oho
|
|
« เมื่อ: 14-05-2008, 17:18 » |
|
คำปรารภ(จากบิ๊กจิ๋ว)ประเทศไทย ตั้งแต่ก่อตั้งชาติ เมื่อยุค ประวัติศาสตร์สมัยกลาง (Middle Age) ในระบบ ฟิวดัล (Feudalism) นั้น มีรูปของประเทศเป็นแบบราชอาณาจักรตลอดมากว่า 700 ปี ราชอาณาจักรนี้เป็นวัฒนธรรมตะวันออกทางการเมืองการปกครอง ที่ถูก
หล่อหลอมเป็นจิตวิญญาณของชาติตลอดมาล่วงถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 ได้ทรงประยุกต์ก่อตั้งเป็น ชาติสมัยใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย องค์คุณเอกภาพ 3 ประการ ที่แยกออกจากกันไม่ได้ ถ้าแยกแล้วจะไม่มีความเป็นชาติ คือ...สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สะท้อนอยู่ใน ธงไตรรงค์ 3 สี คือ สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน
สถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยนั้น ยิ่งใหญ่ ด้วยพระบรมเดชานุภาพ และ พระบารมีเหนือสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายประเทศทั้งปวง เพราะหลักสาระสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย คือ ทศพิธราชธรรม ซึ่งสืบทอดมาแต่บรรพกาล โดยประสาน อหิงสา ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษประจำชาติไทยเข้ากับ พุทธอหิงสาธรรม คือ
ทศพิธราชธรรมธรรมะ 10 ประการของสถาบันพระมหากษัตริย์ 1. ทานัง การให้ทั้งวัตถุทาน ธรรมทาน และอภัยทาน 2. ศีลัง การละเว้นจากความประพฤติผิดทั้งปวง 3. บริจาค การบริจาคเรื่องภายในที่เลวๆ ออกไปเสีย เช่น ความเห็นแก่ตัว 4. อาชวัง ความซื่อตรงและเข้มแข็งที่จะทำในสิ่งที่ถูก 5. มัทวัง ความอ่อนโยนสุภาพต่อคนทั้งปวง 6. ตปัง ความเพียรพยายาม ที่จะเผาผลาญกิเลสที่อาจเกิดขึ้น 7. อโกธัง ไม่ถือโกรธหรือกระทำสิ่งใดด้วยอำนาจของความโกรธ 8. อวิหิงสา ไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม 9. ขันติ ความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งยั่วโลภะ โทสะ และโมหะทั้งปวง 10. อวิโรธนัง ไม่ขืนทำในสิ่งผิด
ซึ่งสรุปลงใน พระบรมราโชวาท เมื่อ เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์จริง ด้วย พระราชจริยวัตร และ พระราชกรณียกิจ ตลอดเวลากว่าค่อนศตวรรษโดยเฉพาะความประจักษ์เป็นจริง ตามที่ได้เห็นกันอย่างชัดแจ้งในเหตุการณ์เฉพาะหน้า ถึง พระบรมเดชานุภาพ และ พระมหาบารมี ที่ สยบ พฤษภาทมิฬ และเป็นข้อเท็จจริงซึ่งสามารถ ขจัด ความเคลือบแคลงสงสัย ที่อาจจะหลงเหลืออยู่บ้างในบุคคลบางจำพวก ถึง ความจำเป็น และ สำคัญสูงสุด ที่ประเทศไทยจะต้องมีพระมหากษัตริย์เป็น ประมุข ไปตลอดกาลแม้แต่ในยุคปัจจุบัน ภายใต้การปกครองของประเทศไทย ที่ยังไม่เป็น ประชาธิปไตย
พสกนิกรผู้จงรักภักดี ทั้งหลาย ก็ยังเชิดชูบูชา สถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยความรู้แจ้งในวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ แห่งความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติไทย โดยเฉพาะ ไทยสยาม กับ สถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นหลักประกันอันแน่นอนของมาตรฐานที่ถูกต้อง ในการรักษาส่งเสริมความมั่นคงของ สถาบันพระมหากษัตริย์เพราะแม้ว่าจะ เปี่ยมล้น ด้วยความจงรักภักดี เพียงใด ถ้า ขาดความ รู้แจ้ง หรือ เจือปนด้วยความงมงาย แล้ว ก็อาจจะนำไปสู่...มาตรการที่ผิดพลาด ซึ่ง ผลทางปฏิบัติ แทนที่จะเป็นการ รักษาส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์อาจกลายเป็น บั่นทอน หรือ ทำลาย โดยไม่รู้ตัวไปเสียก็เป็นได้
เวลานี้ การเรียกร้องการสร้าง ประชาธิปไตย กำลังขึ้นสู่กระแสสูง วงการเมืองยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า ทางออก ของชาติ คือ การสร้างประชาธิปไตย ที่ไหนก็ได้ยินแต่คำว่า สร้างประชาธิปไตย แต่ วิธีการสร้างประชาธิปไตย ทำอย่างไร ยังเต็มไปด้วยความสับสน วิธีการสร้างประชาธิปไตย ในประเทศเอกราชเอเชียนั้น แตกต่างกับในประเทศยุโรป ซึ่ง ประชาชนลุกขึ้นช่วงชิงอำนาจพระมหากษัตริย์ มาเป็นของตน
แต่ในประเทศเอเชียนั้น การสร้างประชาธิปไตย เป็นพระราชกรณียกิจของ พระมหา กษัตริย์ โดย พระมหากษัตริย์ ทรงมอบอำนาจซึ่งเป็นของพระองค์อยู่เดิมให้แก่ประชาชน ถ้า พระมหากษัตริย์ ทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจ สำเร็จ ประชาธิปไตย ก็สำเร็จ แต่ถ้า พระมหากษัตริย์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจไม่สำเร็จ ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม การสร้างประชาธิปไตย ก็ล้มเหลว เพราะไม่มีวิธีการอื่นๆ ที่จะ สร้างประชาธิปไตย ได้ นอกจากวิธีการที่ พระมหากษัตริย์ ทรงมอบอำนาจให้ประชาชนเท่านั้น
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในอดีต ได้ใช้หลัก 3 ประการ คือ พรรคแนวร่วมกองกำลังติดอาวุธ เข้าทำ แนวร่วมกับนายทุน ทำสงครามกลางเมือง และยกระดับขึ้นสู่ สงครามประชาชน เพื่อโค่นล้ม กองทัพแห่งชาติ โดยตั้งกองกำลังปลดแอกประชาชนขึ้นเมื่อปี 2512 และเริ่มสงครามในปี 2515 ฝ่ายกองทัพแห่งชาติเป็นฝ่ายตั้งรับมาโดยตลอดเพราะใช้ยุทธศาสตร์ผิด คือ ใช้ ยุทธศาสตร์เผด็จการ เข้าต่อสู้กับ คอมมิวนิสต์ ไม่ใช้ ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตย ที่เป็น ยุทธศาสตร์ชนะ ตามหลักของยุทธศาสตร์...เผด็จการแพ้คอมมิวนิสต์ คอมมิวนิสต์แพ้ประชาธิปไตย จนถึง พ.ศ.2523 เกือบจะ พ่ายแพ้
กองทัพแห่งชาติ จึงได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ หันมาใช้ ยุทธศาสตร์ประชาธิไตย เข้าต่อสู้กับยุทธศาสตร์คอมมิวนิสต์ ตามนโยบาย 66/23 สถานการณ์จึงพลิกผันกลับ จากหน้ามือเป็นหลังมือ จากแพ้แก้เป็นชนะ กองทัพแห่งชาติ เป็นฝ่าย ชนะ สงครามกลางเมืองต่อคอมมิวนิสต์ อย่างงดงาม ด้วย การปฏิบัตินโยบาย 66/23 ขั้นตอนที่ 1 คือ สร้างประชาธิปไตยระดับต่ำ เท่านั้น ก็สามารถนำพาประเทศจาก...สถานการณ์สงคราม เข้าสู่ สถานการณ์สันติภาพ ได้สำเร็จ จนสามารถ ยุบ กองกำลังติดอาวุธ หรือ กองทัพปลดแอก ลงได้อย่างสิ้นเชิง
ได้ทราบว่า...มีกลุ่มบุคคล ผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิต์ ดื้อรั้น บางกลุ่ม หันมาใช้ยุทธวิธีแนวร่วมแทนอย่างเต็มที่ โดยพยายามใช้วิธีการต่างๆ เช่น ชุบตัวในสถาบันวิชาการ เข้าร่วมทำเศรษฐกิจทุนนิยม เข้าร่วมถืออำนาจรัฐ ยุยง ให้ทั้งฝ่ายรัฐและฝ่ายทุนทำผิดให้มากๆ จึงมีการกล่าวกันว่า ปัจจุบันมีขบวนการบ่อนทำลายประเทศ โดยใช้ ระบอบ เผด็จการรัฐสภา เป็นเครื่องมือดำเนินยุทธวิธีแนวร่วม เพื่อก่อสงครามกลางเมือง เพื่อเปลี่ยนรูปของประเทศจากราชอาณาจักรไปสู่สาธารณรัฐ โดยใช้รัฐธรรมนูญเป็น อาวุธหลัก
ด้วยเหตุและปัจจัยของความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงของผู้คนในสังคม ในปัจจุบันเป็นแรงผลักดันให้ตัวกระผมและผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ไม่อาจทนนิ่งเฉยเพราะเป็นความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เป็นภารกิจแห่งชีวิตที่จะต้องดำเนินการเพื่อยุติปัญหาทั้งมวลลง โดยเฉพาะกับความเห็นที่ผิดๆ หรือที่เรียกว่า มิจฉาทิฐิ ที่ก่อตัวขึ้นเป็น ขบวนการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ที่เรียกว่า ขบวนการสาธารณรัฐ มีความมุ่งหมายและดำเนินการโดยยุทธวิธีแนวร่วม เพื่อ ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า
และในฐานะที่กระผมเองได้ผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์ ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา และเป็นหนึ่งเดียวของ สมาชิกเหรียญรามาธิบดี ที่ได้รับ พระมหากรุณาธิคุณ ได้รับ พระราชทานเหรียญชั้นมหาโยธิน จึงขอประกาศต่อสู้กับกลุ่มบุคคลทุกกลุ่ม ที่กระทำการกระทบกระเทือนและเป็น ปรปักษ์ ต่อ สถาบันหลักของชาติ และมีลักษณะ รบกวนเบื้องพระยุคลบาท ไม่ว่ากรณีใดๆ ต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี ซึ่งปวงข้าพระพุทธเจ้าเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมจนกว่าชีวิตจะหาไม่
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ*************************
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2008, 17:20 โดย oho »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 14-05-2008, 17:24 » |
|
เฮอะๆ เรื่องนี้จะด่าหรือจะชมความคิด บิ๊กจิ๋วหล่ะครับ
ถ้ายังแบ่งฝักฝ่าย ย่อมไม่พ้นอคติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
oho
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 14-05-2008, 17:29 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 14-05-2008, 19:25 » |
|
ใครอยู่ฝ่าย ราชอาณาจักร ใครอยู่ฝ่าย สาธารณรัฐ เขาประกาศตัวกัน ทั้งทางตรงทางอ้อมแล้ว ไม่ใช่เรื่องแค่พูดกันเล่นๆในบอร์ดการเมือง หรือตามสื่อต่างๆ สงครามนั้นเริ่มรบกันแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาใช้กำลังติดอาวุธ เมื่อถึงเวลา ก็จะได้เห็นแล้วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
oho
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 14-05-2008, 20:59 » |
|
ขบวนการล้มสถาบันฯ มันมีอยู่จริง แต่เห็นมีแต่แก๊งอั้ยเหลี่ยม "ดัดจริต" ออกมาช่วยกัน แถ.. แถ.. บอกว่า ไม่รู้-ไม่เห็น-ไม่มี มีแต่พันธมิตรใส่ร้ายป้ายสี แอบอ้าง"ดึงฟ้าต่ำ" อิอิ+
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
thecat
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 14-05-2008, 21:03 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rule of Law
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 14-05-2008, 23:09 » |
|
อัลไซเมอร์กำเริบ
เมื่อปีก่อนเห็นยังพ่นน้ำลาย อย่ารังเกียจคนรวย อยุ่แหม็บๆ
มาตอนนี้ทำเป็นเห่ากระทบนายใหญ่ โก่งราคาหรือไงตาแก่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
|
|
|
northstar
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 15-05-2008, 00:09 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คาคาชิ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-05-2008, 04:12 » |
|
รอดูลุงจิ๋วต่อไปอีกสักนิด
แต่ข้อคิดเห็นของลุงจิ๋วงวดนี้ ผมชื่นชมมากครับ
ถ้าหลังจากนี้ ลุงจิ๋ว ยังยืนยันเหมือนความเห็นเดิมละก้อ ผมเชียร์ถวายหัวเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพื่อนร่วมชาติ
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 15-05-2008, 09:08 » |
|
หวังว่าจิ๋วอัลไซเมอร์จะสำนึกบาปที่ทำไว้สมัยปี 2540 แล้ว
และคงไม่ลืมว่าตัวเองก็มีส่วนทำให้ไอ้เหลี่ยมขึ้นสู่อำนาจ ทำให้บริวารชั่ว ๆ ของมันมีเวทีในสังคม
ถ้าอยากทำอะไรให้แผ่นดิน เพื่อชดเชยความผิด ก็รีบ ๆ ทำซะ
รู้อะไรก็รีบ ๆ พูดออกมาให้ชัด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 15-05-2008, 12:08 » |
|
พล.อ.ชวลิต พูดได้ชัดเจนดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 15-05-2008, 18:56 » |
|
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000056813จิ๋ว เกิดครบ 76 ปี ติงรัฐบาลอย่ามุ่งทุ่มเทแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ให้หันมาดูแลปัญหาปากท้องของชาวบ้านบ้าง พร้อมให้เรียกคนในรัฐบาลที่พูดจาบจ้วงสถาบัน มาซักถามว่ามีเจตนาอย่างไร เชื่อมีบางคนต้องการเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ แต่มั่นใจเปลี่ยนสถาบันไม่ได้ ขณะที่ แม้ว ซุ่มกลับไทยเงียบ ดอดเข้าอวยพรที่บ้านตั้งแต่เช้า คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้สัมภาษณ์ วันนี้ (15 พ.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำบุญเลี้ยงพระเพลที่วัดพระยายัง เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด 76 ปี โดยมี คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา รวมทั้งคนใกล้ชิดร่วมอวยพร อาทิ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายฉัตรชัย เอียสกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้าอวยพร พล.อ.ชวลิต ที่บ้านพัก ซ.ปิ่นประภาคม ตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนเดินทางมาทำบุญที่วัดพระยายัง พล.อ.ชวลิต กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่มีความขัดแย้งกันในสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้ ว่า ยุ่งในสภาดีกว่าที่อื่น ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองที่จะมีความเห็นขัดแย้ง แต่ไม่ควรถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะความเห็นไม่ตรงกันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ต้องทุ่มเท ควรสนใจแก้ปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดนี้ให้ความสนใจการแก้ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติดอยู่แล้ว แต่สื่อให้ความสนใจน้อย โดยไปเน้นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า และต้องการฝากว่าแม้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ แต่อย่าดึงดันแก้ไขจนลืมปัญหาประเทศ ต่อกรณีที่ประชาชนเป็นห่วงเรื่องการดึงสถาบันลงมาเกี่ยวพันการเมืองนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า สถาบันถือเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ ที่อยู่คู่กับประเทศมาเป็นพันปี ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจไม่เข้าใจ และอาจมีหัวก้าวหน้าแบบสาธารณรัฐบ้าง แต่คงล้มล้างความเป็นชาติไทยไม่ได้ สำหรับกรณีที่มีคนในระดับชั้นนำ ที่วางนโยบายได้พาดพิงสถาบัน มีความเป็นห่วงหรือไม่นั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่มี แต่อาจผิดพลาดพลั้งเผลอ ก็เรียกมาต่อว่า ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น เข้าใจหรือไม่ที่พูดเช่นนี้ เพราะสถาบันเป็นสิ่งเหนือหัว หากทำความเข้าใจได้ ก็ไม่มีอะไร ซึ่งใครจะดื้อรั้นหรือไม่ มองก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ขอให้สบายใจได้ ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัตินั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ใครจะปฏิวัติอีก มันไม่ไหวแล้ว ซึ่งบอกหลายทีแล้วว่าไม่ใช่ปฏิวัติ แต่เป็นการยึดอำนาจ หรือ Coup Data ปฏิวัติคือการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้น
พูดอีกแล้วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 15-05-2008, 20:06 » |
|
พี่จิ๋วคงพยายามส่งสัญญาณถึงน้องสุ ว่าพี่จิ๋วไม่ได้อยากเป็นประธานสภาเปรซีเดียมอย่างที่น้องสุเคยกล่าวหานะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|