความโจมตีระบอบทักษิณ ในมติชนมาตลอด ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา

หลังปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 นงนุช สิงหเดชะได้รับเชิญให้เป็น สมาชิก สนช.

แต่ นงนุช สิงหเดชะ ไม่ยอมรับตำแหน่งนั้น

เพราะไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติและอ้างว่าต้องเดินทางไปทำงานวิชาการในประเทศญี่ปุ่น


เอ ผมจำได้ว่ามีผาสุก ที่อ้างไปญี่ปุ่น
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 17-05-2008, 03:23 »

เข้าใจจ้า..พวกนักวิชาการ ที่ออกมาปกป้องโชติศักดิ์ นั่นสิน่าด่ามากกว่า

เพราะไม่ใช่แค่ปกป้อง แต่สั่งสอนกันออกมาเลยแหละ

พวกนี้จะปล่อยเด็ก ๆ ออกมาลองพลังเป็นระยะ ๆ

แต่ไอ้ตัวใหญ่ๆ ยืนอยู่ข้างหลังอีกเป็นแผง

ดูรายชื่อ กลุ่มอาจารย์ใจนั่นแหละ

นงนุช เขียนชี้ว่า หากคิดใช้กรณีลบหลู่สถาบันฯ ไปทำลายรัฐบาล อาจเข้าทางพวกไม่หวังดี

ซึ่งจะกลายเป็นกรณีน้ำผึ้งหยดเดียวและอาจสร้างแรงกระทบไปถึงสถาบันในอีกแง่หนึ่ง......

สังเกตจาก การออกมาพูดเรื่องนี้ของ ดร.สุเมธ ท่านก็ไม่เห็นด้วยที่จะนำเอาสถาบันฯลงมาใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมือง

ฝ่ายทหารก็ไม่เห็นด้วย( ออกข่าวมาแทบทุกเหล่าทัพแล้ว ) ...เพราะมันอาจนำไปสู่ความแตกแยก รุนแรง

คนที่มีหน้าที่ คือ "ตำรวจ" ต่างหาก ที่ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ชักช้า...



....อ้ออย่าลืมไปอ่านเรื่อง "ไอ้หัวโต" ในผู้จัดการ โดย สุรวิช วีรวรรณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2008, 03:34 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #13 เมื่อ: 17-05-2008, 03:25 »



ต้องคิดกันไปให้ไกลกว่านั้นว่า

เพราะเหตุใดสถาบันจึงเป็นเรื่องอ่อนไหว

ซึ่งบ่อยครั้ง ก็เกิดเหตุการณ์ไม่ดีที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เกิด
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 17-05-2008, 03:37 »

เพราะสถาบันฯ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจคนไทยไง ไม่น่าสงสัย

คนไทยส่วนใหญ่ต่างยอมรับในสถาบันฯ จนต้องระบุในรัฐธรรมนูญ

หากไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ก็อย่าเรียกตนเองว่าเป็นพวกประชาธิปไตย
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #15 เมื่อ: 17-05-2008, 03:42 »

เพราะสถาบันฯ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจคนไทยไง ไม่น่าสงสัย

คนไทยส่วนใหญ่ต่างยอมรับในสถาบันฯ จนต้องระบุในรัฐธรรมนูญ

หากไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ก็อย่าเรียกตนเองว่าเป็นพวกประชาธิปไตย


ปัญหาที่ต้องแก้ไขความคิดความเชื่อของคนไทยก็คือความอ่อนไหวแบบเหตุการณ์

6 ตุลา 19
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #16 เมื่อ: 17-05-2008, 03:48 »



ผมไปนอนดีกว่า ข้อเขียนเก่าๆ

กระทู้ต่างๆของผมมีมาก บางท่านสนใจก็ไปอ่าน

อย่าไปเสียเวลาตัดตอนมาเลยครับ

เพราะจะทำให้สับสนมากยิ่งขึ้น ในประเด็นที่พูดคุยไปแล้ว
บันทึกการเข้า

login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #17 เมื่อ: 17-05-2008, 03:49 »

ทั้งที่สถาบันเป็นประเด็นอ่อนไหว
แต่การนำเสนอการวิภากษ์เรื่องสถาบันกลับไม่คำนึงถึงเรื่องนี้
จะเห็นได้ทั้งจากหนังสือ เว็บไซท์ การวิภากษ์งานสัมมนาต่างๆ
มักมีรูปแบบการนำเสนอ และเนื้อหาจนเกิดขอบเขตอันควรเสมอๆ
หากรู้ว่าสถาบันเป็นประเด็นอ่อนไหว ทำตามหลักวิชาการ
และมีใจที่จะสื่อสารกับคนทั่วไป คงไม่มีปัญหาหรือความรุนแรงอะไรหรอก

ในความเป็นจริงมักจะพบการโจมตีสถาบันในรูปแบบต่างๆ
เช่นการสร้างข่าวเท็จ การสร้างค่านิยมดูหมิ่น การโยงเรื่องอื่นๆมาเพื่อดึงสถาบันลงมาโจมตี ฯลฯ
ไม่ได้มีหลักฐาน ไม่ได้เจตนาในการวิภากษ์จริงๆอย่างในกรณีเจ้เพ็ญ
สิ่งนี้เองที่ทำให้ต้องถามว่า สถาบันเป็นเรื่องอ่อนไหวจริงๆ
หรือเป็นเพราะความบัดซบของใครบางคน จงใจทำให้เป็นเรื่องอ่อนไหวกันแน่
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 17-05-2008, 03:52 »

ผมมองว่า "คนที่ก่อเหตุ" อาศัยความอ่อนไหวนั้น มาจุดประเด็นมากกว่า

จะว่าไป พวกที่ก่อหวอดเรื่องแบบนี้ ก็รู้ว่ามันเป็นประเด็นอ่อนไหว ที่คนไทยส่วนใหญ่เค้าถือสา...ไม่อยากให้เกิด

