ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
18-04-2024, 15:01
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ระหว่าง “กาแฟดำ” กับ “นักวิชาการ” น่าจะเชื่อใครมากกว่ากัน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ระหว่าง “กาแฟดำ” กับ “นักวิชาการ” น่าจะเชื่อใครมากกว่ากัน  (อ่าน 2932 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 12-05-2008, 23:49 »

ระหว่าง “กาแฟดำ” กับ “นักวิชาการ” น่าจะเชื่อใครมากกว่ากัน

โพสต์โดย : ตามสั่ง
 ID # 685678 - โพสต์เมื่อ : 2008-05-12 17:06:26   _   แจ้งลบข้อความ   


วันนี้คุณหยุ่น กาแฟดำ เขียนคอลัมน์ถึง อ.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ และ อ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ที่เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงสื่อ และองค์กรวิชาชีพสื่อ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้หยุดพฤติกรรมยั่วยุ ปลุกปั่น โฆษณาชวนเชื่อ รวมทั้งเรียกร้องรักษามาตรฐานจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ที่ต้องเคร่งครัดต่อหลักการ ความเที่ยงธรรม ไม่ให้กลายเป็นสื่อเป็นพิษ

คุณหยุ่น ก็เลยแสดงความคิดเห็นบ้างว่า

“ผมเชื่อว่าคนข่าวอาชีพที่มุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างสุจริตย่อมจะต้องขอบคุณสองอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เพิ่งออก\"จดหมายเปิดผนึก\" เตือนสื่อมวลชนว่ามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบที่บ้านเมืองกำลังขัดแย้งทางการเมือง จนอาจจะกลายเป็นความรุนแรงทางการเมือง

เพราะสังคมไทยต้องการสื่อที่รับผิดชอบ และต้องช่วยกันวิพากษ์สื่ออย่างเข้มข้น...ที่สำคัญคือผู้วิพากษ์สื่อหรือที่เขาเรียกว่า media critics ในประเทศอื่นนั้นจะต้องทำอย่างชัดเจน แยกแยะ เป็นธรรม ต่อเนื่อง และไร้อคติเช่นเดียวกับที่คาดหวังจากสื่อด้วย

สื่อไม่มีอภิสิทธิ์เหนือสังคม เช่นเดียวกับที่นักวิชาการหรือคนอาชีพอื่นที่ต้องถูกวิจารณ์ได้ภายใต้จริยธรรมแห่งอาชีพเช่นกัน

เสียดายว่าอาจารย์ทั้งสองท่านไม่ได้ระบุว่าสื่อที่เป็นปัญหาในสายตาท่านนั้นเป็นสื่อไหนและควรจะแก้ไขอย่างไร

อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาจารย์อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ แห่งคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในนามนักวิชาการสันติวิธีทำจดหมาย \"เปิดผนึก\" ถึงผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรของสื่อมวลชนว่า

ขณะนี้มีร่องรอยว่าระบอบประชาธิปไตยของไทยกำลังเคลื่อนเข้าสู่อันตรายจากความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจทรุดลงเป็นความรุนแรง

และปัจจัยหนึ่งที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้คือสื่อมวลชน

จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้บอกว่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบสื่อที่ไม่รับผิดชอบกำลังส่งผลกร่อนทำลายประชาธิปไตยสังคมไทยใน 3 ทางคือ

1.  สร้างความโกรธแค้นเกลียดชัง ปลุกปั่นสถานการณ์เสียเอง
2.  โฆษณาชวนเชื่อ เป็นกระบอกเสียงของฝักฝ่ายทางการเมืองอย่างสุดหัวใจ ให้ร้ายใส่ความคู่ต่อสู้ด้วยเล่ห์เพทุบายสารพัด
3.  ทั้งหมดนี้ ดำเนินไปขณะที่ผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรของสื่อมวลชนเฉยเมยต่อการละเมิดจรรยาบรรณสองประการข้างต้น หรือทำตัวลู่ตามลม เลือกปฏิบัติปกป้องเฉพาะพวก ลงโทษเฉพาะฝ่าย

สองอาจารย์ท่านสรุปว่าสิ่งที่หายไปในแวดวงสื่อมวลชนไทยที่ทำการทั้ง 3 ประการข้างต้นคือ \"มาตรฐานและจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ที่ต้องเคร่งครัดกับหลักการ ความเที่ยงธรรม และความรับผิดชอบที่สูงกว่าประชาชนทั่วไปที่ไม่มีอำนาจสื่ออยู่ในมือ และสูงกว่ากระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายต่าง ๆ...\"

เป็นการแสดงจุดยืนของสองอาจารย์ที่วงการสื่อจะต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบด้านและน้อมเคารพในความจริงจังและจริงใจในฐานะนักวิพากษ์สื่อที่ควรจะต้องมีจำนวนและความเข้มข้นมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป

จะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งหากนักวิชาการที่ทำหน้าที่เป็น media critics จะช่วยกันวิเคราะห์และวิพากษ์สื่อสารมวลชนไทยอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และนำมาเปรียบกับคนในอาชีพอื่น

เช่นอาชีพของนักวิชาการมหาวิทยาลัยที่ก็มีจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกันเช่นที่สื่อมวลชนไทยได้แสดงออก...เพราะนักวิชาการหลายท่านก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็น \"กระบอกเสียงของฝักฝ่ายทางการเมืองอย่างสุดหัวใจ\" เช่นกัน

นักวิชาการจำนวนไม่น้อยก็อาจจะเข้าข่าย \"ทำตัวลู่ตามลม...เลือกปฏิบัติปกป้องเฉพาะพวก ลงโทษเฉพาะฝ่าย\" ได้อีกเหมือนกัน

บางครั้งสื่อมวลชนที่พยายามทำหน้าที่เป็นกระจกส่องความเห็นที่แปลกแยกในสังคมอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อความแตกแยก

แต่บางครั้งสื่อมวลชนที่พยายามรายงานข่าวให้รอบด้านก็อาจจะถูกมองว่า \"ไร้จุดยืน ลู่ตามลม\"

บางครั้งสังคมตั้งคำถามกับสื่อว่าเหตุไฉนจึงไม่ทำหน้าที่ \"พิทักษ์ความถูกต้อง\" และ \"ประณามความชั่วร้าย\"?

บ่อยครั้งเช่นกันที่สื่อถูกถามว่าระหว่างความดีกับความเลวนั้น สื่อที่อาสาทำความจริงให้ปรากฏจะ \"ขอยืนอยู่ตรงกลาง\" ได้กระนั้นหรือ?

และอีกบางครั้งสื่อมวลชนที่แสดงความเห็นโดยมีจุดยืนเด่นเช่นในบางประเด็นก็อาจจะถูกชี้นิ้วว่าเป็น \"เครื่องมือ\" ของกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม
ยามที่สื่อที่รับผิดชอบถูกคุกคามเสรีภาพในการแสดงความเห็น ยามที่สื่อพยายามปกป้องสิทธิของผู้คนในบ้านเมือง (รวมถึงนักวิชาการที่ต้องการแสดงความเห็นอันเป็นอิสระของตน) บ่อยครั้งสื่อก็พบว่านักวิชาการเหล่านั้นก็หลบหลีกที่จะออกมาแสดงจุดยืนของตนเพื่อรักษาเสรีภาพแห่งการแสดงความคิดเห็นเช่นกัน...

นักวิชาการมีสิทธิที่จะบอกว่า \"ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้\" ในยามที่บ้านเมืองกำลังต้องการความเห็นเพื่อแสวงหาทางออก

แต่คนทำสื่อที่อยู่ในสนามข่าวที่เปรียบเสมือนเป็น \"หน่วยหน้า\" ที่ต้องเผชิญกับข่าวสารมากมายหลากหลายนั้นไม่มีสิทธิที่จะหลบหลีกเข้าถ้ำเพื่อหลบพายุแห่งความขัดแย้ง “เพื่อเอาตัวรอด” ได้...เพราะนั่นจะเป็นความไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่

แน่นอน ในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นสื่อหรือวิชาการหรือการเมือง ก็ล้วนมีผู้ที่สมควรจะถูกตั้งคำถามในเรื่องมาตรฐานแห่งจริยธรรมวิชาชีพ...

สื่อมีหลายประเภท เช่นเดียวกับที่นักวิชาการมาในหลายรูปแบบ...เหตุผลประการหนึ่งคือปรากฏการณ์การเมืองของสังคมที่ทำให้เกิดภาวะที่ผิดปกติในยามนี้

สื่อบางสื่อประกาศ “เลือกข้าง” อย่างชัดเจน...หากเขาแสดงตนอย่างชัดแจ้งเช่นนั้น ย่อมเป็นความโปร่งใสที่สังคมจะต้องตัดสินเขาด้วยเนื้อหาและสาระแห่งจุดยืนนั้น

สื่อที่มีวาระซ่อนเร้นแต่แฝงตัวอยู่ในคราบของ “มืออาชีพ” ต่างหากเล่าที่สมควรจะต้องถูกตรวจสอบและซักถามจากสังคม

โดยเฉพาะ “สื่อเฉพาะกิจ” ที่กลุ่มการเมืองใช้เงินและอิทธิพลของตนก่อตั้งขึ้นมาทำเป็น “สื่อเสมือนจริง” ทั้งๆที่เป็นเพียงกระบอกเสียงชั่วคราวของกลุ่มผลประโยชน์นั้นๆ เท่านั้นเอง

ท้ายที่สุดแล้ว สังคมจะตัดสินเองว่ารูปแบบการทำสื่อแบบใดเป็นสื่อที่เขาเชื่อถือได้ เพื่อนำไปประกอบวิจารณญาณของตนเอง และสื่อใดที่เขาอ่านเขาฟังเพื่อยืนยันความเชื่อของตัวเอง และสื่อใดที่เขาเสพเพื่อจะคิดแย้งและคัดค้าน

บางสื่อบอกชัดเจนว่าเขายืนอยู่ข้างไหน บางสื่อบอกว่าเขาเสนอเพียงความเห็นของฝ่ายต่างๆ โดยไม่บอกว่าเขาเห็นด้วยกับฝ่ายไหนหรือไม่

ไม่ต่างอะไรกับนักวิชาการที่แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆได้ในลักษณะเดียวกัน

ท้ายที่สุดของที่สุดแล้ว สังคมจะตัดสินเองว่าจะเชื่อสื่อใดหรือนักวิชาการใด หรือเห็นว่าใครทำผิดจากมาตรฐานจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

สำคัญอยู่ที่ว่า เราแยกแยะคนเหล่านี้ออกจากคนส่วนใหญ่ในวิชาชีพนั้นหรือไม่

สำคัญว่าเราเอาข้อยกเว้นมาเป็นมาตรฐานหรือไม่?

แต่จะอย่างไรก็ตาม สื่อที่รับผิดชอบก็จะต้องปกปักรักษาเสรีภาพของนักวิชาการในอันที่จะวิพากษ์สื่อเพื่อรอบด้าน เป็นธรรมและต่อเนื่อง

ทำนองเดียวกับที่สื่อก็คาดหวังว่านักวิชาการจะออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องเสรีภาพแห่งความคิดเห็นอย่างเสรีของประชาชน (ซึ่งรวมถึงสื่อด้วย) ทั้งในยามสงบและยามบ้านเมืองสับสนทางความคิดเช่นกัน

เพราะผมเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าสื่อมวลชนผู้รับผิดชอบ และทำหน้าที่ตามกรอบจรรยาบรรณก็สวมวิญญาณแห่ง “นักสินติวิถี” เช่นกัน

**********************

สิ่งที่ 2 อาจารย์ว่า น่ะไม่จริงหรือครับ

มีคนติงน่ะไม่ดีหรือ หรือจะให้เออออตามกัน

แล้วอย่างนี้ สื่อจะน่าเชื่อถือหรือครับ


 
 
โพสต์โดย : tot (บุคคลนิรนาม)
IP : 58.97.35.116       
 ID # 734316 - โพสต์เมื่อ : 2008-05-12 17:14:01   _   แจ้งลบข้อความ   แก้ไข


ไอ้หัวล้านขายชาติ


 
 
โพสต์โดย : wikko
  ID # 734323 - โพสต์เมื่อ : 2008-05-12 17:18:19   _   แจ้งลบข้อความ   




สันติวิถี ห่าไรหยุ่น เองหนะคิดว่าตัวเองเป็น Rain Maker

คิดว่าคนเขาไม่รู้ทันเอ็ง รึหยุ่น?

ระวังนะ หยุ่น เด๋วมีหนังสือ รู้ทันหยุ่น ออกวางตลาดหรอก

จริงอยู่เอ็ง ไม่ถึงกับบ้าเลือด แต่อย่าเหลิงอำนาจ เพราะมันไม่ได้ลึกอย่างที่ เอ็ง ตั้งใจ


 
 
โพสต์โดย : wikko
  ID # 734325 - โพสต์เมื่อ : 2008-05-12 17:20:05   _   แจ้งลบข้อความ   


คน ที่จะย้อน งาบเอ็ง
หนึ่งใน ร้อย ก้อมี ชื่อ *****


 
 
โพสต์โดย : reader (บุคคลนิรนาม)
IP : 58.8.109.121       
 ID # 734386 - โพสต์เมื่อ : 2008-05-12 17:57:24   _   แจ้งลบข้อความ   แก้ไข


kun suthichai you do the best in your professional....i wish thai land have more and more people like you.
kun suthichai you love this land....you never cheat people....you report only the facts happen in this world.
kun suthichai go onchun your honest job....before you die you will be proudchu in your honest to this country.

thanks kun suthichai


 http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=685678


อ่านกระทู้นี้ แล้วน่าจะเข้าใจได้ว่า
บางคนโพสต์กระทู้/คคห. ก็ไม่อ่านเนื้อหาในกระทู้ก่อนแสดงความคิดเห็น....

เห็นชื่อ'กาแฟดำ' ด่าก่อนได้เลย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #1 เมื่อ: 13-05-2008, 00:01 »

สื่อเองก็คน

นักวิชาการเองก็คน

จะเลือกเชื่อใคร ก็ใช้วิจารณญาณที่มีอยู่ในตัวเอง

แล้ววิเคราะห์ว่าใครอะไร ที่ไหน อย่างไร

แต่เลือกสันติวิธี เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

การยั่วยุ คือความเขลา
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #2 เมื่อ: 13-05-2008, 00:45 »



ขี้เกียจพิมพ์มาก


เอาความเห็นผม คิดว่ามติชน และไทยรัฐ

ดีกว่าเนชั่นและ ที่ใช้ไม่ได้คือผู้จัดการ


ตามแนวทางที่นักวิชาการเขาวิพากษ์มานะ
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 13-05-2008, 00:58 »

ระหว่างสุทธิชัย หยุ่น กับอาจารย์ย่า ก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกันนี่ครับ ดูเหมือนเสริมกันด้วยซ้ำ

เรื่องบทบาทสื่อ ผมไปคอมเม้นท์ไว้ที่บล็อคคุณนิธินันท์ เยอะพอสมควร

http://www.oknation.net/blog/nithinand

ฝากข่อเขียนนี้เพิ่มเติมละกัน


วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม 2551
หมาเฝ้าบ้านมีสิทธิ์แค่เห่า หรือมีสิทธิ์กัดโจรด้วย
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 55 , 07:50:10 น.   

กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "บทบาทสื่อมวลชน" ทั้งในภาพรวมและภาพแยก

การทำหน้าที่ทั้งในฐานะการนำเสนอข่าว หรือ ความคิดเห็น ( ผ่านคอลัมน์ )

จากประเด็นยืนไม่ยืนในโรงหนัง กลายเป็นจุดเปราะบางที่ต่างฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรมที่จะกระทำการนั้น ๆ จนเกินเลยความเป็นสื่อ

บ้างก็ว่า ถ้าเห็นโจรวิ่งผ่าน ประชาชนมีสิทธิ์ทำร้ายโจรคนนั้น ?

สื่อมีหน้าที่ชี้นำขนาดนั้นหรือไม่

สื่อมีหน้าที่เตือนภัยสังคมหรือมีหน้าที่ออกไปกระทำการเคลื่อนไหวนอกเหนือจาก"ผู้รายงานข่าว" หรือไม่

การเตือนภัยนั้น มีสิทธิ์ปลุกระดมหรือชี้นำให้กระทำการรุนแรงหรือไม่

จึงอยากฝากผระเด็นประเด็น "หมาเฝ้าบ้าน มีสิทธิ์แค่เห่า หรือมีสิทธิ์กัดด้วย"

อยากฝากท่านนักวิชาการ สื่อมวลชนผู้ทำหน้าที่ในปัจจุบัน ช่วยคิดต่อหน่อยครับ

หาก "หมาเฝ้าบ้าน"  ทำแค่หน้าที่ "เตือนภัย" ก็ต้องแค่เห่า

เป็นเครื่องเตือนภัย ระบบเตือนภัยทั่วๆไป

เมื่อเตือนภัยแล้ว ก็น่าจะหมด"หน้าที่" เพียงเท่านั้น

เมื่อเกิดเหตุกองไฟเล็กๆ ในสังคม สื่อไปพบเข้า สื่อควรจะร้องบอกสังคมให้ใช้น้ำเข้าดับไฟ หรือ บอกให้เติมน้ำมันราดเข้ากองไฟ

ผมเคยเสนอมุมมองวิพากษ์ "คนทำสื่อ" ที่เป็นผู้นำในกิจกรรมการเมืองมาแล้วว่า

หากคุณก้าวออกมาทำกิจกรรมเพื่อผลทางการเมือง คุณไม่ใช่ "สื่อ"

เพราะนั่นคุณทำงานการเมืองภาคประชาชนแล้วครับ อย่าประกาศตนว่าเป็น "สื่อ"

คนที่วิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องจัดกลุ่มเคลื่อนไหวนอกสื่อ ในฐานะ "กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง"

อย่าไปเหมารวมว่าเขาเป็น "สื่อ" ในความหมายทางวิชาการ

เพราะความหมายง่าย ๆ "สื่อ" ก็คือ "ตัวกลาง"

หากสื่อจะมีพลังก็คงเปรียบเสมือนการส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งไปจุดแค่ "หลอดไฟฟ้า" ซึ่งทำหน้าที่ให้แสงสว่าง

ตัวสื่อเอง ไม่ควรทำตัวเป็น "เตาเผาขยะ" เพราะไม่ใช่หน้าที่ หน้าที่ที่ควรทำคือให้แสงสว่างเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นหากพลังงานไฟฟ้าตกไปใส่ชาวบ้าน ทำอันตรายต่อชาวบ้าน "สื่อต้องรับผิดชอบด้วย"

หากเปรียบเทียบสื่อเป็น "หมาเฝ้าบ้าน" ก็ต้องเป็นหมาที่ถูกฝึกมาให้เห่า เห่าอย่างเดียวอย่าเที่ยวไปกัด

แต่ถ้า "หมาเฝ้าบ้าน" บางพันธุ์ ถูกฝึกมาให้ "กัดโจร" ด้วยตรงนี้น่าเป็นห่วง

เจ้าของหมาบางทีก็ปล่อย "หมา" ออกมานอกบ้านเที่ยวระรานคนเดินผ่านหน้าบ้าน ตรงนี้ก็ยุ่งหนักเพราะอาจไปกัดลูกชาวบ้านได้ง่าย ๆ

ตรงนี้ยุ่งแล้วครับ เพราะ"หมาเฝ้าบ้าน" ไม่ได้มีหน้าที่ "จับโจร" หรือ "กัดโจร"

ถ้าตัวสื่อหรือคนทำสื่อ ต้องทำหน้าที่ "หมาเฝ้าบ้าน" จง "เห่า" อย่างเดียว อย่าเที่ยวไปไป "กัดชาวบ้าน"

จะเห่าเสียงกระโชกโฮกฮาก เห่าเสียงเบา เห่าดังเห่าค่อย หรือแม้แต่หอน ก็หอนไป เห่าไป

เห่าแข่งไอ้ตัวที่จมูกเหมือนหมู ที่อยู่ในทำเนียบก็เห่าไปเถอะครับ หยาบ/ละเอียดไม่ต้องสนใจหรอก

เพราะเวลานี้ อะไรหยาบคาย อะไรคือมธุรสวาจา ปิยะวาจา เค้าเลิกสอนกันแล้ว

แต่ไม่ได้มีหน้าที่จับโจร ถ้าไปยืนเห่าหน้าทำเนียบ แบบนั้นเกินเลยความเป็น "สื่อ" อย่างแน่นอน

สื่อที่ดีคงไม่พาพรรคพวกไปยืนฉี่หน้าทำเนียบ...

แบ่งหน้าที่กันอย่างนี้แล้ว....สังคมก็จะเป็นสุข สังคมได้ประโยชน์จาก"สื่อ/หมาเฝ้าบ้าน" อย่างเต็มที่

เสียงเบาๆ จากชาวนาแก่ๆ คงฝากไว้ได้แค่นี้แหละครับ

แคน ไทเมือง
 

http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/12/entry-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2008, 01:49 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #4 เมื่อ: 13-05-2008, 04:17 »

สื่อมีหลายประเภท เช่นเดียวกับที่นักวิชาการมาในหลายรูปแบบ...เหตุผลประการหนึ่งคือปรากฏการณ์การเมืองของสังคมที่ทำให้เกิดภาวะที่ผิดปกติในยามนี้

สื่อบางสื่อประกาศ “เลือกข้าง” อย่างชัดเจน...หากเขาแสดงตนอย่างชัดแจ้งเช่นนั้น ย่อมเป็นความโปร่งใสที่สังคมจะต้องตัดสินเขาด้วยเนื้อหาและสาระแห่งจุดยืนนั้น

สื่อที่มีวาระซ่อนเร้นแต่แฝงตัวอยู่ในคราบของ “มืออาชีพ” ต่างหากเล่าที่สมควรจะต้องถูกตรวจสอบและซักถามจากสังคม

----------------------------------

หมาจะกัด  หรือ หมาจะเห่าในยามที่บ้านเมืองวิกฤตขนาดหนัก อันเนื่องมาจาก นักเลือกตั้งกลุ่มหนึ่งรวมมือกัน กัดกินประเทศชาติ
ปัจจุบัน ก็แสดงให้เห็นว่าการ  กำจัด  นักเลือกตั้งกลุ่มนี้ ก็ยิ่งทำให้บ้านเมือง ล่มจม ไปอีก  ที่ได้  ขคม  มาครองบ้านเมือง

สื่อ จะทำหน้าที่ แค่ เห่า  หรือ กัดเพื่อบ้านเมือง  ก็ดีกว่า พวกสื่อ ที่มีวาระซ่อนเร้น

นสพ  ฉบับเดียวกัน  หน้าสี่ เขียนเชียร์ ทักษิณ แบบหลับหูหลับ   พอ หน้า ห้า  ก็ไล่ทักษิณ
สื่อ แบบนี้ มีให้เห็น  มา ตลอด  คนอ่านก็เลยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอ่าน นสพ ฉบับเดียวกัน  แล้ว ก็แยกฝ่าย

แต่  เอเอสทีวี  ทุกคอลัมล์ไปในแนวทางเดียวกันคือ ไล่ ทักษิณ

จะสำคัญอะไร กับจะเรียกตัวเองว่า อะไร  คนบางคนเรียกตัวเองว่า นายก  แต่ ทำตัวเป็นสื่อเลือกข้างทักษิณ

บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 13-05-2008, 05:45 »

นักวิชาการก็เลือกยืนข้างใดข้างหนึ่ง เห็นได้ชัดเจน

สื่อเลือกข้าง ก็เป็นปรากฎการณ์ปกติ ทั้งสื่อจริง สื่อเทียม

แต่ต้องดูกันว่า สื่อ ทำหน้าที่สื่อหรือนักกิจกรรมทางการเมือง

ถ้าใช้แค่สื่อของตนเอง อยู่ในที่ตั้ง นำเสนอแนวคิดหรือชี้แนะทางออกของสังคม

กระตุ้นให้ผู้คนในสังคมทำในสิ่งที่ชอบที่ควร หรือแม้แต่กระตุ้นให้ผู้รับผิดชอบในบ้านเมือง ทำการหรือไม่กระทำการ

นั่นคือหน้าที่สื่อ

แต่หากกระตุ้นให้ผู้คนกระทำผิดกฎหมาย หรือใช้แนวทางต่อสู้ที่จะนำไปสู่ความแตกแยกรุนแรง

สื่อต้องระงับเหตุนั้น เพราะสื่อก็มีหน้าที่เป็น "สายใยของสังคม"

การที่สื่อใดสื่อหนึ่ง เปิดพื้นที่ให้ความเห็นที่แตกต่าง หรือ นักเขียนที่คิดแตกต่างกัน แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

นั่นหมายความว่า ตัวสื่อเอง ก็เป็นประชาธิปไตยในตัวเอง ผู้อ่านผู้รับสารสามารถเลือกรับรู้ เลือกเชื่อ ตามแต่จะเชื่อข้อมูลฝ่ายไหน

นั่นหมายความว่า "สื่อ" จะต้องเปิดพื้นที่ให้ความคิดเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นได้

เมื่อสังคมรู้จักว่า การโต้แย้งด้วยเหตุด้วยผล ด้วยข้อมูล ย่อมมิใช่ความแตกแยก

เมื่อสื่อเปิดพื้นที่ให้มีความหลากหลาย ยอมรับความแตกต่างทางความคิด นั่นก็คือประชาธิปไตยในสื่อ

หากข้อมูล/ข่าวสารจากสื่อนั้นๆ  มีความเห็นด้านเดียวไปทั้งหมด เท่ากับเลือกข้าง ซึ่งไม่แน่ว่า ข้างที่เลือกนั้น ถูกต้องจริงหรือ

ที่พูดมาก็เห็นๆ กันอยู่ มีทั้งสื่อฝ่ายต้านทักษิณ และสื่อฝ่ายชูทักษิณ

หากไม่ยอมรับความแตกต่าง ก็คงไม่ใช่ประชาธิปไตย

เพราะปรัชญาของประชาธิปไตย ก็คือวิธีการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี


ผมถึงมองว่า "ผู้ที่ใช้สื่อเลือกข้าง" คือ "นักกิจกรรมทางการเมือง"

เป็นผู้ใช้สื่อ ไม่ใช่คนทำ "สื่อ" ในความหมายของ "หนังสือพิมพ์"

ที่พวกอาจารย์ด้านนิเทศศาตร์ ให้คำจำกัดความ

ที่กาแฟดำ บอกมานั่นก็ใช่ อาจารย์ย่า ควรชี้มาเลยว่า "สื่อไหน" หรือ "ใคร" มันจะได้ชัดเจนเป็นกรณีๆ ไป

หาก "เหมาโหล" หรือ "เหมารวม" คนที่เค้าทำตัวดี ก็เดือดร้อนสิ


วันอังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550
เมื่อสื่อ ทำหน้าที่ "เกินสื่อ" ก็สมควรที่รัฐบาลต้องจำใจตัดเนื้อร้ายทิ้ง
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 213 , 23:59:51 น.   


http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/02/27/entry-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2008, 06:06 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 13-05-2008, 06:56 »

แนวคิดเรื่องบทบาทของสื่อ เสรีภาพสื่อ และความรับผิดชอบของสื่อในระบอบประชาธิปไตย

ด้วยศักยภาพของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำให้สื่อมวลชนถูกใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศไม่ว่าจะเป็นระบบการปกครองแบบใด สื่อมวลชนจึงเป็นสถาบันสังคมที่มีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ด้วยการให้ข่าวสารเพื่อให้ทราบถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง การโน้มน้าวชักจูงใจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา และวางนโยบายพัฒนาประเทศ และการถ่ายทอดความรู้และทักษะเพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจและก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงต่อไป
   
ลาสเวลล์ (Lasswell, 1948) เสนอว่าหน้าที่ทางสังคมหรือพันธกิจทางสังคม (social functions) ของสื่อสารมวลชนคือเป็นผู้ที่เฝ้าระวังและตรวจสอบสิ่งแวดล้อมทางสังคม และการเมืองหรือที่ใช้กันทั่วไปว่า สื่อสารมวลชนมีหน้าที่เป็น “หมาเฝ้าบ้าน” (watchdog) ของสังคม คอยบอกให้สมาชิกสังคมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบๆ บ้านของตน นอกจากนี้ สื่อสารมวลชนยังเป็นผู้ประสานให้ส่วนต่างๆ ของสังคมร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และประการสุดท้าย เป็นผู้ถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมแก่คนรุ่นต่อไป
   
แม็คเคว็ล (McQuail, 1994) ได้ประมวลหน้าที่ทางสังคมของสถาบันสื่อสารมวลชนไว้ 5 ประการ ได้แก่

1.   การให้ข้อมูลข่าวสาร
•   ให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์และสภาวการณ์ต่างๆ ของสังคมตนเอง และสังคมโลก
•   ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจต่างๆ
•   ส่งเสริมความคิดใหม่ๆ การปรับตัว และความเจริญก้าวหน้าทางสังคม
2.   การประสานส่วนต่างๆ ของสังคมเข้าด้วยกัน
•   อธิบาย ตีความ และให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความหมายของเหตุการณ์และข้อมูลข่าวสารที่นำเสนอออกไป
•   ให้การสนับสนุนแก่สถาบันหลักของสังคมและบรรทัดฐานต่างๆ
•   เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม
•   ประสานเชื่อมโยงกลุ่มคนและกิจกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน
•   สร้างฉันทามติในสังคม
•   กำหนดว่าเรื่องใดสำคัญมากน้อยกว่ากัน หรือการกำหนดวาระทางสังคม
3.   การสร้างความต่อเนื่องทางสังคม
•   ถ่ายทอดวัฒนธรรมกระแสหลักของสังคม และยอมรับวัฒนธรรมย่อยหรือวัฒนธรรมทางเลือก และวัฒนธรรมใหม่ๆ
•   เสริมสร้างและทะนุบำรุงค่านิยมพื้นฐานของสังคม
4.   การให้ความเพลิดเพลินแก่สมาชิกสังคม
•   ให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจแก่สมาชิกสังคม
•   ลดระดับความเครียดและข้อขัดแย้งของสังคม
5.   การรณรงค์ทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ
•   รณรงค์เพื่อเป้าหมายทางสังคมในด้านการเมือง สงคราม เศรษฐกิจ งานอาชีพ

บทบาทของสื่อมวลชนในการพัฒนาประเทศด้านการเมือง

   กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่จะมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องชอบธรรม สร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ จะต้องประกอบด้วยปัจจัยหลักที่สำคัญคือ ระบบโครงสร้างของสังคมที่เอื้อต่อการปกครอง ทัศนคติของประชาชน รัฐบาลที่มาจากการยอมรับของประชาชน ระบบการสื่อสารที่มีอิสระเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนที่มีเสรีภาพและความรับผิดชอบ

   สื่อมวลชนมีบทบาทในการพัฒนาประเทศทางด้านการเมืองที่สำคัญ ดังนี้

1)   การสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมือง
2)   การกระตุ้นเร้าสร้างความสนใจทางการเมืองในระบบที่ถูกต้อง
3)   ให้ความรู้ ข่าวสารทางการเมืองเพื่อให้ผู้รับสารนำไปอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
4)   ช่วยควบคุมพฤติกรรมของนักการเมืองให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
5)   จุดความสนใจของประชาชนไปสู่ประเด็นปัญหาทางการเมืองที่สำคัญ จนกระทั่งปัญหานั้นได้รับการแก้ไข
6)   สร้างความใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับประชาชน
7)   ช่วยระดมพลังมวลชนในการสนับสนุนในสิ่งที่รัฐบาลได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง
Cool   สร้างบทบาททางการเมืองของประชาชนในการเป็นผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือการเรียกร้องในประเด็นปัญหาที่ไม่ชอบมาพากล
9)   สร้างความเป็นสากลในการเมือง นั่นคือเมื่อประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ ประชาชนย่อมมีวิจารณญาณในการตัดสินใจในสิ่งที่ผู้นำของรับบาลต่างๆ กระทำ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศได้

สื่อมวลชนสามารถมีบทบาทในการพัฒนาทางการเมืองผ่านรายการทางวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแม้แต่ภาพยนตร์ ทั้งนี้สื่อมวลชนจะมีบทบาทในการพัฒนาประเทศด้านการเมืองมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับคุณภาพและประสิทธิภาพของสื่อมวลชนด้วย


ที่มา   ธีรารักษ์ โพธิสุวรรณ.  เอกสารการสอนชุวิชา ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อมวลชน หน่วยที่ 1-8. 
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชานิเทศศาสตร์,  พิมพ์ครั้งที่ 4, 2549.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2008, 06:58 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #7 เมื่อ: 13-05-2008, 11:05 »

*  สื่อ  กะ  นักวิชาการ  ก็ไม่ต่างกันหรอกถ้าจะพูดถึงเรื่องการเอียง ..... มันก็เป็นทั้งคู่นะแหละ

    เพราะ  ถ้าจะพูดว่า  สื่อ บางสื่อเลือกข้าง ..... นักวิชาการบางคนก็เลือกข้างเหมือนกัน

    เท่าที่อ่านบทความนี้มา  กาแฟดำ  ก็เขียนแบบกลาง ๆ ดีนี่ค่ะ  ..... ไม่ได้พูดว่าสื่อดีที่สุด

    เหลือบ  ในแต่ละอาชีพมันก็มีทั้งนั้น  .....  เพียงต่อาชีพไหนจะมีมาก หรือ น้อย กว่ากัน

    ส่วนนักการเมืองไม่ต้องพูดถึง.........  เพราะนั่นคือแหล่ง อาศัย ของพวก เหลือบ  มืออาชีพ
 

บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 13-05-2008, 11:25 »


จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้บอกว่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบสื่อที่ไม่รับผิดชอบกำลังส่งผลกร่อนทำลายประชาธิปไตยสังคมไทยใน 3 ทางคือ

1.  สร้างความโกรธแค้นเกลียดชัง ปลุกปั่นสถานการณ์เสียเอง
2.  โฆษณาชวนเชื่อ เป็นกระบอกเสียงของฝักฝ่ายทางการเมืองอย่างสุดหัวใจ ให้ร้ายใส่ความคู่ต่อสู้ด้วยเล่ห์เพทุบายสารพัด
3.  ทั้งหมดนี้ ดำเนินไปขณะที่ผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรของสื่อมวลชนเฉยเมยต่อการละเมิดจรรยาบรรณสองประการข้างต้น หรือทำตัวลู่ตามลม เลือกปฏิบัติปกป้องเฉพาะพวก ลงโทษเฉพาะฝ่าย


อ่านแล้วนึกถึง ITV เดิมที่อุตส่าห์ทำสกู๊ปแก้ตัวให้ล๊อซเล่ย์ นึกถึงประชาทรรศน์ ที่ว่ากันว่าเป็นเครือข่ายของห้อย ท้ายสุด นึกถึง NBT ที่ไม่ได้เสนอข่าวที่มีน้ำหนัก 2 ด้านอย่างเท่าเทียมกันอย่างที่โม้

ปล. ถึงคนที่จะจัดระเบียบจิตวิญญาณสื่อ ความคิดแบบนี้ มีแต่เผด็จการเบ็ดเสร็จเท่านั้น ไม่ใช่ ประชาธิปไตย 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-05-2008, 11:27 »

เยอะแยะไป สื่อไปเป็นอาจารย์

อาจารย์มาทำสื่อ

สื่อไปเป็นนักการเมือง

นักการเมืองมาทำสื่อ

ดูมันมีส่วนคาบเกี่ยวกันทั้งนั้น

ที่กาแฟดำชี้ให้เห็นคือ

บอกมาสิว่า สื่อไหน คนไหน

ว่ากันตรงๆ ไปเลย

ผมก็ไม่ชอบการชี้กราดไปทั้งสถาบันเหมือนกัน

อาจารย์ชี้ผิด ชี้ถูกในเชิงวิชาการได้

สื่อก็สามารถชี้ผิดชี้ถูกในเชิงวิชาการได้เช่นกัน
บันทึกการเข้า

login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #10 เมื่อ: 13-05-2008, 11:38 »

อ่านแล้วนึกถึง ITV เดิมที่อุตส่าห์ทำสกู๊ปแก้ตัวให้ล๊อซเล่ย์ นึกถึงประชาทรรศน์ ที่ว่ากันว่าเป็นเครือข่ายของห้อย ท้ายสุด นึกถึง NBT ที่ไม่ได้เสนอข่าวที่มีน้ำหนัก 2 ด้านอย่างเท่าเทียมกันอย่างที่โม้

ปล. ถึงคนที่จะจัดระเบียบจิตวิญญาณสื่อ ความคิดแบบนี้ มีแต่เผด็จการเบ็ดเสร็จเท่านั้น ไม่ใช่ ประชาธิปไตย 

ไม่อยากได้สองด้านครับ

อยากได้ความจริงด้านเดียวก็พอ 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 13-05-2008, 11:55 »

ลักษณะการนำเสนอข่าวสองด้าน

*******************************************************

“จักรภพ” โวยถูกบิดเบือนพาดพิงเบื้องสูง

ไทยรัฐ[13 พ.ค. 51 - 05:02]
 
วันที่ 12 พ.ค. เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวผ่านในรายการสนทนาประสาสมัครถึงเรื่องที่มีคนนำเอาสถาบันมาเป็นเงื่อนไขมาโจมตีนายจักรภพว่า ถือเป็นความกรุณาให้ความเป็นธรรมในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งจะจัดทำคำแปลที่ถูกต้องของคำบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในเร็ววันนี้ เพื่อใช้ยืนยัน เพราะตามเว็บต่างๆ มีการนำมาเผยแพร่แปลผิด แปลถูก บางเรื่องก็ใส่ความ เมื่อจัดทำเอกสารเสร็จจะนำไปมอบให้พนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง เพราะอยากให้เรื่องนี้จบเร็วที่สุด เพราะเป็นการใส่ความ เชื่อว่ามี 2 กลุ่ม คือจงใจหาเรื่องเพื่อให้รัฐบาลมีปัญหา ส่วนกลุ่มที่ 2 คือคนที่เชื่อว่าตนเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา ขอยืนยันว่าไม่มีใครในรัฐบาลชุดนี้ที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ขอร้องให้กลุ่มคนดังกล่าวคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก อย่าเห็นแต่ความแค้น คนที่ทำเจตนาต้องการให้เกิดเรื่อง และคิดว่าจะได้ผลทางการเมือง แต่อยากจะบอกว่าคนที่คิดจะหาเรื่องเดี๋ยวก็รู้ว่าของจริงออกมา นำปาฐกถาของตนไปแปลผิด หยาบคาย ล้วนแต่เป็นความเท็จ และจงใจบิดเบือน

ย้ำมีกลุ่มจงใจสร้างเหตุนำสู่ปฏิวัติ

เมื่อถามว่า นายกฯระบุว่ามีคนหัวเถิกอยู่ในกระบวนการจ้องล้มรัฐบาลด้วย นายจักรภพตอบเลี่ยงว่า คงเกี่ยวกันหลายคน ระบุไม่ได้ และไม่ทราบว่าหัวเถิกเป็นใคร รัฐบาลจะไม่ไปเล่นเกมการเมืองกับใคร แต่หากดึงเบื้องสูงลงมาก็ต้องชี้แจง เพราะถือเป็นความเสียหาย และจะกลายเป็นปัญหาลุกลามต่อไป กระบวนการโค่นล้มและจะนำไปสู่การรัฐประหารก็เหมือนเดิม ย้อนไปดูช่วงก่อนเหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ที่นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ ระหว่าง เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็โดนกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี กับเหตุการณ์ก่อน 19 ก.ย. 49 แต่คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้พัฒนาความคิด ตลอด 30 ปียังใช้วิธีการเหมือนเดิม ส่วนการห้ามสื่อของรัฐเสนอข่าวเชียร์การทำปฏิวัตินั้น ที่ผ่านมาหลายสื่อพยายามจะชูทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเก่า สื่อสามารถวิจารณ์รัฐบาลได้ แต่ไม่ควรเชียร์ให้เกิดการยึดอำนาจสนับสนุนรัฐประหาร เพราะล้ำเส้นเกินไปและเกินเลยไปมาก ควรมีการจัดระเบียบ มิฉะนั้น จะละเมิดรัฐธรรมนูญผิดกฎหมายบ้านเมือง และใครที่กล่าวหาว่าตนไปแทรกแซงสื่อ ก็อยากให้ออกมาแสดงตัวเลยว่าเห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร ใครที่เห็นว่ามีสิทธิที่สนับสนุนรัฐประหาร ก็แสดงตัวออกมาได้ เพื่อให้สังคมรับทราบว่าสื่อรายใดที่เห็นว่ามีสิทธิเรียกทหารมายึดอำนาจก็ให้แสดงตัว 

ปชป.จี้นายกฯสอบพฤติกรรม “จักรภพ” 

ทางด้านความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการประชุมหารือแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคำบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างบรรยายต่อที่ประชุมชมรมนักข่าวต่างประเทศ เมื่อเดือน กันยายน ปี 2550 โดยแกนนำพรรคเห็นว่าคำบรรยายดังกล่าวเป็นเรื่องอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพรรคที่จะต้องนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมทำหนังสือถึงนายก-รัฐมนตรี เกี่ยวกับข้อกังวลดังกล่าว พร้อมแนบซีดี 1 แผ่นและคำถอดเทปภาษาไทยอย่างละเอียดรวม 8 หน้ากระดาษเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ รวมถึงพฤติกรรมของนายจักรภพที่สะท้อนให้เห็นในหลายอย่างว่าไม่ศรัทธาต่อระบอบพระมหากษัตริย์ เช่น การนำเอาสารคดีการล่มสลายของราชวงศ์เนปาลมานำเสนอผ่านทางสถานีโทรทัศน์ NBT เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาประกอบการตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะมีขึ้นด้วย รวมทั้งเสนอให้นายก-รัฐมนตรีให้ความสำคัญตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วน ว่าพฤติกรรมของนายจักรภพเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในเชิงลบ และสมควรที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยหรือไม่   โดยหนังสือที่จะส่งถึงนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด 

“สาทิตย์” คุ้ยหลักฐานถอด “สมพงษ์”

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการยื่นถอดถอนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม กรณีการสรรหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ล่าช้าเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านจะพิจารณาต่อไปคือ ช่วงวันที่ 19-24 มี.ค.2551 ที่ปลัด กระทรวงยุติธรรมทำหนังสือถึง รมว.ยุติธรรมนั้น รมว.ยุติ-ธรรมมีเจตนาใดไม่ทำการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวให้จบภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งมีข้อพิสูจน์ว่า รมว.ยุติธรรมน่า จะมีเจตนาฝ่าฝืน เพราะกรณีการสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัย-อุดม จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปเป็นเลขาธิการ ป.ป.ท.นั้น นายสมพงษ์อ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะต้องเข้ามาจัดการตามโครงสร้างของ  ป.ป.ท.ให้เสร็จทันตามกฎหมาย ดังนั้น ฝ่ายค้านจะขอพิจารณาข้อมูลอีก 1-2 วัน เพื่อดูว่า 5 วัน ที่นายสมพงษ์ได้รับหนังสือจากปลัดกระ-ทรวงนั้น นายสมพงษ์ติดปัญหาใดจึงไม่สามารถดำเนินการได้ หรือมีเจตนาที่เข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ส่วนการยื่นถอดถอนนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจร่างคำถอดถอน   

ปชป.จี้ พปช.จัดการ “การุณ” 

นายสาทิตย์กล่าวว่า ในวันที่ 14 พ.ค. จะทวงถามในที่ประชุมสภาฯถึงการผลการสอบสวนของคณะกรรม-การสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทะเลาะวิวาทระหว่างนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน กับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ผลสอบมีการระบุว่ามีการทำร้ายร่างกาย และด่าทอกันจริง ดังนั้น พรรคพลังประชาชนจะมีมาตรการจัดการกับนายการุณหรือไม่ เนื่องจากนายการุณเคยพูดว่าหากมีการทำร้ายร่างกายจะยอมลาออกจากการเป็น ส.ส. หวังว่านายการุณจะยอมรับผิดกล่าวขอโทษกลางที่ประชุมสภา เรื่องนี้จะเป็นการพิสูจน์สำนึกและยางอายของพรรคพลังประชาชน หากนายการุณไม่ยอมรับผลสอบ พรรคก็จะไม่ เรียกร้องจิตสำนึกทางศีลธรรมกับนายการุณ แต่การกระทำที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการคุกคามการทำหน้าที่  ส.ส. 

“การุณ” สาบานให้แม่ตายถ้าทำผิด 

ทางด้านนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงผลสอบของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ระบุว่า เป็นผู้มีความผิดในการทะเลาะกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากผู้ใหญ่ตีกรอบไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะเกรงจะเป็นประเด็นก่อให้เกิดความเสียหายแก่พรรค เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของ พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย ประธานการตรวจสอบเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ แทน และผลสอบดังกล่าวเพียงระบุว่า “เชื่อได้ว่า” เท่านั้น ไม่ระบุชัดว่า ตนกระทำผิดจริง ไม่อยากให้โฟกัสความผิดมาที่ตนคนเดียว เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าตนถีบนายสมเกียรติจริง ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนต่อไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตำรวจสอบสวนแล้ว พบความผิดจะลาออกจาก ส.ส.หรือไม่ นายการุณตอบว่า “ผมไม่ออก เพราะผมไม่มีความผิด ที่ผ่านมาผมก็ท้าให้นายสมเกียรติสาบาน แต่เขาไม่ยอมสาบานเลย ถ้าจะสาบานก็ขอให้แม่ผมตายก็ได้ เพราะผมรักแม่ของผม สมมติถ้าตำรวจตัดสินว่าผมผิดจริง  ก็แค่โดนปรับเท่านั้น แต่ผมคงไม่ลาออกเพราะผมไม่ได้ทำผิด” นายการุณกล่าว


http://www.thairath.com/news.php?section=politics&content=89586
 
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 13-05-2008, 12:01 »

โฆษกรบ.แจง 'จักรภพ' ออกกฎคุมสื่อแค่คำปรารภ อ.จุฬาย้ำ'สุนัขเฝ้าบ้าน'ไม่ใช่เงื่อนไขปฏิวัติ
 มติชน    วันที่ 12 พฤษภาคม 2551 - เวลา 20:59:31 น. 
 
อาจารย์จุฬาชี้สื่อมวลชนต้องทำหน้าที่สุนัขเฝ้าบ้านตรวจสอบรัฐบาลยันไม่ใช่เงื่อนไขการปฏิวัติ โฆษกรัฐบาลแจงอย่าเพิ่งวิตกกรณี'จักรภพ' มีแนวคิดในการจัดระเบียบสื่อภาครัฐ ห้ามนำเสนอข่าวปฏิวัติ ว่ายังไม่มีค้ำสั่งใดๆ 

โฆษกรัฐบาลออกมาแสดงความคิดเห็นอย่าเพิ่งวิตกกับกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุจะออกระเบียบคุมสื่อรัฐไม่ให้เสนอข่าวหรือเนื้อหาสนับสนุนการกระทำรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมกับคาดโทษทางวินัยเอาไว้ด้วย ทั้งนี้ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ถึงเรื่องนี้ที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์แนวคิดในการจัดระเบียบสื่อภาครัฐ ห้ามนำเสนอข่าวปฏิวัติ ว่าขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งใดๆ อย่าเพิ่งไปวิตก เพราะนายจักรภพ เพ็ญแข เพียงแต่ปรารภขึ้นมาเฉยๆ ส่วนที่มีข่าวว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) อึดอัดใจกับแนวคิดของนายจักรภพนั้น พล.ต.ท.วิเชียรโชติกล่าวว่า อย่าไปคิดมากเลย สื่อไทยเป็นสื่อที่มีเสรีภาพมากที่สุดในโลกแล้ว

ด้านนางพิรงรอง รามสูตร รณะนันทน์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สื่อมวลชนต้องทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้าบ้านตรวจสอบรัฐบาลที่แม้จะมาตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทำตัวประหนึ่งทรราชเหมือนกัน ซึ่งหากนายจักรภพกำกับไม่ให้สื่อของรัฐดำเนินการตามสิทธิเสรีภาพ ก็ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 46 ที่ผู้สื่อข่าวของรัฐต้องได้รับความคุ้มครองในการทำหน้าที่เท่ากับผู้สื่อข่าวในสำนักข่าวเอกชนเช่นกัน ดังนั้น สื่อก็ต้องมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และนายจักรภพเองก็เคยเป็นสื่อน่าจะรับทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี

' ที่นายจักรภพกังวลว่าสื่อของรัฐจะเขียนเชียร์ให้มีการปฏิวัตินั้น ไม่ว่าสื่อมวลชนจะยอมรับหรือนิ่งเงียบ ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่จะให้เกิดการปฏิวัติได้ แต่นายจักรภพ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกคน ควรที่จะทบทวนว่าได้สร้างเงื่อนไขอะไรที่นำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่ อย่าทำตัวเป็นผู้สร้างเงื่อนไขเอง เพราะไม่มีใครอยากเห็นการปฏิวัติ เพราะประเทศบอบช้ำมามากแล้ว และขอแนะนำให้รัฐบาลควรควบคุมดูแลตัวเองให้ดี ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนต้องปฏิรูปตัวเอง จากเดิมที่ทำหน้าที่ตามเกมนักการเมือง ต่อไปต้องคิดล่วงหน้าไปอีก สื่อต้องทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนกับรัฐบาลชุดนี้' นางพิรงรองกล่าว

   
บันทึกการเข้า

eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #13 เมื่อ: 13-05-2008, 12:15 »


อ่านกระทู้นี้ แล้วน่าจะเข้าใจได้ว่า
บางคนโพสต์กระทู้/คคห. ก็ไม่อ่านเนื้อหาในกระทู้ก่อนแสดงความคิดเห็น....

เห็นชื่อ'กาแฟดำ' ด่าก่อนได้เลย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



อ่านได้แค่วันละ 8 บรรทัด อ่านเกินเดี๋ยวความโง่มันหาย
คนบางคนมันชอบโง่ ไม่ชอบฉลาดอ่ะ
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 13-05-2008, 12:29 »

กาแฟดำ ทำหนังสือพิมพ์มากว่า 40 ปี

กว่าจะมาถึงจุดที่ได้รับรางวัล "ศรีบูรพา" ไม่ใช่ของง่ายครับ

ลองกลับไปดูคนที่ได้รับรางวัลนี้เอาเถอะครับ เค้ากลั่นกรองสุด ๆ
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #15 เมื่อ: 14-05-2008, 00:29 »

กาแฟดำ ทำหนังสือพิมพ์มากว่า 40 ปี

กว่าจะมาถึงจุดที่ได้รับรางวัล "ศรีบูรพา" ไม่ใช่ของง่ายครับ

ลองกลับไปดูคนที่ได้รับรางวัลนี้เอาเถอะครับ เค้ากลั่นกรองสุด ๆ



ระหว่าง “กาแฟดำ” กับ “นักวิชาการ” น่าจะเชื่อใครมากกว่ากัน

 http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=685678




อ่านกระทู้นี้ แล้วน่าจะเข้าใจได้ว่า
บางคนโพสต์กระทู้/คคห. ก็ไม่อ่านเนื้อหาในกระทู้ก่อนแสดงความคิดเห็น....

เห็นชื่อ'กาแฟดำ' ด่าก่อนได้เลย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2008, 00:31 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #16 เมื่อ: 14-05-2008, 00:38 »

หลัง 19 กันยายน 2549.....
นักรักประชาธิปไตยส่วนหนึ่ง ไม่ยอมรับการทำรัฐประหารของคณะ คมช....
แต่ยินดีร่วมกับ'แนวร่วมเป็ดไก่' และ 'พรรคปล้นชาติ' เชิดชู'นักประชาธิปไตยแม๊วๆ'.....

นักประชาธิปไตยส่วนหนึ่ง'เข้าใจ'การทำรัฐประหารของคณะ คมช....
และร่วมต่อต้าน คัดค้านการกลับมามีอำนาจใหม่ของ'นักประชาธิปไตยแม๊ว ๆ' 'แนวร่วมเป็ดไก่' และ 'พรรคปล้นชาติ'....


จะถือว่าเป็นการเลือกข้าง หรือ ลงไปเล่นด้วยไหม Question
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 14-05-2008, 09:27 »

หลัง 19 กันยายน 2549.....
นักรักประชาธิปไตยส่วนหนึ่ง ไม่ยอมรับการทำรัฐประหารของคณะ คมช....
แต่ยินดีร่วมกับ'แนวร่วมเป็ดไก่' และ 'พรรคปล้นชาติ' เชิดชู'นักประชาธิปไตยแม๊วๆ'.....

นักประชาธิปไตยส่วนหนึ่ง'เข้าใจ'การทำรัฐประหารของคณะ คมช....
และร่วมต่อต้าน คัดค้านการกลับมามีอำนาจใหม่ของ'นักประชาธิปไตยแม๊ว ๆ' 'แนวร่วมเป็ดไก่' และ 'พรรคปล้นชาติ'....


จะถือว่าเป็นการเลือกข้าง หรือ ลงไปเล่นด้วยไหม Question

แนวร่วมมุมกลับ หรือ มีวัตถุประสงค์ร่วม นั่นคือ

ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า ( วาทะพ่อใหญ่จิ๋ว )

พวกนี้ไม่คิดถึงจุดยืน ประชาชนที่พอมีความคิดอยู่บ้างต่างมองออกในพฤติกรรมแนวร่วมเป็ดไก่
บันทึกการเข้า

oho
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712


« ตอบ #18 เมื่อ: 14-05-2008, 10:03 »

ถ้ากรณี ลูกสาวคุณโดนครูข่มขืน.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่องถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี คุณเป็นข้าราชการแล้วโดนหัวหน้างานกลั่นแกล้ง.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่องถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี ถ้าคุณโดนเพื่อนบ้านแอบตีกาบาล.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่องถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี ถ้าคุณโดนบิลเรียกเก็บค่าน้ำ-ค่าไฟเกินจริงเป็นหมื่นเป็นแสน.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่องถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี ถ้าคุณเจอถนนแถวบ้านคุณ ที่ อบต.อบจ. มันเพิ่งทำถนนเสร็จ เพียง 1 เดือน ก็เป็นหลุมเป็นบ่อแล้ว.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่อยถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี ถ้าคุณโดนตำรวจรีดไถส่วยรถบรรทุก.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่อยถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี ถ้าคุณรับงานโปรเจ๊คจากรัฐบาลแล้วโดนเรียกเก็บส่วย 40%.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่อยถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี ถ้าคุณเป็นข้าราชการพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการต่าง ๆ.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่อยถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
ถ้ากรณี ถ้าชาวนาโดนพ่อค้าคนกลางโกงเรื่องข้าวเปลือก ขายได้ราคาตกต่ำ.......คุณคิดว่า คุณจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร..ถ้าเรื่องถึงตำรวจแล้วเงียบ??
(ฟ้องสื่อ... หรือฟ้องนักวิชาการ)
*** แล้วคุณคิดว่า ระหว่างสื่อที่ออกทำข่าวภาคพื้นสนาม ลงพื้นที่ไปตามจังหวัดต่าง ๆ ...กับนักวิชาการที่ประวัติไม่เคยโผล่ออกมาทำกิจกรรมลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน วัน ๆ อยู่แต่ในคอกในห้องเรียนแล้วกลางกระดาษจับปากกาเขียน ๆๆๆ ...คุณคิดว่าใครจะมีข้อมูลมากกว่ากัน ***

แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะนักวิชาการหรือสื่อ จะดีจะชั่วอย่างไร???  มันขึ้นอยู่กับ "จิตสามัญสำนึกที่มีต่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์"
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2008, 10:05 โดย oho » บันทึกการเข้า
999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #19 เมื่อ: 14-05-2008, 12:06 »

ถ้าพูดถึงกาแฟดำ ก็เป็นคอลัมนิสต์ที่อ่านได้

มักมีข้อเขียนที่ระมัดระวังพอสมควร

แต่ก็อยูในสายสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์ในยุคก่อร่างสร้างตัวของเขา

น้องชายของเขา ดูมีความเป็นกลางมากกว่า แต่ความคมหย่อนกว่ากันเล็กน้อย


เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือการหล่อหลอมทีมงาน ที่ยังเป็นรองค่ายเก่าแก่ที่ใหญ่กว่าด้วย



ไม่เห็นด้วยกับการเลือกข้างกลายๆแบบถาวรของสื่อ สื่อมีหน้าที่เลือกข้างความถูกต้องในทุกกรณี แต่ก็เป็นอุดมคติ

เพราะมนุษย์และองค์กรที่มนุษย์ดำเนินกิจกรรมจำเป็นต้องมีสังคมห่อหุ้มเพื่อการดำรงค์อยู่ในขณะใดขณะหนึ่ง[ู่/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2008, 13:25 โดย 999 » บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: