โล่งอกจริงๆ ครับ
![](http://oldforum.serithai.net/Smileys/default/slime_hmm.gif)
ผมเป่าปากฟู่แล้วฟู่อีกสำหรับเกมเมื่อคืนนี้
ก่อนหน้านี้บอกตามตรงว่า เสียว ครับ เพราะแฟนแมนยูและไม่ใช่แมนยูพยายามอุจจาระคุยว่า แมนยูแชมป์แน่นอน เพราะวีแกนของสตีฟ บรูซจะเล่นแบบ "กระหนุงกระหนิง" เพราะบรูซเป็นศิษย์เก่าเฟอร์กี้ มันเกี่ยวดองกันอยู่แล้ว
ผมเป็นคนนึงที่เขียนในบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า ไม่มั่นใจว่าเกมจะง่าย แม้วีแกนจะรอดแล้วก็จริง แต่การเล่นในบ้านนัดสั่งลา คงไม่มีใครอยากทำร้ายจิตใจแฟนบอลไปจนกระทั่งเดือนสิงหาหรอก เพราะตั๋วปี และของที่ระลึกจะขายได้ก็เพราะฟอร์มนัดสุดท้ายที่ตรึงตาตรึงใจให้เกิดความหวัง(ใหม่)นี่แหละ (ไม่เชื่อถามแฟนแมนซิตี้ดูได้ว่า ตอนนี้พวกเขาคิดอะไร)
แล้วบรูซก็ไม่ได้กินเงินเดือนเฟอร์กี้นี่ มีอะไรต้องทดแทนบุญคุณมิทราบ เฟอร์กี้นำทีมชนะแล้วแบ่ง % ให้หรือ..ก็เปล่า?
และโค้ช (พรีเมียร์ชิพนะ ไม่ใช่อบต.)สั่งนักเตะ(อาชีพ) ทั้งทีมได้หรือครับให้เล่นแบบถนอมน้ำใจทีมเก่าของโค้ช
ผมว่า ยิ่งปรามาสว่า วีแกนจะเล่นไม่เต็มสูบ ยิ่งทำให้นักเตะและผู้จัดการทีมต้องการพิสูจน์ตัวเองเข้าไปใหญ่
และนัดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า วีแกนเอาจริง และไม่เล่นเกมอุดกับแมนยูด้วย โดยส่งศูนย์หน้าลงมาสองคนทั้ง เฮสกี และ เบนท์ ซึ่งในหลายเกมที่เล่น เบนท์มักนั่งสำรองด้วยซ้ำไป ส่งสองคนนี้ลงมา เป็นสัญญาณว่า วันนี้บอมบ์หนักแน่นอน
นอกจากนี้ กองสนับสนุนเกมรุกก็ลงกันพรึ่บพรั่บไปหมด ทั้ง วาเลนเซีย ทั้งพาราซิออส ทั้งคูมาส
มีเพียงติตุส บรัมเบิลคนเดียวที่ดูแปลกตาไปหน่อย(อิ อิ)
ส่วนผู้เล่นแมนยูคงไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะถ้าไม่จัดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงในนัดนี้ ก็ไม่รู้ว่า จะจัดลงนัดไหนแล้ว ใครๆ ก็ไม่อยากนั่งม้านั่งสำรองกันทั้งนั้น ผมว่า 11 คนแรก เนื้อเต้นเลยทีเดียวที่รู้ว่าได้ลงตัวจริงในเกมที่สำคัญที่สุดในฤดูกาลนี้
ต้องขอแสดงความเสียใจกับ คูชแช็ค..แอนเดอสัน..ซาฮา..ปิเก้..โอเช..เฟลทเชอร์..ซิลแวสตร์..นานี่ ด้วยจริงๆ นะครับ ผมเข้าใจจิตใจของพวกเขาดีว่า รู้สึกอย่างไรกับการเป็น ตัวประกอบข้างสนาม
ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านั้น ก็ไม่มีแชมป์ในวันนี้เช่นกัน
และเมื่อเสียงนกหวีดดัง..
แมนยูเดินเกมรุกในทันที ขณะเดียวกันวีแกนก็ไม่ได้เล่นแบบตั้งโซนรับรอสวนอย่างเดียว แต่ประกบตัวผู้เล่นแมนยูแบบเกาะติดทุกตัว ทุกฝีก้าว ซึ่งก็คงเรียนรู้มาจากทุกเกมที่แมนยูพลาดท่า เสมอ หรือ แพ้แล้วว่า จุดอ่อนของแมนยูอยู่ตรงนี้ ตรงที่เมื่อถูกกดดันหนักและรวดเร็ว นักเตะ(บางคน)จะไม่ถ่ายบอลไปข้างหน้า แต่จะส่งออกข้างหรือคืนหลัง แล้วก็กลายเป็นริโอบ้าง บราวน์บ้าง ฟานเดอซาบ้าง เป็นคนสาดบอลเปิดเกมขึ้นหน้า ซึ่งบอลโด่งก็จะถูกสกัดโดยง่ายกว่าบอลที่ชิ่งตามช่อง
โดยเฉพาะตัวพักบอลของแมนยู ทั้งสโคลส์ และคาริก ถ้าถูกบีบมากๆ จ่ายคืนหลังไม่ทันก็จะวางยาวแบบเร่งรีบ ส่วนใหญ่จะพลาดเป้านะครับ เว้นแต่ว่า ข้ามบอลไปที่ว่างจริงๆ แต่บอลวางทะลุทะลวงให้เล่นอย่างได้เปรียบ ไม่มีให้เห็นแน่ถ้าถูกบีบเช่นนี้
คาริกในช่วงหลังๆ มีบทบาทกับเกมรุกของแมนยูน้อยไปหน่อย หากเทียบกับผู้เล่นตำแหน่งนี้ในทีมบิ๊กโฟร์ และเทียบกับฮากรีฟ
แม้จะทำให้เกมรับแน่นขึ้นแต่เล่นแบบเซฟมากไปนิด ทั้งๆ ที่ต้องการเกมบุก ทำให้บอลไหลย้อนกลับโดยไม่จำเป็น ด้วยการต่อบอลแบบไม่คืบ
ตอนที่ยังไม่ได้ประตู บอกตามตรงครับว่า อึดอัดพอสมควร เพราะเกมเป็นต่อในเรื่องการครองบอล แต่ไม่มีลูกที่ผ่านมือของเคิร์กแลนด์ไปได้เลย เคิร์กแลนด์ดักได้หมดแบบอ่านใจผู้เล่นแมนยูออก (อีกอย่าง ลูกยิงไม่ฉีกมุมมาก) อาจเป็นเพราะผู้เล่นแมนยูเองก็เกร็ง ยิงแบบให้เข้ากรอบชัวร์ๆ ไว้ก่อนและไม่เลือกเล่นลูกยาก เคิรืกแลนด์หลายเกมที่ผ่านมาก็ตังเมดีๆ นี่เอง เคยทำเชลซีน้ำตาตกมาแล้ว
อีกสาเหตุหนึ่งน่าจะเป็นการที่แมนยูวางแผนมาให้เล่นระวังตัวด้วยก็เป็นได้ โดยเฉพาะลูกโจมตีกลับของวีแกนสร้างความปั่นป่วนให้แผงกองหลัง (และกองเชียร์อย่างเรา) หลายครั้ง ทำให้ไม่กล้าพาเหรดกันขึ้นมาเป็นแผงเหมือนวันที่เล่นกับเวสต์แฮมในครึ่งแรก
ซึ่งหากปล่อยให้เกมยืดเยื้อโดยไม่มีสกอร์เช่นนี้จนเลยครึ่งเวลาหลังไปแล้ว แมนยูจะเล่นยากขึ้นทุกนาทีในขณะที่วีแกนจะเล่นง่ายขึ้นเพราะเวลานั่นแหละจะทำร้ายโอกาสในการเป็นแชมป์ของแมนยูลงไปเรื่อยๆ จนหมด
บอลขึ้นทางกราบขวาของแมนยูไม่ทำงานเลยตลอดทั้งเกม สังเกตไหมครับว่า บราวน์ไม่ดันขึ้นเกินครึ่งสนาม ซึ่งน่าจะเพราะโดนกำชับหนักหนาว่า ไม่ว่างจริงๆ อย่าขึ้นเด็ดขาด เพราะบอลสวนกลับทางปีกนี้จะทำให้คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟต้องหลุดจากตำแหน่งได้ ซึ่งก็จะทำให้เกิดช่องว่างตรงกลางประตู
บอลสวนกลับของวีแกนจึงไปหนักที่ฝั่งเอฟร่า ซึ่งวันนี้เอฟร่าลอยขึ้นมาสูงแล้วทำบอลเสียที่หน้ากรอบเขตของวีแกนบ่อยครั้งและลงไปยืนตำแหน่งไม่ทัน จนครั้งหนึ่งที่สโคลส์ต้องวิ่งเข้าไปตัดเกมริมเส้นจนทำให้เกือบโดนใบแดง และจุดนี้เป็นจุดเดียวที่วีแกนโจมตีได้ตลอด
ที่เห็นวันนี้และวันก่อนๆ ผมว่า เอฟร่าเล่นไม่ค่อยรู้ทางกันกับปาร์คเท่าไรนะครับ หากเทียบกับโด้หรือรูนีย์ที่บางครั้งมาเล่นฝั่งนี้เล่นเข้าขากับเอฟร่ามากกว่า
เกมสวนกลับที่ริมเส้นของวีแกนทางกราบขวาทำงานได้ดีพอใช้ ทั้งวาเลนเซีย และพาราซิออส แสดงให้เห็นว่า ทำไมจึงเป็นที่หมายปองของแมนยู วาเลนเซียมีความเร็ว ครองบอลได้ดี และเปิดลูกได้คมพอใช้ ขณะที่พาราซีออสเก็บบอลที่แดนกลางได้ดีและไม่กลัวการถูกกดดัน สามารถเอาตัวรอดได้
สองคนนี้คงต้องรอวันแจ้งเกิดกับทีมใหญ่ๆ นะครับ หากอยู่วีแกนต่อไป รัศมีก็คงไม่ฉายเท่าไรนัก เพราะองค์ประกอบที่ทำให้โชว์ผลงานไม่ค่อยเอื้อสักเท่าไร
ลูกจุดโทษที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่การได้ประตู ผมมองว่า..บอยช์ทำฟาวล์จริงๆครับ เพราะล้มเพื่อบังทางรูนีย์ โดยที่รูนีย์ก็ยังไม่ได้ครองบอลและบอยช์เองก็ไม่ได้ล้มเพื่อกวาดบอล
วันนี้ความจริงน่าจะได้ 2 โทษนะครับ ลูกที่สโคลส์โดนเสียบชัดเจนมาก ผู้กำกับเส้นไม่สะบัดธง น่าแปลกแฮะ (ทีหยั่งงี้ล่ะ..ตาถั่ว) แต่เบนเน็ต คงเห็นว่า เอาน่า..ได้ไปแล้วหนึ่งลูก เอาอะไรกันอีก
ก็คงเจ๊ากันไปกับจังหวะที่สโคลส์ไม่โดนใบแดงนั่นแหละครับ ถ้าเป็นมาร์ค แคลตเทนเบิร์ก รับรองสโคลส์ (และทีมแมนยู) ฝันร้ายแน่นอน
จริงๆ สโคลส์ไม่ได้ฟาวล์รุนแรงอะไรหรอกครับ แต่มันค่อนช้างน่าเกลียดเท่านั้นเอง
ตอนที่โรนัลโด้ยิง ผมเดาใจเหมือนกับเคิร์กแลนด์ว่าจะยิงเข้ามุมซ้ายของประตู เพราะโด้ยิงพลาดครั้งล่าสุดก็มาจากการแปลูกชนคานทางมุมขวา ไม่น่าจะเสี่ยงอีก
แต่ที่ไหนได้ โด้มันปาดเข้ามุมขวาอีกครั้ง คราวนี้ลดความแรงและความมุมลงมาครึ่งหนึ่ง ผลก็คือ ได้ประตูไปแบบสบายเท้า (แอบเห็นเคิร์กแลนด์ขยับตัวไปอีกทางก่อนด้วย ว่ามะ) หัวใจมันแข็งเป็นหิน แกร่งเป็นเพชรจริงๆ ขอคารวะ เพราะถ้าลูกนี้ไม่เข้า วันนี้..มีสิทธิ์แป่วครับ (รวมทั้งโอกาสคว้านักฟุตบอลยอดเยี่ยมอีกหลายรางวัลด้วย)
เกมในครึ่งเวลาหลัง ที่เห็นแมนยูแผ่วเกมบุก ความจริงก็ไม่ได้แผ่วอะไรหรอกนะ เพียงแต่วีแกนหันมาเล่นเกมรุกมากขึ้นและกดดันบอลแมนยูขณะลำเลียงมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง
ในเมื่อสกอร์นำอยู่แล้ว ผู้เล่นก็คงเห็นว่า ขืนดันทุรังจ่ายบอลยากๆ ก็มีโอกาสเสียบอลมาก สู้เก็บบอลไว้ หรือ เคาะกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ และข้างหลัง แล้วให้ผู้เล่นของวีแกนวิ่งไล่บอลน่าจะดีกว่า
ครับ..ดีน่ะดีแน่ แต่ที่ต้องระวังอย่างยิ่งก็คือ การที่ไม่รีบทำสกอร์เขาในขณะที่มีโอกาส แต่ไปโดนเขายิงในช่วงสิบนานีสุดท้าย คราวนี้แก้ตัวไม่ได้แล้วต่างหาก
และก็เกือบๆ ไปเหมือนกันจากลูกตั้งเตะที่วีแกนรอคอยโอกาสนี้มานาน ทีมใหญ่ๆ ทุกทีมน่ะแหละครับ กลัวลูกเซ็ทพีชท้ายเกมกันทั้งนั้น เพราะมันไม่ได้วัดกันที่ฝีเท้าเหนือกว่าหรือเปล่า แต่วัดกันที่ "จังหวะจะโคน" ในการเข้าบอล ซึ่งเพียงครั้งเดียวก็สามารถตัดสินชะตาของเกมได้แล้ว ไม่ต้องทำเกมบุกๆ ๆ ๆ วิ่งๆ ๆ ชิ่งๆ ๆ ๆ แทงทะลุ หรือ ปั่นบอลไซด์โค้งอะไร แค่ไปยืนออๆ ดันๆ กันหน้าปากประตู แล้วภาวนาให้จังหวะบอลเป็นใจเท่านั้น
ตรงนี้ แมนยูเองก็เคยเสียของมาแล้วหลายครั้งด้วย
ตอนที่ส่งฮากรีฟลงมาแทนสโคลส์ ผมไม่ได้ขัดแย้งอะไร แถมคิดในใจว่า ดีครับ ตัดสินใจถูกแล้ว เพราะสโคลส์อาจทำให้บอลได้เปรียบกลายเป็นเสียเปรียบได้ทันที เพราะเบนเน็ตจ้องตาเป็นมันอยู่ และก็ชอบเห็นฮากรีฟเล่นมิดฟิลด์ตรงกลางด้วย
คิดว่า จะทำให้ปาร์คทำผลงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ทันไร ปาร์คก็ถูกถอดออกแล้วให้กิ๊กส์ลงมาแทน ตอนนั้น ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ เพราะปาร์ควันนี้ทำได้แค่วิ่งไล่บอลเท่านั้นเอง และ 20 นาทีสุดท้ายกับกิ๊กส์ ผมยังเชื่อว่า กิ๊กส์มีประโยชน์กว่าการปล่อยให้ยืนเก้ๆ กังๆ 90 นาทีนะ
ผู้เล่นที่สูงอายุแต่มีประสบการณ์จะใช้เวลาในสนามไม่นานหรอกครับสร้างสรรค์ผลงาน แต่หากให้ยืดเวลาออกไป 70 -90 นาที พวกเขาวิ่งขึ้นลงไม่ไหวทั้งเกมแน่นอน และผลงานก็จะตกลงจนเกิดเสียงด่าตามมา ผมก็อยากให้ท่านเซอร์พิจารณากรณีกิ๊กส์ กับ สโคลส์เอาไว้ด้วย และให้พวกเขาสามารถใช้กำลังขาได้เต็มประสิทธิภาพจริงๆ
ผมว่า วันนี้กิ๊กส์อยู่ในสภาพที่สดมากๆ นะ เห็นได้จากการวิ่งไล่บอล และความฉับไวในการตัดสินใจ
ลูกยิงลูกนั้น ถ้ากิ๊กส์วิ่งมาแล้ว 60 นาที ง้างไม่เร็วเท่านี้หรอกครับ นี่เป็นสัญชาตญาณที่จำเป็นต้องอาศัยจังหวะการยิงเร็วเท่านั้น เพราะเคิร์กแลนด์ปักหลักอยู่แล้ว และสองเซ็นเตอร์แบ็คกำลังบีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ยิงแต่มัวปั้นบอลให้เชือง หรือเลือกหักหลบอีกจังหวะก็สายไปเสียแล้ว
ลูกยิงลูกนี้ของกิ๊กส์จะเป็นตำนานเล่าขานของชาวแมนยูไปอีกนานหลายปีครับ เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำมาแล้วในเกมเอฟเอคัพกับอาร์เซนัลเมื่อปี 2000ดีใจด้วยนะกิ๊กส์ ที่ผ่านมา อาจก่นนายไปบ้างก็เพื่อทีมแมนยูทั้งสิ้น
![](http://oldforum.serithai.net/Smileys/default/slime_bigsmile.gif)
และก็ไม่อยากให้แฟนๆ แมนยูทั้งหลายคิดว่า ยิงลูกเช่นนี้แล้ว จะต้องได้เล่นเป็นตัวหลักตลอดในซีซั่นหน้านะครับ บางทีความรัก และความหวังดีของผู้อื่น อาจเป็นตัวทำลายฟอร์มของกิ๊กส์เอง
เลือกใช้กิ๊กส์ในเกมที่เหมาะสมกับสภาพ ก็ยังสามารถใช้งานได้อีกแน่นอนครับ
นอกจากยิงลูกนี้แล้ว กิ๊กส์ยังลงไปทำหน้าที่เฝ้าเสาให้แมนยู และงัดลูกเพชฌฆาตส่งมาของเวส บราวน์ออกไปได้
เฮ้อ..ถึงแม้จะโดนกระแทกมาก็เถอะครับ แต่ถ้าลูกนี้เข้าประตูไป ผมคงไม่อยากมองหน้าบราวน์ไปอีกนานแน่นอน
ก็อย่างนี้แหละ กองหลังแมนยู แข็งก็ปานขุนผา อ่อนก็ประหนึ่งปุยนุ่นซะงั้น
ช่วงท้ายๆ เกม แม้วีแกนจะมีโอกาสมากขึ้น แต่ผมก็ยังเชื่อว่า เกมจบไปตั้งแต่ 2 - 0 และเหลือเวลาอีก 10 นาทีแล้วครับ โอกาสของวีแกนมีก็จริง แต่ประสิทธิภาพของเกมรุกไม่คมครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นนำ 2 - 0 แต่คู่แข่งเป็นปืนใหญ่ หรือ สิงโตน้ำเงิน ผมคงหายใจไม่ทั่วท้องโดยตลอด เพราะทางโน้นมีผู้เล่นที่พลิกจังหวะเกมและการยิงประตูทำได้หลากหลายกว่าเยอะ
จบเกม ท่ามกลางเสียงไชโยกันลั่นบ้าน ก็เหนื่อยกันมาตั้งหลายเดือน อดหลับอดนอน ทะเลาะกันเองในบ้านก็เรื่องฟอร์มการเล่นนี่แหละ
ตอนนี้เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดไปแล้ว
(ชั้นที่เก้าต้องรอให้ถึงวันที่ 21 นี้ก่อน)
![](http://oldforum.serithai.net/Smileys/default/slime_v.gif)