ด่วน!!! เตรียมการรัฐประหารรอบ 2 เขียนโดย Alienet เว็บบอร์ดชมรมฟ้าใหม่
เสาร์, 03 พฤษภาคม 2008
มีการเตรียมการรัฐประหารครั้งใหม่อย่างครึกโครม
พลโทประยุทธ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 อ้างบัญชาจากสวรรค์ทหารพระราชาปลุกระดมผบ.พล และผบ.พัน ที่ตั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในกองทัพภาคที่ 1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.), กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.), กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) ภายใต้การบังคับบัญชากองทัพภาค 1 เช่น ในกรมทหารราบที่ 11- ร.11 พัน 1 รอ. , ร.11 พัน 2 รอ. กองบัญชาการใหญ่บางเขน และ ร.11 พัน 3 รอ. จ.เพชรบุรี และในพล.ม 2 รอ. - ม.พัน 1 รอ.สนามเป้า ,ม.พัน 2 รอ.เกียกกาย , ม.พัน 17 รอ.สระบุรี (หน่วยรถถังหลักกองทัพบก) เป็นต้น มีการฝึกการจับกุมแกนนำอย่างกว้างขวางทั้งทางอากาศและบก ด้วยเฮลิคอปเตอร์และรถยนต์ ทั้งการจำลองการปิดล้อมสนามหลวง
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีก็ทราบความเคลื่อนไหวนี้ดีเพราะมีนายทหารหนุ่มรุ่นใหม่จำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการเตรียมการครั้งนี้ด้วยเกรงว่าจะทำให้ประเทศชาติเสียหายล่มจม สถาบันทหารถูกดูถูกดูแคลนถูกบอยคอตจากคนไทยและทั่วโลก แต่ด้วยอำนาจจากสถานภาพตำแหน่งตามกฎหมายทำให้ต้องนิ่งเฉยแอบส่งข่าวให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบ
การเคลื่อนไหวเตรียมการรัฐประหารครั้งใหม่นี้ประสานเข้ากับแผนการปลุกปั่นยุยงสร้างกระแสของสื่อและการออกมาเปิดประเด็นของบุคคลที่มีสถานะทางสังคมด้วยข้อหาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หมิ่นพลเอกเปรมคือหมิ่นเบื้องสูง นำประเทศสู่สาธารณรัฐ เช่นนายชวน หลีกภัย นายชัยอนันต์ สมุทวณิช นายธีรยุทธ บุญมี หรือเรื่องธงชาติ เป็นต้น เพื่อเตรียมการขั้นแตกหักเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ คมช.เข้าสู่สภา ตามการประกาศจะชุมนุมใหญ่ปิดล้อมสภาของกลุ่มพันธมิตรพันธมาร
ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า ในระยะนี้ประเทศไทยจะมีการฝึกร่วมยุทศาสตร์ยุทธวิธี คอบบร้าโกลด์ ระหว่างกองทัพไทย สหรัฐ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ที่เคยถูกระงับไปเมื่อสมัยรัฐประหาร 19 ก.ย.49 เป็นต้นมา ระหว่างวันที่ 8 - 20 พฤษภาคม 2551 นี้ จึงคาดว่าในช่วงระยะเวลานี้คงจะไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่หลังจากสิ้นสุดการฝึกร่วมวันที่ 20 พ.ค.นี้แล้ว ประเทศไทยก็จะตกเข้าสู่ยุทธการสงครามโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างเงื่อนไขสู่การรัฐประหารอย่างแน่นอน
ทำไมต้องเป็นพลโทประยุทธ จันทร์โอชา ?พลโทประยุทธ จันทร์โอชา ต้องการเป็นผบ.ทบ.เพราะด้วยแนวคิดอำนาจนิยมขวาสุดขั้วย่อมมีโอกาสน้อยที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ประกอบกับที่มาและแรงสนับสนุนเบื้องหลังเขาช่วยเสริมให้เกิดความเหิมเกริมไม่ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ใดในกองทัพ แม้แต่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.คนปัจจุบันที่ประกาศว่าถ้าจะให้รัฐประหารยอมให้ตัดหัวดีกว่านั้น ล่าสุดข่าวภายในแจ้งว่าก็มีการแอบเข้าพบพลโทประยุทธผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วหลายครั้ง นี่เป็นการบ่งชี้ว่านับจากการประโคมข่าวพลเอกเปรมไม่มองหน้า(หน้าบึ้ง)ในพิธีรดน้ำดำหัววันสงกรานต์ กดดันให้พลเอกอนุพงษ์ต้องตีตัวออกห่างนายสมัคร กดดันให้ต้องเลือกข้างใช้แผนตีสองหน้าเพื่อประโยชน์ตนเช่นที่เคยทำมาไม่ได้แล้ว
มีการวางนายทหารที่มีแนวคิดอำนาจนิยมขวาจัดไว้คุมกองทัพในช่วงระยะผ่านการสถาปนาระบอบราชาอำมาตยาธิปไตยให้ลงหลักปักฐานมั่นคงในประเทศไทย การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2551 ในช่วงปลายปีจึงเป็นจุดแตกหักชี้ขาดการรัฐประหารว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าการสร้างกระแสกดดันให้ยุติหรือลากยาวการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปได้ประกอบกับพลโทประยุทธ พลตรีดาว์พงศ์ และทายาทอสูรได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อประกันการควบคุมกองทัพได้เบ็ดเสร็จ การรัฐประหารก็อาจไม่เกิดขึ้นเปลี่ยนเป็นให้การยุบพรรค การกดดันจากตุลาการภิวัตน์ดำเนินภารกิจแทน
นี่คือข่าวล่ามาด่วน นำมาฝากให้ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย รักเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพและความเป็นธรรม ได้รับทราบและพิจารณาว่าจะดำเนินการรับมือกับปฏิบัติการโฉด ลับ ลวง โหด นี้อย่างไร

อาจมีคำถามว่าแล้วพวกสะพรั่ง บรรณวิทย์ กับกลุ่ม คมช.ไปไหนทำอะไรบ้าง
การประชุมในกรมทหารราบที่ 11 กองพันที่ 1 และ 2 รอ.บางเขน กองบัญชาการใหญ่ของพวกเขา มีเหล่าอสูรอยู่กันครบหน้าโดยเฉพาะสนธิบังเป็นมือไม้ไล่ประสานให้ขันทีเปรม ส่วนสะพรั่งและบรรณวิทย์ก็แอบคืนดีกันแล้ว สะพรั่งมุ่งรักษาฐานอำนาจในกองทัพภาคที่ 3 ไว้อย่างเหนียวแน่นเพียงแต่ยังรักษาความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติกับสมัครไว้จึงยังไม่ออกมากร่างเหมือนก่อน
เพราะสมัครคุมเชิงระดับบนของกองทัพไว้ได้ในระดับหนึ่งจากการเดินสายตรงไม่ต้องจิ้มก้องขันทีเปรม แต่ด้วยข้ออ้างจากพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมปี 2551 ทำให้เหล่าอสูรระดับล่างลงมาไม่เกรงกลัวจึงปฏิบัติตนเหมือนทหารกบฎเที่ยวป่าวประกาศยุยงให้ประชาชนและทหารในบังคับบัญชารัฐประหารเพื่อประโยชน์ตนอยู่ในขณะน
********************************************