พวกนั้นรู้ว่าจี้ตรงจุดไหน จะเข้าทางพวกตัวเอง มันก็เลยเกิดเหตุท้าทายขึ้นมา

ความสำคัญของเรื่องราวคือ "คนพวกนั้น" ทำแกล้งโง่หรือเปล่า

หรือต้องการให้เกิดความรุนแรง แล้วพวกตนเองก็หลบหนีไป

พอเหตุการณ์สงบ ก็ออกมาทำเป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ

เดินหมากอ่อนเกินไปใครๆ ก็จับทางถูกหมด ระดับครูบาอาจารย์ทั้งนั้นเชียวนะนั่น

ยิ่งฝ่ายที่หนุนหลัง ออกมาตั้งการ์ดสู้ ก็เท่ากับอยากให้เกิดความรุนแรง

อาจารย์พวกนั้นผมให้ค่าแค่พวกอวดอวัยวะเพศที่สนามหลวงนั่นแหละครับ

ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงพอ ๆ กัน
บันทึกการเข้า

login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #19 เมื่อ: 17-05-2008, 03:57 »


ผมไปนอนดีกว่า ข้อเขียนเก่าๆ

กระทู้ต่างๆของผมมีมาก บางท่านสนใจก็ไปอ่าน

อย่าไปเสียเวลาตัดตอนมาเลยครับ

เพราะจะทำให้สับสนมากยิ่งขึ้น ในประเด็นที่พูดคุยไปแล้ว


หึหึหึ ขอขำเล่นซักหน่อย
กรรมส่อเจตนา สนใจดูว่ากรรมอย่างไรเจตนาอย่างไร
ก็ตามไปดูกระทู้นั้นๆเพื่อเพิ่มยอด"คนอ่าน"ให้สมใจใครบางคนได้เลยครับ
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #20 เมื่อ: 17-05-2008, 04:02 »

ผมมองว่า "คนที่ก่อเหตุ" อาศัยความอ่อนไหวนั้น มาจุดประเด็นมากกว่า

จะว่าไป พวกที่ก่อหวอดเรื่องแบบนี้ ก็รู้ว่ามันเป็นประเด็นอ่อนไหว ที่คนไทยส่วนใหญ่เค้าถือสา...ไม่อยากให้เกิด

พวกนั้นรู้ว่าจี้ตรงจุดไหน จะเข้าทางพวกตัวเอง มันก็เลยเกิดเหตุท้าทายขึ้นมา

ความสำคัญของเรื่องราวคือ "คนพวกนั้น" ทำแกล้งโง่หรือเปล่า

หรือต้องการให้เกิดความรุนแรง แล้วพวกตนเองก็หลบหนีไป

พอเหตุการณ์สงบ ก็ออกมาทำเป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ

เดินหมากอ่อนเกินไปใครๆ ก็จับทางถูกหมด ระดับครูบาอาจารย์ทั้งนั้นเชียวนะนั่น

ยิ่งฝ่ายที่หนุนหลัง ออกมาตั้งการ์ดสู้ ก็เท่ากับอยากให้เกิดความรุนแรง

อาจารย์พวกนั้นผมให้ค่าแค่พวกอวดอวัยวะเพศที่สนามหลวงนั่นแหละครับ

ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงพอ ๆ กัน


อ่านแล้วผมพอจะสรุปได้ว่า
ใครร้อนตัวที่สุด
ใครก่อความรุนแรง
ใครหางจุกตูดเร็วที่สุด
นั่นเป็นพวกเจตนาไม่บริสุทธิ์

ใช่หรือเปล่าครับลุงแคน
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 17-05-2008, 04:38 »

ต้องศึกษาวิถีชีวิตของ "แย้"

พวกนี้จะมี "หลายรู"

พออากาศดีๆ ก็ออกมาจากใต้ดิน โผล่มารับอากาศบริสุทธิ์

พอโดนไล่ก็หลบลงรู โดนไม้แหย่รูนี้ ก็ไปขึ้น รูโน้น

จับมันยากครับ
บันทึกการเข้า

snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #22 เมื่อ: 17-05-2008, 07:57 »

คนอื่นไม่ทราบ แต่สำหรับ นงนุช สิงหเดชะ เขียนบทความโจมตีระบอบทักษิณ ในมติชนมาตลอด ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา

หลังปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 นงนุช สิงหเดชะได้รับเชิญให้เป็น สมาชิก สนช.

แต่ นงนุช สิงหเดชะ ไม่ยอมรับตำแหน่งนั้น

เพราะไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติและอ้างว่าต้องเดินทางไปทำงานวิชาการในประเทศญี่ปุ่น


นงนุช สิงหเดชะ เนี่ยนะ ได้รับเชิญให้เป็น สมาชิก สนช.
นงนุช สิงหเดชะ เนี่ยนะ ไม่ยอมรับตำแหน่งนั้น เพราะไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ
นงนุช สิงหเดชะ เนี่ยนะ อ้างว่าต้องเดินทางไปทำงานวิชาการในประเทศญี่ปุ่น


 
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 17-05-2008, 08:01 »

สกู๊ป-'บิ๊กจิ๋ว'เปิดโปง'ขบวนการ'ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า'สร้างเงื่อนไขก่อสงครามกลางเมือง
มติชน     วันที่ 16 พฤษภาคม 2551 - เวลา 21:14:19 น.  
 
หมายเหต'มติชนออนไลน์'-เป็นเนื้อหาในหน้า 143-158 ในหนังสือ 'แนวทางประเทศไทย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี การต่อสู้เอาชนะภัยความมั่นคงของชาติ สงครามเปิดโปงขบวนการ ล้มปืน ล้ม ทุน ล้มเจ้า'ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งพิมพ์แจกจ่ายในงานวันเกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551

**************************

ในบรรดาลักษณะมากหลายของคอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองนี้ลักษณะเด่นที่สุดคือ 'เลิกล้มการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข' ซึ่งเป็นลักษณะประการแรกของการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใน พ.ร.บ.ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ.2495 และในปัจจุบันลักษณะนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองคือ ถ้าชี้ว่าใครเป็นคอมมิวนิสต์ ก็หมายความว่า ผู้นั้นจะเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์และถ้ากล่าวหาว่าใครจะเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้นั้นเป็นคอมมิวนิสต์

เมื่อเป็นดังนี้ คอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเอง โดยเฉพาะในลักษณะที่ว่าจะเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นจึงไม่มีตัวตน เพราะว่า ด้านหนึ่ง คอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองนี้ไม่ใช่ขบวนการคอมมิวนิสต์ตามความเป็นจริงหรือที่มีอยู่จริง

อีกด้านหนึ่งขบวนการปฏิวัติมีแต่เพียง 2 ขบวนการเท่านั้น คือขบวนการประชาธิปไตย และขบวนการคอมมิวนิสต์ เมื่อคอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองไม่ใช่ขบวนการคอมมิวนิสต์ (ไม่ใช่ พคท.) แล้วก็ต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในขบวนการประชาธิปไตย

แต่ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ขบวนการประชาธิปไตยตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงมาจนถึงประชาชนไม่มีความมุ่งหมายจะเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ อาจมีคนจำนวนน้อยนิดในขบวนการประชาธิปไตยที่มีความผิดพลาด โดยมีความคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ดังกล่าวมาแล้ว ทั้งยังเป็นพวกที่ทำลายขบวนการประชาธิปไตยจากภายในอีกด้วย

ฉะนั้น ความผิดพลาดของคนจำนวนน้อยนิดจึงไม่ส่งผลสะเทือนทางร้ายแก่ขบวนการประชาธิปไตย ขบวนการประชาธิปไตยยังคงมั่นคงในความมุ่งหมายที่จะรักษาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์

จึงเห็นได้ว่า การสร้างคอมมิวนิสต์ขึ้นมาให้ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เป็นการสร้างขึ้นมาในอากาศโดยแท้ เป็นการสร้างความกลัวขึ้นมาให้กลัวกันเล่นเท่านั้นเอง

ฉะนั้น การพิจารณาคอมมิวนิสต์ว่า จะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่นั้น จึงไม่ใช่พิจารณาคอมมิวนิสต์ที่สร้างขึ้นมาในอากาศ คอมมิวนิสต์อย่างนั้นตัดทิ้งไปได้ แต่ต้องพิจารณาคอมมิวนิสต์ที่มีอยู่จริงๆ คือ พคท.

ตามทฤษฎีของลัทธิมาร์กซ์-ลัทธิเลนิน ไม่มีกำหนดว่าให้พรรคคอมมิวนิสต์ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ทุกพรรคก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่า ประมุขของประเทศคอมมิวนิสต์จะเป็นพระมหากษัตริย์หรือไม่ใช่พระมหากษัตริย์

เมื่อ พ.ศ.2490 นายประพันธ์ วีรศักดิ์ โฆษกของพรรคคอมมิวนิตส์แห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์เป็นลายลักษณ์อักษรตีพิมพ์ในนิตยสาร 'มหาชน' ซึ่งเป็นออแกนของ พคท. เกี่ยวกับปัญหาพระมหากษัตริย์ไว้ว่า 'พคท.เป็นพรรคที่ยึดติดมติมหาชนต้องการพระมหากษัตริย์ พคท.ก็จะปฏิบัติตามมติมหาชนนั้น'

ต่อมามีกรรมการกรมการเมืองของ พคท. คนหนึ่งกล่าวว่า 'ถ้าระบบสังคมนิยมของประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเขาจะดีใจอย่างที่สุด'

เหล่านี้แสดงว่า พรรคคอมมิวนิสต์โดยเฉพาะคือ พคท. ไม่ได้กำหนดไว้แน่นอนว่า ระบอบคอมมิวนิสต์ของเขาจะมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศหรือไม่

อย่างไรก็ดี ความมุ่งหมายของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นดังที่คาร์ลมาร์กซ์ เขียนไว้ในแถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ว่า ชาวคอมมิวนิสต์ไม่ต้องการจะปกปิดอำพรางทรรศนะและความมุ่งหมายของตน เขาประกาศอย่างเปิดเผยว่า ความมุ่งหมายของเขาจะบรรลุได้ ก็แต่โดยใช้กำลังโค่นระบบสังคมที่ดำรงอยู่เสียทั้งหมดเท่านั้น

พูดให้ชัดยิ่งขึ้นก็คือ ใช้การต่อสู้ด้วยอาวุธโค่นระบบการปกครองที่ดำรงอยู่และสร้างระบบเผด็จการชนกรรมาชีพขึ้นแทน (สำหรับประเทศไทยโดยผ่านทางการเข้านำการปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชาติ และใช้ระบอบเผด็จการชนกรรมาชีพล้มล้างระบบเสรีนิยม และสร้างระบบสังคมนิยมขึ้นแทน นี่คือความมุ่งหมายของ พคท.)

ในการปฏิบัติให้บรรลุความมุ่งหมายเช่นนี้ แม้ว่า พคท.จะไม่มีความมุ่งหมายเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และแม้ว่าผู้นำของ พคท. ยินดีจะให้พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศไทยสังคมนิยมก็ตาม

แต่การเปลี่ยนแปลงระบบสังคมนิยมอย่างรุนแรงตามความมุ่งหมายที่คาร์ลมาร์กซ์กล่าวไว้ จะไม่สามารถรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ได้ สถาบันพระมหากษัตริย์จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ และพระมหากษัตริย์คงจะไม่สามารถเป็นประมุขของประเทศที่มีการปกครองระบอบเผด็จการชนกรรมาชีพ

ฉะนั้น ถ้า พคท. ได้อำนาจในประเทศไทย ถ้าประเทศไทยเป็นคอมมิวนิสต์ สถาบันพระมหากษัตริย์คงจะถูกทำลาย

แต่ พคท.จะบรรลุความมุ่งหมายนั้นได้เขาจะต้องชนะสงครามไม่มีทางเลือกอย่างอื่นเลย ไม่ใช่ว่า ถ้าเขาแพ้สงครามแล้วจะเดินทางอื่นไปบรรลุความมุ่งหมายนั้นได้

แต่หลังจาก พคท. ทำสงครามมา 10 กว่าปี ก็แพ้สงครามโดยพื้นฐานเสียแล้ว ตามข้อสรุปของกองทัพเรื่องการปฏิบัติตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2524 และถ้ากองทัพปฏิบัติตามคำสั่งนี้ให้ครบถ้วนต่อไปซึ่งจะทำให้ พคท. แพ้สงครามโดยสิ้นเชิง ทำให้ความมุ่งหมายของ พคท. พังทลายหมดสิ้น

แต่ในปัจจุบัน กองทัพแห่งชาติดำเนินการได้เพียงยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธของ พคท. เท่านั้น มิได้ดำเนินการเพื่อทำให้ความมุ่งหมายของ พคท. พังทลายหมดสิ้น จึงมีกลุ่มบุคคลผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีบุคคลหลายระดับได้ดำเนินการนำเสนอแนวคิดและแนวทางต่อฝ่ายต่างๆ ในสังคมเพื่อก่อสงครามประชาชนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

อาศัยปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของสังคมเป็นเงื่อนไข โดยแบ่งแยกการทำงานอย่างมีระบบ แบ่งกำลังการเคลื่อนไหวไปอยู่กับขั้วการเมืองที่ขัดแย้งกันทั้งสองขั้ว เข้าทำแนวร่วมกับฝ่ายต่างๆ ซึ่งปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้ได้สะท้อนธาตุแท้ของขบวนการผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ ตามข้อตกลงลับๆ ก่อนเข้าร่วมเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตามคำสั่ง 66/2523 ในอดีต

1) ชุบตัวในสถาบันวิชาการ

2) เข้าร่วมทำงานด้านเศรษฐกิจทุนนิยม

3) เข้าร่วมกับฝ่ายอำนาจรัฐ

4) ยุยงให้ฝ่ายอำนาจรัฐและนายทุนทำผิดให้มาก แล้วเข้าทำแนวร่วมกับคนชั้นสูง เช่น ฝ่ายรัฐบาลแล้วโดดเดี่ยวฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป้าหมายคือ 'ศักดินาล้าหลัง' และ 'ทุนนิยมสามานย์' แต่ไม่โจมตีพวกเดียวกัน หรือจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน

แม้ว่า จะอยู่คนละฝ่ายหรือคนละขั้วก็ตามเป็นไปในลักษณะ 'แยกกันเดินรวมกันตี' และกำหนดการต่อสู้แบบสงครามยืดเยื้อเพื่อสะสมกำลัง เพื่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในสังคม เพื่อให้มีเหตุผลข้ออ้างก่อ 'สงครามกลางเมือง' ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ในสถานการณ์นี้มีบุคคลหลายคนหลายฝ่ายตกเป็นเครื่องมือ และตกเป็นแนวร่วมของขบวนการบ่อนทำลายประเทศนี้อย่างไม่รู้ตัว และมีปรากฏให้เห็นเป็นลำดับความมุ่งหมาย พคท.ยังดำรงอยู่เพราะเป็นแนวคิดทางการเมือง แต่เป็นแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกับสังคมไทย และมีแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธเป็นแนวทางรุนแรง การกระทำใดที่นำไปสู่การเกิดกลียุคนองเลือด เป็นความมุ่งหมายและเป็นผลสัมฤทธิ์ของทฤษฎีแนวร่วมของขบวนการนี้ทั้งสิ้น

อีกขบวนการหนึ่งก็คือ ขบวนการเผด็จการ แบ่งอย่างกว้างๆ ขบวนการการเมืองของประเทศไทยมี 3 ขบวนการ คือ ขบวนการเผด็จการ ขบวนการประชาธิปไตย และขบวนการคอมมิวนิสต์

ขบวนการเผด็จการ คือขบวนการที่มีความมุ่งหมายจะรักษาระบอบการปกครองที่ดำรงอยู่ไว้ ซึ่งมีอยู่ 2 ระบอบสลับกัน คือ ระบอบรัฐธรรมนูญ และระบอบรัฐประหาร

ทั้ง 2 ระบอบแม้ว่า จะมีรูปแตกต่างกันแต่ก็มีเนื้ออย่างเดียวกัน คือ ระบอบหนึ่งใช้อำนาจโดยรัฐธรรมนูญ เรียกว่า ระบอบรัฐธรรมนูญหรือระบอบรัฐสภา

อีกระบอบหนึ่งใช้อำนาจโดยการยึดอำนาจ เรียกว่า ระบอบรัฐประหาร หรือระบอบประหาร แต่ทั้ง 2 ระบอบก็เป็นผู้แทนของคนส่วนน้อยอย่างเดียวกันโดยเฉพาะคือเป็นผู้แทนของผลประโยชน์ผูกขาดอย่างเดียวกัน

ดังนั้นทั้งอำนาจอธิปไตยของทั้ง 2 ระบอบเป็นของคนส่วนน้อยโดยเฉพาะเป็นของผลประโยชน์ผูกขาดอย่างเดียวกัน และดังนั้น 2 ระบอบจึงเป็นระบอบเผด็จการอย่างเดียวกันเรียกว่าระบอบเผด็จการรัฐสภา และระบอบเผด็จการรัฐประหาร

เมื่อเป็นดังนี้ พรรคการเมืองใด กลุ่มการเมืองใด องค์การการเมืองใด บุคคลการเมืองใด ตลอดจนมวลชนที่เดินตามจึงอยู่ในขบวนการเดียวกันคือขบวนการที่มีความมุ่งหมายจะรักษาระบอบเผด็จการการรัฐสภา หรือระบอบเผด็จการรัฐสภาไว้ เรียกว่า ขบวนการเผด็จการ

ขบวนการประชาธิปไตยคือ ขบวนการที่ประกอบด้วยพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง องค์การการเมือง บุคคลการเมือง ตลอดจนมวลชนซึ่งก็มีความมุ่งหมายจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบเผด็จการไม่ว่า รูปใดๆ เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือทำการปฏิวัติประชาธิปไตย

ขบวนการคอมมิวนิสต์คือ พคท. และบุคคลหรือมวลชนที่เห็นด้วยกับนโยบายขั้นต่ำและขั้นสูงของ พคท. ขบวนการดังกล่าวนี้มีความมุ่งหมายจะเข้าไปนำการปฏิวัติประชาธิปไตย เพื่อพาไปสู่การปฏิวัติสังคมนิยม เพื่อสร้างระบบสังคมนิยมและระบบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย

ขบวนการเผด็จการเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฝ่ายขวา ขบวนการประชาธิปไตยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฝ่ายกลาง

ขบวนการคอมมิวนิสต์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฝ่ายซ้าย

ฝ่ายขวา ฝ่ายกลาง ฝ่ายซ้าย ดังกล่าวนี้ กำหนดจากขบวนการเมืองทั้งหมดในประเทศ คือรวมกันทั้งขบวนการเผด็จการ ขบวนการประชาธิปไตยและขบวนการคอมมิวนิสต์

แต่ทว่าในแต่ละขบวนการยังแบ่งออกเป็นฝ่ายขวา ฝ่ายกลาง และฝ่ายซ้าย คือในขบวนการเผด็จการมีฝ่ายขวา ฝ่ายกลาง และฝ่ายซ้าย ในขบวนการประชาธิปไตย มีฝ่ายขวา ฝ่ายกลาง และฝ่ายซ้าย และในขบวนการคอมมิวนิสต์ มีฝ่ายขวา ฝ่ายกลาง และฝ่ายซ้าย นัยหนึ่ง ฝ่ายขวา มีขวา มีกลาง และมีซ้าย ฝ่ายกลางมีขวา มีกลางและมีซ้าย และฝ่ายซ้ายก็มีขวา มีกลางและมีซ้ายอีกด้วย

บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 17-05-2008, 08:03 »

ในประเทศไทยมีการปะปนทั้ง 3 สิ่ง เช่น เมื่อพูดถึงซ้ายก็ไม่จำแนกว่าซ้ายของเผด็จการ หรือซ้ายของประชาธิปไตย หรือซ้ายของคอมมิวนิสต์

นัยหนึ่งจำแนกว่าเป็นซ้ายของขวา หรือซ้ายของกลาง หรือซ้ายของซ้าย เป็นเหตุให้เอาคอมมิวนิสต์ไปปะปนกับประชาธิปไตยและเผด็จการ นักประชาธิปไตยบางส่วนถูกมองเป็นคอมมิวนิสต์ กระทั่งนักเผด็จการบางส่วนก็ถูกมองเป็นคอมมิวนิสต์

ทำให้คำว่า 'ซ้าย' หมายถึงคอมมิวนิสต์หรือเป็นพวกของคอมมิวนิสต์ ซึ่งแท้จริงแล้วซ้ายของเผด็จการ (ซ้ายของขวา) และซ้ายของประชาธิปไตย (ซ้ายของกลาง) นั้นเป็นคนละเรื่องกับคอมมิวนิสต์ และขบวนการสังคมนิยมในปัจจุบันซึ่งเป็นซ้ายในขบวนการประชาธิปไตย (เพราะมีแนวสังคมนิยมทางเศรษฐกิจ) ถูกหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นต้น

แต่ตามความจริงของคนเหล่านี้แตกต่างจากคอมมิวนิสต์จนถึงรากเหง้า เช่น ชาวพรรคสังคมนิยมซึ่งเข้าไปอยู่กับชาวพรรคคอมมิวนิสต์ในป่าออกมาสารภาพว่ามีความแตกต่างทางความคิดอย่างแท้จริง

ฉะนั้น เมื่อแบ่งเป็นขวา กลาง ซ้าย ในขบวนการของชาติทั้งขบวนการแล้ว ซ้ายหมายถึงขบวนการคอมมิวนิสต์เท่านั้น ขบวนการสร้างนิยมอยู่ในขบวนการประชาธิปไตย และขบวนการสังคมนิยมบางขบวนการอาจอยู่ในขบวนการเผด็จการก็ได้ และเพราะขบวนการสังคมนิยมนั้นมีทั้งปฏิกิริยาและก้าวหน้า

ในที่นี้พูดถึงฝ่ายขวาในขบวนการของชาติทั้งขบวนการ ฉะนั้นจึงหมายความถึงขบวนการเผด็จการซึ่งส่วนสำคัญในปัจจุบันแบ่งออกเป็นฝ่ายที่นิยมระบอบเผด็จการรัฐสภา

ขบวนการเผด็จการที่นิยมระบอบเผด็จการรัฐประหาร คือ ขบวนการเผด็จการฝ่ายทหารเป็นส่วนสำคัญ ขบวนการเผด็จการที่นิยมระบอบเผด็จการรัฐสภา คือขบวนการเผด็จการที่เป็นพรรคการเมืองและนักการเมืองเป็นสำคัญ

นี่เป็นขบวนการเผด็จการในปัจจุบันแต่เมื่อกล่าวในด้านที่เกี่ยวพันกับปัญหาความมั่นคงของชาติ เพื่อให้เข้าใจชัดเจนจำเป็นต้องย้อนไปกล่าวถึงขบวนการเผด็จการในอดีตบ้าง

ขบวนการเผด็จการในอดีตก่อน 24 มิถุนายน 2475 นั้นกุมอำนาจอธิปไตยภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นระบอบ 'สมบูรณาญาสิทธิราชย์' (Absolute Monarchy) ต่างกับขบวนการประชาธิปไตยในปัจจุบัน ซึ่งกุมอำนาจอธิปไตยภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นระบอบ 'ปริมิตาญาสิทธิราชย์' (Limited Monarchy) หรือระบอบ 'พระมหากษัตริย์รัฐธรรมนูญ'(Constitutional Monarchy)

ขบวนการเผด็จการในอดีต ซึ่งรักษาระบอบเผด็จการภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ในประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นขบวนการที่ส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นขบวนการเผด็จการที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชน สถาบันของชาติจึงมีความมั่นคงโดยตลอด

จึงเห็นได้ว่าตั้งแต่ก่อนยุคสุโขทัยลงมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งยุครัตนโกสินทร์ ขบวนการเผด็จการเป็นขบวนการที่ส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด

ครั้นมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์ทางสังคมของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป ขบวนการเผด็จการกลายเป็นขบวนการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชน และเกิดขบวนการที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนขึ้นแทนนั่นคือ 'ขบวนการประชาธิปไตย'

การที่ขบวนการเผด็จการไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนนั้น ย่อมส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่สอดคล้องกับความต้องการประเทศชาติและประชาชนไปด้วย และการที่ขบวนการประชาธิปไตยจะส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงนั้นไม่สามารถจะทำได้ด้วยการส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์

แต่จะทำได้ด้วยวิธีการเดียวคือเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์ (สถาบันพระมหากษัตริย์รัฐธรรมนูญ) และส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์นั้น

ฉะนั้นในยุคสมัยที่สภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป โดยทางที่ทำให้ขบวนการเผด็จการไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนแล้วนั้น การที่ขบวนการประชาธิปไตยต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์ จึงเป็นการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์

แต่ขบวนการเผด็จการเห็นว่า นั่นเป็นการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเขาต้องการจะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ไว้ต่อไป โดยเข้าใจผิดว่า นั่นคือการรักษาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเขามองไม่เห็นว่าขบวนการเผด็จการ และสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนต่อไปแล้ว

พระมหากษัตริย์ไทยทรงมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมจึงทรงปฏิเสธขบวนการเผด็จการ และทรงอยู่ในขบวนการประชาธิปไตยตั้งแต่สภาวการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นต้นมา ดังเช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำขบวนการปฏิรูปประชาธิปไตยอันไพศาล ทำการปฏิรูปประชาธิปไตย (Democratic refrom) อย่างมโหฬาร ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทำการปฏิวัติประชาธิปไตย (Democratic revolution) ในขั้นตอนสุดท้าย

ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นซึ่งพระราชประสงค์ส่วนหนึ่งก็คือ จะเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์นั่นเอง และนั่นคือวิธีการรักษาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้สภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลง

รัชกาลที่ 6 ทรงทำการปฏิรูปประชาธิปไตยต่อไป ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทำการปฏิวัติประชาธิปไตยในที่สุดเช่นกัน และด้วยเหตุนี้เมื่อคณะ ร.ศ.130 ดำเนินการเพื่อปฏิวัติประชาธิปไตยจึงไม่ทรงเอาโทษในข้อหาว่าคิดจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตย แต่เอาโทษเฉพาะในข้อหาว่า จะประทุษร้ายองค์พระประมุขเท่านั้น และเอาโทษสถานเบาเมื่อเปรียบเทียบกับข้อหาอันเป็นอันอุกฉกรรจ์ยิ่ง ซึ่งตามปกติต้องตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรทีเดียว

รัชกาลที่ 7 ทรงทำการปฏิวัติประชาธิปไตยด้วยพระองค์เอง โดยทรงช่วยเหลือสนับสนุนคณะราษฎรอย่างเต็มที่ และเมื่อคณะราษฎรจะเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบเผด็จการก็ทรงคัดค้านเต็มที่เช่นกันเมื่อคัดค้านไม่ไหวก็ทรงสละราชสมบัติและทรงฝากหัวใจของระบอบประชาธิปไตยไว้กับประชาชนว่า 'ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ผู้ใด คณะใด เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร์' ซึ่งจารึกอยู่ ณ ฐานพระราชอนุสาวรีย์หน้ารัฐสภา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน มีพระราชดำรัสในท่ามกลางกระแสเรียกร้องรัฐธรรมนูญอันไหลเชี่ยวในกรณี 14 ตุลาคม แก่รัฐมนตรีชุดนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เมื่อวันเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับหน้าที่วันที่ 16 ตุลาคม 2516 ว่า 'ต้องทำหน้าที่เพื่อบรรลุตามจุดประสงค์ให้สภาพการปกครองเข้าสู่สภาพปกติ ให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสภาพของประเทศ พระมหากษัตริย์ไทยทรงดำเนินการเพื่อประชาธิปไตยอันเป็นการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ตลอดมาจนถึงระบอบเผด็จการในปัจจุบัน'

พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตอบคณะเจ้านายและขุนนางตอนหนึ่งว่า 'เราขอให้ท่านทั้งปวงเข้าใจว่า เราไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินซึ่งต้องบีบคั้นให้หันลงมาทางกลางเหมือนอย่างพระเจ้าแผ่นดินในยุโรป ซึ่งมีมาในพงศาวดาร และเพราะความเห็นความรู้ซึ่งเราได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินมาถึง 18 ปี ได้พบเห็น และได้เคยทุกข์ร้อนในการหนักการแรง การเผด็จการ ร้อนของบ้านเมือง ซึ่งมีอำนาจจะมากดขี่ประการใดทั้งได้ยินข่าวคราวจากเมืองอื่นๆ ซึ่งมีเนืองๆ มิได้ขาด แลการซึ่งเราได้ขวนขวายตะเกียกตะกายอยู่ในการที่เปลี่ยนแปลงมาแต่ก่อนจะมีเหตุบ่อยๆ ซึ่งเป็นพยานของเราที่จะยกขึ้นชี้ได้ว่า เราไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเหมือนอย่างคางคกตกอยู่ในกะลาครอบที่จะพึงทรมานให้สิ้นทิฏฐิถือว่าตัวโตนั้นด้วยอย่างหนึ่งอย่างใดเลย'

และพระราชบันทึกของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสนอต่อรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรตอนหนึ่งว่า 'ข้าพเจ้าเองได้เล็งเห็นอยู่นานแล้วว่า เมื่อประเทศสยามได้มีการศึกษาเจริญขึ้นมากแล้วประชาชนคงจะประสงค์ที่จะให้เปลี่ยนแปลงการปกครองของบ้านเมืองเป็นแบบนี้ และตั้งแต่ข้าพเจ้าได้รับสืบราชสมบัติจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ข้าพเจ้าก็ได้คิดการที่จะบันดาลให้การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปโดยราบรื่นที่สุดที่จะเป็นไปได้ และได้กล่าวถึงความประสงค์นั้นโดยเปิดเผยหลายครั้งหลายหน โดยเหตุนี้เมื่อคณะผู้ก่อการฯ ร้องขอให้ข้าพเจ้าเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ข้าพเจ้าจึงรับรองได้ทันทีโดยไม่มีข้อข้องใจอย่างใดเลย'

ข้อเท็จจริงซึ่งยกมาเพียงเล็กน้อยนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อสภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมเปลี่ยนไป พระมหากษัตริย์ไทยมิได้อยู่ในขบวนการเผด็จการ แต่ทรงอยู่ในขบวนการประชาธิปไตย ซึ่งเป็นขบวนการที่มีความเห็นว่า ในสภาวการณ์เช่นนี้สถาบันพระมหากษัตริย์จะมีความมั่นคงได้ ต้องเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์ และประเทศชาติต้องมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ขบวนการเผด็จการในอดีตสมัยเท่านั้นสอดคล้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เมื่อสภาวการณ์เปลี่ยนแปลงไป แม้ขบวนการเผด็จการนั้นก็ไม่สอดคล้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์ ซึ่งจะสอดคล้องก็แต่กับขบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น ใช่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์จะสอดคล้องกับขบวนการเผด็จการก็หาไม่

ในปัจจุบันประเทศไทยครอบงำอยู่ด้วยขบวนการเผด็จการซึ่งยังคงรักษาระบอบเผด็จการไว้ เป็นระบอบเผด็จการรัฐสภา ระบอบเผด็จการรัฐประหารบ้าง จึงไม่สอดคล้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์

ดังนั้นขบวนการเผด็จการในปัจจุบันจึงเป็น 'ยาพิษ' แก่ราชการบัลลังก์ปริมิตาญาสิทธิราชย์ เช่นเดียวกับขบวนการเผด็จการก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นยาพิษแก่ราชบังลังก์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เหมือนกัน
---------------------------------------------


4 ย่อหน้าสุดท้ายเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ที่ พ่อใหญ่จิ๋วต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจเรื่อง "สถาบันฯ
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 17-05-2008, 08:09 »

เอ้อ....น้องโน ไม่คิด โต้แย้งคุณนงนุช ในเนื้อหากระทู้เหรอครับ

ผมแก้ไข ตัดออกให้แล้ว  คุณ 999 แย้งมาแล้วแต่ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นโต้แย้งในกระทู้

เลยปล่อยไว้ ไม่คิดว่าจะมีประเภท เกาะแกะและเล็มให้ออกนอกประเด็น
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 17-05-2008, 08:27 »

โฆษก 'แม้ว' แจง 'จิ๋ว' ไม่ได้ว่ารบ.

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย กล่าวกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุถึงขบวนการล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า ว่า พล.อ.ชวลิตเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว และเคยบอกว่าคนหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมายของขบวนการดังกล่าว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าหากขบวนการดังกล่าวจะทำเช่นนั้นจริงเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว ตนไม่คิดว่าสิ่งที่ พล.อ.ชวลิตพูด จะหมายถึงรัฐบาล เพราะรัฐบาลก็เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกรัฐประหารมา และคนอย่างนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่มีทางที่จะมีแนวคิดที่เป็นภัยต่อสถาบัน หรือขบวนการสาธารณรัฐ

ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า วันนี้สังคมไทยต้องยอมรับความจริงว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ใครก็ตามคิดจะทำลายล้างจะประสบกับความวิบัติ สิ่งที่ พล.อ.ชวลิตพูดก็ต้องฟัง แต่อยากให้พูดให้ชัดว่าเป็นใคร อย่าว่ากล่าวลอยๆ โดยในส่วนของพรรคพลังประชาชน มีจุดยืนที่ชัดเจนต่อสถาบัน รัฐบาลก็ต้องแสดงความชัดเจนด้วย กรณีนายจักรภพที่ถูกพาดพิงเรื่องสถาบัน ต้องชี้แจงให้ชัดเจน ต้องรีบเคลียร์ตัวเอง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ คนเป็นรัฐมนตรีต้องมีความบริสุทธิ์ที่จะชี้แจงพูดความจริง อย่างไรก็ตาม หากมีกระบวนการดังกล่าวจริง ก็น่าเป็นห่วงสถานการณ์ของประเทศมาก

( มติชน )


คุณพงษ์เทพ คงอ่านหนังสือไม่แตก
พ่อใหญ่จิ๋วพูดถึงเผด็จการรัฐสภา ในปัจจุบันนี่แหละครับ
อ่าน 4 ย่อหน้าสุดท้ายที่ผมหมายเหตุไว้ก็ได้ครับ...ว่าพ่อใหญ่จิ๋วหมายถึงใคร

ส่วนเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย ฉบับพ่อใหญ่จิ๋ว
ลองนำไปเทียบกับประวัติศาสตร์ไทย ชุด นายจักรภพ เพ็ญแขที่พูดให้ฝรั่งฟัง
ผมมองว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...
บันทึกการเข้า

snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #27 เมื่อ: 17-05-2008, 09:06 »

เอ้อ....น้องโน ไม่คิด โต้แย้งคุณนงนุช ในเนื้อหากระทู้เหรอครับ

ผมแก้ไข ตัดออกให้แล้ว  คุณ 999 แย้งมาแล้วแต่ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นโต้แย้งในกระทู้

เลยปล่อยไว้ ไม่คิดว่าจะมีประเภท เกาะแกะและเล็มให้ออกนอกประเด็น


ประวัติและทัศนคติ ตลอดจน ความน่าเชื่อถือ ของคนเขียน ไม่เป็นประเด็น?

ถ้าไม่เป็น ก็คงไม่อ้างมาอย่างที่ทำแต่แรก

มั่วแล้วไม่ยอมรับ ไม่แก้ไข เฉไฉไปว่าไม่อยู่ในประเด็น 


ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ควรแก่การแสดงข้อมูลที่ถูกต้อง

ต่อไปบอกว่า ตัว จขกท. เอง "ได้รับเชิญให้เป็น สมาชิก สนช. แต่ไม่ยอมรับ
ตำแหน่งนั้น เพราะไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ และต้องเดินทางไปทำงานวิชาการ
ในประเทศญี่ปุ่น"

พอมีใครแย้ง ก็คงปล่อยไว้ ให้ผู้อ่านเข้าใจผิดเอาเอง ต่อไป

แล้วอ้างว่า "ไม่ใช่ประเด็น" ง่ายๆ อย่างนั้นเอง
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 17-05-2008, 09:45 »

ท่าทางจะไม่ได้อ่านที่คุณ 999 แย้งมา

กลับมาเรื่องสถาบันอันอ่อนไหวดีกว่า

พวก "อาจม" ทั้งหลายที่มาปกป้องนายคนนั้นเพื่ออะไร บอกหน่อยสิ


น้องโน ชอบเอาเรื่องราวพวกประชาไท ฟ้าเดียวกันมาเผยแพร่บ่อย ๆ

เป็นพวกขบวนการ "ล้มเจ้า" อย่างที่พ่อใหญ่จิ๋วกล่าวหาจริงหรือเปล่า


บอกที่ใจตัวเองคิด น้องโนว์ ตอบมาดีกว่านับถือสถาบันฯหรือเปล่าขอตรงๆ เลยนะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2008, 09:51 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #29 เมื่อ: 17-05-2008, 13:18 »

ผมว่าประเด็น คือ นายโชติศักดิ์ จงใจท้าทายสังคม....

ผมเคยนั่งหลับ ตอนที่เค้าเปิดเพลงในโรงหนัง...ไม่เห็นมีใครว่าอะไรผม ...

กลับมีบางคน มองด้วยสายตายิ้ม ๆด้วยซ้ำ....

กรณี นายโชติศักดิ์ มันตั้งใจเกินไป แล้ว ยังเห็นข่าวว่าพูดจากวนตรีน...เค้าอีก...

อย่างนี้ ไม่ต้องเกี่ยวกับ กรณีหมิ่นหรอกครับ.......มันควรโดนตึ๊บ ในข้อหากวนตรีน ชาวบ้านเค้าอยู่แล้ว
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 17-05-2008, 13:35 »

คนนั่งหลับกับคนจงใจท้าทาย ไม่เหมือนกันหรอกครับ

ทีแรกมีเพื่อนถามผมมาเหมือนกันว่า คิดยังไงกับกรณีนายโชติศักดิ์

ผมบอกไปว่าเด็กมันอยากดัง...แค่นั้นเอง...

แต่พอมาเห็นขบวนการอุ้มนายโชติศักดิ์ ทำให้เรามองเห็นขบวนการ "ล้มเจ้า" ออกมากันเยอะแยะไปหมด

คงปล่อยไว้ไม่ได้ อยากให้ ตำรวจเร่งทำสำนวนส่งฟ้องไปเลย อย่าชักช้า
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #31 เมื่อ: 17-05-2008, 20:00 »



เบือเรื่องโชติศํกดิ์ มากกว่าเรื่องจักรภพอีก 
บันทึกการเข้า

อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #32 เมื่อ: 17-05-2008, 20:17 »


ความจริงนายโชติศักดิ์ ก็แค่กุ๊ยไร้ค่าคนนึง แต่เว็บประไทถึงกับให้มีการลงชื่อเพื่อให้กำลังใจนายโชติศักดิ์
ยกย่องเหมือนวีระบุรุษ
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #33 เมื่อ: 17-05-2008, 20:38 »


ความจริงนายโชติศักดิ์ ก็แค่กุ๊ยไร้ค่าคนนึง แต่เว็บประไทถึงกับให้มีการลงชื่อเพื่อให้กำลังใจนายโชติศักดิ์
ยกย่องเหมือนวีระบุรุษ


ก็เป็นแค่หุ่นหนังที่เหล่าอีแอบเชิดขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ แล้วก็ฉายแสงให้ภาพมันดูใหญ่เกินจริง
เอาไว้แสดงหลอกชาวบ้านว่า คนรักเสรีภาพถูกคุกคามจากศักดินา และพวกคลั่งเจ้า

อีกนัยหนึ่งชั่วศักดิ์ก็เป็นเหมือนด่านแรกในการทดสอบแรงต้านทานจากสังคม

หรือถ้ามองแบบซิมเปิ้ลเลย ชั่วศักดิ์มันกล้าทำในสิ่งที่อาจารย์อีแอบทั้งหลายไม่กล้า ก็เลยปลื้มซะ
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #34 เมื่อ: 18-05-2008, 09:20 »


ความจริงนายโชติศักดิ์ ก็แค่กุ๊ยไร้ค่าคนนึง แต่เว็บประไทถึงกับให้มีการลงชื่อเพื่อให้กำลังใจนายโชติศักดิ์
ยกย่องเหมือนวีระบุรุษ


    
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: