ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 13:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  มาร์คแนะรัฐขายข้าว ๒.๑ ล้านตัน ทำกำไร... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
มาร์คแนะรัฐขายข้าว ๒.๑ ล้านตัน ทำกำไร...  (อ่าน 1925 ครั้ง)
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« เมื่อ: 10-05-2008, 14:15 »



โชคดีที่ ปชป.ไม่ได้เป็นรัฐบาล ไม่งัน ปชช.อดตายเกลี้ยง...
ทุกชาติสงวนอาหารไว้กันตาย ตั้งชื่อไว้ว่า"มูลภัณฑ์กันชน"
๒.๑ ล้านตัน คือ"มูลภัณฑ์กันชน"ที่ว่า รัฐซื้อหายามราคาตกต่ำ
ป้องกันปัญหาขาดแคลน สำรองไว้ยามแห้งแล้ง ไม่มีน้ำทำนา

ทั่วโลกล้วนมี"มูลภัณฑ์กันชน"ที่ว่า ทุกปีมีเก็บอย่างน้อย ๑๔๐ ล้านตัน
ปัจจุบันเหลือเพียง ๗๐ ล้านตัน รวมกันทั้งโลก ต้นเหตุให้ข้าวขึ้นราคา
ทุกชาติทุกภาษาต่างเรียกหา ซื้อมาเพื่อกันภัย ไม่ให้ประชาชนอดข้าว

"มิ่งขวัญ"กอด"มูลภัณฑ์ฯ"ที่ว่า นับเป็นความกรุณาต่อมหาชน
หากรัฐฉวยโอกาสเทสต็อค"ข้าว"ที่ว่าออกขาย ชาวนาจะได้อะไร
ที่"น้ามิ่ง"กำสต๊อคไว้ จึงเป็นคุณแก่ไทย ไม่ขายข้าว แข่งชาวนา

ข้าวสารเป็นเรื่องไม่ธรรมดา ไม่เหมือนเข็ม เพราะมีความแหลมสองทาง
ผู้มีปัญญาจึงสามารถ อย่างอ้ายมาร์คปากตลาด จ้างให้ก็ตามไม่ทัน
ท่านใดมีข้อสงสัย ขอให้สอบถามทันควัน วันนี้ขอตอบ"กบในกะลา"

ตามลิ้งค์ที่ให้มา จากกระทู้ข้างล่าง
http://forum.serithai.net/index.php?topic=25818.0
ที่นั้นไม่ยอมฟังเหตุผล จึงต้องขนมาตอบที่นี่...

*********************************************************

สรุป หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ โง่เป็นควาย หรือใครจะเถียง...

หาก ประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล
ย่อมเทข้าวขายทำกำไร
ดังคำที่ให้ไว้แก่ จอม เพชรประดับ

ขายข้าวมีกำไร เราไม่เถียง
แต่นั้นคือโอกาสของชาวนา
รัฐบาลบ้าเท่านั้นจึงขายแข่ง

ต้องเปิดโอกาสให้ ชาวนาขายก่อน
ไม่ใช่ให้ ชาวนา ตายก่อน อ้ายเวน


บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #1 เมื่อ: 10-05-2008, 14:28 »

.

ส่วนข้าวที่โวยวายว่าลงราคา ถูกโรงสี และพ่อค้า กดราคารับซื้อ
ความจริงไม่มีใครเขากดอย่างว่า ราคาข้าวเปลือกทุกอย่างยังคงเดิม
พวกบ่อนทำลาย"สร้างเรื่อง" หาเหตุกล่าวหา ไม่มีที่มาของความจริง

มะลิยังคง ๑๘๐๐๐ ๑๙๐๐๐ ข้าวจ้าวขาวยัง ๑๔๐๐๐ ๑๕๐๐๐ เหมือนเดิม
อีกอย่าง ข้าวนาปี และ นาปรังราคาต่างกัน ราวฟ้ากะเหว
อีกทั้งความชื้นมหาศาล ของข้าวเก็บเกี่ยวใหม่ เก็บได้ไม่เกิน ๓ วัน

ขืนเก็บไว้นานกว่านั้น มันจับตัวกันเป็นก้อน
เกิดเชื้อรา เรียก"อัลฟ่าทอคซิน"คนกินตาย คนขายรอด
โรงสีไม่มีที่เก็บ ซื้อมากเสียหาย ต้องตากให้แห้งเสียก่อน จึงซื้อไหว
ช่วงนี้ฝนบ่อย ตากข้าวไม่ได้ เก็บไว้มากไป เสียหายต้องเอาไปทิ้ง

ใช้ไซโลอบให้แห้งได้ แต่้วันนึงอบไม่เท่าไหร่ แล้วโรงสีไหนกล้าซื้อเก็บ
การตกลงซื้อขาย มีหลักการ ความชื้นต้องไม่เกิน ๑๕%เป็นมาตรฐาน
หากเกินกว่านั้นหัก เปอร์เซนต์ละ ๑๕ กิโลต่อตัน ป้องกันน้ำหนักขาด

ปัจจุบันข้าวนาปรัง ความชื้นอยู่ระดับ ๒๘-๓๕%มีแต่น้ำทั้งนั้น
หักออกจาก 15% เกินไปถึง ๑๓-๒๐% ต้องหักน้ำหนักหรือลดราคา
ความชื้น ๒๐%ต้องหัก ๓๐๐๐ บาท ต่อตัน เรื่องมันจึงเป็นเช่นนี้

น้ำหนักที่หัก โรงสีไม่ได้ มันหายไปในอากาศ เพราะมันคือน้ำรู้กันไว้
หนึ่งตันความชื้นที่ ๓๕%ตากแห้งแล้ว เหลือเพียง ๗ ร้อยกว่ากิโลเอง รู้ไว้หน่อย
ซื้อข้าวมีความชื้นเก็บไว้นานไม่ได้ มันจับตัวกันเป็นก้อน ขึ้นราเขียวอื๊อ

ส่วนที่กาฬสินธุ์ที่ประท้วงเทข้าวกลางถนน
พวกนี้ถูกยุส่ง จาก "อัณฑะมิตร" ที่ไม่หวังดี
ข้าวราคา ตันละ ๙๐๐๐ บาทจริง เพราะมันเป็น "ข้าวเหนียว"

ปีนี้ ภาคเหนือ และ อีสาน ปลูกข้าวเหนียวมากกว่าทุกปี
เพราะปีก่อนราคาดี ราคาสูงกว่ามะลิถึง ๒๐๐๐-๓๐๐๐ ต่อตัน
ชาวบ้านจึงแข่งกันปลูก ปีนี้ ข้าวเหนียว ถูกเพราะล้นตลาด ราคาตกไป จึงซวยอย่างที่แลเห็น

ปีที่แล้วราคาดี ไม่เห็นมีชาวนามาบ่น แต่ละคนเต้นแร้งเต้นกา
เฮฮาว่า "ข้าวเหนียว" ราคาดีกว่า "ข้าวจ้าว"
ตกมาปีนี้ เกินพอดีจึงเหิ่ยวเฉา เพราะทำเหล้าได้อย่างเดียว

อีกทั้ง"ข้าวเหนียว"ตลาดแคบ บริโภคเฉพาะบางภาค ส่งแค่ออกนิดเดียว
เขาเอาไปทำขนมขบเคี้ยว ไม่ใช่อาหารจำเป็น สำหรับชาวต่างชาติ
อีกทั้ง "ข้าวเหนียว" ยังแบ่งเป็นนาปี และ นาปรัง ข้าว นาปีแพง นาปรังถูก

บวกกับความชื้นที่ว่า จากราคา ๙๐๐๐ หักเปอร์เซนต์ความชื้นที่ว่า
ราคาจึงลงมาอยู่ ๖๐๐๐ ด้วยประการฉะนี้
อยากขาย ตันละ ๙๐๐๐ ต้องนำไปตากให้แห้งเสียก่อน รับรองขายเต็มราคา อย่ามัวบ่น...


.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2008, 14:38 โดย พิเภกอินเตอร์ » บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #2 เมื่อ: 10-05-2008, 16:11 »

นายกฯเงากล่าวให้ความเห็นต่อไปว่า
เห็นพ้องกับรัฐบาลจริง ในข้อที่ว่า"ขึ้นราคาอ้อย"
แต่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นราคาน้ำตาล โอ้เวนกำ

ให้กิน แต่ไม่ให้ถ่าย ให้เกิด แต่ไม่ให้ตาย
มีที่ไหน ขึ้นราคาอ้อย แต่ไม่ให้ขึ้นราคาน้ำตาล
มหาชนตะลึงงันว่าฟังผิด นายกฯเงาสิ้นคิด จึงพูดเช่นนั้น

การปรับขึ้นราคา น้ำตาลทรายหน้าโรงงาน มีเป้าหมาย
เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยกองทุนอ้อย และน้ำตาล
ให้สามารถชำระหนี้ คืนให้ธนาคาร และ สหกรณ์การเกษตร

ทั้งหนี้เก่า และ หนี้ใหม่ ชาวไร่สุขใจ มีอนาคต
ส่วนเรื่องที่กล่าวร้าย ใส่ไข่ว่าได้ประโยชน์ เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
เป็นเรื่องคาดเดา กล่าวร้าย หวังป้ายสีคนดี ที่ทำหน้าที่ด้วยบริสุทธิ์

หลังกำหนดเป็น นโยบาย รัฐได้สั่งเช็คสต็อก
ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน ล่วงหน้า ไม่ใช่ทำแบบชุ่ยชุ่ย
และได้ระงับ การจำหน่ายน้ำตาลในประเทศทันที ไม่ให้มีหัวคิว

ส่วนน้ำตาล 13 ล้านกระสอบ ซึ่งออกไปก่อนหน้านี้
ส่งออกนอกไปต่างประเทศ ก่อนที่จะมีการเช็คสต็อก และปรับราคา

ส่วนน้ำตาลที่เข้าสู่ตลาดใหม่ เป็นราคาใหม่
จึงไม่มีประโยชน์ กับการกักตุน

ต้องนำเงิน ส่งเข้ากองทุนอ้อย และน้ำตาลทราย ทันที
เพื่อใช้หนี้คืนให้ธนาคารเพื่อการเกษตร และ สหกรณ์การเกษตร
ทั้งหนี้เก่าและหนี้ใหม่ เข้าใจหรือไม่ ท่านผู้ฟัง...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #3 เมื่อ: 10-05-2008, 16:33 »

ช่วยกันอุดหนุนชาวไร่กันเถิดเกิดเป็นไทย
คนไทยบริโภคน้ำตาลประมาณ 12 ก.ก.ต่อคน ต่อปี
เมื่อขึ้นราคา 5 บาท ต่อ ก.ก.
ทำให้คนไทยมีรายจ่ายเพิ่ม 60 บาท ต่อคน ต่อปีเท่านั้น

ราคาน้ำตาลคงที่ มาแล้วเป็นร้อยปี ชาวไร่ไม่มีบ่น
จากทองคำบาทละ 4 ร้อย ราคานำตาล กิโล ละ 4.50 บาท
ปัจจุบัน ทองคำขึ้นไป 40 เท่า น้ำตาลเพิ่งขึ้น 3 เท่า แค่นั้นเอง

พรหมวิหาร 4 ต้องมีในใจ ไทยทุกคน

มี เมตตา เห็นใจ ในความลำบากของชาวไร่
มี กรุณา อุดหนุนราคา เพิ่ม 5 บาท
มี มุทิตาจิต พลอยยินดีในโอกาส ในครั้งนี้
มี อุเบกขา เมื่อราคาแพง ไม่กินน้ำตาล
--ไม่เป็นโรคเบาหวาน เป็นคุณแก่สุขภาพ สวัสดี...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
phutorn connection
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 263



« ตอบ #4 เมื่อ: 10-05-2008, 18:03 »

อุตสาห์รอ คุณพิเภกอินเตอร์ตอบได้น่าผิดหวังมากนะคะ เหมือนกับที่คุณมิ่งขวัญพูดมาไม่ผิด

เพราะจริงๆแล้วเหตุน่าจะมีการเล่นเกมส์กันระหว่างหยง โรงสี และผู้ส่งออกโดยใช้จังหวะข้าวถุงธงฟ้าออกมา สร้างจิตวิทยาด้านราคา ตอนนี้ความซวยก็ตกเป็นของชาวนาไปพลางๆก่อนแล้วกัน เพราะไม่มีใครคาดเดาราคาล่วงหน้าได้แล้ว ประมาณการขายก็ไม่สามารถคาดเดาได้(แม้จะมีออร์เดอร์ส่งออกของคุณมิ่งขวัญออกมาก็ตาม แต่ไม่มีออร์เดอร์จากผู้ส่งออกมายังโรงสี)

แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าการใช้ข้าวถุงออกมาแก้ปัญหาได้ทั่วถึง เพราะชาวชนบทส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงแน่ๆ เพราะจุดขายแต่ละจังหวัดก็มีน้อยและจำนวนจำกัด ไหนจะต้องเปลืองค่าน้ำมันรถไปซื้อข้าวได้แค่ครอบครัวละไม่เกิน 15 กิโลอีกแถมยังไม่แน่ว่าจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

ไหนๆก็ไหนๆที่คุณมิ่งขวัญก็จะต้องซื้อข้าวมาทดแทนสต๊อกที่จะต้องทำข้าวถุงขายอยู่แล้ว ก็ทำไมไม่ส่งออกไปด้วยเลยล่ะคะ ให้ผู้ส่งออกมาประมูลข้าวรัฐที่มีตอนนี้ซะเลย น่าจะได้มากกว่านี้แล้วยังมีเงินไปซื้อข้าวโดยไม่ต้องอาศัยงบประมาณประเทศด้วยนะคะ รัฐกำหนดราคาซื้อข้าวได้ด้วย ระบบการขายก็ไม่พังด้วย

แล้วเรื่องราคาน้ำตาลก็เหมือนกัน ชาวไร่ทุกคนไม่ได้มีสิทธิเข้าถึงกองทุนอ้อยและน้ำตาลได้ทุกคนนะคะ บางคนกุ้หนี้นอกระบบ แล้วจะไปใช้แทนเค้ายังไง ไปใช้หนี้กองทุนก็เหมือนใช้หนี้ให้กับโรงงานโดยตรงสิคะ เวรกรรมแท้ๆ ทำไมรัฐบาลทำอย่างนี้ไป สู้ขึ้นราคาอ้อยปลายปีดีกว่านะคะได้ใจกว่าเยอะ ตอนนี้จะพยายามกินน้ำตาลแก้กลุ้มไปก่อนนะคะ

ปล.ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างนี้ เกมส์กดราคาข้าวน่าจะจบปลายเดือนนี้
ปล.2 แนวคิดรัฐบาลนี้ดีนะคะแต่มีจุดอ่อนให้เห็นได้ทุกจุดเลยค่ะ
บันทึกการเข้า

หลังจาก วาทะ"บกพร่องโดยสุจริต"ของอาชญากรหนีคดี ประชาชนได้ให้โอกาส แต่ไม่เคยได้ให้อภัยคนคนนี้

หลายคนบอกว่าสิ่งที่ทักษิณทำก็เหมือนนักธุรกิจคนอื่นๆนั่นแหละ ไม่ว่าหนีภาษี ซุกหุ้น ซื้อนักการเมืองเป็นพวก แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นลืมมองคือ ทักษิณมีอำนาจ นอกเหนือจากเงินทองในขณะที่นักธุรกิจคนอื่นไม่มี อำนาจที่สามารถชี้เป็นชี้ตายข้าราชการ อำนาจในการใช้กฏหมาย อำนาจในการตรากฏหมาย แต่สิ่งที่ทักษิณมีเหมือนนักธุรกิจคนอื่น คือ ความโลภ เมื่อความโลภรวมกับอำนาจ และสิ่งที่ทำร้ายทักษิณในปัจจุบันคือ ความโลภนี่เอง
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #5 เมื่อ: 10-05-2008, 19:23 »


แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าการใช้ข้าวถุงออกมาแก้ปัญหาได้ทั่วถึง เพราะชาวชนบทส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงแน่ๆ เพราะจุดขายแต่ละจังหวัดก็มีน้อยและจำนวนจำกัด ไหนจะต้องเปลืองค่าน้ำมันรถไปซื้อข้าวได้แค่ครอบครัวละไม่เกิน 15 กิโลอีกแถมยังไม่แน่ว่าจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

1. เวียนเทียนซื้อ
2. แยกกันจ่าย แม่ 15 พ่อ 15 ลูก 15 รวมก็ได้ 45 แล้ว
บันทึกการเข้า
phutorn connection
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 263



« ตอบ #6 เมื่อ: 10-05-2008, 19:28 »

^
^
ครอบครัวหลังๆอดปาย
บันทึกการเข้า

หลังจาก วาทะ"บกพร่องโดยสุจริต"ของอาชญากรหนีคดี ประชาชนได้ให้โอกาส แต่ไม่เคยได้ให้อภัยคนคนนี้

หลายคนบอกว่าสิ่งที่ทักษิณทำก็เหมือนนักธุรกิจคนอื่นๆนั่นแหละ ไม่ว่าหนีภาษี ซุกหุ้น ซื้อนักการเมืองเป็นพวก แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นลืมมองคือ ทักษิณมีอำนาจ นอกเหนือจากเงินทองในขณะที่นักธุรกิจคนอื่นไม่มี อำนาจที่สามารถชี้เป็นชี้ตายข้าราชการ อำนาจในการใช้กฏหมาย อำนาจในการตรากฏหมาย แต่สิ่งที่ทักษิณมีเหมือนนักธุรกิจคนอื่น คือ ความโลภ เมื่อความโลภรวมกับอำนาจ และสิ่งที่ทำร้ายทักษิณในปัจจุบันคือ ความโลภนี่เอง
VDC
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 17


« ตอบ #7 เมื่อ: 11-05-2008, 07:03 »

.

ส่วนข้าวที่โวยวายว่าลงราคา ถูกโรงสี และพ่อค้า กดราคารับซื้อ
ความจริงไม่มีใครเขากดอย่างว่า ราคาข้าวเปลือกทุกอย่างยังคงเดิม
พวกบ่อนทำลาย"สร้างเรื่อง" หาเหตุกล่าวหา ไม่มีที่มาของความจริง

มะลิยังคง ๑๘๐๐๐ ๑๙๐๐๐ ข้าวจ้าวขาวยัง ๑๔๐๐๐ ๑๕๐๐๐ เหมือนเดิม

.


เหอะๆ มั่วชิบหาย...ไปดูที่หน้าโรงสีก่อนหน้านี้เองดีกว่ามั้ง ก่อนมาพล่ามมั่วๆ นะ เพิ่งมีตอนเป็นเรื่องนี่แหละ มันเลยยอมปรับเพิ่มอีกหน่อย
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #8 เมื่อ: 11-05-2008, 08:43 »

.

ส่วนข้าวที่โวยวายว่าลงราคา ถูกโรงสี และพ่อค้า กดราคารับซื้อ
ความจริงไม่มีใครเขากดอย่างว่า ราคาข้าวเปลือกทุกอย่างยังคงเดิม
พวกบ่อนทำลาย"สร้างเรื่อง" หาเหตุกล่าวหา ไม่มีที่มาของความจริง

มะลิยังคง ๑๘๐๐๐ ๑๙๐๐๐ ข้าวจ้าวขาวยัง ๑๔๐๐๐ ๑๕๐๐๐ เหมือนเดิม
อีกอย่าง ข้าวนาปี และ นาปรังราคาต่างกัน ราวฟ้ากะเหว
อีกทั้งความชื้นมหาศาล ของข้าวเก็บเกี่ยวใหม่ เก็บได้ไม่เกิน ๓ วัน

ขืนเก็บไว้นานกว่านั้น มันจับตัวกันเป็นก้อน
เกิดเชื้อรา เรียก"อัลฟ่าทอคซิน"คนกินตาย คนขายรอด
โรงสีไม่มีที่เก็บ ซื้อมากเสียหาย ต้องตากให้แห้งเสียก่อน จึงซื้อไหว
ช่วงนี้ฝนบ่อย ตากข้าวไม่ได้ เก็บไว้มากไป เสียหายต้องเอาไปทิ้ง

ใช้ไซโลอบให้แห้งได้ แต่้วันนึงอบไม่เท่าไหร่ แล้วโรงสีไหนกล้าซื้อเก็บ
การตกลงซื้อขาย มีหลักการ ความชื้นต้องไม่เกิน ๑๕%เป็นมาตรฐาน
หากเกินกว่านั้นหัก เปอร์เซนต์ละ ๑๕ กิโลต่อตัน ป้องกันน้ำหนักขาด

ปัจจุบันข้าวนาปรัง ความชื้นอยู่ระดับ ๒๘-๓๕%มีแต่น้ำทั้งนั้น
หักออกจาก 15% เกินไปถึง ๑๓-๒๐% ต้องหักน้ำหนักหรือลดราคา
ความชื้น ๒๐%ต้องหัก ๓๐๐๐ บาท ต่อตัน เรื่องมันจึงเป็นเช่นนี้

น้ำหนักที่หัก โรงสีไม่ได้ มันหายไปในอากาศ เพราะมันคือน้ำรู้กันไว้
หนึ่งตันความชื้นที่ ๓๕%ตากแห้งแล้ว เหลือเพียง ๗ ร้อยกว่ากิโลเอง รู้ไว้หน่อย
ซื้อข้าวมีความชื้นเก็บไว้นานไม่ได้ มันจับตัวกันเป็นก้อน ขึ้นราเขียวอื๊อ

ส่วนที่กาฬสินธุ์ที่ประท้วงเทข้าวกลางถนน
พวกนี้ถูกยุส่ง จาก "อัณฑะมิตร" ที่ไม่หวังดี
ข้าวราคา ตันละ ๙๐๐๐ บาทจริง เพราะมันเป็น "ข้าวเหนียว"

ปีนี้ ภาคเหนือ และ อีสาน ปลูกข้าวเหนียวมากกว่าทุกปี
เพราะปีก่อนราคาดี ราคาสูงกว่ามะลิถึง ๒๐๐๐-๓๐๐๐ ต่อตัน
ชาวบ้านจึงแข่งกันปลูก ปีนี้ ข้าวเหนียว ถูกเพราะล้นตลาด ราคาตกไป จึงซวยอย่างที่แลเห็น

ปีที่แล้วราคาดี ไม่เห็นมีชาวนามาบ่น แต่ละคนเต้นแร้งเต้นกา
เฮฮาว่า "ข้าวเหนียว" ราคาดีกว่า "ข้าวจ้าว"
ตกมาปีนี้ เกินพอดีจึงเหิ่ยวเฉา เพราะทำเหล้าได้อย่างเดียว

อีกทั้ง"ข้าวเหนียว"ตลาดแคบ บริโภคเฉพาะบางภาค ส่งแค่ออกนิดเดียว
เขาเอาไปทำขนมขบเคี้ยว ไม่ใช่อาหารจำเป็น สำหรับชาวต่างชาติ
อีกทั้ง "ข้าวเหนียว" ยังแบ่งเป็นนาปี และ นาปรัง ข้าว นาปีแพง นาปรังถูก

บวกกับความชื้นที่ว่า จากราคา ๙๐๐๐ หักเปอร์เซนต์ความชื้นที่ว่า
ราคาจึงลงมาอยู่ ๖๐๐๐ ด้วยประการฉะนี้
อยากขาย ตันละ ๙๐๐๐ ต้องนำไปตากให้แห้งเสียก่อน รับรองขายเต็มราคา อย่ามัวบ่น...


.



ท่านเภกครับ ข้าวที่อบแห้งหน่ะ ถ้าไม่มีโซโลเก็บ

หมายถึงกองเอา ไม่ถึง 3 เดือน ข้าวเสื่อมคุณภาพทันทีครับ


ส่วนราคาข้าวสารหน่ะ เริ่มจะค่อยๆลงมาแล้วครับ..


ตามไปดูครับ http://www.afet.or.th/v081/thai/





บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 11-05-2008, 10:13 »

ถ้าอ่านข้อความข้างนี้เข้าใจ
และเข้าใจเบื้องหลังที่'เจ๊มิ่ง' ไม่ขายข้าว 2.1ล้านตันก่อนหน้านี้ และคิดว่าจะขายตอนนี้...
ก็จะเข้าใจวัตถุประสงค์ของ'เภก 800' ที่บิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวร้าย ใส่ความ อย่างไร

A half-truth comes in several forms, and is a deceptive statement, that includes some element of truth. The statement might be partly true, the statement may be totally true but only part of the whole truth, or it may utilize some deceptive element, such as improper punctuation, or double meaning, especially if the intent is to deceive, evade blame or misrepresent the truth.[1]

EXAMPLES

1.You should not trust Peter with your children. I once saw him smack a child with his open hand." In this example the statement would be technically true, but the other half of the story is that Peter was actually slapping the child on the back, because he was choking.

2."I'm a really good driver. In the past thirty years, I have only gotten four speeding tickets"* This statement is true, but irrelevant if he or she started driving a week ago and has since accumulated four tickets.

3."I am a healthy person. I eat six servings of vegetables a day." True, but irrelevant if the servings of vegetables are served deep-fried and soaked in butter.


http://en.wikipedia.org/wiki/Half-truths

ปล. 'เภก 800' 'หมัก เมถุน' และ 'สส.ถีบฯ' ใครจะเริ่มต้นพูดความจริงก่อนกัน.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2008, 10:20 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หมักเมถุน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 52


« ตอบ #10 เมื่อ: 14-05-2008, 11:03 »

ครม.รุมสับ‘มิ่งขวัญ’ ค้านทำ‘ข้าวถุงธงฟ้า’ เหตุข้าวเปลือกตกต่ำ  เร่งส่งออกข้าวสต๊อค
Wednesday, 14 May 2008

ครม. ติดเบรก “มิ่งขวัญ” รุมกระหน่ำ “ข้าวถุงธงฟ้า” ทำราคาข้าวเปลือกตกต่ำ แนะให้นำสต๊อค 2.1 ล้านตันส่งออก แล้วมาโปะเพิ่มเงินเดือนขรก.ดีกว่า “หมัก” ข้องใจ “ข้าวอยู่ครบหรือไม่” สั่งตร.-หน่วยฉก.สำรวจสต๊อคข้าว พร้อมไฟเขียวรับซื้อข้าวเปลือก

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลรายงานว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้รายงานสถานการณ์ข้าวต่อที่ประชุม พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลออกนโยบายประกันราคาข้าวให้กับเกษตรกร โดยข้าวเปลือก 5% ควรอยู่ที่ 14,000 บาท ทำให้ในที่ประชุมครม.พูดกันมากถึงความเหมาะสมของนโยบายข้าว จนนำไปสู่การถกกันถึงการจัดทำข้าวถุงธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ราคาข้าวตกจนเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนหรือไม่

แหล่งข่าว กล่าวว่า จากนั้นนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำข้าวถุงธงฟ้าสักเท่าใด เพราะอาจกระทบกับราคาข้าว ควรจะทบทวน จากนั้นรัฐมนตรีหลายคนแสดงความเห็นด้วย พร้อมเสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการทำข้าวถุงใหม่ เพราะมองว่า ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกลดลง ทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลควรจะนำข้าวสารที่มีอยู่ในสต๊อค 2.1 ล้านตันไปขายต่างประเทศแทน จากนั้นค่อยนำกำไรที่ได้จากการขายข้าวมาทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น ขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการน่าจะดีกว่า เพราะจะทำให้คนมีเงินพอที่จะซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้น หากปล่อยไปอาจทำให้ราคาข้าวลดลงไปเรื่อยๆ

ซึ่งนายมิ่งขวัญได้ กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการโครงการแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้นายสมัครกล่าวกับนายมิ่งขวัญว่า หากจะคิดอะไรก็ขอให้เบาๆ หน่อย ให้สถานการณ์มันพยุงตัวเองไว้จะดีกว่า

แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ นายสมัครยังสั่งการให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจปริมาณและ คุณภาพข้าวในสต๊อคของรัฐบาล 2.1 ล้านตันว่า มีอยู่ครบจริงหรือไม่ เนื่องจากนายสมัครสงสัยว่า อาจจะมีไม่ครบ แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า ทำไมจึงสงสัยเช่นนั้น

ด้าน นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงกรณีนายสมัครมีคำสั่งให้ตรวจสต๊อคข้าวรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน ว่า เป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวแพงมาก จึงต้องมีการตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับซื้อข้าวเปลือก 3 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเจ้า และข้าวเหนียว ที่มีความชื้นไม่เกิน 15% เอง โดยไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ รัฐจะรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิที่ตันละ 19,000-20,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเจ้าตันละ 14,000 บาท และข้าวเปลือกข้าวเหนียวตันละ 9,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเหนียวที่มีความชื้นเกิน 25% จะรับซื้อตันละ 7,000 บาท ซึ่งรัฐอาจจะรับซื้อโดยตรงจากชาวนา หรือจากโรงสีก็ได้

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วย เหลือเกษตรกร (คชก.) และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อเริ่มดำเนินการเชื่อว่าจะช่วยชาวนาขายข้าวได้ราคาดีขึ้น

ส่วน เรื่องที่โรงสีที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องนั้น นายมิ่งขวัญกล่าวว่า รัฐจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยปล่อยกู้ให้โรงสีที่รับซื้อข้าวเปลือกข้าวเหนียวในราคาที่รัฐประกาศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมยกเลิกมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวเปลือกและข้าวสารข้ามจังหวัดในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด มีผลวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งจะทำให้ชาวนาและโรงสีสามารถซื้อขายข้ามจังหวัดได้โดยเสรี
ที่มา:http://thaiinsider.info/portal/content/view/8234/20/

ท่านเภก มีความเห็นอย่างไรบ้างหล่ะ หมักเมถุน ทำร้ายจิตใจแฟนๆ
โดยการจะทำตามวิธีของมาร์คม.7 เหรอเนี่ย
 
บันทึกการเข้า
paper punch
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 672



« ตอบ #11 เมื่อ: 14-05-2008, 14:56 »

ขอขุดกระทู้หน่อย เห็นคุณพรรณชมพู ถามเภกที่กระทู้คุณหมักเมถุนว่าตกลงรู้รึยังว่าใครโง่เป็นควาย..
เภกตอบหน่อยจ้า.
บันทึกการเข้า

LOVE CHANGES EVERYTHING...
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #12 เมื่อ: 14-05-2008, 17:21 »

ครม.รุมสับ‘มิ่งขวัญ’ ค้านทำ‘ข้าวถุงธงฟ้า’ เหตุข้าวเปลือกตกต่ำ  เร่งส่งออกข้าวสต๊อค
Wednesday, 14 May 2008

ครม. ติดเบรก “มิ่งขวัญ” รุมกระหน่ำ “ข้าวถุงธงฟ้า” ทำราคาข้าวเปลือกตกต่ำ แนะให้นำสต๊อค 2.1 ล้านตันส่งออก แล้วมาโปะเพิ่มเงินเดือนขรก.ดีกว่า “หมัก” ข้องใจ “ข้าวอยู่ครบหรือไม่” สั่งตร.-หน่วยฉก.สำรวจสต๊อคข้าว พร้อมไฟเขียวรับซื้อข้าวเปลือก

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลรายงานว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้รายงานสถานการณ์ข้าวต่อที่ประชุม พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลออกนโยบายประกันราคาข้าวให้กับเกษตรกร โดยข้าวเปลือก 5% ควรอยู่ที่ 14,000 บาท ทำให้ในที่ประชุมครม.พูดกันมากถึงความเหมาะสมของนโยบายข้าว จนนำไปสู่การถกกันถึงการจัดทำข้าวถุงธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ราคาข้าวตกจนเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนหรือไม่

แหล่งข่าว กล่าวว่า จากนั้นนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำข้าวถุงธงฟ้าสักเท่าใด เพราะอาจกระทบกับราคาข้าว ควรจะทบทวน จากนั้นรัฐมนตรีหลายคนแสดงความเห็นด้วย พร้อมเสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการทำข้าวถุงใหม่ เพราะมองว่า ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกลดลง ทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลควรจะนำข้าวสารที่มีอยู่ในสต๊อค 2.1 ล้านตันไปขายต่างประเทศแทน จากนั้นค่อยนำกำไรที่ได้จากการขายข้าวมาทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น ขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการน่าจะดีกว่า เพราะจะทำให้คนมีเงินพอที่จะซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้น หากปล่อยไปอาจทำให้ราคาข้าวลดลงไปเรื่อยๆ

ซึ่งนายมิ่งขวัญได้ กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการโครงการแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้นายสมัครกล่าวกับนายมิ่งขวัญว่า หากจะคิดอะไรก็ขอให้เบาๆ หน่อย ให้สถานการณ์มันพยุงตัวเองไว้จะดีกว่า

แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ นายสมัครยังสั่งการให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจปริมาณและ คุณภาพข้าวในสต๊อคของรัฐบาล 2.1 ล้านตันว่า มีอยู่ครบจริงหรือไม่ เนื่องจากนายสมัครสงสัยว่า อาจจะมีไม่ครบ แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า ทำไมจึงสงสัยเช่นนั้น

ด้าน นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงกรณีนายสมัครมีคำสั่งให้ตรวจสต๊อคข้าวรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน ว่า เป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวแพงมาก จึงต้องมีการตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับซื้อข้าวเปลือก 3 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเจ้า และข้าวเหนียว ที่มีความชื้นไม่เกิน 15% เอง โดยไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ รัฐจะรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิที่ตันละ 19,000-20,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเจ้าตันละ 14,000 บาท และข้าวเปลือกข้าวเหนียวตันละ 9,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกข้าวเหนียวที่มีความชื้นเกิน 25% จะรับซื้อตันละ 7,000 บาท ซึ่งรัฐอาจจะรับซื้อโดยตรงจากชาวนา หรือจากโรงสีก็ได้

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วย เหลือเกษตรกร (คชก.) และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อเริ่มดำเนินการเชื่อว่าจะช่วยชาวนาขายข้าวได้ราคาดีขึ้น

ส่วน เรื่องที่โรงสีที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องนั้น นายมิ่งขวัญกล่าวว่า รัฐจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยปล่อยกู้ให้โรงสีที่รับซื้อข้าวเปลือกข้าวเหนียวในราคาที่รัฐประกาศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมยกเลิกมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวเปลือกและข้าวสารข้ามจังหวัดในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด มีผลวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งจะทำให้ชาวนาและโรงสีสามารถซื้อขายข้ามจังหวัดได้โดยเสรี
ที่มา:http://thaiinsider.info/portal/content/view/8234/20/





ต้องขอชม ครม.และทั่น นายกฯ
 ที่ทำให้ราคาข้าวสารกลับขึ้นไปอีกครั้งครับ...




ที่มา http://www.thairicemillers.com/images/stories/riceprice14052551.doc
และ http://www.afet.or.th/v081/thai/




บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #13 เมื่อ: 14-05-2008, 18:12 »

โธ่.... เภก ....... 



พรรณว่าเภกบาดเจ็บเกินจะซ่อมได้แล้วนะ 


สรุป ใคร โง่เป็นควาย เภกรู้หรือยัง... 

บันทึกการเข้า
paper punch
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 672



« ตอบ #14 เมื่อ: 15-05-2008, 17:16 »

เภกอยู่ไหน ตอบคุณพรรณชมพูหน่อย..

อย่าแกล้งมองไม่เห็นจ้าาา..
บันทึกการเข้า

LOVE CHANGES EVERYTHING...
พิเภกอินเตอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,028



« ตอบ #15 เมื่อ: 15-05-2008, 17:33 »



กัว กัว...
บันทึกการเข้า

"พิเภกอินเตอร์"มาให้อาหาร "กบในกะลา" ด้วยกุศล เจตนา ขออย่ามีเวร และ กรรมต่อกันเลย สาธุ...อิอิอิ
หน้า: [1]
    กระโดดไป: