ครม.รุมสับ‘มิ่งขวัญ’ ค้านทำ‘ข้าวถุงธงฟ้า’ เหตุข้าวเปลือกตกต่ำ เร่งส่งออกข้าวสต๊อค Wednesday, 14 May 2008
ครม. ติดเบรก “มิ่งขวัญ” รุมกระหน่ำ “ข้าวถุงธงฟ้า” ทำราคาข้าวเปลือกตกต่ำ แนะให้นำสต๊อค 2.1 ล้านตันส่งออก แล้วมาโปะเพิ่มเงินเดือนขรก.ดีกว่า “หมัก” ข้องใจ “ข้าวอยู่ครบหรือไม่” สั่งตร.-หน่วยฉก.สำรวจสต๊อคข้าว พร้อมไฟเขียวรับซื้อข้าวเปลือก
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลรายงานว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้รายงานสถานการณ์ข้าวต่อที่ประชุม พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลออกนโยบายประกันราคาข้าวให้กับเกษตรกร โดยข้าวเปลือก 5% ควรอยู่ที่ 14,000 บาท ทำให้ในที่ประชุมครม.พูดกันมากถึงความเหมาะสมของนโยบายข้าว จนนำไปสู่การถกกันถึงการจัดทำข้าวถุงธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ราคาข้าวตกจนเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนหรือไม่
แหล่งข่าว กล่าวว่า
จากนั้นนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำข้าวถุงธงฟ้าสักเท่าใด เพราะอาจกระทบกับราคาข้าว ควรจะทบทวน จากนั้นรัฐมนตรีหลายคนแสดงความเห็นด้วย พร้อมเสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการทำข้าวถุงใหม่ เพราะมองว่า ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกลดลง ทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลควรจะนำข้าวสารที่มีอยู่ในสต๊อค 2.1 ล้านตันไปขายต่างประเทศแทน จากนั้นค่อยนำกำไรที่ได้จากการขายข้าวมาทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น ขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการน่าจะดีกว่า เพราะจะทำให้คนมีเงินพอที่จะซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้น หากปล่อยไปอาจทำให้ราคาข้าวลดลงไปเรื่อยๆ
ซึ่งนายมิ่งขวัญได้ กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการโครงการแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้นายสมัครกล่าวกับนายมิ่งขวัญว่า หากจะคิดอะไรก็ขอให้เบาๆ หน่อย ให้สถานการณ์มันพยุงตัวเองไว้จะดีกว่า
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ นายสมัครยังสั่งการให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจปริมาณและ คุณภาพข้าวในสต๊อคของรัฐบาล 2.1 ล้านตันว่า มีอยู่ครบจริงหรือไม่ เนื่องจากนายสมัครสงสัยว่า อาจจะมีไม่ครบ แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า ทำไมจึงสงสัยเช่นนั้น
ด้าน นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงกรณีนายสมัครมีคำสั่งให้ตรวจสต๊อคข้าวรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน ว่า เป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวแพงมาก จึงต้องมีการตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับซื้อข้าวเปลือก 3 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเจ้า และข้าวเหนียว ที่มีความชื้นไม่เกิน 15% เอง โดยไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ รัฐจะรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิที่ตันละ 19,000-20,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเจ้าตันละ 14,000 บาท และข้าวเปลือกข้าวเหนียวตันละ 9,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเหนียวที่มีความชื้นเกิน 25% จะรับซื้อตันละ 7,000 บาท ซึ่งรัฐอาจจะรับซื้อโดยตรงจากชาวนา หรือจากโรงสีก็ได้
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วย เหลือเกษตรกร (คชก.) และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อเริ่มดำเนินการเชื่อว่าจะช่วยชาวนาขายข้าวได้ราคาดีขึ้น
ส่วน เรื่องที่โรงสีที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องนั้น นายมิ่งขวัญกล่าวว่า รัฐจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยปล่อยกู้ให้โรงสีที่รับซื้อข้าวเปลือกข้าวเหนียวในราคาที่รัฐประกาศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมยกเลิกมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวเปลือกและข้าวสารข้ามจังหวัดในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด มีผลวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งจะทำให้ชาวนาและโรงสีสามารถซื้อขายข้ามจังหวัดได้โดยเสรี
ที่มา:
http://thaiinsider.info/portal/content/view/8234/20/ท่านเภก มีความเห็นอย่างไรบ้างหล่ะ หมักเมถุน ทำร้ายจิตใจแฟนๆ
โดยการจะทำตามวิธีของมาร์คม.7 เหรอเนี่ย