http://matichon.co.th/news_detail.php?id=31027&catid=1'มิ่งขวัญ' อ่วมเจอ'สมัคร' และ รมต.หลายคนรุมอัด ชี้ข้าวถุงธงฟ้าส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ แนะให้นำสต๊อค 2.1 ล้านตันส่งออก โปะเพิ่มเงินเดือนขรก. ดีกว่า นายกฯ สงสัยข้าวอยู่ครบหรือไม่สั่งตำรวจ-หน่วยเฉพาะกิจสำรวจสต๊อคข้าวรัฐบาล ครม.ไฟเขียวรับซื้อข้าวเปลือก
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ข้าวต่อที่ประชุม พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลออกนโยบายประกันราคาข้าวให้กับเกษตรกร โดยข้าวเปลือก 5% ควรอยู่ที่ 14,000 บาท ทำให้ ครม.พูดกันมากถึงความเหมาะสมของนโยบายข้าว จนนำไปสู่การถกกันถึงการจัดทำข้าวถุงธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ราคาข้าวตกจนเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนหรือไม่
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากนั้น
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำข้าวถุงธงฟ้าสักเท่าใด เพราะอาจกระทบกับราคาข้าว ควรจะทบทวน จากนั้น รัฐมนตรีหลายคนแสดงความเห็นด้วย พร้อมเสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการทำข้าวถุงใหม่ เพราะมองว่า ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกลดลง ทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลควรจะนำข้าวสารที่มีอยู่ในสต๊อค 2.1 ล้านตันไปขายต่างประเทศแทน จากนั้นค่อยนำกำไรที่ได้จากการขายข้าวมาทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น ขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการน่าจะดีกว่า เพราะจะทำให้คนมีเงินพอที่จะซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้น หากปล่อยไปอาจทำให้ราคาข้าวลดลงไปเรื่อยๆซึ่งนายมิ่งขวัญได้กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการโครงการแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้นายสมัครกล่าวกับนายมิ่งขวัญว่า หากจะคิดอะไรก็ขอให้เบาๆ หน่อย ให้สถานการณ์มันพยุงตัวเองไว้จะดีกว่า
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ นายสมัครยังสั่งการให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจปริมาณและ คุณภาพข้าวในสต๊อคของรัฐบาล 2.1 ล้านตันว่า มีอยู่ครบจริงหรือไม่ เนื่องจากนายสมัครสงสัยว่า อาจจะมีไม่ครบ แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า ทำไมจึงสงสัยเช่นนั้น
ด้านนายมิ่งขวัญ กล่าวถึงกรณีนายสมัครมีคำสั่งให้ตรวจสต๊อคข้าวรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน ว่า เป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวแพงมาก จึงต้องมีการตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับซื้อข้าวเปลือก 3 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเจ้า และข้าวเหนียว ที่มีความชื้นไม่เกิน 15% เอง โดยไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ รัฐจะรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิที่ตันละ 19,000-20,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเจ้าตันละ 14,000 บาท และข้าวเปลือกข้าวเหนียวตันละ 9,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเหนียวที่มีความชื้นเกิน 25% จะรับซื้อตันละ 7,000 บาท ซึ่งรัฐอาจจะรับซื้อโดยตรงจากชาวนา หรือจากโรงสีก็ได้
นายมิ่งขวัญกล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วย เหลือเกษตรกร (คชก.) และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 15 พฤษภาคม เพื่อเริ่มดำเนินการเชื่อว่าจะช่วยชาวนาขายข้าวได้ราคาดีขึ้น
ส่วนเรื่องที่โรงสีที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องนั้น นายมิ่งขวัญกล่าวว่า รัฐจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยปล่อยกู้ให้โรงสีที่รับซื้อข้าวเปลือกข้าวเหนียวในราคาที่รัฐประกาศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมยกเลิกมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวเปลือกและข้าวสารข้ามจังหวัดในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด มีผลวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งจะทำให้ชาวนาและโรงสีสามารถซื้อขายข้ามจังหวัดได้โดยเสรี
เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังจาก 18 อำเภอ อาทิ อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย กว่า 500 คนนำรถยนต์และเต๊นท์ผ้าใบปิดถนนบริเวณสี่แยกแม่กรณ์ ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นสี่แยกหลักของถนนพหลโยธินก่อนเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาข้าวเหนียวนาปรังที่ราคาตกต่ำ ส่งผลให้การจราจรภายในตัวเมืองติดขัดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.เชียงรายต้องจัดกำลังมาเคลียร์พื้นที่และให้ยานพาหนะไปใช้เส้นทางอื่น แทน
ต่อมาเวลา 18.45 น. นายวรชัย อุตตมชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าเจรจากับกลุ่มเกษตรกรโดยยืนยันว่าในวันที่ 14 พฤษภาคม นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในจะนำผู้ประกอบการโรงสีในภาคกลางประมาณ 10 ราย มาเจรจารับซื้อข้าวกับเกษตรกรโดยตรงในราคาตันละ 8,000 บาท ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจยอมสลายตัวไป
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจาก 7 ตำบล อ.พาน จ.เชียงราย กว่า 1,000 คนยังชุมนุมประท้วงด้วยการปิดถนนพหลโยธิน สายเชียงราย-พะเยา บริเวณบ้านแม่คาวโตน ต.สันกลาง อ.พาน ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง แต่ได้ย้ายจุดชุมนุมจากที่เดิมมา 3 กิโลเมตรมาเป็นบริเวณบ้านสันทราย ต.เจริญเมือง อ.พาน โดยมีการเปิดเวทีไฮด์ปาร์กเรียกร้องต่อรัฐบาลช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รักษาการ ผบก.ภ.จว.เชียงราย เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมให้เลิกการปิดถนนแล้วย้ายไปชุมนุมที่บริเวณศาลากลาง แทน โดยระบุว่า วันที่ 14 พฤษภาคม กระทรวงพาณิชย์จะนำโรงสีมารับซื้อข้าวแต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม พร้อมยืนยันว่า จะปักหลักปิดถนนประท้วงจนกว่าจะได้รับคำตอบจากรัฐบาล
วันเดียวกัน ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายจำรัส ลุมมา ประธานกลุ่มเกษตรหนองแสะพัฒนาและกลุ่มผู้ปลูกข้าวชาวนาแม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นแกนนำชาวนากว่า 100 คนเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีถูกกดราคาข้าวเปลือกเหนียวนาปรังต่อ นายกรัฐมนตรีผ่านนายชูชาติ กีฬาแปง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายจำรัสกล่าวว่า ชาวนา 1,270 ครอบครัว จาก 6 หมู่บ้านของ ต.แม่แฝก เดือดร้อนอย่างหนักเพราะถูกท่าข้าวเอกชนในพื้นที่กดราคารับซื้อข้าวเปลือก อย่างไม่เป็นธรรม
นายวัยรักษ์ วลัยลักษณ์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวชี้แจงว่า จะส่งเรื่องไปยัง คชก.พิจารณาให้ แต่จากการตรวจสอบพบว่าโรงสีรับซื้อข้าวเปลือกที่มีความชื้น 30-32% ที่ราคา 6,000-7,000 บาทต่อเกวียน จึงอยากขอร้องชาวนาให้เก็บข้าวแล้วตากให้แห้งเพื่อลดความชื้น แต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ประสานไปยังท่าข้าว จ.สุพรรณบุรีและฉะเชิงเทราให้รับซื้อ เท่าที่ทราบมีการรับซื้อที่ 7,000 บาทต่อเกวียนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกลุ่มเกษตรกรไม่พอใจผลการหารือ ยืนยันว่า ต้องการให้รับซื้อที่ราคา 9,000 บาทต่อเกวียน แกนนำจึงประกาศว่าจะกลับไปเรียกประชุมชาวนาในพื้นที่ทั้งหมดก่อนที่จะมา ชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่อีกครั้ง
ด้านนายไพรัช หวังดี เกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยถึงกรณีชาวนาใน อ.เมืองสุพรรณบุรีรายหนึ่งยิงตัวตายเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเครียดเรื่องปัญหาหนี้สิน ขณะที่ข้าวในนาที่กำลังจะเก็บเกี่ยวมีเมล็ดลีบเล็กเสียหายจำนวนมากว่า ทางสำนักงานให้ความช่วยเหลือครอบครัวเกษตรกรรายดังกล่าว โดยมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี 2 ให้ นอกจากนั้นศูนย์บริหารศัตรูพืช จ.สุพรรณบุรีจะไปดูแลรักษาการระบาดของศัตรูพืช โดยสนับสนุนชีวภัณฑ์ตลอดฤดูกาลผลิต ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.ได้ขยายเวลาการชำระหนี้จำนวน 60,000 บาท และให้สินเชื่อเพื่อทำนาในฤดูต่อไป พร้อมมอบเงินฌาปนกิจของ ธ.ก.ส.ประมาณ 100,000 บาท และจะเสนอสำนักงานใหญ่เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย
มาร์คแนะรัฐขายข้าว ๒.๑ ล้านตัน ทำกำไร... พิเภกอินเตอร์์สรุป หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ โง่เป็นควาย หรือใครจะเถียง...
หาก ประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล
ย่อมเทข้าวขายทำกำไร
ดังคำที่ให้ไว้แก่ จอม เพชรประดับ
ขายข้าวมีกำไร เราไม่เถียง
แต่นั้นคือโอกาสของชาวนา
รัฐบาลบ้าเท่านั้นจึงขายแข่ง
ต้องเปิดโอกาสให้ ชาวนาขายก่อน
ไม่ใช่ให้ ชาวนา ตายก่อน อ้ายเวน